เราสองคนมีโครงการว่าเสาร์อาทิตย์จะไปเดินเที่ยวในบริเวณกรุงเทพและปริมณฑลกันเป็นประจำ
โดยตกลงกันว่า จะใช้บริการขนส่งสาธารณะโดยเฉพาะทางเรือเป็นหลัก และเดินเท้าตระเวนกันไปในที่ต่างๆ
ผมมีความตั้งใจหลายปีมาแล้วว่าอยากจะตระเวนชมกรุงเทพที่คนจากทั่วทุกมุมโลกหลายล้านคนเดินทางมาท่องเที่ยวทุกปี
ผมเองได้พบกับชาวต่างชาติหลายคนที่มีความสนใจและเข้าใจในศิลปวัฒนธรรมไทยอย่างน่าทึ่ง
จนนึกละอายใจว่าเป็นคนไทยแต่กลับรู้เรื่องศิลปวัฒนธรรมไทยน้อยกว่าชาวต่างชาติเสียอีก
นี่คืออีกแรงบันดาลใจหนึ่งที่ทำให้เกิดโครงการนี้
สถานที่แรกๆที่เป็นแหล่งรวมของศิลปวัฒนธรรมที่เข้าถึงได้ง่ายคือวัดวาอารามต่างๆ
เราจึงตั้งใจว่าจะตระเวนไปไหว้พระตามวัดต่างๆและสัมผัสกับวิถีชุมชนรอบวัดนั้นๆด้วย

ตอนที่ 1 วัดอรุณราชวราราม
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10951296/E10951296.html
ตอนที่ 2 วัดกัลยาณมิตรและชุมชนกุฎีจีน
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10962075/E10962075.html
ตอนที่ 3 วัดราชโอรสาราม
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10979288/E10979288.html
ตอนที่ 4 วัดนางนองและวัดหนัง
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10995963/E10995963.html
ตอนที่ 5 วัดราชบพิธ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11017370/E11017370.html
ตอนที่ 6 วัดราชประดิษฐ์ วัดมหรรณ ศาลหลักเมือง
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11040059/E11040059.html
ตอนที่ 7 ชุมชนวัดอนงคาราม
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11052080/E11052080.html
ตอนที่ 8 หนีห่าวอัมพวา
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11082056/E11082056.html
ตอนที่ 9 วัดเทพธิดาราม วัดราชนัดดา
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11104014/E11104014.html
ตอนที่ 10 วัดโพธิ์แมนคุณาราม
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11132829/E11132829.html
ตอนที่ 11วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหารและวัดสังฆทาน
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11169774/E11169774.html





หากท่านเห็นว่ากระทู้นี้มีประโยชน์และช่วยกดเก็บเข้าคลังกระทู้ก็จะขอบคุณมากครับ
………………………………………………………………………………………

เสาร์อาทิตย์นี้ไม่กล้าออกไปเดินเที่ยวถ่ายรูปเหมือนเคยเพราะต้องอยู่บ้านเตรียมรับน้ำที่อาจจะท่วม
หมู่บ้านที่ผมอยู่มาจะครบ 20 ปีแล้วไม่เคยท่วม ทั้งที่ฝั่งตรงข้ามของถนนติวานนท์น้ำท่วมในบางปีที่น้ำมากจริงๆ
แต่ปีนี้ไม่กล้าคิดว่าจะไม่ท่วม หวังเพียงว่าจะไม่ท่วมแบบฉับพลันและสูงมากนัก ขอเป็นกำลังใจให้คนที่ประสบปัญหาน้ำท่วมทุกท่าน
หวังว่าหลังน้ำลด นอกจากการฟื้นฟูบ้านเมืองให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมแล้วจะมีการวางแผนป้องกันปัญหาระยะยาวกันอย่างจริงจังเสียที
ไม่ใช่คอยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างที่ผ่านๆมา

วัดสระเกศราชวรมหาวิหารหรือที่เรียกกันสั้นๆว่าวัดสระเกศ
เราไปวัดสระเกศกันหลายครั้ง รูปจึงมีบรรยากาศต่างกันนะครับ แต่ส่วนมากจะฉ่ำฝนหน่อย
วัดสระเกศไม่ได้มีเพียงภูเขาทองเท่านั้น ยังมีสิ่งสวยๆงามๆน่าชื่นชมอีกหลายอย่าง
นอกจากนั้นใกล้ๆกันยังมีซอยบ้านบาตรที่เป็นชุมชนทำบาตรด้วยมือมาเป็นร้อยปีแล้วให้เดินชมอีกด้วย

ก่อนไปวัดสระเกศ ขอพาไปดูหอไตรของเทพธิดารามที่ได้รับรางวัล "UNESCO Asia-Pacific Heritage Awards"
สำหรับโครงการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมประจำปี 2554

ทางยูเนสโกแยกเป็น 4 ประเภท 4 รางวัล โดยรางวัลที่ประเทศไทยได้มาคือ Award of Merit

สมาคมสถาปนิกสยามฯและกรมศิลปากรใช้เวลา 3 ปีเต็ม ในการบูรณะหอไตรนี้ ทำงานอย่างลงลึกรายละเอียดจริง ๆ เพื่ออนุรักษ์งานศิลปกรรม
ไม่ว่าจะเป็นลายรดน้ำที่บานประตู หน้าต่าง ลายปูนปั้นซุ้มประตูหน้าต่าง การรื้อฟื้นลวดลายปิดทองอย่างโบราณของเพดานทั้งภายนอกและภายใน
การใช้ปูนขาวหมักและปูนตำอย่างโบราณแท้ ๆ โดยกำหนดใช้ปูนขาวหมักเป็นปูนสอ ปูนฉาบ และขัดผิวนอกด้วยปูนตำตามเทคนิคช่างแบบโบราณ เป็นต้น

ขอขอบคุณคุณ Cherokee1 ที่ช่วยให้ผมได้เติมเต็มข้อมูลที่น่าภาคภูมิใจของวัดเทพธิดารามและคนไทย

วัดสระเกศราชวรมหาวิหารหรือที่เรียกกันสั้นๆว่าวัดสระเกศ อยู่ริมคลองมหานาคและคลองรอบกรุง
ใกล้สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เป็นวัดโบราณในสมัยอยุธยา เดิมเรียกว่า วัดสะแก

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม
แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสระเกศ ซึ่งแปลว่า ชำระพระเกศา เนื่องจากเคยประทับทำพิธีพระกระยาสนาน (อาบน้ำ)
เมื่อเสด็จกรีธาทัพกลับจากกัมพูชามาปราบจลาจลในกรุงธนบุรี และเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติใน พ.ศ. 2325
.................................
พระอุโบสถ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยโปรดให้พวกเขมรจำนวนเป็นหมื่นคนช่วยกันขุดวางฐานรากเมื่อคราวขุดคลองมหานาค

มีหลังคาเป็นมุขลด 3ชั้น มุงด้วยกระเบื้องเคลือบและประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
มุมนี้ของพระอุโบสถจะมองเห็นภูเขาทองได้

ใกล้เข้าไปอีกหน่อยจะเห็นใบเสมาคู่ในซุ้มเสมาเพราะเป็นวัดหลวง

ซุ้มเสมาที่วัดสระเกศเป็นทรงกูบช้างหรือซุ้มหน้านางประดับกระเบื้องงดงามอลังการมาก
ซุ้มเสมาวัดสระเกศนี้มีชื่อเสียงมาก ซึ่งสมเด็จพระมหาสมาณเจ้า กรมพระยาวิชรญาณวโรรส ทรงสรรเสริญไว้ว่า
“ซุ้มพัทธสีมาวัดสระเกศวิจิตรสวยงามมาก ควรถือเป็นแบบอย่างได้”

บริเวณลานพระระเบียงของวัดสระเกศใช้กระเบื้องสีเหลืองนวล สะอาดสะอ้านจนทำให้อยากนั่งเล่นนอนเล่น

ประตูพระอุโบสถประดับด้วยซุ้มวอเป็นช่อชั้นลายรูปปั้นปิดทอง

หน้าบันทำจากไม้แกะสลักประดับกระจกสีเป็นภาพนารายณ์ทรงครุฑอยู่ตรงกลาง

เหลียวกลับไปมองภูเขาทองอีกครั้ง

ควันจากปล่องเมรุเตือนให้นึกถึงความอนิจจังของสังขาร

พระอุโบสถซึ่งสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ภายในมีจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งเขียนในสมัยรัชกาลที่ 3
แต่ชำรุดจึงมีการลบเขียนใหม่ใน รัชกาลที่ 7 เป็นภาพทศชาติ ภาพมารผจญและภาพไตรภูมิ

ตามขึ้นบรมบรรพตด้วยคนนะครับ...........ขอบคุณครับที่พาเข้าวัดเข้าวาเป็นประจำ

เชิญตามมาด้วยกันเลยครับคุณlow batt.
..............................................

พระประธานเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางสมาธิซึ่งไม่ค่อยพบมากนักในงานช่างไทย ลักษณะโดยรวมแล้วใกล้เคียงกับพระพุทธรูปในสมัยอยุธยา
เมื่อสร้างพระอุโบสถใหม่ฐานซุกซีสูงกว่าเดิมมาก ทำให้ดูเหมือนว่าพระประธานเดิมที่สร้างด้วยศิลาสลักเป็นปางสมาธินั้นดูเล็กลงไม่สมกับขนาดของพระอุโบสถที่สร้างขึ้นใหม่
รัชกาลที่ 1 จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระประธานใหม่ด้วยการเอาปูนปั้นพอกองค์พระประธานเดิม แล้วลงรักปิดทอง จึงเหมือนว่ามีองค์พระประธานซ้อนกันอยู่สององค์ องค์ใหม่อยู่นอกองค์เก่า
ด้วยเหตุนี้จึงไม่พระราชทานชื่อพระประธานประจำพระอุโบสถเพราะเป็นพระที่มีมาแต่เดิมซ้อนอยู่ คนทั่วไปจึงเรียกพระประธานประจำพระอุโบสถว่า พระประธาน

ภาพบนผนังสองด้านในพระอุโบสถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนตอนบนเขียนภาพเทพชุมนุมโดยแบ่งออกเป็น 3 ชั้น

ภาพเขียน 2 ชั้นแรกเป็นเทวดา ชั้นที่ 3 เป็นเทวดาสลับยักษ์ ผนังระหว่างช่องหน้าต่างเป็นรูปทศชาติ ตอนล่างเป็นภาพพุทธประวัติ

ที่ผนังสกัดด้านหน้าเขียนภาพมารวิชัยมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลาง
พญามาราธิราชผู้มีพระนามว่า วัสวดีมารนฤมิต ที่มีพันแขน ถืออาวุธครบมือกำลังขี่ช้างครีเมขล์
พร้อมด้วยเสนามาร ผจญพระพุทธองค์เพื่อแย่งชิงรัตนโพธิบัลลังค์ด้านหนึ่ง

อีกด้านหนึ่งเป็นรูปพญามารกำลังพ่ายแพ้แก่พระพุทธเจ้า มีภาพพระนางธรณีนามว่าพสุนธรีกำลังบีบมวยผมอยู่ใต้พระพุทธบัลลังก์
เหล่าเสนามารกำลังแหวกว่ายไปตามกระแสธาราที่หลั่งออกจากมวยผมพระนางธรณี เหนือกรอบประตูเขียนเป็นรูปพระราหูสีเขียว

พระวิหารสูงใหญ่ หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบ มีช่อฟ้าใบระกา พระวิหารหลังนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3

พระวิหารหลังนี้บ่ายหน้าไปสู่ทิศเหนือ
ในรูปนี้เป็นด้านหลังพระวิหาร ถ้าเดินเข้ามาทางภูเขาทองจะเข้าทางด้านหลังนี้

เหตุที่สร้างพระวิหารบ่ายหน้าสู่ทิศเหนือนี้มีเรื่องเล่าว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทอดพระกฐินนี่วัดสระเกศนี้
เสด็จมาโดยทางชลมารคผ่านคลองมหานาค เสด็จขึ้นวัดสระเกศทางทิศเหนือ
เดิมมีศาลาอยู่ริมคลองมหานาคด้วย ทรงจุดธูปเทียนถวายสักการะพระอัฏฐารสในพระวิหารก่อนแล้วจึงเสด็จเข้าพระอุโบสถ

รูปนี้เป็นด้านหน้าพระวิหาร

หน้าบันทั้งสองด้านประดับกระจกสี

ในพระวิหารแบ่งเป็น 2 ห้อง ห้องทางด้านหน้าเป็นที่ประดิษฐาน พระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร

พระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร ศิลปะสกุลช่างสมัยสุโขทัยตอนต้น อายุ 700 ปี เป็นประพุทธรูปยืนที่มีความสูงถึง 5 วา 1 ศอก 10 นิ้ว
หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์โดยไม่มีการเชื่อมต่อ เดิมประดิษฐานอยู่วัดวิหารทอง พิษณุโลก วัดประจำพระราชวังจันทน์ ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่พระวิหารวัด
ธรรมเนียมการสร้างพระอัฏฐารส พระพุทธรูปยืนไว้ประจำพระนคร ของพระมหากษัตริย์ไทยในอดีตเพื่อให้บ้านเมืองสงบสุขปราศจากสงคราม
ป้องกันความแตกแยกของคนในชาติ ให้คนในชาติเกิดความรักความสามัคคีและให้ประเทศชาติสถิตสถาพรมั่นคงยั่งยืนนาน

ช่วงนี้ท่านคงจะต้องทำหน้าที่หนักหน่อยนะครับ

นอกจากนั้น พระวิหารพระอัฏฐารสยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ บทมหาสมัยสูตร เพื่อทำน้ำพระพุทธมนต์ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์
เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชน สืบเนื่องมาแต่สมัยรัชกาลที่ 3 จนถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 170 ปี

ในรูปเป็นช้างโลหะในพระวิหารหน้าองค์พระ ให้ใช้นิ้วเดียวยกเพื่อเสี่ยงทาย

ประตูสู่ห้องด้านหลังพระประธาน

หลวงพ่อดุสิต มีประวัติว่าเป็นพระประธานประจำพระอุโบสถวัดดุสิตมาก่อน วัดดุสิตนั้นเดิมตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานพระราชวังสวนดุสิต
อยู่ใกล้กันกับวัดแหลม ที่มีชื่อเรียกว่าวัดเบญจมบพิตร

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระราชวังดุสิต และสวนดุสิตจำต้องขยายบริเวณเกินเนื้อที่วัดเบญจมบพิตรและวัดดุสิตทั้ง 2 วัด
จึงทรงพระราชปรารภสร้างวัดชดใช้วัดทั้งสองขึ้นวัดหนึ่ง คือ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
แล้วจึงได้โปรดให้อัญเชิญพระประธานในพระอุโบสถวัดดุสิตไปประดิษฐานอยู่ใน ห้องด้านหลังพระวิหารพระอัฏฐารสซึ่งว่างอยู่
ภายหลังเรียกกันว่า หลวงพ่อดุสิต ประดิษฐานอยู่ตลอดมาจนทุกวันนี้

ประตูด้านข้างองค์พระไปสู่ห้องด้านหน้า

ออกจากพระวิหารเพื่อเดินไปยังภูเขาทอง ผ่านวิหารหลวงพ่อดำ

พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระปั้นปิดทอง ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 4 ศอก ฝีมือปั้นสันนิษฐานว่าเป็นยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์
เป็นพระพุทธรูปที่คู่กับบรมบรรพต (ภูเขาทอง) มาแต่ต้น
เล่ากันว่า สร้างไว้ให้เพื่อเจ้านายและพุทธบริษัททั่วไปที่ไม่สามารถขึ้นไปบูชาบนองค์บรมบรรพตได้บูชาที่พระพุทธรูปองค์นี้

วันที่เราเดินขึ้นภูเขาทอง ตรงภูเขาทองจำลองมีห่านยืนเฝ้าอยู่ ดุด้วย น่ารักดีครับ

ระหว่างทางมีระฆังแขวนไว้เป็นราวให้ตีด้วย

ทัศนียภาพด้านหนึ่งจากภูเขาทอง เห็นส่วนสังฆาวาสของวัดสระเกศ

สถานที่สำคัญและมีชื่อเสียงมากที่สุดของวัดสระเกศก็คือ พระบรมบรรพต หรือที่เรียกกันติดปากว่า ภูเขาทอง
เริ่มสร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 แต่การก่อสร้างพระเจดีย์มีอุปสรรคมากเนื่องจากบริเวณวัดสระเกศนี้อยู่ใกล้ คลอง เป็นที่ลุ่มและดินอ่อนตัวมาก
ไม่สามารถทานน้ำหนักของเจดีย์ไหว จึงทรุดตัวลงแม้จะพยายามสร้างใหม่ก็กลับทรุดลงเช่นเดิม จึงได้เลิกราแต่เพียงเท่านั้น

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้โปรดให้ก่อสร้างภูเขาทองขึ้นใหม่ โดยแปลงพระเจดีย์องค์เดิมให้เป็นภูเขา
ก่อพระเจดียไว้บนยอดเขาและพระราชทานนามว่า “ บรมบรรพต ” ภายในพระเจดีย์ของภูเขาทองมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่

การก่อสร้างพระบรมบรรพตนี้สำเร็จลงในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำพระทันตธาตุจำลองมาตั้งในพระคูหาพระเจดีย์บนยอดบรมบรรพตแห่งนี้
ต่อมาเมื่อพระองค์ได้รับพระบรมธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ขุดพบ ที่เมืองกบิลพัสดุ์ ประเทศอินเดีย
โดยรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งปกครองอินเดียอยู่ในขณะนั้นได้ทูลเกล้าถวาย โปรดให้แห่มาประดิษฐานไว้ในซุ้มพระเจดีย์ยอดบรมบรรพต
และโปรดให้สร้างพระเจดีย์น้อยตั้งไว้ในที่บรรจุพระบรมธาตุดังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้

บันไดขึ้นไปบูชาพระบรมสารีริกธาตุ

พระเจดีย์น้อยที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

มีคนปิดทองที่พระพุทธรูปหน้าพระเจดีย์น้อยอยู่เกือบตลอดเวลา

เดินขึ้นบันไดไปชั้นบนสุดทีมีพระเจดีย์สีทองที่เห็นเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดภูเขาทอง

ที่แต่ละมุมก็มีพระเจดีย์องค์เล็กให้ผู้คนได้บูชากัน

ด้านหนึ่งขององค์พระเจดีย์มีกระดิ่งให้คนเขียนชื่อไปแขวน คงเป็นความเชื่อที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน

มีการเขียนชื่อลงบนผ้าแดงที่ใช้ห่มองค์พระเจดีย์ และติดธนบัตรบนราว เป็นอุบายแยบยลล่อใจให้คนทำบุญ

ตอนขาลง มีฆ้องใบใหญ่ให้ตีด้วย

แวะไหว้พระระหว่างทางลง เข้าใจว่าเป็นวิหารหลวงพ่อโต
พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปหล่อ ปิดทองในสมัยรัชกาลที่ 3 หน้าตักกว้าง 7 ศอก 1 คืบ สูง 10 ศอก
นับว่าเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยโลหะที่ใหญ่มากองค์หนึ่ง

หอไตรในวัดสระเกศ นับเป็นหนึ่งความงามของสถาปัตยกรรมในพระพุทธศาสนา ที่สะท้อนสภาพของสังคมช่วงสมัยรัชกาลที่ 1 ได้เป็นอย่างดี

หอไตรวัดสระเกศแต่เดิม ปลูกเป็นเรือนไม้กลางสระน้ำ เพื่อป้องกันปลวกและหนู ตามความนิยมการก่อสร้างหอไตร แต่บัดนี้สระนั้นถูกถมเสียแล้ว

ลักษณะศิลปกรรม มีเฉลียงรอบ หลังคามีช่อฟ้าใบระกา ฝาผนังด้านนอกมีลักษณะเป็นภาพนูนต่ำ เครื่องมงคลแบบจีนสีสันสวยงาม

ฝาผนังภายใน ด้านหน้า จิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพปราสาท วิมานและเทพยดา

จิตรกรรมฝาผนังด้านหลังเป็นภาพเขียนแบบจีน

พื้นเป็นไม้แผ่นใหญ่ มีตู้พระธรรมเก่าแก่ที่มีลวดลายทั้งแบบไทยและจีนอยู่หลายใบ

ลายรดน้ำที่เขียนบนบานหน้าต่างเป็นรูปฝรั่งสองชาติประจันหน้ากัน ไว้ผมยาวสยายเต็มบ่า
ใส่เสื้อเอวกิ่วพร้อมเครื่องประดับอลังการ สวมถุงน่องรองเท้า และหมวกตามยุคสมัย
จิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพเขียนแบบจีน

ประตูห้องเก็บพระไตรปิฎก

พระไตรปิฎกที่เห็นอยู่นี้เป็นของเก่าที่อยู่คู่มากับวัดสระเกศ ตั้งแต่สมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
กรมศิลปากรมาจัดระเบียบใหม่ เรียงเล่ม เรียงเลข และเรียงเรื่องให้ใหม่หมด

ลาวัดสระเกศออกมาด้วยภาพภูเขาทองหรือพระบรมบรรพตอีกภาพครับ

เราไปที่นี่กันต่อครับ ชุมชนบ้านบาตร

เราไปกันสองครั้ง ครั้งแรกเป็นวันอาทิตย์ตอนเย็นเลยผิดหวังกลับมา
ครั้งนี้เป็นวันเสาร์ตอนเย็น ฝนกำลังจะตก ก็เลยเก็บภาพมาได้ไม่มาก

วัสดุอุปกรณ์ในการทำบาตรด้วยมือ

ตู้แสดงบาตรที่ทำเสร็จแล้ว และบาตรเก่า

มีนักท่องเที่ยวต่างชาติสนใจเข้ามาดูและซื้อบาตรกลับไปเป็นของที่ระลึก

เราเข้าไปกันเย็นวันเสาร์ก็ยังได้ยินเสียงตีบาตรดังอยู่เป็นระยะๆ

มีเด็กๆในชุมชนมาฝึกซ้อมดนตรีกันอย่างสนุกสนาน

หนูน้อยน่ารักคนนี้ ทำท่าสนใจคนหน้าแปลก อิ อิ

อีกมุมหนึ่งที่เป็นทั้งที่ทำงานและแสดงสินค้า

ไม่ทันออกจากซอยบ้านบาตร ฝนก็เทลงมาหนักมาก เราเลยแวะร้านอาหารเก่าแก่แถวนั้น
ร้านนี้น่าจะอายุหลายสิบปีแล้ว มีโต๊ะเก้าอี้เก่าแก่หลายชุด การตกแต่งกลับมาร่วมสมัยอีกครั้ง

นั่งคอยจนฝนซาลงแล้วจึงออกจากร้าน ถนนหนทางยังเปียกอยู่

เดินทะลุออกมาที่นี่ครับ

เสาชิงช้าวัดสุทัศน์ วันฟ้าฉ่ำ

เดินต่อไปที่คลองหลอดหน้าวัดราชบพิธ ต้นสายรถ ปอ. 33 กลับปากเกร็ด
ลากันด้วยภาพในรถเมล์สาย 33 ครับ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาดู แสดงความเห็นและช่วยกดเก็บเข้าคลังกระทู้
ขอบคุณเว็บไซต์ที่เข้าไปหาข้อมูล phuttha.com, watsrakesa.com, dhammathai.org และ kammatan.com

รูปสวย + ความรู้ทางศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์แน่นเชียวค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

สวยครับ  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ
ได้ความรู้มากมายเลยค่ะ

เคยแวะไปแต่วัดสระเกศแต่ยังไม่เคยเข้าไปในชุมชนบ้านบาตรเลย
คราวหน้าคงต้องแวะไปดูบ้างครับ

ตามมาเที่ยววัดสระเกศด้วยคนครับ ผมไม่ได้เข้าวัดนี้นานมากแล้ว ไปทีไรก็ช่วงงานวัดทุกที ต้องหาโอกาสแวะไปตอนช่วงธรรมดาคนน้อย ๆ อยากไปชมหอไตรวัดนี้ที่ดูสวยไม่แพ้ที่อื่นเลย

ขอบคุณที่พาไปชมหอไตรวัดเทพธิดารามด้วยนะครับ งดงามจริง ๆ ต้องไปชมด้วยตาตนเองบ้างแล้ว

ขอให้รอดปลอดภัยจากน้ำท่วมด้วยนะครับ

ไม่เคยไปบ้านบาตรเลยค่ะ  ยังนึกๆว่าเค้าทำกันอยู่ตรงไหน
ร้านอาหารเก่าแก่นั่นน่านั่งดีนะคะ  ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ

แวะมาชมครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

คุณZoSha - ขอขอบคุณสำหรับคำชมครับ

คุณtonhok - ด้วยความยินดีครับ

คุณเล็กทาโร่ - ขอบคุณครับ

คุณnifedipine - ด้วยความยินดีครับ ดีใจที่เป็นความรู้บ้าง

คุณDestiny-Boy - ถ้าเป็นไปได้ ควรไปชุมชนบ้านบาตรในวันธรรมดาครับ จะมีการทำบาตรมากกว่า

คุณCherokee1 - เสียดายที่่หอไตรวัดเทพธิดารามไม่ได้เปิดวันที่ผมไปก็เลยไม่มีรูปภายใน
                        ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีครับ ถ้าพนังกั้นน้ำไม่แตกผมคงจะรอดครับ

คุณRed-Rose-14Feb - ถ้าเดินไปใกล้ๆจะได้ยินเสียงตีบาตรชัดเจนไม่พลาดแน่ๆครับ
                               วันนั้นสั่งก๋วยเตี๋ยวผัดไก่ อร่อยด้วยครับ

คุณกัปตันลูกชุบ - ยินดีที่แวะมาครับ

ชอบกระทู้ทุกๆกระทู้ของคุณจขกท ค่ะ เริ่มตั้งแต่หลายเดือนก่อนที่จขกท ไปเที่ยวปักกิ่ง แล้วพอไปเที่ยวพิพิทธภัณฑ์(สะกดยังไง)ที่ปักกิ่ง ชอบมากกกกก

สองคนนนี่เที่ยวเก่งจังเลย วัดสะเกดสวยมากกก ไม่เคยไปเลยแต่คราวหน้าปิ๊กบางกอกจะต้องไปเที่ยวแน่ๆค่ะ


กดเก็บเข้าคลังกระทู้แล้วค่ะ

สวัสดีครับคุณflymom จำได้ครับว่าคุณflymom เป็นคนหนึ่งที่ขอให้ผมเอารูปพิพิธภัณฑ์ Capital Museum ในปักกิ่งมารีวิว
เราเที่ยวไม่เก่งหรอกครับ เทียบกับเซียนๆในห้องบลูฯนี่แล้ว เดะๆมากครับ อิ อิ
เพียงแต่ตอนนี้ยังมีกำลังพอและเราชอบเดินถือว่าออกกำลังไปในตัว ภาระอะไรก็ไม่มี ก็เลยเที่ยวเสียก่อนจะเที่ยวไม่ไหวครับ
จะปิ๊กบางกอกแสดงว่าเป็นสาวเหนือ ผมหลงเสน่ห์แดนล้านนาไปเที่ยวยาวๆสองปีติดกันแล้วครับ เสียดายที่รีวิวปีแรกหายไปแล้ว เหลือแต่ปีที่สอง
ปีนี้ทีแรกตั้งใจว่าถ้าไม่ไปบาหลีจะไปตระเวนเหนืออีกแต่น้ำคราวนี้อาจจะต้องวืดเสียแล้วเพราะวันหยุดหวานใจเป็นช่วงนี้ไม่กล้าทิ้งบ้านไปเที่ยว

ลองเข้าไปอ่านดูเล่นๆที่กระทู้นี้ มีอะไรจะกรุณาแนะนำเผื่อไปคราวหน้าจะขอบคุณมากเลยครับ

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9865540/E9865540.html

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ

ภูเขาทองเคยไปมาแล้ว
ส่วนชุมชนบ้านบาตรยังไม่เคยไป
ขอบคุณที่พาเที่ยวนะคะ
ปล ขอให้น้ำไม่ท่วมบ้านคุณ splendour นะคะ
บ้านเราก็ใกล้แล้วเหมือนกัน สู้ๆนะคะ

คุณสาวหน้าใส - ด้วยความยินดีครับ

คุณSomeone In This World - ชุมชนบ้านบาตรน่าเข้าไปดู คนในชุมชนอัธยาศัยดีมากครับ ยินดีตอบคำถามอย่างภาคภูมิใจในอาชีพของตน
                                          ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีครับ ขอให้บ้านคุณ Someone In This World แคล้วคลาดจากน้ำท่วมเช่นกัน

ลอยคอหนีน้ำมาเที่ยววัดด้วยคนครับ

หวังว่าบ้านคุณลุงแบกเป้ จะแคล้วคลาดจากน้ำท่วมนะครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^

ด้วยความยินดีครับคุณสามแซ่

ติดตามตอนที่ 13 อยุธยาที่คิดถึง ที่กระทู้นี้ครับ

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11250534/E11250534.html

แวะมาเที่ยวด้วยค่ะ..upๆ