กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ตั้งในเวบ Pantip ค่ะ ถ้าผิดพลาดอะไรไปก็ขออภัยด้วยนะค่ะ :D

ทริปนี้เป็นทริป 15 วันค่ะเป็นการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นครั้งแรก ไปกับคุณยายสองคน
เนื่องจากอี๊อยู่ที่โตเกียวค่ะ เลยอยู่ฟรี กินฟรี สบายเลยยย แหะๆ

Day 1 ถึงญี่ปุ่นประมาณ แปดโมงครึ่ง ของที่โน่นค่ะ อากาศกำลังสบายๆ แต่ว่าต้องรอรถ Limousine bus จาก Airport รอบ 9.30 am พาเข้าไปในตัวเมืองค่ะ
วิธีเข้าเมืองโดยวิธีนี้ค่อนข้างสะดวกกว่านั่งรถไฟใต้ดิน(ไม่ต้องหิ้วกระเป๋า) ค่าเสียหายตกที่คนละ 3000 เยนค่ะ( ค่าเงินทีแลกไปคือ .4125 บาทต่อ 1 เยนค่ะ) การเดินทางจาก Narita airport ไปถึง Apartment ของคุณอี๊ซึ่งอยู่ที่ Akasaka ถือว่าใจกลางเมืองพอสมควรค่ะ ก็ประมาณ สองชั่วโมงค่ะ แต่ว่าไม่น่าเบื่อเลย ดูบรรยากาศข้างทางไปชิลล์ๆ สบายใจ พอใกล้ๆจะถึงที่หมายปลายซึ่งก็อยู่ย่านโรงแรมแถบ Akasaka ลุงคนขับก็จะพูดตลอด คงประมาณว่า Next stop คือโรงแรมอะไรแล้วก็ให้ผู้โดยสารเตรียมตัว การนั่ง Limousine bus แบบนี้ก็ต้องทำใจอย่างนึงว่า รถจะจอดในเกือบทุกโรงแรมในย่านนั้น แล้วก็ต้องรอ ผู้โดยสารเช็คกระเป๋าให้ตรงกับ แท็กกระเป๋าที่ได้รับเพื่อป้องกันความผิดพลาด แต่ว่าก็ไม่นานเกินรอค่ะ ถือว่าลุงคนขับกับพนักงานในแต่ละโรงแรมร่วมมือร่วมใจกันทำงานเต็มที่แปบเดียวก็เสร็จ ส่วน Apartment ที่อี๊อยู่ก็เป็น Stop เกือบสุดท้าย เราก็เลยได้กำไร ได้แวะทุกโรงแรมในย่านนั้นเลย อิอิ

อันนี้เป็น Apartment ที่อี๊อยู่ค่ะ ถือว่าสะดวกมากๆใกล้รถไฟใต้ดินหลายสาย แล้วก็เป็นย่านธุรกิจที่คึกคักมากๆ เรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วงเลย นอกจากนี้ใต้ตึกยังมี Starbucks ตรงข้ามมี Krispy Kreme แล้วก็ Mcdonald, subway, Ootoya, และร้านของกินท้องถิ่นเช่น ราเม็ง ทาโกะยากิ เกี๊ยวซ่า และอีกมากมาย ไม่สามารถบรรยายได้หมด

สวนสวยๆใต้ตึกค่ะ

อีกซักรูป

อย่างที่บอกไปว่าย่านนี้ของกินเค้าเยอะจริงๆค่ะ อี๊ก็เลยพาเรากับยายไปเดินหาข้าวกลางวันทานกัน ต้องขอบอกเลยว่าการจัดวางสินค้าของญี่ปุ่นนี่สุดยอดจริงๆ เห็นอะไรก็อยากกินไปหมด และแล้วก็เลยเข้าร้าน โอนิกิริ หรือข้าวปั้นญี่ปุ่น ถือว่าเป็น Japanese style แท้ๆค่ะ ในร้านจะเห็นคนทำงานมาสั่งใส่ถุงกันเยอะมาก คงเพราะว่าเป็นอาหารที่ทานสะดวก แต่สำหรับเรา ค่อนข้างกินยากนิดนึง เพราะชิ้นใหญ่มาก กัดแล้วก็หล่นก็ร่วง โชคดีว่านั่งทานในร้าน ฮ่าๆๆ มื้อนี้ถือเป็นมื้อแรกในญี่ปุ่ที่ประทับใจค่ะ ถึงจะทานยากแต่ว่ารสชาตอร่อยมากๆ โดยเฉพาะใส้เทมปุระที่จะมีซอสอร่อยๆ ส่วนใส้แซลม่อนนั้น เนื่องจากไม่มีซอส เราก็เลยชอบน้อยกว่าเทมปุระ  ค่าเสียหายอยู่ที่ประมาณชิ้นละ 180-200 Yen ค่ะ

..

แวะมาทักทายกระทู้แรก

และขอติดตามเที่ยวญี่ปุ่นด้วยคนครับ

..

อิ่มกันแล้วก็เลยลุยเที่ยวต่อกันเลยค่ะ ไหนๆก็ออกมาแล้ว ลุยต่อเลยแล้วกัน ก่อนอื่นก็ต้องซื้อบัตรรถไฟค่ะ สถานีที่สะดวกที่สุดจาก Apartment อี๊เราก็คือ Tokyo Metro สาย Ginza และ Marunouchi บัตรรถไฟที่เราเลือกใช้ก็คือ Pasmo ค่ะ ที่เลือกใช้ Pasmo เพราะว่าเราอยู่นานแล้วส่วนใหญ่ก็เที่ยวในแถบตัวเมือง นอกจากนี้ Pasmo ก็ใช้ได้กับหลายบริษัทรถไฟ ทั้ง Tokyo Metro แล้ว ก็ JR line ถือว่าสะดวกมากๆค่ะ

การซื้อบัตร Pasmo นั้นก็ซื้อได้จากเครื่องจำหน่ายบัตรอัตโนมัติค่ะ กดปุมเลือก ภาษาอังกฤษ เราก็จะอยู่รอดค่ะ ถือว่าไม่ยากเลย แล้วบัตรก็สวยมากๆด้วย
เก๋มากๆ

การเดินทางในโตเกียวนั้น Subway เป็นทางเลือกที่สะดวกที่สุดค่ะ ถ้าเราศึกษาแผนที่ Subway route map ให้ดี ก็ไปได้ทุกที่ค่ะ เพราะว่าทุกเส้นเชื่อมกันหมด แต่เนื่องจากวันนี้คุณอี๊นำเที่ยวก็เลยไม่ต้องเครียดกับการเดินทางมากค่ะ

ที่แรกที่ไปก็คือ Ginza ค่ะ ถือว่าเป็นย่านหรู มีตึก design เก๋ๆจากแบรนด์ดังต่างๆ แล้วก็มีห้างร้านต่างๆเต็มไปหมด การเดินทางของเรา เรานั่งรถไฟ Ginza line จากสถานี Akasaka Mitsuke มาลงที่สถานี  Ginza ใช้เวลาเดินทางแปบเดียว ก็โผล่มาตรงห้าง Matsuya Ginza ซึ่งเป็นห้างที่ดีไซน์สวยเก๋ดูดีมีระดับมากๆ

#POGGHI ขอบคุณมากค่ะพี่ ฮี่ๆๆ หนูแอบเกร็งเลย

ช่วงที่ไป เป็นช่วงที่ Steve Jobs พึ่งจะเสียชิวิตได้ไม่นานค่ะ พอผ่านร้าน Apple Store ก็เลยถ่ายรูปที่ชาวญี่ปุ่นนำดอกไม้และสิ่งของต่างๆเพื่อร่วมไว้อาลัยให้กับ น้า Jobs ของพวกเรา

ว้าววตามเกาะไปเที่ยวด้วยคนนะคะ ข้าวปั้นทำพยาธิในท้องดิ้นพรวดเลย

เสร็จจากการเดินห้างต่างๆก็เริ่มเมื่อย เนื่องจากส้นตึกที่ใส่เริ่มทำร้าย(เนื่องจากอี๊บอกว่าผู้หญิงญี่ปุ่นสวยมาก แต่งตัวดีมาก เก๋มาก ใส้ส้นสูงกันเกือบทุกคน) เราก็เลยไม่อยากน้อยหน้ามากนักใส้ส้นตึกไปสู้ ฮ่าๆๆ ผลก็คือเดินจนเมื่อย เลยแก้เมื่อยด้วยการเดินต่อเพื่อตามหาร้าน ขนม ที่อี๊เฟิร์มมาว่า อร่อยมากๆ  พอไปถึงก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ร้านนี้ตกแต่งแนว Vintage งามมากๆ ร้านมีชื่อว่า Qu'il Fait Bon เป็นคาเฟ่เก๋อยู่ที่ชั้นใต้ดิน ร้านน่ารักมากๆ เรารอคิวประมาณ ยี่สิบนาที ก็ได้เจ้าไปนั่งลิ้มรสบรรยากาศ ต้องขอบอกว่าที่ญี่ปุ่น อะไรดีอะไรดังก็จะมาพร้อมกับคิวยาวเหยียด แต่เนื่องจากเราตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศก็เลยถ่ายรูปรอไปเพลินๆ

ร้านนี้ส่วนใหญ่จะมีแต่สาวๆมาทานและพูดคุยกับเพื่อน มีทั้งสาวใหญ่สาวน้อย อี๊บอกว่าผู้หญิงญี่ปุ่นชอบทานขนมกันมากๆๆๆๆๆๆ
เมนูที่ร้านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นทาร์ตผลไม้ค่ะ เรากับอี๊และยายสั่งมาเหมือนกันคือ ทาร์ตเบอร์รี่ ซึ่งเป็น recommend ของที่นี่
เรื่องรสชาติก็....... อร่อยมากๆๆๆๆๆ เป็นทาร์ตที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยทานมาเลยค่ะ รสชาตหวานกำลังดีทานแล้วไม่เลี่ยนเลย แล้วก็ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ที่เปรี้ยวพอมาเจอกับครีมก็เข้ากันได้ลงตัวมากๆ ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ ร้านนี้เค้าไม่งกเบอร์รี่เลย
อยู่ในร้านนี้แฮปปี้มากๆ ทั้งบรรยากาศแล้วก็ทาร์ตที่อยู่ตรงหน้า อยากกินอีกกกกก
สำหรับราคาของทาร์ตก็ตกชิ้นละ 480 เยนค่ะ คุ้มค่าคุ้มราคามากๆ

#MJ's Girl ฮ่าๆๆ ยินดีคร่าา

ทางลงไปสู่ร้านค่ะ ความจริงมีรูปบรรยากาศร้านเยอะกว่านี้แต่ว่าดันเป็นรูปที่มีเราด้วยเกือบทุกรูปเลยไม่กล้าลง อิอิ

ตามมาเที่ยวด้วยครับ :)

ยังไม่อิ้มเค้กดี ก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ ร้านอาหารที่จะพาไปทานกันก็คือ ร้านอาหารอิตาเลียนใต้ตึกที่อี๊กับสามีอยู่ค่ะชื่อร้าน Salvatore เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนแท้ๆ สามีอี๊รีเควสต์จะพาไปเลี้ยง เราก็ไม่ขัดอยู่แล้วว ฮี่ๆ อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ

เตาอบพิซซ่า ใหญ่มากๆ

สลัดเบาๆ

ทริปนี้ ควรเปลี่ยนชื่อทริป เป็น ทรายชวนชิม

พิซซ่าอร่อยมากๆๆๆ แป้งข้างในบางกรอบ แต่ตรงขอบมันหนานุ่ม เอิ๊กๆ หิวววว
ร้านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนเลิกงานมานั่งสังสรรค์ ดื่มเบียร์ชิลล์ๆ คนที่นี่ชอบสังสรรค์หลังเลิกงานค่ะ

## ตามแม่เสือสาวลุยญี่ปุ่นด้วยคนครับ ##

หลับเต็มอิ่มก็ลุยกันต่อกับ
Day 2 ค่ะ
     
วันนี้ วางแผนว่าจะชิลล์ๆ ตอนเช้าไปซื้อตั๋วรถไฟ shinkansen ที่สถานี Tokyo เพื่อที่จะไป เกียวโตในวันรุ่งขึ้นค่ะ
การซื้อตั๋ว Shinkansen สามารถซื้อได้ที่ JR office ค่ะ เดินทางโดย shinkansen ไปเกียวโต ถือว่าเป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดค่ะ ที่ตั๋วเขียนเวลาการเดินทางประมาณ หนึ่งชั่วโมงห้าสิบนาทีค่ะ ถือว่าเร็วมากๆ ส่วนราคาตั๋ว shinkansen ก็ 25,000 เยน ต่อคนค่ะ ถือว่าแพงพอสมควร แต่มาถึงนี่ทั้งที ไม่นั่ง shinkansen ก็คงเสียดายแย่ เราต้องสู้!

สถานีโตเกียวค่ะ

#MRBIG173 ฮ่าๆๆ ลุยยยยยยยยย

ซื้อตั๋วสบายใจ ก็นั่งรถไฟต่อไปที่วัดโคมแดงหรือว่าวัด Asakusa ชื่อดังค่ะ ลงที่สถานี Asakusa ก็จะเจอ กับ กำแพงสวยๆในสถานีรถไฟค่ะ

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ฉะนั้นขอเดินหาร้านราเม็งอร่อยๆทานเป็นมื้อกลางวันก่อน
เดินไปเดินมาก็มาเจอร้านราเม็งที่ มีการโชว์ในโทรทัศน์หน้าร้านว่าเคยออกทีวีด้วย ก็เลยขอลองเข้าไปชิมซักหน่อย
ต้องขอโทษจริงๆที่ไม่สามารถบอกชื่อร้านด้วย คือเป็นตัวภาษาญี่ปุ่นค่ะ อ่านไม่ออก แหะๆ
ครัวจะอยู่ชั้นหนึ่งส่วนโต๊ะนั่งจะอยู่ชั้นสอง พ่อครัวที่นี่ทักทายต้อนรับกันเสียงดังขยันขันแข็งมากๆ ปลื้มมมม

ราเม็ง เกี๊ยวซ่า และไข่แฝด มหัศจรรย์มากๆ
อิ่มแปล้เลยยยย
ราเม็งชามละ 980 เยน เกี๊ยวซ่า 300 เยน ส่วนไข่แฝดตื่นเต้นจนลืมดูราคา แหะๆ
อร่อยมากๆค่ะ แต่ว่าเยอะมากๆ ทานไม่หมด คิดแล้วก็เสียดาย

ร้านนี่จะอยู่ตรงข้ามกับตึกที่มีพี่คนนี้นั่งอยู่พอดีค่ะ

มาถึงที่นี่ก็ต้องทำตามธรรมเนียมคือถ่ายรูปกับโคมแดงอันโด่งดัง

ไหว้พระขอพร ถ่ายรูปเสร็จ ก็ไปตามหาร้านขนมปังญี่ปุ่น ที่หนังสือนำเที่ยวแนะนำว่าอร่อยมากๆ ร้านนี้หาไม่ยากค่ะ เดินไปเรื่อยๆพอเห็นคิวยาวๆก็แน่ใจว่ามาถูกร้านแน่ๆ ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ ขายขนมปังญี่ปุ่น ไอศกรีม แล้วก็น้ำแข็งไสค่ะ

อันนี้เป็นขนมปังค่ะ ซื้อพายแอปเปิ้ลมาลองชิม อร่อยอีกแล้วววววว ปลื้มมาก

ต่อกันด้วยไอติม choco banana
อเมซิ่งมากๆ อร่อยจริงๆ ติดใจจัดไปสองโคน
โคนนึงราคา 280 เยนค่ะ

เนื่องจากอิ่มมากๆ อยากลองชิมน้ำแข็งไส ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งเมนูดังของร้านนี้ แต่ว่าไม่ไหวจริงๆค่ะ ชามนึงใหญ่มาก เลยได้แค่ถ่ายรูปมาเก็บไว้เป็นที่ระลึก

ทานเสร็จ ก็ออกมาเดิน shopping street ค่ะ เป็นถนนที่ขายขนมและก็ของที่ระลึกต่างๆ ในราคาไม่แพงค่ะ
เราก็มาเจอกับร้านไอติมชาเขียว(ไอติมอีกแล้ว) น่าทานมากๆอดใจไม่ไหวจัดมาอีกหนึ่ง เป็น matcha pancake+ถั่วแดงค่ะ
อร่อยอีกแล้ววว แต่ร้านนี้มีกฎว่า ต้องทานที่หน้าร้านเท่านั้นค่ะ เค้าไม่อนุญาตให้เดินทาน คงเพราะจะกลัวทำถนนท่องเที่ยวเลอะเทอะ
เก๋มากๆ ยืนทานอยู่หน้าร้านสบายใจ

และแล้วก็ถึงวันที่จะไปตะลุยเกียวโต เมืองเก่าเมืองแก่ของประเทศญี่ปุ่น วันนี้ต้องตื่นเช้ามากๆค่ะ เพื่อที่จะไปให้ทันรอบถไฟ Shinkansen กลัวตกรถ อิอิ shinkansen จะออกตอน 8.20 am ค่ะ ไปถึงพอดิบพอดี รถไฟที่นี่ตรงเวลาเป๊ะมากๆ

ภายในกว้างขวางค่ะ นั่งสบายๆ มีห้องน้ำ ตู้ขายน้ำ แล้วก็มีอาหารขายบนรถเข็น สะดวกมากค่ะ
นั่งดูวิวข้างทางไปเพลินๆ แปบเดียวก็ถึง ตรงตามเวลาที่ในตั๋วบอกเลย ประมาณหนึ่งชั่วโมงห้าสิบนาทีจากโตเกียวค่ะ ของเค้าเป๊ะจริงๆ

เมื่อมาถึงสถานีเกียวโตก็นั่ง Taxi ต่อไปที่เรียวกังทันทีค่ะ ทำเวลา Taxi ที่นี่เริ่มต้นที่ 640 เยนค่ะ คนขับส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้สูงอายุค่ะ

ถึงแล้ววววววว เรียวกัง
เป็นเรียวกังค่อนข้างใหม่ค่ะ ทุกอย่างเลยดูใหม่แล้วก็สะอาดสะอ้านไปหมด
แขกส่วนใหญ่ที่มาพักก็จะเป็นชาวต่างชาติค่ะ ตกแต่งแบบเรียบง่าย ได้บรรยากาศแบบเก่าๆมากๆ
ที่นี่มีคอมพิวเตอร์แล้วก็ wi-fi ให้ใช้ฟรีค่ะ เจ้าของที่นี่แล้วก็พนักงานก็น่ารักมากๆ
ค่าเสียหายอยู่ที่คืนละ 18,000 เยนค่ะ ไม่รวมอาหารเช้า ทริปเกียวโตกินระยะเวลา สามวันสองคืนค่ะ แล้วเราก็จะนอนที่นี่กันตลอดทริป

เรียวกังจากด้านนอก

ภายในเรียวกัง พอดีว่ามาถึงก่อนเวลาเช็คอิน ก็เลยต้องฝากกระเป๋าไว้ก่อน แล้วก็นั่งวางแผนเที่ยวกันค่ะ พี่เจ้าข่ะองก็ใจดี มาช่วยแนะนำด้วยค่ะ

วางแผนเสร็จ ก็ซื้อตั๋วรถเมล์ แบบ one day pass ในเกียวโตค่ะ ราคา 500 เยน จะขึ้นกี่รอบก็ได้
เราจะไปตลาด nishiki maket กันค่ะ

เดินออกจากซอยเรียวกังปุ๊บก็จะเจอวัดดังอีกแห่งของเกียวโต Nishi Honganji Temple ค่ะ
เนื่องจากวัดนี้ใกล้เรียวกังมากๆ เราเลยตกลงกันว่า เอาไว้มาวันหลัง เพราะจากการที่ดูพยากรณ์อากาศแล้ว วันนี้มีแนวโน้มฝนตก เลยขอไปเดินทางไปตลาดกันก่อน โดยหารู้ไม่ว่าสุดท้ายก็ได้แต่มีโอกาสถ่ายรูปกันตรงทางเข้าวัด T___T

อีกรูปของทางเข้าวัดค่ะ

การเดินทางไป ตลาด nishiki ค่อนข้างทำพวกเรางงค่ะ เนื่องจากแผนที่ทางเดินรถเมล์ที่ทางเรียวกังให้มานั้น ดูยากและงง เอามากๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าต้องขึ้นรถเมล์จากทิศไหน เลยต้องพึ่งคุณลุงคุณป้าแถวนั้นให้ช่วยบอกทาง โชคดีที่อี๊พอสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ เลยมาถึงตลาด nishiki market โดยสวัสดิภาพ

ภายในตลาด

มาถึงก็เริ่มหิวเลย อี๊ก็เลยพาไปทานราเม็งเจ้าดังที่อี๊เคยมาทานครั้งนึงแล้วชอบ

ลูกค้าเต็มร้าน ต้องรอคิว อีกแล้วววว

เมนูที่สั่ง ราเม็งเสฉวนงาดำ
ชามแรก

แบบที่สอง
ดำทะมึน แต่แซ่บมากๆ

ร้านดอกไม้ ตอนนี้ที่นี่ก็เริ่มตกแต่งตามเทศกาล Halloween กันบ้างแล้ว

ผักดอง ดูแปลกดี แต่ไม่กล้าชิม ><

ควันลอยมาหอมฉุย แต่ทานไม่ไหว ยังคงอิ่มอยู่จากราเม็งงาดำ

ร้านขายชา ดูโบราณมากๆ

ลูกเกาลัด เห็นคนมุงดูเยอะมากๆ เลยเข้าไปต่อคิวซื้อบ้าง
พึ่งเคยเห็นเกาลัดแบบสดๆ เก๋มากๆ

คุณลุงพ่อค้าน่ารักมากๆ ถามว่ามาจากไหนแล้วลุงแกก็สวัสดีคร้าบบบ ดังมากๆ
พอขอถ่ายรูปลุงยังเก๊กได้คิกขุมากๆ

ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่หน้าตาเหมือนหัวรถไฟ shinkansen มากๆ

ในที่สุด คำพยากรณก็เป็นจริง พอเดินออกจากตลาดมาฝนก็ตกหนักมากๆ แงแง
เลยต้องไปนั่งทำใจในร้านกาแฟ

ตรงโซนที่นั่งอยู่ร้านกาแฟนั้นจะเป็นตลาดที่ขายเสื้อผ้าราคาไม่แพง มีทั้งเกมส์เซ็นเตอร์ ตู้ถ่ายพุริคุระ และร้านค้าเล็กๆมากมาย ส่วนใหญ่คนที่เดินจะเป็นวัยรุ่นหรือนักเรียนที่มาเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆ

เมื่อฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก คุณอี๊คุณยายและคุณหลาน จึงตัดสินใจ ที่จะ ไปเดินเล่นในห้าง ฮ่าๆๆ นี่คือทางออกสุดท้ายที่พวกเราคิดได้ เนื่องจากไม่อยากจะพาคุณยายลุยเที่ยวท่ามกลางสายฝน ห้างที่เราไปคือห้าง Daikanyama ซึ่งถือเป็นห้างใหญ่ของเกียวโต มีของให้เลือกซื้อมากมาย พอเดินจนเหนื่อย ก็ได้เวลาอาหารหวาน
ไอติมชาเขียว

ขนมญี่ปุ่น

พอฝนเริ่มซา เราก็ออกมาเดินเล่นกันนอกห้าง ตัดสินใจหาอะไรทานแถวนี้ ก่อนที่จะโบกแท็กซี่กลับเรียวกัง เนื่องจากฝนตกลงมาอย่างหนัก(อีกแล้ว) T^T

ร้านขายของแต่งบ้านที่บังเอิญเดินผ่าน

กลับถึงเรียวกังอย่างหมดสภาพ

บรรยากาศในห้องพัก
ประตูทางเข้า

เราต้องยกโต๊ะออกแล้วปูที่นอนที่เค้าเรียกว่า ฟูตอง โดยตามธรรมเนียมแล้ว ทางเรียวกังจะไม่ปูให้ เราต้องปูกันเอง

โต๊ะเครื่องแป้ง

ห้องน้ำจะแยกออกมาจากห้องอาบน้ำอีกที

ห้องอาบน้ำค่ะ

วันที่สองในเกียวโต

อาหารเช้าค่ะ อร่อยมากๆ

ไหนๆก็มาถึงเรียวกัง ขอใส่ยูกาตะมาทานข้าวหน่อยตามธรรมเนียม อิอิ
ภาพนี้ชาวต่างชาติที่ตื่นเต้นกับการใส่ยูกาตะของเราสามคน ขอรีเควสต์ถ่ายรูปรวม 3 generation ให้พวกเราค่ะ ^^

ญี่ปุ่น แต๊ แต๊

ได้อยู่ญี่ปุ่นหลายวันเลยแอบอิจฉาตาร้อนผ่าว
เกาะจอรอชมนะครับ

นั่งรถเมล์มาลงที่ kyoto center เพื่อจะต่อไปยัง kiyomizu Temple

#ลุงแบกเป้ ไปมาหลายวันแต่ก็ยังเที่ยวไม่ครบอยู่ดีค่ะ ><

บรรยากาศบนรถเมล์ค่ะ บนรถคันนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นนนักท่องเที่ยวค่ะ จุดหมายปลายทางเดียวกันคือ Kiyomizu temple ค่ะ

ถนนไปสู่วัด จะมีร้านขายของฝาก แล้วก็ร้านขายของเก๋ๆตลอดทางค่ะ

นาฬิกาเจ้าเหมียว

เดินไปเรื่อยๆก็จะเจอพี่ที่เข็นรถไปนำเที่ยวค่ะ แต่เราสามคนอยากเดินเล่นมากกว่า เลยไม่ได้ใช้บริการ พวกพี่ๆเค้าน่ารักมากๆ เข็นไปยิ้มไป คุยไป เดาว่าเข็นรถแบบนี้คงเหนื่อยพอดู แต่จากการที่สังเกต พวกพี่ๆไม่แสดงออกให้เก็นว่าเหนื่อยเลย sukoi มากๆ

อดใจไม่ไหวขอเข้าไปถ่ายรูปด้วยซะเลย พี่สองคนที่นั่งอยู่บนรถก็เอากับเราด้วย น่ารักมากๆ

เดินไปเพลินๆ ก็ถึงแล้วค่าาาาา แต่! ฝนตก!!!!!!!! กรี๊ดดดดดดดด
แต่เราจะสู้ค่ะ ฝนตกก็ต้องลุยและ ร่มพร้อม ใจพร้อม กายพร้อม เราทำได้

มืดครึ้ม ฮืออออออ

สวยๆ

งามมาก

ถ่ายรูปท่ามกลางสายฝน

ซื้อตั๋วเสร็จ(คนละ 300 yen) ก็ตักน้ำชำระล้างร่างกายจากทางเข้า แล้วก็เดินมาภายในวัด
ทางเข้าสวยงามมากๆ

เป็นวัดที่เก่าแก่ แล้วก็ศักดิ๋สิทธิ์มากๆค่ะ ชาวญี่ปุ่นนิยมมาไหว้พระขอพรกันที่วัดนี้ พร้อมๆกับที่จะนำเครื่องลาง ซึ่งจะมีหลากหลายแบบให้เลือก เช่น ให้ประสบความสำเร็จด้านการศึกษา หรือ เพื่อ ให้สำเร็จในทุกพรที่ปรารถนา และอีกมากมายค่ะ ทางวัดจะมีภาษาอังกฤษกำกับในแต่ละเครื่องลาง ทำให้เราเข้าใจว่าอันไหนมีความหมายอย่างไร

ลืมรูป

มองจากมุมสูงลงไปข้างล่าง

ร่มรื่นย์มากๆค่ะ

ขอพรบนแผ่นไม้ แผ่นละ  800 yen ค่ะ

เอาซะหน่อย
เขียนเป็นภาษาไทยเนี่ยละค่ะ

ถ้ามาฤดูใบไม้ผลิก็จะสวยงามกว่านี้อีกค่ะ
แต่ไม่เป็นไร เท่านี้เราก็พอใจแล้ว อิอิ

ดูขลังมากๆ

Otowa waterfall ค่ะ ถ้าได้ดื่มน้ำจากแม่น้ำ 3 สายแล้วก็จะสมปรารถนาค่ะ

เป็นสวนที่สวยและคลาสสิคมากๆค่ะ เขียวขจีไปหมด

เมื่อเดินออกจากวัด มาทางขวามือ ก็จะเจอ kiyomizu dera street ถือว่าพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงค่ะ รอบทางมีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจไปหมด ถ้าใครได้ไปก็อย่าลืมแวะเข้าไปตามตรอกซอยต่างๆด้วยค่ะ แล้วจะได้เจออะไรงามๆเต็มไปหมด

ทางเข้าไปร้านโซบะค่ะ

บรรยากาศดีมากๆ

เทมปุระโซบะค่ะ
นุ่มมากๆ

ข้าวราดเทมปุระ
อาหารที่นี่ราคาจะประมาณ จานละ 1000 yen ค่ะ
อร่อยอีกแล้ววว

ถนนเค้ายังคงรักษาไว้ซึ่งความเก่าแก่และคลาสสิคค่ะ

ลืมรูป

ร้านแต่ละร้านก็จะออกแบบโดยเน้นความดั้งเดิมค่ะ

บ้านเรือนก็จะเข้ากับบรรยากาศโดยรอบค่ะ คลาสสิคมากๆ

แหะๆ

บ้านน่ารักมากๆ

ต่อจาก Kiyomizu dera street เราก็ไปต่อกันที่ ถนนสายอนุรักษ์อีกแห่ง Gion Street ค่ะ

ฝนตกทั้งวันเลย

โรงอุปรากรณ์ค่ะ

พักขาซะหน่อย
ร้านนี้ครัวซอง ช้อกโกแลตอร่อยมากๆ ค่ะ ของขึ้นชื่อของเค้าเลย

อร่อยลืมไม่ลง

ร้านเก๋ๆ เพียบ

ของตกแต่งยังเก๋

บรรยากาศโรแมนติกมากๆ

อาหารไทยมื้อแรกในญี่ปุ่น
ร้าน บ้านริมน้ำ อร่อยมากๆค่ะ รสชาตไทยแท้ แม่ครัวเป็นคนไทย น่ารักสุดๆ ส่วนเจ้าของก็เป็นคนญี่ปุ่นปลอมตัวมาเป็นเด็กเสิร์ฟเราซะงั้น

น้ำพุเต้นระบำที่ aqua fantasy ตรงสถานีเกียวโตค่ะ ชมเพลินๆระหว่างรอรถเมล์กลับที่พัก

Kyoto Tower ค่ะ

เนื่องจากวันนั้นที่ไปวัดมากันทั้งวัน เราได้เห็นสาวญี่ปุ่นแต่งกิโมโนมาเดินกัน ดูแล้วเข้ากับบรรยากาศมากๆ เราเลย ขอคำแนะนำจากทางเรียวกัง เพื่อที่จะแต่งชุดกิโมโนเดินเล่นให้เข้ากับบรรยากาศ ทางเรียวกังเลยจัดให้ ตื่นเช้ามาเลยนั่ง Taxi ไปที่ร้าน ร้านนี้ถือเป้นร้าน Local ค่ะ ราคาไม่แพง และน้าๆที่ร้านก็น่ารักมากๆเลยยย

เบื้องหลัง
การแต่งชุดกิโมโนนี้คือ เราสามารถเช่าใส่ไปไหนก็ได้ทั้งวันค่ะ ราคาอยู่ที่ 3000 เยน แต่เนื่องจากเรากับอี๊และยายต้องรีบกลับไปขึ้นรถไฟให้ทัน ดังนั้นเลยใช้วิธีให้ทางร้านไปรับชุดคืนที่เรียวกัง โดยคิดเพิ่มเป็นคนละ 4000 เยน ค่ะ
อ่อ ทางร้านจะทำผมและติดดอกไม้ให้ด้วยค่ะ ถือว่าถูกมากๆ

เราพร้อมจะลุย คุณยายขอบายค่ะ กลัวใส่แล้วจะทำธุระส่วนตัวไม่สะดวก ฮ่าๆ
เลยเป็นตากล้องซะเลย
เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมคนญี่ปุ่นชอบก้าวสั้นๆ ชุดมันรั้งอ่ะค่ะ

รูปสวยมากๆ ค่ะ

#Happy_Smile_Family ขอบคุณค่าาาาา

จบแล้วหรอคร้าบ ? รอชมนะ รีวิวน่าสนุกดีครับ ^-^

#Phmatzue ยังมีต่อค่าาา แต่ปวดคอเลยพักก่อน ฮ่าๆๆๆๆ เด๋วมาต่อค่าาา

ที่แรกที่เราจะไปลุยหลังจากแต่งตัวในชุดกิโมโนก็คือ Nijo castle ค่ะ

ทำตัวกลมกลืนกับบรรยากาศ

สวยมากๆ บรรยายไม่ถูกดูรูปเอาแล้วกันนะค่ะ

ภายใน Nijo castle จะมี Ninomaru Palace ซึ่งจุดเด่นก็คือ nightingale floors เวลาเดินก็จะได้ยินเสียงเหมือนนกไนติงเกล ในสมัยก่อนเค้าใช้เพื่อให้รู้ทันต่อการถูกโจมตีจากศัตรู บรรยากาศข้างในดูน่าเกรงขามมากๆค่ะ ภายในจะมีป้ายบอกว่าแต่ละห้องใช้ทำอะไร เช่นห้องสำหรับโชกุน เป็นต้น น่าเสียดายที่ข้างในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป  ดังนั้นเลยเก็บบรรยากาศจากข้างนอกมาแทนค่ะ

วันนี้แดดแรงมากค่ะ แดดแรงจนร้อนเลย ยิ่งใส่ชุดกิโมโนยิ่งร้อน เพราะว่าหลายชั้นมากๆ

เก่ามากๆ แต่ดูดีมากๆ

รีวิวนี้จัดเต็มยาวมากครับ รอชมอยู่ครับ

#Destiny-Boy ขอบคุณที่ช่วยชมนะค่ะ

ไม่เป็นการเสียเวลาไปลุยต่อกันที่วัด Kinkakuji เลยค่ะ  วัดนี้มีจุดเด่นก็คือ วัดสีทองอร่ามตั้งอยู่กลางน้ำและรายล้อมด้วยต้นไม้ สวยงามจริงๆค่ะ
อ่อ ลืมบอก ที่วัดนี้เค้าร่วมนโยบายรณรงค์ให้ใส่กิโมโนเที่ยวค่ะ ทางวัดจะลดราคาค่าตั๋วให้กับคนที่ใส่ชุดกิโมโนมาเที่ยว อิอิ ดีใจมากเลย ประหยัดขึ้นมาอีกนิดนึง

อีกซักมุม

แบบใกล้ๆ
วัดนี้มีจุดเด่นอยู่ที่เดียวก็คือ วัดทองอร่ามที่ตั้งอยู่กลางน้ำนี่แหละค่ะ เลยต้องถ่ายรูปให้ครบทุกมุม ส่วนการจะถ่ายรูปคู่กับวัดก็ทำได้ยากลำบากพอสมควร เพราะนักท่องเที่ยวก็จะจับจองมุมดีๆเหมาะแก่การถ่ายรูปค่ะ
แอบกระซิบว่า ชาวต่างชาติค่อนข้างตื่นตาตื่นใจกับการใส่กิโมโนของเรากับอี๊ค่ะ ถึงกับเข้ามาขอถ่ายรูปเลยทีเดียว เราก็ยิ้มหน้าบาน ฮ่าๆๆ

อีกมุมสวย

ขอพร น้ำหายท่วมทีเถิดดดดดด

เนื่องจากรีบมากๆ กลัวเที่ยวไม่คุ้มและตกรถไฟ เลยต้องโบกแท๊กซี่มาที่ kiyomizu dera street (ไปมาแล้วหนึ่งรอบเมื่อวานนี้) แต่ก็อยากมาอีกเพื่อจะได้ถ่ายรูปในชุดกิโมโนให้เข้ากับบรรยากาศ ระหว่างทางคุณลุงแท็กซี่ก็แสนจะใจดี ทำหน้าที่ไกด์จำเป็น บรรยายตลอดทางว่า ที่นี่คืออะไร ตรงไหนเป็นจุดเด่น ลุงน่ารักมากๆ แถมยังมีอัลบั้มรูปโชว์อีก ว่าเกียวโตยังมีที่สวยๆหลายที ลุงแกรักเกียวโตมากๆเลย
อ่อ แล้วคุณลุงยังบอกอีกว่า อยากให้เมืองไทยน้ำหายท่วมเร็วๆ ลุงดูข่าวแล้วเป็นห่วง
ปล. อี๊แปลให้ฟัง

ในรูปนี้คือ Kyoto city hall ค่ะ

มาถึงปุ๊บก็เจอของดีเลยค่ะ Maiko สองคนกำลังเดินอยู่ ดูดีมากๆ

วันนี้มีแดด เย้เย้ ยิ้มหน้าบานน เพราะเมื่อวานอึมครึมมาก

เดินไปเรื่อยๆ ร้อน ขอแวะทานไอติมก่อนค่ะ
และแน่นอนไม่ทิ้งคอนเซปต์ มาถึงญี่ปุ่นจะเป็นไอติมอะไรไม่ได้ นอกจาก ไอติมชาเขียวววววววว

อันนี้ของคุณยาย ขนมญี่ปุ่นกับชาเขียว

วันนี้คนคึกคักกว่าเมื่อวานที่มาเยอะค่ะ เนื่องด้วยเป็นวันที่อากาศแจ่มใส แล้วก็เป็นวันอาทิตย์ด้วย

แก๊งสาวญี่ปุ่นในชุดยูกาตะสีสันสดใสมากๆ

มองจากมุมสูง

เดินผ่านมาเจอที่นี่ค่ะ แต่ต้องขอโทษจริงๆที่ไม่ทราบว่าเรียกว่าอะไร

รถสองล้อ

แนวมากๆ

และแล้วก็รีบกลับจนมาถึงเรียวกัง ช่วยกันถอดช่วยกันเก็บชุดกิโมโนกับพี่ที่เรียวกัง จนในที่สุดก็ออกจากที่เรียวกังตรงตามเวลาเพื่อไปขึ้นรถไฟที่สถานีเกียวโตค่ะ

ภาพสุดท้ายในชุดกิโมโน ณ เกียวโต

ภาพสุดท้ายของคืนนี้ค่ะ
รถไฟหัวจรวด

Bye bye Kyoto

แล้วจะมาต่อเรื่องราวในโตเกียวหลังกลับจากทริปเกียวโตพรุ่งนี้ค่า
ขอบคุณมากๆค่ะ สำหรับทุกคนที่ช่วยติดตาม
Arigato gozaimasu ^^

น่าสนุก  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ

รออ่านรีวิวต่อนะครับ ภาพเยอะถูกใจคนชอบเที่ยวญี่ปุ่นมากๆคร้าบบบบ

ผมว่าช่วงพีคสุดของเกียวโต น่าจะตอนกลางถึงปลายเดือน 11 นะครับ
เพราะว่าเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง เป็นหน้าชมใบไม้แดง (โคโยว) พอดีครับ

ผมว่าไปช่วงนี้โรแมนติกมากเลยครับ ดูมีเสน่ห์มากกว่าตอนฤดูใบไม้ผลิมากเลยครับ

ขอบคุณครับ จขกท.มาต่อนะครับ

#เฉาก๊วยกะบ๊วยเค็ม - - ถ้ามีโอกาสไปอีกไม่พลาดแน่ค่ะ แต่ไม่รู้จะได้ไปอีกเมื่อไหร่ T_T

[CR] ทริป 15 วัน 14 คืนในประเทศญี่ปุ่น(Tokyo,Kyoto,Yokohama) Part 2 ตะลุยโตเกียว

ไปด้วยน่ะน่ะน่ะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่า  เคยไปญี่ปุ่นมาครั้งนึง ติดใจมากต้องไปอีกให้ได้เลย

ว้าว!!! สวยมากๆค่ะ ขอตามไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยคนค่ะ ... ขอบคุณมากค่ะสำหรับรีวิวนะคร่า






ปล. ใน #63 และ #64 เหมือนๆ ว่าจะใส่ยูกาตะผิดนะค่ะ (ต้องใส่ซ้ายทับขวาค่ะ)

#คุณฟองคำ ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยบอก เราใส่แบบมั่วเลยค่ะ แหะๆ

..

จัดเต็มจริงๆ อิอิ .. เที่ยวคุ้มมากครับ

..

รีวิวสนุกมากค่ะ รูปสวย เจ้าของกระทู้น่ารัก ดูแล้วอยากไปเที่ยวเร็วๆ จัง

ใส่ชุดกิโมโน น่ารักทั้ง คุณอี๊คุณทรายเลย
ชอบภาพ 3 สาว ในยูกะตะ

ชอบรีวิวนี้มากๆค่ะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^