[SR-TBA2011] The Rock Resort ปางมะผ้า : พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยสมองสองมือกับไอเดียแจ่ม เนรมิตป่าหิน สู่รีสอร์ทสวย บรรยากาศดีริมน้ำ เพียงอึดใจเดียวจากปาย

ในที่สุดก็มาถึงรีสอร์ทแห่งสุดท้าย จากทั้งหมด 6 แห่งที่ผมรับมาครับ
(ขออนุญาตย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า เหตุผลที่ผมได้รับมอบหมายมา 6 แห่งเพราะเดิมผมเลือกจับฉลากทำที่เชียงใหม่ 3 แห่ง ส่วนที่พักโซนปาย-ปางมะผ้า อีก 3 แห่งไม่มีใครเลือกและสะดวกมาทำรีวิวเลย จนกระทั่งสัปดาห์สุดท้าย ผมพอจะเคลียร์คิวให้ว่างได้จึงตอบตกลงกับพี่ปู หลังจากที่พี่ปูได้ส่งเมล์เชิญชวนไปยังนักรีวิวทุกคนมานานหลายสัปดาห์ครับ สำหรับท่านใดที่มีปัญหาค้างคาใจอะไร รอปีหน้า TBA2012 ถ้าผมทราบความคืบหน้าอะไรจะรีบแจ้งให้ไปสมัครเข้าร่วมเป็นนักรีวิวในโครงการเลยครับ จะได้มีสิทธิ์ทำรีวิวที่พักกันถ้วนหน้า ช่วงนี้ก็สั่งสมประสบการณ์ ทำรีวิวท่องเที่ยวไปพลางๆ ก่อนนะครับ เพราะเขาก็จะคัดเลือกจากคนที่มีประสบการณ์เคยทำรีวิวมาก่อนด้วยเช่นกันครับ)

รีวิวในโครงการ Thailand Boutique Awards 2011 ของผมในปีนี้มีดังนี้ครับ
1. วีว่า ซิตี้ โฮม รีสอร์ท เชียงใหม่ (ที่พักฉลากใบสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่ไม่มีใครรับไป แต่ก็ดีแล้วหล่ะครับเพราะคนต่างถิ่นอาจมีงง)
[SR-TBA2011] Lovely-Friendly-Smiley @ Viva City Home วีว่า ซิตี้ โฮม บูติกรีสอร์ทขนาดเล็ก ชานเมืองเชียงใหม่
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11113370/E11113370.html

2. แทมมาริน วิลเลจ เชียงใหม่
[SR-TBA2011] Truly Chiang Mai : Truly Tamarind Village สัมผัสประสบการณ์ "เชียงใหม่" ณ แทมมาริน วิลเลจ กลางเวียง
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11146957/E11146957.html

3. อรุณธารา เชียงใหม่
[SR-TBA2011] Aruntara Chiang Mai : บูติกรีสอร์ทหรูเงียบสงบริมน้ำปิงมาตรฐานโรงแรมเชนดัง ที่ใครได้มาพักอาจหลงรักได้ง่ายๆ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11165037/E11165037.html

4. ริมปายคอทเทจ - กระท่อมริมปาย อำเภอปาย แม่ฮ่องสอน
[SR-TBA2011] Rim Pai Cottage : เงียบสงบสะดวกเรียบง่าย พักผ่อนสบายบนเรือนไทยใหญ่ ณ กระท่อมริมปาย ติดถนนคนเดิน
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11173585/E11173585.html

5. ปาย ฮ๊อทสปริง สปารีสอร์ท อำเภอปาย แม่ฮ่องสอน
[SR-TBA2011] Pai Hot Spring Spa Resort : สัมผัสประสบการณ์ อาบน้ำแร่แช่น้ำร้อน ผ่อนคลายสบายในบ่อส่วนตัว เงียบสงบริมน้ำปาย http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11174272/E11174272.html

-----------------------------------------------------------------------------
และที่นี่คือ The Rock Resort อำเภอปางมะผ้า แม่ฮ่องสอน

เรียกได้ว่าแทบหืดขึ้นคอ แต่ก็ทำให้ผมได้รับประสบการณ์อะไรหลายๆ อย่าง ทั้งนี้อยากจะบอกว่า The Rock Resort ที่ผมเลือกทำรีวิวเป็นแห่งสุดท้ายนี้ เป็นรีสอร์ทที่ผมได้มีโอกาสคลุกคลีกับเจ้าของรีสอร์ทได้มากกว่าที่อื่นๆ เต็มเปี่ยมตลอดระยะเวลา 2 วัน 1 คืนเนื่องด้วยทางเจ้าของได้ให้การต้อนรับที่ประทับใจเสมือนเป็นแขกมาเที่ยวบ้าน เรียกได้ว่านับตั้งแต่ผมขับรถมาถึงตัวอำเภอปางมะผ้า จนกระทั่งขับกลับจากปางมะผ้าเลยทีเดียว  

ก็เพราะความที่ตัวเจ้าของเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีมากๆ เราจึงได้มีโอกาสรู้จักความเป็นมาของตัวเขา และจุดกำเนิดของที่นี่ ที่มิใช่มีเพียงแค่เงินก็ทำได้ แต่ต้องมีความตั้งใจขยันหมั่นเพียร ในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จ ซึ่งความเพียรนี่หล่ะ เป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่า เป็นสิ่งที่ทำให้คนเราประสบความสำเร็จได้ (อย่างตัวผมเอง ผมเป็นคนเรียนไม่เก่งครับ จบ ม.ปลายด้วยเกรดแค่ 2.8 แต่เผอิญว่าสอบติดคณะสัตวแพทย์ และโชคดีที่ได้เพื่อนดีจึงเรียนจบ 6 ปีไม่มีแถม ซึ่งถ้าผมขาดความเพียร ผมคงไม่สามารถสอบติดและเรียนจบได้เป็นแน่แท้ครับ) ผมจึงผมเชื่อว่า ด้วยความตั้งใจของเจ้าของรีสอร์ท จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ไฟแรง โดยเฉพาะกลุ่มที่เพิ่งจบใหม่ทำงานได้ไม่นาน และกำลังเริ่มสร้างฐานะ เริ่มสร้างครอบครัวมีกำลังใจจะฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ เพื่ออนาคตอันสดใสได้เช่นกัน

บางท่านอาจจะงงๆ ว่า อันนี้รีวิวโรงแรมนะ แต่ความเป็นจริงแล้ว สำหรับโครงการ Thailand Boutique Awards 2011 ไม่ทำให้ผมได้เพียงประสบการณ์การเข้าพักในที่พักสวยๆ หรือ แค่ได้พบเห็นการบริหารจัดการโรงแรมอย่างไรเท่านั้น แต่ทำให้มีโอกาสได้รู้จักและเรียนรู้ว่า กว่าที่เจ้าของหรือผู้บริหารเขาจะก้าวมาถึงจุดจุดนี้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง ได้เรียนรู้วิธีการคิด การบริหารจัดการ ที่นับว่าน่าสนใจมาก สำหรับใครที่ตั้งใจอยากจะเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง และเริ่มที่จะหาอะไรเป็นสมบัติของตนเองบ้างด้วยเช่นกันครับ ซึ่งบางท่านก็คงตั้งธงอะไรในชีวิตไว้แล้วว่า อยากจะมีอะไรบ้างในอนาคต อยากมีสถานที่พักกายพักใจอยู่ได้อย่างสบายยามบั้นปลายของชีวิตก็เป็นได้ครับ

กระทู้นี้ เราจะได้รู้กันว่า การพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส การทำป่าหินรกร้างว่างเปล่า ให้กลายเป็นรีสอร์ทที่สวยงาม มีการบริหารจัดการแบบครอบครัวที่ดีนั้น เป็นอย่างไร ผมเชื่อว่า อ่านกระทู้นี้จบแล้ว หลายๆ คนน่าจะรู้สึกมีแรง มีกำลังทีจะสู้ชีวิตกันต่อไปได้แน่นอนครับ

เดอะร๊อครีสอร์ท อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน
เว็บไซต์ : http://www.therockresort.com

สำหรับเดอะร๊อครีสอร์ท ปางมะผ้า ได้เคยเข้าร่วมโครงการ Thailand Boutique Awards 2010 ด้วย
ซึ่งในครั้งนั้นคุณ summa ได้เป็นคนรีวิวโรงแรมนี้ จนทำให้โรงแรมได้สโลแกนไปต่อยอดได้อีกว่า “...แล้วคุณจะหลงรักปางมะผ้า”

และในปีนี้ The Rock Resort ได้เข้าประกวดในกลุ่ม Basic Accommodation สาขา Nature ที่พักอิงแอบธรรมชาติครับ ซึ่งด้วยที่ตั้งก็นับว่าได้เปรียบกว่าที่พักแห่งอื่นพอสมควร ก็ลองมาดูกันครับ

สถานที่ตั้ง การเดินทาง : ปางมะผ้า เพียงอึดใจเดียวจากปาย

ผมคิดว่าหลายๆ ท่านอาจจะไม่รู้จักอำเภอปางมะผ้าครับ
ตัวอำเภอปางมะผ้าตั้งอยู่ระหว่าง อำเภอปาย กับ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน
จะอยู่ห่างจากตัวเมืองปายไปทางทิศตะวันตกราว 45 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถราว 40 นาทีได้แบบสบายๆ ทางไม่คดโค้งโหดแบบทางช่วง แม่มาลัย-ปาย แถมมีจุดให้พักรถชมวิวสบายๆ ที่จุดชมวิวดอยกิ่วลม ซึ่งอยู่ระยะครึ่งทางปาย-ปางมะผ้าพอดี

ถ้าหากนับจากเชียงใหม่ จะอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ราว 180 กิโลเมตร พอๆ กับเส้นทาง เชียงใหม่-เชียงราย ใช้เวลาเดินทางยิงยาวจากเชียงใหม่แบบสบายๆ ราวไม่เกิน 3 ชั่วโมงครึ่ง (เที่ยวขากลับผมเคยทำเวลาได้เร็วที่สุด 2.45 ชั่วโมงในช่วงเช้ามืดไม่ค่อยมีรถครับ)

## ปาย – ปางมะผ้า - ปางอุ๋ง ##
แน่นอนว่า ทุกท่านรู้จัก อำเภอปาย และ ปางอุ๋ง สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดแม่ฮ่องสอน
หลายๆ ท่านคงอาจจะเคยไปปาย จนหลับตาได้แล้ว ยิ่งช่วงหน้าหนาว ผู้คนพลุกพล่าน แย่งกันกินแย่งกันใช้ ที่พักราคาสูงลิบลิ่ว
หาความสงบไม่ได้ จากนั้น ท่านก็อาจจะต่อยอดไปปางอุ๋ง โดยใช้ปายเป็นจุดเริ่มต้นนั่นเอง  ซึ่งการเดินทางจากปาย ไปปางอุ๋ง ก็ต้องผ่านอำเภอนี้ครับ “อำเภอปางมะผ้า” อำเภอนี้มีธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นถ้ำน้ำลอด ถ้ำผีแมน เป็นอำเภอที่ติดอยู่กับชายแดนพม่าเพียง 40 กิโลเมตรจากตัวอำเภอเท่านั้น ละแวกชายแดนก็จะมีชนกลุ่มน้อยของพม่า อย่างไทยใหญ่ (เจ้ายศศักดิ์) และ ว้าแดง แต่ก็อยู่กันอย่างเงียบสงบดีครับ

สำหรับท่านที่เช่ารถยนต์ขับเองมาจากเชียงใหม่ หรือจากปาย ท่านสามารถเลือกที่จะหยุดพักค้างคืนที่ปางมะผ้า แทนที่จะเป็นปายได้
โดยท่านที่ไม่ต้องการจะไปค้างบนปางอุ๋ง ซึ่งที่พักทั้งหมดเป็นแบบโฮมสเตย์ อารมณ์ลุงปาละ ซึ่งอาจจะไม่ได้ให้ความสะดวกสบายเท่ากับรีสอร์ททั่วๆ ไป ท่านสามารถขับรถออกจากปางมะผ้าเช้ามืด เพื่อจะไปปางอุ๋งก็ยังได้ครับ ย่นระยะทางไปได้ถึง 40 กิโลเมตรเลยทีเดียว

หรือถ้าต้องการซื้อทัวร์ไปปางอุ๋งแบบวันเดย์ทริปไป-กลับจากปาย หลังจากที่ไปเที่ยวปาย ซื้อทัวร์มาแล้ว มาแวะเที่ยวปางมะผ้า แล้วให้รถตู้แวะรับ-ส่งที่ปางมะผ้า เพื่อจะไปปางอุ๋งก็ยังได้ครับ ก็จะตื่นได้สายกว่าลูกทัวร์คนอื่นๆ ที่เริ่มต้นที่ปายได้หน่อยนึง

ตอนนี้อากาศเริ่มเย็น เห็นหมอกจากๆ จากไอฝนด้วยครับ

การเดินทางโดยเครื่องบิน
ท่านที่ต้องการย่นระยะเวลาในการเดินทาง และต้องการความสะดวกสบาย เมื่อท่านบินมาลงที่สนามบินเชียงใหม่ แล้ว ท่านสามารถใช้บริการของสายการบินกานต์แอร์ ต่อเครื่องไปลงที่อำเภอปายได้เลย ในเส้นทาง เชียงใหม่-ปาย-เชียงใหม่
(ควรเลือกเที่ยวบินไฟล์ทเช้าที่มาถึงสนามบินเชียงใหม่ก่อน 9.30 น. ครับ)
สายการบินกานต์แอร์ http://www.kanairlines.com
เชียงใหม่ – ปาย KND741 10.40 – 11.05 น.
ปาย – เชียงใหม่ KND742 11.20 – 11.45 น.
หมายเหตุ : ในช่วงเทศกาลหน้าไฮ มีการเพิ่มเที่ยวบิน เชียงใหม่-ปาย-เชียงใหม่ เป็น 9 เที่ยวบิน/สัปดาห์ น่าจะเพิ่มเป็นวันศุกร์ และ อาทิตย์ครับ โปรดตรวจสอบตารางบินจากเว็บไซต์สายการบินอีกครั้งหนึ่ง
(กรณีบินกลับกรุงเทพควรเลือกเที่ยวบินช่วงบ่ายเพื่อความสบายใจ หรือจะแวะเที่ยวเชียงใหม่ก่อนก็ได้ครับ)

เช่ารถยนต์แบบขับเองจากปาย
Northwheel บริษัทรถเช่าท้องถิ่นคุณภาพ (มีสาขาที่ เชียงใหม่, เชียงราย, ปาย) มีบริการรับ-ส่งรถฟรีที่สนามบินปาย หรือตามจุดนัดหมายในตัวอำเภอปาย ซึ่งเราสามารถขับต่อไปยังอำเภอปางมะผ้าได้อย่างสบายๆ ได้สัมผัสไอหมอก อากาศเย็นสบายๆ ทางไม่คดโค้งขับลำบากจนเกินไป อีกแค่ 40 นาทีก็ถึงปางมะผ้าแล้ว หรือจะเช่ามอเตอร์ไซด์ขี่จากปายไปปางมะผ้าก็ได้ แต่ผมคิดว่าอาจจะค่อนข้างลำบากนิดนึงครับ เพราะต้องไต่ดอยหลายลูกอยู่ เกรงว่าจะเหนื่อยเกินไปครับ
บริษัทนอร์ทวีลล์จำกัด : http://www.northwheels.com
(สามารถใช้ Voucher 888 บาทได้ตามปกติ แต่ไม่สามารถเช่าที่ปายมาคืนที่เชียงใหม่ หรือขับจากเชียงใหม่ไปคืนที่ปายได้ เงื่อนไขสำคัญมีการประกันวงเงินบัตรเครดิต 5,000 บาทซึ่งผู้เช่าจะต้องมีบัตรเครดิตครับ กรุณาจองรถล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ เพราะรถที่ปายมีจำกัด อาจเต็มแน่นได้ในช่วงหน้าไฮครับ)

การเดินทางโดยรถประจำทาง จากเชียงใหม่ หรือ จากปาย
บริษัทเปรมประชาขนส่ง ให้บริการรถตู้และรถเมล์ประจำทางในเส้นทาง เชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน
จากสถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่ และท่ารถอำเภอปาย ซึ่งรถที่ไปแม่ฮ่องสอนทุกคันสามารถจอดรับ-ส่งผู้โดยสารได้ที่อำเภอปางมะผ้า และสามารถขอให้จอดส่ง ได้ที่หน้า The Rock Resort เพียงแจ้งว่าจะลงที่เดอะร๊อค ตรงกันข้ามกับสถานีตำรวจภูธรปางมะผ้า เท่านั้นเองครับ และถ้าหากจะต่อยอดไปแม่ฮ่องสอน ก็สามารถนั่งรถตู้ หรือ รถประจำทาง หรือรถสองแถวสีเหลือง ไปแม่ฮ่องสอนได้เช่นกัน

สถานที่ตั้งของเดอะร๊อค
เมื่อขับถึงอำเภอปางมะผ้าก็จะผ่านชุมชนใหญ่ มีตลาดอยู่ ขับผ่านตัวอำเภอไปราวไม่เกิน 1 กิโลเมตร ซึงจะผ่านสะพานข้ามแม่น้ำไปอีกราวๆ 500 เมตรก็เตรียมชิดซ้าย หาได้ไม่ยากเลยครับ เพราะเดอะร๊อคจะอยู่ฝั่งซ้าย ฝั่งขวาเป็นเนินมีสถานีตำรวจอยู่ข้างบน จึงสบายใจได้ในความปลอดภัยครับ ตำรวจอยู่ข้างบนนี่เลย

สำหรับตลาดนัดใหญ่ของปางมะผ้าในภาพ มีเฉพาะวันอังคารวันเดียวครับ
ตั้งแต่เช้ามืดยันเที่ยงๆ บ่ายๆ ก็จะเก็บข้าวของกันครับ ....

จุดเด่นของ The Rock : รีสอร์ทสวยริมน้ำ

1. สถานที่ตั้ง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำลอง ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านตัวสบป่อง หรืออำเภอปางมะผ้านั่นเอง เป็นช่วงห้วงโค้งที่มีผาหินสูงอยู่พอดี นอกจากจะอยู่ริมแม่น้ำแล้ว ยังอยู่ติดถนนหลวงสาย 1095 เชียงใหม-ปาย-แม่ฮ่องสอนด้วยเช่นกัน จึงทำให้นอกจากได้สัมผัสบรรยากาศริมน้ำแล้ว ยังเดินทางได้สะดวกอีกด้วยครับ จึงเหมาะมากสำหรับการใช้เป็นจุดแวะพักค้างคืน ก่อนที่จะข้ามไปปางอุ๋ง

จุดเด่นของ The Rock : รีสอร์ทสวยริมน้ำ (ต่อ)

2. บรรยากาศแวดล้อม สวนสวย ผาหิน สะพานไม้ ผมคิดว่าใครที่ได้มาสัมผัสจะต้องรู้สึกชอบ โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบเรื่องต้นไม้ สนใจเรื่องการจัดสวน หรือกำลังมีแผนอยากจะมีบ้าน อยากจะจัดสวน เชื่อว่ามาที่นี่แล้วจะได้ไอเดียไปทำสวนที่บ้านได้อีกเยอะ เพราะสวนที่นี่ก็ถือว่าสวยใช้ได้เลยทีเดียว ไหนจะบรรยากาศผาหิน มีแม่น้ำ และมีสะพานข้าม สามารถเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ นั่งทำงานในมุมเงียบสงบกลางที่พักก็ได้อย่างสบายๆ ยิ่งกลางคืนยิ่งเงียบใหญ่เลยครับ

ตามไปชมรีสอร์ทริมน้ำสวยๆด้วยคนครับบบบ

จุดเด่นของ The Rock : รีสอร์ทสวยริมน้ำ (ต่อ)

3. สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันที่พักได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักที่สามารถพักได้อย่างสบายตั้งแต่ 2-7 คนในหลังเดียวกัน เลือกทำเลห้องพักได้ว่าอยากจะได้วิวริมน้ำ วิวสวน หรือแบบสองชั้น หรือแบบที่ได้เห็นวิวหินแบบเต็มๆ

ภายในห้องมีอุปกรณ์มาตรฐานก็คือ ทีวีคมชัด (สำหรับห้องเล็กจะเป็นทีวีปกติ ถ้าเป็นห้องใหญ่จะเป็น LCD TV ติดตั้งทั้งชั้นบนและล่าง) มีตู้เย็น เครื่องปรับอากาศทุกห้อง เครื่องทำน้ำอุ่นแบบใช้แก๊ส มีลานสามารถทำกิจกรรมก่อกองไฟ ทำอาหารปิ้งย่างได้ และในอนาคตจะมีการสร้างสระว่ายน้ำเพิ่มเติมด้วย

ช่วงนี้ฝนตกบ่อย ปาดดด เยอะนะคร้าบบ

ยินดีค้าบบ ....

-------------------------------------------------------------
จุดเด่นของ The Rock : รีสอร์ทสวยริมน้ำ (ต่อ)

4. การบริการเป็นกันเองแบบครอบครัว ซึ่งทางเจ้าของก็ได้รีบออกตัวก่อนว่าการบริการอาจจะไม่เต็มที่เท่าไหร่ แต่ผมกลับมองว่าการบริการแบบเป็นกันเองนี่หล่ะครับคือจุดเด่นที่รีสอร์ทใหญ่ไม่สามารถทำได้

เริ่มตั้งแต่ การโทรศัพท์จองห้องพัก เชื่อไหมครับว่า เบอร์ที่ให้ไว้ในเว็บไซต์ หรือป้ายหน้ารีสอร์ท คือเบอร์สายตรงของเจ้าของ ซึ่งเจ้าของก็จะเป็นคนคุยติดต่อกับลูกค้าเอง รับจองห้องเองเสร็จสรรพ (ยกเว้นช่วงกลางคืนที่มีคนดูแลรีสอร์ทอยู่)

และเมื่อลูกค้ามาถึงก็จะได้พบกับการต้อนรับที่อบอุ่น เพราะเจ้าของเข้ามาดูแลด้วยตนเองทุกวัน จึงทำให้มีลูกค้าไม่น้อยที่เคยใช้บริการแล้ว จะกลับมาใช้บริการอีก ก็เพราะอัธยาศัยไมตรีของเจ้าของนั่นเอง

อีกทั้งที่นี่ยังได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานราชการต่างๆ เมื่อมีข้าราชการต้องมาค้างคืนที่ปางมะผ้าก็จะจัดให้พักที่นี่ด้วยเช่นกัน จึงทำให้ลูกค้าทีนี่มีอยู่อย่างสม่ำเสมอ และเป็นคนไทยแทบจะ 100% แตกต่างจากที่พักแห่งอื่นในปางมะผ้า ที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ สำหรับเรื่องอาหารก็จะมีคนครัว และในมื้อเย็น ภรรยาคุณเจ้าของก็จะเป็นคนลงมือทำกับข้าวด้วยตนเอง ก็เรียกได้ว่าเป็นการบริการแบบครอบครัว กันเองๆ ครับ

ปาดไม่กลัว กลัวไม่ปาด เหอๆๆ

-----------------------------------------------------------------------------
จุดเด่นของ The Rock : รีสอร์ทสวยริมน้ำ (ต่อ)

5. การบำรุงรักษาที่ทำอยู่ตลอด รีสอร์ทหลายแห่งเปิดกิจการมาหลายปีหากขาดการบำรุงรักษาที่ดีก็จะดูโทรมลง สำหรับที่นี่ด้วยความที่เจ้าของมีอีกธุรกิจหลักหนึ่งคือร้านค้าวัสดุและรับเหมาก่อสร้างในอำเภอปางมะผ้ามาสิบกว่าปี จึงทำให้ที่นี่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี รวมไปถึงสวนสวยที่มีคนสวนดูแลอยู่ตลอด เรียกได้ว่าแทบไม่เห็นใบไม้ที่ตกลงบนสนามหญ้าเลยทีเดียว

ทำไมต้องชื่อว่า The Rock ?? : ป่าหิน

ผมเชื่อว่า มีหลายๆ ท่านต้องกำลังคิดอยู่แน่ๆ เลย (เพราะผมก็คิด) ว่า The Rock ปางมะผ้า กับ The Rock Hua Hin (หนึ่งในโรงแรมเครือเซเรนาต้า ซึ่งเป็นหนึ่งในที่พักโครงการ TBA2011 ด้วยเช่นกัน) ใครเกิดก่อนใครอย่างไรหรือเปล่า ??

ความเป็นจริงแล้ว The Rock Hua Hin เกิดก่อนครับ ส่วนที่ปางมะผ้าเกิดที่หลัง ทั้งสองแห่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันเลย เพียงแต่ว่าเผอิญมีชื่อเหมือนกันเท่านั้นเอง ทั้งนี้ทางเจ้าของเล่าให้ฟังว่า เมื่อปีก่อน เจ้าของ The Rock Hua Hin ได้ไปเที่ยวปางอุ๋ง ขับรถผ่าน The Rock ปางมะผ้าก็เลยได้เข้ามาแวะมาเที่ยวชมกัน ก็เพราะชื่อเหมือนกันนี่เอง

คำว่า Rock = หิน เพราะด้วยความที่ ที่นี่เป็นป่าหินมาก่อนนั่นเองครับ ลองนึกถึงสภาพป่าที่มีแต่ "หิน" ทำอะไรก็ไม่ได้ดูนะครับ
แต่ด้วยความที่ ที่นี่เกิดจากป่าหิน การตกแต่งทุกอย่างจึงเน้นการใช้ "หิน" เป็นหลักครับ หินก้อนยักษ์จำนวนไม่น้อย คือหินที่มีอยู่แต่เดิม นั่นหล่ะครับ จึงเป็นชื่อของ "เดอะร๊อค" (มิใช่ Rock Music หรือ Hard Rock อิอิ)

สำหรับสัญลักษณ์โลโก้ ...

ผมก็เคยแปลกใจว่า ทำไมถึงเป็นรูปสุนัข ??
แต่เมื่อเพ่งๆ ดูก็จะพบกว่า ตัวสุนัขนั้น
เกิดจากการนำตัวอักษร R O C และ K มารวมกันกลายเป็นรูปสุนัขนั่นเองครับ โลโก้นี้จะแปะอยู่ทุกห้อง และใช้เป็นโลโก้หลัก
ซึ่งผมว่าก็ดูน่ารักดีนะ พอมาทำเป็นของที่ระลึกนี่เหมาะแก่การซื้อไปฝากจริงๆ

ขนาดหกที่ ยังพิมซะเยอะเลยนะ อุอุ สู้ๆ พี่ลอยลำแล้ว

วิ่งไปตามข่าวน้ำท่วมก่อนนะจ๊ะ ว่าแต่ที่เวพเคทีซีโพสได้เมื่อไหร่บอกด้วยเน้อ

*เพิ่ม ไอเดียโลโก้คิดเก่งมั่กๆเน๊อะ

^
^
ได้คับเจ๊ .... อันนี้นั่งพิมพ์ลง word ตั้งแต่เมื่อวานครับ
แต่เหนื่อยจัด หมดสภาพ ก็เลยไม่ได้โพสต์ จนวันนี้ไม่ค่อยมีเคสเลยได้โพสต์ละครับ

-----------------------------------------------------------------------------
จุดเริ่มต้นของ The Rock : พลิกวิกฤติเป็นโอกาส

เริ่มจากตัวเจ้าของก่อนนะครับ คุณเจ้าของเป็นคนไทยเชื้อสายจีนจากบ้านทุ่งเสี้ยว อ.สันป่าตอง เชียงใหม่ ตอนสมัยวัยรุ่นค่อนข้างเกเรพอสมควรจึงทำให้ถูกรีไทร์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คุณเจ้าของจึงได้ออกจากบ้านเพื่อจะไปสร้างชีวิตใหม่ของตนเองแบบมือเปล่า ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ในระยะแรกก็ทำงานอยู่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน

แล้วได้ย้ายมาตั้งรกรากที่อำเภอปางมะผ้าในปี 2532 หรือเมื่อ 22 ปีก่อน เริ่มเปิดกิจการร้านขายของชำเล็กๆ เริ่มสร้างครอบครัว และตั้งใจทำมาหากินสร้างฐานะจนกระทั่งขยับขยายเป็นร้านค้าวัสดุก่อสร้างใหญ่เเป็นธุรกิจหลักควบคู่กับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่เพิ่มเติมขึ้นมา จนปัจจุบันมีรีสอร์ทที่สวยงามสำหรับเป็นสถานที่พักกายพักใจ พักผ่อนหย่อนคลาย เป็นธุรกิจรองของตัวเอง ในวัยเพียงแค่ 43 ปีเท่านั้นครับ (ทึ่งไหมเอ่ย??)

ผมจึงเริ่มเห็นคล้อยกับคำว่า “งานหนักไม่เคยฆ่าใคร” และ “ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ตรงนั้น” จริงๆ

-----------------------------------------------------------------------------

ในอดีต พื้นที่ป่าหินต้นไม้แห้งๆ ตรงข้ามกับสถานีตำรวจภูธรปางมะผ้า นอกเขตตลาดปางมะผ้า เป็นที่ดินที่ว่างเปล่ามานานมาก เพราะไม่มีใครคิดว่าจะเอาไปทำอะไรได้ ครั้นจะสร้างห้องแถว สร้างอาคารก็สร้างลำบาก เพราะพื้นเป็นหินหมด มองไปไหนก็มีแต่หินๆๆ ครั้นจะถมที่ต้องใช้ดินไม่รู้เท่าไหร่ในการถม จึงเป็นที่ดินแปลงหินๆ ที่ไม่มีใครสนใจ ชาวบ้านก็ต่างพูดว่าจะเอาไปทำอะไรได้ แม้แต่ท่านผู้การบนโรงพักยังบอกเลยว่า ใครมาทำอะไรบนที่ดินฝั่งตรงข้ามโรงพัก จะต้องเหนื่อยแน่ๆ

จนกระทั่งบ่ายวันหนึ่งในปี 2546 ในวงเหล้ายามบ่าย เมื่อทุกคนในวงเหล้าเริ่มเคลิ้มจากฤทธิ์แอลกฮอลล์ ก็ได้มีการเสนอขายที่ดินแปลงหนึ่งขึ้น นั่นก็คือที่ดินตรงป่าหินตรงข้ามโรงพักนั่นเอง และเมื่อเคลิ้มๆ อะไรก็คุยกันได้ง่ายหมดต่อรองราคายกหูกรี๊งกร๊าง จนตกลงซื้อที่ดินแปลงนี้มาในราคาที่นับว่าถูกมาก คือเพียงแค่สองแสนกว่าบาท ขนาดพื้นที่ตั้ง 3 ไร่กว่าติดแม่น้ำและทางหลวง แต่เป็นป่าหินนะ หลังจากนั้น 2 วันจึงได้มีการทำสัญญาซื้อขายที่ดินแปลงนี้กัน

แต่ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า ที่ดินในอำเภอปางมะผ้าทุกแปลงไม่มีโฉนด ไม่มีเอกสารสิทธิ์ นส.3 ใดๆ เพราะทั้งตัวอำเภออยู่ในพื้นที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่า ที่ดินทั้งจึงเป็นของหลวงหมด แต่ว่าใครที่ได้จับจองไปก่อนแล้วก็ได้รับสิทธิ์ถือครองก่อนแล้วสามารถขายสิทธิ์ในการถือครองให้แก่กันได้ ท่ามกลางคำทัดทานจากผู้คนมากมายที่บอกว่า เจ้าของจะต้องเหนื่อยแน่ๆ เพราะที่ดินตรงนี้เหมือนจะเอาไปทำอะไรไม่ได้เลย มีแต่ หิน หิน หิน ก็และด้วยความที่เป็นที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ จึงไม่สามารถนำไปวางจำนองกับธนาคาร นำเงินมาลงทุนต่างๆ ได้เลย

ลองคิดเล่นๆ นะครับว่าถ้าคุณเกิดได้ ที่ดินลาดชัน ที่มีแต่หิน และต้นไม้แห้ง ริมแม่น้ำ จะทำอะไรได้บ้าง ??

อยากเห็นรีวิวของที่นี่ที่สุดในรร.ที่เข้ารอบทั้งหมดเลย


ขอบคุณหมอยุ่งจ้ะ

เนื่องจากคุณเจ้าของเองก็คิดไม่ออก เลยปล่อยที่ดินว่างๆ ไว้ไม่ได้ทำอะไรมานานหลายปี

จนกระทั่งปี 2551 จึงมีไอเดียว่าอยากจะสร้างบ้านพักตากอากาศส่วนตัวหลังเล็กๆ ริมน้ำไว้สำหรับแขกของเจ้าของที่มาเที่ยวปางมะผ้า ก็เลยได้มีการถมดินปรับหน้าดินบางส่วนเพื่อทำเป็นทางเข้าไปข้างใน

และมีการก่อสร้างบ้านพักหลังที่ 1 ขึ้น เรือนหลังนี้เป็นเรือนแบบ 2 ชั้นเพดานสูง สามารถรองรับแขกได้ 5 คน มีบันไดแบบชันๆ ไต่ขึ้นไปพักได้ ข้อดีของห้องพักห้องแรกก็คือ มีชานที่กว้างสามารถจัดปาร์ตี้เล็กๆ ริมแม่น้ำได้ (ชานในภาพ คห. 4 ครับ)

แหะๆ ขอบคุณครับพี่อุ๊
พอดีเห็นรีวิว ไร่แสงอรุณ ของพี่อุ๊แล้ว เกิดความอยากจะไปเจอลุงนิรุตติ์
เอ้ย คุณลุง เจ้าของไร่แสงอรุณบ้างแล้วครับ อาจจะได้ไปสัปดาห์หน้า
หากมีเวลาลงตัวครับ อิอิ คิดถึงวิวแม่น้ำโขง และ อาหารอร่อยๆ
ขับรถจากเชียงใหม่ไป 5 ชั่วโมงก็ยอม อิอิ

จริงๆ ที่นี่ก็มีความคล้ายๆ กับไร่แสงอรุณอยู่หลายอย่างครับ
บรรยากาศริมน้ำเหมือนกัน (แต่ไร่แสงอรุณเป็นแม่น้ำโขงย่อมเทพกว่า)
เจ้าของทำเอง ทุ่มเทกำลังกายและใจ ก่อสร้างลุยงานเองเหมือนกันเลยครับ
ซึ่งจริงๆ แล้ว ถ้าที่เดอะร๊อคเพิ่มความโดดเด่นด้านอาหารสไตล์ผักปลูกเอง แนวออแกนิกส์ คิดว่าน่าจะดีไม่น้อยทีเดียว

-----------------------------------------------------------------------------

เมื่อสร้างเสร็จ ก็เปิดให้แขกของเจ้าของเข้าพัก จนเป็นที่ถูกอกถูกใจ ก็ด้วยความที่เจ้าของเองมีเครือข่ายพันธมิตรเยอะมาก รู้จักคนและมีเพื่อนฝูงเยอะ
(การมีเพื่อนฝูงเยอะก็มีประโยชน์มากจริงๆ ครับ Connection ดี อะไรหลายๆ อย่างก็ตามมาได้ไม่ยาก)

จึงทำให้ต้องมีการสร้างบ้านพักเพิ่มเป็นหลังที่ 2 อยู่ติดๆ กัน แต่เป็นห้องขนาดที่เล็กกะทัดรัดลงมา พักได้แค่ 2 คนเท่านั้นเองครับ แต่ห้องนี้ก็เห็นวิวแม่น้ำแจ่มมากเช่นกัน

ถ้าได้ไปฝากบอกไร่แสงอรุณว่าคิดถึงจ้ะ   ป่านนี้ข้าวเหลืองแล้วมั้ง  ทุ่งนาคงเป็นสีทอง  สวยอีกแบบเนอะ


ที่เดอะร็อคน่าจะทำบ้างจริงๆ  ได้มีจุดขายเพิ่มอีก....


พี่ตามดูรีวิวไปเรื่อยๆนะจ๊ะ

บรรยากาศในห้องหมายเลข 2 ครับ

เจ้าของเล่าให้ฟังว่า เป็นห้องที่เริ่มการเล่นสีกับพื้นปูน
ซึ่งจริงๆ พื้นปูนก็เป็นพื้นขัดมันธรรมดา ซึ่งปกติถ้าไม่ทำอะไรก็จะเป็นสีเทา
แต่ห้องนี้มีการผสมสีแดงลงไปด้วย จึงทำให้กลายเป็นพื้นปูนขัดมันสีแดงๆ

(จะบอกว่า คนที่คิดจะสร้างบ้าน มาพักที่นี่ได้ไอเดียกลับไปเป็นกระบุงแน่ๆครับ)

ตามไปเที่ยวปางมะผ้าด้วยคนครับ

ทุ่งนาเป็นสีทองคงลำบากครับ แม้ว่าจะมีที่ดินฝั่งตรงข้ามพอจะปลูกได้ (แต่ก็แค่ 2 ไร่เองครับ) ผมเลยคิดว่า ลุ้นให้ปลูกกลายเป็นทุ่งดอกบัวตองส่วนตัว อาจจะง่ายกวาครับ (เพราะโซนนี้จริงๆ จะทำให้ดอกบัวตองขึ้นก็ได้เช่นกัน แต่พื้นที่ไม่เหมาะสำหรับการปลูกข้าวเลยครับ คิดว่าปลูกผักอาจจะดีกว่า)

-----------------------------------------------------------------------------

จากภาพระเบียงห้องหมายเลข 2 ก็มานั่งเล่นชมวิวแม่น้ำ
มองออกไปก็จะเห็นที่ดินฝั่งตรงข้าม ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาครับ

ด้วยความที่ปริมาณเพื่อนฝูงและแขกที่มาพักก็จัดว่าค่อนข้างเยอะ และหลายๆ คนก็เชียร์ว่า สถานที่สวยแบบนี้น่าจะทำเป็นรีสอร์ทนะ ทางเจ้าของก็เลยเกิดแรงฮึดที่จะพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นรีสอร์ทแบบจริงๆ จังๆ จนกระทั่งได้เปิดให้บริการเป็นครั้งแรกในปี 2552

โดยเริ่มจากการใช้ดินถมพื้นที่บางส่วน แต่แน่นอนว่า พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหิน ทางเจ้าของจึงต้องการนำหินมาใช้ประโยชน์และเป็นส่วนหนึ่งของรีสอร์ทด้วย และก็ด้วยความโชคดีที่เจ้าของมีเพื่อนฝูงเครือข่ายเยอะมาก คุณเจ้าของจึงได้มีโอกาสได้พบกับผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดสวนที่หาตัวจับยากคนหนึ่ง พี่เขาเป็นข้าราชการสำนักงานเกษตรที่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน

ซึ่งพี่คนนี้ถือว่าเป็นตัวช่วยที่สำคัญ ในการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส พลิกป่าหินเป็นรีสอร์ทสวยอีกคนหนึ่งนั่นเอง

ทำอย่างไรจึงจะได้มาเป็น The Rock Resort  ในทุกวันนี้ : ด้วยสมอง สองมือ กับไอเดียแจ่มๆ

ตอนนี้ บุคลากรที่สำคัญ ประกอบไปด้วย เจ้าของและภรรยา กับคุณพี่นักจัดสวน รวมเป็น 3 หัวหอกในการพัฒนาพื้นที่แห่งนี้

โดยมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนครับ คุณเจ้าของมีความเชี่ยวชาญด้านวัสดุก่อสร้างและการก่อสร้าง (แน่นอนเพราะเป็นธุรกิจหลักที่ทำอยู่) ไม่ว่าจะเป็นด้านการก่อสร้าง วัสดุภายใน เรื่องสี  พื้นเป็นไอเดียของคุณเจ้าของล้วนๆ ก่อสร้างแบบไม่มีแปลน ไม่มีพิมพ์เขียว  

ส่วนมือขวาคือคุณพี่นักจัดสวน ที่ช่วยในการจัดผังโครงการ วางตำแหน่งสิ่งที่ควรจะเป็นว่าอะไรอยู่ตรงไหน รวมไปถึงการวางต้นไม้ในจุดต่างๆ การจัดภูมิทัศน์ เปิดหน้าดินเพื่อโชว์หิน ที่สำคัญคือเป็นคนออกไอเดียการตกแต่งห้องน้ำโดยใช้หินเป็นวัสดุหลักในการตกแต่ง

และรายสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยคือ คุณภรรยาเจ้าของซึ่งทำหน้าที่เป็นหลังบ้านที่ดี ในการช่วยบริหารจัดการคนและการตกแต่งเล็กๆ น้อยๆในห้องพัก รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในห้องพักล้วนเป็นฝีมือของคุณภรรยาเจ้าของครับ

อย่างไอเดียเรืองห้องน้ำสไตล์นี้ ก็ฝีมือของคุณพี่นักจัดสวนครับ

ไปเที่ยวด้วยคนครับ

ส่วนในเรื่องของการตลาด ...

เป็นฝีมือของคุณเจ้าของล้วนๆ ครับ เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่น่าสนใจสำหรับใครที่เริ่มต้นทำธุรกิจเป็นของตัวเอง อันดับแรกที่คุณเจ้าของนึกถึง นั่นก็คือ ด้วยความที่ปางมะผ้า ไม่เป็นที่รู้จักกันในหมู่นักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะรู้จักแค่ปาย แล้วก็ปางอุ๋งเท่านั้น

ดังนั้น สื่ออินเตอร์เน็ตและ Social Network จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการค้นหาข้อมูลของนักท่องเที่ยวชาวไทยยุคปัจจุบัน คุณเจ้าของก็ได้ลองเปิดเล่นๆ ใน Google แล้วก็ดูว่าจะทำอย่างไรให้ชื่อรีสอร์ทคิดในหน้าแรกของคำค้นต่างๆ ได้ ก็แน่นอนว่า คุณเจ้าของจึงเห็นความสำคัญของกูเกิ้ล (แม้ว่าจะค้นหาคำว่า “คนที่จะรักและดูแลเราตลอดไป” ไม่พบก็ตาม )

ก็ได้เลยได้ซื้อพื้นที่โฆษณาในกูเกิ้ลซะเลย พร้อมกับพัฒนาเว็บไซต์ อันเป็นหน้าต่างบานแรกของรีสอร์ทให้ทุกคนได้เข้ามาสัมผัส รวมไปถึงการจัดทำคลิ๊ปโปรโมตรีสอร์ทหลายเวอร์ชั่นลงใน YouTube ซึ่งทีมงานที่มาทำให้ก็เป็นเพื่อนฝูงที่รู้จักกัน (งานนี้ผมเห็นชัดเลยว่า คนที่มีอัธยาศัยดีใจดี ย่อมได้เปรียบจริงๆ) และจัดทำ Facebook แม้ว่าตอนนี้สมาชิกยังกดไลท์กันไม่เยอะเท่าไหร่

แต่ถ้าเมื่อใดที่ เมื่อนึกถึงปางมะผ้า แล้วนึกถึงรีสอร์ทน่ารักๆ ที่ชื่อว่าเดอะร๊อคได้ และตัดสินใจเลือก เดอะร๊อคปางมะผ้า เป็นจุดพักค้าง stopover ในการไปเที่ยวแม่ฮ่องสอน แค่นี้ก็ว่าน่าจะโอเค ประสบความสำเร็จแล้วหล่ะครับ

ภาพประกอบ วิวห้องพักหมายเลข 3 เปิดม่านออกมาเจอหินก้อนยักษ์แบบเต็มๆ

ยินดีค้าบบบบ .....

---------------------------------------------------------------------------

ทีนี้ไอเดียเกิดขึ้นได้มาจากอะไร?

ไอเดีย ส่วนหนึ่งย่อมเกิดจากประสบการณ์ในการทำงาน อย่างคุณเจ้าของทำร้านวัสดุก่อสร้าง ก็ได้เริ่มลองผิดลองถูกในการผสมสีกับพื้น กลายเป็นพื้นแบบขัดมันแต่มีสี ร่วมกับการใช้ไม้และวัสดุต่างๆ ในการทำห้องพัก

แต่ไอเดียหลายๆ อย่างก็ไม่ได้ผุดขึ้นมาจาก 3 หัวหอก แต่ผุดขึ้นมาเองระหว่างการทำงาน โดยทีมแรงงานชาวบ้านที่มาก่อสร้างที่นี่ ระหว่างที่รื้อหินขึ้นมา พอพวกเขารู้สึกว่าหินมีลักษณะสวยดี ก็จะเก็บมากองๆ ไว้ หิบางก้อน ดูหน้าตาเหมือนจะเอามานั่งได้ พวกเขาก็จะมาบอกคุณนักจัดสวน

ซึ่งคุณนักจัดสวนก็จะต่อยอดความคิด กลายเป็นหินม้านั่ง หรือกลายเป็นหินที่ใช้ตกแต่งในห้องน้ำโดยเฉพาะตรงฐานอ่างล้างหน้า เป็นต้น

ตามมาจนถึงที่สุดท้ายแล้ว ที่นี่ดูเป็นธรรมชาติดีครับ

ผมว่าการทำรีวิวจากที่พักเพราะต้องทำเหมือนเป็นการบ้านแบบนี้เป็นอะไรที่ไม่ใช่ง่ายๆนะครับ
โดยเฉพาะที่ต้องหาข้อมูลมาประกอบ การรีวิว
น่าเห็นใจที่ยังมีคนที่ไม่เข้าใจ เพียงเพราะเห็นว่าได้ไปพักมาหลายที่
ผมเห็นคุณหมอรับอาสาทำรีิวตั้ง 6 ที่ บอกตรงๆว่าเหนื่อยแทนครับ...

ไอเดียบางอย่าง เกิดจากการที่อยู่ใน พื้นที่ที่มีความเงียบสงบ  ....

อาทิเช่น คุณเจ้าของนั่งอยู่ตรงริมระเบียง รับลมเย็นๆ ริมน้ำ อยู่ดีๆ
ไอเดียก็ผุดขึ้นมามากมาย

ผมจึงคิดว่า ถ้าหากคนเราอยู่ในพื้นที่ที่ดี บรรยากาศดี มีอากาศบริสุทธิ์ จิตใจเราสงบ เราจะคิดอะไรบางอย่างออกได้จริงๆ ครับ ดังนั้น ที่นี่ก็ถือว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่ง ที่เหมาะแก่การพักผ่อน พักกายพักใจ พักสมอง หาไอเดียใหม่ๆ ได้ดีจริงๆ

ขอบคุณครับคุณ TeeChoco ผมรู้สึกเห็นอย่างเป็นอย่างยิ่ง กดไลท์ล้านครั้งเลย และขออนุญาตเพิมเติมอีกประโยคนึงว่า "ยิ่งเป็นที่พักที่เราไม่ได้จ่ายตังเอง ยิ่งเหนื่อยเป็นทวีคูณครับ" ลองนึกถึงบุคคลสามกลุ่มนะครับ

กลุ่มหนึ่ง มีเจตนาที่ดีที่อยากจะช่วยโปรโมตโรงแรมบูติกขนาดเล็กให้เป็นที่รู้จัก ดังนั้นเป้าหมายนการทำรีวิวในโครงการนี้คือ เพื่อการประชาสัมพันธ์ ให้คนรู้จักและเกิดความรู้สึกที่อยากจะไปพัก อันเป็นประโยชน์แก่เจ้าของรีสอร์ททีพักต่างๆ มากมาย

กลุ่มสอง ก็มีความต้องการที่อยากจะให้นักรีวิวได้เสนอเรื่องราวของที่พักอย่างเต็มที่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะแน่นอนว่า เป็นประโยชน์ต่อทางที่พักนั่นเอง ซึ่งตัวนักรีวิวเองก็มีความตั้งใจที่อยากจะนำเสนอ โดยลึกๆ แล้วผมเชื่อว่า แต่ละคนก็หวังไว้ในใจว่า อยากให้รีสอร์ทที่พักที่ตนเองไปพัก ได้มีโอกาสลุ้นรางวัลด้วยเช่นกันครับ

กลุ่มสาม อันนี้เหนื่อยสุดคือ กลุ่มผู้อ่าน ผู้ชมรีวิวครับ คนทำรีวิวที่จะต้องควบคุมสมดุลให้ได้ว่าจะต้องไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่งมากจนเกินไป จนเป็นผลเสียต่อแบรนด์ของล๊อกอินนั้นๆ เอง ผมจึงเชื่อว่า ไม่ว่าจะล๊อกอินไหนในโครงการนี้ คงไม่อยากจะทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียงที่สร้างสมมานาน จากการเชียร์หรืออวยใครเป็นพิเศษอย่างแน่นอนครับ ถ้าที่ไหนดีเราก็พร้อมที่จะ recommended เพราะเราได้สัมผัสมาแล้ว ....

แต่ที่ไหนที่ เอ่อ .... น้ำท่วมปาก ลำบากใจที่สุดจริงๆ ครับ
จะว่าจะอะไรมากก็ไม่ได้ เพราะถ้าจ่ายเองนีโดนจัดเต็มไปแว๊ว เหอๆ

-----------------------------------------------------------------------------

สถานที่และกิจกรรมของ The Rock

หลังจากที่ได้เริ่มที่จะสร้างรีสอร์ทกันเป็นจริงเป็นจังแล้ว บ้านพักหมายเลข 3 และ 4 ก็ได้ถือกำเนิดมาพร้อมๆ กับบ้านพักฝั่งที่อยู่ติดกับถนนเพื่อรองรับลูกค้าที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นครับ ควบคู่ไปกับการจัดสวนวางพื้นที่

และมีการขยายพื้นที่ออกไปยังฝั่งตรงข้าม และสร้างสะพานไม้ข้ามแม่น้ำได้อารมณ์มาท่องป่าได้อย่างดี ล่าสุดได้มีการสร้างบ้านพักหมายเลข 5 ขนาด 2 ชั้น จุแขกได้ทั้งหมด 7 คน มีห้องน้ำทั้ง 2 ชั้นชั้นบนและล่าง ชั้นบนห้องน้ำเป็นแบบ Open Air เปิดโล่งสบาย

เดี๋ยวจะพาไปสำรวจห้องพักกันนะครับ ...
มีอยู่หลายประเภทให้เลือก บรรยากาศ และห้องน้ำ ไม่เหมือนกันเลยซักห้องเดียว

แต่ทว่า ... พอดีผมกำลังจะเลิกงานแล้วหล่ะ เคสก็ไม่ค่อยจะมี
(มาเป็นมือปืนรับจ้างรักษาสัตว์ที่ลำพูนครับ ก็ต้องขับรถกลับเชียงใหม่)
เดี๋ยวผมมาต่อช่วงดึกๆ นะครับ ซึงจริงที่นีก็มีจุดเด่นอย่างที่บอก
แต่ก็มีจุดอ่อนบางจุดนิดๆ หน่อยๆ ซึ่งถ้าได้รับการปรับปรุง
น่าจะเป็นทีพักที่โอเคเป็นเลิศไปเลยครับ

และรวมไปถึงชิมอาหารรสมือคุณภรรยาเจ้าของ ซึ่งคุณเจ้าของก็ใจดี ร่วมทานข้าวด้วยกันตั้งแตมื้อเที่ยง มื้อเย็น จนมื้อเช้าอีกวันหนึ่ง

ไว้เดี๋ยวมาต่อนะครับ แวะมาปาด แสดงความคิดเห็นได้ตามอัธยาศัยครับ

แวะมาชมครับ ตามไปด้วยคน

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

ตาม หมอยุ่งฯ ไปเที่ยวค่ะ

บรรยากาศดีจังครับคุณหมอ

ที่พักที่ชอบมากเลยครับติดแม่น้ำด้วย น่าไปพักมากครับ

ที่สุดท้ายซะที
เหนื่อยไม่น้อยน่ะครับ
ผม 3 ที่ ยังปั่นไม่เสร็จเลย

แวะมาตามคุณยุ่ง ไปเที่ยวด้วยครับ

สวัสดีค่ะหมอยุ่ง  มาติดตามชมรีวิวค่ะ

เห็นด้วยกับคุณตี๋ TeeChoco ในความเห็นที่ 27
และที่ จขกท. ตอบในความคิดเห็นที่ 29 เป็นที่สุด

ติดตามชม
พร้อมเป็นกำลังใจให้หมอยุ่งด้วยคะ

เกาะหน้าจอติดตามชมค่ะ ^^

ติดตามชมด้วยค่ะ ร.ร ที่ 6

น่าตามรอยมากๆเลยค่ะคุณหมอ

ดีใจด้วยนะคร้าครบทั้ง 6 ที่แล้วว หมดพลังงานกันเลยทีเดียว
ว่าแต่สอบเสร็จหรือยังเอ่ย จบแล้วคงมีงานตามมามากโข คริคริ

ขอบคุณมากๆเลยค่ะสำหรับทุกๆรีวิว.........

ยินดีด้วยนะครับ ที่ส่งการบ้านครบทั้งหมด6ที่แล้ว

มาชมอีกหนึ่งในรีวิวสวยๆ ข้อมูลดีๆ........ขอบคุณมากครับ

เป็นรีสอร์ทที่สวย แปลกน่าไปลองมากๆ เลยครับ...

จริงๆ อยากจะหาข้อมูลที่พักแถวปางมะผ้าอยู่พอดีเลยเพราะไม่อยากขับยาวจากปายไปแม่ฮ่องสอนอยู่...

ขอบคุณหมอยุ่งฯที่ช่วยเฉลยให้ฟังในคห.#11 นะครับ

ปางมะผ้า...เป็นอำเภอเล็กๆที่น่าค้นหาจังเลยนะคะ

เคยแต่แค่ผ่านทางจากแม่ฮ่องสอนไปปาย

คงต้องหาโอกาสแวะไปสัมผัสเมืองนี้แบบจริงจังแล้วแหละ

ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆๆนะครับ

ตามมาเที่ยวชมรีสอร์ทบรรยากาศดีๆด้วยคนครับ

บรรยากาศดีจังเลยค่ะ   ชอบโลโก้มากมาย

ที่พักบรรยากาศดีมากๆค่า ^O^

ตามมาเก็บข้อมุลครับ ๆ

รอชมต่อค่ะ ..

เอ่อ....อยากถามว่า..เหนื่อยมั้ยคะไปทีเดียว 6 ที่เลย....อิอิ

ข้อมูลแน่นมาก เด๊ยวแว้บไปตามดูที่เหลือต่อก่อนนะ... ^^

รอชมรีวิวสวยๆของหมอยุ่งอีกค่ะ

ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านนะครับ เรื่องของเรื่องคือ ผมแฮ๊งค์ครับ
เมื่อคืนมีตักบาตรกันตอนเที่ยงคืนในเชียงใหม่
คนเชียงใหม่คึกคักกันมาก มาม่า อาหารกระป๋อง อาหารแห้งหมดเกลี้ยงโลตัส ไม่ใช่เพราะน้ำท่วมแต่ไปซื้อของมาทำบุญตักบาตรตอนเที่ยงคืนกันครับ
กลับมาบ้านก็เลยหมดสภาพเลย ได้ยกยอดมาวันนี แห่ะๆๆ (ไม่เสร็จซักที)

-----------------------------------------------------------------------------

มาดูต่อในหมวดของสถานที่ ว่าด้วยเรื่องภายในห้องพัก และห้องน้ำกันนะครับ เพราะถือว่าเป็นจุดสำคัญ เราต้องใช้เวลาอยู่ในนั้นก็นานหลายชั่วโมงอยู่ ....

เริ่มต้นจาก ห้องนอนแบบ 2 คนกันก่อนแล้วกัน ในห้องหมายเลข 3
ที่มีฉากหลังเป็นหินก้อนยักษ์นะครับ

ห้องน้ำ ในห้องหมายเลข 3 สีแดงแปร๊ดด ใช้หินเป็นวัสดุหลักในการตกแต่งเหมือนกันทุกห้อง แต่จะต่างกันที่การจัดวาง และสีครับ

สำหรับห้องหมายเลข 4 เป็นห้องที่อยู่ติดกันพอดี
ห้องนี้มีชื่อว่า "ห้องอกหัก" คนช้ำรักต้องมาพักห้องนี้

ผมก็สงสัยว่าทำไมจึงตั้งชื่อเล่นว่าห้องอกหักกันหล่ะเนี่ยะ .....

เหตุผลอยู่ในห้องน้ำครับ
เนื่องจากห้องนี้สร้างอยู่บนหินก้อนใหญ่ ดังนั้น
การวางท่อโถส้วมจึงต้องมีการกระเทาะหินก้อนใหญ่ออก
เพื่อให้สามารถวางท่อใต้ฐานโถส้วมได้

ก็เลยเหมือนมีลักษณะที่เรียกว่า "อกหัก" นั่นเอง

เพราะตอนแรกผมก็ไม่ทราบหรอกครับ
เห็นห้องนี้มีห้องน้ำสีม่วง ก็เลยไม่รู้ว่า
ตั้งใจออกแบบมาเฉพาะกลุ่มหรือเปล่า แห่ะๆๆ

แต่ก็แปลกว่า ห้องอกหัก ทำไมมี 2 เตียง อิอิ

แสดงว่า คนเราอย่างไรก็ขาดคู่ชีวิตไม่ได้ จริงไหมครับ ??
(แต่ความจริงคู่ชีวิต น่าจะได้นอนร่วมเตียงเดียวกันนะ)

ปล. เพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว

ออกจากห้องอกหัก เราขอข้ามห้องหมายเลข 5
อันเป็นอาคาร 2 ชั้น ในภาพ คห.29 ไปก่อน
อันเนื่องมาจากทางเจ้าของบอกว่า ชอบห้องไหนก็เลือกเอาได้เลยนะ เพราะวันที่ผมไปพักไม่มีแขกพักในห้อง 1-5 พอดี เราเลือกพักที่ห้องเบอร์ 5 นี้ครับ เพราะเป็นห้องที่มีห้องน้ำแบบ Open Air (ตามภาพ คห. 23) เปิดโล่งสบายๆ ได้บรรยากาศห้องใต้หลังคา ซึ่งมีระเบียงส่วนตัวชมวิวด้านบนด้วย

เราจะข้ามไปดูห้องพักแบบ 2-4 คนทางฝั่งริมถนนก่อน
ซึ่งข้อดีก็คือ จะอยู่ใกล้กับลานจอดรถ เดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว
แต่ข้อเสียก็คือ จะอยู่ใกล้ถนน ซึ่งอาจจะได้ยินรถแล่นบ้าง และไม่เห็นวิวแม่น้ำเลยเท่านั้นเองครับ

มีทั้งแบบเรือนไม้ยุคแรกเริ่ม 2 หลัง แต่ก็ได้รับการปรับปรุงมีอุปกรณ์ภายในเหมือนกัน และ อีก 2 ห้องจะอยู่ในเรือนแฝดที่ทำด้วยปูน แต่ห้องก็อาจจะมินิกะทัดรัด หันหลังชนกัน อย่างไรลองไปดูกันนะครับ เริ่มจากเรือนไม้ก่อน

ภายในห้องก็อารมณ์ผิวไผ่สาน ประมาณนี้หล่ะครับ
เห็นเจ้าของบอกว่าผิวไผ่สานนี่ทนทานมาก ใช้ได้เป็น 10 ปีเลยทีเดียวครับ

ช่วงหน้าหนาวก็น่าจะอบอุ่นอยู่ ห้องนี้อยู่กันได้ 4 คนสบายๆ ครับ

แต่ผมมีความรู้สึกว่า ห้องน้ำอาจจะดูค่อนข้างอับไปนิดหน่อย
พอบวกกับหินเลยอาจจะค่อนข้างทะมึนๆ ไปเลย

แต่ความสะอาดดูๆ ก็ใช้ได้ครับ ไม่มีปัญหา

บริเวณใกล้ๆ กันก็จะมีลานเล็กๆ ให้นั่งทำกิจกรรมก่อกองไฟยามคำคืนกันได้
คงจะสนุกมาก ถ้าได้มาผิงไฟตอนหนาวๆ ครับ

อยากจะบอกว่า ผมชอบไอเดียเอาตอไม้เก่าๆ มาปลูกต้นไม้แบบนี้จริงๆ ครับ

เรือนแฝด หน้าตาก็จะเป็นแบบนี้ มีทั้งห้องแบบเตียงคู่ และเตียงใหญ่ ห้องเตียงคู่จะได้เปรียบตรงที่มีชานระเบียงส่วนตัว แต่วิวแถวนี้อาจจะไม่เท่าไหร่ครับ เพราะใกล้ๆ กันก็จะเป็นบ้านพักพนักงาน

ห้องทรงยาวๆ อารมณ์ประมาณนี้ครับ นอนได้ 2 คน

แอร์ ทีวี ตู้เย็น ครบ

ในภาพนี้ เป็นห้องเตียงคู่ที่อยู่หันก้นชนกันอยู่ บรรยากาศดูจะโปร่งกว่าครับ
แค่ขนาดไซส์ ทุกอย่างในห้องเหมือนกัน
ต่างที่ห้องเตียงคู่ มีชานระเบียงให้นั่งเล่นข้างหน้าด้วย
ส่วนห้องเตียงเดียว หันหน้าสู้ถนน เสียงรถอาจจะดังหน่อยนะครับ

ห้องน้ำสะอาดไร้กลิ่นอับ เพราะแดดส่องเต็มๆ
(ห้องอื่นๆ ที่ไมมีแดดส่อง ถ้าลองพิจารณาทำหลังคาแบบโปร่งแสง
ให้แสงสว่างส่องมาในห้องน้ำ ก็น่าจะดีเลยครับ แสงแดดก็จะได้ช่วยฆ่าเชื้อโรคด้วย)

รู้เลยว่าถ้าทำบ้าน อยากทำห้องน้ำแบบแสงแดดส่องเต็มๆ แบบนี้จริงๆ
ดูสะอาดมากๆ

ตามไปปางมะผ้าด้วยคนค่ะ

เกาะติดปางมะผ้าไปกับคุณหมอยุ่งด้วยคนค่า พี่ตี๋เจ้าของยังน่ารักเสมอ
คิดถึงปางมะผ้าจังค่ะ

^
^
ยินดีค้าบบบบ

แห่ะๆ กว่าจะได้ฤกษ์มาโพสต์อีกก็บ่ายแก่เลย
พอดีมีเคสฉุกเฉิน น้องหมาโดนผึ้งหลวงนับร้อยต่อยมาจนน่วม
อาการโคม่า ก็เลยต้องไปปฏิบัติภารกิจกู้ชีพก่อน แต่ยากครับ
ในที่สุดน้องเขาก็ไม่ไหว เฮ่อ ... โพสต์กระทู้ในเวลางานก็เงี้ยะหล่ะครับ

----------------------------------------------------------------------------

ได้เวลาทานข้าวเที่ยงกับคุณเจ้าของแล้ว ก็เลยได้เก็บข้อมูลไปได้เรื่อยๆ
พักทานกันก่อนกับอาหารง่ายๆ แต่ถูกใจผมเป็นที่สุดครับ นั่นก็คือ ไข่เจียวใส่หัวหอมใหญ่ร้อน ทานกับ แกงจืดเต้าหู้หมูสับ และ มีผัดพริกแกงกุ้ง+ถั่วฝักยาว รสชาติใช้ได้จริงๆ

กาแฟเย็นสูตรเข้มข้น ที่สำหรับเตรียมไว้ขายเดือนหน้า
ตอนร้านกาแฟเปิด รสชาติเยี่ยมครับ

ไว้ใครทีจะไปปางอุ๋งหนาวนี้ ก็แวะอุดหนุนกาแฟร้านนี้ได้เช่นกัน

บรรยากาศตรงส่วนห้องอาหาร ก็คือเปิดโล่ง เป็นส่วนแรกของที่พักเลย
เรียกได้ว่า แขกก็เช็คอินตรงนี้ ทานข้าวตรงนี้
แล้วก็เช็คเอ้าท์กันตรงนี้หล่ะครับ

ในพื้นที่นี้ ซึ่งก็เหมือนกับเป็นทั้งห้องทานอาหาร
และห้องรับแขก ก็จะมีตู้เล็กๆ โชว์สินค้าที่ระลึก
โลโก้รูปสุนัขน่ารักๆ เหมาะแก่การซื้อเป็นของฝาก

สนใจก็จัดไปได้เลยครับ ...

ปาด..ต่อค่ะ

มาถึงห้องพักของเรากันบ้าง .... ได้เวลาบุกห้องแล้ว
เราเลือกที่จะพักข้างบนครับ ส่วนชั้นล่างก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไร

ขนข้าวของเข้าไปเลยดีกว่า ....

นึกว่าจะรอด อิอิ
ยินดีค้าบบบ

ห้องหมายเลข 5 นอนได้ทั้งหมด 7 คนแบ่งเป็นชั้นบน 4 และชั้นล่าง 3 คนครับ มี LCD TV และห้องน้ำ ทั้งชั้นบนและล่าง แต่ตู้เย็นและน้ำดื่มจะวางไว้ชั้นล่างครับ หลังนี้เพิ่งเปิดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีแขกเข้ามาพักก่อนหน้าเพียงไม่กี่รายเท่านั้นเองครับ

ห้องชั้นล่าง ปล่อยไว้ เราไม่ยุ่งอะไร อิอิ

ห้องน้ำชั้นล่าง สีแดงแปร๊ดดด .... สไตล์หินๆ

ขึ้นบันไดเวียนสู่ชั้นบน เวลาเหยียบต้องระวังๆ หน่อยนะครับ
ยิ่งถ้าบ้านไหนมีเด็กๆ มาด้วยต้องระวังมากๆ เพราะถ้าก้าวพลาดนี่มีเจ็บหนักแน่ๆ สำหรับคนที่สูงเกิน 180 ซม. ต้องระวังศีรษะด้วยนะครับ

ชั้นบน เป็นอย่างนี้หล่ะครับ .....

พื้นไม้ชั้นบนสร้างความอบอุ่นได้ดีครับ
จอ LCD TV ชัดมากกกกก

แต่จุดอ่อนที่ผมค้นพบก็คือ ผ้าห่มค่อนข้างบางมาก อาจจะไม่สามารถต้านทานความหนาวเย็นในช่วงหน้าหนาวได้ ดังนั้นหากจะมาพักที่นี่ในช่วงหน้าหนาว พกผ้าห่มส่วนตัวมาเพิ่มก็จะดีมากๆ ครับ

ยืนยันว่าทีวีชัดจริง (แต่ในห้องไม่มีเครือ่งเล่นดีวีดีให้นะครับ)
ดูได้หมดหล่ะ เพราะต่อดาวเทียม

แต่อย่างที่เห็นก็คือ ผ้าห่มค่อนข้างบางไปหน่อย
ผ้าขนหนูหอมมากๆ

มาชมวิวบนระเบียงชั้นบนบ้าง อยากจะบอกว่า
ตอนกลางคืน อากาศเย็นๆ มานั่งชมดาวบนม้านั่งตัวนี้ โรแมนติกสุดๆ ครับ
ยิ่งถ้ามาแบบเป็นคู่ๆ อยู่ชิดๆ ยิ่งอบอุ่น (อิอิ)

เพราะกลางคืน ฟ้ามืดมากๆ ครับ เห็นดาวระยิบระยับอยู่มากมาย

วิวแม่น้ำจากบนระเบียงห้อง เห็นเขียวๆ แบบนี้ ....

ยามเย็นเราไปเดินเล่น ... เห็นเขาข้ามสะพานก็อยากข้ามบ้างอะไรบ้าง ...

ปกติแล้ว ในช่วงหน้าไฮ เดือนมกรา-กุมภาพันธ์
น้ำลด น้ำนิ่ง จะมีการต่อแพออกไปกลางแม่น้ำครับ

เราสามารถไปนอนเล่นเอกเขนกกลางสายน้ำ
และให้อาหารปลาตรงนั้นได้ด้วย
นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกกิจกรรมพานเรือแคนูไหลมาตามน้ำ
แล้วก็มาขึ้นฝั่งได้ที่นี่เช่นกัน

แต่ช่วงนี้ น้ำเยอะและไกลเชี่ยวเกิน เกินจะต้านทานไหว
งั้นก็ได้แต่ชมวิวน้ำสีชาเย็นไปก่อนแล้วกันนะครับ

ที่นี่มี ATV ให้ยืมขับด้วยนะครับ
(แต่ผมเข้าใจวาถ้าแขกปกติอาจจะต้องเป็นการเช่าขับ)
เห็นว่าช่วงไฮนี้จะเพิ่มรถอีกคันหนึ่งครับ

พอดีไม่ได้ลองขี่เพราะว่านั่งได้แค่คนเดียวนั่นแล ถ้าคนซ้อนอาจจะนั่งไม่ค่อยสบายครับ อิอิ

และแล้วก็ได้เวลาอาหารเย็น
(มีแต่กินๆ นอนๆ เนอะ แต่จริงๆ มาทำงานเก็บข้อมูลนะครับ จะสวีทวี๊ดวิ่วจนเกินงามก็ไม่ได้)

วันนี้มีแขกพิเศษด้วยครับ ก็คือ ด้วยความที่คุณเจ้าของค่อนข้างสนิทสนมกับ
นายอำเภอปางมะผ้า ตอนบ่ายท่านนายอำเภอผ่านแวะไปเยี่ยมเยียนที่ร้าน คุณเจ้าของก็เลยชวนกินข้าวด้วยกัน แล้วแกก็โทรหาผมบอกว่า มื้อเย็นนี้มีจะมีนายอำเภอมาทานข้าวด้วยนะ

ผมเริ่มเครียดเล็กๆ เพราะไม่ได้เตรียมตัวอะไรมา แต่งตัวบ้านๆ สุดๆ
แต่แกบอกว่า ไมเป็นไร นายอำเภอก็กันเองๆ ดี
และจริงๆ ผมก็ค้นพบว่า ท่านก็ดูเป็นข้าราชการยุคใหม่ที่กันเองมากๆ จริงๆ
(คือ เค้าก็ดื่มกันต่อด้วยนะครับ แต่ผมกะคุณเธอไม่ดื่ม เพราะถ้าดื่มไปข้อมูลที่เก็บไว้ในหัวจะถูก delete หมดทันที)

ปล. ยุงก็ค่อนข้างเยอะอยู่นะครับ ถ้าเตรียมสเปรย์ไล่ยุงมาด้วยก็จะดีมากครับ

เริ่มจากเมนูแรก ...... ยำปลาทูน่าครับ แซ่บๆ แผล่บๆๆ

เมนูไข่ตุ๋น ใส่หมูสับอยู่ข้างใน
เป็นเมนูโปรดผมตอนเด็กๆ ผมจะนึกถึงความทรงจำตอนเยาว์วัยทุกครั้ง
ที่ได้กินไข่ตุ๋น เป็นเมนูที่แม่ผมทำให้ทานบ่อยมากๆ

ตั้งแต่ยุคยังต้องนึ่งจริงๆ จนกระทังยุคไมโครเวฟครับ

น้ำพริกกะปิ เมนูบ้านๆ
แต่ทานคู่กับผักชุบแป้งทอดนานาชนิต ก็โอเคเลยครับ

อีกเมนูหนึ่ง ฝีมือคุณเจ้าของเลย นั่นก็คือ กุ้งผัดผงกะหรี่
แต่เผอิญว่าไมได้ถ่ายรูปไว้ แห่ะๆๆ
เลยถ่ายมาแต่แกงข่าไก่ เนื้อเน้นๆ ซุปข้นๆ ชอบครับ

ว่าแล้วเมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน .....

กลับมาสวีทกันต่อที่ริมระเบียง ชมดาว (ขอตั้งชื่อนี้ละกัน)
ที่ซึ่งเรา จะได้อยู่ชมดาวระยิบระยับบนท้องฟ้าอย่างมีความสุข

ผมนึกถึงครั้งหนึ่ง ตอนที่เราไปดอยแม่อูคอกัน
ในเที่ยวขากลับ เราเลือกทีจะตีกลับมาค้างคืนที่แม่แจ่ม
รถเรามีอยู่คันเดียว ผ่านถนนอันมืดสนิท
ข้างบนมีดาวระยิบระยับ .... เราก็เลยตัดสินใจจอดรถชมดาวกัน
เลยรู้เลยว่า ท้องฟ้าอันมืดมิด ที่มีแต่แสงดาวระยิบระยับนั้นเป็นเชนใด
(บรรยากาศนี้ไม่สามารถหาได้ง่ายๆ ในเมืองใหญ่ครับ)

ลืมไป คืนนี้เรายังนอนไม่ได้ เพราะมีนัดกับพี่แดง ....

พอดีคืนที่ไปพัก เป็นคืนที่เปิดจองเส้นทาง
บินตรง เชียงใหม่-อุบลราชธานี ของแอร์เอเชีย โปรโมชั่น 590 บาทครับ
พอสี่ทุ่มกว่า เราก็ไปสแตนบายเรียบร้อย
เนืองจากสัญญาณ wi-fi มาไม่ถึงห้องหมายเลข 5 ครับ
ส่วนสัญญาณ Edge ของ AIS ที่ใสใน iPad ผมก็ไม่ค่อยใว้วางใจมาก

มุขของผม และที่หลายๆ คนใช้กันก็คือ ...
เลือกเส้นทาง ต้นทาง-ปลายทาง และวันที่ต้องเดินทางไว้ให้เรียบร้อยก่อน 5 ทุ่ม เวลาใกล้ๆ ก็ค่อยๆ กด update ราคาเรื่อยๆ
เวลา ห้าทุ่ม ปกติราคาก็จะใส่เข้ามาในระบบพอดีครับ
(แต่เผอิญว่า โปรฯ นี้มี System maintenance 15 นาที แต่ละคนก็เลยได้แต่รอกัน ใจตุ้มๆ ต่อมๆ อิอิ)

สอยตั๋วมาได้เรียบร้อย เจอกันนะสามพันโบกเดือนหน้า นอนหลับสบายแว๊ว (ความสุขเล็กๆ ของคนชอบบินไปเที่ยวแบบถูกๆ)

เช้าวันใหม่ อากาศสดใส .....

ตอนเช้าๆ อากาศเย็นสบายกำลังดีเลยครับ
เหมาะแก่การมาเดินเล่นเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับอาหารเช้ามาตรฐานจะเป็น ข้าวต้ม ทานคู่กับปาท่องโก๋ ง่ายๆ สบายๆ ครับ ไม่มีพิธีรีตองใดๆ

ส่วน ชา-กาแฟ-โอวัลติน ชงเองได้ตามอัธยาศัยครับ
เนื่องจากวันนี้ แขกน้อย ก็เลยเปลียนปาท่องโก๋ เป็นขนมคุ๊กกี้แทน

ข้าวต้มกุ้งร้อนๆ มาแล้วค้าบบบบ

กิจกรรมเช้าวันนี้ คุณเจ้าของพาไปดูร้าน และโรงงานเตรียมวัสดุอุปกรณ์ งานไม้ งานกระจก ทีจะมาติดตั้งที่ร้านกาแฟ ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่ครับ

เริ่มจาก วัสดุที่หาได้ง่ายในพื้นที่ปางมะผ้า นั่นก็คือ ไผ่
เราก็จะเอาเฉพาะผิวไผ่ มาสานเป็นผนังหรือเพดาน หรือประตู เพราะให้ความแข็งแรงทนทานครับ

นอกจากนี้บริเวณโรงงานก็จะมีแปลงเพาะเห็ดด้วย

เห็ดพวกนี้ก็จะนำไปใช้ทำกับข้าวที่รีสอร์ทด้วยนี่แลครับ
สดๆ เลยทีเดียวเชียว ....

ปริมาณยอดจองในช่วงหน้าหนาวนี้

ตอนนี้มีการจองเข้ามาค่อนข้างมากพอสมควร อย่างในเดือนธันวาคมยอดจองตอนนี้มาถึง 70% จากห้องพักทั้งหมดที่มีทั้งเดือนแล้วครับ อย่างบางวันก็เต็มไปแล้ว ซึ่งถ้าท่านไหนที่สนใจอยากจะมาสัมผัสประสบการณ์ที่นี่ก็อย่าลืมรีบจองเสียแต่เนิ่นๆ ครับ

----------------------------------------------------------------------------
ก้าวต่อไปของ The Rock

แม้หลังจากที่เปิดให้บริการและได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับเจ้าของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือการปรับปรุงพัฒนาตัวที่พักให้มีความสดใหม่อยู่เสมอ

สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตได้นั่นก็คือ บ้านพักหลังที่ 1 และ 2 แม้ว่าจะเป็นหลังแรกที่สร้างมาได้ 3 ปีกว่าแต่ก็ยังดูไม่เก่าเลย แต่ละห้องดูไม่แตกต่างกันเพราะมีการบำรุงรักษาที่ดี หินทางเดินมีการทำความสะอาดเพื่อไม่ให้เกิดตะไคร่น้ำ และแน่นอน สวนสวยย่อมได้รับการปรับปรุง เพิ่มเติมต้นไม้ เพื่อให้คงความสวยสดเขียวขจีอยู่ตลอดทั้งปี แม้ว่าจะเป็นช่วงโลว์ที่ไม่ค่อยมีแขกก็ตาม (อย่างบางรีสอร์ทในปาย ช่วงโลว์เขาก็ปิดเงียบปล่อยสวนรกร้างไปเลยแล้วค่อยปรับปรุงทำตอนเปิดหน้าไฮทีเดียว)

อีกทั้งยังคงมีการเพิ่มเติมความคิดต่างๆ อย่างเช่น ด้วยความที่พื้นที่ติดถนน มีรถท่องเที่ยวผ่านกันเยอะ แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้จอดแวะ ทางเจ้าของจึงตั้งใจอยากให้ที่นี่กลายเป็นจุดแวะพักรถ ที่ผู้มาแวะจะได้พบกับธรรมชาติอันเงียบสงบ และสวนสวยของที่นี่ด้วย อันเป็นการต่อยอดว่า คราวหน้าอาจจะอยากมาพักทีนี่ก็เป็นได้ ดังนั้นธุรกิจอีกส่วนหนึ่งที่กำลังจะเปิดในช่วงหน้าไฮนี้ นั่นก็คือ ธุรกิจร้านกาแฟ ซึ่งน่าจะทันเปิดในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เป็นร้านเล็กๆ ริมถนนที่เน้นให้เห็นวิวรีสอร์ท

ส่วนเรื่องรสชาติกาแฟก็ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เพราะความจริงคือ ทางเจ้าของเคยเป็นผู้ถือแฟรนไชส์ร้านกาแฟวาวี สาขาปาย (ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอปาย ซึ่งปัจจุบันได้ปิดไปโดยจะกลายเป็นร้านเบทาโกรช๊อป คู่แข่งของร้านซีพีเฟรชมาร์ทที่จะเปิดที่ปายเร็วๆ นี้) ดังนั้นการปรุงกาแฟให้อร่อยจึงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไร และเท่าที่ชิมๆ ดูรสชาติก็เยี่ยมใช้ได้ทีเดียวครับ

นอกจากนี้ ด้วยความที่ของที่ระลึกของทางรีสอร์ท เป็นที่สนอกสนใจกับนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก จากโลโก้ที่รูปร่างเหมือนสุนัขน่ารักๆ และคำว่า ปางมะผ้า จึงทำให้ในอนาคตอาจจะได้มีการสร้างร้านขายของที่ระลึกของปางมะผ้า บริเวณใต้ร้านกาแฟนั่นเองครับ ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร

แล้วยังมีโครงการพัฒนาพื้นที่ 2 ไร่กว่าๆ ทางฝั่งตรงข้ามของรีสอร์ทอาจจะทำเป็นสวนดอกไม้ หรือ แปลงผักออร์แกนิกส์ และมีเมนูอาหารออร์แกนิกส์ในอนาคตก็เป็นได้ (ผมก็ได้เล่าโมเดลของไร่แสงอรุณให้แกฟังเช่นกัน เพราะผมชอบสไตล์นั้นมาก เป็นสไตล์ที่โดนใจคนกรุงเทพด้วย ทั้งๆ ที่ไร่แสงอรุณอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายไปพอสมควร)

หรือถ้าอนาคตอาจจะมีการสร้างห้องพักเพิ่มเติม พร้อมกับการสร้างสระว่ายน้ำขนาดพอเหมาะเพื่อเติมเต็มการพักผ่อนให้ได้มากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน รวมไปถึงการติดตั้งฮีตเตอร์ในห้องพัก สร้างความอบอุ่นในช่วงหน้าหนาว ... ทั้งนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า รีสอร์ทแห่งนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ....

อย่างที่บอกครับว่า การเข้าพักในครั้งนี้ของผม ไม่ใช่ได้เพียงแค่ประสบการณ์การเข้าพัก แต่ได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิต และทำให้เรามีกำลังที่จะฮึดสู้ฟันฝ่าอุปสรรคต่อไป เพื่ออนาคตที่สดใสของเรานั่นเอง

แล้วพบกันอีกนะครับ สัญญาว่าจะกลับไปปางมะผ้า และ The Rock Resort อย่างแน่นอน

ท้ายสุดนี้ ขอขอบพระคุณ
-- บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
(ผู้สนับสนุนหลักโครงการ Thailand Boutique Awards 2011)
-- คุณจิระเดช ตันติฤทธิพร (เฮียตี๋) และ คุณผึ้ง เจ้าของ เดอะร๊อครีสอร์ท อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนจบครับ
(ใช้เวลาทำรีวิวแบบติดๆ ดับๆ ไปถึง 25 ชั่วโมงกว่าๆ เลยทีเดียว)

..

ขอบคุณข้อมูลแน่นๆจากหมอยุ่งครับ

ไปเที่ยวปางมะผ้าเมื่อไหร่ จะได้มีตัวเลือกที่พักดีๆ

..

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^

ร้านกาแฟเสร็จสมบูรณ์แล้วนะค่ะ
^____^