มาถึงตอนสุดท้ายแล้วสินะ กับรีวิวข้ามปีของเรา T^T
ตอน ที่ 1 นอนในสนามบินเซินเจิ้น+เปิดบัญชี+มือถือ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8868837/E8868837.html
ตอน ที่ 2 รถไฟ+เซี่ยงไฮ้ “อ้าวว ไปไม่ได้แล้วเหรอ!!"
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8871658/E8871658.html
ตอน ที่ 3 very Shanghai
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8876104/E8876104.html
ตอน ที่ 4 suzhou เมืองสวนงาม
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8892168/E8892168.html
ตอน ที่ 5 หนึ่งในใต้หล้า หวงซาน
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8903430/E8903430.html
ตอน ที่ 6 Hangzhou กับเรื่องราวของตั๋วรถไฟ (ในช่วงตรุษจีน)
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8910394/E8910394.html
ตอน ที่ 7 นานกิง นานจริง กับเรื่องราวของตั๋วรถไฟ (ในช่วงตรุษจีน)
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8934668/E8934668.html
ตอน ที่ 8 Nanking(นานกิง) Nanjing(นานจริง) กับเรื่องราวของตั๋วเครื่องบิน(ในช่วงตรุษจีน)
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8942804/E8942804.html
ตอน ที่ 9 "คืนนั้นบนรถไฟไร้ที่นั่ง"
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8990841/E8990841.html
ตอน ที่ 10 อาทิตย์ขึ้นที่ "ลั่วหยาง (ลกเอี๋ยง)"
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9044903/E9044903.html
ตอน ที่ 11 xian รอนานจนถึงพ.ศ.ไหนแล้วเนี่ยยยย
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11140218/E11140218.html
ตอน ที่ 12 ยามเมื่อข้ามคลองมา "ฮ่องกง"
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11143035/E11143035.html
เรามาถึงมาเก๊าในช่วงที่ท้องฟ้าไร้แสงอาทิตย์ และเป็นคืนเดือนมืดที่ไร้ดวงจันทร์ แต่ทำไมมันสว่างไสวจังวะ!!!
ทันทีที่ลงจากเรือ เราก็เห็นแสงไฟมากมายจากทุกทิศ มองตามไป เห็นตึกรามรูปทรงประหลาด รูปดอกบัวบ้าง รูปหัวลูกศร รูปกะยึกกะยือบ้าง ส่องแสงนีออนออกมาประชันกันอย่างดุเดือด สมเป็นมาเก๊า เจ้าของคอนเซปต์ east meet west (เกียวอะไรเนี่ย) และ ลาสเวกัสแห่งตะวันออก (อันนี้ตั้งเอง) แต่ค่ำคืนนั้นเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
เราออกจากท่าเรือ และขึ้นรถเมล์ มุ่งตรงไปยังลานลีลเซนาโด้ ลานกลางเมือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญในแผนที่ทางไปโรงแรมที่เราจ้องจะไปพัก
เช่นเดียวกันกับคนไทยอื่นๆ เราพยายามหาโฮสเทล และโรงแรมที่พักทางอินเตอร์เนทสำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อย แต่ดูเหมือนว่า โรงแรมที่มีแผนที่ภาษาอังกฤษ ทั่วทั้งเกาะมาเก๊า จะมีอยู่ที่เดียวเท่านั้น คือโรงแรมmanva (แม้นว่า??) เชื่อแน่ว่า คนไทยร้อยละ 90 คงพักที่นี่เช่นกันกับเรา
แรกถึงลานเซนาโด้ เราหมุนตัวไปมา มองหาซอยที่ปรากฏในแผนที่แต่ก็หาไม่พบ ขณะนั้นฝนที่ตกปรอยๆ ก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เราเดินวนไปมา หาหนทางอยู่นานสองนาน ก็หาไม่พบแม้แต่ร่องรอย จะโทรไป เราก็เหลือเงินในโทรศัพท์อีกเพียงเล็กน้อย สำหรับโทรกลับบ้าน บอกที่บ้านว่ามาถึงมาเก๊าแล้วเท่านั้น (โทรศัพท์ที่ซื้อที่เสินเจิ้นยังคงใช้ได้อยู่ แต่จะแพงมากขึ้นอีกหน่อย และไม่มีร้านสำหรับเติมตังค์แล้ว) พวกเราสองคนยืนมองหน้ากัน ขณะนั้นใกล้เวลา 4 ทุ่มเต็มที เราสองคนรู้สึกอ่อนล้า หมดแรง และหมดกำลังใจอย่างไรบอกไม่ถูก เราตกลงกันให้คนหนึ่งเฝ้ากระเป๋า อีกคนหนึ่งไปเดินหาโฮสเทล สลับกันไปเช่นนี้สองสามรอบ ปากก็ถามคนแถวนั้น คนที่เดินผ่านไปมา ถึงโฮสเทลที่เราตามหา ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้น การเดินทางใกล้จบแล้ว เราทั้งคู่ผ่านวันเวลายากๆ กันมาโดยไม่สะทกสะท้าน (อันที่จริงสะท้าน แต่ทำหรูว่าเฉยๆ ไปงั้น) แต่ทำไมถึงมาหมดแรงเอากลางเมืองเศรษฐกิจ เมืองที่ดูแล้ว ต่อให้เดินหาโรงแรมกันถึงเที่ยงคืนก็ไม่น่าเปลี่ยวหรืออันตราย ต่อให้หาไม่เจอ ก็คงยอมเสียเงินนอนแพงๆ เอาก็ได้(วะ) ทำไมมาหมดแรงแบบนี้
ในที่สุด เราก็ย้ายร่างอันสะบักสะบอมทั้งสอง ข้ามถนนไปยังโรงแรมที่เห็นอยู่ฝั่งตรงข้าม คาดว่าคงแพง แต่ก็ดีกว่าไม่มีที่ซุกหัวนอน เมื่อไปถึง ปรากฏแขกอินเดียสองคน กำลังยืนล้งเล้งกับเจ้าหน้าที่ ฝ่ายแขกขอคืนห้อง ฝ่ายสตาฟก็ซักไซร้ เราฟังไม่ได้ถนัดนักว่าเรื่องอะไร แต่สองฝ่ายคุยกันไปมา โดยไม่สนใจเราเลย เรายืนอยู่นานพอสมควร จึงตัดสินใจเดินออก ใจก็คิดว่า ที่นี่ดูไม่น่านอนนัก แต่หากจำเป็น ก็คงกลับมานอนได้ (ก็แขกมันคืนห้องไปแล้วนี่ฝ่า ยังไงก็มีห้องชัวร์)
เราข้ามถนนกลับมา แต่เดินเฉออกไปนิดหน่อย ทำให้ถึงฝั่งในจุดที่เยื้องกับจุดที่ข้ามมาพอควร พอหันหน้าไปมองข้างๆ ก็มีซอยเล็กๆ มีป้ายชื่อซอยเขียน ซึ่งนั่นคือซอยโรงแรมที่เรากำลังตามหาอยู่!!!!
อันที่จริง เราเดินผ่านซอยนี้แล้ว แต่อะไรบังตา ไม่ให้เราสงสัย หรือเห็นชื่อซอยก็ไม่รู้
ขอบอกว่า มันเป็นซอยเล็กๆ ที่ใกล้กับลานเซนาโด้ในระยะที่เดินถึง ขอเพียงสังเกตป้ายชื่อให้ดีก็พอ
ในที่สุดเราก็ได้เข้าพักในโรงแรมดังกล่าว แต่ก่อนพักมีเรื่องนิดหน่อย คือตามที่เขาเขียนๆ กันมา เพื่อนๆ ชาวไทยที่เคยไปเที่ยว แนะนำกันมาว่า ให้ขอลุงที่เคาท์เตอร์ลดราคาลงหน่อย เราก็ทำตามนั้น ปรากฏคุณลุงโกรธกริ้วมาก ในที่สุดเราจึงต้องรับราคาเต็มๆ ตามที่ลุงแกเสนอมา ซึ่งดูแพงเมื่อเทียบกับที่เคยได้ยินมาจากอินเตอร์เนท (แต่หลังจากวันนั้น ลุงก็พูดกับเราดีมาตลอดนะ) ใจก็พยายามคิดว่า คืนนี้มีที่ซุกหัวนอนก็พอแล้ว อย่างไรก็ตาม ตอนถามราคา เราถามเป็นภาษาจีน และบังเอิญไปเจอครอบครัวจีนในลิฟท์ ครอบครัวหนึ่ง ลองเทียบราคากันดู ปรากฏว่าเท่าๆ กัน ตอนนี้จึงอดคิดไม่ได้ว่า เออ มันอาจจะราคานี้แล้วจริงๆ
เรื่องที่พักนี้ เพื่อนเรา กลุ่มเดียวกับที่ไปกินติ่มซำด้วยกันนั้น ฝากบอกมาว่า ข้างโรงแรมแม้นว่านั้น จะมีโรงแรมสีแดงๆ ดูจีนๆ เล็กๆ แห่งหนึ่งอยู่ พวกเพื่อนบอกว่า ตอนที่มาถึง โรงแรมที่เราไปพักกันนั้น วันถัดไปมันเต็ม จึงต้องไปพักโรงแรมสีแดงแทน ปรากฏว่า ที่พักดี(แต่แต่งแบบแก่ๆ ไปนิด) สะอาดสะอ้าน เจ้าของพูดอังกฤษไม่ได้ แต่คุยภาษามือกันรู้เรื่อง ราคาถูกกว่า น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งค่ะ
หลังได้ที่พักแล้วเรา จิตใจก็กลับมาเต็มที่ หลังเปลี่ยนผ้าผ่อน ก็ออกเดินทางไปหาอะไรอร่อยๆ กินซะหน่อยก่อนนอน (ไม่สนว่ากี่โมงกี่ยามแล้ว)
เราเดินกลับไปทางเดิม ไปลีลเซนาโด้ (มันใกล้กันมาก) ที่นี่จะมีร้านหนึ่ง ขายขนมนม เป็นนมถ้วยๆ มีแบบร้อน กับแบบเย็น ซึ่งจะแข็งกลายเป็นขนมคล้ายเต้าหู้นมสด เราเลือกสั่งกันมาคนละถ้วย เพื่อนกินแบบร้อน เรากินแบบเย็น ลองดูภาพค่ะ
ถ้าถามว่าอร่อยไหม เราตอบยาก คือคนทั้งร้าน รวมถึงคนไทย(ซึ่งนั่งกันเกือบครึ่งร้าน) อุทานว่า "อุ๊ย อร่อยจัง" "หืม สุดยอดเลย" "อยากกินอีกอ่ะ" กันทุกคน ยกเว้น...เรา
สรุปว่า คนส่วนใหญ่น่าจะรู้สึกอร่อยนะคะ
คืนนั้นก็หลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน
----
นมที่ใครๆ ก็บอกอร่อย
เช้าวันถัดมา พวกเราคุยกันว่าจะไปไหนกันดีนะ
จะว่าไป มาเก๊า หรือเมืองอ้อเหมินนี้ ประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือตัวมาเก๊า และเกาะบริวารอีกสองเกาะ คือไทพา และโคโลญ
สถานที่เด่นๆ อย่างพวก ruin of st.Paul หรือ leal senado และบ่อนคาสิโนใหญ่ๆ อยู่ที่ตัวมาเก๊า ในขณะที่ไทพาและโคโลญ จะมีหมู่บ้านสวยงามน่ารักของชาวเกาะอยู่ เป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเงียบสงบ
ในเวลานั้น พวกเราซึ่งขี้เกียจตัวเป็นขนแล้ว อยากจะสัมผัสกับความสงบสักหน่อย เลยเลือกไปเกาะไทพากันก่อน (อันที่จริง มาคิดดูแล้วขวางโลกมาก ทำไมไม่ไปเที่ยวในมาเก๊าก่อนฟระ) เรานั่งรถเมล์สายอะไรไม่รู้ ไปยังเกาะไทพา ตรงจุดนี้ขอเตือนเล็กน้อย คือมาเก๊านั้นเป็นเมืองเล็ก สัดส่วนของแผนที่ จึงย่อในอัตราส่วนที่น้อยกว่าเมืองอื่นๆ ในแผนที่ดูไกล ของจริงไม่ไกลมาก รูปแบบนี้จะคล้ายๆ กับของสิงคโปร์ เกาะไทพานี้ จากแผนที่นึกว่าไกล แต่ความจริงนั่งรถไม่กี่ป้ายก็ถึง รวดเร็วมาก ต้องอาศัยดูว่า ข้ามสะพานใหญ่ที่เชื่อมมาเก๊ากับไทพาแล้วก็ให้ลงได้เลย
---
บรรยากาศในไทพา รู้สึกว่าเพิ่งจะเดินผ่านโรงเรียนไป
หมู่บ้านดูเงียบสงบเอามากๆๆๆๆๆ เรามารู้ทีหลังว่า เวลาที่เราไปนั้นเช้าไป เขายังไม่ตื่นกันโว้ยยย เราเดินผ่านบ้านเรือนในหมู่บ้านไทพาไป บ้านเรือนดูสวยน่ารักดี ถนนหนทางก็ดูสะอาดสะอ้าน
เราหันหน้าปรึกษากันว่า ไปไหนต่อดีหว่า ที่หมู่บ้านไทพานี้ จะมี Taipa house museum อยู่ จัดแสดงการอยู่การนอนของคนชนชั้นกลาง ฟังดูน่าสนใจ จึงเดินหากัน(จริงๆ คือเดินมั่วแล้วบังเอิญเจอ)
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีโชคร้ายตามหลอกหลอนเราอยู่ วันที่เราไปนั้น เป็นวันหยุดของพิพิธภัณฑ์ (ฮือๆๆๆ)
ดูบรรยากาศรอบๆ แทน
ส่วนตัวเราชอบหมู่บ้านไทพามากค่ะ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ แม้ที่ท่องเที่ยวเด่นๆ ดังๆ อะไรจะไม่มี แต่มีความสงบน่ารักให้สัมผัส ทางเดินในหมู่บ้านนั้น ลัดเลาะไปมาตามที่ต่างๆ ผ่านบ้านเรือน ผ่านสถานที่สำคัญของชุมชน ทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเรา รู้สึกเหมือนเดินเล่นอยู่ในเกมตามล่าหาขุมทรัพย์อะไรสักอย่าง ที่สำคัญเป็นหมู่บ้านที่ดูยังมีชีวิต และน่าอยู่มากด้วย
เราเดินไปมาไม่นาน ก็ทะลุออกมาอีกด้าน ดูเหมือนว่าทริปเที่ยวไทพาของเราจะจบลงแล้ว ณ จุดนี้ เรามีทางเลือกอยู่สองทาง คือไปเวเนเชี่ยน (ขณะนั้นเพิ่งเปิดไม่นาน) หรือกลับมาเก๊า ไปเที่ยวเก็บสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ ซึ่งเราเลือกข้อหลัง
เรานั่งรถเมล์กลับไป (ถามคนแถวนั้นว่าขึ้นสายอะไรดี)
----
ถ้าจำไม่ผิด นี่คือ church of lady camel แห่งหมู่บ้านไทพา (ย้ำ ถ้าจำไม่ผิด)
กลับมาที่ลีลเซนาโด้ เรามาถึงในเวลา 10 นาที
ลีลเซนาโด้นี้เป็นลานกลางเมือง มีสถานที่สำคัญๆ อยู่รายล้อม
เราเดินตัดตัวลานไปจนเจอโบสถ์แห่งหนึ่ง โบสถ์แห่งนี้ไม่ใหญ่ไม่เล็ก มีชื่อว่า church of st.Dominic ด้านหน้ามีสีเหลือง ทาประตูหน้าต่างสีเขียว ชวนให้นึกถึงบ้านเรือนของไทยเราในสมัยหลังล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ที่จะมีลักษณะคล้ายแบบตะวันตก มักทาสีเขียวเหลือง
โบสถ์แห่งนี้น่าสนใจตรงที่ มีพิพิธภัณฑ์เก็บของสำคัญๆ ทางศาสนาคริสต์ของมาเก๊าอยู่ ตัวพิพิธภัณฑ์มีทางขึ้นอยู่ด้านข้างโถงของโบสถ์ พูดง่ายๆ ว่า พอเข้ามาในโบสถ์ จะมีประตูออกด้านข้าง ก็ไปทางนั้นค่ะ หาได้ง่ายมาก โบสถ์นี้แม้ไม่ใหญ่ แต่มีหลายชั้น และจัดได้ดูน่าสนใจดีค่ะ อยากให้ลองไปชมกัน
ในขณะนั้นฝนตกลงมา จากปรอยปรายกลายเป็นหนักอีกแล้ว เราโบสถ์แห่งนี้เป็นที่พักหลบฝน หลบลมหนาว
----
บรรยากาศจากด้านใน ถ่ายได้ไม่สวยนัก เพราะเวลานั้น ไม่มีแสง และเราไม่กล้าทำเสียงดังกันมาก
ถัดมา ตอนนั้นเราเริ่มหมดมุขแล้วว่าจะไปไหน ที่สำคัญท้องร้องจ๊อกๆ ที่ลานลีลเซนาโด้มีศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวอยู่ เราจึงลองไปขอคำปรึกษาดู
และนี่คือผลลัพธ์ อาหารแนว macanese เป็นอาหารโปรตุเกสประยุกต์ ทางเจ้าหน้าที่แนะนำร้านมาหลายร้าน ล้วนอยู่รอบลีลเซนาโด้ เราลองเดินออกหา และเลือกร้านที่ท่าทางราคาถูกสุด (ตอนนั้นเงินปริ่มจะหมดแล้วจริงๆๆๆ)
----
ร้านนี้ทางศูนย์แนะนำมา ดูเหมือนเป็นร้านดังของคนที่นั่น ไม่เน้นต่างชาตินัก ถามใครก็รู้จัก
ขอบอกว่าประทับใจมาก คือเราก็ไม่รู้ว่า อาหารโปรตุเกสของจริงเป็นอย่างไร รู้แต่ว่า สิ่งที่อยู่ต่อหน้า(และในท้อง)ของเรานั้นมันอร่อยเหาะไปเลยค่าท่านผู้ชม ขนมปังก็หอม นุ่ม เนื้อที่อบมาก็หอม นุ่ม ผักที่เคียงมาก็หอม นุ่ม อาาาาาาา อร่อยยยยยยยย ทำไมนะทำไม ทำไมต้องเหลือเงินอยู่แค่นี้ด้วย นึกแล้วก็อดแค้นใจไม่ได้ ที่เราเงินหมดนั้น เป็นเพราะน้องชาย จากความเดิมในตอนที่แล้ว มันฝากซื้อลำโพง altec lanzing ตอนแรกเราหาไม่เจอก็นึกว่าจะรอดแล้ว ที่ไหนได้มันโทรตามมาหา บอกไม่ได้ลำโพง altec ไม่เป็นไร ฝากซื้อ onitsuka tiger ให้หน่อย เราหาไม่เจออีก มันก็บอกไม่เป็นไร งั้นขอเป็นรองเท้า camper ละกัน ที่สุดก็ต้องซื้อกลับมา และเราก็จนลงทันตาเห็น ฮึ่มๆๆๆ (อันที่จริงคือ พยายามจะโบ้ยความผิด ก่อนหน้านี้พี่สาวมันก็สุรุ่ยสุร่ายมากพอตัวในฮ่องกงเหมือนกัน)
หลังกินอิ่ม เราออกเดินทางไปยังไฮไลท์ของเกาะ ruin of st.Paul
----
อันนี้จานของเรา
พอเข้ามาในร้าน ทุกคนจะได้รับแจกขนมปังคนละ 1 ก้อนทุกคน ขนมปังอร่อยมวากกกก จะขอเพิ่ม ก็ไม่เห็นมีใครขอ เรากับเพื่อนจึงเหนียมๆ อายๆ กินกันไปคนละ 1 ชิ้น
ดังในรูปเลยค่ะ
ruin of church of st.Paul นั้น เป็นซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างทางคริสต์ศาสนา ที่ว่ากันว่างามที่สุดในเอเชีย แต่ที่ตื่นตาตื่นใจเราที่สุด ไม่ใช่ความงามของฝาผนังโบสถ์ แต่เป็นว่า มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงสามารถเหลือไว้แต่ผนังโบสถ์ด้านหน้าเนี่ย!!!! จะว่ามีคนมาทุบทำลายก็คงไม่ใช่ จะว่าเกิดเพลิงไหม้ ก็ทำไมไม่ไหม้จนหมดล่ะ จะว่าถล่มลงมาเอง ก็ดูเป็นไปได้ยาก อันที่จริงตามประวัติคือเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ค่ะ แต่เราก็ยังสงสัยไม่หาย ว่าไหม้กันยังไง ทำไมเหลือผนังไว้เป็นบางส่วนได้เนี่ย!! ซึ่งนี่ล่ะคือสิ่งที่ทำให้ ruin of church of st.Paul ยิ่งสง่างามและศักดิ์สิทธิ์
มาดูด้านหลังกันบ้าง
จะเห็นว่า เขามีการค้ำยันโบราณสถานอันทรงคุณค่าแห่งนี้ไว้อย่างดี แถมยังทำบันไดให้เราได้ขึ้นไปเที่ยวเล่น ยลโฉมเมืองอีกมุมหนึ่งด้วย
---
ไม่ค่อยเห็นถ่ายด้านหลังกัน จึงนำมาฝาก
ด้านหลังของ ruin of church of st.Paul นั้นมีพิพิธภัณฑ์อยู่ด้วย ที่นี่ตกแต่งหรูหรากว่าที่โบสถ์แห่งst.Dominic แต่มีขนาดเล็กกว่า เขาไม่ให้ถ่ายรูปจึงไม่ได้ถ่ายมา
เราเดินไปเดินมา ก็ทะลุมาออกอีกที่หนึ่ง มองดูในแผนที่ จึงรู้ว่าเป็นทางไป monte fort (คิดว่า น่าจะอ่านว่า มงฟอร์ต) ไม่รอช้า เราเริ่มออกเดินทางกันอีกครั้ง
---
ทางขึ้นไปมงฟอร์ต ห้องแถวพักอาศัยของคนแถวนั้น
มงฟอร์ต เดิมเป็นป้อมปราการซึ่งเป็นสมบัติของโบสถ์แห่งst.Paul ช่วยปกป้องทางโบสถ์จากโจรสลัด ซึ่งเป็นผู้รุกรานหลักของเกาะแถบนี้ในอดีต (ฮ่องกง และไต้หวัน ก็มีเรื่องราวผูกพันกับโจรสลัดเช่นกัน)
เราขึ้นมาถึงยอด ก็พบกำแพงเตี้ย มีปืนใหญ่แซมเป็นระยะๆ เดินไปรอบๆ จะสามารถเห็นมาเก๊าได้ทั่วๆ ไปหมด เราสองคนได้เห็นสถานที่สำคัญๆ จากระยะไกล เช่น โบสถ์st.Paulเมื่อครู่ เห็นคาสิโนลิสบัว ไปจนถึง เห็นโรงเรียน และเห็นบ้านปุถุชนธรรมดา ซึ่งมีทั้งธรรมดาๆ ไปจนถึงย่านที่ดูแออัด มาเก๊าเป็นเมืองที่ดูสวยงามมาก ทว่าในอีกแง่ ก็เช่นเดียวกับเมืองใหญ่ทั่วไป คือมีความเหลื่อมล้ำเห็นได้อยู่ประปราย
บนนี้อากาศดี และให้บรรยากาศที่ชวนผ่อนคลาย เราเหม่อมองไปยังขอบฟ้าไกลลิบ คิดดูแล้วพวกเราก็เดินทางกันมาไกล ได้เห็นได้ดูได้สัมผัส ประสบการณ์หลายอย่างเคยใฝ่ฝันจะได้พบเมื่อยามเป็นเด็ก และตอนนี้ทุกอย่างใกล้จะจบลงแล้ว รู้สึกโหวงในใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่ความรู้สึกติดใจในรสแห่งการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่ความรู้สึกเกียจคร้านจะกลับไปทำงานยังโลกแห่งความจริงเพียงเท่านั้น
บ่ายวันนั้น เรากลับไปที่ที่พัก และนอนกลิ้งกันตลอดจนเผลอหลับไป
(แทนที่จะเอาเวลาไปเที่ยวอ่ะนะ)
-----
บนเขาลูกเดียวกับมงฟอร์ต มี macau museum อยู่ แต่รู้สึกวันนั้นจะปิดเหมือนกัน (กุละเซ็ง)
ตามไปเที่ยวด้วยคนนะคร้าบบ
ตื่นมาช่วงเย็นย่ำ เราออกท่องราตรีกันอีกครั้ง คราวนี้ไปบ่อนค่ะ
เราเลือกเข้าคาสิโนแห่งหนึ่งที่สวยถูกตา ราคาโดนใจ ช่วงที่เข้าไปเขาขอตรวจบัตรด้วย (ดีใจมวากกกก ช้านหน้าอ่อนสินะ)
คาสิโนแห่งนี้แบ่งออกเป็นหลายๆ ชั้น บางชั้นเป็นรูเล็ต บางชั้นเป็นไพ่ บางชั้นมีแต่เครื่องเล่นแบบคันโยก(ไม่รู้เรียกว่าอะไร)
มีอยู่ชั้นหนึ่ง เขากั้นบริเวณหนึ่งเป็นที่สำหรับโปรโปกเกอร์โดยเฉพาะ เคยได้ยินมาว่า การเล่นแบบนี้ เขาจะพนันกันทีเป็นสิบๆ ล้าน โอ้วแม่เจ้า หน้าบริเวณแห่งนี้ก็จะมีรูปโปรที่เก่งๆ แปะอยู่ด้วยค่ะ หนึ่งในนั้นมีเด็กอายุ 18 ด้วย โหยยย คงร่ำรวยมาก (แต่ถ้าเป็นบ้านเรา คงตกใจกันมาก อย่างไรนี่ก็เป็นการพนัน)
หลังเดินวนหนึ่งรอบ เราก็เดินออกจากคาสิโนอย่างจนกรอบ (เหมือนตอนเดินเข้า) ปรากฏว่า คาสิโนแห่งนี้ มีการจัดแสดงของสะสมของเจ้าของอยู่ที่ชั้นfloor เราเดินดูกันเล็กน้อยก่อนออก ดูมีข้าวของราคาแพงมากมาย
เราเดินกลับที่พักด้วยใจอันอิ่มเอม วันนี้เป็นวันที่ยาวนานมากจริงๆ (ก็ขนาดไปเที่ยวตั้งหลายที่ ยังมีเวลานอนกลางวันตอนบ่ายอีก)
---
ตัวอย่างของสะสม งามมากๆ
ตามไปบ้าๆ บวมๆ ด้วยคนครับ
จากคุณ : อั่งเปาใจก่อนนอนขอพาทุกท่านไปกินอะไรกันซะหน่อย
แถ่น แทน แท้น
อาหารที่อร่อยที่สุดในฮ่องกง บะหมี่มันปูปูปู (จริงๆ คือบะหมี่ ที่มีน้ำสีส้มๆ ราด คิดว่าเป็นมันปูมันกุ้งอะไรสักอย่าง)
มาเริ่มกันที่เส้นก่อน เส้นบะหมี่ไข่เส้นเล็กเรียวยาว กินเข้าไปแล้วจะจั๊กจี๋ลิ้นนิดๆ เวลากลืนนี่ลื่นปรื้ดๆ เนื้อนุ่ม แต่ไม่แหลกง่าย เป็นสุดยอดบะหมี่แห่งทริปนี้ เรายกให้เลย สำหรับน้ำซอส ที่ไม่รู้ว่าจริงๆ คืออะไรนั้น ก็อร่อยได้รส ขอบอกว่า ถ้าเราจะกลับไปมาเก๊าอีกครั้ง สาเหตุหลักน่าจะมาจากอาหารมื้อนี้ด้วยค่ะ
อันที่จริงเคยกินเมนูนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ขอยกมาแนะนำตอนนี้
ตัวร้านนั้น อยู่เยื้องกับโรงแรมแม้นว่าเลยค่ะ ยังไงๆ ถ้าไปพักที่นั่นต้องได้เจอแน่นอน
จากคุณ : aey_omuอันที่จริงแล้ว การเดินทางของพวกเราในมาเก๊านั้น เรียกได้ว่าไร้แผนการอย่างแท้จริง อยากไปไหนก็ไป อยากหยุดก็หยุด เราต้องขอโทษเพื่อนๆ ที่ตามอ่านไว้ ณ ที่นี้ ที่ไม่มีข้อมูลอะไรดีๆ ให้เลย อย่างไรก็ตาม กลับเป็นวันที่เรามีความสุขกันมาก เป็นการเดินทางตามใจอยากโดยแท้จริง ไม่มีความเครียด ที่ต้องไปให้ถึงสถานที่ตามเวลา หรือให้ครบ ไม่มีราคาค่างวดให้คิดมาก แม้จะจนกรอบ ก็ไม่มีปัญหา ได้ชิมอาหารที่อยากชิม ได้นั่งคุยนั่งเม้าธ์ในร้านอาหารท้องถิ่นอย่างที่ชาวเกาะเขาทำกัน เป็นวันที่เราคิดว่าดีมากที่สุดวันหนึ่งของทริป
เราหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อนในคืนนั้น
เช้าวันถัดมา เราจัดเก็บข้าวของ และออกเดินทางอีกครั้ง ครั้งนี้เรามุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เราคุ้นเคยที่สุด
ทริปการเดินทาง 27 วัน บ้าๆ บวมๆ บนแผ่นดินมังกร ก็เดินทางมาถึงวันสุดท้ายจนได้
----
บรรยากาศของมาเก๊าในยามค่ำคืน
ขอขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่าน (เอ๊ะ มีคนตามอ่านรึเปล่านะ) เราตั้งใจเขียนรีวิวนี้ เพราะคิดมาตลอดตั้งแต่ตอนหาข้อมูลว่า ยังไม่ค่อยมีนักเดินทางชาวไทย ลักษณะคล้ายพวกเรา คือ อายุยังไม่มาก(หุๆ-สไตล์การท่องเที่ยวจะต่างออกไป) เป็นผู้หญิง(ซึ่งแน่นอนว่าต้องคำนึงถึงหลายๆ เรื่องมากกว่า ผช) เดินทางท่องเที่ยวในจีนนัก เรื่องแผนการเดินทาง ก็ยังไม่ค่อยมีคนเที่ยวตามเส้นทางที่เราไปนี้ รวมถึงเที่ยวตอนตรุษจีนซึ่งเข็ดจนวันตายด้วย จึงคิดว่า หากไปเที่ยวสำเร็จกลับมา จะต้องนำมาแบ่งปันให้ได้
ก็หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างค่ะ
ที่สำคัญ ในระหว่างที่รีวิวนั้น เรารู้สึกราวกับได้กลับไปเดินทางผ่านช่วงเวลาอันสวยงามต่างๆ อีกครั้ง การได้เห็นคนเข้ามาอ่าน ก็รู้สึกเหมือนมีเพื่อนร่วมทางใหม่ๆ ไปเที่ยวด้วยกัน เป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ
สุดท้ายนี้ อยากบอกโลกว่า (ขณะที่เขียนถึงตอนนี้) เป็นเวลาถึง ปีครึ่งแล้ว หลังจากที่ไปเที่ยวมา อยากจะขำให้น้ำหูน้ำตามันเล็ดออกมา ที่ในที่สุดกรูก็เขียนจบแล้วโว้ววววววว วู้วววววววววว
----
ลากันไปด้วยรูปต้นส้มฉลองวันตรุษ ขอให้ทุกท่านมีความสุขสมหวังทุกประการในปีใหม่นี้นะคะ เอ๊ะเดี๋ยว! นี่มันจะสิ้นปีแล้วหว่า!!!!
เจอทริปหน้า สวัสดีค่าาาาาาาา
สนุกมว๊ววววววาาาาาากกกกกค่ะ
จากคุณ : เหม่ง-เป่ง-มัน ตอนที่ส่งหลังบ้านไป ก็เกรงใจคุณ aey_omu เหมือนกัน ใจก็คิดว่า คงจะติดภาระกิจการงาน ไม่มีเวลาจะโพสต์ต่อจริงๆ แต่ด้วยว่า ฝีมือการทำกระทู้แบบนี้....สิบล้อเสียดาย อยากให้จบแบบสมบูรณ์ จึงอาจหาญส่งข้อความไปตาม ตอนได้รับข้อความกลับ ....... สิบล้อดีใจจจจ..กรี๊ดๆ ดังไป 3 บ้าน 8 ซอย
ขอบคุณ คุณ aey ที่กลับมารีวิวจนจบ อ่านแล้วมีความสุขจริงๆ และสิบล้อก็มั่นใจ ว่าไม่ใช่มีแต่สิบล้อคนเดียวเท่านั้น ที่รู้สึกอย่างนี้
จะรอคอยชมกระทู้ต่อๆไป นะคะ
ขอบคุณครับ........
จากคุณ : low batt. [3 ต.ค. 54 00:17:29 ]A:223.206.166.211 X: TicketID:329936รีวิวสนุกเหมือนเดิมเลยครับ เดินเที่ยวทรหดหลายที่มากครับ
จากคุณ : Destiny-Boyอยากให้มีต่อถึง 20 ตอนจัง แต่การเดินทางมันก็ต้องมีวันสิ้นสุดสินะ ขอบคุณสำหรับการรีวิวสนุก ๆ แบบนี้มาก ๆ ครับ ตื่นตี 2 มาอ่านตอนจบ -*-
จากคุณ : lnwraijinยอดเยี่ยม
จากคุณ : englefieldเห็นรีวิวสวยๆอ่านรายละเอียดแล้วคิดถึงมาเก๊าจังค่ะ
ขอบคุณสำหรับรรีวิวและคำอวยพร ขอให้คุณ aey และครอบครัวมีความสุขมากๆเช่นกันะคะ
มาปรบมือให้กับ รีวิว ชุดนี้ครับ
จากคุณ : pompisut1สุดยอด
จากคุณ : englefield