“เที่ยวเอง” อยากแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวด้วยตัวเองแบบไม่ง้อทัวร์ ขอเล่าเรื่องราวหลากหลายแง่มุมของทริปตะลุยสแกนดิเนเวียคนเดียว ทริปนี้เป็นทริปใหญ่ที่วางแผนได้ยากมาก เรียกว่ากว่าจะวางแผนได้ลงตัวต้องเตรียมตัวกันเป็นเดือนๆ ทีเดียว สุดท้ายก็สำเร็จเป็นแพลน 8 วัน 6 คืน คือ Bangkok-Helsinki-Tallinn-Stockholm-Oslo-Bergen-Myrdal-Flåm-Oslo-Bangkok

ตอนที่ 7 นี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว เราต้องกลับไปที่ Oslo เพื่อขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไทย แต่ยังพอมีเวลาเหลือเที่ยวออสโลกันอีกหน่อยครับ

เหมือนเดิมครับ สำหรับใครที่ชอบกระทู้นี้ และอยากอัพเดทสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ เข้า FB แล้ว search เพจ “เที่ยวเอง” เจอเลย กดไลค์ได้เลยครับ
เพจของผมเองครับ ^^

ความเดิมจากตอนที่แล้ว

วันแรกที่ฟินแลนด์ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11058987/E11058987.html

วันที่สองที่เอสโตเนีย http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11080618/E11080618.html

วันที่สามที่สวีเดน http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11110857/E11110857.html

วันที่สี่ที่สวีเดน http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11133246/E11133246.html

วันที่ห้าที่นอร์เวย์ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11145292/E11145292.html

วันที่หกที่นอร์เวย์ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11172130/E11172130.html

วันที่ 7
และแล้ววันสุดท้ายของการเดินทางก็มาถึง ออกจากโฮสเทล เดินลากกระเป๋าไปที่สถานีรถไฟเพื่อขึ้นรถไฟกลับกรุงออสโล

วันนี้ที่ฟลอมหมอกลงจัดมาก ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบไปหมดจนมองไม่เห็นยอดเขาเลย

08.35 น. รถไฟ Flåmsbana 1850 ออกจากสถานี Flåm เดินทางกลับ Oslo ตั๋วรถไฟ Flåm to Oslo S one way ราคารวม 873 NOK ถ้าซื้อล่วงหน้า 1 วัน (minipris) ราคา 749 NOK

นั่งรถไฟย้อนกลับเส้นทางเดิมขึ้นเขาผ่าน Kjosfossen ไปยังสถานี Myrdal บนยอดเขา

รถไฟจอดที่สถานี Myrdal เวลา 09.27 น. ใช้เวลาเดินทาง 52 นาที ต้องรอต่อรถไฟสาย Bergensbanen (Bergen-Oslo) ที่นี่อีก 23 นาที เลยเข้าร้านอาหารซึ่งมีอยู่ร้านเดียวในสถานีรถไฟ หาอะไรกินรองท้อง ก็เหมือนเช่นเคยแทบไม่มีอะไรน่าสนใจและราคาก็แพงกว่าที่ออสโลและฟลอมอีกต่างหาก น้ำเปล่าหรือน้ำอัดลม 0.5 ลิตร ที่ออสโลราคาขวดละ 20 NOK ที่ฟลอมขวดละ 25 NOK ส่วนที่สถานี Myrdal ราคาขวดละ 30 NOK เกือบ 170 บาท เห็นราคาแล้วถึงกับดื่มไม่ลง จึงซื้อแค่ฮอทด็อก 1 อัน เล็กนิดเดียว 34 NOK กินเป็นอาหารเช้า

วันนี้ที่ Myrdal หิมะไม่ตกแต่ฝนตกปรอยๆ อากาศไม่ค่อยหนาวเท่ากับเมื่อวาน รอรถไฟจนถึงเวลา 09.50 น. รถไฟขบวน NSB Regiontog 62 ก็มาจอดที่ชานชลา ขึ้นรถไฟไปหาที่นั่งแล้วนั่งยาวอีกเกือบ 6 ชั่วโมงกว่าจะถึง Oslo

ระหว่างทางจาก Myrdal กลับ Oslo นั้น รถไฟแล่นผ่านเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนเป็นระยะทางยาวทั้งสองข้างทาง บางจุดมีทะเลสาบที่เย็นจัดจนกลายเป็นทะเลสาบน้ำแข็ง เป็นภาพที่สุดยอดมากจริงๆ

นั่งไปเกือบครึ่งชั่วโมง รถไฟก็หยุดที่สถานี Finse ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่ตั้งอยู่สูงที่สุดของระบบรถไฟนอร์เวย์ที่ความสูง 1,222.2 เมตรจากระดับน้ำทะเล จากจุดนี้เหลือระยะทางอีก 302.1 กิโลเมตรจะถึง Oslo

รถไฟแล่นไปเรื่อยและแวะจอดที่สถานี Geilo, Ål, Gol, Nesbyen, Hønefoss, Drammen, Asker, Lysaker และก็ถึงสถานีรถไฟ Oslo S ในเวลา 14.30 น. ก่อนกำหนดเวลาจริง 2 นาที จาก Flåm ถึง Oslo ใช้เวลาเดินทางรวม 5 ชั่วโมง 55 นาที

ฝากกระเป๋าเดินทางไว้ที่ฝากกระเป๋าในสถานีรถไฟ แล้วเดินไปที่ Burger King สั่งแฮมเบอร์เกอร์เนื้อแบบดับเบิ้ลชุด Dobbel Cheeseburger Meny+โค้ก+เฟรนช์ฟราย ราคา 65 NOK ประมาณ 360 บาท ไปเลยจะได้อยู่ท้องนานๆ และออกไปนั่งกินข้างนอกร้านเพราะถ้ากินที่ร้านจะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก

บ่ายสามโมงกว่ายังมีเวลาเที่ยวกรุงออสโลต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ผมเดินไปที่สถานีรถไฟใต้ดินกดตู้ซื้อตั๋ว 24 hour pass ราคา 70 NOK จากนั้นก็ออกไปรอรถรางที่ป้ายด้านหน้าสถานีรถไฟ ขึ้นรถรางสาย 12 ไปลงที่ป้าย Aker Brygge ใกล้กับ Rådhuset หน้าห้างสรรพสินค้าชั้นนำของออสโลที่ชื่อว่า Aker Brygge พอดี ห้างนี้เปิดตั้งแต่ 10.00-20.00 น. เดินเล่นในห้างนิดหน่อยซึ่งก็ไม่มีร้านค้าอะไรมากนัก

เดินกลับมาที่ป้ายรถรางเดิม รถรางสาย 12 มาจอดที่ป้ายพอดี ขึ้นรถต่อไปลงที่ป้าย Solli รอรถเมล์สาย 30 towards Bygdøynes og Huk แปปเดียว แล้วนั่งรถเมล์อีก 7 นาทีไปลงที่ป้าย Folkemuseet ซึ่งอยู่ข้างหน้าทางเข้า Norsk Folkemuseum หรือ Norwegian Museum of Cultural History เปิดให้เข้าชมได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 11.00-15.00 น., เสาร์-อาทิตย์ 11.00-16.00 น. ค่าเข้าชม 100 NOK แต่ตอนนั้นพิพิธภัณฑ์เพิ่งจะปิดเลยไม่ได้เข้าชม

เดินต่อตามป้ายบอกทางไปท่าเรือเฟอร์รี่ (ferger) Dronningen แค่ 5 นาทีก็ถึง Vikingskipshuset อยู่ทางขวามือ ถ้าเลี้ยวซ้ายไปก็เป็นท่าเรือ Viking Ship Museum วันที่ 1 พ.ค.-30 ก.ย. เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 09.00-18.00 น., 1 ต.ค.-30 เม.ย. เปิดตั้งแต่ 10.00-16.00 น. ค่าเข้าชม 60 SEK

ผมไม่ได้เข้าไปชมเรือไวกิ้งที่อยู่ด้านในพิพิธภัณฑ์หรอกเพราะมีเวลาไม่พอ พิพิธภัณฑ์ทั้ง 2 แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ Bygdøy หรือ Bygdø อีกฝั่งหนึ่งของกรุงออสโลห่างจากใจกลางออสโลประมาณ 5 กิโลเมตร นอกจากนี้ที่ Bygdøy ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือพิพิธภัณฑ์อีก 3 แห่ง ได้แก่ Frammuseet (The Polar Ship Fram) เดือนพ.ค. เปิดทุกวัน 10.00-17.00 น., มิ.ย.-ส.ค. เปิดทุกวัน 09.00-18.00 น. ค่าเข้าชม 60 NOK Kon-Tiki Museet เดือนเม.ย.-พ.ค. เปิด 10.00-17.00 น., มิ.ย.-ส.ค. เปิด 09.30-17.30 น. ค่าเข้าชม 65 NOK และ Norsk Sjøfartsmuseum (Norwegian Maritime Museum) ค่าเข้าชม 40 NOK

ต้องรีบเดินไปท่าเรือแล้วเพราะตามเวลาที่เช็คมาจะมีเรือกลับไปที่ Rådhusbrygge ตอน 16.25 และ 16.40 น. แต่รอบแรกคงจะไปไม่ทันแล้ว คงต้องรอเรือรอบหลัง เดินถึงท่าเรือ Dronningen เรือ ferger สาย 91 ก็มาเทียบท่าพอดี โชว์ตั๋ววันให้เจ้าหน้าที่ดูแล้วนั่งเรือกลับออสโลแบบฟรีๆ

5 นาทีต่อมา เรือก็หยุดจอดที่ท่าเรือ Bygdøynes ซึ่งมองไปบนฝั่งก็เห็น Frammuseet อยู่ริมทะเล

เรือแวะรับ-ส่งผู้โดยสารและแล่นข้ามทะเลกลับไปยัง Rådhusbrygge หรือ Rådhuskaia (the City Hall pier) ใช้เวลา 10-15 นาทีก็ถึงแล้ว (มีเรือบริการเฉพาะเดือนเม.ย.-ต.ค. ทุก 20-30 นาที)

17.00 น. เรือจอดที่ท่า Rådhusbrygge ด้านหน้าของ Rådhuset

เดินไปที่ป้ายรถรางขึ้นรถรางสาย 12 กลับไปที่สถานีรถไฟ Oslo S ไปเอากระเป๋าเดินทางที่ฝากไว้ แล้วเดินที่ขายตั๋วรถไฟด่วน Flytoget เพื่อซื้อตั๋วรถไฟไปสนามบิน Gardermoen จ่ายเงินไปอีก 170 NOK

Flytoget หรือ Airport Express Train เป็นวิธีการเดินทางไปสนามบินที่สะดวกรวดเร็วที่สุด โดยจะมีรถไฟออกทุก 10 นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 19-22 นาที ตั๋วรถไฟ single trip ราค170 NOK ถ้าซื้อที่ ticket desk จะเสียค่าบริการอีก 30 NOK

17.35 น. รถไฟด่วนก็ออกเดินทางสู่ Oslo Lufthavn "Gardermoen" ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือห่างจากตัวเมืองออสโลราว 45 กิโลเมตร นั่งรถไฟด่วนไปยังไม่ 6 โมงเย็นก็ถึงสนามบินแล้ว

เช็คอินที่เคาน์เตอร์ซึ่งแทบจะไม่มีผู้โดยสารอยู่แล้วเพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 ชั่วโมงเครื่องบินก็จะออกแล้ว เดินไปรอขึ้นเครื่องที่เกทซึ่งอยู่ไม่ไกลมากเพราะสนามบินนี้ไม่กว้างใหญ่เท่าไหร่ นั่งรอประมาณ 10 นาทีก็ได้ขึ้นเครื่อง

19.10 น. เครื่องบินสายการบิน Finn Air เที่ยวบินที่ AY658 ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ Helsinki เที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินระยะสั้นจึงไม่มีการเสิร์ฟอาหาร ผมต้องทนหิวอยู่บนเครื่อง 1ชั่วโมง 20 นาทีกว่าเครื่องบินจะลงจอดที่ Helsinki

21.30 น. เวลาที่ฟินแลนด์ เครื่องบินร่อนลงจอดที่สนามบิน Vantaa กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ รอต่อเครื่องกลับประเทศไทยอีกประมาณ 2 ชั่วโมง

เวลา 23.40 น. สายการบิน Finn Air เที่ยวบินที่ AY095 ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพาผมเดินทางกลับภูมิลำเนา ผมต้องนั่งบนเครื่องบินอีก 10 ชั่วโมงกว่าจะถึงสนามบินสุวรรณภูมิตามกำหนดเวลาคือ 13.45 น. ของวันรุ่งขึ้น

ทริปสแกนดิเนเวียนี้เป็นการไปเที่ยวเองครบ 20 ประเทศในทวีปยุโรปของจขกท. และเป็นทริปสุดยอดที่สุดตั้งแต่วางแพลนไปเที่ยวเองมาเลยเพราะทั้งวางแผนยากและมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ก็ได้รับประสบการณ์ดีๆ มากมายที่หาไม่ได้จากที่ไหน

ถ้ามีเวลาว่างจะรีวิว 60 เมือง ใน 21 ประเทศยุโรปที่เคยไปเที่ยวมาให้ชมกันนะครับ :D

ขอบคุณครับ อิจฉามากกเที่ยวครบเลย :)

wow ....

เที่ยวทั่วยุโรปแล้ว....

 

ไปเที่ยวด้วยคนค่ะ

สุดยอดทริปค่ะ

ถ้า จขกท รีวิวครบทั้งหมดที่ไปมา จัดได้ว่าเป็นมหากาพย์แล้วแหละ คงไม่ใช่เพียงแค่รีวิวแล้ว

แต่ก็จะรอชมนะครับ

สุดยอดครับ

ตามมาเที่ยวต่อครับ

ขอตามไปด้วยค่ะ

*O* ใส่แว่นด้วย อ๊าาาาา (ชอบคนใส่แว่น)

ค่าใช้จ่ายสูงจริงๆ... อยากกลับไปเที่ยวนอรเวย์อีก แต่เห็นค่าตั๋วแต่ละอย่างแล้ว.. ต้องเก็บตังค์อีกกี่ปีเนี่ย...

โอ๊ะ...ไม่ได้เข้ามาดูรีวิวในห้องนี้ เข้ามาหาข้อมูลแล้วรีบๆ ไปเพราะงานยุ่ง

ไม่รู้เลยว่ามีรีวิว Scandinavian Trip ด้วย เป็นทริปในฝันเลย

วันนี้โชคดีมาทำงานเช้าได้เข้ามาชมรีวิว...จะย้อนรอยไปตั้งแต่ตอนแรกเลย ^^

ขอบคุณสำหรับรีวิว อ่านจบทุกตอนแล้วจะมาบอก จขกท. ว่ารู้สึกยังไงอีกทีนะคะ

อยากไปบ้างจัง ..

รออ่านต่ออยู่ค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆ ที่มาแบ่งปันนะคะ

อยากดูรีวิวอื่นๆ ด้วยค่ะ ^o^
ขอบคุณสำหรับรีิวิวค่ะ

โอโห้ ไปมาหลายประเทศมากครับ ไม่คิดว่าจะหลายประเทศขนาดนี้
คุ้มมากเลยครับ

ติดตามชมรีวิวดีๆต่อ

 รีวิวยอดเยี่ยมเลยค่ะ  

60 เมือง ใน 21 ประเทศ
ว้าววววว สุดยอดมากค่ะ
จะรอดูรีวิวนะคะ
ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ

คงมีเวลารีวิวคร่าวๆ นะคับ ละเอียดขนาดทริปสแกนดิเนเวียนี้คงหลายเดือนกว่าจะเสร็จนะ  555

สุดยอดดดดด ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^