สืบเนื่องจากเมื่อปีที่แล้วเราได้ตั้งกระทู้

http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2010/09/E9647222/E9647222.html
อยากจะขอกำลังใจ และคำแนะนำต่าง ๆ ในการเที่ยวต่างประเทศคนเดียวค่ะ


และได้รับคำแนะนำจากเพื่อนในห้องนี้อย่างมากมาย จนทำให้เรามีความมั่นใจในการเที่ยวคนเดียวในที่สุด จึงขอนำทริปนั้นมารีวิวให้เพื่อน ๆ ดูด้วยค่ะ เผื่อว่าข้อมูลของเราจะมีประโยชน์กับคนที่อยากไปเที่ยวเมืองจีนบ้าง

ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนนะคะว่านี่เป็นการรีวิวทริปครั้งแรกเลย ถ้ามีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยล่วงหน้านะคะ และอีกอย่างคือรูปอาจจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่เพราะว่าไร้ฝีมือในการถ่ายรูปมากค่ะ

รายละเอียดของทริป

กรุงเทพ-เซี่ยงไฮ้-หางโจว-เซี่ยงไฮ-กรุงเทพ เดินทางไปลงที่เซี่ยงไฮ้ แล้วต่อรถบัสไปที่หางโจว อยู่ที่หางโจว 3 คืนแล้วจึงกลับมาเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้อีก 2 คืนค่ะ

จริง ๆ แล้วทริปนี้ไปตอนตุลาปีที่แล้วค่ะ ตอนนี้ก็เกือบปีแล้วแต่เพิ่งมีเวลามารีวิว แหะแหะ คงไม่ว่ากันนะคะ

เดินทางด้วยสายการบิน China Eastern Airline ไฟลต์ดึก เครื่องออกประมาณตีสอง ไปถึงนู่น 7 โมงเช้า ก็ประหยัดค่าที่พักไปได้ 1 คืน

เนื่องจากเป็นเที่ยวดึก อาหารที่แจกบนเครื่องจึงเป็นพวกสแน็คค่ะ แจกอาหารเสร็จซักพักก็ปิดไฟนอนเลย

สนามบินผู่ตง เซี่ยงไฮ้

มารอชมค่ะ กำลังคิด ๆ อยู่ว่าไปช่วงไหนดีที่ไม่หนาว ไม่เจอพายุ ไม่เจอน้ำท่วม 555

ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

ถึงเซี่ยงไฮ้ตอนเช้า แล้วต่อรถโดยสารระหว่างเมืองไปที่หางโจว ค่ารถประมาณ 100 หยวน (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง รถโดยสารจะไปสุดสายที่อู่หลินเหมิน เสร็จแล้วก็นั่งแท็กซี่ไปที่พัก

จากเทอร์มินอลไปที่คิวรถโดยสารให้เดินข้ามไปยังเทอร์มินอลฝั่งตรงข้ามค่ะ เดินไปตามป้ายที่บอกว่า Long distance bus

ระหว่างทางจากเซี่ยงไฮ้ไปหางโจวนี่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลยค่ะเพราะว่าเหนื่อยมาก นอนบนเครื่องไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ด้วย และตอนเช้าก็ต้องเดินหาคิวรถอีก เล่นเอาแทบแย่เหมือนกัน

รูปนี้เป็นรูปที่หางโจวค่ะ หลังจากที่เข้าที่พัก อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาออกมาเที่ยว

ที่หางโจวยังไม่มีรถไฟฟ้านะคะ เห็นว่ากำลังก่อสร้างแต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเปิดใช้เมื่อไหร่ เราก็เดินทางโดยรถเมล์และแท็กซี่เป็นหลักค่ะ ตอนอยู่หางโจวอาศัยไปพักกับเพื่อนและให้เพื่อนพาเที่ยวเลยไม่ลำบากเท่าไหร่

คืนแรกหลังจากตระเวณเที่ยวและช้อปปิ้งแล้ว ก็มาจบที่คาราโอเกะค่ะ ร้านนี้ตอนที่ไปมีโปรโมชั่นร้องเพลง+อาหารบุฟเฟ่ต์ ตักได้ตลอดแต่ต้องมาตักเองข้างนอก ถ้าไปหลาย ๆ คนน่าจะโอเคเลยค่ะ ผลัดกันร้องเพลงร้องเสร็จก็ออกไปตักอาหารมากิน

ที่นู่นอากาศหนาว ๆ มอเตอร์ไซค์ต้องมีถุงมือหุ้มแบบนี้ด้วยค่ะ

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ วันนี้ออกเดินทางไปทะเลสาบซีหูกันค่ะ

เดินทางโดยรถเมล์ค่ะ รถเมล์ที่หางโจวจะไม่มีกระเป๋ารถเมล์นะคะ เวลาจะขึ้นรถให้เตรียมเงินให้พอดีเพราะจะไม่มีทอน เดินขึ้นทางหน้ารถ แล้วหย่อนเงินลงในกล่องหน้ารถค่ะ คนขับจะคอยดูอยู่ว่าเราจ่ายเงินรึยัง

จุดนี้เป็นจุดที่คนนิยมมาถ่ายรูปแต่งงานกันค่ะ

ถึงทะเลสาบแล้วค่ะ ต้องเดินเข้าไปอีกหน่อยถึงจะเจอทะเลสาบ ส่วนข้างนอกเค้าจัดเป็นสวนสาธารณะ สวยมากค่ะ

เดินไปเรื่อย ๆ

ในที่สุดก็ถึงทะเลสาบแล้ว

เป็นทะเลสาบที่สวยมากค่ะ

เดินกินบรรยากาศไปเรื่อย ๆ

เผลอแป๊บเดียวก็ตกเย็นซะแล้ว เราก็มาเดินถนนคนเดินกันต่อค่ะ จำชื่อถนนไม่ได้แล้วแต่สามารถเดินมาจากทะเลสาบได้เลย อยู่ใกล้ ๆ กันค่ะ

มีบ้านผีสิงด้วย คนละ 10 หยวน

อันนี้เป็นร้านขายยา

ของโปรดที่ต้องไปกินทุกครั้งเมื่อไปจีนค่ะ ประมาณซัก 4 ทุ่มจะมีร้านพวกนี้มาตั้งกัน มีทั้งแบบปิ้งย่าง แบบผัด ก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ เยอะมากค่ะ อากาศหนาว ๆ แบบนี้นั่งกินเนื้อย่างกับเบียร์เป็นอะไรที่มีความสุขจริง ๆ

อันนี้แบบปิ้งย่าง

เข้ามาชมครับ

ป้ายรถเมล์ที่หางโจว ข้่างล่างจะเป็นรายละเอียดว่ามีรถสายไหนผ่าน และรถแต่ละสายที่ผ่านวิ่งไปไหนบ้าง ส่วนข้างบนจะเป็นจอบอกว่ารถสายไหนกำลังจะเข้ามา อีกกี่เมตรจะถึง

วิธีการขึ้นรถเมล์ที่นู่น ก่อนอื่นเราก็จะต้องดูก่อนว่าเราจะขึ้นสายไหน ไปลงที่ไหน โดยดูที่ป้ายรถเมล์ได้เลย เตรียมเงินให้พร้อม พอรถมาก็ขึ้นรถได้เลยไม่ต้องโบก เพราะรถเมล์เค้าจะจอดทุกป้ายอยู่แล้วค่ะ (ยกเว้นเวลานั่งไปนอกเมืองบางป้ายที่ไม่มีคนรอขึ้นและไม่มีใครลง เค้าอาจจะไม่จอด) เวลาขึ้นขึ้นทางหน้ารถ หยอดเหรียญลงในกล่อง ส่วนเวลาลงให้ลงตรงประตูกลางรถค่ะ ไม่จำเป็นต้องกดกริ่งเพราะเค้าจอดให้ทุกป้ายอยู่แล้ว อ้อ บนรถจะมีเสียงประกาศด้วยนะคะว่าตอนนี้ถึงป้ายไหนแล้ว และบางคันจะมีจอบอกด้วย ไม่ต้องกลัวว่าจะนั่งเลยป้าย

วันที่สอง เราไปเที่ยวไร่ชาที่นอกเมืองค่ะ นั่งรถเมล์สองต่อ

มาถึงไร่ชาด้วยความงง ว่าเค้ามาเที่ยวอะไรกันที่นี่ ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนอกจากไร่ชากับร้านขายของฝาก

แต่ก็ถือว่านั่งรถออกมาเที่ยวเล่นก็แล้วกัน

ต่อไปจะเป็นการตะลุยเดี่ยวไปเซี่ยงไฮ้ค่ะ เป็นการเที่ยวคนเดียวจริง ๆ แล้ว

เดินทางไปเซี่ยงไฮ้โดยรถไฟค่ะ ที่เห็นนี้เป็นชานชาลา เนื่องจากไม่ได้จองตั๋วไว้ก่อนจึงได้ตั๋วเที่ยวบ่ายโมง ทั้ง ๆ ที่ไปถึงสถานีตั้งแต่สิบโมง แนะนำว่าใครที่จะเดินทางโดยรถไฟถ้าเป็นไปได้ควรจะซื้อตั๋วไว้ก่อน ไม่งั้นจะต้องเสียเวลามานั่งรอแบบเราค่ะ เพราะว่าคนจีนเค้าเยอะมาก ขนาดวันธรรมดายังมีคนมารอขึ้นรถไฟเยอะมากจนแทบไม่มีที่ให้นั่ง

ข้อแนะนำอีกอย่างคือเคาน์เตอร์ขายตั๋วจะอยู่ข้างนอกสถานีนะคะ ถ้าเป็นที่หางโจวให้เดินไปทางขวาจะเป็นที่ขายตั๋ว รู้สึกว่าต้องมีตั๋วก่อนถึงจะเข้าไปในสถานีได้ แต่เราไม่รู้เลยเดินเข้าไปได้เฉยเลย แล้วก็หาที่ขายตั๋วไม่เจอต้องเดินออกมาอีกครั้ง

ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

ทางเดินไปชานชาลา

ได้เวลาขึ้นรถไฟแล้วค่ะ เค้าจะเปิดให้เข้าก่อนรถออกประมาณ 15 นาที ปรากฏว่าเราขึ้นรถเป็นคนสุดท้ายเลยค่ะ เพราะกว่าจะแบกกระเป๋าลงบันไดได้ (รถไฟจะอยู่ชั้นล่าง ต้องเดินลงบันไดไปอีก) กว่าจะเจอชบวนของเรา เงอะ ๆ งะ ๆ จริง ๆ แถมยังขวางทางคนจีนเค้าอีก พอขึ้นรถได้ไม่ถึงห้านาทีรถก็ออกค่ะ เกือบไม่ทันซะแล้ว

ขบวนรถที่นั่งไปนี้เป็นรถไฟความเร็วสูง (CRH Train) ซึ่งตอนนั้นเพิ่งเปิดให้บริการได้อาทิตย์กว่า ๆ เองค่ะ ตอนซื้อตั๋วก็งง ๆ อยู่ว่าทำไมราคาถึงแพงจัง เพราะที่หาข้อมูลไปคือรถไฟชบวนที่ขึ้นต้นด้วยตัว D คือขบวนที่ดีที่สุด แต่ชบวนนี้ขึ้นต้นด้วยตัว G ค่ะ ราคา 98 หยวน ใช้เวลาชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงแล้ว แต่จริง ๆ สองเมืองนี้ไม่ไกลกันมาก นั่งรถไฟตัว D เวลาก็ไม่ต่างกันมากหรอกค่ะ

ตามไปเที่ยวเมืองจีนแบบหลงๆด้วยครับบบ

ภายในรถหรูหราดีมั้ยคะ อันนี้เป็นชั้นสองนะคะ ส่วนชั้นหนึ่งราคาแพงกว่านี้อีก แต่นั่งแค่ชั่วโมงเดียวแค่นี้ก็โอเคแล้วล่ะค่ะ

ดูกันชัด ๆ ความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ถึงเซี่ยงไฮ้แล้วค่ะ

เราพักที่ Le Tour Shanghai Youth Hotel ค่ะ ราคาคืนละ 190 หยวน

ห้องไม่ใหญ่มาก แต่น่าอยู่นะคะ

เตียงนอนนอนได้สองคนค่ะ

ทางเข้า+ตู้เสื้อผ้า

ห้องน้ำ

มีระเบียงด้วยค่ะเปิดออกไปไม่ได้นะคะ ได้แค่ดูวิวอย่างเดียว อาคารมีทั้งหมด 4 ชั้น เราได้อยู่ขั้น 4 และไม่มีลิฟต์ด้วยค่ะ

หน้าห้อง

ทางเข้าค่ะ

โฮสเทลนี้อยู่ห่างจากรถไฟฟ้าประมาณ 500 เมตรเองค่ะ เดินไม่ไกลมากแต่ตอนกลางคืนค่อนข้างเปลี่ยวไปหน่อย ข้อเสียอย่างหนึ่งคือแถวนั้นตอนกลางคืนเงียบเหงามาก มีร้านอาหารแค่ไม่กี่ร้าน และต้องเดินออกมาอีกหน่อยถึงจะเจอซูปเปอร์มาร์เก็ต

ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งคือจะมีเสียงรถไฟฟ้าวิ่งผ่านจนถึงเที่ยงคืน แต่ไม่ดังมากหรอกค่ะ ข้อดีของมันคือทำให้เรารู้ว่ารถไฟฟ้าสายนี้วิ่งถึงเที่ยงคืนแน่ะ รถไฟฟ้าแต่ละสายเวลาทำการไม่เหมือนกันนะคะต้องดูให้ดี ๆ เพราะเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่ใหญ่มาก ถ้าไม่มีรถไฟฟ้าแล้วต้องนั่งแท็กซี่แทนนี่ไม่รู้จะหมดเงินเท่าไหร่

ที่นี่มีห้องสำหรับอ่านหนังสือ และดูหนังด้วยค่ะ

มีอินเตอร์เน็ตให้ใช้ด้วย มีป้ายบอกว่าใช้ฟรี 15 นาทีหลังจากนั้นจะคิดตังค์ แต่เราถามพนักงานที่เคาน์เตอร์เค้าบอกว่าเล่นได้เลยไม่เป็นไร คงจะเป็นเพราะตอนนั้นไม่มีคนมั้งคะ

อ้อ พนักงานที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้ด้วยนะคะ

ทางเข้า

มีหนังสือและหนังให้ยืมด้วยค่ะ

พอเช็คอินเสร็จ ก็มาเดินถนนคนเดินหนานจิงกันค่ะ

เริ่มค่ำแล้ว ไป The bund กันดีกว่า

ถึง The bund แล้ว

อีกรูป

อีกค่ะ

ร้านบะหมี่หน้าโฮสเทลค่ะ บะหมี่น่องเป็ดชามนี้ราคา 9 หยวนเอง อร่อยด้วย

วันนี้เราจะไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ศิลปะกันค่ะ ความน่าขายหน้าคือจริง ๆ เราตั้งใจจะไปพิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้ซึ่งอยู่ที่สถานีรถไฟฟ้า People square เหมือนกัน แต่ออกคนละประตู และสถานี้นั้นเป็นสถานีที่ใหญ่มากเพราะเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้า 3 สาย ตอนที่เดินออกมาเราลืมดูป้ายว่าทางออกไหนไปที่ไหนยังไง ก็เดินมาเรื่อย ๆ จนรู้ตัวว่ามาผิดทางแต่จะให้เดินกลับก็ไม่ไหวเพราะมันไกลมาก เลยปล่อยเลยตามเลยเดินมาเรื่อย ๆ จนมาเจอพิพิธภัณฑ์ศิลปะนี่แหละค่ะ

เป็นบทเรียนว่าออกจากรถไฟฟ้ามาแล้วให้ดูให้ดี ๆ ก่อนว่าทางออกที่จะไปอยู่ตรงไหน

ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์คนละ 20 หยวนค่ะ

...

1

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่พอสมควรเลยค่ะ เดินเพลินเลย

.

..

...

1

2

3

4

นี่เป็นสวนสาธารณะที่อยู่ข้าง ๆ พิพิธภัณฑ์ค่ะ เสียดายที่ไม่มีเวลาเลยไม่ได้เดินเข้าไปเที่ยว

แล้วเราก็ไป Tian Zi Fang กันต่อ

ของที่ขายใน Tian Zi Fang จะเป็นของแนว ๆ หน่อย น่าซื้อหลายอย่างเลยค่ะ

ร้านอาหารก็มีนะคะ ที่เห็นมี Thai Restaurant ไม่ต่ำกว่า 5 ร้านแน่ะ

แผนผังค่ะ

ถ่ายรูปในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินมาบ้างค่ะ เหมือน ๆ กับเมืองไทยเลย

..

ตกกลางคืนไม่รู้จะไปไหน ก็เลยไปที่ถนนหนานจิงอีกครั้งค่ะ

นั่งรถเมล์เที่ยวค่ะ

ในรถใต้ดิน

ขอแก้ตัวอีกครั้งกับพิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้ที่ตั้งใจจะไปตั้งแต่วันแรกค่ะ

คราวนี้มาไม่ผิดแล้วค่ะ

จริง ๆ พิพิธภัณฑ์นี้ใหญ่และก็มีของที่น่าสนใจเยอะมากเลยนะคะ แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมาเท่าไหร่เพราะบางห้องห้ามใช้แฟลช

ลืมบอกว่าที่นี่เข้าฟรีค่ะ แต่เค้าจะจำกัดจำนวนคนเข้าชมในแต่ละวัน

..

1

2

3

4

หน้ากาก

หยก

หยก 2

อันนี้เป็นวิวัฒนาการของพวกโต๊ะ เก้าอี้

2

มีกลุ่มเด็กมาทัศนศึกษาพอดีเลยค่ะ ก้มหน้าก้มตาจดกันใหญ่เลย

เหรียญ

ตราประทับ

1

จากพิพิธภัณฑ์มองออกมาข้างหน้า ตรงนี้สินะคะที่เค้าเรียกว่า People Square

รถไฟฟ้าใต้ดิน บางสายก็มีประตูกั้นแบบนี้ บางสายก็มีแค่แผงกั้น

วันสุดท้ายยังพอมีเวลา เลยมาที่ Xin Tian Di ค่ะ

เดินไปเรื่อย ๆ เจอสระน้ำด้วย

1

แถว ๆ นั้นจะเป็นตึกที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบนี้ค่ะ

1

ได้เวลากลับแล้วค่ะ มาที่สนามบินผู่ตง

เป็นสนามบินที่เงียบเหงามากจนน่าแปลกใจว่าทำไมไม่มีคนเลย

บนเครื่องขากลับ เนื่องจากเป็นไฟลต์กลางคืน อาหารที่แจกก็เป็นสแน็คเหมือนเดิมค่ะ แต่คราวนี้มีเพลงให้ฟังด้วย

ต่อไปเป็นคำแนะนำสำหรับคนที่จะไปเที่ยวเมืองจีนนะคะ

- ถ้าจะซื้อของที่ซุเปอร์มาร์เก็ตควรจะเตรียมถุงผ้าไปด้วย ไม่งั้นจะโดนคิดเงินค่าถุงพลาสติก แต่ตามร้านช้อปปิ้งทั่วไปไม่คิดค่ะ

- ถ้าอยากซื้อซิมการ์ดหรือบัตรเติมเงินโทรศัพท์ ให้มองหาร้านขายบุหรี่ค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเค้าต้องขายคู่กันด้วย

- เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่ใหญ่มาก (ใหญ่กว่ากรุงเทพประมาณ 5 เท่าได้) มีรถไฟฟ้าทั้งหมด 11 สาย โดยทุกสายเชื่อมต่อกันหมด เวลาจะเดินทางต้องคำนวณเองว่าจะนั่งสายไหนไปเปลี่ยนขบวนตรงไหน ความสนุกอยู่ที่การเลือกเส้นทางที่มีการเปลี่ยนขบวนให้น้องที่สุด เพราะสถานีเชื่อมต่อบางสถานีใหญ่และต้องเดินไกลมาก ยิ่งถ้ามีสัมภาระด้วยยิ่งลำบากค่ะ

- ขบวนรถไฟฟ้าของเค้ายาวกว่าเมืองไทยหลายเท่าเลย ทำให้สถานีของเค้าใหญ่มาก บางสถานีมีทางออกตั้ง 20 กว่าทาง ดังนั้นต้องดูป้ายทางออกดี ๆ ค่ะ ไม่งั้นได้เดินกันขาลากแน่

- รถไฟฟ้าแต่ละขบวนมีเวลาทำการแตกต่างกัน ควรศึกษาด้วยว่ารถที่เราจะนั่งมีถึงกี่โมง ไม่งั้นต้องกลับแท็กซี่ซึ่งเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่ค่าแท็กซี่แพงมาก

- แท็กซี่ที่เซี่ยงไฮ้สตาร์ทที่ 12 หยวน ถือว่าแพงที่สุดในเมืองจีน ราคาตามมิเตอร์ไม่ต้องบวกเพิ่ม ส่วนที่หางโจวเริ่มที่ 10 หยวน เวลาจ่ายเงินต้องบวกเพิ่มให้คนขับอีก 1 หยวน

- สถานีรถไฟทั้งเมืองหางโจวและเซี่ยงไฮ้มีหลายสถานี ดังนั้นต้องดูให้ดี ๆ นะคะว่าจะไปที่สถานีไหน

- คนจีนโยนของใส่หน้าเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นอย่าโกรธถ้าโดนพนักงานโยนของและเงินทอนให้

- ถ้านั่งรถไฟฟ้าสาย 2 จากในเมืองไปสนามบินผู่ตง พอถึงสถานี Guang Lan Road จะต้องเปลี่ยนขบวน คือเปลี่ยนมานั่งขบวนที่อยู่ตรงข้าม ในทางกลับกันถ้านั่งมาจากสนามบินก็ต้องมาเปลี่ยนขบวนที่นี่เหมือนกัน

สุดท้ายเป็นความรู้สึกสำหรับทริปนี้

ทริปนี้เป็นทริปแรกที่เราตะลุยต่างประเทศคนเดียว ยอมรับว่าหาข้อมูลก่อนไปไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำให้เที่ยวได้ไม่เยอะ และหลงบ่อย แต่ก็เป็นทริปที่เราประทับใจมากค่ะ การเที่ยวคนเดียวในต่างประเทศทำให้เรารู้ว่าจริง ๆ แล้วเราก็สามารถทำอะไรหลาย ๆ อย่างได้เอง อย่างเช่นการลากกระเป๋าหนัก 20 กิโลขึ้นลงบันได 4 ชัั้น เป็นต้น

ตอนแรกคิดว่าตอนกลางคืนต้องเหงาแน่ ๆ เพราะอยู่คนเดียว แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ไม่เหงาเลยค่ะ เพราะตกกลางคืนเราจะต้องมานั่งวางแผนว่าพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวไหนดี ไม่มีเวลาสำหรับความเหงาเลย

อีกอย่างคือหลังจากทริปนี้ เรามีโอกาสจัดทริปพาเพื่อนไปเที่ยวเมืองจีนอีกแต่ไปอีกเมืองหนึ่ง ทำให้รู้ซึ้งว่า เที่ยวคนเดียวสบายใจที่สุดแล้วล่ะ เมื่อคนเยอะ ปัญหาก็เยอะ ต่อไปนี้ขอเลือกเที่ยวคนเดียวดีกว่า ตอนนี้วางแผนไว้ว่าจะขอเที่ยวแบบนี้อย่างน้อยปีละครั้ง ไปแบบประหยัด ๆ นี่ล่ะค่ะ

ต้องขอบคุณเพื่อน ๆ ในห้องบลูที่ทำให้เรามีความมั่นใจที่จะไปเที่ยวในครั้งนี้ และหวังว่ารีวิวของเราจะพอมีประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ บ้าง ถ้ามีข้อสงสัยอะไรถามได้นะคะ ถ้าตอบได้จะช่วยตอบให้ค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาทักทายในกระทู้นี้ด้วยค่ะ

หัดเที่ยวอย่างนี้สัก 4 -5 ทริป ก็เก่งเอง
ชำนาญขึ้น ก็เที่ยวได้สนุกยิ่งขึ้น
จริงอย่างว่าครับว่า ไปเที่ยวด้วยกันหลายคน ถึงเป็นเพื่อนหลายคน
ไปเจอคนบางคน ที่ธาตุแท้บางอย่างออกตอนเที่ยว ก็ทำให้เราเซ้งไปเลย

เขียนได้ดีเลยครับ
ผมไปต่างประเทศคนเดียวครั้งแรกก็ที่เซี่ยงไฮ้นี่แหละครับ
เป็นเมืองที่เดินทางสะดวกมาก
และดูผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมจีน + ตะวันตก

Tian Zi Fang --> พึ่งเคยได้ยิน มันเป็นตลาดหรอครับ อยู่ละแวกไหนครับ

เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่เหมาะกับการเริ่มต้นเที่ยวเองจริง ๆ ค่ะ เพราะสถานที่เที่ยวสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้แทบทั้งหมด

Tian Zi Fang นั่งรถไฟฟ้าสาย 9 ไปลงที่สถานี Dapuqiao ค่ะ เป็นถนนศิลปะ อาคารบ้านเรือนจะเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Shikumen เหมือนกับที่ Xin Tian Di แต่ที่ Tian Zi Fang จะเป็นพวกร้านขายของค่ะ ของที่ขายก็จะแนว ๆ หน่อยพวกศิลปะหรือของแฮนด์เมด ของที่ระลึก ประมาณนี้ และยังมีร้านอาหารและบาร์ในนั้นด้วยค่ะ

เก่งจริงๆครับ ไปเที่ยวคนเดียวครั้งแรกก็ลุยที่เมืองจีนเลย คนอื่นเค้าไปฮ่องกง สิงคโปร์กัน ผ่านเมืองจีนมาได้ ประเทศอื่นก็สบายๆแล้วครับ

ที่เลือกไปเมืองจีนเพราะว่าพอจะพูดภาษาจีนได้น่ะค่ะ เลยสามารถไปไหนมาไหนได้ไม่ลำบาก แต่สำหรับคนที่ไม่รู้ภาษาจีนเลยไปเที่ยวจีนนี่ก็ลำบากอยู่ค่ะ คงต้องเลือกไปเมืองที่มีรถไฟฟ้าอย่างเซี่ยงไฮ้นี่ล่ะค่ะจะได้เดินทางสะดวก ๆ หน่อย

สุดยอดครับ ไปเที่ยวคนเดียวครั้งแรกก็ไปจีนเลย


จะไปเซี่ยงไฮวันอาทิตย์นี้ อยากลองไป tian zi fang ดูมั่งครับ

ชอบจัง อากาศก็ดูสบาย อยากลองไปลุยที่นี่ด้วยเช่นกันคะ

อากาศแบบนี้ดีชอบมากครัำำบกำลังดีเลย ไปลุยคนเดียวด้วยเก่งจังครับ
น่าสนุกมากเลยไปลุยคนเดียวแบบนี้

ขอบคุณสำหรับรีวิว พร้อมข้อมูลดีๆนะคะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวและข้อมูลค่ะ  

ลุงเคยไปแต่กะทัวร์
นี่ไปเองเก่งมากครับ ขอบคุณนะครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^

ไปคนเดียวเก่งจังค่ะ