วันนี้มากับความหวั่นใจว่า น้ำจะมาถึงเราเมื่อไหร่น้อ...แต่ก่อนน้ำจะมาเลยเอารีวิวมาฝากกันก่อน

รีวิวของฉันที่ผ่านๆมาก็คงเห็นแล้วว่า รูปก็บ้านๆ เนื้อหาก็พอไปวัดไปวา เอาเป็นว่าเน้นประโยชน์เรื่องการแนะนำสถานที่ก็แล้วกันค่ะ

เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า .......


เมืองเวิร์ซบวร์ก(Wurzburg)หรือที่บางคนเรียกว่าวูซเบิร์ก (ออกเสียงตามภาษาอังกฤษ) เป็นเมืองที่สวยมากเมืองหนึ่งของเยอรมัน สมเป็นจุดปฐมฤกษ์ เรียกน้ำย่อยความหวานบนถนนสายนี้
http://www.wuerzburg.de/

รูปแรกเปิดมาก็มาพร้อมสายฝนเลย เข้ากับบรรยากาศตอนนี้เสียจริงๆ !

................................................


     ประตูสู่เส้นทางโรแมนติคอย่างเมืองเวิร์ซบวร์ก(Wurzburg) มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย มีมรดกโลกอย่างWurzburg Residence  มีป้อมปราการสวยๆ มีสะพานเก่าแก่ น้องๆของสะพานชาร์ลแห่งปรากตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เป็นแหล่งการเพาะปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์ของเยอรมัน และยังเป็นเมืองของบุคคลสำคัญอย่าง Wilhelm Conrad Roentgen  ผู้คนพบรังสีXrayที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้

เมืองเวิร์ซบวร์ก(Wurzburg) อยู่ในตอนกลางของประเทศเยอรมัน อยู่ในแคว้นบาวาเรียเช่นเดียวกับเมืองมิวนิค แต่อยู่ทางเหนือสุดของแคว้นเลยไปไกล้กับเมืองใหญ่อย่างแฟรงค์เฟิร์ตมากกว่า .....

  คนจึงนิยมเดินทางจากแฟรงค์เฟิร์ตเพื่อมาเริ่มต้นเส้นทางโรแมนติคกันที่นี่
 
จากเมืองเวิร์ซบวร์ก คนก็จะนิยมไปต่อกันที่เมืองโรเทนบวร์ก ดังที่เคยรีวิวให้ดูไปก่อนหน้านี้


1) *** (มินิรีวิว- เยอรมนี) -- "โรเทนบวร์ก” เมืองยุคกลางที่สวยที่สุดของเยอรมัน*** http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11054901/E11054901.html
2) ของเก่า เตรียมตัวต้อนรับ Oktoberfest 2011... กับบรรยากาศวันวานปี 2010  http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11018212/E11018212.html



แผนที่เส้นทางสายโรแมนติค

เข้ามาดู (คนแรกหรือเปล่า ก็ไม่รู้) ....ก็เพราะฝนตกนี่แหละ  true จานแดงใบ้รับประทานเลย ..... ไม่รู้จะทำอะไร

ขอตามไปเที่ยวเมือง wurzburg ด้วยคนดีกว่า

ฝนพรำ ฉ่ำชื่น กับวันคืนที่เมืองโรแมนติก
ขอเกาะขอบเลนส์ไปเที่ยวด้วยคนนะคะ :D

ตามาเที่ยวด้วยคนครับบบบ

ตามมารอชมรีวิว เส้นทางแห่งความโรแมนติกด้วยคนครับ

สิบล้อชอบเที่ยว : คนแรกจริงๆ ดีใจด้วยค่ะ
ลุงหนวด & ต้นอ้อ : ตามมาเลยค่ะ
No.18:  ยินดีค่ะ

..........................


ต่อกันดีกว่า


เวิร์ซบวร์ก ถึงแม้จะเป็น จุดเริ่มต้นของเส้นทางโรแมนติค
แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าเวิร์ซบวร์ก คงสวยสู้โรเทนบวร์กไม่ได้

แต่ถึงอย่างนั้นจุดขายก็ต่างกันไป เวิร์ซบวร์กเป็นเมืองใหญ่ ก็จะได้บรรยากาศแบบเมืองใหญ่ที่มีวิวแสนโรแมนติคอะไรแบบนั้น

Destiny-Boy : ยินดีต้อนรับค่ะ เจอกันอีกแล้ว

.............................


สำหรับการเดินทาง

   หากมาจากมิวนิคนั้นสามารถใช้ตั๋วราคาประหยัดอย่างตั๋วบาเยินได้ แต่ต้องนั่งรถช้าเท่านั้นซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงเปลี่ยนรถหนึ่งครั้งที่เมืองเนิร์นแบร์ก (Nürnberg) ส่วนรถด่วน ICE นั้นมีแทบจะทุกครึ่งชั่วโมง นั่งประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึง

   แต่หากมาจากแฟรงเฟริ์ตจะใกล้กว่า แต่ไม่สามารถใช้ตั๋วบาเยินได้ ใช้เวลาแค่ประมาณชั่วโมงครึ่ง แถมไม่ต้องต่อรถอีกตังหาก

www.bahn.de

ว่าแล้วก็มาเริ่มออกเดินทางกันดีกว่า


วันนี้ฉันออกจากบ้านแต่เช้า เพื่อจะต้องมาขึ้นรถขบวนนี้ตอนก่อน7 โมงเช้า

...................................

ซึ่งอากาศตอนเช้าก็หนาวมาก ฟ้าก็ไม่ยอมสว่างสักที

ทำได้แต่นั่งนิ่ง Keep Warm.




......

บรรยากาศที่สถานีรถไฟยามเช้า

   จะเห็นว่า

  ...ไม่มีใครบ้ามารอรถไฟแต่เช้าแบบเราเลย!!!

จากบ้านมาถึงเมืองเวิร์ซบวร์กค่อนข้างไกล ...

   ฉันอาศัยนอนเอาแรงมาในรถไฟ มาถึงนี่ก็สว่างจ้าพอดี

เมื่อถึง Wurzburg  เราเดินออกมาด้านหน้าสถานีรถไฟ

ก็จะเจอกับชุมทางรถรางด้านหน้า




.

และมีน้ำพุอยู่ตรงกลาง ดูสดชื่น.....
 
   ทำเอาเราตื่นได้ดี

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า

 Wurzburg เป็นเมืองของWilhelm Conrad Roentgen  ซึ่งเค้าค้นพบรังสีXray ครั้งแรกที่นี่

เราจึงขอแวะไปชมพิพิธภัณฑ์ของเขากันก่อน ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟนี้เอง

..................................


.....อีกมุมหนึ่งหน้าสถานีรถไฟ ............




.

พิพิธภัณฑ์Roentgen Memorial  (Roentgen-Gedaechtnis-staette)

ด้านหน้าเกือบจะหาไม่เจอ ถ้าไม่สังเกตป้ายดีๆ เพราะป้ายเป็นเพียงตัวหนังสือแอบอยู่แถวล่างสุด

แล้วคนอื่นจะหาเจอมั๊ยเนี๊ย!!!

www.wilhelmconradroentgen.de


.

เข้าไปในตึกก็ใช่ว่าจะหาเจอง่ายๆ

เพราะพิพิธภัณฑ์ซ่อนอยู่ในชั้น2ของอาคารของโรงเรียน เหมือนเป็นโซนหนึ่งอยู่ในนั้น


แต่แล้วฉันก็คลำทางมาจนเจอจนได้


.

มีป้ายเล็กๆและวิดีทัศน์เปิดโรงเล็กน้อยก่อนเข้าไปชมส่วนจัดแสดงด้านใน




..............................

.....

เข้าในด้านในปุ๊ปก็เจอคุณเรินเก้นปั๊ป

เลยต้องสวัสดีซักหน่อย



.

แวะมาดู Center of the world :P

น้ำค้างในยามเช้า :  ยินดีต้อนรับค่ะ


....................................


พิพิธภัณฑ์ที่นี่จัดแสดงของสำคญหลายอย่าง
ทั้งเครื่องXray ยุคแรก Filmxray แผ่นแรก รางวัลโนเบล และยังจัดแสดงเสมือนห้องLabดั้งเดิมของคุณเรินเก้นเลย

เดี๋ยวเราจะค่อยๆดูกันไป

 อย่างที่เห็นอันนี้คือสมุดบันทึกของเขา


.

รางวัลโนเบลตัวเป็นๆ


.

ตามไปด้วยคนค่ะ

ภาพxray แผ่นแรก ที่เป็นตำนาน ของภรรยาเค้าเองสวมแหวนแต่งงาน


.

Happy_Jeab : มาเลยค่ะ

...................


มีส่วนจัดแสดงเสมือนห้องLabดั้งเดิมของคุณเรินเก้น


.

เครื่อง Xray ยุคแรก น่าสนใจทีเดียว

เดี๋ยวรูปต่อไปจะให้ดูว่าเค้า x ray กันยังไง

มีรูปแสดงให้ดูว่าเค้า xray กันยังไง

เอาแขนใส่เข้าไปในเครื่องแบบนี้


.

หลอดไฟกลมๆที่เห็นนั่นแหละค่ะคือหลอด Xray ที่เค้าผลิตขึ้น
สมัยนั้นยังไม่รู้ความร้ายแรงของรังสี จึงยังไม่มีตัวกำบังใดๆ
หลอดXray ก็จะส่งแสงออกมา แล้วเอาFilm ไปรับ
ก็จะได้ภาพออกมาอย่างภาพที่เห็นอยู่ข้างหลัง
เป็นภาพกระดูกแขน ดั่งรูปที่โชว์ก่อนหน้านี้



.

หลอด Xray หลายแบบ หน้าตาเหมือนหลอดไฟ



.

Film xray สมัยก่อนของจริง  เอามาโชว์



.

Collection คุณเรินเก้นที่นึกสนุก เอาอะไรหลายอย่างไปถ่ายรูปเล่น

 มีจิ้งจกด้วย   แหวะะะะะ



.

จะว่าไปแล้ว คุณเรินเก้นเค้าก็คงสนุกกับการค้นพบ และคงเป็นสิ่งที่อัศจรรย์มากในการที่พบว่าสามารถถ่ายรูปออกมาได้

น่าสงสารที่เค้าไม่รู้ถึงความร้ายแรงของมัน เมื่อเค้าคลุกคลีกับมันทุกวัน จนวันหนึ่งเค้าก็เริ่มได้รับผลจากการโดนรังสีมากเกินไป แล้วก็จากเราไป  

ว้าาา จุดจบของผู้มีชื่อเสียง มักจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งไปสิน้า


.........................


ตัวอย่างการเอ็กเรย์ปอด สมัยนั้น


.

จบจากพิพิธภัณฑ์ เราเดินกลับมาที่หน้าสถานีรถไฟเหมือนเดิมเพื่อนั่งรถรางเข้าเมืองจริงๆแล้ว ...




..........................

บนรถรางของ Wurzburg มีไม่กี่สาย ไม่ซับซ้อน

ดังที่เห็น


.

ตอนนี้ก็ขึ้นรถราง มาแล้ว

ได้วนดูน้ำพุอีกรอบ



.

คนไม่เยอะนัก  ได้นั่ง

.

รูปปั้นข้างตึก   กับสายรถรางที่พาดไปมา



.

ฉันนั่งรถรางมาลงในเมืองแล้วก็เดินชมเมืองต่อ  

พอลงจากรถก็ต้องกางร่มต่อ เพราะฝนบุกเวิร์ซบวร์กซะแล้ว




.

เวิร์ซบวร์กเป็นเมืองใหญ่ระดับนึง

จึงมีร้านค้ามากมาย


..

พื้นถนนเฉอะแฉะ   ฝนหยุดบ้าง ตกบ้าง

ฉันกำลังมุ่งหน้าเดินไปยังสะพานเก่าแก่สัญลักษณ์ของเวิร์ซบวร์ก

หอคอยยอดแหลมแบบโรมาเนสก์ที่เห็นทางด้านขวา สร้างตั้งแต่งปี1316 คือศาลาว่าการเมือง.

ตรงข้ามศาลาว่าการเมือง มีน้ำพุ ซึ่งมักเป็นจุดนัดพบ


.

ฉันเดินตรงไปเรื่อย เพื่อไปสะพานเก่าแก่สัญลักษณ์ของเวิร์ซบวร์ก  และตอนนี้ก็มาถึงตีนสะพานแล้ว แค่โผล่พ้นจากมุมตึกนี้

รับรองทุกคนจะต้องร้อง  "ว้าวววววว"




.

"ว้าวววววว"  





.

วิวซ่อนตัวอยู่หลังมุมตึก บนสะพานเก่า (Alte Mainbruecke )

โผล่ออกมาก็จะเจอกับ วิวแม่น้ำไมน์  โรแมนติคมากกกกก



.

ไล่มองวิวจากทางซ้ายมือ

วิวเบื้องหลังคือ ป้อมปราการ Marienberg (Festung Marienberg)  ที่โดดเด่นตระการตา

ช่วงที่ไป โชคดีที่ได้เจอใบไม้เปลี่ยนสีทั้งเขียว ส้ม แดง สวยละลานตา แต่ก็โชคร้าย ที่ฝนตกพอดี๊  พอดี


.

นอกจากจะมีใบไม้เปลี่ยนสี จึงมีร่มหลากสีไปด้วย



.

สวย ฉ่ำ



.

จากมุมนี้

สังเกตในภาพจะมีสิ่งก่อสร้างสองแห่ง

ด้านใกล้คือป้อมปราการ Marienberg แบบบารอค

ส่วนมุมไกลนั้นคือโบสถ์โรมาเนสก์St Burkardอันเก่าแก่  ตั้งแต่ปี1042


.

เบื้องล่างของป้อมที่เห็นเขียวๆ นั่นคือไร่องุ่นทั้งหมด

ดั่งที่ทราบว่าที่นี่เป็นแหล่งการเพาะปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์ของเยอรมัน


.

ซูมโบสถ์St Burkardอันเก่าแก่ที่อยู่ไกลออกไป

นอกจากโบสถ์St Burkardอันเก่าแก่ สิ่งก่อสร้างที่ติดกันนั้นคือคุกเก่าที่ไว้คุมขังนักโทษหญิง(Ehemaliges Frauenzuchthaus)  



.

ภาพสะพานเก่าที่มีป้อมปราการ Marienberg เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของเวิร์ซบวร์ก

ซึ่งถ้าใครมาถึงที่นี่แล้วไม่ได้ถ่ายรูปมุมนี้กลับไป ก็เท่ากลับว่ายังมาไม่ถึง


.

กลับมาชมสะพานเก่า (Alte Mainbruecke) กันบ้าง

คนที่เคยไปปรากมา หรือ ดูละครเรื่องกลรักลวงใจ คงจะบอกว่า นี่มันหน้าตาเหมือนสะพานชาร์ลอันโด่งดังเลย
คนที่เคยเห็นของจริงมาแล้ว ก็จะยิ่งบอกว่าเหมือน !
เพียงแค่อลังการน้อยกว่า สะพานสั้นกว่าก็แค่นั้น



.

สะพานที่เวิร์ซบวร์ก ก็สร้างในยุคใกล้เคียงกับที่กรุงปราก จึงเป็นไปได้ที่จะเป็นศิลปะแบบเดียวกัน ไม่ได้ลอกกันมาแต่อย่างใด



.

สองข้างสะพานจะมีรูปนักบุญปูนปั้นประดับอยู่


อาจจะไม่อลังการเท่าแต่ก็โรแมนติคไม่แพ้กรุงปรากเลย  


.

ถึงแม้ฟ้าจะดูหม่นๆ  แต่ก็โรแมนติคไปอีกแบบ


.

วิวเรี่ยไร ริมฝั่งแม่น้ำ



.

แล้วก็ลองมองไปไกลๆ ดูบ้าง   จะเห็นภูเขาแห่งไร่องุ่น สุดลูกหูลูกตา




.

ภูเขาที่เห็นนั้น เป็นไร่องุ่นทั้งหมด


ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการไปเที่ยวเยอรมันในแหล่งปลูกองุ่นก็คือช่วงกย.-ตค. ซึ่งจะเป็นช่วงที่องุ่นโตสวยพอดี หากเป็นพย. เถาว์จะเริ่มแห้งและถูกเก็บเกี่ยวไปเยอะแล้ว


.

ตอนนี้ ลองกลับหลังหันมามองเข้าเมืองดูบ้าง

สองอาคารยอดแหลมที่เห็นทางซ้ายมือนั่นคือศาลาว่าการเมืองแบบโรมาเนสก์ที่เห็นกันไปแล้ว

ส่วนตึกสีแดงมียอดแหลมสองยอด ที่อยู่ตรงกลางภาพ นั่นคือมหาวิหารเซนต์ คิลเลี่ยน (Dom St Kilian) ซึ่งอยู่สุดปลายถนน


.

ตอนนี้เราจะเดินกลับเข้าเมือง เพื่อไปเที่ยวในเมืองกันต่อ

ฝนตกมันช่างทุกลักทุเล   ถ่ายรูปไป ถือร่มไป

ทั้งกล้อง ทั้งตัว  เปียกบ้างอะไรบ้าง


.

เราเดินตรงแหนว ไปเรื่อยๆเลย มีมหาวิหารเซนต์ คิลเลี่ยน (Dom St Kilian) อยู่ตรงหน้า


.

มหาวิหารเซนต์ คิลเลี่ยน (Dom St Kilian)

สะท้อนสถาปัตยกรรมเยอรมันในยุดศตวรรษที่11-12 ได้เป็นอย่างดี สิ่งก่อสร้างแบบโรมาเนสก์ที่สมบูรณ์แบบ ติดอันดับหนึ่งในสี่ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมัน

www.dom-wuerzburg.de


.

ห่างกันไม่ไกล

Neumuenster คือโบสถ์สำคัญอีกโบสถ์หนึ่งของเวิร์ซบวร์กที่เราเดินผ่าน  
ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิหารเซนต์ คิลเลี่ยนและเริ่มก่อสร้างช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน  

ข้างๆกับอาคารสีแดงอันงดงามนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์ของมหาวิหารตั้งอยู่ด้วย ภายในมีงานศิลปะแบบ Modern art ให้ชม
www.museum-am-dome.de



.

ที่ Wurzburg ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่ห้ามพลาด

นั่นก็คือเรสซิเดนส์(Residence) อดีตที่ประทับของprince bichop
ซึ่งจัดว่าเป็นพระราชวังที่งดงามมากแห่งหนึ่งของยุโรปและยังเป็นมรดกโลกอีกด้วย ภายในมีห้องโถงที่งดงาม และมีภาพเฟรสโกบนเพดานที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง

http://www.residenz-wuerzburg.de/


..ขออนุญาตยืมภาพมาจาก Wikipedia

ก่อนจะลากลับบ้าน  ฉันกลับมาที่สถานีรถไฟอีกครั้ง

คราวนี้สายตามองไปเห็น  บ้านนก แถวๆสถานีรถไฟ

เพิ่งรู้ว่า นกที่Wurzburg เค้าอยู่คอนโดกัน  !!

จบการเดินทางที่ Wurzburg ในคราวนี้  ถึงฟ้าฝนจะไม่เป็นใจเท่าไหร่

แต่ก็ไม่เสียแรงที่มา เพราะที่นี่โรแมนติค สมระดับ เป็นต้นสายเส้นทางโรแมนติคจริงๆ  

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ



.

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ ^^

ปลาผัดคื่นช่าย :   ยินดีค่ะ

สวยงามมากค่ะ  อยากไปบ้างจังเลย  
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ เมืองนี้สวยจริงๆ จนชักจะสนใจโรแมนติกโรดขึ้นมาทันที รบกวนสอบถามเป็นเบื้องต้นว่า ปกติแล้วเส้นทางโรแมนติกโรดนี้มักจะนิยมขับรถเที่ยวหรือเปล่าครับ เห็นจุดแวะจากแผนที่ด้านบนมีเยอะเหลือเกิน แล้วโดยทั่วไปจะใช้เวลาเที่ยวประมาณกี่วัน

ขอบคุณครับ

มาเกือบไม่ทัน ^^ สวยมากๆเลยค่ะ ชุ่มฉ่ำไปนิดๆ แต่ก็สวยไปอีกแบบเลย

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

ได้เห็นภาพจาก wurzburg ในบรรยากาศเหงาๆแล้ว
ชวนให้นึกถึง อยากกลับไปเที่ยวอีก

Red-Rose-14Feb  : ขอบคุณที่แวะมาเช่นกันค่ะ

ilovesassygirl : มีการขับรถเที่ยวและ ทัวร์ด้วยรถบัส www.romanticroadcoach.de   โดยส่วนใหญ่คนมักไม่ได้เที่ยวทั้งเส้น แต่จะนิยมทางเป็นตอนล่างเพราะเดินทางง่าย สวย และยังมีดาราอย่างปราสาทนอยชวานไตน์เป็นตัวปิดท้าย ถ้าเที่ยวเฉพาะข้างล่างก็ประมาณ 3 วัน แต่ถ้าเที่ยวทั้งเส้นน่าจะสัก 2 อาทิตย์ค่ะ


แม่น้องบูม : ยังทันอยู่ค่ะ คุณแม่

Naddh : ใช่ค่ะ ดูเหงาๆจริงๆ

ถึงฝนจะตก แต่ก็ยังสวยนะคะ บรรยากาศน่าไปเดินเล่นมากค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ ^^

Blue Whale : ขอบคุณที่แวะมานะคะ เตรียมตัวเก็บข้าวของระวังน้ำกันด้วยนะคะ

สวยมากๆค่ะ

... สวยจังค่ะ ...

ขอบคุณสำหรับรีวิวน่ารักๆๆๆครับ รอชมตอนต่อไปครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^