Salamat Datang ค่ะเพื่อนๆ BP ทุกท่าน ช่วงนี้น้ำท่วม ไม่ได้ไปเที่ยวไหน แวะอ่านเรื่องเล่าจากบาหลีกันก่อนนะคะ

<><><><><><><<>

 ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11158558/E11158558.html

ตอนที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11187194/E11187194.html

ตอนที่ 4   http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11104772/E11104772.html

<><><><><><><><><><><><><><

เมื่อเดือนที่แล้ว เราหนีร้อนเมืองไทย ไปสู่โลกใต้น้ำเย็นๆที่บาหลีมาค่ะ จากอานิสงห์โปรโมชั่น 0 บาทของแอร์เอเชีย จองไว้เมื่อ พ.ย. ปีที่แล้ว (53) กว่าจะได้บิน ก็ต้องรอกันนาน 9 เดือน ครบกำหนดคลอดพอดี วันที่ 10-15 กันยายน 54 ค่ะ

ตอนกลับมาจากบาหลีใหม่ๆ เคยลงข้อมูลเกี่ยวกับบาหลีไปบ้างแล้วจากกระทู้ก่อนหน้านี้ แต่เป็นข้อมูลล้วนๆ ไม่ได้มีเรื่องเล่าระหว่างทางด้วย เพราะลังเลอยู่ว่าจะเอามาเล่าดีมั้ย  . . .. สุดท้ายก็ได้มาเป็นกระทู้นี้ค่ะ

- - - - - - - - --

เข้าเรื่องกันต่อดกว่านะคะ

- - - -- - - - - - -

กว่าจะมารวมตัวกันได้ของเหล่า The Star ทั้ง 7 คนก็ทุลักทุเลพอสมควร อันเนื่องมาจากวันที่ 12สิงหาที่ผ่านมา มีข่าวนักดำน้ำคนไทยหายไประหว่างดำน้ำที่บาหลี ทำให้เพื่อนร่วมทริปที่จะไปด้วยกันในตอนแรกเกิดอาการหวั่นไหวและวิตกมากพอสมควร บางคนยอมทิ้งตั๋วและเงินมัดจำค่าทริป เปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว แต่สำหรับเรา เป้าหมายนั้นมีไว้ให้พุ่งชน ฉะนั้นจึงหาเพื่อนร่วมชะตากรรมใหม่มาจนครบ 7 คน ตามไปดูกันว่า เหล่านักล่าฝันทั้ง 7 คนนี้เค้าไปหาค้นฟ้า คว้าอะไรกันที่บาหลีค่ะ

วันแรก    BKK - Bali - Pura Uluwatu - Flapjacks

นัดเจอกัน ตี 4 เครื่องออก 06.15 น.เคาน์เตอร์เปิดก่อนเวลาเครื่องเช็คอิน 2 ชั่วโมงค่ะ มาก่อนหน้านี้เคาน์เตอร์ก็ยังไม่เปิดค่ะ

จากสนามบินสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าสู่เมืองเดนปาร์ซา ประเทศอินโดนีเซีย แอร์เอเชียเปลี่ยนระบบการให้บริการจาก รับ Check - in ด้วยพนักงานเป็นให้ทำ Web Chk-in ด้วยตนเอง แล้วมาโหลดกระเป๋าที่สนามบินอย่างเดียว หากมาเช็คอินที่เคาน์เตอร์ จะเก็บค่าธรรมเนียมในการให้บริการ 100 บาท/คน เริ่มเก็บค่าบริการ วันที่ 20 กันยา 54 ริจะบินกับ Low Coast Airline ก็ต้องทำใจ ตามเกมเค้าให้ทัน ไม่อยากเสียตังค์ก็ไปใช้บริการตู้ Kiosk ที่สนามบิน หรือ เข้าอินเตอร์เนทเช็คอินมาให้เรียบร้อยซะก่อนนะคะ

ประมาณ 11.30 น. เครื่องมาถึงสนามบิน Ngura Rai - Bali ตอนผ่านด่านต.ม. ให้เดินไปทางด้่านขวาสุดนะคะ สำหรับคนไทยที่ไม่ต้องเสียค่าวีซ่า ส่วนตรงกลางสำหรับชาวต่างชาติที่ต้่องจ่ายค่าวีซ่า ตอนแรกเราไม่รู้ ก็ไปยืนต่อคิวอยู่ แล้ว....

เ้้จ้าหน้าที่ ต.ม. บาหลี : "Thailand Passport ? "
Amata : พยักหน้า  Yes. นึกในใจ ตั้งแต่ไปเที่ยวมา เพิ่งมีคนทักว่าเราเป็นคนไทย น่าชั้นบ่งบอกสัญชาติขนาดนั้นเชียวรึ?
เจ้าหน้าที่ ต.ม. บาหลี : Right hand side แล้วชี้มือให้ไปด้านข้าง

อ้าว . . .เพื่อนเราต่อแถวตรงนี้กันหมดเลย มิน่าไม่เห็นซักคน เพราะแถวด้านขวาสุด ถ้าไม่สังเกตุจะมองไม่ค่อยเห็น และมีเจ้าหน้าที่ทำงานแค่ 2 ช่องจากทั้งหมด 4 ช่อง แต่ใน 2 ช่องนี้ก็กันให้คนบาหลีไป 1 ช่อง ส่วนอีกช่องสำหรับต่างชาติที่ไม่ต้องเสียเงินอย่างเช่นพวกเรา ยืนรอไม่นานก็ผ่านไปได้อย่างสบาย และไปรับกระเป๋าที่ด้านล่างค่ะ

แต่กว่าจะผ่านต.ม.รับกระเป๋าออกมาได้ก็เที่ยงพอดี อาหารเช้าบนเครื่องบินก็ย่อยหมดแล้ว มื้อแรกนี้ไปหาข้าวกลางวันแบบบาหลีทานกันดีกว่าค่ะ เมื่อรับกระเป๋าออกมาก็มองหาคนขับรถที่ร้่านดำน้ำส่งมารับ คาดว่าน่าจะเขียนชื่อร้านดำน้ำ Blue Season เอหรือว่าจะเขียนว่า Freedom dive นะ หากันอยู่ตั้งนานก็ไม่เห็น ส่วนเราเฝ้ากองกระเป๋ามหาสมบัติอยู่  แล้วลุงคนขับรถก็เดินเอาป้ายมาถามว่า มองหาเค้าอยู่รึเปล่า ปรากฎว่าเค้าพิมพ์เป็นชื่อของ Amata ซะงั้น และมีโลโก้ร้านดำน้ำ blue season ตัวน้อยๆอยู่ด้านล่าง เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ นานๆจะมีป้ายชื่อเป็นของตัวเอง มิน่า เพื่อนๆที่ไปหาถึงหากันไม่เจอ

มาเป็นคนแรกดีใจจัง

 มารอชมฝูงปลาโมลาโมลาด้วยคนนะครับ

> Mrs-Ginna : ยินดีด้วยค่ะ มาไวจริงๆ

> ลุงแบกเป้ : คุณลุงขา อดใจรอซักนิดนะคะ แต่ถ้าอยากเห็นก่อนใคร แวะไปกระทู้นี้ได้ก่อนค่ะ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11104772/E11104772.html

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

Welcome to Bali

ลุงคนขับรถพาแวะไปกินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารท้องถิ่นอยู่ไม่ไกลจากวงเวียนพระรามแผลงศร

พอเลี้ยวซ้ายตรงวงเวียน เลยไปอีกไม่กี่ร้อยเมตร ร้านอยู่ทางขวามือค่ะ

เป็นร้านอาหารท้องถิ่น คนมากินกันเยอะ ราคาไม่แพง และ รสชาติใช้ได้ค่ะ

เอาหน้าเมนูไปดูกันชัดๆๆนะคะ เผื่อใครจะไปตามไปกินที่นี่ค่ะ

จากนั้นก็ไปโรงแรม เก็บกระเป๋า ล้างหน้าล้างตากันหน่อย

เป็นโรงแรมที่อยู่ในเขต Sanur ใกล้กับ Hardy's supermarket ทำเลดี บริการก็ดี มี Wi-Fi ให้เล่น สัญญาณแรงใช้ได้ทีเีดียว  . . .แต่ติที่ผ้าเช็ดตัว มันคงเคยเป็นสีขาวมาก่อน พักอยู่ 5 วัน ทุกวันก็เป็นสีเดียวกันหมด คือไม่เจอผืนไหนขาวกว่าสีเทาเลย -_-"

@ Reception มีหิ้่งพระด้วยค่ะ ไหว้กันทุกเช้า

ห้องพัก ตกแต่งแบบบาลี๊ บาหลี แต่ไม่มีหน้าต่าง มีเพียงช่องกระจกรับแสงสว่างแบบนี้ค่ะ

ภายในห้องพัก

ห้องน้ำ ไม่มีผ้าม่าน เวลาอาบน้ำ น้ำกระเด็นพอสมควร ทางโรงแรมมีตะกร้าพลาสติคไว้ให้ใส่ผ้าส่งซัีกเลยเอาผ้าไปหลบไว้ในตะกร้าก่อน  . . .แต่อย่างลืม เก็บผ้าออกมาให้หมดจากตะกร้านะคะ ไม่งั้นอาจจะโดนชาร์จค่าส่งผ้าซักเป็นของแถมด้วย

ต้นไม้เยอะมาก บางทีก็หลงทางได้เหมือนกัน ต้องมองป้ายบอกทางทุกที ไม่งั้นเดินวนยังกะอยู่ในเขาวงกต

มีสระว่ายน้ำเปิดใช้งาน 2 สระ และอีก 1 สระใหญ่ที่กำลังสร้างใหม่

เก็บของเรียบร้อยแล้ว ไปหากาแฟแบบบา่หลีกินกันนะคะ ตอนนี้ร่างกายต้องการขาดคาเฟอีนอย่างรุนแรง  บอกลุงคนขับรถปุ๊ป แกก็เลี้ยวฟร๊าบเข้าไปจอดที่ร้านกาแฟ Golden Kirrin coffee เป็นจุดจอดสำหรับนักท่องเที่ยว เข้าไปถึงเค้าก็อธิบายสรรพคุณกาแฟบาหลีดียังไง ร้านเค้าคัดของมาดีแค่ไหน

ได้ลองกาแฟ Luwak ด้วย รู้รึไม่ว่า มันคือกาแฟอะไร??

หุหุหุ มันก็คือ กาแฟขี้ชะมด นั่นเองงงงงงง แล้วเค้าเอามาทำกาแฟทำไม?? บางคนอาจจะร้องอี๊ . . ไม่มีอะไรจะกินแล้วรึไง ถึงต้องไปกินขี้ชะมด . . เอ่อ . . เค้าวิจัย ทดลอง ศึกษากันมาแล้วว่า รสชาติมันอร่อย และ มีสรรพคุณบล๊า บล๊า บลา ไม่ได้ฟัง มัวแต่เดินถ่ายรูปเล่น อิอิ  . . .เค้าว่ามันอึออกมาเป็นก้อนแบบนี้เลยค่ะ แล้วก็แงะออกมาคั่วทำกาแฟ

ชิมแล้วชอบกาแฟเย็น ปรุงรสชาติมาอร่อยถูกปากมากว่ากาแฟร้อนที่มีแต่รส ขม เพราะไม่ใส่อะไรนอกจาก กาแฟกับน้ำร้อน แต่ก็แปลกที่ไม่เฝื่อนคอ แต่เราไม่ชอบ มันไม่หวาน มัน เหมือนกาแฟอาเจ็ก ที่อร่อยและราคาถูกกว่าักันเยอะ . . .คริ คริ ได้ยินว่า กาแฟขี้ชะมดที่เมืองไทยขายแก้วละ 350 บาท

จากโรงงานกาแฟ ก็ไปรอชมพระอาทิตย์ตกน้ำที่วัด อุรุวาตู

@ Pura Uluwatu เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนหน้าผาติดทะเล รอดูพระอาทิตย์ตกที่นี่ วิวสวยมาก แต่ว่ามีลิงอยู่เยอะ และ ลิงที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องขี้ขโมยเป็นที่สุด ก่อนจะลงไป เพื่อนก็เตือนแล้วว่า ลิงที่นี่มือไวมากให้ระวังแว่นกันแดดไว้ให้ดี พอเดินเข้าไปได้หน่อยเดียว อ๊ะ....มีลิงกำลังหาเห็บให้กัน น่ารักดี ถ่ายรูปๆๆ

หน้าปกเมนูน่ากลัวจังค่ะ
กาแฟขี้ชะมดนี่  เห็นบางร้านแก้วละ 500 บาทเลยนะคะ  ยังนึกเลยว่ารสชาติจะเป็นยังไงน้อ

ปาดค่ะ
ถามหน่อยค่ะ ตอนขาออก ถ้าไม่ต้องโหลดกระเป๋าต้องไป verify   เอกสารมั้ยคะ

ระหว่างที่กำลังเล็งภาพอยู่ เจ้าลิงจ้อยอีกตัวก็เข้ามาทางด้านซ้ายมือ จะมาคว้าเอากล้วยที่อยู่บนพวงองุ่นของรองเท้าฟองน้ำที่ใส่อยู่ เจ้าลิงมันคงคิดว่ากินได้มั้ง ดีที่เพื่อนร้องทักซะก่อน เจ้าลิงจึงหนีไป รอบนี้รอดไปได้ ไม่ถูกลิงขโมยกล้วยที่รองเท้า

จากนั้นก็ถ่ายรูป ชื่นชมความงามบรรยากาศโดยรอบไปเรื่อยๆ ระหว่างทางจะมีเสียงกรีดร้องของคนที่โดนลิงขโมยของเป็นระยะๆ ตอนแรกก็แค่ได้ยินเสียงอยู่ไกลๆ แต่พอเดินมาได้ซักพัก เฮ้ย . . เห็นมันวิ่งมาขโมย iphone ออกไปจากมือนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินเล่นอยู่ต่อหน้าต่อตา แล้วก็วิ่งหนีไป  . . . อันตรายจัง เหมือนเดินอยู่ในสมรภูมิรบกับลิงเลย เดินไประวังและระแวงไปตลอดทาง ไม่ค่อยได้ชื่นชมกับความงามเ่ท่าไร ทั้งๆที่มันสวยมาก

>  Red-Rose-14Feb : ดีใจจังตามมาอ่านทู้นี้ด้วย ^^

> LIttLe kIddIe whaLe : เอ...ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่ขาออกต้องผ่านเครื่อง x-ray ตรงประตูทางเข้าสนามบินก่อน แล้วเดินขึ้นไปชั้น 2 จ่ายค่าภาษีสนามบิน 150,000 rp แล้วคงไปรอขึ้นเครื่องที่หน้าประตูได้เลยมั้งคะ

แป่ววววว  สงสัยเราพูผิด  
หมายถึงตอนออกจากสนามบินสุวรรณภูมิน่ะค่ะ

รูปปั้นที่พบได้ทั่วไปในบาหลี

รอดูโมลาโมล่า ครับ

> LIttLe kIddIe whaLe : เคยเห็นมีคนตอบในพันทิปว่า ถ้า print boarding pass มาแล้ว หิ้วกระเป๋าไปเข้าแถวตรวจเอกสารกับต.ม.แล้วไปรอขึ้นเครื่องที่หน้าประตูได้เลยค่ะ

> seafrog : รอซักครู่นะคะ พระเอกของเรายังไม่พร้อมค่ะ ตามมาเที่ยว Uluwatu กันก่อนค่ะ

- - - - - -- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -- - - - - -

เดินเล่นมาเรื่อยเริ่มแสบตา ทนแสงแดดไม่ไหวแล้ว หยิบเอาแว่นกันแดดมาใส่ กำลังตั้งกล้องจะถ่ายภาพเวิ้งน้ำทางด้านขวามือ จู่ๆเจ้าลิงจ๋อวิ่งลงมาจากบนต้นไม้ มาดึงแว่นออกไปจากหน้าเรา . . .โหยยยย. . .มือมันเบามั่กมาก รู้ตัวตอนมันจับขาแว่นไว้แล้ว กำลังจะดึงแว่นออกไปจากหน้า มองเห็นตัวมันจากหางตาด้านซ้าย แต่ก็ไม่กล้าขยับหนี กลัวมันกัด ลิงที่นี่ค่อนข้างดุมาก พอมันดึงออกได้ เอาไปแทะซะแหว่งเลย แล้วเจ้าของลิงก็เอาแว่นมาคืนให้ แลกกับเศษฝรั่งเพียงชิ้นเดียว

ตอนยื่นมือไปได้รับแว่นคืน มือยังสั่นและตกใจไม่หาย แต่พอเห็นสภาพแว่นแล้ว เอ่อ... เอาไปทิ้งเหอะ มันเยินซะจนไม่กล้าใส่แล้ว กลัวติดเชื้อโรค เจ้าของลิงเค้าอยากได้เงินเป็นค่าตอบแทนมากกว่า แต่เราไม่จ่าย เอาแว่นเยินๆของชั้นไปแทนละกัน  แล้วก็หากิ่งไม้มาถือไว้ไล่ลิง . . .เฮ้อ  . . .คิดว่าระวังตัวดีแล้วน๊า . . .ยังโดนจนได้ . .. เซ็งเลย

รอจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกน้ำ

เจ้าจ๋อก็เริ่มเซ็งแระ ไม่ได้กินกล้วยเลย

ที่ Uluwatu เค้ามีระำบำพื้นเมืองโชว์ตอน 6 โมงเย็นด้วยนะคะ ขายบัตรใกล้ๆงานจะเริ่ม  ถ้าหันหน้าออกทะเล จะมองเห็นซุ้มต้นไผ่ประดับประดาสวยงามอยู่ทางด้านซ้ายมือ ราคาจำไม่ได้แล้วว่าเท่าไร เพราะไม่ได้ดูค่ะ

...ตามมาเที่ยวบาหลีด้วยคนนะคะ  

ที่มาอย่างด่วนเพราะแอบเห็นเจ้าโมลาโมล่าเลยนะคะเนี่ย    เคยคิดจะมาดำน้ำที่บาหลีเหมือนกันค่ะ แต่ด้วยเพราะน้ำที่บาหลีเย็นมากๆ และมีกระแสน้ำแรงด้วยเลยต้องถอดใจไปหลายทีเลยค่ะ

อยากเห็นเจ้าโมลาโมล่าแล้วละสิคะ ตัวใหญ่มากมั้ยะคะ เห็นใกล้ๆ หรือเปล่าคะ รอชมนะคะ   ^-^

ลืมบอกไปอย่าง เข้าวัดที่บาหลีทุกแห่ง ต้องใส่กางเกงขายาวเกินเข่านะคะ ไม่งั้นก็ต้องเตรียมผ้าโสร่งไปค่ะ

ค่าเ้ข้าที่ Uluwatu 3000 rp เป็นที่เดียวที่เก็บค่าผ่านประตูถูกที่สุด แล้วยังมีผ้าโสร่งและผ้าคาดเอวให้ยืมโดยไม่ต้องเสียเิงินเพิ่มค่ะ ถ้าใส่กางเกงขายาวมาแล้ว ก็ต้องผูกผ้าคาดเอว เพื่อแสดงความเคารพต่อสถานที่ค่ะ

ตามไปเที่ยวด้วยคนนะคะ ^^

> ปลายฟ้าที่ภูตะวัน : เคยคิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ แต่พอเอาเข้าจริง น้ำเย็นไม่มากอย่างที่คิดค่ะ แล้วเจ้าโมล่าก็น่ารักมั่กมากค่ะ ถ้าอยากเห็นก่อนใคร แอบแว๊บไปดูที่กระทู้นี้ก่อนได้นะคะ

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11104772/E11104772.html

ขอบคุณค่ะ

...ตามไปดูมาแล้วค่ะ นอกจากโมลาโมล่าแล้วยังได้เจอแมนตากับปลาจิ้มฟันจรเข้ปีศาจด้วยนะคะ  

ไปบาหลีมา 3 รอบแล้วยังไม่ได้ลองดำน้ำที่นี่ดูเลยค่ะ อยากก็อยากนะคะ แต่ก็กลัวมากกว่าเลยยังไม่ได้ดำเลยสักทีค่ะ ขอบคุณสำหรับรูปใต้น้ำสวยๆ นะคะ   ^-^

> ปลาผัดคื่นช่าย : ตามมากินข้าวเย็นด้วยกันก่อนค่ะ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -- -

เย็นนี้ไปกินข้าวที่ไหนกันดี.... โรงแรมอยู่แถว Sanur มีร้านอาหารชื่อ Flapjacks อยู่ไม่ไกล เพื่อนแนะนำว่าอาหารร้านนี้ก็ใช้ได้นะ แต่พี่ชายเค้าบอกว่ามีเพื่อนแนะนำมาให้ไปลองกินพิซซ่าที่ร้าน Massimo งั้นเอาตามพี่ชายบอกก่อนละกัน   พอไปถึง . . .ว้า. . .โต๊ะไม่มี. . . งั้นเอาไว้มากินวันหลัง ไปดูร้านอื่นดีกว่า แล้วก็มา Flapjacks จนได้

>  LIttLe kIddIe whaLe : ยินดีค่ะ

> ปลายฟ้าที่ภูตะวัน : โอ้ววว ไวมากค่ะ เราไปครั้งแรกติดใจค่ะ เที่ยวง่าย ราคาไม่แพง น้ำเย็นดีเราชอบ ต้องลองค่ะ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นค่ะ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -- - -  - - -- -

หน้าร้าน Flapjacks @ Sanur

ภายในร้าน เป็นอาหารฝรั่ง มีโต๊ะ pool, TV จอยักษ์ และเบียร์เย็นๆ หนุ่มๆ มองโต๊ะพูลตาเป็นมันเชียว

อาหารแนะนำ เริ่มจาก Appertizer เป็น Sample Platter A เป็นของทอดหลายอย่างรวมกัน เช่น ปีกไก่ทอด หอมหัวใหญ่ทอด เปาะเปียะทอด ปลาหมึกทอด

ตามด้วย Beef Lasagna ที่นุ่มลิ้น หอมอร่อย

ดูแต่ละชั้นซิคะ  . . . นุ่มนิ่ม น่ากินมั้ย ไม่คาวด้วยค่ะ  . . .อยากกินอีกๆ

สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าก็อร่อยนะคะ แต่ไม่มีภาพประกอบค่ะ ส่วนเครื่องดื่ม ถ้าไม่กินแอลกอฮอล์แนะนำเป็น Refreshment แบบนี้ค่ะ

แก้วนี้เป็น Virgin Mojito ที่ทางร้านบอกว่า คนนิยมสั่งมากที่สุด เป็นน้ำตะไคร้มะนาวโซดา อร่อยดีค่ะ หอมตะไคร้แต่เปรี้ยวสดชื่นแบบมะนาวโซดา

ถ้าเป็นคนรักสุขภาพอยากกินสลัด ขอบอกว่า ซีซ่าสลัด เราสั่งกินทุกร้าน อร่อยทุกร้านเลยค่ะ ประทับใจจริงๆ

ตามไปบาหลีด้วยคนค่ะ เพิ่งกลับมาเหมือนกัน

> Lovely linin : ยินดีค่ะ  ระบำสนุกมั้ยคะ เรามีเวลาเที่ยวบกน้อยเลยไม่ได้ดูค่ะ หนักไปทางดำน้ำซะมากกว่า หุหุ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -- - - - -

มาถึงบาหลีแล้วลองชิมเบียร์ดาวแดงของที่นี่ดูบ้างนะคะ รสชาติอร่อยเหมือนสิงห์บ้านเรารึเปล่า

กินอาหารกันอิ่มหนำสำราญแล้ว เรียกบิลมาดู . . . นอกจากค่าอาหารแล้ว ร้านอาหารมีค่าภาษีและค่าบริการด้วยค่ะ รวมแล้วหมดไป .. . ." ล้านกว่ารูเปียห์ " โอ้ยยย..... คืนแรกกินกันมื้อละเป็นล้าน!! ว่าแล้วก็รูดปี๊ดๆๆ

อยากกินไอติมด้วย แต่ไม่ไหวแล้ววันนี้ เก็บไว้คราวหน้าจะมากินใหม่ละกัน

มาเที่ยวบาหลีด้วยคนครับ

รอชมรีวิวอยู่ครับ

เห็นรีวิว คุณ จขกท แล้วอยากไปเที่ยวบาหลีจังเลย

ใครไปชวนกันบ้างนะคะ

รอ mola mola อยู่จ้า

น่าอร่อยจังเยยยค่ะ เอ้ยยย....

น่าไปเที่ยวด้วยจังเลยค่ะ

ทำ review ได้น่ารักดีค่ะ อ่านแล้วสนุกตามเลย

> Destiny-Boy : วันนี้ตามไปเที่ยวที่ Tulamben ด้วยกันนะคะ

> skyflower : เมื่อตอนโปรฯ แอร์เอเชียเดือนที่แล้ว เห็นเพื่อนๆในห้อง BP ได้ตั๋วไปบาหลีกันหลายคน ลองถามๆกันดูนะคะ เผื่อว่าจะได้ไปเที่ยวกับเพื่อนใหม่ๆค่ะ

> tan_www : อดใจรออีกนิดนะคะ ได้เจอเค้าแน่นอนค่ะ ^^

> au-utcc : ขอบคุณค่ะที่ชอบ ดีใจจัง @_@

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

หมดไปอีก 1 วันอย่างรวดเร็วในบาหลี และกระทู้ก็ร่วงลงไปอยู่ข้างล่างอย่างรวดเร็วเช่นกัน มาว่ากันต่อในเช้าวันที่สองนะคะ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  - - - - - - - - - -

เช้าวันที่ 2 : Tulamben - Check dive - Cafe Batujimbar

เช้านี้ร้านดำน้ำนำรถตู้มารับที่โรงแรม . .โอ๊ะ โอ. . .รถตู้มีประตูด้านหลัง 2 บาน . . ชอบๆๆ คนแถวนั่งหน้ากับแถวหลัง ขึ้นลงคนละประตู สะดวก รวดเร็ว ดีจังๆ อยากให้เมืองไทยมีรถตู้แบบนี้บ้าง

เมื่อไปถึงร้านดำน้ำ

. . .ว้าววว. . . ตกแต่งร้านได้น่าใช้บริการทีเีดียว ไหนแง้มประตูกว้างๆ เข้าไปดูด้านในกันหน่อยซิ

เปิดกว้างขึ้นอีกหน่อย

ยังเห็นไม่ชัีด เข้าไปนั่งข้างในกันดีกว่าค่ะ . . . ดูสบายๆๆ เหมือนไปบ้านเพื่อนเลย มีโต๊ะรับแขกติดสระน้ำ และ มุมพักผ่อนพร้อมชา-กาแฟให้ลูกค้าบริการตัวเอง สระน้ำที่นี่ลึก 3 เมตรเหมาะสำหรับใช้สอนดำน้ำภาคปฎิบัติ อาจจะดูเล็กๆ แต่ใช้ได้จริงค่ะ

ก่อนจะไปดำ้ำน้ำกันวันนี้ ทางร้านดำน้ำจะให้เราเซ็นต์รับสภาพความเสี่ยงในการดำน้ำซะก่อน .  .เป็นกติกาที่ทุกร้านดำน้ำทั่วโลกปฎิบัติค่ะ  .. .เวลาไปดำน้ำอย่าลืมนำับัตรดำน้ำติดตัวไปด้วยนะคะ แต่ถ้าสุดวิสัยลืมเอาไปจริงๆก็ขอให้ทางร้านดำน้ำเช็ครหัสของเรา online ก็ไ้ด้ค่ะ มีอีิกวิธีคือ จดรหัสบัตรใส่ log book ไว้ก็ได้ค่ะ

หน้าร้านดำน้ำแห่งนี้ เค้าใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้ประโยชน์และคุ้มค่าสูงสุดแบบ 3  in 1 กับต้นไม้ใหญ่เพียงต้นเดียวหน้าร้าน ที่นอกจากจะให้ร่มเงา ยังมีประโยชน์ในแบบที่เราคาดไม่ถึงอีก  แบบนี้ค่ะ

>>  เช้าทำบุญ ทำทานให้ผีเร่ร่อน
>>> สายๆชื่นชนกล้วยไม้ที่ปลูกไว้แบบกาฝากกับต้นไม้ใหญ่
>>>>> ตอนเย็นเลิกงาน มาเล่นบาสได้อีก

ไหนอ่ะปลา

อยากดูปลาๆๆๆๆๆๆ

> LAPD21 : ปลาโมลา โมลา ต้องไปดูที่ Crystal Bay ค่ะ วันนี้มาดำน้ำที่ Tulamben ดูฝูงปลา Jack กันก่อนนะคะ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

เมื่อเซ็นต์ชื่อรับสภาพความเสี่ยงในดำน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็ไปที่ชายหาดเร้ยยย อยากดำน้ำจะแย่แว้วววว. . . ..

จากร้านดำน้ำไป Tulamben ใช้เวลานั่งรถ 2.45 ชั่วโมง เป็น dive site ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะบาหลี ถนนหนทางที่นี่เล็กคล้ายๆกับที่เซบู, ฟิลิปินส์ค่ะ

ใกล้ๆจะถึงจุดดำน้ำซัก 30 นาที จะเห็นภูเขาไฟกุนุง อากุง ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดของเกาะบาหลี สูงถึง 3,142 เมตร

และมีนาข้าวขั้นบันได

เขียว ขจี สวยจัง

เมื่อมาถึงจุดดำน้ำ Tulamben . . .โอ้โห . . ผู้หญิืงที่บาหลีแข็งแรงมาก สามารถยกถังอากาศเทินหัวได้ครั้งละ 2-3 ใบได้พร้อมกัน สุดยอด ญ แกร่งแห่งบาหลี . .  . .คือ มันเป็นอาชีพเค้าค่ะ รับจ้างแบกถังอากาศ

@ Tulamben

เป็นชายหาดที่มีก้อนกรวดสีดำทอดยาวลงไปในน้ำ นักดำน้ำต้องประกอบอุปกรณ์ดำน้ำกันที่ชายหาด แล้วถือตีนกบ (fin) เดินลุยน้ำลงไปแล้วใส่ใต้น้ำ แล้วจึงดำำ ดิ่งลงไปใต้น้ำำได้ dive site ที่นี่เรียกว่า USAT Liberty Wreck เป็นเรือสินค้าของอเมริกาที่ถูกระเบิดตอปิโดของญี่ปุ่นจมลงเมื่อปี 1942

ฟังดูเหมือนไม่ยากเน๊อะ กะอีแค่เดินแบกถัง ถือตีนกบไปใส่ใต้น้ำ แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้ว มันยากกว่าที่คิดไว้เยอะ  ก้อนหินที่เห็นว่ามันก็กลมๆๆ มนๆๆ เวลาเดินไม่ได้เจ็บเท้าอย่างที่เค้าเล่าลือกัน เพียงแต่มันเดินลำบากมากกกก   การเดินบนพื้นที่เป็นก้อนหินไม่สม่ำเสมอและแบกถังอากาศพร้อมอุปกรณ์ดำน้ำหนักเป็นสิบกิโลนั้นไม่ง่ายเอาซะเลย

และยังมีคลื่นซัดเข้ามาปะทะตัวเราตลอด การจะเดินลงไป ต้องดูจังหวะของคลื่นที่ซัดเข้ามาด้วย ถ้าเดินลงทะเลไปปะทะกับคลื่นจะหกล้มได้ง่าย ต้องรอจังหวะให้คลื่นลูกสุดท้ายซัดผ่านไปก่อน จะมีช่วงที่คลื่นลูกต่อไปเริ่มก่อตัวในทะเล แต่จะยังมาไม่ถึงชายหาด จังหวะนี้แหล่ะที่เราต้องรีบเดินไปข้างหน้าเพื่อจะได้ไม่เจอแรงปะัทะของคลื่นซัดหกล้มไปซะ่ก่อน ถ้าใครจะมาดำ้น้ำ dive site นี้ แนะำนำให้หารองเท้ายางหัวตัว มีสายรัดส้นแบบ crocs มาใส่จะดีกว่าการใส่ booth ซะอีกค่ะ และเหมาะกับการใส่มาเที่ยวทะเลด้วย พื้นรองเท้าแบบนี้หนามาก ใส่เดินบนหินแบบนี้ไม่เจ็บเท้าเลย smooth as silk ค่ะ

ก่อนลงดำน้ำ local leader จะอธิบายให้รู้ว่าจุดดำน้ำที่เรากำลังจะลงไปมีสภาพเป็นยังไง เราจะเจอตัวอะไรใต้น้ำบ้าง ต้องฟังให้ดีนะคะ เพราะเค้าจะเตือนด้วยว่าให้ระวังอะไรสัตว์อะไรบ้าง และตรงไหนอันตรายค่ะ

ลักษณะเรือ USAT Liberty ที่จมอยู่ใ้ต้น้ำค่ะ

เดินลงทะเลได้ซัก 5 เมตรจากหน้าหาด ต้องรีบเติมลมเข้าเสื้อ BCD แล้วหันหน้าเข้าชายหาด รีบใส่ฟิน . . .ยากตอนนี้แหล่ะ เพราะไม่เคยใส่ฟินใต้น้ำซักที ....เมื่อทุกคนพร้อม  dive leader ก็ให้สัญญาณดำดิ่งสู่ใต้น้ำเบื้องล่างกันเลย

Harlequin ghost pipefish หรือ ปลาจิ้มฟันจระเข้ขนยาว (ถ้าแจ้งชื่อผิดสายพันธุ์บอกกันได้นะคะ :P)

ตัวนี้ถ่ายใต้น้ำได้แบบนี้

แต่ความจริงแล้ว เจ้าตัวนี้ยังน่ารักและสวยกว่าได้อีก  แบบนี้ค่ะ

** ภาพประกอบเพิ่มเติมจากหนังสือ Asia Pacific Reef Guide by Helmut Debelius ค่ะ

ที่นี่มีม้าน้ำตัวน้อย หรือ pygmy seahorse ที่เราเห็นเป็นตัวสีม่วงอาศัยอยู่กับ seafan สีม่วง แต่น่าเสียดายที่ตากล้องของเราเก็บภาพมาไม่ได้ Y_Y

@ Liberty Wreck มีฝูงปลา Jackfish เยอะตีวงเป็นพายุทอร์นาโดตั้งสองวงพร้อมกัน เป็นพระเอกของที่ไดฟ์ไซต์แห่งนี้ ใครมาที่นี่อย่าลืมแหงนหน้ามองฝูงปลา jack ด้วยนะคะ

ปลาใบไม้ leaf fish

blue ribbon eel by Tuk Scubabcute

mantis shrimp หรือ กั้ง 7 สี

แต่ที่แปลกใจและไม่คิดว่าจะได้เจ้าปลานกแก้วหัวโหนก Humphead parrotfish ที่ปกติขึ้นชื่อว่า พบได้มากที่เกาะสิปาดัน ประเทศมาเลเซีย

ยังมีปลาบาราคูด้า - Barracuda อีกด้วยค่ะ เห็นแ่ค่ตัวเดียว ใหญ่น่ากลัวอยู่เหมือนกัน . . น่าเสียดายที่ตากล้องไม่ได้ถ่ายภาพมา    ยิ่งดำน้ำ ยิ่งอยากมีกล้องถ่ายภาพใต้น้ำเป็นของตัวเองเข้าไปทุกที  เวลาเห็นปลาหน้าตาแปลกๆ หรือ ตัวอะไรที่ไม่เคยเจอก็อยากจะถ่้ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก  

นี่ค่ะ 1ใน2 ตากล้องถ่ายภาพใต้น้ำของเราในทริปนี้ : Krung Kung

อีกหนึ่งหนุ่มหล่อตากล้องของทริป : Dick Deung

มีบางภาพขอหยิบยืมมาจากพี่ที่บังเอิญไปเจอกันที่บาหลีค่ะ ต้องขอขอบคุณ พี่ตุ๊ก Scubacute ด้วยค่ะ ที่อนุญาตให้นำภาพมาใช้ค่ะ . .. ขอบคุณมากค่ะ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ดำน้ำที่นี่ใช้เวลาแต่ละไดฟ์ประมาณ 45 นาที แล้วก็ลอยตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ มาเจอกับความยากลำบากในการเดินอีกครั้ง  เมื่อลอยมาถึงบริเวณที่เป็นหิน พอยืนได้ต้องรีบถอดฟินออกแล้วเดินเข้าฝั่ง แต่ก็เจอคลื่นซัดกันล้มระเนระนาด กระแทกหินเจ็บตัวกันถ้วนหน้า  เมื่อขึ้นมาแล้วก็ต้องถอดถังอากาศออก แล้วเปลี่ยนถังใบใหม่ไว้รอลงไดฟ์ต่อไปค่ะ

ถึงเวลาพักกินข้าวเที่ยงพอดี . . .ตอนอยู่ใต้น้ำ. .. ยังอาการดีๆอยู่เลย พอขึ้นมาเจอคลื่นซัดเข้าหน่อย . . . ไม่รอดเลยเรา . . .เมาคลื่นซะงั้น

ลิงแถวนี้อ้วนลงพุงกันทั้งนั้นเลย น่าร้าก(แต่แสบไม่เบาใช่ไหมคะ)

อาหารเที่ยงที่ทางร้านดำน้ำเตรียมมาให้ก็กินไม่ได้....เำพราะเมาคลื่น นอนพักดีกว่า . .. พอครบเวลาพักน้ำ 1 ชั่วโมงนิดๆ ต้องใส่ชุดลงดำน้ำไดฟ์ต่อไป เริ่มงอแงแระ . . อยากนอนพักต่ออีกนิดอ่ะ ยังไม่ใส่ชุดได้มั้ย.... มันอึดอัด หายใจไม่ออก....แต่สุดท้าย ก็แต่ตัวลงไปดำ้น้ำต่ออีก 2 ไดฟ์จนจบวัน

* * สำหรับคนที่เมาเรือง่ายเหมือนเรา แนะนำว่าให้กินยาแก้เมาเรือ Dimenhydrinate หรือ Dramamine เป็นเม็ดสีเหลือง หลังอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนลงดำน้ำ และควรเตรียมเกลือแร่ไปด้วยค่ะ ถ้ากินอะไรไม่ได้อย่างที่เราเป็น อย่างน้อยก็ยังได้กินเกลือแร่ ทำให้ร่างกายไม่อ่อนแรงค่ะ

> adangrawi : ใช่แล้วค่ะ คราวหน้าถ้าไปบาหลีอีกคงจะเปลี่ยนที่ดูพระอาทิตย์ตกน้ำเป็น Tanah Lot แทนค่ะ เพราะไม่อยากเสียอารมณ์กับเจ้าลิงจอมซนที่นี่ค่ะ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

หมดแรงไปกะกับการดำน้ำซะเยอะ ว่าแล้วก็ไปหาอาหารอร่อยๆกินดีกว่า เย็นนี้ลองมากินอาหารบาหลีที่ร้าน Cafe Batujimbar

ด้านหน้าร้านค่ะ

มีที่นั่งให้เลือกหลายแบบ ทั้งภายในร้าน

ด้านข้าง แต่ยังอยู่ภายในร้าน

หรือจะเป็นด้านหน้า วันนี้อากาศดี ไม่ร้อน นั่งข้างนอกดีกว่าค่ะ

เจ้าตุ๊กตาตัวนี้ เป็นภาชนะใส่พริกไทย และ เกลือ ค่ะ

ชอบการตกแ่ต่งไฟเพดานของร้านนี้

เอาแก้วกาแฟมาทำเป็นโคมไฟ สวยเก๋ไปอีกแบบค่ะ

สำหรับอาหารของร้านนี้ ขอยกยอดไปตอนท้ายนะคะ - - - หลังทานข้าวเสร็จ นั่งคุยกันอยู่ดีๆ มีฝนปรอยลงมา จึงย้ายไปนั่งคุยกันต่อภายในร้าน

กำลังจะกลับโรงแรม มีเสียงผู้หญิงสองคนพูดขึ้นมาว่า " Thank you " . . .เอ๋ . . ใครหว่า พี่ชายกับพี่ที่ไปด้วยกัน เลยหยุดทักทายสองสาวสวยนี้ก่อน ส่วนคนที่เหลือ เดินกลับโรงแรมไปพักผ่อนเอาแรงไว้ไปลุยน้ำเย็นที่ Crystal Bay เพื่อตามหาพระเอกของทริปนี้ค่ะ . . . Finding Mola Mola  . . . .

- - -- - - - --

เงินรูเปียห์ แนะนำให้ถือเงินดอลล่าห์สหรัีฐมาแลกเงินที่นี่ จะแลกได้เยอะกว่าที่เมืองไทยนะคะ ได้มากกว่าที่ superrich อีกค่ะ ยิ่งถ้ามีโอกาสได้ไปแลกที่ Kuta จะได้ rate ดีกว่านี่อีก

สามารถแลกเงินได้ที่ Circle K หรือร้านรับแลกเงินทั่วไปค่ะ

เช้าวันที่ 3 :  Nusa Penida - Crystal Bay

จากร้านดำน้ำไปท่าเรือไม่ไกล แต่ต้องนั่งเรือน้อยไปต่อ speed boat อีกที อากาศวันนี้ขมุกขมัวจัง เมฆเยอะแต่เช้าเลย แ้ล้วจะ เจอเจ้าปลาโมลา โมล่า ที่เราอุตส่าห์ดั้นด้นมาหามั้ยน๊าาาา ป่ะ ไปลงเรือกันเร้ววว เดี๋ยวไม่ท้น

ต้องนั่งเรือจากฝั่ง ไป Nusa Penida เพื่อไปจุดดำน้ำที่เรียกว่า Crystal Bay เป็นทีี่ที่พบปลาโมลา โมล่าได้มากที่สุด ซึ่ง Nusa = เกาะ ฉะนั้น Nusa Penida = เกาะพนิดา

ระยะทางจากฝั่งถึงเกาะพนิดานานเท่าไร อย่าได้ถาม ตอบได้คำเดียวว่า คลื่นแรงมาก และแล้ว พอไปได้ครึ่งทาง

ครูนิค : พี่เป็นไรมากมั้ยครับ ทำไมดูหน้าซีดๆๆ

Amata : เหรอ . . .หน้าซีัดมากมั้ย . . .

ครูนิค พยักหน้า : มากเลยพี่

แล้วเราก็ให้ยื่นหน้าออกไปนอกเรือ ให้อาหารปลาไปซะหนึ่งยก . . . เฮ้อ. . . .เริ่มต้นก็เมาซะแระ . . .เมื่อไรจะึถึงหล่ะเนี่ย แล้ววันนี้ชั้นจะรอดมั้ยเนี่ย!!

แล้่วเราก็มาถึงจุดดำ้น้ำ Crystal Bay

Mola เป็นภาษาละติน มาจากคำว่า " millstone " เพราะลักษณะทางกายภาพของปลาชนิดนี้มีลักษณะเหมือนหิน ลำตัวมีสีเทา ผิวหนังหยาบ และ มีลักษณะกลมเหมือนก้อนหิน ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Ocean Sunfish เพราะดูจากลักษณะนิสัียที่ชอบขึ้นมาอาบแดดเหนือผิวน้ำ  เมื่อตัวโตเต็มวัยน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 1,000kg หรือ 1 ตัน อาศัยอยู่แถบที่มีแมงกะพรุนอยู่เยอะ เป็นสัตว์ในตระกูลปลาปักเป้า ตัวเมียออกไข่ได้มากถึงครั้งละ 300 ฟอง แต่เหลือรอดได้น้อยจากการล่าของ สิงโตทะเล วาฬเพชรฆาตและฉลาม

ปลาโมลา โมล่าอาศัยอยู่้ในน้ำลึกประมาณ 200 เมตรหรือมากกว่านั้น พบได้มากที่อุณหภูมิน้ำประมาณ 10C หรือต่ำกว่านี้ นักวิจัยคิดว่า การที่ปลาโมล่าลอยขึ้นสู่ผิวน้ำมาอาบแดด คงเป็นการขึ้นมาชาร์จความร้อนเอาไปใช้เวลาดำลงไปใต้น้ำลึกและเย็นจัดค่ะ * * ข้อมูลจากวิกิพีเดีย

ไดฟ์แรก : เมื่อเรามาถึง มีเรือมาถึงก่อนหน้าเราเป็นสิบลำ ว๊า . .. แล้วจะเจอเจ้าโมลามั้ยน๊า คนเยอะขนาดนี้ น่ากลัวปลาคงตื่นหมดแน่เลย เอาละ แต่งตัวแล้วรีบลงไปกันดีกว่า เดี๋ยวตลาดจะวายซะก่อน ใครๆๆก็ว่า น้ำที่นี่เย็นมากนะ ต้องใสุ่ชุดดำน้ำ 2 ตัว ควรจะหนาประมาณ 5 มิลถึงจะกันความหนาวได้ ครูนิคจัดเตรียมมาให้พวกเราเรียบร้อย . . ไม่ต้องเสียตังค์ อิอิ

ก่อนลงดำ้น้ำ ก็ต้องเช็คอุปกรณ์ของตัวเอง เปิดถังอากาศ เติมลมใส่ BCD เช็ค regulator ที่ใช้หายใจ และ octopus ซึ่งเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินหาก reg ขัดข้อง  . . ..ตอนเติมลมเข้าเสื้อ BCD ได้ยินเสียง ... พรึบ!!~ เอ๊ะ...เสื้อเป็นอะไร แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ ลมก็เข้าเสื้อตามปกติ แต่พอกด octopus ทดสอบดู ได้ยินเสียง ฟรี๊ๆๆๆๆ อ้าวว...รั่วซะงั้น เมื่อวานยังใช้ได้ดีอยู่เลย ทำไมวันนี้เกเรซะแล้ว -_-"

ก่อนมาก็พาไปลงเล่นน้ำที่พัทยา ทดสอบอุปกรณ์ดูแล้วนะว่าใช้งานได้ปกติดี เมื่อวานก็ไม่มีปัญหา มาวันนี้พิการซะงั้น แล้วจะเอาลงน้ำได้ไงละเนี่ย?? . . ดีที่ทางร้านดำน้ำเค้าเตรียม octopus สำรองมาด้วย เลยได้เปลี่ยนเอาของร้านดำน้ำมาใส่แทนก่อน ไม่งั้นได้ร้องไห้แงๆๆ แน่ๆเลย อุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงที่ดำน้ำ เกือบไม่ได้ลง

@ Crystal Bay เค้าว่ากันว่า น้ำเย็นมากกกกก ไอ้เราก็ไม่เคยมา กลัวจะหนาวอย่างเค้าว่า เลยยืม wetsuit ที่เป็น jacket ของรุ่นน้องมาเผื่้อ กลัวจะหนาวอย่างที่ใครๆเตือน ปรากฎว่าพอสวมเข้าไป . . โอ๊ย . . .ร้อน....หายใจไม่ออก รีบถอดออกแทบไม่ทัน พาลจะเป็นลมอีกต่างหาก  จริงๆแล้วใส่ wetsuit 2 ตัว (ชุดดำน้ำแขนยาว-ขายาวหนา 3มิลของตัวเอง 1 ตัว และ ชุดดำน้ำแขน-ขาสั้น (Shorty) ของทางร้านดำน้ำอีก 1 ตัว และมี hood เหมือนหมวกไอ้โม่งสวมหัว, ถุงเท้าดำ้น้ำและถุงมือ ก็กันหนาวได้แล้วค่ะ  เรียกได้ว่าดำน้ำครั้งนี้เป็นการแต่งชุดดำน้ำครบที่สุดเท่าที่เคยใส่ และทรมานที่สุดด้วย ปิดตั้งแต่หัวถึงเท้า กันสูญเสียความร้อนเต็มที่ ก่อนลงน้ำก็ร้อนแทบตายเช่นกัน

เมื่อใส่ wetsuit หรือชุดดำน้ำ 2 ชั้นก็ต้องเพิ่มตะกั่วที่ใช้ถ่วงตัวนักดำ้ำน้ำเพิ่มด้วย แต่เราจะต้องเพิ่มกี่ก้อนกันหล่ะ  . .. ถามครูนิค ก็ได้ความว่าปกติก็ 2 ก้อนครับ  . . อ๊ะงั้นจากปกติที่ใช้ 3 ก้อน ก็ต้องเป็น 5 ก้อนซินะ . . 5 ก้อน = 5 กก.  

การใช้ speed boat พานักท่องเที่ยวไปดำน้ำ ที่บาหลีเวลาจะลงดำน้ำ เค้าให้นั่งที่กาบเรือ แล้วหย่อนก้นออกไปนอกเรือเยอะๆ จากนั้นก็ตีลัีงกาม้วนหลังลงน้ำ - Roll back . . นักดำน้ำที่ดีต้องมีทักษะด้านยิมนาสติคลีลาด้วย ไม่งั้น ม้วนหลังลงไปอาจมีหัวแตกได้ พอม้วนตัวลงน้ำำได้ มีเสียงดัง ปึ้ด~. . .. อุ้ย. . .เจ้า mouthpiece - ฟันยางที่ใช้คาบหายใจใต้น้ำขาด และเสื้อ BCD ที่ตอนแรกได้ิยินเสียงดังพรึบตอนเติมลมบนเรือนั้น ก็มีอากาศรั่วออกมาด้วย ทำให้เราจมบุ๋งๆๆ เติมลมเท่าไรก็ไม่ลอยซักที  . . .ครูนิคช่วยด้วยยยย

ครูนิคให้เติมลมเข้าเสื้อเพิ่มแล้วว่ายเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฎว่า เจ้าเสียงพรึบที่ได้ยินตอนแรก มันคือลมที่ไปดันฝาวาล์วที่หัวไหล่ซ้ายให้คลายเกลียวออก พอเติมลมเข้าเสื้อ ลมก็ไหลออกหมดทำให้เราไม่ลอยซักที นี่ละน้าที่เค้าว่า นักดำน้ำไม่กลัวการจม เรากลัวการลอยน้ำ. . .. เมื่อแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว เช็คดูอากาศว่าเหลือเท่าไร จากปกติ 200 บาร์ เหลือแค่ 150 บาร์ กับตะกั่ว 5 ก้อน จะดำ้ได้ครบไดฟ์มั้ยเนี่ย เพราะ dive leader บอกว่าถ้าอากาศเหลือ 100 บาร์ให้บอก เราต้องเผื่ออากาศไว้ทำ safety stop ด้วย เท่ากับว่า เราเหลืออากาศใช้ได้แค่ 50 บาร์กับการดำน้ำประมาณ 35 นาทีที่ความลึก 25 เมตร . .. ป่ะ . .. ไปลุ้่นกันดีกว่าค่ะ

แต่ไดฟ์แรกเราผิดหวัง ไม่เจอปลาโมล่าเลยซักตัว เสร็จจากดำน้ำไดฟ์แรก ต้องพักน้ำอย่างน้อย 1 ชั่วโมงหรือนานกว่านั้นยิ่งดี เป็นช่วง coffee break ใครๆก็กินกาแฟ แต่เราขอหวานๆหน่อยละกัน เตรียมไมโลไปด้วยค่ะ :))  

ไดฟ์ 2 : เติมพลังหายเหนื่อยกันแล้ว ก็ลุยกันต่้อ ภารกิจพิชิต Mola ของเรายังไม่สำเร็จ ก่อนลงดำน้ำ พี่ชายเค้าพูดว่า " ไดฟ์นี้ยังไงก็ต้องเจอ มันสังหรณ์ว่า ต้องเจอ คอยดูดิ "  อ๊ะ...  " พี่บอยจิตสัมผัส " บอกมางี้ ต้องไปพิสูจน์กันใต้น้ำว่าจริงมั้ย

ตู้มม...ลงน้ำไปได้ซักพัก ก็เจอแล้ว . . .Mola Mola ปลาที่เราตามหา แต่มันอยู่กลางน้ำ และค่อนข้างไกล จึงได้แต่มองตาปริบๆๆ อ๊ะ . . อย่างน้อยก็ได้เห็นของจริงอย่างที่พี่บอยจิตสัมผัสเค้าบอกมาแระ  . . .ผ่านไปซักพัก . . .เฮ้ยยย . . ..เงาทะมึนๆอะไรตรงดิ่งมาหาทางนี้

Mola Mola ลอยมากช๊านนนน มองเห็นได้ชัดมาก น่าจะอยู่ไกลกันไม่เกิน 5 เมตร ที่ความลึก 24 เมตร น้ำเย็น 23C . . . โอ้วววว น่ารักมากเลย ปากนิด จมูกหน่อย ลอยตุ๊บป่องๆๆ อยู่ตรงหน้า . . . คุ้่มแล้วทริปนี้ leader บอกว่ามันยังเบบี๋อยู่เลย ดูซิตัวยังมีจุดสีขาวกระดำกระด่าง ขนาดก็ไม่ใหญ่มาก ถ้าโตแล้วจะเป็นสีเทาเสมอกันทั้งตัว แต่ในความคิดของเราตอนนั้น มันใหญ่มากและอยู่ตรงหน้าชั้นนี่เอง  . . .. สุดยอดดดดด

อยากรู้มั้ยคะว่ามันตัวใหญ่แค่ไหน ลองเทียบดูกับนักดำน้ำซิคะ

* * ภาพจาก Tuk Scubacute

ดูลีลาของโมล่ากันบ้าง

กำลังเข้า Cleaning Station

ทำสปาซะหน่อย บาหลีเค้าขึ้นชื่อเรื่องสปานี่นา

แหงนหน้ารับแสงอาทิตย์ ชาร์จพลังไปในตัว เสร็จแล้วต้องลงไปอยู่ในน้ำเย็นอีกนาน

ดูกันเต็มๆอีกทีกับ ปลาโมลา โมลา - Mola Mola  ปากนิด จมูกหน่อย น่ารัีกที่สุด

นอกจากปลาโมลา โมล่าแล้ว ยังมีปลาและสัตว์น้ำอื่นอีกที่กองหินใต้น้ำ แต่นักดำ้ำน้ำส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับปลาโมล่ามากกว่า สัตว์ใต้น้ำที่พบก็มี Trumpetfish หรือ ปลาปากแตร

sweetlips by Nick Foto

ไดฟ์ที่ผ่านมา ทุกคนได้เห็น Mola กันเต็มตาแล้ว ไดฟ์สุดท้ายของวัน leader ถามว่าอยากดูอะไรอีก ไม่มีใครตอบ leader จึงพาดูตัวเล็ก ตัวน้อยที่กองหิน แต่เราอยากเห็น Mola อีกเยอะๆ เมื่อกี้ยังไม่สะใจเลย ระหว่างที่คนอื่นเค้าหันหน้าเข้ากองหินดูตัวเล็กตัวน้อยกันอยู่ เราก็คอยมองออกไปกลางน้ำเรื่อยๆ

แล้วเจ้าปลาโมล่า น่าัีรัก ก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าอีกแล้ว ว่ายเ้ข้ามา ว่ายเข้ามา . . .ด้วยความดีใจ รีบเคาะแท้งค์แง๊งๆๆ เรียกคนอื่น ตื่นเต้นจัด ไดฟ์นี้หาเห็นโมล่าก่อนเพื่อน หุหุหุ  ตัวนี้เจออยู่น้ำค่อนข้างตื้น แค่ 18 เมตร แต่น้ำเย็น 23C จะรู้สึกได้ว่า เวลาปลาโมลา โมล่าจะมา อุณหภูมิของน้ำจะเย็นลงๆจนหนาว ให้คอยมองออกไปกลางน้ำได้เลย เดี๋ยวก็เจอค่ะ

เย็นวันนี้ไปกินข้าวกันที่ Kuta ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักเขต Sanur ไปประมาณครึ่งชั่วโมง เิดินเล่นที่ชายหาด Kuta beach

@ Kuta Beach เป็นแหล่งรวมความเจริญ แสง สี เสียง ทุกอย่่างเหมือนกับที่เมืองใหญ่ๆมี ดูๆไปก็คล้ายกับพัทยาบ้านเราค่ะ มีโรงแรมดังๆในเครือ 5 ดาวอยู่มาก โรงแรมเล็กๆก็เยอะ ร้านอาหารมีหลากหลายให้เลือก

น่านั่งเน๊อะ

แต่้ร้านที่เราไปกินข้่าวเย็นกันวันนี้ชื่อ Gabah ต้องเดินผ่าน Matahari Walking Street ที่มีิสินค้าเกี่ยวกับกีฬาทางน้ำขายอยู่เต็มสองข้างทางไปอีกฝากหนึ่งค่ะ

Matahari Walking Street

มีทั้งร้านเล็ก ร้านใหญ่

Rip curl

ร้านอาหาร Gabah  เมนูแนะนำวันนี้ Drunken Pork Ribs

และอีกหลายเมนูค่ะ

ระหว่างที่เดินเล่นอยู่ พบนักดำน้ำคนไทยอีกกลุ่มหนึ่ง Scubacute เดินทางมาดำน้ำที่บาหลีในช่วงวัน-เวลาเดียวกัน พี่ๆเอารูปปลาโมลา โมล่ามาอวดว่าเจอตั้ง 3 ตัวในคราวเีดียวกันที่กองหินด้านขวามือ . . .อยากเห็นบ้างอ่ะ งั้นพรุ่งนี้เราไป   เยื่ยมเจ้าโมล่ากันด้านนี้้บ้าง เผื่อจะโชคดี เจอมากกว่า 3 ตัว . . .อิอิ

วันที่ 4 : Crystal Bay and Manta Point

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการดำน้ำแล้ว ทริปนี้มาดำน้ำที่บาหลี 3 วันรวม 9 ไดฟ์ ขอส่งท้ายที่  Crystay Bay กับ Mola Mola แบบเต็มๆทีเถิ๊ด อยากเห็นปลาโมลา โมลาคราวละหลายๆตัวบ้าง . . .. ก่อนลงน้ำ พี่บอยจิตสัมผัสของเราบอกว่า . . เจอ . .ต้องเจอแน่นอน เอ้าเร็ว ใครลงก่อน หนาวก่อน เจอก่อน

ดำลงมาได้ซักพัก มองนั่นมองนี่เพลินๆๆ . . . .นานแล้วน๊าาา... ทำไมไม่มาซักทีละ โมล่าจ๋า วันนี้เค้าจะกลับบ้านแล้วนะ มา say goodbye กันหน่อยจิ . .. .แล้วอุณหภูมิน้ำก็เย็นลงๆ จนเริ่มรู้สึกหนาว มองดูหน้าปัด dive computer โอ้ววว.... 21C คงจะมาแล้วมั้ง ใช้สายตามองหาอะไรซักอย่างกลางน้ำ....... เย้ๆๆๆ เจอ Mola Mola แล้วที่ความลึก 24 เมตร เฝ้ามองอยู่ซักพัก เจ้าโมล่าก็ค่อยๆลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ เราและเพื่อนๆยังคงแหงนคอมองมันตลอดเวลา โดยไม่ได้สังเกตุความลึกของตัวเองว่ากำลังลอยตามเจ้าโมล่าขึ้นผิวน้ำด้วยเช่นกัน จนกระทั่งเห็นมันลอยเกือบจะถึงผิวน้ำด้านบนแล้ว มีเรือสองลำ ลอยตีคู่ขนานเข้าหาปลาโมลา โมลา และมีนักดำน้ำกลุ่มหนึ่งลอยตามโมลา ขึ้นไปติดๆ แล้วก็ได้ยินเสียง ตี๊ดดดๆๆๆ....... มองดูหน้าปัด dive comp......ว๊ายยย 15 เมตร เมื่อกี้ชั้นยังอยู่ที่ 24 เมตรอยู่เลย หน้าปัดแสดงคำว่า " Slow " แย่แล้ว....รีบปล่อยลมออกจากเสื้อ BCD เบรคตัวเองให้หยุดนิ่ง มองหา buddy ชั้นอยู่ไหนนะ พอเห็นว่าไม่ได้ลอยตามโมล่าขึ้นผิวน้ำก็ค่อยโล่งใจหน่อย

** ภาพประกอบจาก Tuk Scubacute

การเปลี่ยนระดับความลึกใต้น้ำจากที่ลึกขึ้นสู่ที่ตื้น ต้องค่อยเป็นค่อยไป ไมงั้นอาจเกิดอันตรายได้ เหมือนกับเราเติมลมใส่ลูกโป่ง ตอนอยู่ในน้ำลึก = ลูกโป่งแฟบ แต่เมื่อเปลี่ยนมาที่ตื้น ลูกโป่ง หรือปอดของเราจะขยายตัวใหญ่ขึ้น ถ้าเราขึ้นสู่ผิวน้ำเร็ว อาจทำให้ปอดฉีกขาดได้

ระหว่างที่หยุดอยู่กลางน้ำสายตาก็เฝ้ามองเจ้าโมล่าอยู่ตลอดเวลา เห็นมันลอยตุ๊บป่องๆๆ ขึ้นสู่ผิวน้ำแต่ตามต่อไปไม่ได้แล้ว ได้แต่เฝ้ามองอย่างเสียดายว่า ชั้นอุตส่าห์ลงมาหาข้างล่าง หนาวก็หนาว ทำไมน้องโมล่า หนีพี่ขึ้นผิวน้ำซะงั้นหล่ะ

leader ให้สัญญาณพักน้ำก่อนเตรียมตัวขึ้นเรือ ไดฟ์นี้โดน dive comp ทำโทษให้พักน้ำนานกว่าปกติ จาก 3 นาทีเป็น 5 นาที เพราะเปลี่ยนความลึกเร็วเกินไป . .. โดนทำโทษกันถ้วนหน้า มากบ้าง น้อยบ้าง ขึ้นอยู่กับว่าใครขึ้นเร็วแค่ไหนค่ะ

เมื่อพักน้ำครบตามเวลาที่ dive comp กำหนดก็ลอยตุ๊บป่องๆขึ้นสู่ผิวน้ำ ในขณะที่บางคนอาจมีปัญหาเรื่อง การเปลี่ยนระดับความลึก ถ้าขึ้นสู่ที่ตื้นจะปรับความดันได้ยากกว่าคนปกติ การเคลียร์หูแรงเกินไปจะทำให้มีเลือดออกทางจมูกได้ เรียกว่า " Reverse block "  ในขณะที่บางคนอาจมีปัญหาตอนลงน้ำครั้งแรก จะลงยากกว่าเพราะเคลียร์หูไม่้ได้ หรือเคลียร์ได้้ช้า อาจมีสาเหตุมาจากเป็นหวัด พักผ่อนน้อย หรือปัญหาในโพรงหู ค่ะ

ขณะที่พี่บอยจิตสัมผัส กำลังพักน้ำที่ความลึก 8 เมตร เจ้าโมล่าน้อย ก็ลอยเข้ามาใกล้ เฮียส่งสัญญาณ MOLAAAAA ทำมือเหมือน " คาราบาว" คนที่ยังไม่ได้ขึ้นมาบนเรือ เห็นสัญญาณรีบตีนฟินไปหา บอกลาเจ้าปลาพระอาทิตย์กันเป็นครั้งสุดท้าย  พอขึ้นมาบนเรือ คุยฟุ้งกันถ้วนหน้า ยิ้มแก้มปริเชียวที่ได้เจอโมล่าระยะประชิด แต่เราไม่เห็นตัวสุดท้ายนี่ซิ . .. เศร้าเลย

อยากดำน้ำเป็นบ้าง เผื่อจะได้เจอเจ้าปลาน้อยน่ารัก

>เขียนบน iPad (H-bobo) : อยากดำ้ำน้ำเป็นต้องไปเรียนค่ะ แล้วจะได้เจอมากกว่าโมล่าน่ารักตัวนี้ค่ะ

-  - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

หลังจากที่ได้พักน้ำ กินกาแฟ ไมโลร้อนๆๆกันแล้ว ก็เตรียมล่องเรือไปดำน้ำอีกจุดนึงที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ชื่อว่า Manta Point ที่นี่เป็นบ้านของปลากระเบนราหู - Manta ray   dive leader บอกว่ามาเมื่อไรก็เจอ ต่างกันที่มันมาก-น้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง สองวันก่อนหน้านี้่ leader บอกว่าน้ำขุ่้นมาก แค่ฝ่ามือตัวเอง ยังมองไม่ชัดเลย ลงไปแถบจะดำไม่ได้  หวังว่าวันนี้ธรรมชาติจะเป็นใจนะ  leader บอกว่า เค้าเคยเจอแมนต้ามากที่สุดกี่ัุ 21 ตัว  งั้นวันนี้เราขอแค่ 20 ตัวก็พอ... หุหุหุ

ก้อนหินก้่อนนี้เป็น landmark ของ Manta point ค่ะ ถ้าเห็นหินก้อนนี้ อีกนิดเดียวก็ถึงจุดดำน้ำแล้วค่ะ

ตามไปเจอปลากระเบนราหูหรือ Manta rays ไ้ด้ที่ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11158558/E11158558.html นะคะ

แวะมาชมครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

> กัปตันลูกชุบ : ยินดีค่ะ ตามไปดูปลาโมลา โมล่าและ แมนต้า ต่อได้ในตอนที่ 2 นะคะ มีวีดีโอให้ดูด้วยค่ะ ที่
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11158558/E11158558.html#35

 ขอบคุณสำหรับรีวิวและข้อมูลค่ะ 

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^