สวัสดีครับทุกท่าน ช่วงนี้คงไม่มีข่าวอะไรที่น่าเป็นห่วงมากไปกว่าข่าวน้ำท่วม ผมเองก็เครียดมาหลายวัน เชื่อไหมครับว่าการนั่งเตรียมรีวิวไปเรื่อย ๆ ทำให้ผมดึงความสนใจของตัวเองออกจากข่าวน้ำท่วม ทำให้ลืมความเครียดไปชั่วคราว การทำรีวิวในช่วงนี้อาจจะดูผิดที่ผิดทางไปหน่อย แต่ไหน ๆ ก็เสร็จแล้วและเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันต่อ ๆ ไป ในเมื่อวันนี้ทำอะไรได้ก็รีบทำซะก่อน ผมไม่ได้คาดหวังว่าเพื่อน ๆ ต้องติดตามอ่านกันในช่วงนี้ แต่หวังว่าถ้าน้ำไม่ท่วมเซิร์ฟเวอร์ของพันทิบ ข้อมูลเหล่านี้ก็คงอยู่ไปอีกนาน (หรือใครจะเซฟไว้อ่านของตัวเองเมื่อไหร่ก็เชิญครับ) ใครว่างค่อยเข้ามาอ่านมาชมกันได้ หวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยเร็วนะครับ
ความเดิมตอนก่อน ๆ เลขกระทู้สวยและคล้องจองกันดีทั้งสามตอน ไม่รู้ตอน 4 จะได้เลขอะไร
ตอนที่ 1 เอฟิซุส (Ephesus) อาณาจักรโรมันแห่งเอเชีย
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11054666/E11054666.html
ตอนที่ 2 ปามุคคาเล (Pamukkale) วารีบำบัดน้ำตกหินปูน
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11111666/E11111666.html
ตอนที่ 3 คัปปาโดเกีย (Cappadocia) พาขึ้นบอลลูน ชมเมืองมนุษย์หินฟลินซโตน
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11146000/E11146000.html
ทริปนี้ผมจะพาไปชมตุรกีตะวันออก ซึ่งนักท่องเที่ยวน้อยคนจะเดินทางไปถึง ไฮไลต์สำคัญของทริปวันนี้นี้คือหุบเขาเทพเจ้าบนยอดเขาเนมรุต (Mt.Nemrut) ระยะทางจากโกเรเมไปถึงจุดหมายกว่า 500 กิโลเมตร เรียกว่านั่งรถกันเป็นวันเลยทีเดียว จริง ๆ ตอนแรกเราวางแผนจะไปเที่ยวเมือง Safranbolu ตามรีวิวของคุณ flymom แต่รูปของหุบเขาเนมรุตก็ยั่วยวนเหลือเกิน แถมทัวร์ไปที่นี่มีสัปดาห์ละสองเที่ยวจากโกเรเม คือวันจันทร์กับวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นวันที่เราวางแผนออกจากคัปปาโดเกียพอดี เป็นทัวร์สามวันสองคืน เริ่มต้นจากโกเรเม มีจุดแวะชมรายทาง ซึ่งจะค่อย ๆ พาไปชมกันนะครับ
เวลาไปเที่ยวไหน สิ่งหนึ่งที่ผมต้องหาซื้อเป็นของที่ระลึกคือหนังสือเกี่ยวกับสถานที่นั้น ๆ ภาพนี้คือปกหนังสือเล่มโตที่ผมอุตส่าห์แบกกลับเมืองไทย เป็นหนังสือที่มีภาพสวย ๆ เกี่ยวกับตุรกีพร้อมประวัติของสถานที่ต่าง ๆ แต่หนักมาก ตอนแรกจะไม่ซื้อแล้ว แต่เจอลูกตื๊อของคนขายและลูกยุของเพื่อนร่วมทริปไม่ไหว เลยยอมแบกกลับมาทั้งที่ขาก็ยังเดินกระเผลกอยู่ หน้าปกแสดงถึงไฮไลต์ของทริปที่จะพาไปเที่ยวด้วยกันวันนี้ครับ
[21 ต.ค. 54 12:23:39
]
ก่อนอื่นจะพาไปชมการแสดงพร้อมอาหารเย็นคืนสุดท้ายในดินแดนคัปปาโดเกียกันก่อน
สิ่งหนึ่งที่ตั้งใจว่ามาถึงตุรกีแล้วต้องชมให้ได้คือการแสดงของนักบวชใส่ชุดขาว ใส่กระโปรงยาวแล้วก็เต้นโดยหมุน ๆๆ แล้วกระโปรงก็จะพริ้วเป็นวงกลม เรียกว่า whirling dervish คำว่า whirling ก็คือหมุน dervish คือนักบวชพวกหนึ่งในศาสนาอิสลาม เราสามารถพบเห็นงานศิลปะที่แสดงถึง whirling dervish ได้ทั่วไป อย่างรูปนี้ก็เป็นถาด ตรงกลางทำเป็นรูป whirling dervish
[21 ต.ค. 54 12:26:18
]
ภาพนี้แสดงการเต้นหมู่ของนักบวช dervish จุดประสงค์เพื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งกับพระเจ้า
สุดท้ายเราก็ได้มาชมการแสดงนี้ที่คัปปาโดเกีย โดยเป็นหนึ่งใน package สุดคุ้มที่รวมบอลลูน Green Tour และการแสดงที่รวมอาหารด้วย ไม่ต้องถามนะครับว่าได้มาอย่างไร มันเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า และเป็นการหักเหลี่ยมทางธุรกิจกันเอง คนที่ได้ประโยชน์ก็คือนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา การแสดงมีหลายชุด ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง
[21 ต.ค. 54 12:28:13
]
อาหารเยอะมากเต็มโต๊ะเลย ทานกันไม่หมด
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:29:04
]
จานพวกนี้เป็นเหมือนเครื่องเคียง มีให้เลือกลองชิมหลายอย่าง อาหารทั้งหมดนี้ทาน 4-5 คนเองครับ เยอะมากกก
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:29:37
]
จากหนักคือข้าวหมกแกะ เสียดายผมไม่ชอบกลิ่นสาบแกะแพะ เลยต้องขอผ่าน
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:30:20
]
เริ่มต้นการแสดงด้วย whirling dervish เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของค่ำคืนนี้ ตอนแรกจะมีนักแสดงเดินออกมาสามคนใส่ชุดกระโปรงยาวสีขาว ใส่เสื้อคลุมสีดำ สวมหมวกทรงสูง ชุดขาวหมายถึงผ้าห่อศพ เสื้อคลุมสีดำแทนโลกซึ่งคือสุสานขนาดใหญ่ ส่วนหมวกทรงสูงแทนหลุมศพของตัวเอง
คนกลางในรูปเหมือนเป็นหัวหน้า ทั้งสามจะเดินวนเป็นวงกลม เอามือทาบหน้าอก โค้งกันไปโค้งกันมาซักพัก สองคนหน้าจะถอดเสื้อคลุมสีดำออก ซึ่งเปรียบเหมือนการสละโลกนี้เพื่อกลับไปรวมกับพระเจ้าบนสวรรค์
[21 ต.ค. 54 12:32:40
]
จากนั้นสองคนที่ใส่ชุดขาวก็หมุน ๆๆ มือขวาจะหงายขึ้นเพื่อรับพลังจากสวรรค์ แล้วส่งต่อไปทั่วร่างกายจนถึงมือซ้ายซึ่งจะคว่ำลงเพื่อส่งต่อพลังงานไปสู่พื้นโลก
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:34:15
]
ลัทธิที่ประกอบพิธีนี้เรียกว่าลัทธิเมฟลานา (Mevlana) หรือลัทธิลมวน ซึ่งเชื่อว่าดนตรีและการเต้นรำเป็นวิธีในการเข้าถึงความรักอันเป็นสากล เป็นการยกระดับจิตใจให้เข้าสู่พระเจ้าเบื้องบนได้
ศูนย์กลางของลัทธิลมวนอยู่ที่เมืองคอนยา (Konya) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของพวกเซลจุกเติร์ก สุลต่านของชาวเซลจุกได้เชิญท่านเมฟลานา ซึ่งเป็นกวีและนักปรัชญาทางศาสนา มีถิ่นกำเนิดแถบเอเชียกลางแถวอาฟกานิสถานให้มาอยู่ที่คอนยาเพื่อสั่งสอนศาสนาอิสลามแก่ประชาชน ท่านมีผลงานมากมายโดยเฉพาะบทกวีจำนวนมาก ปกติทัวร์ตุรกีจากเมืองไทยจะแวะที่เมืองคอนยาระหว่างทางจากปามุคคาเลเพื่อไปคัปปาโดเกีย
[21 ต.ค. 54 12:36:25
]
พริ้วมาก ๆ นับเป็นการแสดงที่ติดตาตรึงใจมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ดูแล้วรู้สึกว่ารับได้ถึงศรัทธาและความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรมนี้
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:37:17
]
หลังจากจบการแสดงชุด dervish dance พนักงานจะเริ่มเสิร์ฟพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมอาหาร ที่ไม่เสิร์ฟก่อนเพราะถือว่าการแสดง dervish dance เป็นพิธีกรรมทางศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่ควรมีเครื่องดื่มมึนเมา การแสดงชุดต่อไปเป็นการแสดงพื้นบ้านต่าง ๆ ของพวกเติร์ก มีหนุ่มสาวออกมาเต้น ๆๆ
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:38:38
]
การแสดงอีกชุดที่ถือเป็นไฮไลต์ของคืนนี้ก็คือระบำหน้าท้อง belly dance นักแสดงค่อย ๆ ลอยลงมาจากชั้นบน ไม่ได้เข้าออกทางประตูเหมือนคนอื่น ๆ
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:39:19
]
เธอก็ออกมาเต้นสะบัดสะโพก เต้นซักพักก็ชวนแขกออกมาทำท่าตาม โชคดีจริง ๆ ที่ขาเจ็บ เลยมีข้อแก้ตัวไม่ต้องออกไปเต้นส่ายสะโพกแบบฝรั่งอ้วน ๆ คนอื่น
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:41:33
]
ชุดสุดท้ายเป็นการแสดงพิธีแต่งงานแบบพื้นเมือง หนุ่ม ๆ ต้องมาแสดงความสามารถให้เจ้าสาวเป็นผู้เลือก
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:42:20
]
จบลงไปด้วยความประทับใจ พร้อมกับอาหารอิ่มอร่อยอย่างเพียบ
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:43:31
]
เอาสาวตุรกีมาฝากหนุ่ม ๆ เดี๋ยวจะมีหนุ่มตุรกีมาฝากสาว ๆ บ้าง
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:44:03
]
วันรุ่งขึ้นเราเก็บของออกจากโกเรเม ไกด์ทัวร์มารับที่โรงแรมแต่เช้า ทั้งทริปมีคนไทยที่ต่างคนต่างมาบังเอิญใจตรงกัน และมีญี่ปุ่นอีก 2 คน พอให้แนะนำตัวกลายเป็นญี่ปุ่นที่ทำงานโรงงานญี่ปุ่นอยู่ในเมืองไทยพูดไทยพอได้ ก็เลยฮากันหมดทั้งคัน
จุดแรกที่แวะในทริปคือที่พักกองคาราวานหรือคาราวานซาราย (caravanserai) ตามเส้นทางสายแพรไหมจะมีจุดแวะพักของกองคาราวานทุก 40 กิโลเมตร
[21 ต.ค. 54 12:45:21
]
คาราวานซารายแห่งนี้ชื่อว่าคาราไตฮาน (Karatayhan) ฮานก็คือคาราวานซารายในภาษาเติร์ก ตั้งชื่อตามเจ้าเมืองในยุคนั้นที่ชื่อคาราไต สร้างในช่วงปี ค.ศ.1235-41 ในยุคที่เซลจุกเติร์กเรืองอำนาจ ถือเป็นคาราวานซารายที่อยู่ในสภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งในอนาโตเลียและเป็นตัวอย่างของศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบเซลจุกที่สืบทอดให้เห็นในปัจจุบัน ตั้งอยู่บนแนวเส้นทางการค้าในจุดที่เชื่อมต่อไปยังซีเรีย อิรัค อิหร่าน ไม่น่าเชื่อว่าหมู่บ้านซึ่งเงียบสงบในปัจจุบันจะเคยมีอดีตอันรุ่งเรืองและคึกคักไปด้วยการค้าในอดีต
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:46:24
]
ด้านนอกล้อมรอบด้วยกำแพงสูง ภายในแบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็นส่วน ๆ มีห้องนอน ห้องอาบน้ำ มัสยิด (ประตูที่เป็นช่องทางซ้ายของรูป) ส่วนประตูไม้ใต้ซุ้มประตูคือสุสานของท่านคาราไต
สุลต่านแห่งราชวงศ์เซลจุกโปรดให้สร้างคาราวานซารายขึ้นบนเส้นทางการค้าเพื่อส่งเสริมการค้าขายและให้ความคุ้มครองตลอดเส้นทางในเขตความรับผิดชอบ กองคาราวานที่มาถึงจะได้ที่พักและอาหารฟรี 3 วันแรก
[21 ต.ค. 54 12:47:05
]
โถงเปิดโล่งหันหน้าเข้าหาสนามหญ้าตรงกลาง ใช้เป็นโรงเลี้ยงสัตว์ ที่เก็บสัมภาระ หรือใช้เป็นที่ค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าของกองคาราวาน
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:47:45
]
สวยมากครับ ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ
จากคุณ : เล็กทาโร่
[21 ต.ค. 54 12:47:54
]
ภายในคือบริเวณที่พักของกองคาราวานในฤดูหนาว ตอนบนทำเป็นโดมรูป 8 เหลี่ยมเจาะช่องให้แสงส่องเข้ามาภายในเพื่อเพิ่มความสว่าง
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:48:23
]
คุณลุงคนนี้คือผู้ดูแลเปิดปิดประตูคาราวานซารายแห่งนี้ คุณลูงมีบ้านอยู่ด้านหน้า พอคณะเรามาถึงไกด์ก็ลงไปเคาะเรียกให้มาช่วยเปิดประตูให้ พอพวกเราออกไปก็ปิดประตูล็อกกุญแจ
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:48:54
]
จากนั้นเราก็เดินทางกันต่อพอถึงจุดแวะพักก็เจอมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สองคันจอดแวะพักข้าง ๆ กัน สองคนนี้ขี่มอเตอร์ไซค์ข้ามประเทศจากสวิตเซอร์แลนด์ไปหลายประเทศเป็นวงกลม
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:49:56
]
อาหารแปลกตาแต่ดูน่ากิน ชอบสาวระบำหน้าท้องจัง
จากคุณ : Tree Rose
[21 ต.ค. 54 12:50:00
]
ดูแผนที่ข้างรถแล้วจากสวิสจะขับผ่านเข้าอิตาลี จนมาถึงกรีซ แล้วเข้าตุรกี ต่อไปยังอิหร่าน ปากีสถาน อินเดีย เนปาล คีร์กิสถาน จีน มองโกเลีย แล้ววกกลับเข้าคาซัคสถาน อุซเบกิสถาน ทาจิกิสถาน รัสเซีย ยูเครน แล้วกลับเข้ายุโรป มีแต่ประเทศน่าไปทั้งนั้นเลย ถือเป็นการย้อนรอยเส้นทางสายแพรไหมในอดีตด้วยพาหนะสมัยใหม่ เค้ามีเว็ปไซต์ให้ติดตามการเดินทางของเค้าด้วยตามรูป ณ วันนี้รู้สึกว่าน่าจะกลับถึงประเทศเค้าแล้ว น่าสนุกจริง ๆ
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:50:33
]
เส้นทางจากนี้นึกถึงภาษาอังกฤษที่ว่า The road less travelled มาก ๆ เลย นักท่องเที่ยวหรือแม้แต่คนตุรกีเองน้อยคนนักที่เดินทางมาถึงจุดนี้ เหมือนได้เข้ามาสู่จิตวิญญาณของตุรกีแท้ ๆ ที่ปราศจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างทุกที่ที่ผ่านมา เส้นทางตัดผ่านท้องทุ่งเวิ้งว่าง มีแนวเทือกเขาเตี้ย ๆ อยู่ไกลออกไป
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:51:21
]
ภูมิประเทศแบบนี้คงเป็นที่คุ้นเคยของพวกเติร์กซึ่งเคยมีภูมิลำเนาอยู่แถบเอเชียกลาง และได้อพยพมาเรื่อย ๆ จนถึงคาบสมุทรอนาโตเลีย และถือเอาพื้นที่ตรงนี้เป็นบ้านใหม่ หยุดการเดินทางเร่ร่อนอันยาวนานเสียที
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:51:54
]
หลังจากแวะทานข้าวเที่ยงที่ไม่ค่อยมีอะไรน่าพูดถึงเท่าไหร่ ช่วงบ่ายเราก็แวะพักเบรกบ่ายกันที่เมืองคารามานมารัส (Kahramanmaras) ที่นี่เป็นต้นกำเนิดของไอศครีมตุรกียี่ห้อดังคือยีห้อมาดู (Mado) ที่พบเห็นได้ทั่วไปในตุรกี เหมือนที่เมืองไทยมีสเวนเซ่นยังไงยังงั้น มีสาขากว่า 250 แห่งตุรกีและขยายแฟรนไชส์ไปทั่วโลกด้วย
ชื่อ MADO เป็นการผสมคำว่าคำว่า "MA" ที่มาจากชื่อเมือง "มาราส" ซึ่งเป็นชื่อเดิมของเมืองคารามานมารัส ส่วน "DO" มาจากคำว่า dondurma ซึ่งแปลว่าไอศครีมในภาษาเตอร์กิชนั่นเอง
[21 ต.ค. 54 12:52:36
]
ร้านนี้เป็นแหล่งผลิตไอศครีมยี่ห้อมาดู แล้วส่งขายตามแฟรนไชส์ทั่วประเทศ แต่ต้นตำรับต้องมาที่นี่ แล้วก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:53:12
]
mascot ของร้านนี้
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:53:37
]
ใครก็ตามที่มถึงร้านนี้ต้องสั่งไอศครีมที่เหนียวจนต้องทานด้วยมีดกับส้อม รสชาติอร่อยมาก ๆ เหนียวดีจริง ๆ ทำมาจากนมแพะ
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:54:09
]
ใครที่ไม่มีแรงหั่น จะมีพนักงานหนุ่มมาบริการหั่นให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ สาว ๆ ในทริปเห็นแล้วตะลึงไม่รู้จะหม่ำไอศครีมหรือหม่ำพนักงานก่อนดี จากที่แต่ละนางแข็งแกร่งแบกเป้เป็นสิบกิโลเดินเป็นวัน ๆ ได้สบาย ๆ พอเห็นหน้าหนุ่มคนนี้ถึงกับอ่อนระทวยไม่มีแรงตักไอศครีมกันเลยทีเดียว ดีไม่ให้ป้อนด้วย (อันนี้ต้องขออภัยเพื่อนร่วมทริปที่ใส่สีตีไข่ไปบ้าง แต่ก็เพื่อความบันเทิงของผู้ชม ยอมได้อยู่แล้วเนอะ)
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 12:54:47
]
ตามไปด้วยครับ ชอบมาก ได้เห็นวิถีชีวิตที่แปลกออกไป รวมถึงวัฒนธรรม
จากคุณ : ม่วงมหากาฬ
[21 ต.ค. 54 13:01:55
]
มาติดตามค่ะ ชอบมากๆ เลย เห็นแล้วอยากไปตามรอย :)
จากคุณ : The Greatest Story Ever Told
[21 ต.ค. 54 13:07:27
]
ขออนุญาตทักทายทุกท่านตอนจบนะครับ รีบโพสต์ให้จบก่อน
นอกจากไอศรีมแล้ว ทางนี้ยังมีของหวานพื้นบ้านขึ้นชื่อของตุรกี เรียกว่าบาคลาวา (Baklava) ทำจากแป้ง pastry เป็นชั้น ๆ ระหว่างชั้นจะสอดไส้ถั่วและไซรับหรือน้ำผึ้ง บางร้านทำหวานมากจนแสบคอ แต่ถ้าไม่หวานมากก็ถือว่าอร่อยใช้ได้
[21 ต.ค. 54 13:11:12
]
อีกฝั่งขายพวกขนมปัง สีสันชวนทานทั้งนั้น แต่ถ้ายังมีที่เหลือในกระเพาะผมขอทานไอศครีมอีกก้อนดีกว่า อร่อยมาก ๆๆๆๆ
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:13:15
]
จากนั้นก็เดินทางกันต่อถึงโรงแรมที่พักคืนนี้ ที่เมืองอดิยามัน (Adiyaman) ซึ่งอยู่ห่างจากจุดหมายหลักของเราคือเขาเนมรุต (Mount Nemrut) ประมาณ 90 กิโลเมตร ขับรถชั่วโมงครึ่ง หน้าโรงแรมมีการจำลองแบบของเศียรเทพเจ้าและกษัตริย์ของอาณาจักรโคมายานาบนยอดเขาเนมรุตที่เราจะไปชมกันในวันพรุ่งนี้ อากาศไม่ค่อยดีทั้งวัน ฝนตกพรำ ๆ ตลอดทาง หวังว่าพรุ่งนี้เช้าอากาศจะดีขึ้น
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:14:35
]
เช้าวันรุ่งขึ้นเราตื่นตีสาม รถออกตีสามครึ่ง ระหว่างทางก็มีฝนตกตลอดทาง ยิ่งใกล้จุดหมายฝนก็เปลี่ยนเป็นหิมะ มาถึงปากทางเข้า Nemrut National Park ตอนตี 5 ความหวังว่าจะมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่คงกลายเป็นศูนย์ ขอให้ได้ขึ้นไปถึงจุดหมายข้างบนได้ก็ดีใจแล้ว ตอนนี้ทุกคนเริ่มหวั่นใจว่าเสื้อผ้าที่เตรียมมาจะไม่พอ เพราะอากาศหนาวมาก แต่ละคนอัดกันมาอย่างน้อย 5 ชั้น
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:16:07
]
ไกด์ต้องลงไปปลุกเจ้าหน้าที่ที่นอนเฝ้าทางเข้าเพื่อตื่นมาขายตั๋ว แล้วคนขับก็ขับขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ หิมะก็ลงหนาขึ้น ๆ ถึงจุดหนึ่งคนขับก็หยุดหันไปคุยกับไกด์ แล้วเลี้ยวรถกลับมาคุยกับเจ้าหน้าที่ เค้าบอกว่าหิมะตก ถนนลื่นขึ้นไม่ได้ หรือขึ้นได้แต่ขาลงจะอันตรายมากเพราะลงเขา ไกด์ถามว่าจะเอาอย่างไร เพราะญี่ปุ่นสองคนต้องกลับไปขึ้นรถบัสตอน 11 โมง แล้วเราก็มีแผนต้องเดินทางต่ออีก สรุปก็คือขึ้นไม่ได้
เสียใจ

เลยลงมาถ่ายรูปกับป้ายเป็นที่ระลึกว่ามาถึงแล้ว มีโอกาสต้องกลับมาแก้มือแน่นอน แต่จริง ๆ ถ้ารถขึ้นได้ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะสามารถเดินไต่ขึ้นเขาได้หรือเปล่า ขายังเดินไม่ดีเลย อาจจะต้องนั่งรอคนอื่น ๆ อยู่ที่จอดรถ
[21 ต.ค. 54 13:18:46
]
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ขอรีวิวแบบแห้งแล้วกันด้วยรูปจากโปสการ์ดนะครับ
บนยอดเขาสูง 2,150 เมตรแห่งนี้เป็นที่ตั้งของสุสานกษัตริย์แห่งอาณาจักรโคมายานา (Commagene Kingdom) มีระเบียงสามด้านคือด้านทิศตะวันออก ทิศตะวันตก และทิศเหนือ มีการสร้างรูปหินแกะสลักเทพเจ้าขนาดใหญ่หลายรูป ปัจจุบันส่วนหัวของรูปหินสลักเหล่านี้ถูกแรงโน้มถ่วงโลกดึงลงมากองกันอยู่ที่พื้น แค่หัวอย่างเดียวสูงถึง 2 เมตร อาณาจักรแห่งนี้เกิดขึ้นในยุคใด และทำไมถึงต้องสร้างเทวรูปขนาดใหญ่มหึมาบนยอดเขาสูงเช่นนี้ เชิญติดตามกันต่อไปเลยครับ
[21 ต.ค. 54 13:19:46
]
ดินแดนแถบนี้เคยถูกปกครองด้วยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชผู้กรีฑาทัพจากกรีซตะลุยดินแดนต่าง ๆ จนถึงเปอร์เซียและเอเชียกลาง เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ดินแดนที่ยึดมาได้ก็ถูกแบ่งปกครองโดยแม่ทัพทั้งหลายของพระองค์ หนึ่งในนั้นก็คือดินแดนในคาบสมุทรอนาโตเลีย เจ้าเมืองเล็ก ๆ ต่างก็ตั้งตนเป็นกษัตริย์ปกครองตนเอง รวมทั้งอาณาจักรโคมายานา (Commagene) แห่งนี้ด้วย นายทหารกรีกได้นำอารยธรรมแบบกรีกมาผสมผสานกับความเชื่อของชนพื้นเมืองเดิมแบบเปอร์เซียจนเกิดเป็นวัฒนธรรมใหม่ อาณาจักรโคมายานามีอายุสั้น ๆ เพียง 200 ปีก็ถูกผนวกเข้ากับจักรวรรดิโรมันในที่สุด
สุสานเทพเจ้าแห่งนี้สร้างโดยกษัตริย์ Antiochos I ซึ่งครองราชย์ช่วงปี 69-31 ก่อนคริสตศักราช การสร้างสุสานบนยอดเขาแบบนี้เป็นที่นิยมในอารยธรรมยุคโบราณ
หัวของหินสลักที่เห็นก็คือหัวของ Antiochos I โดยมีหัวของนกอินทรีย์ที่ถือเป็นเจ้าแห่งท้องฟ้าเป็นองครักษ์
[21 ต.ค. 54 13:21:14
]
ระเบียงฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกประกอบด้วยแถวของหินสลักเทพเจ้าขนาดใหญ่ที่สลักจากเนื้อหินของภูเขา ส่วนระเบียงทางทิศเหนือไม่มีรูปสลักเหมือนอีกสองฝั่ง คาดว่าเป็นที่ชุมนุมในช่วงที่มีการประกอบพิธี และอาจจะสร้างเผื่อไว้สำหรับกษัตริย์องค์ต่อ ๆ ไป แต่ก็ไม่เคยมีการก่อสร้างใด ๆ เพิ่มเติม
นี่คือระเบียงฝั่งตะวันตก
[21 ต.ค. 54 13:21:44
]
ตามมาชมอารยธรรมเมโสโปเตเมีย
กับคุณเชอด้วย
เคยเรียนตอนอยู่มัธยมต้น
วันนี้มีภาพสวยและข้อมูลที่ละเอียด
เอาไปค้นคว้าต่อเลย
[21 ต.ค. 54 13:24:46
]
ระเบียงฝั่งตะวันออกอยู่ในสภาพดีกว่าฝั่งตะวันตก ลำตัวยังนั่งอยู่บนบรรลังก์สูงถึง 8-10 เมตร แต่ส่วนหัวร่วงลงมาแล้วถูกจัดเรียงตั้งขึ้นเป็นแถวสูงถึง 2 เมตร อย่างที่กล่าวแล้วว่าอาณาจักรโคมายานาผสมผสานวัฒนธรรมแบบกรีกและเปอร์เซียเข้าด้วยกัน เทพเจ้าก็เกิดจากรวมเทพแบบเดียวกันของทั้งสองฝั่งเข้าเป็นหนึ่งเดียว
รูปหินสลักเรียงจากซ้ายไปขวาประกอบด้วย
1.สิงโต เจ้าป่า
2.นกอินทรีย์ เจ้าแห่งท้องฟ้า สัตว์สองชนิดนี้ถือเป็นองครักษ์ผู้คุ้มครองสถานที่แห่งนี้
3.กษัตริย์ Antiochos I เอง ท่านรับเอาแนวคิดแบบสมมติเทพโดยถือว่าพระองค์คือเทพเจ้าองค์หนึ่ง
4.เทพีโคมายานา (Commagene) ซึ่งถือเป็นเทพีที่แทนแผ่นดินโคมายานา
5.เทพ Zeus-Ahura Mazda ซึ่งเป็นการรวมเทพสูงสุดฝั่งกรีกคือ Zeus และฝั่งเปอร์เซีย คือAhura Mazda ไว้ด้วยกัน
6.สุริยเทพ Apollo-Mithras ฝั่งกรีกคือ Apollo ฝั่งเปอร์เซียคือ Mithras
7.เทพ Heracles-Artagnes ฝั่งกรีกคือเฮราคลิสหรือเฮอร์คิวลิสผู้ทรงพลัง เช่นเดียวกับฝั่งเปอร์เซีย
8.นกอินทรีย์
9.สิงโต
[21 ต.ค. 54 13:25:01
]
นี่คือกษัตริย์ Antiochos เอง นักสำรวจใช้เวลาเป็นร้อยปีเพื่อค้นหาหีบพระศพของท่าน จนในที่สุดสามารถใช้วิทยาการอันก้าวหน้าในการหาตำแหน่งจนพบเมื่อปี ค.ศ.2003 นี่เอง
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:27:28
]
เทพี Commagene เทพมารดาแห่งอาณาจักรโคมายานา เมื่อเขาเนมรุตถูกค้นพบในปี ค.ศ.1882 หัวของเทพีโคมายานาเป็นเพียงหัวเดียวที่ยังตั้งอยู่บนลำตัวตามแบบเดิม
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:28:22
]
เทพผู้ทรงพลัง Heracles-Artagnes
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:29:32
]
เสียใจ แต่ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไปเช่นเดียวกับทริปของเรา ไกด์พาเรามาจุดต่อไป หันหลังกลับไปมอง เค้าบอกว่ายอดเขาเนมรุตคือยอดสูงลิบ ๆ อยู่ในเมฆ
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:30:29
]

แวะมาชมครับ ขอตามเที่ยวด้วยคนนะครับ
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับผม ตามต่อครับ
กิ๊ฟเดือนนี้หมดแล้ว ผมให้
แทนนะครับ
[21 ต.ค. 54 13:30:42
]
ห่างจากยอดเขาเนมรุตประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นจุดสำคัญอีกแห่งแรียกว่าอาร์เซเมีย (Arsemeia) เป็นเมืองหลวงแห่งที่สองของอาณาจักรโคมายานา มีภาพแกะสลักสูง 3.3 เมตร กว้าง 1.8 เมตร แสดงภาพของกษัตริย์ Antiochos I กำลังจับมือกับเทพ Heracles เพราะถือว่ากษัตริย์มีศักดิ์เป็นเทพองค์หนึ่ง ถือเป็นภาพแกะสลักที่งดงามที่สุดที่พบในแถบนี้ ไม่ได้เห็นหุบเขาเทพเจ้าบนยอดเนมรุต ก็ถือว่ามาดูภาพแกะสลักรูปนี้เป็นเครื่องปลอบใจแทนละกัน
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:31:28
]
ศิลาจารึกอักษรกรีกอธิบายถึงการสถาปนาอาร์เซเมียเป็นเมืองหลวงและเป็นศูนย์กลางของการบูชาสุริยเทพ Mithras
อาณาจักรโคมายานาเป็นรัฐกันชนระหว่างสองจักรวรรดิใหญ่คือโรมันและเปอร์เซีย มีอายุร้อยกว่าปีก็ถูกโรมันผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลซีเรียที่อยู่ใต้การปกครองของโรมัน
[21 ต.ค. 54 13:34:09
]
ร้านขายของที่ระลึกร้านเดียวในทริปนี้ โปสการ์ดขายแพงมาก แต่ก็ต้องซื้อโปสการ์ดและหนังสือที่นะลึก เพื่อรีวิวนี้ ลงทุนสุด ๆ
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:36:08
]
ตุ๊กตาจำลองของเทพเจ้า แต่เนื่องจากไม่ได้เห็น เลยไม่อยากซื้อมาตอกย้ำ
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:37:34
]
จุดต่อไปเราแวะชมสะพานโรมันชื่อว่า Cendere Bridge สร้างในราวปี ค.ศ.200 มีอายุเก่าแก่กว่า 1800 ปี ที่สะพานมีจารึกภาษาลาตินว่าสะพานนี้สร้างถวายจักรพรรดิ Septimius Severus ด้านข้างเดิมมีเสา 4 เสาสำหรับจักรพรรดิ มเหสี และพระโอรสสองพระองค์ ต่อมาพระโอรสองค์น้องแย่งชิงบัลลังก์จากพี่ชาย เลยทำลายเสาไปเสาหนึ่ง ปัจจุบันจึงเหลือสามเสา
สะพานที่เห็นในปัจจุบันไม่ใช่ของเก่าทั้งหมด มีการเสริมด้วยอิฐด้านใต้เพือให้สะพานแข็งแรงในปัจจุบัน
ณ จุดนี้ฝนลงหนักมาก โอ้ชีวิต! หนาวก็หนาว เปียกก็เปียก
[21 ต.ค. 54 13:40:07
]
จุดสุดท้ายก่อนกลับโรงแรมเป็นสุสานของพระราชวงศ์ฝ่ายหญิง เรียกว่า Karakus Tumulus มีเสาโรมัน 4 เสา เดิททีเยอะกว่านี้ แต่ถูกขนไปสร้างสะพานโรมันจนเหลือแค่นี้เอง หัวเสา 4 เสาเป็นรูปนกอินทรีย์ (eagle), สิงโต (lion), วัว (ox) และคน (กำลังจับมือกับเทพเจ้า) ทราบไหมครับว่าสิ่งมีชีวิตทั้งสี่เป็นสัญลักษณ์ของอะไร ใครตอบถูกและอธิบายได้ดีที่สุดเดี๋ยวหารางวัลให้
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:40:54
]
กลับโรงแรมทานข้าวเช้าตอนประมาณ 9 โมงครึ่ง แล้วเก็บของเช็คเอาท์เพื่อไปยังเมืองถัดไปในทริป ระหว่างทางผ่านเขื่อนอาตาเติร์ก (Ataturk Dam) ที่กั้นแม่น้ำยูเฟรติส เป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลางและยุโรป และใหญ่ติดอันดับต้น ๆ ของโลกทีเดียว สร้างเสร็จในปี ค.ศ.1990
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:41:28
]
และนี่คือแม่น้ำยูเฟรติสที่เป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมเมโสโปเตเมียที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งอยู่ระหว่างแม่น้ำสองสายคือไทกริสและยูเฟรติส แม่น้ำไทกริสจะอยู่ไปทางตะวันออก สำหรับผมแล้วการได้มาเห็นแม่น้ำยูเฟรติสของจริงเป็นอะไรที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้มาเหยียบดินแดนแห่งเมโสโปเตเมียที่เคยเรียนแต่ในตำรา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นซากอารยธรรมใด ๆ แต่ความรู้สึก ณ ขณะนั้นมันขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:42:54
]
จุดหมายต่อไปคือเมืองชานลูฟา (Sanliufa) เป็นเมืองใหญ่ในแถบตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี
ห่างจากเมืองชานลูฟาไปประมาณ 40 กิโลเมตรจะถึงดินแดนเก่าติดอันดับโลกคือเมืองฮาร์ราน (Harran) ซึ่งมีผู้คนอาศัอย่างยต่อเนื่องยาวนานที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เคยเป็นเมืองสำคัญของพวกอัสซีเรีย ในพระคัมภีร์ไบเบิล ท่านอับราฮัม (หรือเรียกแบบอิสลามว่าอิบราฮิม) ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของทั้งสามศาสนา ยิว คริสต์ อิสลาม เคยอาศัยอยู่ที่เมืองนี้เป็นระยะเวลาหนึ่ง ปัจจุบันไม่หลงเหลืออะไรที่เก่าแก่ขนาดนั้น แต่ก็ยังมีซากโบราณให้ชมบ้าง
[21 ต.ค. 54 13:44:05
]
ในคริสตศตวรรษที่ 8-9 ฮาร์รานเป็นศูนย์กลางของการแปลหนังสือกี่ยวกับดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ การแพทย์ จากภาษากรีกเป็นภาษาอาหรับ ซึ่งถือเป็นการส่งถ่ายวิทยาการความรู้สมัยกรีกไปสู่โลกอาหรับก่อนที่แบกแดดจะมีบทบาทในภายหลัง จึงนับว่าที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยอิสลามที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ต่อมาถูกทำลายเพราะศาสนากับวิทยาศาสตร์มักไม่ไปด้วยกัน ปัจจุบันเหลือแต่ซากเท่าที่เห็นในรูป
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:44:58
]
น้องอูฐ น่ารักอะ
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:45:30
]
แต่จุดท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดในฮาร์รานคือบ้านรวงผึ้ง (Beehive-shaped Houses) บ้านที่เห็นมีอายุประมาณ 200 ปี แต่สร้างตามแบบดั้งเดิมที่มีอายุกว่า 2000-3000 ปี
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:46:15
]
บ้านแบบนี้สร้างจากอิฐและดินเหนียวโดยไม่ใช้ไม้เลย หลังคาเป็นทรงกรวย วัสดุที่ใช้จะให้ความเย็นในฤดูร้อนที่มีความร้อนมากในบริเวณนี้ ที่ไม่ใช้ไม้เพราะแถบนี้แห้งแล้งแทบไม่มีต้นไม้ขึ้น และอิฐก็หาง่ายจากซากอาคารยุคโบราณแถบนี้
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:47:05
]
หน้าตาไกด์สุดหล่อของคณะ ทำให้ป้า ๆ ในทริปกรี๊ดกร๊าดอยากเอาใส่กระเป๋ากลับมาด้วย อายุประมาณ 22 ปีเท่านั้น เพิ่งจบปริญญาตรีสาขาการท่องเที่ยว ความรู้แน่นปึ้ก จดกลับมาทำรีวิวยอะเลย
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:48:17
]
ครกกับสาก เหมือนครกกับสากตำข้าวบ้านเรา แต่ไม่แน่ใจว่าของเค้าเอาไว้ตำอะไร
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:49:26
]
ที่นั่งสำหรับสังสรรค์ ไว้จิบน้ำชาหรือเล่นหมากรุก
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:50:07
]
อิฐด้านบนเรียงเป็นกรวย มีช่องพอเปิดไว้รับแสงสว่างจากภายนอก
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:50:55
]
ภายในทำเป็นร้านขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:51:39
]
คนดูแลเป็นชาวซีเรียที่อพยพมาอยู่ในดินแดนแถบนี้ บริเวณนี้อยู่ห่างจากชายแดนซีเรียประมาณ 150 กิโลเมตรเท่านั้น
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:51:58
]
ลืมแปะรูป
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:52:52
]
ห้องรับแขก
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:53:40
]
อีกซักมุม
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:54:12
]
อาหารน่าทานทั้งนั้นเลย
ชอบเศียรแกะสลักครับเป็นประเทศที่น่าไปเที่ยวจัง
รูปสวยมากครับ
[21 ต.ค. 54 13:54:30
]
เมืองสุดท้ายในทริปนี้คือชานลูฟา (Şanlıurfa) จริง ๆ ชื่อเดิมคืออูร์ฟา (Urfa) เพิ่งเติมคำนำหน้าว่า Sanli ซึ่งแปลว่าสง่างามเมื่อไม่นานมานี้ ในอดีตพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชขนานนามเมืองนี้ว่าอีเดสซา (Edessa) เป็นเมืองโบราณที่น่าจะยิ่งใหญ่เพราะเป็นสมรภูมิแย่งชิงพื้นที่กันหลายยุคสมัยตั้งแต่กรีก เปอร์เซีย ไบแซนไทน์ สมัยสงครมครูเสดฝ่ายคริสต์และอิสลามทำสงครามเพื่อแย่งชิงเมืองนี้ ต่อมาก็อาหรับ อาร์เมเนีย มองโกล เติร์ก ปัจจุบันแทบไม่เหลือซากของความรุ่งเรืองในอดีตให้ชมเท่าไหร่ แต่เป็นเมืองใหญ่รถราติดขัดทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่าขับผ่านชนบทมาตั้งไกลหลายร้อยกิโลเมตรจะมาพบเมืองใหญ่แบบนี้ที่นี่
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:54:43
]
เมืองนี้ให้ความรู้สึกว่าอยู่ในตะวันออกกลางมากกว่าตุรกีเพราะอยู่ใกล้ชายแดนประเทศซีเรีย ผู้คนแต่งกายด้วยสีดำเป็นหลัก ผู้หญิงมีผ้าคลุมศีรษะแทบทุกคน ไม่เหมือนสาวตุรกีเมืองอื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยคลุมศีรษะ เราสัมผัสได้ถึงความเป็นอนุรักษ์นิยมของผู้คน ทำให้พวกเราซึ่งหน้าตาก็ไม่กลมกลืนแถมยังใส่เสื้อผ้าสีสดใสตกเป็นเป้าสายตาและความสนใจของชาวเมือง ซึ่งคงไม่ค่อยพบนักท่องเที่ยว จนพวกเรารู้สึกอึดอัดและแอบกลัว ทั้งที่เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ปลอดภัยมากและผู้คนก็อัธยาศัยดี แต่เราก็อดไว้ใจไม่ได้ ไกด์พาเดินผ่านคาราวานซารายกลางเมืองและตลาดโบราณที่เป็นที่แลกเปลี่ยนสินค้าของกองคาราวานและเป็นที่สำหรับผู้ที่มาพักได้จับจ่ายซื้อของใช้ที่จำเป็น งานนี้ไม่มีใครกล้าควักกล้องขึ้นมาถ่ายกันเลย
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 13:55:29
]
เดินหลุดมาจากตลาดค่อยรู้สึกผ่อนคลายจากการเป็นเป้าสายตา ชาวอิสลามเชื่อว่าเมืองอูร์ฟาคือเมืองที่ท่านอับราฮัม (นบีอิบราฮิม) ถือกำเนิด เพราะในพระคัมภีร์เขียนว่าท่านเกิดที่เมืองอูร์ (Ur) แล้วอพยพไปอยู่เมืองฮาร์ราน ก็เลยมีการตีความว่าเมืองเออร์ก็คือเมืองอูร์ฟานี่แหละ กลางเมืองมีเขาเตี้ย ๆ ด้านล่างมีถ้ำที่เชื่อว่าเป็นที่กำเนิดของอับราฮัม มีผู้เดินทางมาแสวงบูญที่นี่ไม่ขาดสาย แต่ไกด์ตุรกีบอกว่าเค้าไม่เชื่อ เมืองเออร์ในพระคัมภีร์ไม่น่าจะอยู่ที่นี่ น่าจะอยู่ในประเทศอื่นมากกว่า
บนยอดเขามีป้อม ตำนานเล่าว่าท่านอับราฮัมได้ทำลายรูปเคารพต่าง ๆ ซึ่งผิดหลักศาสนาของพระเจ้า ซึ่งมีพระเจ้าสูงสุดเพียงองค์เดียว ในการนี้ทำให้กษัตริย์เนมรุต (ชื่อเดียวกับเขาเนมรุตนั่นแหละ) ซึ่งเป็นกษัตริย์ของพวกอัสซีเรียโกรธจนสั่งเผาท่านทั้งเป็นแล้วโยนลงมาจากป้อมบนเขาซึ่งคือพระราชวังของกษัตริย์เนมรุต แต่พระเจ้าได้คุ้มครองอับราฮัมไม่ให้เป็นอันตรายโดยการเปลี่ยนไฟให้กลายเป็นน้ำ เปลี่ยนถ่านไฟร้อน ๆ ให้กลายเป็นปลา
[21 ต.ค. 54 13:56:05
]
บริเวณรอบ ๆ เขาลูกดังกล่าวเป็นสวนสาธารณะ มีชาวเมืองมาเดินเล่นมากมาย พอเห็นเราเป็นนักท่องเที่ยวก็มารุมขอถ่ายรูปกันใหญ่ ใครหน้าตี๋ ๆ หมวย ๆ หรือออกแนวเกาหลีตาตี่ ๆ จะเป็นที่สนใจเป็นพิเศษ สระน้ำในรูปคือสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ของอับรมฮัมที่พระเจ้าเปลี่ยนจากไฟให้กลายเป็นน้ำ และปลาเหล่านี้ก็คือถ่านร้อน ๆ นั่นเอง
ตรงนี้สามารถให้อาหารปลาได้ ไกด์เราก็อุตส่าห์ซื้ออาหารปลา แล้วบอกว่ายูเตรียมกล้องดี ๆ นะ เดี๋ยวเค้าจะให้อาหารปลาแล้วยูจะได้เห็นปรากฏารณ์บางอย่าง ผมก็ถามว่าทำไมเหรอ ปลาจะกระโดดขึ้นมางับจากมือเหรอ เค้าหัวเราะใหญ่แล้วบอกว่าเปล่า ๆ แค่ปลามารุมกินอาหารเท่านั้น ปัดโธ่ อีนี่บ้านฉานแบบนี้มีเยอะแยะนะนายจ๋า แขกไม่เคยให้อาหารปลาเลยตื่นเต้นใหญ่ 555
[21 ต.ค. 54 13:56:30
]
มัสยิดสไตล์ซีเรียที่อยู่อีกฝั่งของสระน้ำอับราฮัมเชื่อว่าเป็นที่ที่อับราฮัมถูกโยนลงมาสู่พื้นและรองรับไว้ด้วยเตียงดอกกุหลาบ มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี
เห็นฟ้าเป็นฟ้าแบบนี้แล้วไม่น่าเชื่อว่าเช้าวันเดียวกันพวกเราแทบจะแข็งตายกับอากาศหนาวเย็นจากหิมะและฝนจนไม่สามารถขึ้นเขาเนมรุตได้ แทบจะบอกให้ไกด์ย้อนกลับไปแก้มือชมพระอาทิตย์ตกอีกซักรอบ แต่จากจุดนี้ห่างจากเขาเนมรุตประมาณ 200 กิโลเมตร ไปอย่างเดียวน่าจะร่วม 3 ชั่วโมง แล้วเรามีที่พักที่เมืองนี้แล้ว เลยต้องตัดใจ กระซิก ๆ
[21 ต.ค. 54 13:59:32
]
บริเวณนั้นยังมีมัสยิดอีกหลายแห่ง นี่เป็นมัสยิดสไตล์ออตโตมันซึ่งเราจะพบอีกเยอะในอิสตันบูล สังเกตความแตกต่างระหว่างมัสยิดในรูปก่อนซึ่งเป็นแบบอาหรับ กับมัสยิดแบบออตโตมันในรูปนี้
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 14:00:51
]
ยิ้มตุรกี
จากคุณ : Cherokee1
[21 ต.ค. 54 14:01:24
]
สวยมากครับบ ตามไปเที่ยวด้วยย
จากคุณ : สายลมแห่งวิงค์วันรุ่งขึ้นพวกเราก็บินออกจากชานลูฟากลับอิสตันบูลด้วยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ ณ จุดนี้เราอยู่ห่างจากอิสตันบูลประมาณ 1300 กิโลเมตร ถ้านั่งรถก็เกิน 24 ชั่วโมง พวกเราเลยจองตั๋วเครื่องบินพร้อม ๆ กันกับซื้อทัวร์สามวัน คือถ้าไม่มีตั๋วกลับอิสตันบูลก็คงไม่ซื้อทัวร์นี้เช่นกัน เป็นอันจบทริปตุรกีตะวันออกแต่เพียงเท่านี้ ต้องหาโอกาสกลับไปแก้แค้นเขาเนมรุตอย่างแน่นอน
ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ คราวหน้าเราจะได้เที่ยวอิสตันบูลนครแห่งสองทวีปจริง ๆ แล้ว ทริปนี้ต้องขอบคุณรูปจากเพื่อนร่วมทริปท่านอื่น ๆ มากเป็นพิเศษเพราะผมเกิดอาการเซ็งจนไม่ค่อยอยากถ่ายรูป ว่าจะลืม ๆ ทริปนี้ไปข้ามไปรีวิวอิสตันบูลเลย แต่เพื่อนร่วมทริปไม่ยอมเลยต้องจัดให้เป็นพิเศษ
ผมต้องขออนุญาตหนีน้ำหายไปหลายวัน คงตอบทักทายเพื่อน ๆ แค่คืนนี้แล้วจะหายตัวแล้ว ขอให้ทุกท่านเตรียมพร้อมกับน้ำที่กำลังจะมา ใครที่น้ำมาแล้วก็ขอให้ลดเร็ว ๆ แล้วเราจะกลับมาเริ่มต้นฟื้นฟูประเทศกันใหม่นะครับ
[21 ต.ค. 54 14:07:34
]
ขอบคุณมากๆค่ะ ที่พาไปเที่ยว รูปสวยมากๆค่ะ
จากคุณ : Prisoner of Cair paravel
[21 ต.ค. 54 14:29:51
]
มาเทียวๆ แก้เครียดๆ อิอิ
จากคุณ : กิ๊บส์
[21 ต.ค. 54 14:45:58
]
แวะมาบอกพี่เชอร์ ว่าคิดถึง ไอศกรีมตุรกี...
คิดถึง mt.nemrut ที่ยังไปไม่ถึง และอีกสักวันต้องกลับไปพิชิต...
และคิดถึงลูกชาย..วัย 22 ปี..อิอิ
[21 ต.ค. 54 14:57:14
]
เข้ามาอ่านรีวิวแก้เครียดช่วงหนีน้ำ
รูปสวยมากๆ ค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ
[21 ต.ค. 54 15:00:33
]
เย้ๆๆ ตอน 4 มาแล้วว
เสียดายจังค่ะที่ไม่ได้ไปแถบนี้ อุตส่าไปตั้ง 17 วันแล้ว ยังพลาดสถานที่น่าสนใจแถบนี้ไปได้ รู้ยังงี้เลือกไปแถบนี้แทน Antalya กับ Fethiye ก็ดีอยู่หรอกค่ะ ดูน่าสนใจมากทีเดียว นี่ถ้าได้อ่านรีวิวคุณ Cherokee 1 ก่อน หนูจะก้อปเลยค่ะ อิอิอิ แต่ของหนูไปเส้น Istanbul-Safranbolu (ก็อปคุณ flymom) - Gereme - Cappadocia - Antalya - Fethiye - Pamukkake - Selcuk - Istanbul ค่ะ จากรีวิวนี้แล้ว ส่วนตัวคิดว่า Mt. Nemrut น่าสนใจกว่าแถบ Antlya -Fethiye มากเลยค่ะ ทริปหน้าจะเอาใหม่ อย่านี้ต้องมันต้องไปถอนค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับรีวิวดีๆ ทำให้คิดถึงเวลาดีๆที่ตุรกี และขอให้ปลอดภัยจากน้ำท่วมค่ะ
[21 ต.ค. 54 15:00:53
]
มาเที่ยวด้วยครับ ชอบสุสานที่เป็นหินแกะสลักเทพเจ้า แปลกตาดีครับ
คำถามขอตอบว่า
สิงโต เปรียบเสมือน ราชาผู้ยิ่งใหญ่ของสัตว์ทั้งหลาย และเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจอันยิ่งใหญ่ของโลกด้วยครับ
นกอินทรีย์ เปรียบเสมือน ทูตของพระเจ้า เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจแห่งสวรรค์
คนกำลังจับมือกับเทพเจ้า น่าจะเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความเท่าเทียม กัน และการสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้า
[21 ต.ค. 54 15:14:49
]
เป็นประเทศที่น่าสนใจอีกประเทศหนึ่งเลยครับ
มีสถานที่ท่องเที่ยวแปลกๆ มากมาย วัฒนธรรมอันเก่าแก่น่าทึ่ง
ขอบคุณสำหรับรีวิวด้วยครับ
[21 ต.ค. 54 15:19:50
]
กรี๊ดดดด...มาทำให้อยากไปทำไมคะ เมื่อก่อนที่อยากไปตุรกีมากเพราะเคยดูสารคดีอันนึงตอนเด็ก เค้าบอกผู้ชายตุรกีหน้าตาดีที่สุดในโลก 5555+
ปล.ลองตอบคำถามเล่นๆเกี่ยวกับ คห.55 "หัวเสา 4 เสาเป็นรูปนกอินทรีย์ (eagle), สิงโต (lion), วัว (ox) และคน (กำลังจับมือกับเทพเจ้า) ทราบไหมครับว่าสิ่งมีชีวิตทั้งสี่เป็นสัญลักษณ์ของอะไร" น่าจะเป็นความเชื่อของศาสนาคริสต์หรือเปล่าคะ แต่เอ..ตุรกีนับถืออิสลามหรือเปล่า แต่ในศาสนาคริสต์
นกอินทรีย์ - ความมีอำนาจอย่างสง่างาม
สิงโต - ความซื่อสัตย์
วัว - ความมานะ อุตสาหะ
คน - ความพึ่งพาอาศัย เห็นอกเห็นใจ
เดาๆเอานะคะ เหมือนเคยเห็น แต่ส่วนตัวนับถือพุทธ อิอิ
[21 ต.ค. 54 15:46:16
]
ไปเที่ยวด้วยค่ะ รูปสวยมากๆ
จากคุณ : สาวหน้าใส
[21 ต.ค. 54 16:05:46
]
สวยจัง ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^
จากคุณ : สามแซ่
[21 ต.ค. 54 16:15:56
]
ไปเที่ยวด้วยค่ะ รูปสวยมากๆ
จากคุณ : สาวหน้าใส
[21 ต.ค. 54 16:30:17
]
น่าสนใจไม่น้อยกว่า Cappadocia เลยนะครับ
ภาพสวยมากครับ
[21 ต.ค. 54 17:08:57
]
รูปสวยทุกรูปเลยค่ะ
จากคุณ : Flaminio
[21 ต.ค. 54 18:32:46
]
ตามไปเที่ยวคลายเครียดเรื่องน้ำท่วมด้วยคนค่ะ
จากคุณ : ป้าฟู
[21 ต.ค. 54 19:45:41
]
เป็นทริปที่ประทับใจมากค่ะ
จากคุณ : Bpearl
[21 ต.ค. 54 21:39:10
]
ต้องไปยอดเขา ให้ได้แล้วกลับมาริวิวนะครับ
ไม่เคยรู้เลยว่ามีขอบแบบนี้บนโลก
แล้วยิ่งแม่น้ำไทกรีส ยูเฟรตีส เคยได้ยินในตำราตอนเด็กๆ
[21 ต.ค. 54 22:16:45
]
ศิลปวัฒธรรมเค้าหลากหลายผสมผสานดีนะคะ
อารยธรรมและประวัติศาสตร์นี่ซับซ้อนอยู่เหมือนกัน คงต้องหาอ่านเยอะทีเดียว
เพราะดูจากรีวิวแล้วน่าสนใจมากๆค่ะ
เคยชิมขนมของตุรกีมาเหมือนกัน มีคนซื้อมาฝาก หวานแสบคอมากเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆนะคะ ว่าแต่จะหนีน้ำไปอยู่ไหนล่ะคะเนี่ย ขอให้เดินทางปลอดภัยละกันค่ะ
[21 ต.ค. 54 22:31:19
]
99 เย่...

มาละ เสียดายนะครับไม่ได้ชม Nemrut นั่นแปลว่าพี่เชอคงต้องมีเก็บตกอีกรอบแน่ๆ ดูท่าทางจะประทับใจกับที่นี่ไม่ใช่น้อยเลยเนอะ อาหารที่ไปทานมาตอนดูโชว์ช่วงต้นๆ ผมไม่กล้ากินอะ หน้าตาดูยังไงก็ไม่รุ้ มันอร่อยไหมครับ อิอิ
ยังไม่เคยลองทานไอติมตุรกีเลยครับ แต่หน้าตาดูดีจัง ด้านบนที่เค้าโรยนี่ถั่วหรอครับพี่เชอ
รอชมตอนหน้าต่อ บุญรักษานะครับพี่
[21 ต.ค. 54 22:48:59
]
เล็กทาโร่ - ขอบคุณที่ตามมาเที่ยวชมตั้งแต่ต้นนะครับ
Tree Rose - อาหารอร่อยไม่น่าเชื่อครับ ไม่เหมือนในรูป สาวระบำหน้าท้องคนนี้ผมว่าสะโพกเล็กไปนิด หรือว่าออกกำลังสะโพกมากจนเล็กไม่ทราบ
ม่วงมหากาฬ - ทริปนี้ได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนค่อนข้างมากครับ มันเป็นอีกโลกหนึ่งเลยกับอิสตันบูลที่ทุกอย่างดูเป็นการท่องเที่ยวไปหมด
The Greatest Story Ever Told - ขอบคุณที่ติดตามครับ
SkylineKip - สมัยเด็ก ๆ เคยเรียนว่าอารยธรรมเก่าแก่ที่สุดในโลกคืออารยธรรมสุเมเรียน อัสซีเรียน บาลิโลเนียน ในดินแดนเมโสโปเตเมีย ไม่นึกว่าจะได้มาเหยียบถึงที่ เสียดายไม่เหลืออะไรเก่าแก่ขนาดนั้นให้ชมครับ
กัปตันลูกชุบ - ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ
ลุงแบกเป้ - ผ่านมา 4 ตอนก็มีอะไรที่แตกต่างกันไปทั้งสี่ตอนเลยนะครับ ประเทศนี้มีอะไรให้ชมเยอะจริง ๆ แต่ก็ไกลกันเหลือเกิน ขอบคุณที่ติดตามตลอดนะครับ
สายลมแห่งวิงค์ - ขอบคุณที่แวะมาชมนะครับ
Prisoner of Cair paravel - ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับ
กิ๊บส์ - ไปเที่ยวกันแก้เครียดเนอะกิ๊บส์ เปลี่ยนบรรยากาศจากเรื่องเครียด ๆ บ้าง
mbapsu04 - เราไปไอศครีมบำบัดที่สเวนเซ่นพอจะแก้ขัดได้ไหม ลูกชายคนนั้นดูจากรูปใน FB ก็อ้วนวันอ้วนคืนนะเนี่ย
ย้ำคิดย้ำฝัน - ขอบคุณที่แวะมาชมเปลี่ยนบรรยากาศกันนะครับ
semasky - ผมอยากไป Fethiye อะ อยากไปดู Lycian tombs ตามหน้าผา เอาไว้ไปแก้มือไปเก็บที่เหลือให้หมด ถ้ายังไม่หมดก็ไปใหม่ อิอิ
One Light One Shadow - ขอบคุณที่ร่วมทายปัญหานะครับ ผมเองก็ไม่แน่ใจในคำตอบว่าถูกที่สุด ลองดูว่าคนเก่งห้อง BP มีใครช่วยอธิบายได้ดีที่สุดหรือเปล่า เดี๋ยวรอฟังคนอื่น ๆ ก่อนนะครับ
Koon Shy_Tour Dee - ประเทศนี้มีประวัติศาสตร์ซ้อนทับกันหลายชั้นยาวนานหลายพันปี เลยมีสถานที่แปลก ๆ เยอะแยะเลยครับ ไม่น่าเชื่อจริง ๆ
-aom- - ตกลงที่หนุ่มตุรกีที่คัดมาให้ชมพอรับได้ไหมครับ อิอิ ขอบคุณที่ร่วมทายปัญหา คำอธิบายที่ผมมีเกี่ยวกับศาสนาคริสต์จริง ๆ ด้วย ขอลองอ่านคำตอบของหลาย ๆ ท่านก่อนนะครับ
สาวหน้าใส - มาเที่ยวกันเลยครับ
สามแซ่ - ด้วยความยินดีครับ
aryan - ถ้าได้ขึ้นไปถึงยอดคงน่าสนใจมากจริง ๆ ครับ
Flaminio - ขอบคุณครับ
ป้าฟู - ผมปิดทีวี ปิด FB แล้วคอยเปิดเช็คข่าวทุกสามชั่วโมง ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นจริง ๆ ครับ
Bpearl - ขอบคุณครับ มีความทรงจำเยอะเลยครับทริปนี้
tan_www - หวังว่าจะได้ไปใหม่ แล้วจะกลับมาทำรีวิวครับ
Red-Rose-14Feb - ผมก็พยายามทำรีวิวให้เห็นประวัติศาสตร์แต่ละระนาบในแต่ละกระทู้ ที่ผ่านมายังไม่ค่อยเจอวัฒนธรรมอิสลาม คราวนี้แค่เกริ่น คราวหน้าจัดเต็มทั้งไบแซนไทน์และอิสลามครับ
Coffee Blended - ทริปนี้ตั้งความหวังไว้เยอะ ก็เลยผิดหวังเยอะครับ คงต้องหาโอกาสไปแก้มือ อาหารรสชาติดีกว่าหน้าตานะ เป็นอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่ขึ้นชื่อว่าสดและอร่อยที่สุดในโลกโดยเฉพาะผักผลไม้ ที่โรยบนไอศครีมจำไม่ได้แล้วว่าอะไร น่าจะเป็นพวกถั่วนะครับ
ขอบคุณที่แวะมาชม ขอให้แคล้วคลาดกันทุกคนนะครับ
[22 ต.ค. 54 00:50:50
]
แวะเข้ามาชมภาพสวยๆที่หุบเขาเทพเจ้าครับ 
ไอศครีมนมแพะน่าทานมาก.. แพล่บๆ

[22 ต.ค. 54 05:08:10
]
เพิ่งเห็นกระทู้ขออภัย เป็นไงคร้าาาาา รักพี่เสียดายน้องเลยอดทั้งพี่ทั้งน้อง วะฮะฮ่าๆๆๆๆๆ
ล้อเล่นๆ อย่าโกรธนะคะ เนมรุตนี่ดิฉันก็อยากไปค่ะแต่มันไกลโคตร มีแค่ 12 วันไปได้ไม่กี่เมืองค่ะ แต่มีแก้ตัวแน่เพราะเจ้าไทชอบตุรกีมากกก ชอบกินแพะกินแกะ กินได้ทุกมื้อและทุกวันทั้งๆที่เพิ่งหัดกินเป็นครั้งแรกค่ะ
ปล ดิฉันก็อยากจะกินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวหนุ่มตุรกีเหมือนกันค่ะ ปากหวานมาก มีคนนึงถามดิฉันว่า ยูเพิง่เรียนจบแล้วมาเที่ยวเหรอ
หารู้ไม่ว่าดิฉันคิดในใจว่า เพิ่งเรียนจบ? ไอ้หนูเอ๊ยยย ชั้นเป็นแม่แกได้แล้วว้อย
[22 ต.ค. 54 05:53:32
]
เข้ามาอ่านรีวิวนี้แล้วสนุก คลายเคลียดเรื่องน้ำท่วมเลยครับ
จากคุณ : Destiny-Boy
[22 ต.ค. 54 10:06:04
]
ขอบคุณที่พาไปเที่ยวตุรกีคลายเครียดค่ะ
ถ้าไม่ติดว่างานเยอะ จะเเพคกะเป๋าหนีน้ำไปเที่ยวสักเดือน ^^
[22 ต.ค. 54 11:36:58
]
ความรู้สึกตอนเห็นรูปในความเห็น 56 แค่รู้ว่า นี่คือเขื่อนกั้นแม่น้ำยูเฟรติส ก็หยุดพิจารณาอยู่นาน อ่านต่อมาในความคิดเห็นที่ 57 ไม่อยากบอกว่า กำลังรู้สึกเหมือนที่คุณบรรยายในเลยค่ะ อารมณ์เดียวกันเลย ตื่นเต้น ๆ
[22 ต.ค. 54 12:31:32
]
หินแกะสลักสวยแปลกตาดีค่ะ ประเทศนี้มีสถานที่สวยๆแปลกๆเยอะเชียว
จากคุณ : Angel without wings
[22 ต.ค. 54 17:48:25
]
ตามมาเที่ยวตอนที่ 4 แล้วครับ ถ้าเป็นผมก็คงรู้สึกเซ็งเหมือนกัน ไปจนเกือบจะถึงแล้วแต่ไม่ได้ขึ้นซะงั้น แต่ก็เป็นโอกาสที่จะได้กลับไปเยือนดินแดนที่มีเสน่ห์แบบนี้อีกครั้งนะครับ
ยิ่งอ่านยิ่งทำให้อยากไปเที่ยวเร็วๆ แต่วันนี้ได้ยินข่าวแผ่นดินไหวใหญ่ที่ตุรกี สร้างความเสียหายไปเยอะเหมือนกัน ยังไงก็เอาใจช่วยขอให้ชาวตุรกีทุกคนปลอดภัยครับ
[24 ต.ค. 54 00:26:13
]
ไอติม เหนียวๆ นี่เป็นยังงัยน๊า ... มีกี่รสอ่ะคะ
จากคุณ : แสนศิริ
[25 ต.ค. 54 11:49:04
]
ขอบคุณสำหรับรีวิวคุณภาพครับ
แค่แคปปาโดเกียกับปามุคคาเล่ก็ทำให้อยากไปเที่ยวตุรกีมากมายแต่นี่มีเนมรุทเพิ่มมาอีก ทำให้ต้องขยับตุรกีขึ้นมาเป็นประเทศต้นๆในลิสท์แล้วครับ
[29 ต.ค. 54 11:39:52
]
นี่มันทู้ยั่วกิเลสชัดๆ เห็นแล้วอยากจะตามรอยคุณ Cherokee ไปตุรกีเด๋วนี้เลย
(ยกเว้นบอลลูนนะฮะ เผอิญเดี๊ยนนี่ถูกโฉลกกับกิจกรรมเหล่านี้มาก มีดวงได้เจ็บตัวทุกครั้ง -_-)
อยากดูระบำหมุนๆ อยากกินติมเหนียวๆด้วยอ่ะ น่ากินๆๆๆ รสชาติเข้มข้นสมความข้นคลั่กของเนื้อน้องติมด้วยป่าวฮะ 
จะรอชมทู้อิสตันบุลอย่างใจจดใจจ่อนะฮะ เมืองในฝันเดี๊ยนเลยนะนั่น T^T
[4 พ.ย. 54 07:43:38
]
สถานที่ท่องเที่ยวในตุรกีแต่ละที่นี่สวยแปลกตาดีจังค่ะ
อยากบรรจุ Nemrut เข้าแพลนด้วย แต่เวลาไม่พอ (เสียดายจัง)
เห็นไอติมตุรกีแล้วต้องลองให้ได้ ^^
[11 พ.ย. 54 15:41:48
]
สวยมากค่ะ พร้อมด้วยสาระเพียบ อิชั้นคงไม่สามารถรีวิวได้อย่างนี้แน่ ๆ อิอิ
เราเพิ่งกลับจากตุรกีค่ะไปมาสองเมืองเอง 6 วัน อ้อ มีผิดแผนเพิ่มมาอีก 1 เมือง หนาวมากและเหนื่อยมากค่ะ 555 ต้องเตรียมรองเท้าที่ใส่สบาย ๆ ไปสองคู่เลย
ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ฤกษ์ทำรีวิวกะเขาบ้าง เฮ้อ ๆๆๆ
[12 พ.ย. 54 15:23:28
]
น่าสนุกจังเลย สาว ๆ ที่นี่ถ้าสาว ๆ คงสวย คม เข้ม น่าดูชมเลยคะ
จากคุณ : ผึ้งน้อยafet
[14 พ.ย. 54 16:38:23
]
ตั้งใจว่าจะต้องเข้ามาเฉลยคำถามที่ถามใน คคห 55 ว่าหัวเสา 4 เสาเป็นรูปนกอินทรีย์ (eagle), สิงโต (lion), วัว (ox) และคน (กำลังจับมือกับเทพเจ้า)สิ่งมีชีวิตทั้งสี่เป็นสัญลักษณ์ของอะไร
จริง ๆ ไม่มีหนังสือเล่มไหนเขียนอธิบายไว้ แต่ว่าไกด์ของเราบอกว่าเค้าคิดว่ามันคือสัญลักษณ์ของ The 4 Evangelists หรือที่พวกแคทอลิกไทยเรียกว่าผู้นิพนธ์พระวรสารสี่ท่าน แต่ทางโปรเตสแตนท์เรียกว่าผู้ประกาศข่าวประเสริฐสี่ท่าน ได้แก่ มัทธิว (Matthew), มาระโก (Mark), ลูกา (Luke) และยอห์น (John) ท่านทั้งสี่คือผู้นิพนธ์พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ (The New Testament) 4 บทแรกที่เล่าประวัติของพระเยซู
คนเป็นสัญลักษณ์ของมัทธิว
สิงโตเป็นสัญลักษณ์ของมาระโก
วัวเป็นสัญลักษณ์ของลูกา
นกอินทรีย์เป็นสัญลักษณ์ของยอห์น
ลองดูในเว็ปนี้นะครับ
http://catholic-resources.org/Art/Evangelists_Symbols.htm
ขอบคุณคุณ OLOS และคุณ -aom- ที่มาร่วมสนุกกันนะครับ
[2 ธ.ค. 54 01:36:26
]