การเดินทางมาสุโขทัยครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะมีภาระกิจต้องมาสำรวจโรงแรมที่สุโขทัย ในโครงการ Thailand Boutiques Awards 2011 ซึ่งมาพร้อมกับเหตุการณ์น้ำท่วม ซึ่งเราต้องคอยเช็คข่าวสถานการณ์น้ำท่วมที่สุโขทัยวันต่อวัน
แต่เมื่อรับภารกิจนี้แล้ว ถ้าไม่หนักหนาสาหัสมากนัก เราก็ต้องมาสำรวจ เพราะเราคิดว่าน้ำท่วมครั้งนี้ก็เป็นเหตุสุดวิสัยไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และทางโรงแรมก็พร้อมและก็รอให้เราเข้ามาสำรวจด้วย จึงตัดสินใจเดินทางมาสุโขทัยพร้อมกับติดตามข่าวน้ำท่วมตลอดเวลาการเดินทางทั้งไปและกลับ การเดินทางต้องเดินทางเลี่ยงการเดินทางผ่านครสวรรค์ พิษณุโลก โดยอ้อมเข้ากำแพงเพชร เพื่อเข้าสู่จังหวัดสุโขทัย
เป้าหมายของเราวันนี้ คือ บ้านธาราบุรีรีสอร์ท ซึ่งเป็นรีสอร์ทเล็กๆ ที่ทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับอุทยานประวัติศาสตร์ประมาณ 2 กิโลเมตร  เมื่อเราเดินทางมาถึง แวบแรกที่เห็นและรู้สึกได้คือ รีสอร์ทนี้ดูเล็ก ๆ แต่ความอบอุ่น เพราะดูเงียบสงบ และไม่พลุกพล่าน

ธาราบุรี รีสอร์ท มาจากส่วนหนึ่งของนามสกุลของครอบครัว บวกกับความตั้งใจในการสร้างสรรค์รีสอร์ท ที่ทำให้แขกผู้มาเยือนรู้สึกเสมือนหนึ่งเป็นญาติ ด้วยการต้อนรับที่อบอุ่นและเป็นกันเองจากพนักงานที่เป็นคนท้องถิ่นของรีสอร์ท และด้วยบริการที่จริงใจ เป็นกันเองและบรรยากาศที่อบอุ่น จึงมีการพูดถึงแบบปากต่อปากทำให้ทางรีสอร์ทต้องสร้างห้องพักเพิ่มเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 3 อาคาร

จากที่เราสังเกต แขกที่มาพักส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวยุโรป ชาวเอเชีย และชาวไทยตามลำดับ ซึ่งจุดเด่นของธาราบุรีรีสอร์ท เป็นสไตล์การตกแต่งแบบผสมผสานศิลปะและวัฒนธรรมของตะวันออก โดยการตกแต่งของแต่ละห้องนั้นไม่เหมือนกันสักห้อง และด้วยทำเลของรีสอร์ทที่อยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติสุโขทัยประมาณ 2 กิโลเมตร จึงสามารถขี่จักรยานไปเที่ยวที่อุทยานฯได้เลย

เราไปดูกันค่ะ ว่าภายในรีสอร์ทนั้นจะเป็นแบบที่เล่าขานกันหรือเปล่า จากที่เราเดินทางมาถึง เราเจอป้ายหน้ารีสอร์ท แล้วเลี้ยวรถเข้ามา ซ้ายมือคือล็อบบี้ ซึ่งเชื่อมต่อกันกับอาคารห้องพักแบบ Grand Deluxe และหน้าถนนภายในโรงแรมบริเวณหน้าล็อบบี้

ด้านขวามือ เป็นที่จอดรถซึ่งที่จอดรถมีไม่มากนัก แต่สามารถจอดที่บริเวณถนนภายในโรงแรมหน้าล็อบบี้ได้ จากที่จอดรถ ภาพเบื้องหน้าจะเป็นเรือนไทย ซึ่งเป็นห้องพักแบบห้องน้ำรวม

จากจุดที่เราจอดรถ เราเดินจากที่จอดรถ ซึ่งจะผ่านบ้านทรงไทย แล้วเดินตามทางมาจะเป็นล็อบบี้

ประตูล็อบบี้เปิดต้อนรับแขกผู้มาเยือนตลอดเวลาค่ะ  เดินไปเช็คอินน์เลยกัน เมื่อเข้าไปถึงน้อง ๆ ก็นำ Welcome drink ซึ่งเป็นน้ำใบเตยเย็น ๆ มาต้อนรับแขกผู้มาเยือน ให้คลายเหนื่อยจากการเดินทางมาเกือบ 7 ชั่วโมง (จากกำแพงเพชรมาสุโขทัย เพื่อเลี่ยงเส้นทางน้ำท่วม)

จากหน้าประตู มองเข้าไปด้านในของล็อบบี้ ซึ่งถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่ดูสวยทีเดียว

เดินเข้ามาด้านใน ขวามือของประตูทางเข้าจะเป็น Reception ซึ่งผนังด้านหลัง จะประดับด้วยลวดลายที่ปูด้วยโมเสค สามารถดึงดูดสายตาแขกผู้มาเยือนได้ดีทีเดียว

ขอบคุณเจ้าของรีวิว
และโครงการณ์ดีๆๆนะค่ะ

สวย  น่าไปพักมากครับ  ขอบคุณครับ

ขอบคุณมากๆครับผม

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ

สวยมากค่ะ ^^

มาลงต่อนะคะ พอดีเน็ตเสียพอดี

ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็น บริเวณโซนนั่งเล่นที่ล็อบบี้  ซึ่งจะอยู่มุมห้องทั้ง  2 มุม ไว้สำหรับแขกที่เข้าพักนั่งเล่นชิลล์ๆ และมีหนังสือให้อ่านเล่นด้วย

จากด้านในล็อบบี้มองออกไปข้างนอก จะเป็นถนนบริเวณหน้าล็อบบี้

ล็อบบี้จะเป็นอาคารที่เปิดโล่ง แบบไทย ๆ มีประตูบานเปิดทั้ง 3 ด้านเพื่อรับลม ให้ความรู้สึกปลอดโปร่งตลอดเวลา ไม่อึดอัด คนออฟฟิศอย่างเราที่อยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลาตั้งแต่เช้ายันเย็น รู้สึกชอบบรรยากาศปลอดโปร่งโล่งสบายแบบนี้เป็นที่สุด

จากภาพ ซ้ายมือเป็นประตูทางเข้าล็อบบี้ ตรงกลางภาพเป็นโซฟานั่งเล่น และถัดมาเป็นประตูทางเชื่อมที่จะเดินไปตึก Grand Deluxe

ภาพจากความเห็นที่ 18

เราได้พักที่ห้องแกรนด์ดีลักซ์สีม่วงเหลือง ก่อนที่เราจะเดินผ่านประตูตึก Grand Deluxe เราได้แหงนหน้าขึ้นไป แล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องกดชัตเตอร์เก็บภาพไว้ เพราะคานและผนังด้านบนของประตู ถูกเขียนลายไทยไว้อย่างปราณีตสวยงาม

เมื่อพักผ่อนสักครู่ เราก็ออกมาจากห้องเพื่อสำรวจห้องพักอื่น ๆ และตอนนี้เรายืนอยู่ที่ประตูทางเชื่อมของตึก Grand Deluxe ด้านขวาของทางเชื่อม คือ ประตูด้านหลังของล็อบบี้ที่จะไปห้องอาหาร และตึก Deluxe, Family Suite, Tharaburi Suite

ที่รีสอร์ทจะมีคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ต 1 เครื่อง สำหรับแขกที่เข้าพัก และก็มีอินเตอร์เน็ต wifi ฟรีสำหรับผู้เข้าพักด้วย

แล้วเราก็เดินออกมาที่ประตูหลังของล็อบบี้

เมื่อเราหันหลังมองกลับไป ก็จะเห็นประตูไม้แกะสลักแบบจีนโบราณ ซึ่งเป็นศิลปะที่สวยงาม

เมื่ออกมาจากประตูด้านหลังล็อบบี้ เราก็เลี้ยวซ้าย ซึ่งจะเป็นห้องอาหารที่อยู่ใต้บ้านเรือนไทย

เดินมาสำรวจห้องอาหารกันสักหน่อย เพราะเรื่องกินเป็นเรื่องสำคัญของชีวิตและปากท้องเลยทีเดียว

ห้องอาหารถูกตกแต่งสไตล์ไทย ๆ และเปิดโล่ง โต๊ะเก้าอี้ทั้งหมดทำจากไม้ ประดับด้วยโคมไฟแบบทางภาคเหนือ อาหารที่บริการส่วนใหญ่จะเป็นอาหารไทย

และที่สร้างสีสันบนโต๊ะอาหาร นั่นคือ ดอกไม้ โต๊ะทุกโต๊ะจะประดับด้วยดอกกล้วยไม้ หลากหลายพันธุ์และหลายสีสัน คุณน้องซึ่งเป็นน้องสาวเจ้าของรีสอร์ทบอกว่า ดอกกล้วยไม้ และดอกบัวเป็นดอกไม้ประจำรีสอร์ท  ซึ่งดอกกล้วยไม้ก็ได้มาจากผลผลิตจากสวนกล้วยไม้เล็ก ๆ ของครอบครัว

ภายในห้องอาหารจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นห้องอาหาร ส่วนที่ 2 เป็นที่นั่งเล่นอ่านหนังสือ

จะแบ่งโซนห้องอาหาร และที่นั่งเล่นด้วยตู้โชว์ที่ประดับด้วยเครื่องเคลือบ และไม้แกะสลักรูปช้าง

โต๊ะอ่านหนังสือ จะเป็นโต๊ะไม้ ที่เข้าบรรยากาศกับบ้านเรือนไทย และห้องอาหาร ซึ่งบนโต๊ะก็จะประดับด้วยดอกบัวพับกลีบลอยน้ำ

สิ่งที่เรารู้สึกประทับใจอีกอย่างคือ Complimentary fruit ที่ทางรีสอร์ทเตรียม และตั้งไว้ทั้งวัน แขกที่พักสามารถหยิบผลไม้ทานได้ตลอดเวลาที่รู้สึกหิว

เมื่อเราสำรวจห้องอาหารกันเสร็จแล้ว เราจึงเดินกลับมาที่ประตูด้านหลังของล็อบบี้ เพื่อไปสำรวจห้องพักที่ตึก Deluxe, Family Suite, Tharaburi Suite กันต่อแต่ก่อนจะไปตึก Deluxe, Family Suite, Tharaburi Suite เราจะผ่านสระว่ายน้ำ ดังนั้นเรามาแวะชมสระว่ายน้ำกันก่อนไปสำรวจห้องพักกันค่ะ

เอาล่ะ ถึงเวลาเข้าไปเยี่ยมชมห้องพัก กันแล้วล่ะค่ะ เราเดินขึ้นบันไดทางขึ้นตึกห้อง Deluxe, Family Suite, Tharaburi Suite
กันเลยน่ะค่ะ
บ้านธาราบุรี รีสอร์ท  มีอาคารทั้งหมด 3 หลัง
1) บ้านไม้เรือนไทย (สามารถดัดแปลงห้องพักที่บ้านเรือนไทย เป็นห้องนวด และห้องสปา ถ้าแขกที่พักต้องการใช้บริการ)
2) เป็นอาคาร Deluxe, Family Suite, Tharaburi Suite ซึ่งทั้ง หลังถูกสร้างขึ้นมาพร้อมๆ กัน และหลังที่ 3 เป็นอาคารห้อง Grand Deluxe
2.1) ห้องจีน
2.2) ห้องโมร็อคโค
2.3) ห้องแฟมิลี่ สวีท
2.4) ห้องสวีท
3)  Grand Deluxe  จะมีดังต่อไปนี้ (มีอ่างจากุซชี่ทุกห้อง)
3.1) ห้องสีชมพู ขาว
3.1) ห้องสีเหลืองอ่อน ขาว
3.1) ห้องสีม่วง 1 เหลือง
เราจะไปสำรวจทุกห้องที่ว่ามานี้ค่ะ

น่าสนใจมากค่ะ

1) บ้านไม้เรือนไทย
หลังแรกเป็นเรือนไทย แบ่งเป็นห้อง 7 ห้อง เป็นห้องสแตนดาร์ด 3 ห้อง และห้องสุพีเรีย 4 ห้อง แต่ละห้องจะใช้ห้องน้ำรวม ซึ่งจะห้องน้ำทั้งหมด 4 ห้อง บ้านไม้เรือนไทยหลังนี้เป็นที่ชื่นชอบสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบแบคแพ็ค และสามารถดัดแปลงห้องทำเป็นห้องสปา และห้องนวดได้ ถ้าแขกที่มาพักต้องการ เรือนไม้เรือนนี้เป็นเรือนแรกและเป็นเพียงเรือนเดียวของทางรีสอร์ท เนื่องจากมีแขกเข้าพักจึงไม่ได้ถ่ายรูปบนเรือนไทยมาให้ชมน่ะค่ะ

2) อาคาร Family suite, Tharabusi suite and Deluxe room
อาคารหลังที่ 2 เป็นอาคารชั้นเดียว อยูด้านหลังล็อบบี้  ซึ่งจะประกอบไปด้วย ห้อง Deluxe 3 ห้อง ห้อง Family suite 1 ห้อง และ ห้อง Tharaburi suite 1 ห้อง แต่ความน่าสนใจของอาคารนี้คือ 5 ห้อง 5 สไตล์ การตกแต่งในแต่ละห้องนั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเป็นแนวการตกแต่งแบบผสมผสานตะวันออก และตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ตามเราไปดูกันเลยค่ะ
มองจากทางเดินประตูด้านหลังของล็อบบี้จะเห็นอาคารหลังที่ Deluxe , Suite  ส่วนศาลาเล็กๆ ท้ายสุดจะเป็นส่วนของห้อง Tharaburi suite

จากประตูหลังของล็อบบี้ เดินมาเรื่อย ๆ จะมาถึงทางแยก ขวามือจะเป็นซุ้มระฆังแบบสุโขทัย ซึ่งจะเป็นทางขึ้นอาคาร Deluxe, Suite

ระเบียงหน้าห้องอาคาร Deluxe จะมีชุดเก้าอี้หน้าห้องทุกห้อง ให้แขกได้นั่งเล่นชิว ๆ ด้วย

เมื่อมองจากศาลาในห้อง Tharaburi suite จะเห็น อาคาร Deluxe ด้านซ้ายมือ หลังคาตรงกลางคือ บ้านเรือนไทย และห้องอาหาร ส่วนขวามือจะเป็นอาคารแนวยาว ซึ่งจะเป็นด้านหลังล็อบบี้ และระเบียงหลังของห้องพัก Grand Deluxe

จุดเด่นอาคาร Family suite, Tharabusi suite and Deluxe room
ห้องทุกห้องตกแต่งตามสไตล์ต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกัน ภายในห้องค่อนข้างกว้าง เพราะไม่มีอ่างน้ำ ห้องอาบน้ำจะเป็น open air แต่มีตระแกรงครอบเพื่อกันยุงและแมลง โทรทัศน์ในทุกห้องจะถูกวางอยู่ในตู้ฝาปิดแบบไทย และจีน แล้วแต่สไตล์ของห้องนั้น ๆ และทุกห้องจะมีระเบียงหลังห้อง ซึ่งจะเป็นวิวสนามหญ้าเล็ก ๆ และสระบัว
เรามาเริ่มห้องแรกกันเลย

1) ห้อง Deluxe สไตล์ไชนีส รูม (Chinese room)
การตกแต่งเป็นสไตล์จีน มีระเบียงหลังห้องให้นั่งเล่น ห้องนี้ตกแต่งด้วยโทนสีชมพู ขาว แดง เน้นความเป็นจีน

เมื่อเปิดประตูเข้ามา ด้านซ้ายจะเป็นโซนแต่งตัว ตู้เสื้อผ้าเป็นไม้ฉลุลายจีน และมีโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งจะมีไดร์เป่าผมให้ทุกห้อง พื้นในโซนแต่งตัว และโซนห้องน้ำ จะเป็นพื้นปูนขัด

มาดูในห้องน้ำกัน  ด้านขวามือจะเป็นห้องน้ำ ภายในห้องน้ำจะประกอบด้วย อ่างล้างหน้าแบบจีน ห้องอาบน้ำจะเป็นฝักบัว และ open air แต่มีตระแกรงครอบเพื่อกันยุงและแมลง ซึ่งจะทำให้ได้รับแสงจากธรรมชาติ ลดการอับของห้องน้ำ และช่วยทำให้ลดการใช้ไฟฟ้าได้ดี และมีการปลูกต้นไม้เล็กๆ ประดับในห้องน้ำ ทำให้ดูสบายตาดี

ส่วนในโซนห้องนอนปูด้วยกระเบื้องลายไม้ โดยผนังห้องเป็นสีชมพูแดง ห้องนอนประดับด้วยภาพเขียนสีน้ำ หัวเตียงตกแต่งด้วยไม้แกะสลักแบบจีน และโคมไฟสีแดงข้างหัวเตียง ส่วนด้านบนเพดานตกแต่งด้วยร่มจีนคันใหญ่สีแดง การตกแต่งทำได้อย่างลงตัว

จากปลายเตียงจะเป็นในโซน living room มีโต๊ะทำงาน ( บนโต๊ะมีส้ม เป็น Welcome fruit ให้แขกผู้เข้าด้วย) รวมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ  มีโทรทัศน์ (ทุกห้อง โทรทัศน์จะถูกเก็บไว้ในลายจีนโดยประตูเปิดปิดต้องดึงออกจากด้านข้างตู้ เพื่อเป็นบานประตูบานพับ) มีตู้เย็น ที่ดักยุง มีกระติกน้ำร้อน ชา กาแฟ และมินิบาร์ ซึ่งจะเป็นขนมขบเคี้ยวที่เตรียมไว้ให้แขกผู้เข้าพักรับประทานได้ฟรี

เรามาต่อกันที่ระเบียงกันเลยค่ะ จากในห้องมองออกไปที่ระเบียง และจากหน้าระเบียงมองเข้าไปในห้อง ระเบียงจะติดกับสระบัว และมีชุดเก้าอี้ไม้ ไว้นั่งพักผ่อนเล่น บรรยากาศดีมากค่ะ

2) ห้อง Deluxe สไตล์โมรอคโค รูม (Morocco room)
การตกแต่งเป็นสไตล์โมรอคโค มีระเบียงหลังห้องให้นั่งเล่น ห้องนี้ตกแต่งด้วยโทนสีเขียวอ่อน ขาว น้ำตาล

เมื่อเปิดประตูเข้ามา ด้านขวาจะถูกแบ่งเป็นห้องแต่งตัว ซึ่งพื้นในโซนห้องแต่งตัว จะเป็นพื้นปูนขัด มีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง มีไดร์เป่าผม

ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ ภายในห้องน้ำจะประกอบด้วย อ่างล้างหน้าสีเขียว และห้องน้ำทุกห้องในประเภท Deluxe ห้องอาบน้ำจะเป็นฝักบัว และ open air แต่มีตระแกรงครอบเพื่อกันยุงและแมลง ซึ่งจะทำให้ได้รับแสงจากธรรมชาติ และมีการปลูกต้นไม้เล็กๆ ประดับในห้องน้ำ เพื่อเพิ่มความสดชื่น

ส่วนในโซนห้องนอนปูด้วยกระเบื้องสีส้ม โดยผนังห้องเป็นสีเขียวอ่อนทั้งหมด ห้องนอนประดับด้วยภาพเขียน ส่วนผนังหัวเตียงตกแต่งด้วยแผ่นไม้ขนาดใหญ่ ประดับหัวเตียงด้วยกรอบรูปขนาดใหญ่ด้านในเป็นผ้าปักลวดลายสีสันต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงความเป็นโมรอคโค

จากปลายเตียงจะเป็นโซน นั่งเล่น ซึ่งจะประกอบไปด้วยโต๊ะทำงาน (มี กล้วยไข่เป็น welcome fruit) ถัดจากโต๊ะทำงานเป็น ตู้ไม้สไตล์โมรอคโคใช้วางโทรทัศน์ด้านใน และมีโซฟายาวไว้นั่งเล่น

ในส่วนของระเบียง จากในห้องมองออกไปที่ระเบียง และจากหน้าระเบียงมองเข้าไปในห้อง ระเบียงจะติดกับสระบัว และมีชุดเก้าอี้ไม้ ไว้นั่งพักผ่อน

3) ห้อง Deluxe สไตล์ญี่ปุ่น (Japanese room)
เตียงนอนจะยกสูงนิดหน่อย การตกแต่งจะเป็นสไตล์ญี่ปุ่น ห้องจะเป็นสีเขียว ห้องญี่ปุ่นนี้ ไม่ได้ถ่ายรูปเพราะเนื่องจากมีผู้เข้าพักชาวต่างชาติ อยู่พักยาว เราเลยไม่สามารถเก็บภาพมาให้ชมกันได้ค่ะ

4) ห้อง Family suite สไตล์บาหลี (Bali room)
การตกแต่งเป็นแบบสไตล์บาหลี มี 2 ห้องนอน หนึ่งห้องนอนอยู่ชั้นล่าง และอีกห้องนอนจะอยู่ชั้นบนห้องใต้หลังคา ห้องนี้ตกแต่งด้วยโทนสีแดงเข้ม ขาว น้ำตาล มีระเบียงหลังให้นั่งเล่น
เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามา ห้องจะถูกแบ่งเป็นด้านขวา เป็นห้องแต่งตัว ซึ่งจะมีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง และมีไดร์เป่าผม ส่วนด้านซ้ายเป็นห้องน้ำ ซึ่งพื้นห้องเกือบทั้งห้องจะปูด้วยกระเบื้องสีส้ม

ห้องน้ำเป็นพื้นปูนสีเขียว มีฝักบัวแบบ open air

ส่วนด้านขวามือจะเป็นห้องน้ำ ห้องน้ำเป็นแบบ open air แต่มีตระแกรงครอบเพื่อกันยุงและแมลง ซึ่งจะทำให้ได้รับแสงจากธรรมชาติ และมีการปลูกต้นไม้เล็กๆ ประดับในห้องน้ำ เพื่อเพิ่มความสดชื่น และร่มรื่น

ส่วนในโซนห้องนอนมี 2 ห้องนอน ห้องนอนแรก อยู่ชั้นล่าง ตกแต่งด้วยโทนสีขาว แดงน้ำตาล ผนังห้องเป็นสีครีม หัวเตียงประดับด้วยไม้แกะสลักลายไทย เป็นเตียงมุ้ง ข้างเตียงมีโซฟาเดย์เบด ปลายเตียงมีบันไดเพื่อไปห้องนอนที่ 2

เดินบันไดขึ้นมาจะเป็นประตูห้องใต้หลังคา เมื่อเปิดประตูเข้าไป ด้านซ้ายจะเป็นเตียงนอนแบบราบพื้น ตกแต่งด้วยโทนสีครีมน้ำตาล พื้นห้องเป็นปูนเปลือย เมื่อเปิดหน้าต่างยาวด้านข้างจะสามารถมองเห็นในส่วนของชั้นล่างได้ ด้านขวาจะเป็นโต๊ะญี่ปุ่นไว้นั่งเล่นได้

ถัดมาจะเป็นในส่วน เครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เริ่มต้นที่โทรทัศน์ และตู้เย็นจะถูกวางไว้ในตู้ไม้ลายไทย มีที่ดักยุงเตรียมไว้ให้ข้างๆ ตู้ด้วย และมีกระติกน้ำร้อน ชา กาแฟ และมินิบาร์ ขนมคบเขี้ยว ซึ่งผู้เข้าพักทานได้ฟรี เป็น complimentary ของทางรีสอร์ท

ต่อมาเป็นระเบียงด้านหลังห้องพัก จะติดกับสระบัว และมีเก้าอี้นั่งให้พักผ่อน

5) ห้อง Tharaburi suite สไตล์ไทย (Thai room)
ห้องนี้เป็นห้องสวีท ตกแต่งแบบสไตล์ไทย ๆ ภายในจัดตกแต่ง โดยแบ่งเป็นห้องหลายห้อง ที่สำคัญมีห้องนั่งเล่นด้วยภายในห้องพัก มีระเบียงริมน้ำหน้าห้อง และหลังห้องมีเก้าอี้ไม้ไว้นั่งพักผ่อนเอนกายได้

เมื่อเปิดประตูบานใหญ่เข้ามา ซ้ายมือเป็นที่นั่งศาลาริมน้ำ ขวามือเป็นประตูห้องสวีท
เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป ภายในห้องจะเป็นพื้นไม้ขัดเงา ซึ่งจะเห็นว่าห้องนี้ถูกแบ่งเป็นโซนต่างๆ ไว้หลายโซน โดยด้านซ้ายมือจะเป็นโซนเคาน์เตอร์บาร์เล็ก ๆ ซึ่งจะมีตู้อบไมโครเวฟ ตู้เย็น เครื่องชงกาแฟ ชุดชากาแฟ พร้อมด้วย มินิบาร์ให้รับประทานฟรี และมีนิตยสารให้อ่านเล่นด้วย

เดินขึ้นมาอีกหน่อย ผ่านเคาน์เตอร์บาร์ จะเป็นโซนห้องนั่งเล่น มีโทรทัศน์ที่อยู่ในตู้ลายไทย มีโซฟายาว พร้อมหมอนอิงไว้นั่งดูโทรทัศน์ ส่วนผนังด้านบนโซฟาจะประดับด้วยไม้แกะสลักลวดลายคล้ายนางอัปสร ทุกอย่างถูกตกแต่งให้เข้ากันแบบสไตล์ไทย ๆ และมีที่ดักยุงเตรียมไว้ให้ เมื่อเปิดประตูหลังบ้านออกไป ระเบียงด้านนอกจะเป็นระเบียงยาวเชื่อมต่อห้องนั่งเล่นกับห้องนอน

จากระเบียงหลังห้อง มองออกไปจะเป็นประตูหน้าห้อง ซึ่งจะเห็นศาลา ริมน้ำ ขวามือเป็นเคาน์เตอร์บาร์ ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นประตูที่เข้าไปโซนห้องน้ำ ห้องแต่งตัว และห้องนอน

จากหน้าประตูห้องสวีท เดินเข้ามาเลี้ยวเข้าประตูด้านขวามือ จะเห็นโต๊ะเครื่องแป้งซึ่งอยู่ซ้ายมือ ด้านขวามือเป็นประตูห้องน้ำ ซึ่งจะมีชั้นวางผ้าขนหนูอยู่ด้านนอกหน้าประตูห้องน้ำ ตรงไปจะเป็นประตูห้องนอน และมีประตูเปิดออกไปก็จะเป็นระเบียงหลังบ้าน

ตอนนี้เราเปิดประตูห้องน้ำ ภายในห้องน้ำ จะมีอ่างอาบน้ำที่ทำจากปูนเปลือย ด้านหลังเป็นฝักบัวอาบน้ำ ซ้ายมือเป็นอ่างล่างหน้า และชักโครก  ห้องน้ำจะเป็นลักษณะ open air  ภายในประดับด้วยต้นไม้เล็ก ๆ เพื่อให้รู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ

มาดูห้องนอนกันต่อ หลังจากออกมาจากห้องน้ำ เราเดินตรงขึ้นมาที่ประตูห้องนอน เมื่อเปิดประตูห้องนอน จะมีเตียงเดี่ยว ที่ตกแต่งโทนสีขาว ครีม น้ำตาล โดยหัวเตียงจะประดับด้วยไม้แผ่นใหญ่ เขียนลายไทยเป็นรูปต้นไม้ ดูสวยแบบไทย ๆ ในห้องจะมีโทรทัศน์ตั้งโต๊ะจอแบน มีเครื่องเล่นดีวีดี เตรียมไว้ให้ด้วย

จากห้องนอน เราเปิดประตู จะเป็นระเบียงด้านหลังซึ่งจะเชื่อมต่อกับระเบียงของห้องนั่งเล่น ซึ่งระเบียงจะติดกับสระบัว และสนามหญ้าเล็ก ๆ ต่อไปเราจะสำรวจห้อง Grand deluxe กันน่ะค่ะ

3) อาคาร Grand Deluxe
จะเป็นอาคารที่ถูกสร้างขึ้นมาทีหลัง ซึ่งจะอยู่โซนด้านหน้า และติดกับอาคารล็อบบี้ ความโดดเด่นของแกรนด์ดีลักซ์ คือทุกห้องจะมีอ่างจากุซซี่ ซึ่งแกรนด์ดีลักซ์จะมีทั้งหมด  ห้อง ภายในของแต่ละห้องจะคล้าย ๆ กัน แตกต่างกันที่วัสดุในการปูผนัง สี การตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งแต่ละห้องจะไม่เหมือนกันเลย
เมื่อเดินเข้ามาในล็อบบี้ เดินผ่านประตูด้านข้างออกไป จะเห็นทางเดินไปห้องดีลักซ์ โดยจะมีชุดเก้าอี้ไม้ อยู่หน้าห้องแต่ละห้อง ให้ผู้เข้าพักนั่งพักผ่อน

3.1 ) แกรนด์ดีลักซ์ ห้องสีชมพู
เราเปิดประตูไปดูห้องแรกกันเลยค่ะ ห้องนี้เป็นโทนสีขาวชมพู ตกแต่งสไตล์จีน พื้นห้องเป็นพื้นไม้ขัดเงาทำให้ดูสวยสะดุดตา ประตูด้านหลังเปิดออกไปจะเป็นระเบียงซึ่งจะมองเห็นอาคาร deluxe

จากรูป ขวามือจะเป็นห้องน้ำ ซ้ายมือจะเป็นตู้เสื้อผ้าซึ่งเป็นไม้แกะสลักลวดลายจีน ข้าง ๆ ตู้เสื้อผ้าจะเป็นชั้นวางตู้เย็น และมินิบาร์ ให้ผู้เข้าพักรับประทานได้ฟรี

จากประตูทางเข้า เดินขึ้นมาขวามือเป็นเตียงเดียว ตกแต่งด้วยโทนสีขาวชมพู โคมไฟหัวเตียง โต๊ะข้างหัวเตียง ตู้วางโทรทัศน์ รวมทั้งโต๊ะทำงานเป็นสไตล์จีน มีโต๊ะโซฟาหนังไว้นั่งเล่นอยู่บริเวณข้างๆ หัวเตียง

เข้ามาสำรวจในห้องน้ำกัน เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเห็นห้องอาบน้ำ สีออกโทนขาว น้ำตาล มีฝักบัวใหญ่สะใจมาก อ่างล้างมือลายจีน ส่วนผนังปูด้วยโมเสคสีน้ำตาลเงา ซึ่งห้องแกรนด์ดีลักซ์จะมีอ่างจากุซซี่ทุกห้อง

3.2) แกรนด์ดีลักซ์ ห้องสีเหลืองอ่อน
ห้องนี้จะเป็นโทนสีขาวเหลืองอ่อน ห้องนี้สามารถทำเป็น connecting room กับห้องสีชมพูข้างบน เพราะมีประตูเปิดปิดระหว่างห้อง การตกแต่งคล้ายกับห้องสีชมพู เพียงแต่ห้องนี้จะเป็นเตียงคู่ พื้นไม้ขัดเงาเชื่อมต่อกับห้องสีชมพู

จากรูป ห้องน้ำอยู่ด้านซ้ายมือ ตู้เสื้อผ้าไม้ลายจีนอยู่ด้านขวามือ มีตู้เย็นและมินิบาร์อยู่ข้าง ๆ ห้องนี้แปลกตาที่โต๊ะวางกระเป๋าเสื้อผ้าจะเป็นหีบไม้ ทำให้ดูน่าสนใจดี

มาดูในโซนที่นอนกัน เป็นเตียงคู่ มีโคมไฟสไตล์จีนวาง และแผงคอนโทรล อยู่บนโต๊ะหัวเตียงแทรกระหว่างเตียงทั้งสอง

มุมมองจากระเบียงหลังห้องไปที่ประตูทางเข้า และจากประตูทางเข้ามาที่ระเบียง

มาดูกันต่อที่ห้องน้ำค่ะ ห้องน้ำจะแบ่งเป็นห้องอาบน้ำซึ่งมีฝักบัวขนาดใหญ่ และเป็นอ่างจากุซซี่ อ่างล้างหน้าเป็นสไตล์จีน ส่วนกระเบื้องผนัง, โมเสคบริเวณอ่างล้างหน้า และห้องน้ำจะออกโทนสีน้ำตาล

3.3) แกรนด์ดีลักซ์ ห้องสีม่วงเหลือง
ห้องแกรนด์ดีลักซ์สีม่วง ตกแต่งสไตล์จีน ด้วยโทนสีม่วงเหลือง

เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป ขวามือจะเป็นตู้เสื้อผ้า ซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ พื้นภายในห้องจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกเป็นพื้นบริเวณหน้าประตูห้อง และหน้าห้องน้ำ ปูนด้วยกระเบื้องสีน้ำตาลอ่อน ส่วนพื้นบริเวณห้องนอนจะเป็นปูนเปลือย ฝังด้วยโมเสคสีทองดูแปลกตาดี

เดินเข้ามาดูห้องนอนกัน  ห้องนี้จะเป็นเตียงเดี่ยว ด้านบนเพดานถูกประดับด้วยร่มจีนคันใหญ่สีเหลือง โดดเด่นกลางห้อง ผนังหัวเตียงตกแต่งด้วยภาพไม้ลายฉลุ ข้างหัวเตียงจะมีโคมไฟสไตล์จีน 2 ข้าง

มาดูมุมมองจากฝั่งระเบียงไปทางประตูทางเข้าบ้างนะคะ

มาสำรวจกันต่อ ในห้องจะมีตู้ใส่โทรทัศน์แบบจีน สีเหลือง ถัดขึ้นมาจะเป็นโต๊ะทำงาน ซึ่งติดกับระเบียงห้อง

มาดูห้องน้ำกัน ประตูห้องน้ำเป็นสีแดง ส่วนภายในห้องน้ำเป็นสีขาว ดูสะอาดตา ซึ่งจะแบ่งเป็นฝักบัว อ่างอาบน้ำ

เดินสำรวจมานาน เราก็แวะมาทานอาหารเย็นกันดีกว่า มื้อเย็นของวันแรก เสริฟ์จานแรกด้วยอาหารขึ้นชื่อ หรือ อาหาร Signature ของรีสอร์ทคือ กุ้งราดซอสมะขาม เป็นกุ้งชุบแป้งทอด ราดด้วยซอสมะขาม ทานคู่กันกับเส้นหมี่ทอดกรอบ รสชาติอยากบอกว่า ทานแล้วต้องสั่งมาทานเพิ่มอีกจาน

จานถัดไป เป็นไก่ผัดเม็ดมะม่วง รสชาติกลมกล่อมกำลังดี ไก่กรอบนอกนุ่มใน

ต้มข่าไก่ รสชาติเข้มข้น กลมกล่อม ทั้งความหวาน มัน เปรี้ยว เค็ม กำลังดี

ตบท้ายด้วยขนมหวาน ซึ่งเป็นขนมประจำของรีสอร์ท ชื่อว่า ซาโมซ่า  เป็นแป้งทอดสอดไส้กล้วยหอม และราดด้วยซอสช็อคโกแลต อร่อยมาก ทานเสร็จแล้วเราก็ขอนอนพักเอาแรงสักคืน ก่อนมาลุยถ่ายรูปต่อวันพรุ่งนี้

เราไปชมกันต่อสำหรับอาหารมื้อเย็นของวันที่สอง เป็นแกงเผ็ดสัปปะรดใส่องุ่นด้วย แปลกดีแต่อร่อยเข้มข้น

จานต่อไปเป็นกุ้งผัดยอดมะพร้าว อร่อยเช่นกัน

จานนี้เป็นไก่ทอดตระไคร้ ไก่กรอบนอกนุ่มในอร่อยดี อยากบอกว่าอาหารที่นี้อร่อยทุกอย่าง และรสชาติแบบไทย ๆ ถูกปากคนชอบอาหารไทยแบบเรามาก

หลังจากอาหารเย็นแล้ว เรามาดูอาหารเช้ากันน่ะค่ะ ด้วยห้องพักที่มีไม่มาก อาหารของทางรีสอร์ทจึงเป็นแบบอาลาคาส ซึ่งจะเริ่มต้นเสิรฟ์ด้วยน้ำส้ม หรือ น้ำกระเจี๊ยบเย็น เป็นการเรียกน้ำย่อย

และมีเมนูให้เลือกเป็นข้าวต้มหมู, ข้าวต้มไก่ หรือไส้กรอก พร้อมเบคอนและไข่ดาว

ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเราเลือกข้าวต้มไก่มาทานเพราะกลัวไม่อิ่ม

ถึงแม้ว่าเป็นอาลาคาส แต่ทางรีสอร์ทก็จะเตรียมโยเกิร์ต, คอนเฟล็กซ์หรือโกโก้ครั้น พร้อมนมสด, ขนมปังปิ้ง 2 แผ่น พร้อมแยมสัปปะรดและสตอเบอร์รี่ และเนยเทียม พร้อมกับผลไม้ ให้แขกที่เข้าพักทุกท่าน รับรองได้ว่าอิ่มแปล้แน่นอน ทำให้รู้สึกว่าทางรีสอร์ทเห็นความสำคัญ และเต็มที่ในเรื่องอาหารเช้ากับแขกที่เข้าพักมาก

กิจกรรมสำหรับแขกที่มาพักจะมี
1) Cooking Class ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติที่ชอบรับประทานอาหารไทย
2) ปั่นจักรยานชมอุทยานแห่งชาติ มีรถจักรยานให้แขกเช่าราคาเดียว แต่เที่ยวได้ตลอดทั้งวัน
3) มีบริการนวดสปา และนวดไทย
4) ส่วนในช่วงเทศกาลลอยกระทง ทางรีสอร์ทจะมีกระทงเป็น complimentary ให้แขกที่เข้าพักได้ร่วมกิจกรรมที่อุทยานฯ
5) มีบริการรับส่งแขกที่ต้องการไปอุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย

นำรูปที่ไปเที่ยวมาฝากกีนนิดหน่อยนะคะ

มาถึงในเรื่องของการบริการ คุณน้อย น้องสาวเจ้าของรีสอร์ทบอกว่า พนักงานที่นี่จะเป็นคนท้องถิ่น เพราะอย่างน้อยทางรีสอร์ทก็ช่วยให้ชาวบ้านละแวกนี้มีงานทำ ส่วนในเรื่องการบริการนั้น คุณน้อยมั่นใจว่าแขกจะได้รับความอบอุ่น จริงใจและเต็มที่ในการให้บริการ ด้วยความที่เป็นคนไทยและเป็นคนท้องถิ่น ซึ่งจะมีน้ำใจต่อผู้เยือนเสมอ สำหรับในส่วนของภาษาอังกฤษที่อาจจะมีผลต่อพนักงานนั้น คุณน้อยบอกว่า เคยให้พนักงานจะได้เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานอยู่ช่วงหนึ่ง และพนักงานเองก็ได้ฝึกจริงกับแขกต่างชาติ ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดี เพราะทุกวันนี้ พนักงานสามารถทักทาย และรับออร์เดอร์จากแขกต่างชาติได้

สุดท้าย คุณน้อย จึงอยากฝากบอกแขกที่เคยมาพักและยังไม่เคยมาพักว่า “สำหรับแขกที่เคยมากพัก ต้องขอขอบคุณมาก ๆ ที่เลือกมาพักโรงแรมของเรา และก็อยากให้กลับมาพักอีก เพราะว่าเป็นจังหวัดเดิมก็จริง แต่ว่าแต่ละครั้งที่มาจะได้รับความทรงจำกลับไปที่ไม่เหมือนกันจริง ๆ ส่วนแขกที่ยังไม่เคยมาก็อยากให้ลองมาพักสักครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะคุณจะรู้ว่าเพราะการที่มาพักที่นี่ จริงๆ แล้วมันได้อะไรมากกว่านั้น นอกจากห้องพักที่หลากหลาย ที่สามารถเลือกห้องพักได้  ท่านจะได้ประสบการณ์ดี ๆ กลับไปแน่นอนและเราก็ยินดีต้อนรับทุกๆ ท่าน และพนักงานทุกคนที่นี่มีความเป็นมิตร เหมือนพี่เหมือนน้องกัน โดยเฉพาะพนักงานบางคนภาษาอังกฤษไม่คล่องแต่ความพยายามที่เค้าจะสื่อ มันกินใจคนที่พบเห็น และแขกที่พบ สุดท้ายอยากให้ท่านได้ลองเข้ามาชมเว็บไซด์ หรือเข้ามาเดินเล่นชมสถานที่ก่อนก็ได้ เรายินดีเปิดห้องให้ชม แค่ขอให้แวะเข้ามา แค่นั้นก็รู้สึกดีใจแล้ว”

จากที่เราเล่ามาทั้งหมดนี้ เป็นประสบการณ์ตรงและความประทับใจที่เราได้สัมผัสด้วยตัวเอง อยากให้เพื่อนๆ มาช่วยกันทำให้โรงแรมบูติกเล็ก ๆ เหล่านี้จะยังมีลมหายใจ และยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง ท่ามกลางสภาพการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง การบริการด้วยรอยยิ้มจากหัวใจ และอบอุ่นเสมือนญาติจากโรงแรมบูติกเล็ก ๆ นั้น เราคงหาได้ไม่ง่ายนักในโรงแรมใหญ่ๆ ในปัจจุบัน
สุดท้ายนี้  ขอขอบคุณโครงการ Thailand Boutique Awars 2011 ที่ทำให้เรา ได้มีโอกาสเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ และขอขอบคุณพื้นที่ที่ให้เราได้มารีวิวด้วยน่ะค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมก่อนหน้านีันะคะ
รบกวนมาชมกันต่อเลยนะคะ

แวะมาชมครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

ขอบคุณครับสำหรับรีวิวสวยๆ.................

เข้ามาอ่านอีกรอบค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

ตามมาชมรีสอร์ทสวย ๆ ค่ะ ^^

รีสอร์ทสวยมากครับ...

ขอบคุณรีวิวมากๆนะครับ
สวยงาม น่าพักจริงๆ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยมากๆค่ะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^

ภาพสวยมากๆครับทั้งรีสอร์ทและอาหาร
ยังไม่เคยมีโอกาสได้ไปสุโขทัยเลย ทำให้อยากไปจังหวัดนี้ซักครั้ง^^