มีโอกาสได้ไปอบรมที่ Sydney ใกล้ๆกับ Macquarie University พักที่ Travelodge Hotel Macquarie 6 คืน ระหว่างอบรม เดินทางด้วยการบินไทย TG475 ออกจากกรุงเทพ 19:15 ถึง Sydney 08:20 ของอีกวัน ระหว่างรอขึ้นเครื่องก็ได้ใช้บริการ King Power Lounge ด้วยบัตร SCB King Power Gold นั่งสบายดีมีของว่าง เครื่องดื่ม นั่งเล่นเน็ต สบายจะถึงเวลาขึ้นเครื่อง 747-600 นั่งริมทางเดินตอน Check-in ขอที่นั่ง Long leg แล้วแต่ไม่ได้ ที่นั่งมีปัญหานิดหน่อยเพราะว่าผมขายาวสูง 178 เวลาเหยีดเท้าไปใต้ที่นั่งด้านหน้าจะมีกล่องอะไรไม่รู้อยู่ใต้ที่นั่ง กินที่ทำให้ต้องเหยียดขาแบบเบี่ยงๆ เพิ่งเคยเจอกับเครื่องนี้ คิดว่าเป็นกล่องชูชีพหรือป่าวไม่แน่ใจ ผมไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องนานกว่า 3 ชม มาก่อน เป็นการบินข้ามคืนด้วยอยากพักผ่อนก่อนจะต้องไปลุยที่ปลายทาง ใส่กางเกงขายาวผ้านิ่มๆ กะจะนั่งหลับสบายๆ เตรียมหมอน สวมคอมาพร้อม แต่ ก็แทบไม่หลับ เพราะสถาพอากาศไม่ค่อยดี เครื่องสั่น และ มีสัญญานรัดเข็มขัดตลอดเวลา สักพักก็ให้บริการอาหาร เป็นถั่วกับน้ำ ตามด้วยอาการมื้อแรก แนวๆอาหารฝรั่ง กินอิ่ม รสชาติอาหารดีแต่ไม่ถูกปากเท่าไหร ส่วนอาการไทยมีให้เลือกแต่ดูไม่น่าสนใจ เครื่องดื่ม ไวร์แดง ขอเติมได้เรื่อยๆ พยามหลับ แต่ก็ไม่ค่อยหลับ ด้วยเวลาต่างกันในฤดูนี้ ต่างกัน 4 ชั่วโมง จึงมีปัญหากับเวลานอน และเวลากิน พอสมควร เวลาหิวไม่ได้กิน เวลากินไม่ได้หิว เวลานอนนอนไม่หลับ เวลาง่วงไม่ใช่เวลานอน เครื่องลง ที่ปลายทาง มีประกาศเกี่ยวกับการเข้าเมืองซึ่งผมไม่ได้เอาอะไรเข้า ก็กรอกเอกสาร Form ที่เป็นภาษาอังกฤษ แต่ งง กับภาษากฏหมาย เลยขอ แบบ Form ที่เป็นภาษาไทยมาดูเทียบเพื่อความไม่ผิดพลาด เพราะว่าที่นี่ออกจะเข้มงวดมาก

ออกจากเครื่อง ตรวจ Passport ไม่มีอะไร แต่พอเดินออกมาจะมี เจ้าหน้าที่ยืน กระจายอยู่รอบๆ สายพานรับกระเป๋า เดินมาสอบถาม เป็นการทำงานเชิงรุกของที่นี่เค้า แต่ผมไม่โดน กระเป๋ามาเร็วดี ลากกระเป๋าออกมา ผ่าน Customs ทีนี้โดนตรวจ ผมสังเกตุว่า ใบเอกสารผมโดนทำเครื่องหมาย S ไว้โดนแยกไปตรวจที่เครื่อง Scan แต่ก็ผ่านเพราะว่าไม่มีของกินหรืออะไรที่จะมีปัญหา

ที่พัก โรงแรม Travelodge Hotel Macquarie

ที่พัก โรงแรม Travelodge Hotel Macquarie มีครัวเล็กๆ

ซื้ออาหารมาทำกิน ที่นี้นมถูก ลิตรละ 1$ ถูกกว่าน้ำมากมาย

ออกมา สิ่งแรกที่ต้องทำของผมคือ Online ให้ได้ เดินไป Booth Optus สีเหลือๆทันที ซื้อ Starter Kit SIM 30$ เล่นเน็ตวันละ 2$ unlimited ทุกอย่าง ยกเว้นโทรต่างประเทศ แต่พอใส่เครื่องแล้วใช้ไม่ได้ เครื่องผมเป็น Samsung S1 ให้เจ้าหน้าที่ดู ให้ต้อง set APN เป็น yesinternet แต่ก็ยังเล่นไม่ได้ balance เป็น 0 เงินไม่เข้า จนท บอกให้รอ 3 ชั่วโมง ถึงจะใช้ได้ ผมอยากจะให้ใช้ได้ก่อนที่ผมจะออกจากสนามบิน นึกในใจ ระบบทำไมห่วยแบบนี้ กดดัน เจ้าหน้าที่ให้โทรไปหา Support เพื่อแก้ปัญหาแต่ก็ยังยืนยันว่าต้องรอ 3 ชั่วโมงวันนี้วันหยุด คนใช้เยอะอาจจะช้าบ้าง  ผมก็เลยต้องเดินทางเข้าเมืองทั้งที่ Online ไม่ได้ ด้วยรถไฟ ค่าตั๋ว 15$ โหดมากๆในความคิดผมเพราะวิ่งไปไม่กี่สถานีเองก็ ไปลง Central เพื่อต่อรถไฟไป Macquarie University เพื่อน Check-in โรงแรม ค่ารถอีก 4.5$ ซื้อตั๋วเที่ยวเดียว คิดว่าจะอยู่นอกเมืองอบรมให้เสร็จแล้วค่อยออกเที่ยว ที่พักที่ Travelodge Hotel Macquarie 6 คืน จองผ่าน Agoda.com ห้องสวยงามสบายๆ มาตราฐานโรงแรม 4 ดาว แต่ที่ชอบคือมีครัวเล็กๆ มีจาน ช้อน มีด ส้อม อ่างล้างจาน อุปกรณ์ล้างจาน ไมโครเวฟ กาน้ำร้อน ที่รีดผ้า เตารีด ตู้เย็นให้พร้อม ชา กาแฟ แก้ว นมเติมกาแฟ น้ำแข็งฟรี เหล้ากับโซดาไม่มี ผมไปซื้ออาการสดจาก Supermarket Woolworths มาทำอาหารง่ายๆกินได้ทำให้ประหยัดได้พอสมควร

Central งง กับทางเดินกว่าจะจับทางได้ ต้องรู้ว่า สายที่เราจะไปอยู่ ชานชลาไหน แล้วดูป้ายเดินไปหา

อาหารที่ขายใน Food center ราคา ออกจะแพง ผมสังเกตุว่าคนที่นี่กินอาหารเต็มมื้อตอนเย็น ส่วนตอนเช้า กาแฟ กลางวัน อาหารง่ายๆ แบบแซนวิสพกมาเอง ทั้งนั้น ผมทำกินเอง 3 มื้อใส่กล่องไปกินกลางวันตอนอบรมด้วย ประหยัดเงินเบี้ยเลี้ยงไว้เที่ยวอาทิตย์หน้า ซื้อผลไม้จาก  Woolworths มากินไงงั้นท้องผูก พวกที่บ้านเราแพงๆ ที่นี่ขายเป็นกิโล ซื้อมากินให้พอใจ ที่นี่นมสดถูกกว่าน้ำ นม ตกลิตรละ 1$ เท่านั้นในขณะที่น้ำ ตกลิตรละ 2$ เป็นอย่างน้อย อยู่ที่นี่เลยกินนมทุกวัน 6 วัน 3 ลิตร น้ำดื่มผมเอาน้ำประปา ที่เค้าว่ากินได้อยู่แล้ว มาต้มไว้ตอนกลางคืน ถึงเช้าก็เย็นพอดีดื่มได้และใส่ขวดพกติดตัวไปด้วย เพื่อความประหยัด อากาศช่วงนี้ดีมากๆ เย็นกำลังสบายๆ 18-22 ฟ้าใสแดดแรง โรงแรมนี้มีรถรับส่งฟรี ไปส่งที่ไหนก็ได้รอบๆโรงแรม ตอนเช้า นั่งได้ 2 วัน เบื่อสบายไปก็เลยเดินไปแทน เดินผ่าน U ก็ได้บรรยากาศดี เหมือนมาเรียนใน U เลย ที่นี่คน Asia เรียนกันเยอะ คนไทยพอได้ยินเดินคุยกันอยู่ไม่น้อย

Macquarie University

หน้า โรงแรม Travelodge Hotel Macquarie มีรถไว้รับส่งฟรี

อยู่อย่างประหยัดแบบนี้  4 วันก็ซื้อตั๋ว MyMulti3 Weekly ราคา 57$ แพงเอาเรื่อง แต่คิดว่าคุ้ม ไปกลับ ระหว่างเมืองก็วันละเกือน 10$ แล้ว

ทีนี้ตอนเย็นหลังเลิกเรียนก็เข้าเมืองสิครับไปหาข้าวเย็นกินในเมือง ไปลง Town Hall ออกมาภาพแรกที่เห็นคือ เมืองอลังการมากตึกสูงใหญ่ผู้คนแปลกหน้าเดินกันพลุกพล่าน เป็นบ้านนอกเข้ากรุงกันไป

มีน้องแนะนำร้านอาหารเกาหลี ชื่อร้าน Madang  371A Pitt St, Sydney แนะนำซุปไข่ปลากับพวกเนื้อหรือหมูย่าง อร่อยจริง แต่ราคาก็แรงได้ใจ สาวๆเกาหลีน่ารักๆเต็มร้าน ร้านนี้คนเยอะต้องรับคิวแล้วก็เรียกคิวหน้าร้าน กินเสร็จก็เดินทางกลับ Macquarie ด้วยรถไฟจาก Town Hall ด้วยตั๋ว MyMulti3 สุดคุ้ม

ชุดหมูย่างเกาหลีมีข้าวพร้อมเติมได้เรื่อยๆ

อีกเมนูแนะนำ ซุปไขปลา อร่อยมาก มาแบบ Hotpot ร้อนๆเลย

ผมเน้นการเที่ยว โดนเรือและรถไฟ ชิวๆไปเรื่อยๆ วันอื่นๆเลิกเรียนตอนเย็น ก็ เข้าเมืองมากินข้าวที่ China Town ส่วนใหญ่ก็ตาม Food ที่นี่น่าเบื่อนิดนึงพอ 5 โมงจะปิดทุกอย่าง คนเลิกงานหมด ทำอะไรไม่ค่อยได้ถ้าไม่ใช้สถานที่ท่องเที่ยว แต่ฤดูนี้ดีที่พระอาทิตย์ตกช้า หลัง 5 โมงเย็นตาม Food จะลดราคาอาหารลง ไม่ต่ำว่า 50% สามารถประหยัดได้ เป็น Take Away ซื้อไว้กินได้ ส่วนใหญ่จะลดเหลือ 5$ ทุกอย่าง แบบนี้

จนอบรมเสร็จ เช้าวันเสาร์ มีโปรแกรม เที่ยวตลาด ผลไม้ กับตลาดขายของมือสองที่ Flemington ก็นั่งรถไฟไปลง สถานี  Flemington ตลาดนี้มีเฉพาะเช้าวันเสาร์ตั้งแต่เช้ามืด สามารถนั่ง Night Bus มาได้แต่ผมมาตอนเช้าดีกว่า จนถึงบ่าย 2 โมงตลาดวาย ที่นี่เป็นตลาดขายส่งผลไม้ แต่เปิดให้เข้ามาซื้อได้เฉพาะวันเสาร์ มาที่เดียวได้เที่ยว 2 ตลาด ผลไม้สดและถูกมากคนปลูกมาขายเอง ผมซื้อแคตาลูป กลับไปกิน 2 ลูก 5$ หวานหอมมากเพราะว่าความสด ตลาดขายของมือสองก็คล้ายๆ เปิดท้ายขายของเก่า กับ คลองถมรวมกัน มีเสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋า เครื่องมือ ต่างๆ ขายเต็มไปหมดราคาไม่แพงรองเท้า มือสองยี่ห้อดีๆมีให้เลือกมากมาย แต่ผมหา Size ไม่ได้ เลยไม่ได้สักชิ้น ได้บรรยากาศไปอีกแบบได้คุยกันพ่อค้า นิสัยดีบ้างไม่ดีบ้าง บางคนหวงของไม่ยอมให้ลอง หรือลองแล้วเราเก็บคืนไม่ได้ มีบ่นๆ ก็ ได้สัมผัสประสบการณ์กันไป

ตลาดมือ 2

ไม่ใหญ่มากเหมือนคลองถมบ้านเราแต่ใครที่จะมาอยู่ที่นี่นานๆลองมาเลือกหาของใช้กันได้ประหยัดได้อีก

เดินถัดไปหน่อยเป็นตลาดขายส่งผลไม้ ผมชอบกินผลไม้เลยไม่พลาด

คนปลูกมาขายเองราคาถูกมาก แต่ขายกันยกกล่องยกลัง ไม่สามารถ
กินไม่หมด อะครับ

ใหญ่มากๆ

ผมได้เจ้านี่มากิน 2 ลูก 5$ สด หวาน หอม มาก หอบกลับไปกินที่โรงแรม

กินแบบนี้ เอามีดพับมาด้วยสารพัดประโยชน์

น่ากินจริงๆอร่อยด้วยยยย

เสร็จแล้วก็ต้องรีบย้ายก้นกลับไปโรงแรมเพื่อ Check out ผมลืมถามเวลา Check – out กลับมาถึงโรงแรม บ่ายโมงเลยเวลา Check-out ที่ต้อง out ก่อน 11:00 ไป แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรพนักงานบริการดีมาก แนะนำข้อมูลต่างๆดีเป็นกันเอง ถ้ามาทำงานแถมนี้แนะนำโรงแรมนี้เลย ดีและประหยัด ก็ลากกระเป๋าขึ้นรถไฟเข้าเมืองไปลง Central เดินไปโรงแรม BigHostel ที่จองไว้ทาง booking.com  ก็จ่ายเงินสดค่าที่พักไป 4 คืนถ้ารูดบัตรได้แต่ Charge 2$  กับค่ามัดจำกุญแจ อีก 20$ ผมจองเป็นห้อง เดี่ยวมีห้องน้ำส่วนตัว ปกติผมไปเที่ยวต่างประเทศ มักจะนอน Hostel ห้องรวม แต่ครั้งนี้ต้องยอมจ่ายแพงเพราะว่าของเยอะและต้องการความสะดวกในการพักผ่อนและออกเที่ยว จึงเลือกจองห้องเดี่ยวเล็กกระทัดรัด ห้องสะอาดดี มีเตียง 2 ชั้น แต่ผมนอนคนเดียว  มีลิฟ มีอาหารเช้าแบบ Self service มีขนมปัง แยม เครื่องปิ้ง ชากาแฟ ให้กินได้ไม่จำกัด มีตู้เย็นขนาดใหญ่ ไว้ฝากของแช่ได้ มีห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่มี TV น่าจะ 60 นิ้วให้ดูมี Free Wi-Fi มี Computer ให้ใช้ 2 เครื่อง มีครัวขนาดใหญ่สามาถซื้อของมาทำกินได้ เอง ตามสบาย มีคนพักเยอะพอสมควร พนักงาน ก็ บริการแข็งๆ แบบฝรั่งๆ แต่ให้ข้อมูลดีมีแผนที่แจกฟรี แต่ผมไม่ได้ลงมากินผมแอบซื้อของมากินในห้องกับผลไม้ที่ซื้อมา ที่นี่และโรงแรม Hostel ที่เคยไปมาส่วนใหญ่ห้ามเอาเครื่องนอนส่วนตัวมาใช้ใครคิดว่าจะไปนอน Hostel แล้วจะเอาถุงนอนเครื่องนอนไปเอง เพราะว่ากลัวไม่สะอาดแนะนำว่าไม่ต้องเอาไป เพราะคุณจะได้รับการรังเกียจ จากที่พักนั้นทันดี สาเหตุเพราะแต่ละคนมาจากทั่วโลก มักจะมีแมลงที่เรียกว่า bed bug หรือตัวเลือด ติดมากับเครื่องนอน ทำให้เค้ารังเกียจ เหมือนเรานำพาเชื้อโรคเข้าไปที่พักเค้า เหมือนไปดูถูกความสะอาดของเค้า  โรงแรมนี้ทำเลดีมาก ใกล้สถานี Central เดิน 5 นาที ใกล้ Chin Town, Thai Town ,สถานีรถ Tram เดินไป ไหนก็สะดวก มีรถ Bus free สาย 555 ผ่าน

ลืมถ่ายรูปห้องอะเอารูปใน Web ไปก่อนเหมือนกัน ห้องสะอาดดีครับ

เข้าที่พักเรียบร้อยก็ออกเที่ยวที่แรกคือ Circular Quay ออกไปถ่ายรูปรอบๆ สะพาน Harbor Bridge  ,Opera House

Harbor Bridge

Opera House

ตามด้วยนั่งเรือ ไป Manly ใช้ตั๋ว MyMulti3 นั่งฟรีทุกอย่างทุก Zone ของรัฐ ยกเว้น Mono rail ถ่ายรูปไปตลอดทาง ถึง Manly เดินเล่นรอพระอาทิตย์ตก ก็นั่งเรือกลับเพื่อถ่ายรูปบรรยากาศ พระอาทิตย์ตก ฟ้าไล่สีสวยงามต่างจากขามา กลับมาที่  Circular Quay

วิวท้ายเรือ

ถึงแล้ว Manly

เดินเทียวชมบรรยากาศ

ขากลับเราจะได้อีกบรรยากาศคือ พระอาทิตย์ตก ต่างจากขามา ฟ้าไล่สีสวยๆ

ชิวๆแล่นเรือชมประอาทิตย์ตก

กลับมาที่  Circular Quay ก็ไปหาข้าวกินที่ร้าน Sea Bay เห็นคนเยอะดี ราคาอาหารไม่แพง 10 นิดๆ ชามใหญ่ก็เข้าเมืองตาหลิ่วเค้าสั่งอะไรก็สั่งเหมือนกัน เป็นก๋วยเตียวเนื้อแกะ กับ คล้ายๆฮะเก๋า จานใหญ่มากๆ กินไม่หมด เหลือแต่เส้นไว้ แต่น้ำซุปอร่อย ซดหมด มีชาจีนร้อนๆหอมๆให้คนละ 1 กาดื่มได้เต็มที่ แล้วก็กลับไปนอน

ไม่รู้เรียกอะไร ประมาณ ฮะเก๋า ขนมจีบ จานใหญ่มาก

ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี้ สามารถ Online 3G ได้ตลอดทุกที่ไม่มีเหงา update Facebook กันตลอด Check-in ได้ทุกที่ พอกลับที่พักก็ Share Internet เล่นกับ Notebook ต่อ เพียงแต่เตรียมแบตมาให้พอสำหรับใช้ได้ทั้งวันก็พอ ผมใช้แบต 2 ก้อนพกไว้ Online ตลอดถ่ายรูปถ่าย VDO ด้วยมือถือ SSGI ก้อนนึง อยู่ได้ครึ่งวัน กลับมาก็ Charge ให้เต็ม ใช้ Google Map เปิด GPS ไว้กันหลงกันงง เพราะว่า บางทีเราเดินห้างหรืออกมาผิดทางจะงง ว่าจะไปทางไหนต่อก็สามารถเปิด ดูได้ และอีกโปรแกรมที่แนะนำ คือโปรแกรม TripView ลงได้ทั้งบน IPHONE และ Android  ใช้วางแผนการเดินทาง ได้ทั้งรถ เรือ รถไฟ ต้องนั่งสายไหนสีอะไร จากไหนไปไหน พร้อมตารางเวลาแบบ Real Time  เหมือนหน้าจอที่สถานีรถไฟเลย ดีจริงๆแนะนำ โดยเฉพาะบน IPHONE ลูกเล่นจะเยอะกว่าบน Android ที่เป็นตัว Lite ตัวฟรี คุ้มมากๆกับค่าเน็ตแค่วันละ 2$ หรือแค่วันละ 70 บาท ผมอยู่ 11 วันใช้ 22$ ยังมีเหลือไว้โทรกลับไทยได้อีก นาทีละ 1$ ถ้ามีเพื่อนใน Sydney คุยกันลืมวันเลยเพราะว่า unlimited

TripView มีประโยชน์มาก

ช่วยให้วางแผนการเดินทางได้ อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น

แผนการเที่ยววันรุ่งขึ้นคือ Blue Mountain ตื่นเช้าหาอะไรใส่ท้อง เตรียมอาการกลางวัน ใส่กล่อง พร้อมน้ำดื่ม ใส่เป้ เรียบร้อยออกเดินทางไปที่สถานี Central ขึ้นรถไฟสาย Blue Mountain ไปลง Katoomba ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง

ถึงประมาณ 10 โมงออกจากสถานีผมซื้อตั๋ว Trolley Bus 20$ ตอนแรกคิดว่าราคา 15$ เพราะหาข้อมูลมา 15$ และหน้าร้านก็ติดว่าวันหยุด 15$ ก็งงๆ ออกมาดูป้ายนอกร้าน 15$ สำหรับ Filmily 4 ใบ ถึงจะคนละ 15$ ก็หายโง่กันไป แล้วก็ไปรอรถที่ป้าย ดูเวลาอีกนานกว่ารถจะมาประมาณ 1 ชั่วโมงต่อเที่ยว เหมือนรถจะมีคันเดียวิ่งทั้งวันวนๆ และเห็นมีคนเดิน

เดินไป Echo Point ดูจาก Google Map แล้ว Echo Point อยู่ห่าง 2 กม. และเป็นทางเดินลงเลยตัดสินใจไม่รอรถ เดินไป Echo Point เดินชมเมืองไปเรื่อยๆ จนถึง Echo Point ก็ได้พบกับวิ่งอลังการ

ถึงแล้ว

แล้วก็ได้พบกับ

เส้นทางเดินชมธรรมชาติ เดินไปน้ำตก และจุดชมวิวอื่นๆ

เดินไปเรื่อยๆ

จุดชมวิวอื่นๆ

อันนี้ไม่ได้ขึ้น กระเช้าข้ามเหว น่ากลัวจริงอะไรจริง

ถึงน้ำตกแล้ว

เดินถ่ายรูปไป  แล้วก็นั่งพักเพราะว่าเริ่มหิว เอาอาหารในกล่องมากินไปชมวิวไปได้บรรยากาศดี มีทัวร์มาลงที่นี่เยอะพอสมควร เสร็จจากอาหารแล้วก็เริ่มเดินไปตามเส้นทางไปยังน้ำตกเดินเลาะริมหน้าผาไปเรื่อยๆ มีจุดชมวิ่วตลอดทาง แวะถ่ายรูปชมวิวไป จนถึงน้ำตก แล้วก็เดินต่อจนถึง  Scenic World แต่ไม่ได้เล่น เครื่องเล่น 3 เครื่องที่เป็นรถไฟ ลง กระเช้าขึ้น กับ กระเช้าข้ามเหว แล้วก็รอรถ Bus มารับด้วยความเหนื่อย เดิน 3 ชั่วโมง ชมวิวเต็มอิ่ม ตั๋วรถไว้นั่งขากลับตอนหมดแรงนี่แหละครับ ก็กลับไปที่ Katoomba ดูโปรแกรมในมือถือยังเหลือเวลาอีก 40 นาทีเดินเล่นในเมือง Katoomba มีร้านขายของหลายอย่าง แต่ที่น่าสนใจสำหรับผมคือร้านขายอุปกรณ์เดินป่าวราคาดูกว่าไทย หลายอย่าง ยี่ห้อดังๆดีๆ North face มีขายไม่แพงเหมือนที่ไทย

แล้วก็เดินมรถขึ้นรถไฟกลับแต่ที่หมายไม่ได้ลงที่ Central แต่จะไปลงที่ Parramatta เพื่อล่องเรื่องสายแม่น้ำ Parramatta กลับเข้า Sydney ชิวๆดูจากตารางรถไฟมือถือจะถึง Parramatta เวลา 15:10 แต่เรือจะออกเวลา 15:30 กับระยะทางจาก สถานีรถไฟ ไปท่าเรือห่างกัน 2 กม. และไม่รู้ทางไม่คุ้นที่ ก็ลุ้นๆอยู่ในใจว่าจะทันหรือไม่พอลงรถไฟได้ก็วิ่งออกมาหน้าสถานีถ้าเป็นเมืองไทยก็คงเรียกมอไซวิน แต่มองเห็นรถ Bus จอดอยู่ใกล้ๆสถานีเขียนว่า Free Bus to Parramatta Wharf ก็สวรรค์ มีรถฟรีรับส่งด้วย เป็นอีกความสะดวกในการเดินทางของประเทศนี้ แต่กรรม รถออกไปแล้ววิ่งไม่ทัน วิ่งตามไปอีกป้ายถัดไปก็ไม่ทัน ก็ทำใจว่าอาจจะไม่ทันเรือแล้ว ต้องรอเที่ยวต่อไปอีก  1 ชั่วโมงก็เดินกลับมารอรถที่ป้ายเดิมรถอีกคันก็มา รถวิ่งวนรับส่งคนอยู่ในเมืองไม่ได้วิ่งไปที่ท่าเรือโดยตรงก็ยังมีลุ้นเพราะว่าเหลืออีก 5 นาทีที่เรือจะออกพอถึงป้ายเขียนว่า   Parramatta Wharf ก็กระโดนลงวิ่งไปท่าเรือ ดีใจเรือยังอยู่แต่กำลังจะออก รีบโบกมือให้รอก่อน วิ่งไปกระโดนขี้นเรือทันพอดี เรือออก คนที่นี่ชอบนั่งอาบแดดกันไม่ค่อยเข้าไปข้างใน ผมก็ยืนอยู่ที่หัวเรือกลางแจ้งเพื่อถ่ายรูป แดดแรงแต่ลมแม่น้ำเย็นๆเรือวิ่งช้าๆลัดเลาะไปตามโค้งแม่น้ำ ที่มีการสำรวจร่องน้ำไว้อย่างดี ตัวเรือทันสมัยมีเรด้า ด้วย เป็นเรือ River Cat เครื่องแรงใช้ได้เปิด GPS ดูวิ่งจาก 0-20 knots ในเวลาไม่กี่วินาที เรือแล่นไปเรื่อยๆแม่น้ำเริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ มีวิวสองฝั่ง มีคนเล่นกิจกรรมทางน้ำ มีท่าจอดเรือยอร์ชตามอ่าวเล็กๆ ตลอด จนใกล้ถึง Sydney ก็มองเห็น อยู่ไกลๆ ผมลงที่ Daring Harbor เพื่อเดินเล่นต่อ จำค่ำก็นั่งรถ Tram ไปลง China Town หาข้าวกินก่อนกลับ ที่พัก จบไปอีก 1 วัน

ชมบรรยากาศแม่น้ำไปเรื่อยๆ ไหลไปสู่เมือง Sydney

เรื่องทันสมัย มีเรด้าด้วย การเดินทางปลอดภัยดีมาก

ไม่มีกลัวแดด มาเที่ยว Sydney ต้องไม่กลัวแดด วันไหนไม่มีแดดแล้วจะเศร้า

ใกล้ถึง Sydney แล้ว

โปรแกรมวันนี้ ไป Fish Market กับ ไปดูปลาวาฬ ออกจากที่พัก 8 โมงนั่งรถ Tram เล่นไปจนถึงปลายทางแล้วก็นั่งกลับมาลง Fish Market ขึ้นมาข้ามถนนก็ถึงตลาดค้าปลาที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากญี่ปุ่นเพราว่า  2 ประเทศนี้มีแหล่งประมงขนาดใหญ่ที่เกิดจากกระแสน้ำอุ่นตามธรรมชาติทำให้มีปลามากสามารถจับมาขายส่งออกได้เยอะ ที่นี้มีทั้งอาหารสดๆ ปลาตัวใหญ่ๆ ตาใสๆ น่ากินทั้งนั้น หอยต่างๆ ปู กุ้ง แต่ที่ผมสนใจคือ Salmon กับ กุ้งมังกร อาหารทะเลราคาส่ง สดๆ แต่ผมมาคนเดียว ที่นี่ขายปลาทั้งตัวชั่งเป็นกิโลแล้วก็คิดค่าปรุงเป็นอาหารอีก กิโลละ 10$ ผมจึงไม่สามารถซื้อพวกสดๆ แล้วสั่งทำได้เพราะว่ามันแพงเกินไปและกินไม่หมดถ้าไปกันเยอะๆสัก 5 คนให้สั่งคนละอย่างแล้วมากินรวมกันจะ Work มาก ก็เลยต้องกินอาหารที่ปรุงไว้แล้ว แต่ก็สดอร่อยมากๆ ได้กินหลายอย่างในราคาไม่แรงมาก ถ้าคิดว่าจะมากินกันเยอะๆแนะนำว่าให้แวะ Thai Town หรือ China Town ซื้อซอสที่ชอบมาด้วยเพราะที่นี่แพงและให้น้อยไม่สมกับปริมาณอาหาร ใครชอบปลาดิบก็มีให้เลือกสดๆเลย บรรยากาศอ่าวประมง มีกลิ่นคาว ปลา มีนกมีเรือ เจริญอาหารดี อีกบรรยากาศ

ภายในรถ มีคนเก็บเงินด้วย แต่ไม่ได้เงินป๋มหรอก ใช้ My Multi สบาย

ถึงป้าย ลงๆๆๆ

ถ้าจมูกดีหลับตาเดินตามกลิ่นก็อาจจะมาถูก

มีอะไรกินบ้าง

สดจริงๆ

น่ากิน

แต่ผมมาคนเดียว กินตัวโตๆไม่ไหว ได้จานนี้มาสดอร่อยในราคาพอดีๆ
ถ้ามากันหลายๆคนแนะนำสั่งกันคนละอย่าง แล้วมากินรวมกันจะเต็มที่กว่า

กินข้างนอกก็บรรยากาศอ่าว ประมง

ผมเลี่ยงไปวันธรรมดา คนจะน้อยหน่อย สบายๆกว่า

เสร็จแล้วก็นั่ง Tram กลับมาที่ Daring Harbor เพื่อซื้อตั๋วไปดูปลาวาฬ แต่โชคไม่ดีเรือเสียไม่ออกให้บริการ ก็เลยจองวันรุ่งขึ้นตอนเช้าแทน แล้วก็มีแผน 2 คือไป Watsons Bay แทน เพื่อชม The GAP ด้วยเรือ จาก Circular Quay พอถึง Watsons Bay ก็เดินไปที่ จุดชมวิว วันนี้อากาศดีมากฟ้าใสลมเย็น ริมทะเลลมแรงมาก มีเส้นทางเดินเลาะริมหน้าผา ก็เดินจากสุดท้านหนึ่งอีกสุดอีกด้านนึง พักกินอาหาร เอาแรงรับลม ชมวิว แล้วก็เดินชมเมือง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง อย่างเต็มอิ่ม

เดินด้านนึงจนสุดอีกด้านนึงเลย

เสร็จแล้วก็ จากที่  The Gap ลงไปจะเป็น หาด Bondi ที่สวยงามติดอันดับโลก แต่ตอนนี้หมดแรงเดินแล้วและไม่คิดจะลงทะเล ดูจากโปรแกรมในมือถือ มี รถ Bus สาย 380 วิ่งจาก Watsons Bay ผ่าน Bondi ก็เลยนั่งรถ Bus ก็ใช้ตั๋วเช่นเดิม รถจะวิ่งเลียบเลาะหาดไปตลอดความยาวหาด บรรยากาศ ชายทะเล คนมาเล่นน้ำอาบแดดกันมากพอสมควร เพราะว่าวันนี้อากาศร้อนและแดดแรง เป็นวันที่เหมาะกับทะเล ระหว่างที่รถวิ่งเลียบชายหาดก็ใช้มือถือถ่าย VOD ไปเรื่อยๆตามที่รถวิ่งจนสุดหาดไปลงที่ Bondi Junction เพื่อต่อรถไฟเข้าเมือง

รถ Bus สาย 380 ผ่านหาด Bondi แบบไม่ต้องเดิน ไม่มีรูปเพราะว่าถ่ายเป็น VDO

เจอร้านร้องเท้าลดราคาก็เดินดูเล่นๆเจอรองเท้ายี่ห้อแพงๆบ้านเราลดราคา อย่างถูก 139$ ลดเหลือ 49.99 เลยได้ Vans มา 1 คู่ ที่เค้าลดเพราะว่าจะหมด Stock และไม่มี Size จะเหลือแต่ Size เล็กๆ ที่คนไทยเราใส่ได้ ต่างกับบ้านเราที่จะเหลือแต่ Size ใหญ่ๆเพราะคนไทยตัวเล็กเท้าเล็ก แต่ก็ไม่ลดมากเหมือนที่ โน้น นั่งรถไฟกลับมากินข้าวใกล้ๆที่พักด้วยความเหนื่อย เพราะร้อนเหงื่อออกเยอะ หลับเป็นตายเลย

               วันเที่ยววันสุดท้ายโปรแกรมคือ ดูปลาวาฬ กับไปสวนสัตว์ แล้วก็เจอข่าวร้าย เมือคืนฝนตกเมฆมากฟ้าปิดมี SMS มาบอกว่าเรือยกเลิกการเดินทาง แห้วอีกแล้ว ออกจากโรงแรมเพื่อไปเอาเงินคืนก็ฝนตกตลอด อากาศเย็น บรรยากาศไม่น่าเที่ยวเลย ต้องเปลี่ยนแผน ไปเที่ยว Nation Marin Museum แทน เพราะว่าเข้าฟรี หลบฝนได้ด้วย มา Sydney ใครเจอฝนถือว่าโชคไม่ดี Sydney จะไม่เป็น Sydney เลย แล้วก็ต้องยกเลิกโปรแกรมสวนสัตว์ไปด้วย เปลี่ยนที่หมายเป็น Sydney Tower แทน แล้ว เดินเล่นห้าง QVB ตึกสวยมาก แล้วก็กลับมา Paddy Market ซื้อของฝาก หาข้าวกิน แล้วก็หลับที่พักเร็วหน่อยเพื่อนพักผ่อนและเก็บของ เตรียมตัวกลับพรุ่งนี้ เครื่องออก 16:15 แต่ว่าต้องรีบไปเพื่อ ของคืน GST จากของที่ซื้อ การขอคืน GST ถ้าเราซื้อของราคารวมกันในร้านเดียวมากกว่าหรือเท่ากับ 300$ สามาถไปขอคืน GST 10% ได้ แนะนำให้รีบไป โดยต้องขอ FULL TAX INVOICE ของที่ซื้อมาด้วย ต้องมีระบุถึง ABN ของผู้ขาย และมียอด GST ที่นี่เวลาซื้อของสามารถรวมบิลได้ เช่นวันนี้ซื้อ 100$ พรุ่งนี้ซื้ออีกร้านเดิมเอาใบเดิมไปต่อรวมได้ แล้วออกเป็น FULL TAX INVOICE ใบเดียวไปขอคืนภาษีไทย ถ้าเป็นของใหญ่หรือไม่สามาถถือขึ้นเครื่องได้ ต้องเอาของและเอกสารไปตรวจที่ชั้นล่างบริเวณขาเข้าก่อน จนท จะตรวจและประทับตราให้ แล้วก็ pack ของลงกระเป๋าไป Check-in กับสายการบิน พอผ่าน Passport control และ ระบบรักษาความปลอดไปแล้วก็ไปยื่นเอกสารพร้อมบัตรเครดิต เพื่อรับเงินคืนได้ที่ด้านใน ขาออก



วันกลับ TG478 ออกจากที่พักต้อง Check out ก่อน 11:00 ก็ใช้เวลาเก็บของจัดการตัวเองทานอาหาร พร้อมเตรียมใส่กล่องไปกินเหมือนเคย ออกจากที่พักก็ลากกระเป๋าอันหนักด้วยของฝาก ไปที่ Central รอรถไปไป International Airport ที่นี่ Airport มี 2 สถานีนะครับ Domestic กับ Inter พอมาถึงออกประตูไม่ได้เพราะว่าผมใช้ บัตร MyMulti ต้องไปซื้อ Gate pass อีก 10$ กว่ารวมกับที่นั่งมาน่าจะเท่ากับ 15$ เหมือนตอนขามา ออกมาก็ได้เดินหา Customs ก่อนเพื่อทำเรื่องคืนภาษีให้เรียบร้อย แยกเป็น 2 แบบคือ ถือขึ้นเครื่องไทย เช่น คอมพิวเตอร์โทรศัพท์ หรือ ที่ไม่ใช้ของกิน ไปขอคืนที่ด้านในขาออกก่อนขึ้นเครื่องได้เลยแต่ถ้าเป็นของที่เอาขึ้นเครื่องไม่ได้เช่นใหญ่หรือว่าเป็นของห้ามเอาขึ้นเครื่อง เป็นของกิน ต้องเอาไปตรวจที่ชั้นล่างขาเข้าเพื่อประทับตราเอกสารก่อน แล้วจึง Pack ลงกระเป๋าไป Check-in กับสายการบินแล้วค่อยเอาแต่เอกสารไปยื่นด้านในก่อนขึ้นเครื่อง เสร็จแล้วก็ไปเดินเที่ยวที่ Observe Desk เป็นดาดฟ้าสำหรับดูเครื่องบิน แบบนี้ที่สุวรรณภูมิบ้านเราเคยมีแต่กลายเป็นร้านอาหาร และตอนนี้ปิดขึ้นไม่ได้และ ดูไม่ได้ใกล้ชิดเครื่องบินนักผมอยากให้สนามบินของเรามี ที่สำหรับดูเครื่องบินเหมือนสนามบินประเทศอื่น มันเป็นสิ่งสร้างแรงบันดานใจให้กับเด็กที่ชอบเครื่องบินได้ยืนดูเครื่องบินขึ้นลง ได้บินเสียงเครื่องยนต์ เวลา Take-off ได้เห็นการทำงานในสนามบิน ที่นี่ผมเห็นคนแก่ๆก็ขึ้นมาดูกัน คิดว่านะจะชอบเครื่องบินกันตั้งแต่เด็กหรือผูกพันกับเครื่องบินนั่งดูกันได้ไม่รู้เบื่อ มีหน้าจอไว้ดูตารางบินกันดูเพลินตกเครื่อง มีที่นั่ง มี กล้องส่องทางไกลหยอดเหรียญ วันนี้ฟ้าเมฆมาก แต่ฝนยังไม่ตก อากาศเย็นลมแรงผมดูเครื่องบินอยู่นาน อยากดู A380 ของ Quantus Take-off ถ่ายรูป จนได้เวลา Check-in เป็นคนแรกๆวันนี้เหมือนจะไม่เต็มเพราะว่าคนไม่เยอะ น้ำหนักกระเป๋าพอดี กระเป๋าใหญ่หนัก 19 กิโลกว่า กระเป๋าเล็กก็โดนชั่งน้ำหนัก ได้ 8 กว่าๆ ผ่านไม่มีปัญหาต้องจ่ายเพิ่ม ต่อด้วยการกรอกเอกสารขาออก ให้เรียบร้อย Pack ของเหลว ในส่วนที่ไม่เกินปริมาตรให้เรียบร้อย ผ่าน Passport Control แล้วก็ตรวจความปลอดภัยต่อ แต่ ผมโดนตรวจระเบิดได้ ตอนหลังจากผ่านการตรวจความปลอดภัยแล้วจะมี จนท มาสุ่มตรวจระเบิด โดยมีเอกสารให้เราอ่านเป็นภาษาต่างๆให้เลือกอ่าน ผมก็อ่านภาษาไทย ข้อความประมาณว่าคุณถูกสุ่มตรวจหาสารวัตถุระเบิด อาจจะต้องมีการสัมผัสร่างกาย เพื่อตรวจ ผมเข้าใจว่าต่างชาติถือเรื่องการถูกตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต มาพอสมควร ก็ไม่มีทางเลือกก็ต้องยอมรับการตรวจ เค้าจะเอาแท่งพลาดสติก ปลายติดผ้า ลูบๆตามตัว ตามเสื้อผ้า เปิดกระเป๋า ลูบไปทุกที่หน้าหลังเสื้อผ้าสิ่งของๆเรา แล้วก็เอาชิ้นส่วนผ้าเข้าเครื่องตรวจดูผลถ้าผ่านก็สบาย แต่ถ้าไม่ผ่านไม่รู้จะเป็นอย่างไรคงยาว ไม่ได้กลับบ้านแน่เลยผมว่าหลังจากผ่านแล้วก็ เดินไปเอาภาษีคืนก่อน ผมเลือกคืนมาในบัตรเครดิต เลือกวิธีอื่นก็ได้เช่น เช็ก หรือว่าเอาเข้าบัญชี สำหรับคน Aus แล้วก็เดิน Shop ของฝากต่อร้านขายของในสนามบิน Sydney ผมรู้สึกว่าของไม่แพงโดยเฉพาะของ ที่เป็นที่ระลึกแนวๆอะบอริจิน อาจจะเพราะว่าในสนามบินเป็นสินค้าปลอดภาษีทั้งหมด ขายในราคาไม่รวมภาษี 10% แล้วก็ไปรอขึ้นเครื่อง เดิน Shop เดินชม ชิวๆไปที่ Gate 59 อยู่สุดๆเลย ตอนนี้เงินในโทรศัพย์เหลือโทรให้กระจายโทรให้หมดโทรกลับไทย เต็มที่เพราว่าออกจากที่นี่แล้วก็หมดค่า ทันทีไม่มีโอกาสใช้นอกจากจะให้เพื่อนๆที่จะไปใช้ต่อ วันนี้คุณนนทบุรี จะพาผมกลับบ้าน ผม Sydney แค่ 12 วันรวมเดินทางยังคิดถึงอยากกลับ คนที่อยู่ที่นี่นานๆไม่คิดถึงบ้านก็แปลกแล้ว ยิ่งถ้าอยู่ด้วยความลำบากต้องทำงานหนัก ที่นี่ค่าแรงดียิ่งงานหนักหรืองานที่ เจ้าของประเทศไม่ทำแล้วยิ่งค่าแรงดี แย่งกันทำ อย่างล้างห้องน้ำนี่แย่งกันทำถือว่าเป็นงานสบายที่สุดเงินดีที่สุด อันนี้ก็เพื่อนๆเล่ามา อยากกลับมาเรียนที่นี่ จริงๆ แต่ด้วยอ่อนด้อยทางภาษา ได้โอกาสมาเท่านี้ก็บุญแล้ว  บนเครื่องขากลับ ก็นั่งดูหนังอย่างเดียว ไม่นอน เพราะจะเก็บไว้นอนที่บ้าน กลัวนอนแล้วพอถึงบ้านไม่ยอมหลับอีก อาหารเป็นอาหารที่ทำขึ้นเครื่องจาก Sydney เหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนกันของสายการบิน อาหารมีให้เลือก 2 อย่างเป็นส่วนใหญ่ ไทย กับ ฝรั่ง ผมอยากกินอาหารไทย แต่ลืมคิดไปว่ามันขึ้นเครื่อง จาก Sydney ได้อาหารไทย แกงพะแนงไก่ รสชาติเหมือนไก่สะเต๊ะซะมากกว่า ก็ผิดหวังกันไป อิ่มแล้วก็ดูหนังจบไป 4 เรื่อง ใกล้เครื่องลงกินอีกรอบ ถึงบ้านจะได้อาบน้ำนอนเลย เครื่องสั่นตกหลุมอากาศพอได้เสียวเล็กๆตลอดทาง แอร์บริการเต็มที่ ไวร์แดงเรื่อยๆ ไม่ชอบการบริการบนเครื่องการบินไทยอย่าง คืนเรื่องการแต่งกาย  บนเครื่องมีหลายแบบเกิน ผู้ชายบางทีก็ใส่เสื้อนอก บางคนก็ถอด ผู้หญิงก็ชุดหลากสี หลายรุ่น คือตัดกันคนละรุ่น แล้วก็มีเปลี่ยนชุด ตอนให้บริการอาหารอีก พอตอนจะถึงปลายทางมีเปลี่ยนชุดอีก รวมๆเลยออกมาดูไม่มีระเบียบดูไม่ดี แล้วก็ทรงผมทำกันคละทรงทำสีผมบ้าง สั้นบ้างยาวบ้าง ผมว่าน่าจะ ให้มีแนวทางเดียวกัน ผมชอบ การบริกาของ Singapore มากว่า แต่ถ้า Singapore ต้องไปต่อเครื่องเสียเวลาอีกหลายชั่วโมงเลย ไม่ได้ไป Singapore ชุดแบบเดียวกันหมด ทั้งลำ ผมทรงเดียวกันหมด รองเท้า เหมือนกัน ชุดเดียวตลอดการเดินทาง การบริการยิ้มตลอดทุกคน การบินไทยจะประมาณว่าถ้าคนไทยก็คนไทยด้วยกันจะอะไรมาก ยิ้มกับฝรั่งแต่กับคนไทยด้วยกัน บริการแบบเฉยๆ Singapore เวลาคุยกับผู้โดยสารแบบเจาะจง จะนั่งลงคุยไม่ยืนค่ำหัวแล้วก็ไม่เป็นการบกวนผู้โดยสารคนอื่นด้วย การบินไทยการบริการดูวุ่นวาย เดินสวนกันไปกันมาคอยหลีกรถเครื่องดื่ม เดินเบียดผู้โดยสายที่นั่งอยู่  นั่งทีไรไม่ค่อยประทับใจสักที ก่อนเดินทางโทรไปถาม Call Center เรื่องที่นั่ง Long Leg กับ การสะสมไมล์ ก็ไม่ค่อยดี นัก

Nation Marin Museum

QVB

จุดชมเครื่องบิน ของ สนามบินที่นี้ ดีพอสมควร มีกล้อง หยอดเหรียญ มีที่นั่ง
มีลิฟ มี จอไว้ดูตารางการบิน อยากให้สุวรรณภูมิมีบ้าง

สุดท้าย คุณ นนทบุรีจะไปส่งกลับบ้าน ครับ

#36 เรียกว่าซุยเจี่ยวครับ

อ้าว มา Darling Harbour ไม่มีรูปถ่ายเลยเหรอครับ

หน้าบ้านผมเอง อิอิ

โอ้วววววว seafood สดมากๆๆ น่ากินจริงๆ
ชอบการเที่ยวแบบนี้คับ เที่ยวแบบสบายๆไม่ต้องรีบเร่งอะไรมาก

ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

ทำงานได้แล้ว office ไม่หยุดนะ :)

ตามไปเที่ยวซิดนีย์ด้วยคนนะคะ

คิดถึงซิดนีย์จัง ^^
พี่คิดเหมือนกันมั้ยค่ะว่า ท่าเรือที่โอเปร่าเฮาส์เหมือนท่าช้าง ท่าพระจันทร์เลย ^^

ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ

อยากไปซิดนีย์บ้างครับ เที่ยวสนุกมากครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ

ขอบคุณครับ จริงๆถ่ายรูปมาเยอะ VDO Clip ด้วย แต่ทำรูปไม่ไหว

ต้องขอโทษที่พิมพ์ติดๆกัน ผมพิมพ์ไว้ใน Word แล้วค่อยเอามาตัดลง

ถ้าจะไป Sydney สภาพอากาศสำคัญมาก ถ้าอากาศไม่แจ่ม ฟ้าไม่ใส
จะถ่ายรูปไม่สวย เสียบรรยากาศการท่องเที่ยวอย่างแรง

ครั้งนี้ผมลืมเอาคริมกันแดดไป กลับมาหน้าทำเลย อิอิ
แต่ไม่เป็นไรขอให้ได้เที่ยว แค่นี้เล็กน้อย

ผมไม่เน้นสถานที่ท่องเที่ยวประเภทเสียเงิน อย่างสวนสัตว์ สวนสนุก
อยากสัมผัสบรรรยากาศ ผู้คน มากกว่า ไปเที่ยวที่ไหน แล้วไป ตลาด
เพื่อสัมผัสผู้คนในถิ่นนั้น นั้นยังใช้ได้ เสมอ

คิดถึง sydney ... สวยจริงๆ เหมาะแก่การไปเที่ยว แต่หากจะอยู่ค่าใช้จ่ายสูงจริงๆ
สัญญาว่าผมจะไปอีก ...

คิดถึงตอนไปอยุ่ที่นั่น จังเลย

แผนการเที่ยวคล้ายๆกันเลย

ชอบรีวิวนี้จังเลยค่ะ  

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^

นิดนึง ใครหาที่พักใน Sydney ไม่แนะนำแถวย่าน KingCross นะครับ
ถ้าไม่ใช้นักเที่ยวราตรี ผมไปเดินเล่นตอนกลางวัน เป็นย่านที่รู้สึกว่า
น่ากลัวมาก ขนาดเป็นช่วงกลางวัน ใครหาที่พักควรหลีกเลี่ยงย่านนี้ครับ