สวัสดีครับ
สงสัยจะต้องมีใครซักคนบ่นเบื่อกระทู้โครงการ Thailand Boutique Awards 2011 แน่ๆ แต่โปรดเข้าใจว่า สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ส่งการบ้านครับ
จะมีรีวิวทะลักมาอีกไม่น้อย อย่างของตัวผมเองยังค้างอีก 4 แห่งเลยทีเดียว
เนื่องจากมีงานงอกเพิ่มขึ้นมาให้ไปตะลุยเมืองปาย-ปางมะผ้าด้วย กับรีสอร์ทบูติกอีก 3 แห่งเพราะไม่มีใครไปเลยจริงๆ
ผมก็เลยรับหน้าเสื่อจัดการโรงแรมสามแห่ง
สามสไตล์ในเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Viva City ซึ่งเป็นบูติกแบบ Basic
กระทู้นี้ แทมมาริน วิลเลจ บูติกหรูติดถนนคนเดินกลางเมืองเชียงใหม่
และเดี๋ยวคืนนี้จะโพสต์ อรุณธารา ต่อเลย (แต่ติดกันพรวดไม่ได้ คนทำจะเดี้ยงเอาครับ)
แล้วเดี๋ยวเย็นนี้จะไปต่อยอดที่ปาย-ปางมะผ้า กับอีก 3 แห่งที่เหลือ 3 คืนรวด ที่ ริมปายคอตเทจ, The Rock ปางมะผ้า และ ปายฮ๊อตสปริงสปา ครับ
-----------------------------------------------------------------------------
หลายๆ ท่านอาจจะเคยได้ยินชื่อ แทมมาริน วิลเลจ เชียงใหม่ กันมาแล้ว
แถมหลายๆ ท่านก็เคยไปพักมาแล้วด้วย
ก็ไม่แปลกใจครับ เพราะปีนี้ แทมมาริน วิลเลจ เปิดให้บริการเป็นปีที่ 9 แล้ว นับว่าเป็น "บูติกรีสอร์ทแห่งแรกในเชียงใหม่" ที่เปิดให้บริการเมื่อปี 2545 ทำให้ใครหลายๆ คนได้รู้จักคำว่า "บูติกรีสอร์ท" จริงๆ นั้นเป็นอย่างไร
แถมเป็นต้นฉบับ ต้นแบบของรีสอร์ทอีกหลายๆ แห่ง นำไปออกแบบปรับปรุงเพิ่มเติมกลายเป็นโรงแรมบูติกอีกหลายแห่ง ที่ได้ไอเดียจากที่นี่ไป
ตามคุณหมอไปเที่ยวด้วยครับ
จากคุณ : Hero11147สำหรับสถานที่แห่งนี้ ผมมีความยินดีทีจะนำเสนอเป็นอย่างยิ่ง เพราะหลายๆ ท่านอาจจะรู้สึกเบื่อที่พักหลักร้อยเดิมๆ หน้าตาไม่ต่างจากที่อื่นๆ
หรือ นอนที่ไหนก็อารมณ์เดียวกัน อาจจะอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ ตามรอยละคร "รอยไหม" สัมผัสกลิ่นอายความเป็น "เชียงใหม่" ที่แท้จริง ได้ที่ แทมมาริน วิลเลจ บูติกหรูกลางเวียงเจียงใหม่ ติดถนนคนเดินวันอาทิตย์ ถนนราชดำเนินครับ (แต่จริงๆ รอยไหมไม่ได้มาถ่ายที่นี่นะครับ เพราะติดขัดเรื่องความเป็นส่วนตัวของแขก อย่างเช่นกรณีคู่รักต้องการถ่ายภาพ Pre-Wedding ก็ต้องมีการทำเรื่องไปยังสำนักงานที่กรุงเทพก่อนครับ)
สำหรับ แทมมารินวิลเลจ กับ Thailand Boutique Awards ในปีที่ผ่านมา 2010 รีวิวโดยคุณหนุ่มเมืองกรุงครับ
http://www.เคทีซี.co.th/เคทีซีworld/viewtopic.php?topicid=26775&cat=22
(โปรดเปลี่ยนภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ ไม่รู้ว่าพันทิปปลดล๊อกคำต้องห้ามนี้แล้วหรือยัง)
แม้ว่าปีที่แล้วจะส่งประกวดไปสองสาขาคือสถาปัตยกรรม และ ศิลปวัฒนธรรม แต่ปีนี้ ทางแทมมารีนวิลเลจ ได้เน้นเรื่องศิลปวัฒนธรรม จนกลายเป็น "จุดแข็ง" ยากที่อื่นจะลอกเลียนแบบได้ง่ายๆ
คราวนี้เราจะมาดูกันนะครับว่า แทมมาริน วิลเลจ ในปี 2011 นี้มีอะไรเด็ด ที่สมกับคำว่า Truly Chiang Mai กันบ้าง .....
1. แทมมารีนวิลเลจ เป็นที่พักบูติกระดับหรู เพียงแห่งเดียวที่มีโปรแกรมด้านศิลปวัฒนธรรม อาทิเช่น การพาแขกชมวัด ชมเมืองเก่า (Village Walk) และไปถวายภัตตาหารเพล ที่วัดดวงดี ทุกเช้า ทุกวัน
2. แขกของแทมมารีนวิลเลจ นอกจากจะได้พักผ่อนในบรรยากาศร่มรื่นสไตล์เชียงใหม่แล้ว ยังมีโอกาสได้สัมผัส "สปาแบบเชียงใหม่"
แม้ว่าจะไม่ได้เสียเงินซื้อแพคเกจราคาแพงก็ตาม แต่ทุกคนจะได้รับ Welcome Massage นวดหัว-ไหล่-คอ 10 นาทีเพื่อความผ่อนคลายภายหลังจากที่เช็คอินไปแล้ว
นอกจากนี้ทุกเย็นยังมีบริการสปามือ-แขน บริเวณข้างสระน้ำฟรี ด้วยเช่นกัน
3. มาเชียงใหม่ ก็ต้องได้เห็นอะไรที่เป็นเชียงใหม่ ดังนั้น แทมมารีนวิลเลจ จึงได้จัดกิจกรรมที่เน้นความเป็น "เชียงใหม่" โดยตลอดไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเพ้นท์ร่มบ่อสร้าง หรือ กิจกรรมพื้นเมืองอื่นๆ
4. จริงแค่มาพัก ก็ได้บรรยากาศอารมณ์เชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นข้าวของที่ใช้ บรรยากาศที่อยู่รายรอบตัว ที่นี่หล่ะครับ "เชียงใหม่" ประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด
5. แน่นอนว่า แทมมารีนวิลเลจ เป็นบูติกรีสอร์ทแห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ ที่กล้าและสามารถเรียกว่าเป็น "บูติก" รีสอร์ทได้อย่างเต็มตัว ด้วยเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมการตกแต่งต่างๆ อันเป็นต้นแบบของบูติกรีสอร์ทรายอื่นๆ ที่เรียกว่าถึงขั้นกับมาเปิดห้อง เอาช่างนำตลับเมตรมาวัดกันเลยทีเดียว
ไปสัมผัสบรรยากาศ Truly Chiang Mai กับผมนะครับ
ปล. สำหรับรีวิวฉบับเต็มภาพประกอบเพียบ ขออนุญาตแปะลิ๊งค์ของเอชไฟล์ทนะครับ เพราะทำรีวิวกัน 3 วัน 3 คืนภาพประกอบเยอะมากกก แต่สำหรับพันทิป เน้นเนื้อๆ เป็นหลักแล้วกันนะครับ
http://www.hflight.net/forums/topic/7109-
เริ่มจากสถานที่ตั้งกันก่อนนะครับ ....
แทมมาริน วิลเลจ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ บนถนนราชดำเนิน
อยู่ไม่ไกลจากสี่แยกกลางเวียง ไปทางประตูท่าแพเท่าไหร่นัก
โดยจะเห็นป้ายสีส้มๆ เด่นมาแต่ไกล .....
เลี้ยวเข้าไปผ่านซุ้มต้นไผ่ที่เรียงรายอย่างสวยงาม กลางคืนก็เปิดไฟสวยนะครับ
เข้าไปแม้จะมีทีจอดรถเพียงแค่ 3 คัน แต่ก็สามารถจอดเรียงกันข้างต้นไผ่ได้
โดยแขกส่วนใหญ่ มักจะเป็นชาวต่างชาติซึ่งไม่ได้ใช้รถส่วนตัวกันอยู่แล้ว
ผมชอบโรงแรมนี้ในแง่ของบรรยากาศที่ร่มรื่น สงบ และการออกแบบที่เข้ายุคสมัย
ยังคงเสน่ห์ของความเป็นเชียงใหม่ แต่ไม่ดูเก่าจนน่ากลัว ไม่ขัดต่อสภาพโดยรอบ ดูกลมกลืน
อาหารเช้าถือว่าจัดทำได้ดี สะอาด รสชาติอร่อย ชอบข้าวเหนียวปิ้งลูกเล็กๆมากเลยครับ
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆนะครับ
ส่วนทางเข้าอีกฟากหนึ่ง เป็นทางฝั่งห้องอาหารเรือนแทมมารินครับ
สำหรับท่านใดที่ต้องการห้องอาหารดูดีมีระดับ อาหารรสชาติเยี่ยม
(เดี๋ยวจะกล่าวถึงในภายหลัง) ในคืนวันอาทิตย์ที่มีถนนคนเดิน
สามารถเดินเข้าประตูนี้ มาทานอาหารดินเนอร์มื้อค่ำได้เลยครับ
ส่วนอีกประตูหนึ่งอยู่ทางด้านหลังของโรงแรม มีที่จอดรถได้อีกประมาณ 5 คัน ซึ่งประตูด้านหลังปกติจะใช้สำหรับกรณีไปถวายภัตตาหารเพลที่วัดดวงดีครับ หรือพาเดิน Village Walk ครับ
ส่วนตัวผม ได้ยินคำว่าโรงแรมบูติกเป็นครั้งแรก ก็กับแทมมารีนวิลเลจนี่หล่ะครับ แทมมารีนวิลเลจได้เปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2545 และได้มีการเปลี่ยนมือเจ้าของ โดยทาง "กลุ่มพรีเมียร์" (ซึ่งเป็นเจ้าของ รายาวดี รีสอร์ทหรูบนหาดไร่เลย์ กระบี่) ได้เข้ามาเป็นเจ้าของใหม่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2547 และให้บริการมาจนถึงปัจจุบัน
สำหรับเจ้าของเดิม ได้ไปก่อสร้างที่พักแห่งใหม่ คือ "ราชมรรคา" บูติกหรูที่อาศัยไอเดียจาก วัดพระธาตุลำปางหลวง อันวิจิตรตระการตา ร่วมไปกับการตกแต่งห้องสไตล์จีน ซึ่งได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมยอดเยี่ยม Thailand Boutique Awards 2010 ที่ผมไปพักมาเมื่อปีที่แล้วนั่นเอง
http://www.เคทีซี.co.th/เคทีซีworld/viewtopic.php?topicid=27614&cat=22
(โปรดอย่าลืมเปลี่ยนภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษนะครับ)
จึงเรียกได้ว่า แทมมาริน วิลเลจ กับ ราชมรรคา ก็เหมือนมีพ่อแม่เดียวกัน เพียงแต่ แทมมาริน วิลเลจ อาจจะเป็นพี่สาวคนโตที่แต่งงานแยกบ้านออกไปแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วส่วนตัวผมเท่าที่พักมาสองแห่ง ในสองปีนี้ ผมประทับใจกับบรรยากาศโดยรวมของ แทมมาริน วิลเลจ มากกว่าครับ ไม่ว่าจะเรื่องห้องพัก อาหารการกิน หรือบรรยากาศรอบๆ ดูแล้วสบายตา ไม่ "เยอะ" จนเกินไป
ดังนั้น ในปัจจุบัน การทำการตลาดจะทำร่วมกันทั้ง รายาวดี และ แทมมาริน วิลเลจ ถือว่าเป็นรีสอร์ทพี่น้องกัน จะไปทะเลเลือกรายาวดี และถ้าขึ้นทางเหนือ เลือก แทมมาริน วิลเลจ
แน่นอนว่า ทั้ง 2 แห่งต่างเน้นการประสบการณ์การพักผ่อนที่อิ่มเอมไปกับธรรมชาติที่อยู่รายล้อม แน่นอนว่า แทมมารีนวิลเลจอยู่กลางเมืองเชียงใหม่ มีสิ่งแวดล้อมมากมายที่เอื้อ ต่อความเป็น "Truly Chiang Mai" ได้ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
แต่ก่อนจะไปพูดถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมนอกโรงแรม ขอพูดถึงในโรงแรมก่อนนะครับ เริ่มตั้งแต่ทางเดินตลอดแนวยาวที่ได้แนวความคิดมาจากวัดต้นเกว๋น อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
บริเวณ Lobby ส่วนต้อนรับ พนักงานในชุดพื้นเมืองมาให้บริการอย่างกระฉับกระเฉง
เพียงนั่งลง เตรียมบัตรประชาชนให้เรียบร้อย เซ็นเอกสารนิดหน่อย ก็ได้กุญแจห้องมาแล้วครับ
บริเวณ Lobby ก็จะมีร้านค้าขายของที่ระลึกอยู่อีกฟากหนึ่ง
ซึ่งต้องบอกก่อนว่า มีของกิ๊บเก๋ที่น่าสนใจนำมาขายเพียบ เรียกได้ว่าคุณเธอเห็นแล้วกรี๊ดแล้วก็ได้เสียตังค์จริงๆ ด้วย
ของเยอะ และเห็นทางเจ้าหน้าที่บอกว่า มีแขกด้านนอกเข้ามาซื้อสินค้าอย่างเดียวก็เยอะอยู่ครับ ไม่ใช่แค่เฉพาะแขกของโรงแรมเท่านั้น
ระหว่างนั่งรอ จิบน้ำมะตูมเย็นๆ เช็ดเหงื่อไปพลางๆ ก่อน ....
กุญแจห้องมาแล้วครับ หวยออกที่ 4101 คือห้องล้านนาสวีท ห้องเดิมที่ อจน. เคยมาพักนั่นเอง
ไปกันเลยครับ .... แน่นอนว่า ห้องนี้เราจะได้นอนแนบชิดติดพระเอกของที่นี่ ก็คือ ต้นมะขามใหญ่อายุกว่า 200 ปีนั่นเอง .....
ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ Lanna Contemporary บวกสไตล์ตะวันตกเข้าไปหน่อยจึงทำให้บรรยากาศออกมาดูอบอุ่นมากเป็นพิเศษ
ดูไม่เป็นทางการจนเกินไป อย่างสิ่งที่แขกทุกท่านจะต้องได้เห็นก็คือ ลักษณะพื้นผิวที่ไม่เรียบของอาคาร อันเกิดจากความจงใจที่จะทำให้ไม่สม่ำเสมอกันนั่นเอง
บรรยากาศในห้อง ล้านนาสวีท ซึ่งผมจะพักคืนนี้หล่ะครับ อยู่ได้อย่างสบายๆ อบอุ่นเหมือนอยู่บ้านดีจริงๆ
จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์แวะมาเยี่ยมชมครับ
จากคุณ : stupidineถึงแม้ทีวีอาจจะดูเก่าๆ ไปหน่อย แต่ก็ชัดแจ๋ว และเก็บไว้ในตู้ที่ยังได้บรรยากาศอยู่ ซึ่งถ้าเปลี่ยนเป็น LCD/LED เกรงว่าจะต้องเปลี่ยนตู้กันอีก
(เห็นคุณจนท. บอกว่าจริงๆ แล้วที่รายาวดี ก็ยังเป็นทีวีรุ่นเก่าแบบนี้เช่นกัน)
เคยมีคนทักว่า ในหีบปลายเตียงนี้มีอะไร แต่ความจริงก็ไม่มีอะไรนะครับ นอนหลับสบายดีจริงๆ
ส่วนมุมรับแขกก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่สามารถนอนเล่น นั่งเล่นได้อย่างสบายๆ
(แต่เดี๋ยวจะพาไปดูห้องประเภทอื่นๆ ด้วยครับ)
ตามมาชมแทมมารีนด้วยคนครับหมอยุ่ง
ปีก่อนผมไปมา แต่รีวิวยังดองอยู่เลย
ยอมรับว่าเป็นรีสอร์ทที่เนี้ยบมากจริงๆ ครับ
อาจจะเพราะได้เกรดการบริการของรายาวดีมาด้วย
ที่สำคัญผมชอบความสงบและร่มรื่นของตัวรีสอร์ท
ที่แม้ตั้งอยู๋ริมถนนคนเดินแต่พอเดินเข้ามาเหมือนหลุดไปอีกโลกนึงเลย
สำรวจห้องน้ำกันบ้าง แม้ว่าห้องน้ำนี้จะยาวแบบเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบพื้นที่บังคับ
แต่รู้สึกได้เลยว่า สะดวกสบาย ใช้สอยง่าย ตั้งแต่โซนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า อ่างล้างมือ สุขภัณฑ์ ตู้อาบน้ำมีทั้งฝักบัวธรรมดาและเรนชาวเวอร์ และสุดท้ายคืออ่างอาบน้ำน่าแช่เป็นอย่างยิ่ง
และในห้องนี้ติดแอร์เพื่อความเย็นฉ่ำด้วยนะครับ
รอชมค่ะ
จากคุณ : แม่ครัวหัวป่าสวัสดีทุกๆ ท่านที่แวะมาปาดนะครับ
คุณ TeeChoco --> จุดเด่นที่นี่น่าจะเป็นเรื่องการ Maintenance ด้วยครับ รีสอร์ทเปิดมา 9 ปีแต่ทุกอย่างยังดูเช้งกระเด้ะ อย่างปีที่แล้ว ผมเข้ามา Inspect ตอนที่ลุงหนุ่มฯ พัก กับปีนี้ ทุกอย่างเนี้ยบเหมือนเดิม ไม่มีคำว่าโทรมเลย แม้ว่าการตกแต่งอาจจะดูแนวย้อนยุค แต่สะอาดสะอ้านทุกอย่างยังดูใหม่ครับ
คุณพี่ชั้นหก --> ผมเชื่อว่าเป็นเพราะทางกลุ่มพรีเมียร์ ซึ่งเป็นเจ้าของรายาวดี มาบริหารงานด้วยครับ จึงได้อิทธิพลพอสมควรในการอัพเกรดการให้บริการ และการดูแลทุกสิ่งอย่างของที่นี่
สำหรับท่านอื่น ขอบคุณที่แวะมาปาดนะครับ
-----------------------------------------------------------------------------
ที่ถูกใจคือ ข้าวของวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และดูพิถีพิถันมากกับของใช้
ไม่ว่าจะเป็นลายตัวหนังสือพื้นเมืองบนผ้า เป็นต้น
รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ภายในห้อง ....
การ์ดเล็กๆ น่ารักๆ ทักทาย
ดอกกล้วยไม้ที่อยู่ในห้องได้ประมาณ 1 เดือน ของจริง !!
กลิ่นหอมจาก Burner ที่อยู่ตรงพื้น หอมกรุ่นไปทั้งห้องจริงๆ รู้สึกผ่อนคลาย
แค่เรื่องกลิ่นก็มีผลมากจริงๆ ครับ (เคยเจอบางที่ห้องสวยแต่เปิดไปนี่กลิ่นอับกระจายสไตล์อุบุด ก็ไม่ไหวนะครับ)
ป้าย Do not distrub ที่ไม่เหมือนใครเลย !!
จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ผังอาคาร จะเห็นได้ว่าจริงๆ ห้องพักจำนวน 45 ห้องก็อยู่รวมๆ กันในอาคารที่รายล้อมอยู่เท่านี้หล่ะครับ
เพียงแต่ว่าห้องที่เห็นนี้อาจจะใหญ่กว่าห้องอื่นๆ พอสมควร เหมือนเอาห้องเล็ก 2 ห้องมารวมกันได้ห้องใหญ่
และแน่นอนในทุกห้องก็จะมีโปรแกรมกิจกรรมว่า วันนี้มีอะไรให้ทำบ้างซึ่งเป็นกิจกรรมแนวศิลปวัฒนธรรมทั้งนั้นเลยครับ
จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ไปดูห้องพักประเภทอื่นๆ กันบ้างนะครับ
อย่างห้อง ล้านนา และ ล้านนาดีลักซ์
ห้องสองประเภทนี้ต่างกันตรงที่ มีระเบียง กับไม่มีระเบียงส่วนตัวครับ
ส่วนขนาดห้องก็ขนาดกะทัดรัดพอดีๆ อยู่กระจัดกระจายหลายๆ อาคาร
อย่างอาคารที่เห็นกลางภาพคืออาคาร 1 อาคารแรกสุดยุคก่อตั้งครับ
ผนังที่ไม่เรียบ จะดูจงใจให้ไม่เรียบมากกว่าอาคารอื่นที่สร้างทีหลัง
โรงแรมน่าสนใจมากค่ะ
มาส่งผ้าเย็น กับน้ำดื่ม สู้ ๆ นะหมอยุ่ง
รีวิวเยอะแยะเลย
เริ่มต้นจากห้องล้านนา ตัวล่างสุดของที่นีครับ ....
ห้องขนาดกระทัดรัด เปิดประตูเข้าไปก็จะพบกับเตียง และอุปกรณ์ข้าวของก็จะมีอย่างที่เห็น โดยเน้นการตกแต่งอารมณ์ "เชียงไหม๊ เชียงใหม่" นั่นเอง
ขอบคุณนะค้าบบบ
ต้องเร่งทำเวลาหน่อยแล้ว .... แห่ะๆๆ
มาสำรวจห้องพักกันนะครับ อุปกรณ์ครบครัน ในห้องขนาดกะทัดรัด
แต่ดูอบอุ่น น่าจะอยู่สบายอยู่ครับ ทุกห้องมีการใส่ Burner เพื่อกลิ่นที่หอมหวล สบายๆ ครับ
ห้องน้ำ เป็นแบบฝักบัวติดผนังครับ ขนาดกำลังพอดีๆ อยู่ตรงปลายเตียงครับ เข้าไปชมกันเลย
เจออ่างทองเหลืองสีแจ่มมม ที่นี่ใช้ต้นโกศลประดับตกแต่งแทนดอกไม้ ข้าวของอุปกรณ์ครบครัน
แม้ว่าห้องพักอาจจะค่อนข้างเล็กและไม่มีวิวให้ดู แต่บรรยากาศโดยรอบดูอบอุ่น เตียงนอนหนานุ่มนอนได้สบายๆ
แม้ว่าทีวีอาจจะดูเก่า แต่ทางเจ้าของได้ตั้งใจให้แขกได้ออกมาสูดบรรยากาศภายนอกห้อง ใช้เวลาทำกิจกรรมนอกห้องพักมากกว่าในห้องพัก
เพียงแค่เจอพระเอกอย่างต้นมะขามอายุ 200 ปีก็กินขาดแล้ว ไหนจะสนามหญ้าสวยๆ น่ามองอีก
สำหรับตู้เสื้อผ้า อุปกรณ์ครบครัน มีตู้เซฟด้านใน ผมชอบชุดคลุมของที่นี่มากๆ ครับ ดูหนานุ่มนอนสบายดี
เราจะไปดูห้องลำดับขั้นต่อไปนะครับ นั่นคือห้อง Lanna Deluxe ซึ่งจะแตกต่างจากห้องประเภทแรก
ก็คือ ห้อง Lanna Deluxe จะใหญ่กว่าและมีระเบียงนั่งเล่นพักผ่อนเป็นของตัวเองครับ ....
นอกจากหมอนนุ่มๆ แล้วยังมีกล้วยไม้(จริง)ตกแต่งตรงระเบียงด้วย
มีให้เลือกทั้งชั้นบนและชั้นล่างครับ
ส่วนตัวผมรู้สึกว่าห้อง Lanna Deluxe ชั้นบนดูสบายๆ ดีครับ โปร่งโล่ง เหมือนห้องใต้หลังคา อบอุ่นชวนฝัน ย้อนอดีตถึงวัยเด็กที่จะตื่นเต้นมากๆ ที่ได้นอนห้องใต้หลังคา
จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์แต่ข้าวของอย่างอื่น ก็คล้ายคลึงกันกับห้อง Lanna ธรรมดานะครับ
เพียงแต่ว่าห้องจะใหญ่ขึ้น และมีระเบียงส่วนตัวเท่านั้น ....
สำรวจห้องน้ำบ้าง คล้ายกับห้องเมือกี้ แต่การตกแต่งไม่เหมือนกันเลยครับ
ทั้งกระเบื้อง รวมไปถึงมีหน้าต่างตรงอ่างล้างหน้าด้วย สามารถเลื่อนกระจกให้มาชนกันตรงกลางได้
ดูห้องทั้ง 2 ประเภทไปแล้ว เริ่มเมื่อย ไปบุกสปากันนะครับ ไปใช้สิทธิ์ Welcome Massage 10 นาที นวด หัว ไหล่ คอ เบาๆ
(บริการนี้มีสำหรับแขกทุกท่านที่เข้าพักครับ สามารถใช้บริการได้เลยหลังเช็คอิน หรือตามสะดวกจนกระทั่งก่อนเช็คเอ้าท์ครับ)
ตามหมอยุ่งไปเที่ยวด้วยคนจ้า
จากคุณ : ตระเวนเที่ยวห้องนวดไทยจะเป็นเบาะบนพื้นนะครับ ส่วนห้องนวดน้ำมันจะเป็นเตียงที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ .....
ส่วนกลิ่นในห้องจะมาจาก burner และตะกร้อกานพลู (ถ้าจำชื่อไม่ผิดครับ)
วัสดุที่ใช้ปูพื้นเป็นเสื่อกกครับ รู้สึกนุ่มสบายดีจริงๆ
แล้วก็ไปบุกห้องนวดน้ำมันกัน ปรับอุณหภูมิได้ตามใจชอบ
จะนวดเป็นคู่ หรือนวดแบบ Private ก็ได้
ในห้องนวดก็จะมีห้องน้ำข้างในทุกห้องครับ
ยินดีค้าบบบ ... แต่สงสัยว่า ผมคงต้องได้พักครึ่งทางแล้ว
เนื่องจากภารกิจรัดตัวจริงจัง
สิ่งที่ผมค้างอยู่ก็คือ สปามือข้างสระ, ดินเนอร์แสนอร่อย, บรรยากาศยามค่ำคืน, อาหารเช้าอลังการ และกิจกรรมศิลปวัฒนธรรมครับ
ครั้นจะข้ามไปก็คงไม่ได้ เพราะเป็นส่วนที่สำคัญหมดเลย
สำหรับท่านที่ต้องการอ่านจนจบข้ามไปดูกระทู้ที่เอชไฟล์ทก่อนได้ครับ
ลิ๊งค์อยู่ตาม คห. 2 เลย (เป็นรีวิวที่ใช้พลังงานเสียมากกว่ากระทู้ FAQ ซะอีก)
ภาพสุดท้ายก่อนพักเบรกครึ่งทาง คาดว่ากว่าจะได้โพสต์อีกทีคงฟ้ามืดที่เมืองปาย แล้วต้องต่อด้วย อรุณธารา เลยครับ (ย่อรูปไว้หมดแล้ว) ไม่งั้นไม่ทันจริงๆ
บริเวณสปาก็จะมีห้องสปาสวีทด้วยนะครับ ในห้องก็จะมีเตียงสำหรับทำสปาด้วย เนื่องจากห้องนี้ขายพร้อมแพคเกจสปา
จะมี Therapist เข้ามาให้บริการในทุกวันตามโปรแกรม พอดีว่ามีแขกอยู่ก็เลยไม่ได้เข้าไปถ่ายภาพข้างในห้องครับ
แวะเข้ามาปาดได้ตามอัธยาศัยนะครับ กลางคืนมาต่อ
ตามหมอยุ่งไปเที่ยวด้วยค่ะ
ขอมาชมด้วยคนนะครับ (ไม่มีเบื่อ)........ขอบคุณครับ
จากคุณ : low batt. [3 ต.ค. 54 11:53:46 ]A:223.207.91.154 X: TicketID:329936รอชมครับ
เข้ามารอชมครับ เก็บไว้เป็นตัวเลือกตอนบินตรงอุบล-เชียงใหม่
โรงแรมแนวนี้ที่เชียงใหมเยอะแยะ เลือกไม่ถูกเลยครับ
ขอบคุณหมอยุ่งนะครับสำหรับรีวิว...เห็นแล้วก็คิดถึงบรรยากาศดีๆและ "ยำสะนัด" ที่อร่อยที่สุดในเชียงใหม่ของแทมมารีนวิลเลจมากๆเลยครับ
เข้ามาชมบูติกรีสอร์ทแห่งแรกในเชียงใหม่ค่ะ
จากคุณ : Memories pinkTamarind Village ดูสงบน่าพักจังค่ะ แอบชอบตั้งแต่ได้ชมรายการชานไม้
ชายเขาของอาจารย์แล้วค่ะ ราชมรรคาก็เคยสนใจอยู่เหมือนกัน รอชมต่อนะคะหมอยุ่ง
รอชมต่อนะคะหมอยุ่ง
ปีหน้าคงได้พบกัน
จากคุณ : bangalowน่าพักมากเลยค่ะ
จากคุณ : BROWN STITCHตามหมอยุ่งฯ ไปพักที่แทมเมอริน วิลเลจ ด้วยคนค่ะ
เคยเห็นที่นี่จากรายการ ชานไม้ชายเขา ทางทรู วิชั่น ช่อง 73 แล้วค่ะ
เห็นแล้วอยากไปพักที่นี่บ้างจัง
ขอบคุณสำหรับรีวิวด้วยนะคะ
ตามคุณหมอมาติดๆค่ะ รอดู THe Rock ด้วยหล่ะ
ตอนแรก ที่ปิงนครา บอกว่าสามารถ ทรานเฟอร์ ไปแทมมารีน ได้ ก็คิดว่าอยากไปแต่ไปๆมาๆ ไม่ได้ไป เอาไว้คงมีโอกาส ไปสักวัน
จากคุณ : tummeng_inเป็นรีสอร์ทที่เล็งมาหลายปีว่าอยากไปพัก แต่ไปจบที่อื่นตลอดเลยค่ะ
ถ้ามีโอกาสคงได้ไปพักที่นี่มั่งเนอะ
เป็นที่พักสวยและได้อารมณ์เชียงใหม่จริงๆ ค่ะ
แวะมาชมครับ
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ
อาการเดียวกับพี่อุ๊เลยครับ ...
เป็นที่พักแรกๆ ที่ผมรู้จักและอยากไปพักในเชียงใหม่ แต่ไปๆมาๆ ก็ไม่ได้ไปซะที ...
"ขอบคุณหมอยุ่งสำหรับรีวิว"
เห็นแล้วอยากตามไปพักด้วยอย่างแรง
ชอบบรรยากาศมากเลยครับ
ได้ฤกษ์มาต่อแล้วครับ ปั๊มรีวิวที่ริมปายคอตเทจ อากาศเริ่มเย็นแล้วครับ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่าน มาทักทายนะครับ
ผมเองก็รู้สึกได้ว่า แทมมาริน วิลเลจ มักจะถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย
จากบูติกแห่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในเชียงใหม่
รวมไปถึงกระแสที่พักหลักร้อยกำลังมาแรงมาก
อย่างโรงแรมค่าย B2 หรือ Imm หรือ Hotel M
กลายเป็นว่า กลุ่มลูกค้าที่ทาง แทมมารินวิลเลจได้ จะเป็นต่างชาติเสียเป็นส่วนมากส่วนใหญ่ก็จะหนักไปทางโซนยุโรป และทางจีน โดยเฉพาะจีนแผ่นดินใหญ่ ก็เยอะครับทีชอบบรรยากาศและบริการสปา อารมณ์นี้
อย่างช่วงที่ผมพักนี้ เจอลูกค้าชาวจีนเยอะมาก (เห็นว่าจากเซี้ยงไฮ้ก็เยอะ คือเป็นจีนแผ่นดินใหญ่ มิใช่ ฮ่องกง หรือ สิงคโปร์ หรือมาเลย์)
-----------------------------------------------------------------------------
ยามบ่ายตะวันคล้อย มานั่งเล่นริมสระว่ายน้ำ
อยากจะบอกว่า สระว่ายน้ำดูจะเป็นจุดอ่อนของที่นี่
เพราะเนื่องจากตั้งอยู่ตรงนี้ ไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่
แขกก็ไม่ค่อยจะลงสระกันเท่าใดนัก ยิ่งแขกคนไทยนี่น้อยรายที่จะกล้าลง
แต่จริงๆ ผมว่าสระเค้าก็สวยนะ ดูโรแมนติกด้วยในเวลาค่ำคื่น
โดยสระจะเปิดเวลา 7.00-19.00 น. เท่านั้นครับ
ทุกวันเวลา 16.00-17.00 น. จะมีกิจกรรมเล็กๆ ข้างสระว่ายน้ำกลาง นั่นก็คือ กิจกรรมทำสปามือ 5 นาทีครับ
โดย Therapist ก็จะมาให้บริการนวดมือและแขนให้ สบายๆ บรรยากาศผ่อนคลายริมสระว่ายน้ำ
เราสามารถเลือกกลิ่นน้ำมันได้ทั้งหมด 5 แบบครับ เลือกว่าจะเอาผ่อนคลาย หรือจะเอาแบบสดชื่น
กิจกรรมนี้ "ฟรี สำหรับแขกทุกท่าน" ครับ
ว่าแล้วก็นวดซะเลย
สบายๆ ดีครับ เหมาะสำหรับคนที่ต้องใช้มือเยอะ
ไม่ว่าจะเป็นเขียนงาน หรือพิมพ์งาน มานวดๆ แค่ 5 นาทีก็โอเคแล้ว
นวดมือ นวดแขน แค่นี้หล่ะครับ ....
สัมผัสบรรยากาศกลางวันแล้ว เดี๋ยวเราไปทานอาหารมื้อค่ำกันนะครับ
ที่พิเศษสำหรับ Tamarind Village ในโครงการ Thailand Boutique Awards ทั้ง 2 ปีคือปี 2010 และ 2011
นักรีวิวที่มาทำรีวิวที่นี่จะได้ดินเนอร์มื้อค่ำกับ General Manager ของแทมมารินวิลเลจ นั่นคือ คุณ ณภัทร GM คนเก่งของที่นี่ครับ
คิดว่ามีรีสอร์ทหรือที่พักน้อยแห่ง ที่จะมี GM มาทานข้าวด้วยกัน
สถานที่ดินเนอร์คือ ห้องอาหารเรือนแทมมาริน ข้างสระว่ายน้ำครับ
สำหรับบรรยากาศยามค่ำคืนของที่นี่ดูอบอุ่น เพราะเน้นการใช้แสงเทียน ประทีปดวงเล็กๆ จุดเต็มริมทางเดิน
และมีการส่องไฟไปยังต้นมะขามพระเอกของที่นี่ อายุ 200 ปีด้วยนั่นเอง
เตรียมเข้าประจำที่กันดีกว่า ... เบาะสีแดงนุ่มๆ ตัดกับเบาะนั่งสีขาว
จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์เริ่มต้นที่เมนูเด็ด... Top Ten Menu ประจำครัวแทมมาริน
ซึ่งอยากจะบอกว่า อาหารทุกอย่าง คุณเจ้าฟ้า F&B Manager ได้ครีเอทขึ้นมาได้แจ่มทุกอย่างเลยครับ
สามารถเป็นมื้อค่ำที่แสนอร่อยและประทับใจ ในคืนที่มาเดินเล่นถนนคนเดินวันอาทิตย์ได้
และที่นี่ก็ได้รับความไว้วางใจจากโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ดาราเทวี ในการส่งแขกมาดินเนอร์ในเมืองที่นี่อยู่เป็นประจำ
เมนูขึ้นชื่อที่ได้สั่งไปในวันนี้ ได้แก่....
ยำทวาย, เมี่ยงใบชะพลูทูน่า, ผัดไทย, แกงเผ็ดเป็ดย่างลิ้นจี่ และกุ้งต้มยำแห้ง แซ่บจริงๆ
แวะเข้ามาชมโรงแรมต้นมะขามครับ
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ..
คุณหมอยุ่งต้องรีวิวตั้งหกโรงแรม ต้องใช้พลังงานเยอะแน่ๆเลยค่ะ ^^
เห็นรีวิวแล้วอยากไป
จากคุณ : ชมจันทร์มารอดินเนอร์ค่ะ
จากคุณ : Cheesierสวยๆๆ ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะคุณหมอ
แวะมาให้กำัลังใจน้องยุ่งนะคะ ...
ยังเหลืออีกหลายที่เลย
แบกเป้วิ่งตามเกือบมะทันเลยคะ .. ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆนี้นะคะ
จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee)ตามมาให้กำลังใจครับ
เคยผ่านที่นี่ตอนไปถนนคนเดิน ทำเลดีมาก
หุหุ หลังจากผ่านไปหลายวัน
เนื่องจากติดทริปไปสำรวจที่พัก TBA2011 ที่ปาย-ปางมะผ้า
สัญญาณ wi-fi ไม่ค่อยสะดวกมากเท่าไหร่ ก็เลยต้องดองเค็มมมมม มาจนถึงวันนี้เลยครับ ครบ 1 สัปดาห์พอดี
หลังจากน้ำลายหยดย้อยกับเมนูอันน่ากิน คราวนี้มาเจอของจริงเลยนะครับ
เริ่มจาก Appitizer รสแซ่บบบ นั่นก็คือ
ยำทวาย อาหารไทยสไตล์โบราณ
และ เมี่ยงใบชะพลูทูน่า ซึ่งก็คือเมี่ยงคำ แต่ใช้วัตถุดิบคือ เนื้อปลาทูน่า คลุกเครื่องเคล้าให้เข้ากัน
เพียงแต่ห่อใบชะพลูให้พร้อม ตักเครื่องใส่ ก็อร่อยเด็ดสะระตี่ได้แล้วครับ แซ่บจริง
และเครื่องดื่มเด็ดๆ ก็มาถ้าจำไม่ผิดชื่อคือ พันช์มะนาวแอปเปิ้ล แสบจี๊ดถึงทรวงครับ ....
จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์มาถึงอาหารคาวแล้วครับ ...
เมนูเด็ดที่ผมภูมิใจนำเสนอ เพราะอร่อยมาก นั่นก็คือ
แกงเผ็ดเป็ดย่างลิ้นจี่ครับ
จริงๆ ต้นกำเนิดก็คือ แกงเผ็ดเป็ดย่างอย่างที่หลายๆ ท่านรู้จัก
แต่เนื้อเป็ดที่แทมมารินใช้ เป็นเนื้ออกเป็ดอย่างดี ได้รับการหมักให้ซอสเข้าเนื้อ หวานนุ่มชุ่มลิ้น
เมื่อคลุกเคล้าลงไปในเครื่องแกง และใส่ลิ้นจี่ลงไป เข้ากันเป็นอย่างยิ่งครับ
(พิมพ์ไป น้ำลายจะหกไป)
อีกเมนูหนึ่งที่ไม่ควรพลาด ...
นั่นก็คือ กุ้งต้มยำแห้ง แห้งสะเด็ด และเด็ดสะระตี่เหมือนกับต้มยำปกติ
นั่นก็คือการนำกุ้งไปผัดกับเครื่องต้มยำแห้งนั่นเอง ทีนี่ใช้กุ้งใหญ่ เนื้อกุ้งชิ้นโตๆ เต็มปากเต็มคำมากมาย แผล่บๆๆ
เมนูต่อมา ที่ทางคุณ ณภัทร GM แนะนำก็คือ เมนูผัดไทย ธรรมดาๆ ที่ไม่ธรรมดา แค่เจอกุ้งก็ร้องซี๊ดแล้ครับ กุ้งใหญ่มว๊ากกกกก
ไหนจะกุ้งเล็กกุ้งน้อยอีก และรสชาติก็ใช้ได้ทีเดียวครับ
ทานกับ แกงผักกาดจอ แกงพื้นเมืองเชียงใหม่ ที่หาทานไม่ได้ในภาคอื่น รสชาติกลมกล่อมหวานน้ำซุปต้มกระดูกหมู ผมชอบทานมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว
ที่นี่ก็ทำได้รสชาติกำลังพอดี โอเคเลยครับ สรุปได้ฟาดเรียบ
ปิดท้ายด้วยของหวาน คือคัสตาร์ดกาแฟ (ถ้าจำไม่ผิด อีกละ) โปะหน้าด้วยองุ่นสดๆ ครับ ....
มื้อนี้ อร่อยดีจริงๆ แถมได้ข้อมูล ได้รู้จักแทมมารีนวิลเลจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย
เมื่อกลับมาที่ห้อง ก็พบว่า แม่บ้านได้มาจัดเตียงให้พร้อมนอนเรียบร้อยแล้ว
มีกล้วยไข่วางไว้อยู่บนโต๊ะนั่งเล่นด้วย ทานกล้วยก่อนนอนขับถ่ายดีนะครับ
หุ หุ กลางคืนก็ออกไปตะลุยราตรีนิดนึงครับ ...
ถนนราชดำเนิน ในวันอาทิตย์เป็นถนนคนเดินที่ผู้คนพลุกพล่าน แต่วันนี้ไม่มีคน
พอดีหิวๆ เซเว่นที่อยู่ใกล้สุดอยู่ตรงประตูท่าแพนะครับ ใช้เวลาเดินทางที่พักราว 10 นาทีแบบสบายๆ
กลับมาแช่น้ำก่อนนอน สบายใจจริงๆ
อยากจะบอกว่า ...
นอนหลับสบายมากถึงมากที่สุดครับ ตื่นมา 9.30 น. จ๊ากกก ไลน์อาหารปิด 10.30 น. นะครับ
รีบเผ่นไปตรงห้องอาหารเรือนแทมมารินกันเลยดีกว่า
เราเลือกโต๊ะติดขอบสระน้ำ เพราะรู้สึกว่า สีต้นโกศลที่ตกแต่งบนโต๊ะ ตัดกับสีฟ้าของสระว่ายน้ำได้เป็นอย่างดีครับ ...
แต่ถ้าท่านไหนอยากจะไปทานข้างใน ใกล้ๆ ไลน์อาหารก็ได้เช่นกันครับ ....
โดยไลน์อาหารจะมีอยู่ สองส่วนคือส่วนด้านนอกเป็น อาหารตระกูลไข่ สามารถสั่งทานได้ไม่อั้น
และส่วนด้านในก็จะมีอาหารเช้าทั้งแบบฝรั่ง และแบบไทยๆ ครับ
เริ่มจากอาหารตระกูลไข่ก่อน เลือกได้ตามเมนูเลยครับ ...
แล้วก็ไลน์อาหารข้างในครับ ... พนักงานใจดีมากๆ ครับ มีถามด้วยว่าต้องการขนมปังกี่ชิ้น (จะปิ้งแล้วนำไปเสิร์ฟให้)
เราก็ได้สาละวนกับการตักอาหารอย่างอื่นตามใจชอบ อาหารก็จะวนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ คัรบ
อย่างวันนี้มีข้าวผัด ผัดผัก และ .... สปาเก็ตตี้น้ำพริกอ่อง ครับ
ด้วยความที่ผมชอบน้ำพริกอ่องอยู่แล้ว ก็เลยได้จัดเต็มเลยทีเดียว อร่อยถูกใจมากๆ ครับ
น้ำผลไม้มีให้เลือกนานาชนิด เติมได้ไม่อั้น มีฝาใบตองปิดด้วย
ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นผลไม้ และพวก Cold Cut กับ คอนเฟลกซ์ นานาชนิดครับ
อาหารหนักสามอย่าง ได้แก่ ข้าวผัดสัปปะรด - ผัดผัก - สปาเก๊ตตี้น้ำพริกอ่อง แผล่บๆๆ
จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์กลุ่ม Cold Cut และชีส แผล่บๆๆๆ
ขนมปังปิ้ง เนย แยม แผล่บๆๆๆ
แล้วก็ผลไม้ เต็มๆ คำ
ปิดท้ายด้วยของหวานแบบเมืองๆ ข้าวเหนียวปิง เลือกทานได้ตามอัธยาศัยครับ ...
หลังจากเสร็จมื้อเช้าแล้ว เราก็จะไปเดิน Village Walk กันครับ
นั่นก็คือ การไปถวายภัตตาหารเพล ที่วัดดวงดี
ซึ่งเป็นวัดที่ทาง แทมมาริน วิลเลจ ได้ร่วมบูรณะจนสวยสดงดงาม
เช่นเดียวกับวัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์ จะเห็นเจดีย์อันเป็นฉากหลังที่สวยงามอยู่ นั่นก็เป็นการบูรณะโดยแทมมารีนวิลเลจ
เรียกได้ว่า อยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างกลมกลืนและลงตัว
พนักงานที่พาเดินไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือพนักงานหน้า Front นั่นเองครับ
ก็จะพาอธิบายรายละเอียดต่างๆ แล้วก็พาเดินชมเมืองรอบเล็กๆ โดยใช้เวลาไม่เกิน 1.15 ชั่วโมงครับ
วันนี้มีผมเดินคนเดียว แห่ะๆๆ ปกติ Village Walk ส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติ
ส่วนคนไทยมักจะแค่ไปถวายภัตตาหารเพลแล้วก็กลับที่พักเสียเป็นส่วนใหญครับ
เริ่มจาก บ่อน้ำ เป็นที่กักเก็บน้ำและเป็นความเชื่อของคนล้านนา (จนปัจจุบันปกติก็ไม่นิยมที่จะถมบ่อน้ำกันนะครับ)
เราก็จะเดินออกโรงแรมทางด้านประตูหลัง ผ่านวัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์ ซึ่งความจริงเป็นวัดที่เก่าแก่แห่งแรกของเมืองเชียงใหม่
แต่เผอิญว่า วัดเชียงมั่นเป็นวัดแห่งแรกที่สร้างโดยกษัตริย์ ก็เลยนับวัดเชียงมั่นเป็นวัดแห่งแรก ....
เดินไปอีกนิดก็จะถึงวัดดวงดี เราจะมาถวายภัตตาหารเพลกันที่นี่ครับ
ป้ายวัดนี่ คุ้นๆ นะ เหมือนกับป้ายโรงแรมแทมมารินวิลเลจเลย
แล้วก็รั้วขาวๆ นี่ ก็เป็นฝีมือของพนักงานโรงแรมมาช่วยกันขัดด้วยนะครับ
และแล้วก็ได้เข้าไปในกุฏิท่านเจ้าอาวาส ถวายภัตตาหารเพลเรียบร้อย
(ทั้งหมดทางแทมมารีนเตรียมมาให้ครับ เพียงแต่ตอนถวายก็จะแกะนำอาหารออกมาถวายเท่านั้นเอง)
กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรเรียบร้อย อิ่มบุญพร้อมเดินทางต่อไป
จุดต่อไปที่เราแวะก็คือ .... อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ครับ ...
สำหรับท่านใดที่สนใจอยากชมหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ (ศาลากลางเก่า)
ก็สามารถเข้ามาชมในภายหลังได้ (อยู่ในระยะเดินได้จริงๆ)
จากนั้นก็เดินผ่าน วัดอินทขีล
ผ่านร้านข้าวมันไก่ชื่อดัง ร้านเกียรติโอชา (คนเยอะมากๆๆๆ) จะซื้อข้าวมันไก่กลับไปกินก็ได้นะครับ
แถวนี้มีร้านอร่อยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวก็ร้านสะอาด ร้านขายขนมก็เยอะ
อย่างร้าน หวานละมุน หรือ ของหวานอย่าง ไอศครีมมะพร้าว อยู่ข้างๆ ร้านเกียรติโอชา ก็เป็นเจ้าที่ผมกินมาตั้งแต่เล็กๆ
เราก็จะเดินตัดจากโซนร้านข้าวมันไก่ ทะลุออกมาถนนราชดำเนินตรงสี่แยกสถานีตำรวจภูธรเชียงใหม่
ถ้าเลี้ยวขวาก็จะไปวัดพระสิงห์แต่เราไม่ไป (ไกลเกิน)
เราจะไปแวะวัดเจดีย์หลวงครับ แต่ระหว่างนี้ก็จะผ่านบูติกอีก 2 แห่ง
นั่นก็คือ ... วิลล่าดวงจำปา และ U เชียงใหม่ (ผมไม่ทราบว่าใครไปรีวิวนะครับแต่จุดเด่นเค้าคือ เช็คอิน-เช็คเอ้าท์ 24 ชั่วโมงเหมือนรถเช่าเลย เข้าเวลาไหน ออกได้เวลานั้น)
แล้วเราก็เข้าวัดเจดีย์หลวง ประตูด้านข้างตรงข้ามกับโรงแรม U เชียงใหม่นั่นเอง
จากวัดเจดีย์หลวง ที่ตั้งของเสาอินทขีล (ถ้ามาช่วงเดือนมิถุนายนจะมีเทศกาลใส่ขันดอกด้วย ผมมาทุกปีเลยทีเดียว)
ก็จะไปต่อที่วัดพันเตาครับ ที่นี่ก็จะมีจุดเด่นก็คือวิหารไม้โบราณที่สวยงาม มีลายแกะสลักที่วิจิตรบรรจง
หมดจากวัดพันเตา ก็จะมุดออกประตูเล็กหน้าวิหารแล้วเดินกลับโรงแรมแล้วครับ .... ประมาณ 1 ชั่วโมงพอดิบพอดี
กิจกรรมยามบ่าย ที่เน้นเชิงศิลปวัฒนธรรม เพือให้แขกผู้เข้าพักมีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้ด้วย ...
ก็จะมีหมุนเวียนกันไปครับ อย่างช่วงนี้จะเป็นกิจกรรมให้เพ้นท์ร่มบ่อสร้าง
ซึ่งทางโรงแรมก็จะจัดเตรียมร่มพร้อมอุปกรณ์ให้ ทีนี้เราก็เพ้นท์กันได้อย่างเต็มที่ ตามแบบที่สวยงามที่ตั้งโชว์ไว้
หรือจะละเลงเองก็ตามใจชอบ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติ
แล้วก็เอาร่มฝีมือตนเองกลับบ้านไปได้เลยครับ
ทั้งนี้ทุกเดือนก็จะเปลี่ยนไป บางทีก็อาจจะเป็น ทำเครื่องจักสาน หรือทอผ้า
แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นกิจกรรมที่มีอยู่ในเชียงใหม่ ยกมาตั้งแสดงและให้ได้ทำกันในพื้นที่โรงแรม
โดยผมคิดว่าน่าจะมีโรงแรมเพียงไม่กี่แห่งที่จัดกิจกรรมทำนองนี้ขึ้นในโรงแรม
ภาพสุดท้ายแล้วครับ ....
ก็เนื่องด้วยแทมมาริน วิลเลจ ได้เข้าร่วมประกวดในโครงการ Thailand Boutique Awards
สาขาศิลปวัฒนธรรม Cultural ซึ่งแน่นอนว่า ที่นี่ก็ได้มีการนำวัฒนธรรมของเมืองเชียงใหม่
ใส่เข้าไปในรายละเอียดแทบจะทุกจุดของโรงแรม รวมไปถึงเป็นที่พักที่ได้มีการทำนุบำรุงพุทธศาสนา
ช่วยวัดในพื้นที่ใกล้เคียงบูรณะปฏิสังขรณ์รวมไปถึง มีการส่งพนักงานไปพัฒนาทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ
มีการให้ความรู้แก่แขกผู้มาพัก อย่างเช่นการพาเดินชมเมืองรอบเล็ก Village Walk ซึ่งไม่มีโรงแรมที่ไหนทำกัน
เช่นเดียวกับการพาไปถวายภัตตาหารเพล ทั้งกิจกรรมยามบ่าย และกิจกรรมสปาที่มีความเกี่ยวเนื่องกับความเป็น "เชียงใหม่"
อย่างที่บอกหละครับ ถ้าได้มาพักที่นี่แล้วจะได้อิ่มเอมกับความเป็น "เชียงใหม่" ที่ Truly Chiang Mai สมชื่อกระทู้แน่นอนครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนจบครับ
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^
จากคุณ : สามแซ่ขอบคุณสำหรับรีวิวน่ะค่ะ