##  ช่วงนี้น้ำกำลังเข้าถล่มพื้นที่ กทม. คิดอยู่พักนึงว่าจะรีวิวต่อดีหรือเปล่า เพราะคนเขากำลังเครียด  อีตานี่ดันจะมารีวิวเรื่องเที่ยว ##

##  แต่ไหนๆ ก็รีวิวมาได้ 3 ตอนแล้ว ควรจะทำให้เสร็จดีกว่า ขี้เกียจดองนานเดี๋ยวเค็มปี๋  .. ถ้าใครกำลังเครียดน้ำท่วมก็ส่งแรงใจไปให้ทุกท่านนะครับ ##

## ตอนที่ผ่านมาครับ ..
    @@  มะนิลา  ตอนที่ 1
            http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11229245/E11229245.html

     @@  มะนิลา ตอนที่ 2
             http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11236306/E11236306.html#63

      @@  ปูซาน  ตอนที่ 1
              http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11237981/E11237981.html

##  หลังจากเที่ยววันที่ 1 ท่ามกลางสายฝน  มาทั้งวันแล้ว  ตอนย่ำค่ำ ฝนก็ซาลงมาหน่อย แต่ยังต้องกางร่มอยู่ ไม่งั้นเดี๋ยวจะไม่สบายเอา  .. ก็ตัดสินใจไปเดินเล่นแถวหาด Haeundae  กันครับ ..  นั้ง metro สาย 2  ลงที่สถานี Haeundae  exit 3,5 เดินประมาณ  10 นาที ##

## เวลาประมาณ 6 โมงเย็นนิดๆ มืดซะแล้ว ##

## รุ้งกินน้ำ .. นี่ขนาดรุ้งกินไปแล้วนะ  ฝนยังเยอะอยู่เลย .. อิ อิ ##

## ชายหาดซักหน่อยครับ ##

##  ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ##

## นี่น่าจะเป็นสัญลักษณ์ ##

## ... ##

## มืดแล้วมองอะไรไม่เห็น .. ไปดูของกินกันดีกว่าครับ .. ชมตลาด ##

##  ร้านเยอะเลยครับ  ##

## ของขายหลากชนิด ##

## ร้านขายกิมจิ ##

## ร้านขายอาหารทะเล ##

## อาหารสด ##

##  หามื้อเย็นทานกันดีกว่าครับ .. เล็งร้านนี้ไว้ตั้งแต่เดินไปชายหาดแล้ว ##

## มาคนเดียวก็ทานคนเดียว .. แต่ก็หมดครับ .. ราคาไม่แพง ทั้งหมด 12,000 KRW ##

##  จากนั้นไปชมไฮไลท์ของวันนี้ครับ ##

## Fireworks Festival  ครับ จัดที่ชายหาด Gwangalli  ครับ วันที่ 21-29 ต.ค. 54 ##

##  นั่ง metro สาย 2  ไปลงที่ Gwangan Station เดินไปอีกประมาณ 1 กม.ได้ครับ .. ไม่ต้องกลัวหลง  คนเยอะมาก ##

## คนเยอะจริงๆ  มีทั้งโซนที่มีเก้าอี้นั่ง  โซนที่ปูเสื่อนั่ง  และยืนดู .. ผมเป็นคนกลุ่มหลังครับ ##

## รูปมันได้แค่นี้จริงๆ ครับ .. ทำใจดูไปนะครับ .. ##

## จากชายหาดจะมองเห็นสะพาน Gwangan หรือ Diamond Bridge ##

##  เริ่มแล้วครับ ##

ตามมาชมต่อครับ

##  เป็นการแสดงที่ยาวประมาณ 2 ชั่วโมง  จาก 20.00 -22.00 น...
      พลุจะมาจากหลายประเทศ  มีดนตรีประกอบการแสดง สนุกสนาน
      ตื่นเต้นดีครับ.. ดูไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมง.. ต้องกลับก่อนเพราะดึกแล้ว
      ระหว่างทางเดินกลับยังสวนกลับกลุ่มคนที่เพิ่งมาอีกมากมายเลย ##

## สวัสดีครับคุณ puk ka bee ##
.....................................................................................................

##  เป็นอันว่าจบวันที่ 1 ##

##  ต่อมาเรามาต่อกันวันที่ 2 ครับ .. วันนี้เป็นวันอาทิตย์  คนเยอะมาก  ดูจากการแต่งตัวแล้วเค้าไป trekking กันครับ ##

##  นี่เป็นจุดหมายครับ .. นั่ง metro สาย 1  ไปลงที่สถานี Beomeosa Temple Station ##

## คนเยอะไม่ต้องกลัวหลงครับ .. เดินตามกันไป ##

## มีแผงขายของตลอดทาง ##

## แผงแรกของคุณตา  แผงนี้ของคุณยาย ##

##  ขึ้นรถสาย 90  คนแน่นมาก ดูบนรถซีครับ ..ต้องอัดกันไป เพราะแน่นทุกคัน ##

## รถจอดหน้าวัดเลยครับ ##

## ลงรถปุ๊บ  มีอาสาสมัครมาแจกผ้าแผ่นนึง เผื่อใครเป็นอะไรไปจะได้ช่วยกันในเบื้องต้นก่อน .. ผมเอาไปขยุกซะยับเลยครับ ##

## แผนผังของวัดครับ ##

##  หิวน้ำมาก  แวะซื้อน้ำมาขวดนึง 1,000 KRW ของลุงกะป้าที่มาตั้งแผงระหว่างทาง .. ไม่ทราบเรียกว่าอะไร เรียกว่า น้ำข้าวแล้วกัน  เพราะในขวดมีน้ำกับข้าว ##

##  เห็นหน้าตาแล้วนึกว่า จะกินได้หรือเปล่า  ปรากฎว่า .. อร่อยมากครับ ##

##  ประตูวัด (หมายเลข 1 ในผัง) ด้านหลังกำลังซ่อมครับ  ต้องอ้อมไปทางอื่น ##

## เจดีย์ 7 ชั้น (หมายเลข 26) ##

## หลังนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ (หมายเลข 27) โผล่เข้าไปดูไม่มีภาษาอังกฤษเลยไม่ได้เข้าไปครับ ##

## เดินไปทางด้านข้างเจอป้ายนึงครับ ##

##  เดินขึ้นไปครับ ##

## ด้านหลัง ##

## กำลังสวดมนต์กันอยู่ครับ ##

## น้ำดื่ม.. มีคุณลุงใส่แกลลอนไปทำพิธีด้วย ##

##  ลุงๆ ป้าๆ เขา trekking กันครับ .. คนเกาหลีนี่เดินเก่งกันจริงๆ ทั้งหญิง ชาย ลูกเด็กเล็กแดง ##

## หมาวัด .. หลับซะแระ ..  สงสัยอากาศกำลังเย็นสบาย ##

## ตัวอื่นเขาล่ามไว้  .. ตัวนี้ถูกขัง  .. สงสัยนิสัยไม่ดี .. มองกล้องตาเซื่องเชียว ##

##  หลังนี้หมายเลข 10 ครับ ##

## ฝายวัด ##

## เดินตามลุง ป้าขึ้นไปซะไกลเชียว  ได้เวลาลงมาที่ main shrine แล้วครับ ##

##  ขี้เกียจเดินอ้อม  ลงมันซะทางนี้แหละ .. ทางลัด ##

## จะมาดูใบไม้สีแดงซะหน่อย  ยังเขียวอยู่เลย ##

##  เดินไปที่ main shrine ##

ตามไปชมด้วยอีกตอนนึงนะครับ

## ขอบคุณครับคุณ sanamluang ##
.....................................................................................................

## ผ่านหอกลองซะก่อน ##

## ถึงแล้วครับ  หลังนี้แหละ main shrine ##

## เค้าไหว้พระกันแบบนี้ ##

ตามต่อครับ ด้วยความผิดพลาดบางประการทำให้ไม่ได้ไปวัดนี้

## น้ำดื่มอีกครั้ง ##

## สวัสดีครับคุณกาแฟ  ความผิดพลาดบางประการนี่เพราะมัวแต่ชมซากุระหรือปล่าวครับ ##
...................................................................................................................................

## ส่วนนี้เป็น Temple Stay หลังนี้สำหรับผู้ชายครับ ##

เฮ้อ ..พักเครียด (รอน้ำว่าจะเข้าบ้านไหม?) ไปเข้าวัดเข้าวาที่เกาหลีละกันเนอะ
เมื่อวานเครียดจัด น้ำจะขึ้นสูงสุด ..ระหว่างรอ เลยเสียเงินจองคันไซไปจนได้ 555

##  เดินมาอีกนิดนึงเป็นลานหิน  ที่จัดให้เป็นพื้นที่สำหรับมานั่งพักผ่อน ปิคนิคกัน  มีทางเดินขี้นเขาเชื่อมไปยัง Guemjeongsanseong Fortress ไม่ได้เดินไปหรอกครับ เดินไม่ไหว ไกลมาก แต่เดี๋ยวจะนั่งรถเมล์ไป ##

## อ๊ะ!!  ลืมไปสนิท .. วัดนี้ตั้งอยู่เชิงเขา Guemjeongsan  สร้างมาตั้งแต่เมื่อประมาณ 1,300 ปีที่แล้ว สมัยกษัตริย์มุนมูแห่งราชวงศ์ชิลลา  โดยพระสังฆราชยูซาง แดซา  เป็นหนึ่งในสามวัดที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ Yeongnam  อีก 2 แห่ง คือ Haeinsa กับ Tongdosa ##

##  คุณแม่ติดเน็ต  เครียดเรื่องน้ำท่วม  แต่ไม่เครียดเรื่องเสียตังส์ อิ อิ.. ดีแล้วครับ ถึงเวลานั้นเรื่องน้ำคงคลายไปแล้ว จะได้มีเวลาวางแผนเที่ยวครับ ##

.....................................................................................................................................................................................................

## หลังจากเดินอยู่เกือบ 2 ชั่วโมง ได้เวลาไปที่อื่นต่อ ขึ้นสาย 90 ที่หน้าวัดนั่นแหละครับ ##

## ตอนเช้าก่อนออกจากโรงแรมทานขนมปังไป 2 แผ่น หิวแล้วแวะร้านนี้ดีกว่า ##

## กิมบับเนื้อ  2,500 KRW ครับ ##

##  ทานเสร็จแล้ว วิ่งไปร้านรองเท้าครับ .. เดินซะรองเท้าพังเลย คู่นี้ซื้อมาใส่ครั้งแรกตอนไปโซล เมื่อ ธ.ค. ปีที่แล้ว  มาจบชีวิตต้องทิ้งซะที่ปูซาน ซะงั้น .. ได้รองเท้าผ้าใบมาคู่นึง 19,000 KRW  ประมาณ 530 บาท .. ถูกดี ##

## ไปเที่ยวป้อมกันดีกว่าครับ  เห็นในรูปแล้วสวยดี  ไม่รู้ว่าเหมือนป้อมฮวาซองที่ซูวอนหรือเปล่า ##

##  Guemjeongsanseong Fortress ##

## นั่ง metro สาย 1 จากสถานี Beomeosa Temple  ไปลงสถานี Oncheonjang  .. แล้วข้ามฝั่งไปขึ้นรถเมล์สาย 203 ครับ ##

##  นั่งรถไปพักใหญ่  มีจุดที่ผู้โดยสารลงหลายจุด  น่าจะลงไป treking กัน  ส่วนผมนั่งไปเรื่อยเพราะไม่รู้จะลงตรงไหน .. พอคนหมดรถ  ก็ลงกับเขาบ้าง  ..เห็นเขาเดินขึ้นเขา ก็ตามไปครับ ##

## เดินขึ้นเขาอยู่พักใหญ่  สภาพก็เป็นแบบนี้ตลอดทาง แต่คนส่วนใหญ่เขาเดินลงกัน  เข้าใจว่าเดินมาจากจุดที่ลงรถไปก่อน##

## ตามป้ายที่จุดลงรถบอกว่า Command Post of  Geumjeongsanseong  Fortress   ระยะทาง 1,600 เมตร .. ไกลพอสมควร .. แถมเดินขึ้นเขาอีก จะไหวมั้ยเนี่ย ##

## เจอวัด Gukcheongsa ขอแวะชมก่อนครับ ##

##  เจดีย์สามชั้นหน้าวัด .. วัด  Gukcheongsa  สร้างขึ้นโดยท่านอุยซาง ขุนนางใหญ่สมัยราชวงศ์ชิลลา (ค.ศ. 625-702)  เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ด้านขวัญกำลังใจให้พระผู้ใหญ่ 2 รูป คือ พระมานฮง และ เซียงกวาง ได้พำนักในระหว่างการสร้างป้อม Geumjeongsanseong  เพื่อป้องกันการรุกรานของญี่ปุ่น ##

## หมาวัดอีกแล้ว  หวงลูกมาก ปรี่เข้ามาเลยครับ  ดีว่าล่ามไว้ ##

## เดินหอบแฮ่กๆ ขึ้นเขามาถึงจุดนี้ประมาณ 1 กม.  ใกล้ถึงจุดที่จะไปแล้ว ##

## ไปต่อทางนี้ครับ  มีแต่คนเดินสวนลงมา ##

## ป้ายชี้ว่าเป็นทางขึ้น Command Post มีลุงกะป้าลงมาคู่นึง  กำลังจะขึ้นไปคู่นึง ขอแซงก่อนนะครับ คุณลุง คุณป้า ##

## ขึ้นไปทางนี้จริงๆ นะหรือ .. ดูแล้วไม่น่าจะไปได้เลยนะ ##

##  ปีนขึ้นไป .................................

##  เจอธง.. คงใกล้ถึงแล้วล่ะ ##

## นั่นไงอยู่นั่นเอง .. เล่นซะลิ้นห้อยเลย ##

## แค่นี้เองเหรอ .. แล้ว Fortress ล่ะอยู่ไหน ..ไม่เห็นมีเลย ..เดินแทบตาย ##

## Command Post of  Geumjeongsanseong  Fortress  เป็นหอบังคับการของป้อม Geumjeongsanseong  สร้างบนยอดเขาสูง  475 เมตรจากระดับน้ำทะเล สร้างขึ้นในปี 1703 และใช้งานจนถึงปลายศตวรรษที่ 19 ##

## ทางนี้มีป้ายบอกไว้ว่า 1.4 กม. แต่ไม่รู้ไปไหน  แต่ไปดีกว่า เพราะทางเดินสบายกว่ากันเยอะ  .. น่าจะเป็นแนวป้อมเก่า เพราะสองข้างเป็นลาดเขาลงไป ##

## เดินมาพักนึง เจอสามแยกและป้ายบอกว่าเดินมา 315 ม. แล้ว  ตามทันคุณลุงท่านนึง ถามด้วยภาษามือว่า จะขึ้นรถบัสได้ที่ไหน ##

## ลุงชี้มาทางนี้ .. ทางนี้อ่ะนะ .. แน่ใจนะลุง .. ไปได้เหรอ .. แต่ก็ไปครับ ..แล้วแกจะสงสัยทำไม ##

## เดินอยู่อย่างนี้คนเดียวอยู่พักใหญ่เลยครับ ..ไม่มีใครเลย ตามรอยทางครับ ..เสียวหลงอยู่เหมือนกัน .. แต่จะให้ย้อนไปทางเดิมไม่ไหว ไกลมาก ..

##  จนมาเจอบ้านหลังนึงจะเข้าไปถาม มีหมาด้วยครับ ดุมาก แต่เขาล่ามไว้  เผ่นดีกว่า  ไม่ถามแล้ว ##

## ภูเขาลูกนั้นแหละครับ ที่เดินลงมา ##

## ที่เกาหลีที่เวลาจ้างทำถนน  หรือเป็นลูกรัง เค้าเอาผ้ามาปูคลุมไว้ตลอดเลย ##

## เห็นหมาตัวไกลๆ มั้ยครับ ตัวนี้เจ้าของไม่ได้ล่าม มองไม่เห็น วิ่งตามมา ..เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ##

## ตัดสินใจหาทางไปเองก็ได้  เดินลงเขาต่อไป เจอแปลงผักเพียบเลย ##

## มองไกลๆ เจอถนนที่เดินขึ้นเขาไปตอนแรก  ดีใจมากเลย ##

## เดินผ่านที่เดิม  lสุดท้ายก็รอดมาได้ ..เฮ้อ.. รอดไป ดีว่ามาคนเดียว  ถ้ามีเพื่อนมาด้วยได้ฆ่ากันตายแน่เลย##

## แวะหาอะไรเติมพลังที่ร้านนี้ก่อนครับ ##

## บิมิมบับครับ  ชุดนี้ 5,000 KRW ##

## หลังจากนั้น  นั่งรถสาย 203 กลับ  ที่จริงยังมีอีกป้อมนึงครับ Dongnaeupseong Fortress นั่ง metro สาย 1 ลงที่สถานี Dongnae แล้วต่อรถเมล์สาย 1 หรือ 6  แต่ด้วยความที่กลัวป้อมจะไม่มีอะไรให้ดูอีก  เลยไม่ไป  ที่จริงก็ขี้เกียจเดินด้วย ....

##  ที่ต่อไปเดินทางไกลหน่อยครับ วัด Haedong  Yongkung  ..  นั่ง metro สาย 1  ไปต่อสาย 2 ที่สถานี Seomyeon แล้วไปลงที่สถานี Haeundae exit 7  แล้วต่อรถเมล์สาย 181  ลงที่ Yonggungsa National Fisheries Research & Development Ceter ##

## แล้วเดินตามสองสาวนี่ไป ##

## ทางเข้าวัด  เป็นถนนขายสินค้าครับ ##

##  ใครอ่ะ ##

## หนอนและหอย ##

##  ปากทางเข้าวัด  เจดีย์ 7 ชั้น ##

## ทางเข้าวัด ##

## ทางเข้าวัด ##

## วัด Haedong  Yongkung  .. สร้างขึ้นในปี 1376  โดยพระที่มีชื่อเสียงที่สุดรูปหนึ่งชื่อ Naong  ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์คองมิน  ##

##  มาไหว้พระที่มุมนี้ก่อนครับ ##

## แอบหลับนะเนี่ย ##

##  วิวมุมสูง ##

## อาคารหลักครับ ##

##  พระอารมณ์ดี  มุมนี้ pop มาก

##  Boddhisattva  Avalokitesvara ##

## เถลไถลอยู่พักใหญ่  ต้องไปอีกที่นึง  ไม่รู้จะทันมั้ย .. เอ..ทำไมต้องบอกด้วยล่ะว่า CCTV ##

ไปเที่ยวด้วยคนค่ะ เดือนหน้าจะไปบ้่างแล้ว

## จุดหมายต่อไป คือ  Nurimary APEC House ครับ ##

##  ขึ้น metro สาย 2 ลงที่สถานี Dongbaek  ตรงนั้นเรียกว่า Dongbaek Island เป็นจุดชมวิวที่สำคัญจุดหนึ่ง ที่สามารถมองเห็นชายหาด Haeundae กับสะพาน Gwangan .. พอไปถึงปรากฏว่ามืดเสียแล้ว ถ่ายรูปไม่ได้  เดินดุ่มๆ ชมวิวอย่างเดียว##

## ตรงจุดชมวิวใกล้ๆ กับ APEC HOUSE มี Carved  stone of   haeundae  :   โดย  Choi  Chi-won  กวีเอกและข้าราชบริพารในช่วงปลายราชวงศ์ชิลลา  ที่หลบภัยทางการเมืองมาอยู่ที่เขากายาซาน  ได้เห็นความสวยงามของทะเล  เมฆ  พระจันทร์และภูเขาของที่นี่  จึงได้แกะสลักบนก้อนหินไว้ 3 คำ คือ   Hae  = ทะเล   Un  =  เมฆ  และ  Dae  = ภูเขา  ปัจจุบันคำว่า  Un  ได้ฝน ลมและคลื่นซัดหายไปแล้ว .. แต่มองไม่เห็นเลยไม่ได้ลงไปถ่ายรูปมาให้ชมครับ ##

##  หลังจากนั้นกลับไปเช็คอินที่โรงแรม สำหรับการพักคืนสุดท้าย ##

##  มาดูที่พักคืนที่สามดีกว่าครับ :  Elysee Motel ##

## เข้ามาก็เจอม่านเลย ##

## ห้องพักคืนนี้ครับ ##

##  ประตู 2 ชั้น อีกแล้ว ##

## เตียงใหญ่มาก .. ตอนเช็คอินเจ้าหน้าที่ของโรงแรมบอกว่า เวลานอนให้นอนบนที่ปูนะครับ อย่างัดแล้วสอดตัวเข้าไป .. เข้าใจว่าที่นี่มีลูกค้ามาใช้บริการแบบพิเศษจำนวนมาก คงจะกันเปื้อน .. แต่สำหรับผม ถ้าจะเปื้อนก็คงจะน้ำลายล่ะมั้ง ##

##  รีโมทของที่นี่ควบคุมทุกอย่างครับ ทั้งไฟ ทีวี แอร์ DVD ลืมถ่ายรูปมา ##

##  ห้องกว้างดี  มีของให้เล่นเยอะเลย ##

##  ชุดบำรุงผม  โลชั่นต่างๆ  แต่แปลกแฮะ  ไม่มีเสื้อกันฝน .. สงสัยฝนไม่ค่อยตกแถวนี้ 555 ##

##  น้ำร้อน  น้ำเย็น ##

## มี 2 จอ  ที่นี่มีคอมพิวเตอร์ให้ใช้  ใครเอา Notebook มา ก้อไปดึงสายเน็ตมาเสียบใช้ได้เลย ##

## อีกมุม ##

## มาดูห้องน้ำกันบ้าง  กว้างขวางดี  ห้องอาบน้ำมีฝักบัว 3 ทางเหมือนใน lounge kingpower เลย  ชอบ...

##  มีอ่างน้ำวนให้ด้วย  ชอบก็ตรงนี้แหละครับ .. ต้องจองห้อง Deluxe ครับถึงจะมี  ถ้าเป็นห้องแบบ Superior ซึ่งถูกกว่าประมาณ 200-300 บาทจะมีแต่ห้องอาบน้ำครับ ##

## ลองหน่อยมั้ยครับ  ผมว่าแรงดันน้ำมันเบาไปหน่อย  มัวแต่แช่น้ำ เลยทำรีวิวไม่เสร็จซะงั้น ##

## อ้อ .. ลืมไป  โรงแรมนี้พอเค้าได้รับบุคกิ้งเราไปจากเอเจนซี่  จะส่งแผนที่มาให้ทันทีครับ ##

##  อันนี้ถ้ามาด้วยลีมูซีนบัส

##  ถ้ามากับ subway ##

## ถ้ากลัวนอนไม่หลับก็มีดาวให้นับบนเพดาน  มีไฟหลายสี  ให้พอเคลิ้มครับ ##

## ตบท้ายด้วยอาหารมื้อเย็นครับ พอดีเดินผ่านระหว่างทางที่มาเช็คอิน ##

## เมนูมีเท่านี้แหละครับ .. เดินเข้าไปมีป้าๆ ชาวญี่ปุ่นนั่งทานอยู่โต๊ะนึง .. ป้าเจ้าของร้านถามว่ามาจากฮ่องกงหรือเปล่า .. มีคนถามว่ามาจากฮ่องกงมั้ย ตั้ง 2 คนแน่ะ อีกคนอยู่ในตอนหน้า .. เหมือนยังไงก็ไม่เข้าใจ .. แน่นอนว่าผมสั่งอันที่ถูกสุด ด้านซ้ายมือ ##

##  มาแล้วครับ  ข้าวต้มเกาหลี  ป้าบอกว่าชื่อ ทอม บ๊ก จู  หรือเปล่า จำไม่ค่อยได้แล้ว ใครรู้จักช่วยแก้ให้ด้วยนะครับ .. ราคา 10,000 KRW ผมว่าแพงตรงหอยนั่นแหละมั้ง  แต่อิ่มครับ  อิ่มเพราะเครื่องเคียง ...

##  จบตอนตรงนี้ครับ .. คืนนี้ต้องนอนที่ทำงาน อยู่เวรน้ำท่วม และคงต้องอยู่อีกหลายวัน  ต้องทิ้งบ้านไว้ตามลำพังอีกแล้ว  ไม่รู้น้ำจะเข้าวันไหน .. และจะรีวิวให้จบ จะได้จบ job ไปครับ ..

รีวิวรายละเอียดเพียบ คำบรรยายก็สนุกดีค่ะ  

## ขอบคุณครับคุณสาวหน้าใส  .. ตอนนี้ชีวิตชักไม่สนุกแล้ว  กลับมาต้องนอนที่ทำงานทุกคืนเลย  ติดเวรน้ำท่วม  เลยต้องใช้ code expedia jp  จองโรงแรมแถวข้าวสารเพื่ออาบน้ำครับ ..เมื่อกี้เพิ่งจองของคืนนี้ไป 141 เยน .. กำลังไล่จองไม่รู้ต้องนอนกี่วัน .. คุณสาวหน้าใสมีเอี่ยวหนีน้ำมั้ยครับ ##

## ลืมตอบคุณ Milkki  ไปขอโทษทีครับ เพิ่งเห็น  ไปปูซานเหมือนกันใช่มั้ยครับ  ช่วงนั้นใบไม้กำลังแดงเลย  ขอให้สนุกนะครับ ..

ตามมาเที่ยวต่อค่ะ ...ขอบคุณสำหรับรีวิวและข้อมูลนะคะ จะเตรียมเก็บข้อมูลไว้ไปปีหน้าค่ะ

## เดี๋ยวคืนนี้จะรีวิวตอนสุดท้าย มันส์ เหนื่อยมาก จริงๆ ครับ คุณSergeant Keroro ##

นั่น Motel เหรอครับ ทำไมห้องกว้างขวาง แถมมีทั้งทีวีจอยักษ์และคอมฯให้เล่นด้วยล่ะครับ ทีวีมีช่อง...มั้ยครับ อิอิ

## โมเตลครับคุณ tottui  ถ้าแวะเวียนไปแถวนั้นอย่าลืมไปใช้บริการนะครับ ..ผมว่าดีกว่า Hotel บางแห่งนะครับ ##

ตามมาเที่ยวปูซานอีกกระทู้ค่าาาา อยากไปมั่งจัง โอม โปรเซบูจงมาๆๆ

## คุณ MoMMaMjAnG   ช่วงนี้เซบูออกโปรมาไม่เกินเดือน มี.ค.ปีหน้า  
     คงต้องซักพักนึงมังครับ  ถึงจะออกเมษามา

## วันนี้ดูเงียบๆ ไปนะครับ สงสัยหลายท่านคงเตรียมตัวรับน้ำที่จะเข้า กทม. แต่ผมขอรีวิวให้จบเลย ตามมานะครับ ##

เก่งมาก ๆ เลยค่ะ เราไปที่นั่นบ่อย  ยังไม่กล้าลุยเองแบบอย่างนี้เลย

ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ.... หมาวัดน่ารักจัง..

##  ขอบคุณครับคุณ I-AM-KIM  ชื่อยังกะคนเกาหลีเลยนะครับ ##

##  หมาวัดที่นี่ส่วนใหญ่เป็นแบบนี้และมีสีขาวครับป้าฟู ##

คุณ MRBIG173 คะ ห้องพักราคาเท่าไหร่บ้างคะเนี่ย

## ราคาห้องพักอยู่ีในตอนที่ 1 (คห.ที่ 4) ครับคุณ Milkki ##

ตามมาเก็บข้อมูลค่ะ