สวัสดีครับ

เมื่อสัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสไปพักโรงแรมหรูเปิดใหม่
แบบจ่ายเองกับโปรโมชั่นพี่เอ๊กซ์เจแปนลดพันเยน รุ่น PEN10 ซึ่งหายวับในพริบตา และก็มีโอกาสได้ไปปล่อยโคมลอย ในงานยี่เป็งสันทรายที่ธุดงคสถานล้านนา แล้วก็ได้พาเพื่อนไปเที่ยวม่อนแจ่มแบบมินิกระทัดรัดๆ ก็เลยจะนำภาพและข้อมูลมานำเสนอ เป็นไอเดียในการวางแผนเที่ยวเชียงใหม่ครับ

เนื่องจากช่วงนี้ จะเห็นได้ชัดเจนว่า มีชาวกรุงเทพอพยพหนีน้ำขึ้นมาเชียงใหม่เป็นจำนวนมาก เพราะอากาศที่เริ่มเย็นสบาย มีที่พักรองรับเป็นจำนวนมาก และมีทุกสิ่งอย่างเหมือนกรุงเทพ จึงส่งผลทำให้การจราจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง rush hour เช้าและเย็น รถจะติดแบบสุดๆ เพิ่มขึ้นประมาณ 2-3 เท่า จึงควรต้องเผื่อเวลาในการเดินทางด้วย และแน่นอนว่า พาหนะที่เหมาะที่สุด ในการเดินทางในตัวเมืองเชียงใหม่ ช่วงรถเยอะๆ แบบนี้ ก็คือ มอเตอร์ไซด์ ครับ

กระทู้นี้ก็เลยจะพาไปดูสามสิ่ง ก็คือ โคมลอย ม่อนแจ่ม+ม่อนม่วน
แล้วปิดท้ายด้วย Sheik Istana (ชิค อิสทาน่า) ซึ่งเป็นรีสอร์ทหรูน้องใหม่
สไตล์โมรอคโค ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา
แล้วกำลังกลายเป็นบูติกที่มาแรงมากในช่วงนี้ ด้วยความอลังการสไตล์โมรอคโค ที่แทบจะไม่เคยมีมาก่อนในเชียงใหม่ เรียกว่าน้องๆ วิลล่ามาร๊อค ของคุณตัน อิชิตัน เพียงแต่เปลี่ยนจากทะเลเป็นบรรยากาศเงียบๆ ริมแม่น้ำปิง ชานเมืองเชียงใหม่ ที่สวยงาม เงียบสงบ หรูหรา บรรยากาศเป็นกันเองดี ว่าที่ผู้เข้าร่วมประกวดโครงการ Thailand Boutique Awards 2012 แน่นอน (เชียร์แขกไปเรียบร้อยแล้ว และผมว่าเค้าก็มีสิทธิ์ได้รางวัลนะ ใครจะมาทำรีวิวก็ไม่รู้หล่ะ ผมเป็นกำลังใจให้ครับ) เดี๋ยวเราไปดูกันครับ

^^

ปูเสื่อรอชมครับ แต่บางทีอาจจะมาเก็บเสื่อเที่ยงๆนะครับ..................ขอบคุณครับ

เรื่องโคมลอยก่อน ....

คำถามยอดฮิต ... ที่หลายๆ คนเวลาอยากมาขึ้นเชียงใหม่
จำนวนไม่น้อย ที่อยากจะมาดูโคมลอยสวยๆ เยอะๆๆ

-- งานทีมีผู้คนเฝ้าติดตามมากที่สุดก็คือ งานประเพณียี่เป็งสันทราย
ที่จัดโดยธุดงคสถานล้านนา (ในเครือของวัดพระธรรมกาย) ซึ่งปกติจะจัดขึ้นทุกปี ปล่อยโคมธรรมชัยปีละเป็นพันๆ ลูกขึ้นพร้อมๆ กัน จึงเป็นภาพที่สวยงามที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเข้าชม เห็นว่ามากกว่า 20,000 คนเลยทีเดียว

-- ในปีนี้ จัด 2 ครั้งครับ โดยครั้งแรกเข้าชมฟรี (ทำบุญค่าโคมธรรมชัย ขนาดมาตรฐาน 100 บาท/โคม) ในวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา และในครั้งต่อไปเป็นวันที่ 9 พฤศจิกายน จะเก็บค่าเข้าชมที่รวม ค่ารถรับ-ส่ง ไป-กลับ ค่าขันโตกดินเนอร์แบบง่ายๆ และโคมลอย รวมท่านละ 100 USD (ตกสามพันกว่าบาท) จำกัดจำนวนเพียง 1,000 เท่านั้นซึ่งถ้าหากใครที่ไม่ต้องการเบียดเสียด จะร่วมทำบุญ 100 USD ก็ไม่ว่ากันครับ ....

-- สำหรับช่วงวันที่ 9-11 พฤศจิกายน จะมีการปล่อยโคมลอยทั่วทั้งเมือง
โดยเฉพาะในคืนวันที่ 10 พฤศจิกายนซึ่งเป็นวันลอยกระทง จะมีปริมาณโคมลอยมากที่สุด จนกระทั่งเทียวบินทีขึ้น-ลง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ต้องยกเลิกทุกเที่ยวบินในช่วงกลางคืนเลยทีเดียวครับ สำหรับใครที่ต้องการมาสัมผัสบรรยากาศ ลอยกระทงเชียงใหม่ ก็มากันได้ในช่วงเวลานี้ ลอยกระทง ปล่อยโคมลอย แต่ต้องระวังประทัดกันหน่อยนะครับ เพราะเด็กๆ เล่นกันไม่ค่อยระมัดระวังเลย ในคูเมืองรณรงค์ไม่ให้เล่นประทัด และจำหน่ายสุรา แต่ผมว่าทำไม่ได้หรอก เหอๆๆๆ

-----------------------------------------------------------------------------
กรณีต้องการไปดูโคมลอยที่ธุดงคสถานล้านนา (ในปีต่อๆ ไป)

-- สถานที่ตั้ง : ธุดงคสถานล้านนา อยู่หลังมหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 15 กิโลเมตร และห่างจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ราว 3 กิโลเมตร

-- มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือ รถยนต์ส่วนตัว หรือ มอเตอร์ไซด์ส่วนตัว
จะเช่าไป หรือจะยังไงไปก็ได้ แต่ไม่มีรถสาธารณะผ่านครับ
ถ้าจะนั่งรถสาธารณะ ต้องลงบริเวณปากทางเข้าใกล้ ม.แม่โจ้ แล้วเดินเข้าไป เรียกได้ว่า เดินกันขาเกือบลาก อย่างน้อย 30-40 นาทีกว่าจะถึง เหนือยแน่ๆ ครับ

-- กรณีเอารถยนต์ส่วนตัวไปจอด ผู้คนส่วนใหญจะเริ่มนำรถไปจอด stand by กันตั้งแต่เวลา 16.00-17.00 น. ข้อดีก็คือ เดินทางจากในเมืองสบาย แต่ข้อเสียคือเวลาเลิกงานรถติดสุดๆ อาจจะออกมาลำบากมาก

-- จึงแนะนำว่า ถ้าเอามอเตอร์ไซด์ไปจะรวดเร็วกว่า แต่ก็มีจุดอ่อนคือ จุดจอดรถที่ทางธุดงคสถานจัดให้จะอยู่ไกลจากทางเข้างานพอสมควร และต้องเสียเงินค่าจอด 10 บาทด้วย ถ้าจะไปจอดแอบๆ ก็ต้องจอดบริเวณแยก ซึ่งอยู่ห่างจากงานอย่างน้อย 500-600 เมตร เดินกันไปเรื่อยๆ แล้วก็จะผ่านร้านค้า นักศึกษา ม.แม่โจ้ ที่มาออกร้านกันมากมาย รวมไปถึงพ่อค้าแม่ขายที่มาขายของกันเพียบ ก่อนเข้างานนั่นเอง ..... ข้อดีก็คือ เลิกงานแล้ว เผ่นสะดวกครับ ไม่ต้องเจอรถติดมากเพราะมอเตอร์ไซด์ซอกแซ่กได้นั่นเอง

-- ผู้คนจะเริ่มจับจองพื้นที่ลอยโคมกันราว 17.00-18.00 น. ช่วงเวลา 19.00 น. ก็จะเต็มพื้นที่ครับ มาช้าอาจจะได้ทำเลไม่ดี ผมคิดว่ามาซัก 5 โมงเย็นกำลังดีเลย ได้ทำเลช่วงกลางๆ พอดี หรืออย่างช้าก่อน 6 โมงเย็นจะดีมากครับ

-- อย่าลืมเรื่องการแต่งกาย ห้ามนุ่งสั้น หรือใส่กระโปรงสั้นนะครับ มิฉะนั้นเจ้าหน้าที่ (น้องๆ ม.แม่โจ้) จะมิให้เข้างาน ให้แต่งกายสุภาพเรียบร้อย แม้จะไม่ชุดขาวก็ไม่เป็นไรครับ และ ผู้จัดงาน "ไม่อนุญาตให้นำโคมลอยส่วนตัว" เข้าไปครับ จะต้องไปทำบุญโคมธรรมชัย ขนาดมาตรฐานข้างในเท่านั้น แต่ผมก็แอบเห็นบางคนทำน่าเกลียด เอาโคมลอยใส่ถุงดำ ทำทีไม่รู้ไม่ชี้จะเดินเข้าไปซะงั้น ....

-- เวลาปล่อยโคมลอย ราว 19.30 น. (รอให้ฟ้ามืดก่อน)
และปกติจะต้องมีการปฏิบัติธรรมก่อนทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นการสวดหรือเวียนเทียน จนถึงไฮไลท์คือปล่อยโคมธรรมชัย ต้องจุดไฟพร้อมกัน และค่อยๆ ปล่อยโคมพร้อมๆ กัน ห้ามปล่อยก่อนครับ (ซึ่งระบบการจัดการเค้าดีครับ มีการประกาศอย่างต่อเนื่องทั้งภาษาไทยแบบเมืองๆ และอังกฤษ)

หมอยุ่งมาปล่อยของได้ดึกมากเลยค่ะ

ขอตามดูว่าที่ TBA2012 ด้วยคนนะคะ

แวะเข้ามารอชมภาพสวยๆครับ

แน่นอนว่า คนที่ไปรอตั้งแต่ 5 โมงเย็น แต่กว่าจะได้ปล่อยจริงเกือบ 2 ทุ่มก็จะต้องหิว .... แนะนำอย่างยิ่งว่าควรเตรียมเสบียงส่วนตัวไปด้วยครับ

เหมือนจะไปนั่งปิคนิคเลยก็ยังได้ เพราะกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน กว่าจะเริ่มพิธีสวดต่างๆ ก็พักใหญ่เหมือนกันครับ เกรงว่าท้องจะร้องจ๊อกๆๆ

บริเวณทางเดินเข้าพื้นที่ จะมีเจ้าหน้าทีแจกถุงพลาสติกให้รองนั่งนะครับ
ไม่ต้องตกใจ แต่ถ้าจะเตรียมเสื่อส่วนตัวไปก็ไม่มีใครว่าเช่นกันครับ จับจองพื้นที่ได้ตามอัธยาศัย ....

ช่วงเวลา Climax จริงๆ คือ ช่วงที่โคมกำลังจะปล่อยตัวครับ ...
จะมีโฆษกประกาศตลอดว่า ให้จุดไฟ เตรียมโคมให้พร้อม แล้วให้สัญญาณในการปล่อย ซึ่ง ใครที่ตั้งใจจะมาเพื่อถ่ายภาพ จะปล่อยโคมพร้อมกับคนอื่นไม่ได้ครับ ต้องอาศัยจังหวะเดียวประมาณแค่ 1-3 นาทีแรกที่โคมกำลังลอยขึ้นไปเท่านั้นหล่ะครับ ที่จะถ่ายภาพได้สวยที่สุด หลังจากนั้นก็จะไม่แจ่มเท่าไหร่แล้ว .... แนะนำว่าไปกันหลายๆ คนแล้วแบ่งไปเลยว่า คนไหนปล่อย (ปล่อยกันซัก 3 คนต่อโคมกำลังดีครับ ถ้า 2 คนอาจจะลำบากหน่อยเพราะโคมใหญ่อยู่) แล้วใครจะถ่ายรูปก็ทำหน้าที่ไปเลย แล้วค่อยปล่อยทีหลังก็ได้

โปรดหลีกเลี่ยงพื้นที่ชายขอบนะครับ เพราะปล่อยโคมลอยแล้วอาจจะลอยไปติดได้ แบบนี้ ......

แต่อยากจะบอกจริงๆ ว่า ภาพทีเห็นสวยงามประทับใจ ....

กล้อง Compact ของผมถ่ายได้แค่นี้ก็เก่งแล้วครับ

ปล. ทริปนี้จึงเป็นแรงบันดาลใจทำให้ผมกะคุณเธอ ต้องตัดสินใจถอยกล้อง DSLR มาจนได้ เพราะรู้สึกว่า จะได้ยินเสียง comment มาเยอะแระ
แต่ ... ก็ตั้งใจแล้วว่าคงจะต้องแบ่งงานกันทำ เพราะผมรู้ตัวว่าผมเป็นคนขี้เกียจแบกกล้อง ใช้ของไม่ค่อยรักษา (ตั้งแต่เริ่มทำรีวิวจนถึงปัจจุบันใช้แต่กล้องคอมแพคตลอด สมบุกสมบันมาก) ต่อไปเลยจะกลายเป็น ผมเขียนรีวิว แต่ภาพจะเป็นคุณเธอช่วยถ่าย ช่วยกันทำมาหากินครับ

โดยรีวิวแรกที่ประเดิมใช้กล้องตัวใหม่ คือทริปบินตรง เชียงใหม่-อุบลราชธานี ไฟล์ทปฐมฤกษ์ เยือนสามพันโบก ผาแต้ม พักทอแสงโขงเจียม สัปดาห์หน้าครับ

สวัสดีทุกๆ ท่านที่มาแวะด้วยนะครับ
พอดี อีก 8 วันผมไปรับจ้างรักษาน้องหมาน้องแมวยาวเลย
(เรียกได้ว่าหาตังค์ก่อนบินตรงหนีไปเที่ยวอุบล แล้วเดี๋ยวสิ้นเดือนจะเข้าไปลุยน้ำเข้ากรุงซื้อ Voucher รถเช่า, งาน Commart และชม IKEA บางนา อิอิ) เลยขออนุญาตปล่อยรีวิววันนี้เลยแล้วกันครับ

----------------------------------------------------------------------------
มาถึงสถานที่ท่องเทียวยอดฮิตกันบ้าง ....

"ม่อนแจ่ม" และ "ม่อนม่วน"

-- ทั้ง 2 แห่งเพิ่งจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตเมื่อปีที่ผ่านมานี่เองครับ แต่ก่อนก็ยังไม่บูมขนาดนี้

-- สถานที่ตั้ง อยู่ที่ ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จะอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ราว 30 กว่ากิโลเมตรครับ

-- ไม่มีรถประจำทางผ่าน ไม่มีทัวร์ Join Tour แบบ One Day Trip ไป
(เนื่องจากที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ฝรั่งจะไปกัน มีแต่คนไทยล้วนๆ จึงไม่มีทัวร์เดย์ทริปไหนที่ออกไปเลย)

-- ดังนั้น จะขึ้นไปได้ต้องมีรถส่วนตัว หรือ มอเตอร์ไซด์ส่วนตัว (อีกแล้ว)
โดยขับไปทางอำเภอแม่ริมแล้วก็เลี้ยวซ้าย ผ่าน คุ้มเสือ, น้ำตกแม่สา, ปางช้างแม่สา, สวนพฤกษศาสตร์สิริกิติ์, ร้านอาหารโป่งแยงแอ่งดอย (คนเยอะมากๆ) พอเข้าสู่บ้านโป่งแยกนอก เป็นชุมชน ก็จะเจอทางแยกขวา มีป้ายเบ่อเริ่มว่า Aura เพราะเป็นทางเข้าเดียวกับโรงงานผลิตน้ำแร่ออร่า นั่นเองครับ ก็ขับเข้าไปได้เลยราว 6 กิโลเมตร ก็ถึงแล้ว

-- ขับเข้าไปเรื่อยๆ ทางก็จะชันนิดๆ หน่อยๆ (แต่ก็ถือว่าเด็กๆ เมื่อเทียบกับทางปาย) จะพบกับ ม่อนม่วน (ซึ่งเป็นรีสอร์ท) ก่อน แล้วก็ต้องขับไปเรื่อยๆ อีกราว 3 กิโลเมตรจึงจะถึงม่อนแจ่มครับ

-- จุดทีต้องระวังคือ ช่วง 1 กิโลเมตรสุดท้าย ทางแคบ รถสวนไม่ได้ ต้องบีบแตรให้สัญญาณกันเวลารถจะขึ้นหรือลง โปรดใช้ความระมัดระวังครับ

-- บริเวณลานจอดรถข้างบนมีจำกัด .... อาจจะต้องจอดข้างล่างแล้วเดินขึ้นเนินไป แต่รู้สึกได้ว่า ชาวบ้านช่วยเหลือกันดีมากจริงๆ ครับ

-- อากาศช่วงกลางวันเย็นสบาย และคนเยอะมาก
ถ้าอยากได้ที่นั่งศาลาวิวสวยๆ ควรรีบไปจับจองแต่เช้าครับ หรือไม่ก็ต้องรอดัก เวลาเขาทานเสร็จเช็คบิลแล้วก็ต้องเสียบต่อทันที เพราะคนเยอะครับ

สำหรับบรรยากาศนั้น เย็นสบาย โดนใจคนกรุงเทพแน่นอน
(เด็กดอยอาจจะเฉยๆ) แต่ผมก็ว่าชอบนะ เพียงไม่ถึงชั่วโมงจากใจกลางเมืองเชียงใหม่ เราก็มาถึงที่ที่มีบรรยากาศแบบนี้ได้ ไม่ได้อยู่ไกลเลย

ด้วยความที่คนเยอะ อาหารอาจจะได้ช้านิดหน่อยนะครับ ต้องทำใจ

ด้วยความที่ แม้จะเป็นบ่าย แต่ไม่มีแดด และอากาศเย็นสบายๆ
ถ้าใครที่ชอบถ่ายรูปคงจะรู้สึกสนุกครับ เพราะมีดอกไม้และวิวที่สวยใช้ได้

ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องดอกไม้แล้ว ขอพูดถึงเรื่อง
"งานราชพฤกษ์ 2554" หน่อยนะครับ

จะเปิดแบบ Soft Opening วันที่ 9 พฤศจิกายนนี้แล้ว
ท่านผู้มีบัตรเข้าชมตามวันที่ระบุ สามารถไปเข้าชมงานได้เลย
ไม่มีการขายบัตรหน้างานครับ

และต้องทำใจว่าเป็นแค่ Soft Opening ซึ่งสวนจัดเสร็จหมดแล้ว
แต่สวนที่มีการแสดง หรือมีโชว์ แบบ interactive ทั้งหลายอาจจะไม่มีครับ
โดยจะ Grand Opening จริงๆ จังๆ วันที่ 14 ธันวาคมนี้

ที่ทางผู้จัดเคลมว่า งานปี 54 อลังการกว่าปี 49 ก็ตรงที่
มีสวนจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมมากขึ้นกว่าเดิม
แล้วก็จะมี Giant Wheel หรือวงล้อขนาดยักษ์สำหรับชมสวน
ซึงพร้อมให้บริการตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไปครับ

ใครที่จองตั๋ว และลางานเรียบร้อยแล้ว ซื้อบัตรระบุวันเรียบร้อยก็ไม่ต้องซีเรียสครับ ได้เข้าชมงานตามวันเวลาเดิมแน่นอน
แต่คนที่จองทุกอย่างเรียบร้อย แต่ไม่ได้ซื้อบัตรเข้างาน ก็อาจจะเหนื่อยหน่อยครับ เพราะเค้าไม่มีบัตรขายหน้างาน

ปล. ไปงานแถลงข่าวได้เจอเพื่อนเก่าที่ดูแลเฟสบุ๊คงานพืชสวนโลก ดันเป็นเพื่อนปรินส์เรียนตั้งแต่ประถมยัน ม.ต้น แบบบังเอิญซะงั้น

สำหรับนโยบายในการเปลี่ยนแปลงตั๋วเข้าชมงานพืชสวนโลก
เลื่อนได้ฟรีครับ แต่ถ้าใครที่ยืนยันจะเข้าวันเดิมก็เข้าได้

ซื้อตั๋วราคาลด 50% (ตั๋ว 1 วันราคาลดแล้วเหลือ 100 บาท สำหรับตั๋วแบบบุฟเฟต์เข้าชมได้ทุกวันตลอด 92 วันทีจัดงานคิด 400 บาทถ้วน)
ได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ถึง 13 ธันวาคมนี้ครับ

ขยันจริงๆเพื่อนเรา ดึกดื่นไม่หลับไม่นอน อ่อ อัพรูปให้แล้วนะ แวะไปดูใน -Facebook -ได้ O(^_^O)

หนีไปพืชสวนโลก กลับมา ม่อนม่วน ....

ม่อนม่วน ก็เป็นที่พัก รีสอร์ทของเอกชนแห่งหนึ่ง
เพียงแต่ว่า วิวเค้าก็ถือว่าสวยใช้ได้ อารมณ์นอนบ้านไม้
มีอะไรกิ๊บเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปได้เยอะ
ถ้าไม่ได้ไปพัก ก็แวะทานอาหาร ทานเครื่องดื่ม ของว่างชมวิวสวยๆ ก็ได้
ลองไปดูรายละเอียดกันได้เลยครับ
เว็บไซต์ : http://www.baanmonmuan.com

แต่ราคาก็ค่อนข้างอลังการนะครับ อย่างตอนนี้เริ่มที 2,500 บาท/คืน และเดือนธันวาคมจะปรับขึ้นเป็น 3,000 บาท/คืน เรียกได้ว่า นอนราคาขนาดนี้ ได้นอนโรงแรมหรูในเมืองเลยทีเดียว

เหอๆ คุณเพื่อนมาปาดซะแว้ว ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ
แล้วจะไปปรึกษาเรื่องกล้องนะ หุ หุ

-----------------------------------------------------------------------------

-- ปากทางเข้า ค่อนข้างแคบเหมือนกันครับ แต่รถผ่านสบาย เลี้ยวขวาผ่านแปลงผักขึ้นมา สุดทางคือม่อนม่วน ข้างในมีที่จอดรถราว 4-5 คัน ที่เหลือต้องจอดข้างทาง ซึ่งแคบมากๆๆ ถ้าช่วงหน้าหนาวมากันหลายคันอาจจะเหนื่อย ต้องจอดชิดขอบทางเลยครับ

-- ห้องพักเป็นแบบไม้ๆ วิวถือว่าสวย Pet is not allowed
-- ทุกห้องมีแอร์หมด สัญญาณ wi-fi ครอบครุม ลองพิจารณาดูนะครับว่าคุ้มมั้ย ....

ห้องน้ำอารมณ์แบบนี้ ....

อื้มมมม ถ้ามาหน้าโลว์ จ่าย 2,500 นอนโรงแรมหรูเทพ
อย่างแชงกริล่า หรือ เลอเมอริเดียน หรือ ฯลฯ ได้เลยนะเนี่ยะ ....

ดังนั้น เงินสองพันนิดๆ ของเรา ...

แทนที่จะจ่ายให้กับม่อนม่วน
เรายินดีและเต็มใจจ่ายให้กับที่นี่ครับ "Sheik Istana"
หรือโรงแรม ชีค อิชทานา นั่นเองครับ

แล้วคุณจะรู้ว่า เขาคือคู่แข่งที่น่ากลัว
ในโครงการ Thailand Boutique Awards 2012 ปีหน้า
แต่ผมเห็นแววมาแต่ไกลเลยว่า คู่แข่งในเชียงใหม่
ถ้าไม่ได้ปรับตัวเอง อาจจะเหนื่อยได้ เพราะความเป็น Unique ของเค้านั่นเอง โดยคิดว่า น่าจะได้ส่งเข้าประกวดในสาขา สถาปัตยกรรม หรือ ที่พักริมน้ำ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าปีหน้าจะแบ่งกลุ่มอย่างไร ....

ทริปนี้เกิดขึ้นจากโปร PEN10 ของพี่เอ๊กซ์นี่หล่ะครับ
เป็นโปรฯ รุ่นที่พี่เอ๊กซ์เริ่มจะจับไต๋ได้แล้วว่า มีพี่ไทยหัวใส
อ่านภาษาญี่ปุ่นจองโปรฯ กับเว็บเขาเป็นจำนวนมาก
ถ้าจองเพื่อไปพักเองไม่เท่าไหร่ครับ แต่บางคนเล่นทำเพื่อการพาณิชย์
แล้วใครจะไปแบกรับไหว พี่แกก็เลยยกเลิกโค๊ดบ่อยมาก จนตามไม่ทัน
(ถ้าจะตาม ก็คงต้องไปตามในกระทู้คุยฯ เอาเองนะครับ พี่ๆ ในทู้คุยฯ อาจจะไม่ค่อยแฮปปี้ก็ได้ หากโค๊ดจะถูกมาเผยแพร่ในหน้าหลัก เพราะโค๊ดหายากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง)

ผมก็เลยเลือกสอย Sheik Istana ในคืนวันที่ 31 ตุลาคม
ซื่งเป็นคืนสุดท้ายทียังคงคิดราคาถูกอยู่ โดยจ่ายไป 2,070 บาท รวมอาหารเช้า 2 คนซึ่งถือว่าไม่แพงเลย สำหรับห้องพักหน้าตาแบบนี้ครับ .... (แค่เห็นห้อง และรายละเอียดปลีกย่อยแล้ว ก็นับว่า อื้มมมมม ไม่ธรรมดา

ถ้าเป็นเดือนพฤศจิกายน ราคาน่าจะเริ่มที่ 3,xxx แล้ว
แตเห็นว่าเพิ่งจะมีดีลของเว็บดีลชื่อดัง ราคาคืนละ 2,800 บาท
ถ้ายังไม่หมดดีล แล้วใครสนใจก็รีบสอยกันได้เลยนะครับ ผมว่าคุ้มแล้ว ...
สำหรับหน้าไฮ อากาศเย็นๆ ราคาเมื่อเทียบกับสถานที่ถือว่าไม่แพงครับ

คันรายการด้วย โปรโมชั่นดินเนอร์

สำหรับชาวเชียงใหม่ หรือ ชาว ตจว. (ขอเรียกแบบนี้นะครับ)
ที่หนีน้ำมาพักผ่อนที่เชียงใหม่ อยากจะดินเนอร์ริมแม่น้ำปิง ในคืนวันลอยกระทง 10 พฤศจิกายน ....

ทีนี่ก็มีโปรโมชั่นอยู่ครับ บุฟเฟต์แบบ โมรอคโค และอินเตอร์
หัวละ 499 บาท แต่ถ้าจองในวันนี้ (7 พฤศจิกายน) ลดอีก 100 เหลือ 399 บาท/ท่าน ลองดูรายละเอียดตามภาพนี้ได้เลยครับ

โรงแรมชีค อิชทานา Sheik Istana
เว็บไซต์ : http://www.sheikistanahotel.com

สถานที่ตั้ง : ริมแม่น้ำปิง บนถนนป่าแดด ห่างจากถนนมหิดลลงไปทางทิศใต้ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เรียกได้ว่าถ้ามาจากทางสนามบิน ก็ตรงดิ่งไปทางหนองหอย แต่ก่อนจะข้ามสะพานข้ามแม่น้ำปิง ให้เลี้ยวซ้าย แล้วก็เลี้ยวขวา ลอดใต้สะพาน ตรงดิ่งไปทางถนนป่าแดดได้เลยครับ ใช้เวลาราว 10 นาทีจากสนามบินเชียงใหม่ หรือถ้ามาจากทางไนท์บาซาร์ก็ไม่ยากเช่นกัน ตรงไปตามถนนช้างคลานเรื่อยๆๆ จนไปถึงถนนป่าแดด ก็ราวๆ 10-15 นาทีจากไนท์บาซาร์ครับ

-- ไม่มีรถแดงผ่านนะครับ นานๆ จะผ่านมาทีนึง ดังนั้นการเดินทางควรใช้บริการรถรับ-ส่งของโรงแรม หรือรถแท๊กซี่ (มีบริการเรียกให้) หรือเช่ารถขับเองจะดีที่สุดครับ

สถานที่เดิม : แต่ก่อน ... บริเวณส่วน Lobby, สระว่ายน้ำหลัก, ห้องฟิตเนส และ สปา เคยเป็นสปาสำหรับสุภาพบุรุษมาก่อนครับ เป็นสปาที่ผมเห็นมาตั้งแต่เด็ก เพราะเส้นทางนี้ ผมผ่านประจำ ยิ่งตอนทำงานที่ทำงานเก่า ผ่านทุกวันครับ จึงได้เห็น สปาแห่งนี้ (เดิมชื่อ Aroma Spa ถ้าจำไม่ผิด) จนกระทั่งเริมมีการก่อสร้างอาคารด้านข้างขึ้น ....

รู้สึกได้เลยว่า สร้างนานมาก นานจริงๆ เพราะรายละเอียดเค้าเยอะมาก
กว่าจะได้เปิด ผมลาออกจากที่ทำงานเก่ามาได้เกือบ 2 ปีแล้ว เหอๆๆ

รายละเอียด : มีห้องพักทั้งหมด 35 ห้อง เป็นอาคาร 4 ชั้น มีลิฟท์
ประกอบไปด้วย
-- ห้องแบบ Superior ขนาด 36 ตารางเมตร 20 ห้อง
(ห้อง 101-105, 201-205, 301-305, 401-405 อยู่บนชั้น 1-4)
-- ห้องแบบ Deluxe ขนาด 54 ตารางเมตร 13 ห้อง
(ห้องฝั่ง 106-110, 207-210, 307-310 อยู่บนชั้น 1-3)
-- ห้องแบบ Suite ขนาด 65 ตารางเมตร 2 ห้อง (ยังตกแต่งไม่เสร็จ)
(ห้อง 206 และห้อง 306 บนชั้น 2 และ 3)

ห้องทุกห้องหันหน้าเข้าหาแม่น้ำปิงครับ ....
แต่ห้องชั้นล่าง อาจจะมีสวนโมรอคโคบังอยู่ ความเป็นส่วนตัวอาจจะสู้ห้องชั้นบนๆ ไม่ได้

เอิ๊กๆ โพสต์กระทู้ม่อนแจ่มชนกะคุณหมอยุ่งฯ เลย
ราคาที่พักม่อนม่วน 2500 เป็นราคาห้องซะ 500 อีก 2000 เป็นราคาวิวค่ะ 555
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11298472/E11298472.html#18

เนืองจากในวันที่ 31 เราค่อนข้างวุ่นมากก็เลยได้เช็คอินตอนมืดๆ แล้ว
ไปดูห้องกันนะครับว่าเป็นอยางไรบ้าง ....

เริ่มจากตอนเช็คอิน ...
เจ้าหน้าที่ มายืนรอต้อนรับ แล้วก็ทักทายชื่อผมอย่างชัดเจน
จุดเด่นของที่นีคือ "พนักงานจำชื่อลูกค้าได้ครับ"

คงไม่ใช่แค่ผมมีชื่อจริงเป็นพยางค์เดียวหรอกนะครับ
แต่ผมวา เป็นความตั้งใจที่อยากจะให้แขกรู้สึกว่า พนักงานมีความใสใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียกชือลูกค้า
รวมไปถึงการพูดคุยกับลูกค้าแบบเป็นกันเอง

ในจุดนี้ ผมคิดว่าดีครับ แต่จะมีจุดหนึ่งที่อยากจะแนะนำ
ในฐานะที่ผมเองก็ทำงานบริการ เจอกับเจ้าของสัตว์มากมายหลากอารมณ์
สิงหนึ่งที่สำคัญมาก ก็คือ การสังเกตอารมณ์ของลูกค้าครับ

คือ ประมาณว่า ถ้าลูกค้ามาถึงเหนื่อยๆ แบบว่าเค้ามาแบบกระหนุงกระหนิง สองต่อสอง หรือดูหน้าตาท่าทางไม่ค่อยอยากเสวนากับคนแปลกหน้า อาจจะต้องระวังตัวนิดนึง เพราะบางที การที่พนักงานมีอัธยาศัยที่ดีเกินไปอาจจะสร้างความรำคาญให้กับลูกค้าได้ครับ คือ จะกลายเป็นว่า ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะชวนคุย (เพราะผมก็เป็นครับ ถ้าลูกค้าขี้โม้ ผมก็ยิ่งโม้ พร้อมจะเปลี่ยนจากเรื่องหมาแมวเป็นเรื่องเที่ยวได้เสมอ แต่ถ้าลูกค้ามาแนวไม่พูดไม่จามาก เราก็ทำตามหน้าที่ให้จบแบบประทับใจเป็นพอ)

แต่ผมเห็นว่า น้องพนักงานก็ได้พยายามตั้งใจเป็นอย่างดีมาก แทบจะทุกส่วนงาน ทั้ง Front หรือห้องอาหาร ก็ต้องค่อยๆ ฝึกปรือกันไปนะ

บรรยากาศ Lobby ส่วน Front ดูอลังการดีครับ

Welcome Drink รู้สึกว่าเหมือนจะเป็นน้ำตะไคร้นะ

การเช็คอินรวดเร็วเพราะพนักงานเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว
เพียงแค่ การันตีบัตรเครดิต 1,000 บาท
ถ้าจองผ่านพี่เอ๊กซ์ต้อง Print ใบ confirm มาด้วยนะครับ

ระหว่างนี้น้องพนักงานก็มาชวนคุยไปพลางๆ
ผมกะคุณเธอก็พลางปาดเหงื่อแฮ่กๆๆ ประหนึ่งถามสารทุกข์สุขดิบกัน
ซึ่งไม่ค่อยเจอที่ไหนเป็นแบบนี้ครับ (แต่อย่าลืมนะครับ ต้องสังเกตอารมณ์ลูกค้าก่อนถามด้วยครับ เพราะบางคนไม่พูด อันนี้น่ากลัวนะครับ ขนาดผมเป็นหมอรักษาหมาครั้งหนึ่งเคยเจอเจ้าของมาแนวไฮโซ มองด้วยหางตาเลย ประหนึ่งว่า แกไอ่หมอจบใหม่ มารักษาหมาไฮโซของชั้นได้ไง ..... รักษาไปเกร็งไป ทำตามหน้าที่ ขอให้จบให้เค้าไม่ด่าเป็นพอ ลองหมากรี๊ดแตกสิ ผมคงโดนเจ้านาย(เก่า)เล่นงานคาห้องตรวจแน่ๆ)

หวยวันนี้ออกที่ห้อง 403 ชั้น 4 ชั้นบนสุดเลยครับ ....

ก็จะมีคีย์การ์ดมาให้ 2 ใบ รหัสผ่านอินเตอร์เน็ต และคูปองส่วนลดห้องอาหาร 20%

น้องพนักงานเดินมาส่งครับ

(ปกติจะเริ่มชินกับการเดินหาห้องพักเอง ขนาดที่พักแห่งหนึ่งใน 6 แห่งที่ผมไปทำรีวิวในโครงการ TBA2011 ผมต้องเดินลากกระเป๋าไปหาห้องเอาเองนะ ไม่มีใครไปส่ง ทำตัวเหมือนไม่เต็มใจประกวดเลย)

ภายในห้องแบบ Superior ดูมีรายละเอียดเยอะมากครับ
ของตกแต่งแต่ละชิ้นนี้ อื้มมม เข้าใจเลยว่าทำไมใช้เวลาทำนาน
เพราะต้องค่อยๆ ทำ ค่อยๆ แกะ ค่อยๆ แปะจริงๆ
พื้นห้องเป็นลามิเนต ให้ความอบอุ่นดีครับ

สำหรับเตียง เนื่องจากเรามาเช็คอินซะค่ำ เค้าก็เลย turn down ให้เรียบร้อยไปแล้ว (แสดงว่าที่นี่มีบริการ turn down จัดเตียงให้ก่อนนอนด้วย)
เตียงหนานุ่มมากมายครับ เหมือนจะเป็นขนเป็ด นอนแล้วไมอยากลุกเลย

แต่ก็จะมีข้อเสียเรื่องจุดติดตั้งแอร์นิดหน่อย
เพราะแอร์ที่เค้าเลือกใช้คือแอร์ LG รุ่นยิงลมระยะไกล
เผอิญว่าติดอยู่ข้างเตียงพอดี กลายเป็นรู้สึกได้ว่าลมโกรก อาจจะต้องปรับแอร์ให้เป่าสูงหน่อย อย่าเป่าลงเตียง อ่ะนะครับ แต่ห้องก็เย็นฉ่ำสบายดี
(จริงๆ ไม่เปิดแอร์ก็เย็นอยู่นะครับ)

บนเตียง ข้างหนึ่ง มีดอกกล้วยไม้
และของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ คือพวงกุญแจมอบให้ลูกค้าก่อนนอน

อื้มมม เป็นไอเดียที่ดีครับ

เคยเห็นหลายที่ นำผลไม้ หรือ ขนมหวาน มาไว้ในห้องก่อนนอ
แต่ที่นี่เป็นของที่ระลึก

มองไปจากทางหน้าห้อง จะมองเห็นระเบียง
เป็นที่พักระดับหรูไม่กี่แห่ง ที่มีการติดตั้ง "มุ้งลวด" ให้ด้วย
เรียกได้ว่า เปิดประตูรับลมเย็นสบายจากข้างนอกได้เลย

จอ LCD TV ขนาด 40 นิ้วชัดแจ๋ว มีเครื่องเลน DVD ในตู้ครับ

โต๊ะทำงานก็สบายๆ ครับ มีโคมไฟอ่านหนังสือ
มีความเงียบสงบ เหมาะแก่การมากบดานเป็นอย่างยิ่ง
(ในช่วงกลางคืนเงียบมากๆๆ)

มุมนั่งเล่น มี Welcome Fruit ตั้งอยู่ ...

การเซ็ตแบบนี้เหมือนเป็นมาตรฐาน เพราะเห็นรีวิวใครก็วางฝาแบบนี้หมด
หยิบจับอะไรก็ต้องระมัดระวังมากๆ เพราะแต่ละอย่างดูสวยๆ ไปหมด

มีจดหมายยินดีต้อนรับจาก GM อยู่นั่นเอง .....

มาดูทางตู้เย็น ใช้ตู้เย็นใหญ่ครับ .... แต่ข้างในก็ไม่ได้มีอะไรมากนัก
เหมาะแก่การซื้อของข้างนอกมาแช่เป็นอย่างยิ่ง

หม้อต้มน้ำร้อนอยู่ข้างบน
ยี่ห้อ Mamaru คิดว่าจะเสียก็ตรงนี้นีหล่ะครับ
เพราะวัสดุเป็นพลาสติก บางคนจะกลัวว่า ต้มน้ำแล้วจะมีกลิ่นไหมน๊อ....
(แต่สวนตัวลองต้มมาม่าดูแล้วน้ำร้อนโอเคครับ ไม่มีกลิ่นอะไร)

ตู้เสื้อผ้า มีชุดคลุม และร่มสำหรับให้ออกไปเดินเล่น .....
ตู้เซฟอยู่อีกตู้หนึ่งนะครับ มีตู้เสื้อผ้าสองตู้

สิ่งหนึ่งที่น่าจะเพิ่มเติมคือ เตารีดและโต๊ะรองครับ
อาจจะเป็นป้ายบอกว่าสามารถโทรเรียกให้เอามาส่งได้ น่าจะดีขึ้น
เพราะโรงแรมระดับนี้ เท่าที่สังเกตส่วนใหญ่ก็มักจะมี
เตารีด และโต๊ะรีดผ้าใส่ไว้ในห้องเลยครับ

มาดูห้องน้ำกันบ้างครับ อลังการดีแท้ ....

สำหรับห้อง Superior จะมีอ่างอาบน้ำ (ไม่จากุชชี่นะครับ)
และฝักบัวแบบติดฝาผนัง ต้องยืนอาบในอ่าง

แต่ถ้าเป็นห้อง Deluxe จะมีตู้อาบน้ำแยกไปต่างหากครับ

ซึ่งสิ่งที่ผมห่วงก็คือ เวลาอาบน้ำในห้อง Superior จะต้องปิดบานเลื่อนไม้
และปิดม่านกั้น ซึ่ง เวลาอาบๆ เนี่ยะ น้ำก็จะกระเด็นไปโดนบานไม้ด้วยเหมือนกัน นานๆ ไปอาจจะมีปัญหาได้ครับ
เวลาอาบน้ำก็อาจจะลำบากหน่อย เพราะไม่ใช่เป็นฝักบัว แถมต้องยืนอาบในอ่าง แต่น้ำอุ่นและไหลแรงใช้ได้ครับไม่เป็นปัญหา

เมื่อเปิดบานออกมา นอนแช่น้ำดูทีวีได้อยู่ครับ

ในห้องน้ำก็มีหน้าตาเป็นเช่นนี้ กระจกบานใหญ่มากๆๆ

บริเวณเพดานเหนืออ่างอาบน้ำ เป็นแผ่นปิดทองนะครับ เห็นแล้วทึ่งเลยจริงๆ

ได้แช่น้ำอุ่นๆ ก่อนนอนก็สบายใจละครับ ....

(เปิดน้ำในอ่าง น้ำสีฟ้าลงน่าแช่ครับ
ยังนึกถึงโรงแรมแห่งหนึ่ง ดูหรูมาก เปิดมาน้ำดำสุดๆ ภาพติดตาเลย)

ก่อนนอน ก็ต้องปิดไฟ จะมีแผงควบคุมอยู่ข้างหัวเตียงครับ
เลือกได้หมดเลยที่นี่ สบายๆ

ตื่นเช้ามา เปิดม่านออกไป มองเห็น วัดเจดีย์เหลี่ยม (วัดกู่คำ)
ถนนเกาะกลางฝั่งตรงข้าม เป็นเวียงกุมกามแล้วครับ ....

ตอนที่น้ำท่วมเชียงใหม่ ฝั่งนู้นก็โดน ส่วนตัวโรงแรมไม่โดน
โดนแค่ขอบๆ นิดๆ หน่อยๆ เฉยๆ ครับ

บรรยากาศเมื่อมองจากทางเดินหน้าห้องพัก ไปยังด้านหน้าโรงแรม
เห็นลานจอดรถ และถนนป่าแดดอยู่ .....

ทางเดินหน้าห้องพัก ...... เรียงกันอยู่ฟากละ 5 ห้อง (บนชั้น 4 จะมีแค่ 5 ห้องเท่านั้นเองครับ)

โถงกลางอาคาร
(ยังมีสายไฟห้อยอยู่ข้างบนเลย ยังไม่ได้เก็บเรียบร้อย 100% ครับ)

ห้องอาหารริมแม่น้ำปิง ที่เราจะไปทานมื้อเช้า คือตรงอาคารสีเหลืองหลังคาสีเขียวๆ ครับ ส่วนสระว่ายน้ำ อันนี้เป็นสระเล็กครับ จะว่ายน้ำเล่นตรงนี้ก็ได้
แต่อาจจะดูไม่ private เท่าไหร่ จึงขอแนะนำอีกสระหนึ่งซึ่ง Private กว่าและใหญ่โตกว่าอยู่ด้านหลังส่วนสปาเก่าครับ (เป็นสระว่ายน้ำเดิมที่มีมาก่อนการสร้างโรงแรมนั่นเอง)

ปล. ตอนแรกผมตกใจ อ่าวเห็นในรีวิวดูเป็นสระใหญ่โต แต่ความจริงแล้ว มีอยู่ 2 สระครับ

มองจากทางฝังห้องอาหาร มายังตัวอาคาร

ห้องฝังที่เห็นข้างสระว่ายน้ำเล็ก จะเป็นห้อง Deluxe และ Suite ข้างบนครับ

หุหุ ... ทานอาหารเช้ารับแสงอรุณตรงนี้ ..... หรือจะทานโซนอื่นหลบแดดก็ได้ มีห้องแอร์ด้วยนะครับ

ช่วงหน้าโลว์แขกน้อย จะให้บริการแบบ A La Carte ตามเมนู
สังได้ไม่อั้น (ดูเหมือนจะดีครับ แต่ถ้าเทียบกับ อรุณธารา แล้วทางนู้นเค้าทำได้ดีและประทับใจกว่า)

แต่ถ้าเป็นหน้าไฮจะมีไลน์บุฟเฟต์ครับ

ที่แอบบ่นเพราะว่า เมนูมีให้เลือกตามที่เห็น เท่านี้จริงๆ ครับ ....

ซึ่งถามว่า น้อยกว่าอรุณธาราเยอะไหม ผมตอบได้เต็มปากเลยว่า
น้อยกว่าเค้ามาก คือเค้ามีครบเครื่องจริงๆ
(ยิ่งเป็นโรงแรมเกรดใกล้เคียงกัน ขนาดใกล้กัน ราคาก็ใกล้ๆ กัน ริมแม่น้ำปิงเหมือนกัน เพียงแต่นำเสนอคนละสไตล์ อาจจะต้องลองดูว่าของเค้าเป็นอย่างไรนะครับ)

[SR-TBA2011] Aruntara Chiang Mai : บูติกรีสอร์ทหรูเงียบสงบริมน้ำปิงมาตรฐานโรงแรมเชนดัง ที่ใครได้มาพักอาจหลงรักได้ง่ายๆ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11165037/E11165037.html

สิ่งที่ ที่นี่ขาดหายไปคือความหลากหลายของอาหารครับ
คือ A La Carte จริง แต่มีเท่าที่เห็น
สิ่งที่ควรจะมีขั้นพื้นฐานคือ พวกกลุ่มโยเกิร์ต สลัด ผลไม้ แต่ที่นีไม่มีแฮะ

แยกเป็นสามหมวดหลักคือ
กลุ่มตระกูลไข่ เลือกได้ตามเซ็ทนั้น
กลุ่มเอเชี่ยน จะเอาอะไรดีหล่ะ ข้าวต้ม โจ๊ก หรือ ผัดไทย
กลุ่มมังสวิรัต ข้าวผัด ข้าว+ผัดผัก ฯลฯ

สำหรับเมนูแนะนำนะครับ ...

ท่านที่มาจากต่างถิ่นควรได้ลิ้มลองเมนูเด็ดมื้อเช้าของที่นี่

"Grilled Pork Chiang Mai Sausage with fried eggs and grilled northern sticky rice"

หลายท่านอาจจะงง เพราะผมก็งงครับ ไส้กรอกเชียงใหม่
(ผมนึกถึงไส้อั่วเลย)

ปรากว่า .... สิ่งนี้คือ

ข้าวเหนียวปิ้งกำลังอุ่นๆ + หมูยอ + น้ำพริกอ่อง + ไข่ดาว อร่อยครับ

สิ่งที่ไม่ขาดหายไปแน่นอนสำหรับที่นี่คือ ... ความอลังการครับ

อย่างเช่น ชุดนี้ ... คือ ชาร้อนสไตล์โมรอคโค

หอมกรุ่นรสชาติดีครับ เติมแล้วเติมอีกได้ ชอบๆ

ขนมปังห่อมาเป็นแบบนี้ ..... เหมือนมีให้เลือกแค่อย่างเดียวเท่านั้น

ข้าวต้มกุ้ง

ผัดไทย (ส่วนตัวผมว่าเฉยๆ นะ เพราะเห็นตอนแรกว่ามีกุ้งด้วย แต่กุ้งหายไปไหนหมดไม่รู้ แฮ่ๆๆๆ สงสัยท่าจะเป็นแค่กุ้งแห้ง พอดีจินตนาการภาพถึงผัดไทยกุ้งสดครับ)

สำหรับเมนูกลุ่มมังสวิรัติ

เท่าที่ทราบคือ ถ้าข้าว+ผัดผัก
จะมีให้เลือกสองอย่างคือ ผัดผักบุ้ง หรือ ผัดถั่วงอก

ผมก็เลยขอเลือกที่เป็น "ข้าวผัดผัก" เลย
ออกมาเป็นแบบนี้ครับ
ส่วนตัวผมคิดว่า เมนูอาหารเช้าเค้าน่าจะต้องปรับปรุงได้อีกครับ
เพราะความอลังการมีอยู่แล้ว แต่ถ้าเพิ่มความหลากหลายได้จะ perfect ครับ

ได้เวลาเผ่นจากห้องอาหารแล้วครับ

น้องที่ดูแลห้องอาหาร ดูเอาใจใส่ดีมากๆ ครับ
ขยันเก็บจานดีจริงๆ เลย จริงๆ เท่าที่เคยเห็น อาจจะต้องดูตามความเหมาะสมว่า เก็บได้แต่ระวังอย่าไปทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า "บ่อย" เกินไปมั้ย
อาทิเช่นว่า ลูกค้าไม่สั่งอะไรเพิ่มแล้ว
ในความคิดเห็นของผมคือ ยังไม่ต้องไปเก็บ จนกว่าลูกค้าจะออกจากโต๊ะ

เลยเข้าใจว่า น้องเค้าอาจจะต้องฝึกปรือประสบการณ์รับมือกับลูกค้าเยอะๆ หน่อย ชั่วโมงบินสูงขึ้น น่าจะเริ่มดูออกว่าอารมณ์แบบนี้ควรทำไงดี
อย่างไรก็ตามเรื่อง อัธยาศัย และความเป็นกันเองให้เต็ม 10 คะแนนเลยครับ

เรียกว่าจริงๆ ถ้าที่นี่เพิ่ม ผลไม้แช่เย็น ล้างปากปิดท้ายให้
ก็น่าจะโอเคแล้วหละครับ ส่วนเมนูอื่นๆ ก็ลองพิจารณาเพิ่มก็น่าจะดี
โรงแรมขนาด 35 ห้องจะจัดไลน์บุฟเฟต์ก็ได้ หรือตามสั่งก็ได้ ลองดูนะครับ

----------------------------------------------------------------------------
ว่าแล้วออกไปเดินเล่นชมสวนโมรอคโคกันดีกว่า ....

ทีนี้ ความจริงเริ่มปรากฎตอนกลางวัน
เมื่อมีกลุ่มสล่า ช่างเข้ามาตกแต่งบริเวณศาลาในสวนเพิ่มเติม ...

ตะล๊อกก๊อกแก๊ก เสียงก่อสร้างมาเป็นระยะ
บวกกับ เสียงเพลงที่กลุ่มช่างเค้าเปิดเอาความสนุก
แต่แขกเริ่มเครียดครับ อื้มมมม ดังไปถึงชั้น 4 เลยคุณพี่

เนื่องจากว่า ยังมีการเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อยู่ ยังไม่สมบูรณ์ดี
ก็เลยมีช่างมาในช่วงกลางวัน ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าหากทางโรงแรมแจ้งให้แขกทราบล่วงหน้าว่า ช่วงเวลา 9.00-16.00 น. จะมีช่างเข้ามาทำงาน อาจจะไมได้รับความสะดวก ต้องขออภัยก็ว่าไป บลาๆ น่าจะดีกว่าครับ

ทั้งหมดทั้งมวล ผมคิดว่า ก็เพื่อสร้างรายละเอียดที่วิจิตรประณีตบรรจงมากขึ้นกว่าเดิมนั่นแล (เลยปีหน้า ถ้าเข้าประกวดโครงการ TBA2012 ทุกอย่างคงเรียบร้อยแล้ว)

เดินผ่านแก๊งค์ช่างในสวนโมรอคโค ไปสำรวจสระว่ายน้ำแบบ private ด้านหลังสปาดีกว่า ..... สระใหญ่ใช้ได้เลยครับ

แต่ก็อย่างที่บอกครับว่า

ในส่วนของสปา เป็นของที่มีอยู่เดิมสร้างมาหลายปีแล้ว
และได้รับการ renovate ใหม่เอี่ยมไปพร้อมๆ กับการสร้างโรงแรม

แน่นอนว่า สระว่ายน้ำส่วนนี้ ก็คือส่วนที่สร้างขึ้นก่อนที่จะมีโรงแรมครับ
สไตล์ก็เลยอาจจะไม่ได้โมร๊อคโคมากนัก นอกจากผนังสวยๆ ที่มีต้นตีนตุ๊กแกขึ้น สวยดีครับ

ในอาคารชั้นล่างจะเป็นห้องฟิตเนสครับ พอดีไม่ได้ถ่ายรูป
เพราะมีคุณฝรั่งกำลังออกกำลังกายอยู่
ส่วนชั้นบนจะเป็นสปาครับ มีทั้งนวดไทย นวดน้ำมัน ฯลฯ

มีบ่อจากุชชีด้วยนะครับ
แต่ดูจากสภาพแล้วน่าจะเป็นของที่มีอยู่เดิม กำลังปรับปรุงให้ใช้งานได้ครับ

บริเวณสวนโมรอคโค กำลังมีช่างจัดการอยู่

ข้างหน้าบริเวณหน้าอาคารล๊อบบี้ ก็กำลังมีการสร้างศาลา
สำหรับให้รถมาเทียบจอดส่งแขกอยู่ครับ
โดนช่างล้อมหน้าล้อมหลังเลยทีเดียวเชียว

ในภาพนี้ก็จะเห็นส่วนล๊อบบี้อยู่ด้านล่าง
และข้างหลังคือส่วนสปา ซึ่งมีอยู่เดิม และปรับปรุงใหม่
มีป้ายโฆษณาอยู่ข้างหลัง เรียกได้ว่า ถ้าขับมาทางถนนป่าแดดได้ถูกแล้ว
ไม่มีทางหลง ไม่มีทางขับเลยไปแนอนครับ

ดอยสุเทพนั้นอยู่ทางนู้นนนนน ครับ ... มองเห็นได้จากระเบียงทางเดิน

ไปสำรวจรอบๆ กันต่อนะครับ ....

ถ่ายจากบริเวณบันไดไปยังระเบียงห้องพัก
ก็จะเห็นว่า ตรงระเบียงจะค่อนข้างแคบๆ หน่อย มีชุดโต๊ะนั่งอยู่

ชั้น 1-3 ฝั่ง Superior จะได้เปรียบตรงไม่มีเสาบังวิว
ในขณะที่ชั้น 4 บนสุดจะมีเสาบังวิวอยู่เล็กน้อย แต่ก็จะได้เปรียบ
ในเรืองวิวที่มีมุมกว้างกว่านั่นเอง

บันได งามแต๊ งามว่า ....

ชุดโต๊ะนั่งเล่น บริเวณทางเดินแต่ละชั้น

บริเวณทางเดินชั้น 2

แขกก็มีอยู่พอสมควรนะครับ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าคนไทย
ซึ่งต่อๆ ไป ก็คงมีเยอะขึ้นได้อีกหล่ะครับ
เพราะโรงแรมสไตล์นี้ ไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไหร่นัก

บริเวณด้านข้างอาคาร .... ทางฝั่งทางเข้าห้องอาหาร ....

มองย้อนกลับไปอาคารด้านหน้า
เข้าใจว่าน่าจะเป็นส่วนของห้องประชุม หรือจัดเลี้ยง แต่ยังไม่เปิดครับ

เข้าไปตรงส่วนสปาดีกว่า ...

ทางเข้าออกจะอยู่ตรง Lobby นะครับ
เดินผ่านข้างเคาน์เตอร์ Reception ไปเลย

บนชั้น 2 จะเป็นส่วนห้องนั่งเล่น และห้องทำสปาหลายห้อง แบบ private สุดๆ ไปเลย ส่วนชั้นล่างเป็นห้อง Fitness ครับ สำหรับใครที่ชอบออกกำลังกาย และว่ายน้ำ รวมไปถึงเข้าห้องเซาวน่า น่าจะถูกใจกับที่นี่ครับ มีครบครันจริงๆ (เพราะใช้ Facility ของ Aroma Spa เดิมได้หมดเลย -- ปัจจุบันเปลี่ยนชือเป็น Sheik Spa เรียบร้อยแล้ว)

แอ่นแอ๊นนน ห้องนวดน้ำมัน (น่าจะใช่นะครับ)

นวดไทยแบบเดี่ยวๆ ก็มีเหมือนกัน

ไปพักผอน เล่นเน็ตดีกว่า อิอิ สัญญาณ wi-fi ฟรีแรงทั่วทั้งบริเวณครับ

ตะวันคล้อยบ่าย ได้เวลาเช็คเอ้าท์แล้ว ....
(ความจริง ขอ Late ไว้ 15.00 น. แต่ชิงออกตอนบ่ายโมงกว่า เพราะเริ่มทนกับเสียง กระล๊อกก๊อกแก๊ก ของพี่สล่า(ช่าง) ทั้งหน้า ทั้งหลัง ไมไหวแล้ว)

ตอนเช็คเอ้าท์ก็เลยขอดูว่าห้อง Deluxe เป็นอย่างไร

นอกจากห้องที่ใหญ่กว่าแล้ว
สิ่งที่ห้อง Deluxe และ Suite มีก็คือ
-- ชุดครัว
-- ตู้อาบน้ำ

สองอย่างนี้แค่เห็นก็รู้สึกได้ถึงความอลังการอย่างเห็นได้ชัดแล้วครับ
(เห็นรีวิวแรกทีจองพี่เอ๊กซ์เจแปนมา แล้วได้ฟรีอัพเกรดเป็นห้อง Deluxe นี่โชคดีสุดๆ ไปเลย)

ในห้อง Deluxe ก็ใหญ่โตขึ้น ชุดโซฟาถูกย้ายมาไว้ข้างห้องน้ำ
มีโคมไฟระย้าในห้องพักด้วย ....

จองทีวี LCD TV 40 นิ้วเท่ากัน แต่จะมีโต๊ะสำหรับรับประทานอาหารเพิ่มขึ้นมานั่นเอง ห้องใหญ่มากกกกก

ห้องน้ำคล้ายๆ กันแต่จะมีตู้อาบน้ำด้วย แยกเปียกแยกแห้ง
ไม่ต้องยืนอาบบนอ่างอาบน้ำแบบห้อง Superior

ตู้เสื้อผ้าถูกย้ายมาเป็น 2 ฝังข้างประตูทางเข้าห้องน้ำ ก็นับว่าวางตำแหน่งเป็นตำแหน่งแต่งตัวได้ดีครับ .... ตู้หนึ่งก็จะมีเซฟ อีกตู้ฟากหนึ่งก็จะมีไม้แขวน ร่มและชุดคลุมครับ

ปิดท้ายความอลังการด้วยชุดครัวในห้องพัก
เฉพาะแบบ Deluxe และ Suite 13+2 ห้องเท่านั้นครับ

คิดว่าคงไม่มีใครคิดจะทำครัวอะไรจริงๆ จังๆ แน่ๆ อ่ะครับ
เพราะไม่มีอุปกรณ์ให้

ปล. สิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้มีก็คือ Price List ราคาข้าวของภายในห้อง
สำหรับกรณีลูกค้าถูกใจ อยากได้ของแบบนี้ก็ซื้อกลับบ้านไปเลย
(ผมเคยเจอที่ Pullman King Power มีรายการราคาให้เลือกช๊อปปิ้งได้เลยครับ เพราะข้าวของที่เค้าหามาก็ดูสวยงามน่าสนใจ อาจจะมีแขกไม่น้อยทีสนใจซื้อเป็นของที่ระลึก -- รวมไปถึงเป็นราคาสำหรับกรณีแขกทำข้าวของเสียหาย จะได้ปรับแขกได้ถูกต้องด้วยครับ)

แต่ข้อเสียของห้องชั้นล่าง ก็คง ความไม่ค่อยเป็นส่วนตัว
อาจจะมีแขกเดินผ่านไปผ่านมาก็เป็นได้ เสียดายว่าถ้าเค้าสร้างห้องชั้นล่างให้กลายเป็นห้อง Pool Access น่าจะเพิ่มมูลค่าได้อีกเยอะ

เพราะห้องประเภท Pool Access ในเชียงใหม่ก็มีอยู่แค่ไม่กี่แห่งที่มี
และแขกก็ไมคิดว่าจะเป็นการรบกวนอะไรกันมาก แต่ได้ข้อดีคือ กระโดดลงสระได้เลยนั่นเอง

ปล. เพิ่มเติมข้อมูลว่า สระว่ายน้ำทั้ง 2 สระเป็นสระระบบเกลือนะครับ

สุดท้ายแล้วครับ ยาวยืด ฟ้าจะสว่าง กลายเป็นหมีแพนด้ารักษาสัตว์

สรุปจุดเด่นของที่นี่ก็คือ ...
-- การตกแต่งสไตล์โมรอคโค อลังการ วิจิตรบรรจงมาก
ไม่ใช่ใครจะก๊อปปี้ไปทำตามได้ง่ายๆ เพราะรายละเอียดเยอะจริงๆ
ข้าวของเครื่องใช้แต่ละอย่าง ล้วนได้ถูกคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน
ลวดลายก็ตระการตาทั้งนั้นเลย (เสียวแตก!!)
-- เตียงนอนหนานุ่ม นอนสบายมากๆ ประทับใจกับเตียงที่สุด
-- บรรยากาศแวดล้อม ดูโอเคสบายๆ เหมาะแก่การมาพักผ่อน ในบรรยากาศทีแปลกๆ ดูแล้วไม่เหมือนอยู่เชียงใหม่
-- พนักงานให้บริการแบบเป็นกันเองมาก ดูสนอกสนใจลูกค้าดี

แต่จุดอ่อนที่ต้องเพิ่มก็คือ
-- เรื่องอาหารเช้าต้องเพิ่มความหลากหลายมากขึ้น
-- แจ้งเรื่องเวลาทำงานของฝ่ายช่าง เพื่อให้ลูกค้าเตรียมตัวอพยพ เอ้ย ออกไปทำอะไรข้างนอกแล้วค่อยกลับมาจะได้ไม่เป็นการรบกวนเกินไป

ผมจึงคิดว่า ถ้าที่นี่ได้ปรับปรุง ไมมีช่างรบกวนแล้ว ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็จะเป็นที่พักอีกแห่งหนึ่ง ทีเรียกว่าใช้ได้และ Recommended ให้มาลองพัก เสพบรรยากาศโมร๊อคโคที่เชียงใหม่ดูบ้างครับ

ปีหน้าคงได้เจอกันแน่กับโครงการ Thailand Boutique Awards 2012
จะคอยเป็นกำลังใจให้นะครับ ผมว่ามีสิทธิ์ลุ้นรางวัลอยู่นะ

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนจบครับ

ตามไปเที่ยวด้วยคนจร้า.....

รีสอร์ทดูสวย อลังการมากครับ
อยากไปเยือนงานโคมลอยบ้างจัง

ตามไปชมรีสอร์ทแจ่มๆอีกที่ของเชียงใหม่จ้าาา ^_^

ตามหมอยุ่งมาชมรีวิวด้วยคน อยากไปลอยโคมบ้างจัง

แวะมาชมครับ งานท่องเที่ยวล่าสุดก็เกือบจะซื้อที่นี่ไป
แต่เดินไปเดินมา ไม่เอาดีกว่าครับ กลัวผิดหวังกับงานที่ไม่ถึง

ไปเที่ยวกับหมอยุ่งด้วยคร่า......

ปีนี้ เป็นปีแรกที่ได้มีโอกาส ไปงานยี่เป็งที่ีธุดงค์สถาน มือใหม่หัดถ่ายเหมือนกันค่ะ
รูปที่ได้มา ดูไม่ได้สักรูป

ปีหน้าแก้ตัวใหม่ค่ะ ถ้ามีโอกาสนะ

ขอบคุณสำหรับรีวิว และข้อมูลดีๆ ค่ะ

เห็นต่างนะครับ...ส่วนตัวผมเองกลับไม่ชอบห้องแบบ Pool Access เพราะความเป็นส่วนตัวน้อยมาก ครั้นจะปิดม่านตลอดก็ทำให้บรรยากาศในห้องอึดอัด

ส่ว่นตัวคิดว่าโรงแรมนี้มีดีกว่า Villa Morroc ที่ปราณบุรีนะเนี่ย อิอิ

สวยมากครัย  ขอบคุณครับที่พาไปเที่ยว

คงมีโอกาสได้ไปแวะพักที่นี่ซักครั้งค่า

ขอบคุณ...สำหรับรีวิวค่ะ

แวะเข้ามาชมรีวิวสวยๆค่ะ

ขอตามไปเที่ยวด้วยคนครับ...

ขอบคุณมากๆครับ

ขอบคุณสำหรับรูปรีวิวงามแต๊ๆเลยเจ้า
เป๋นดีไค่ปิ้กบ้านไปลอยกระทงลอยโคมกับแม่ ปีนี้อด เพราะตั๋วบ่มีหื้อจอง เต็มหมดเลย T_T

มีกลิ่นอาหรับ ในเชียงใหม่ด้วย .... น่าพักมากๆคับ

โรงแรมดูดีนะครับ
ได้กลิ่นอายอาหรับในเชียงใหม่เลย

ขอบคุณครับ รอชมรีิวิวต่อ ๆ ไปที่ถ่ายด้วย DSLR ด้วยคนครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ งามเเต๊ๆ เจ้าาา

น่าพักจังเลย
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ
ชอบโคมอ่ะ สวยสุดสุด

มีที่พักสไตล์นี้ในเชียงใหม่ ก็แปลกตาไปอีกแบบ ยังไม่คุ้น ^^"

ตามไปดูของแปลก เอ๊ย ไปชมโรงแรมด้วยคนค่ะหมอ ฯ

ขอบคุณที่พาเที่ยว่คะ

แต่โรงแรมดูร้อน ๆ ไม่ค่อยมีต้นไม่ยังไงไม่รู้นะคะ

ม่อนแจ่มคนเยอะมากๆเลยค่ะ เราไปเมื่อกลางปี ไม่ค่อยมีคนเลย

สวยงามมากครับ มีโอกาสขอลองไปพักซักครั้งนึง

อืมม ขออนุญาตเห็นต่างเรื่องโรงแรมนะคะ
เราว่าจู่ๆมีตึกทรงโมรอคโคมาโผล่ริมน้ำปิงนี่  มันยังไงๆไม่รู้สิ  ทำใจดีกว่าเนาะ  เพราะบ้านเราชอบตามเทรนด์
สมัยก่อนก็บาหลีๆๆๆๆๆ  แล้วก็มามินิมอลๆๆๆๆ แล้วก็โมรอคโคๆๆๆๆ

เฮ้อ...

ถ้าว่ากันตามเนื้อผ้า เราว่าห้องเกือบสวย  เสียดายรายละเอียดไม่ค่อยใส่ใจ เช่นแอร์ติดอยู่กล่งผนังแบบไม่คิดจะทำให้ดูงดงามขึ้นเลย  หรือประตูมุ้งลวดแบบอลูมิเนี่ยม

เอาทาจีนมาใส่ผลไม้อย่างเดียวหรือว่ามีอาหารโมรอคโคด้วยคะ

โอ้ โรงแรมนี้ ... ถ้าสะสมแต้มของพันทิปได้ 9000 แต้มก็อยากจะแลกอยู่หรอกน้า TwT

/คงต้องสะสมต่อไปอีกชาตินึง

ธรรมชาติมากๆครับ โรงแรมนี้
อยากไปสูดออกซิเจนให้เต็มปอดจัง

สวยน่าไปพัก มากค่ะ

แต่ พอเจอพี่หมอ ติง เรื่องอาหารเช้า แล้ว

นู๋ช่อ เริ่มลังเล 5 5 5 (เพราะปกติเป็นคนกินเก่งมากก)

ถ้าราคาไม่แพง อาจจะลองไป ช่วงโลว์ ดู เปลี่ยน ที่นอน บ้างไรบ้าง อิอิ

ปล. ขอบคุณพี่หมอ นะคะ ที่แนะนำ ที่พักใหม่ๆ สดๆ ซิงๆ ให้มาลองเป็นตัวเลือก

น่าพักมากๆครับบ

อั๊ยย่ะ!!! เห็นแล้วอยากปิ๊กบ้านขนาดเลยเจ้า >__<

ไปมาเหมือนกันค่ะงานยี่เป็งสันทราย ประทับใจตอนปล่อยโคมพร้อมกันค่ะ สวยมากๆๆๆ  แล้วคนก็เยอะมากเหมือน พอดีไปถึงงานประมาณห้าโมงเย็นซึ่งก็มีที่นั่งให้เลือกเยอะ แต่ก็เลือกแถวหลังสุดเพราะจะได้กลับออกมาสะดวก เลยเจอกองทัพช่างภาพและผู้ร่วมงานที่ตั้งใจจะมาเพื่อปล่อยโคมเพียงอย่างเดียวเดินกันวุ่นวายตลอดช่วงพิธีที่พระท่านสวดมนต์เลยรู้สึกว่าทำไมไม่สำรวมกันเลย ไม่ใช่สาวกของธรรมกายหรอกนะแต่ตอนนั้นคิดอย่างนี้จริงๆด้วยความเคารพ(หรือเราผิดเองที่เลือกนั่งแถวนั้น)

เห็นโคมยี่เป็งแล้วช้ำ เพราะนกแอร์ตัวเดียวววว ทำเค้าอดไปเชียงใหม่ เหอๆๆ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

ขอบคุณสำหรับรีวิว

สวยมากค่ะ ^^

ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอานนะคร้าบบบ ทุกท่าน

-- ถึงคุณพี่ชั้นหกครับ คิดว่าปีหน้าน่าจะ perfect กว่านี้ครับ
ถ้าพี่มาถ่ายช่วงปีหน้า หรือรอช่วง TBA2012 เลยก็น่าจะแจ่มครับ

-- ถึงคุณ Into the Groove ครับ ส่วนตัวผมคิดเฉยๆ หน่ะครับว่า บริเวณสวนหน้าห้อง คนเดินผ่านแบบโฉบๆ ได้เลย อย่างไรก็ต้องปิดม่านอยู่ดี ก็เลยแคคิดครับว่า ถ้าเป็นสระว่ายน้ำ อยางน้อยคนก็คงไม่ลงน้ำตลอดทั้งวันทั้งคืนแน่ๆ เพียงแต่ว่าถ้าห้องข้างๆ เป็นเด็กๆ อาจจะเสียงดังหน่อย พอดีที่ผมเขียนขึ้นเพราะว่า ที่พักในเชียงใหม่แบบ Pool Access มีน้อยครับ เหมือนจะมีแค่ U Chiang Mai หล่ะมั้งครับ ซึ่งเห็นหลายคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวขึ้นก็อาจจะต้องเลือกไปพักชั้นบนๆ แทน

-- ถึงคุณ triyapa ครับ ผมก็คิดว่าต้นไม้ใหญ่น้อยไปหน่อย เลยดูร้อนๆ หรือจงใจจะให้บรรยากาศดูร้อนๆ เพือโชว์ตัวอาคารสมกับความเป็นโมรอคโคผมก็ไม่แน่ใจครับ

-- ถึงคุณ factorygirl ครับ ไม่ได้เรียกว่ามองต่างหรอกครับ คือ ส่วนตัวผมเองก็มองว่า แต่ละที่ก็ต้องหาเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง อย่างสมมติว่าที่นี่เลือกที่จะสร้างที่พักสไตล์ล้านนา ซึ่งมีอยู่มากมายในเชียงใหม่ แข่งกันกินกันแทบไม่ลง ก็ได้แต่แข่งกันครับ ในขณะที่สไตล์อื่นๆ อย่าง โคโลเนียล หรือ วินเทจ (อันหลังนี่เริ่มมาแล้ว มีโรงแรมนึงกำลังก่อสร้างชื่อวิกตอเรียนิมมาน ซอย 17 อันนี้ก็มานาจะแนววินเทจเลย) ก็มีมาเรื่อยๆ

หากถามว่า ขัดกับบรรยากาศของเมืองไหม ส่วนตัวผมคิดว่าไม่ครับ อย่างโรงแรมนี้สร้างออกมาอยู่ชานเมืองนิดหน่อย เป็นริมแม่น้ำปิงที่ก็ไม่ได้ดูขัดหูขัดตามากนัก เว้นแต่ถ้าสร้างอยู่กลางเมืองเลย ก็อาจจะอีกอารมณ์หนึ่งครับ

ผมจึงมองว่า ทางเจ้าของเค้ามองแบบ Blue Ocean หาตลาดใหม่ๆ ที่ไม่มีคู่แข่งชัดเจน เป็นอะไรทีแปลกใหม่ไม่เหมือนกับที่อืนๆ กลายเป็นจุดขายที่ดีได้ครับ

ส่วนเรื่องแอร์นี่จริงๆ ผมก็ขัดใจเล็กน้อยครับ กับตำแหน่งติดตั้ง
และยิ่งคอมเพรสเซอร์แอร์ข้างนอก คือโชว์หราเลยว่าใช้แอร์แอลจี
ไม่ได้มีฉากบัง ซึ่งถ้ามีฉากกั้นบังตาจะดูเรียบร้อยกว่านี้ ส่วนมุ้งลวด ผมคิดว่าเป็ฯเพราะหลายๆ ท่านอาจจะไม่คุ้นตามากกว่า โรงแรมหรูหลายแห่งไม่เลือกที่จะติดเพราะดูแปลกๆ แต่ผมว่าติดแล้ว เอาอากาศเย็นๆ ริมแมน้ำเข้าห้องก็ได้สบายๆ อยู่ครับ

ส่วนตรงที่เป็น Welcome Fruit มีแต่ผลไม้ครับ ไม่ได้มีอาหารโมรอคโคแต่อย่างใดครับ

-- ถึงคุณ lonea ครับเห็นพันทิปแลก 9,000 คะแนนจริงๆ แต่ผมไมเคยมีดวงอะไรกับพันทิปเลย คะแนนมีล้นเหลือแต่ไม่เคยได้อะไรซักอย่าง แห่ะๆๆ เลยคิดว่าจ่ายตังค์จองไปเองเลยดีกว่า

-- ถึงคุณการะเวกฯ คืออย่างอื่นก็โอเคหมดครับ แต่เรื่องอาหารเช้า ก็ทานได้ไม่อั้นนะครับ สั่งทานได้จนกว่าจะอิ่ม แต่ความหลากหลายมีตามที่เห็นในเมนูเท่านั้นเอง อย่างปกติผมก็จะสั่งหลายอย่าง แตพอดีเค้ากำหนดกรอบมาแค่นี้ ก็เลยสังได้แค่นี้จริงๆ (ลองดูของอรุณธารานี่ สวรรค์ของนักกินจริงๆ รู้สึกมีความสุขแม้จะต้องตืนมาแต่ไก่โหเพือกินข้าวเช้าครับ)

-- ถึงคุณลูกปลาฯ จริงๆ ผมก็เห็นด้วยครับ คนเยอะ แต่บางช่วงเวลาถ้าโฆษกเค้าไม่ได้ปรามไว้ท่าจะไม่เหลือครับ ตอนปล่อยไปแล้วเค้ามีสวดอีกก็ไม่ค่อยจะฟังกันเทาไหร่แล้ว แห่ะๆๆ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านนะครับ
หากท่านที่มีคำถามสงสัยก็ทิ้งไว้ในกระทู้นี้ได้เลยครับ

ยังไม่มีโอกาสไปเชียงใหม่ในช่วงแบบนี้เลยครับ
เพราะไม่ค่อยชอบคนที่พลุกพล่านสักเท่าไรห่ แต่เห็นรูปโคมลอยสวยแบบนี้มายั่งทุกทีเลย

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

อยากมีโอกาสไปร่วมงานยี่เป้งบ้างจังค่ะ บรรยากาศจริงๆ คงสวยมากๆเลยนะคะ

เห็นแล้วอยากไปเชียงใหม่ซะตอนนี้เลยค่ะ  อาทิตย์หน้าเจอกันน้า ม่อนแจ่มๆ แต่คงพักไม่ไหวอ่าขอแค่กินบรรยากาศพอน่ะ

โรงแรมสวยอลังการมากกกก ขอบคุณคุณหมอยุ่งสำหรับรีวิวค่ะ ^^

เห็นด้วยกับ คคห 100 ครับ

และไม่ว่าจะไปสร้างในเมืองหรือนอกเมืองก็ควรคำนึงถึงรูปแบบล้านนาไทยๆ ของเรา อย่านำธุรกิจหรือค่าของเงินมาทำลายวัฒนธรรมอันดีงามของเราเลยครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวครั้งนี้ครับ

ปล. ปรกติจะแอบอ่านอย่างเดียวแต่วันนี้ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัว คุณหมอคงไม่ว่ากันน่ะครับ

ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านอีกครั้งหนึงครับ

-- ถึงคุณ Ekanat ครับ
แห่ะๆ งั้นผมก็ขออนุญาตแสดงความเห็นส่วนตัวนิดนึงนะครับ

จริงๆ ผมไม่ได้คิดว่า เค้าจะมาทำลายอะไรนะครับ
เรื่องภูมิทัศน์ จุดนั้นนี้เป็นจุดริมแม่น้ำปิงที่แทบจะไม่ได้รบกวนทำให้ภาพลักษณ์เชียงใหม่อันมีประวัติศาสตร์ล้านนายาวนาน 700 กว่าปีเสียหายไป อาคารก็สูงแค่ 4 ชั้นเท่านั้น ในทางกลับกัน อาคารใหญ่หลายๆ โครงการในเชียงใหม่ สร้างใจกลางเมืองแท้ๆ แต่ก็ไมได้มีอะไรที่จะกลืนกับความเป็นท้องถิ่นเช่นกัน ทั้งๆ ที่บางโครงการอยู่ในจุดทีผู้คนในเมืองหรือนักท่องเที่ยวต่างถิ่นต้องเห็นได้อย่างชัดเจน

แต่อย่างที่บอกว่า เค้าอาจมองตลาดอีกกลุ่มหนึ่งออกมาได้
เพียงแค่ว่าสถานที่ตั้ง อยู่ในเมืองเชียงใหม่ จะต้องให้อะไรออกมาล้านนาหมดทุกสิงอยางคงจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
และผมเชือว่า ถ้าเค้าทำออกมาเป็นล้านนา ก็จะกลายเป็นโรงแรมนึงที่ไม่มีอะไร เพราะมีให้เลือกเป็นร้อยแห่งที่ทำมาสไตล์ล้านนาในเชียงใหม่ เพียงแต่จะออกมาล้านนาแบบไหน และใครจะทำได้ดีกว่ากัน ในที่สุดก็เกิดภาวะห้องพักล้นตลาด แล้วก็ต้องทำสงครามราคากันในช่วงหน้าโลว์ เพราะลูกค้ามีสิทธิ์จะเลือก จะเอาล้านนาแบบไหนดีหละ เพียบเลยครับ

ซึ่งครั้งหนึ่งตัวผมเองเคยไปสัมผัสโรงแรมหนึ่ง ที่ขึ้นชื่อว่าล้านนา แต่ไม่ได้รู้สึกประทับใจเลย กลายเป็นโรงแรม Mix & Match เห็นที่ไหนสวยก็ Copy-Paste มาใส่ กลายเป็นอะไรก็ไมรู้ ไม่มีเอกลักษณ์ของตัวเองเลย ผมว่า สู้ทำอะไรที่เป็น Unique เป็นแนวของตัวเองไปเลยจะดีกว่ามั้ย

ในทางกลับกัน วิลล่า มาร๊อค ตั้งอยู่ริมทะเลปราณบุรี หรือ ลา คอสทาน่า ตั้งอยูที่ สวนผึ้ง หรือ สถานทีท่องเที่ยวหรือรีสอร์ทหลากสไตล์ อยู่บนเขาใหญ่ ก็ไม่ได้สร้างแบบอิงแอบธรรมชาติไปทั้งหมด แล้วทำไม ชีคอิชทานา ถึงจะตั้งที่เชียงใหม่ไม่ได้ เพียงเพราะว่าเชียงใหม่เป็นเมืองเก่าอายุ 700 ปีเท่านั้นเหรอครับ

หากในกรณีที่มีโรงแรมหน้าตาประหลาด ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงใจกลางเมือง เป็นจุดที่ใครก็เห็น อาจจะเป็นเรื่องทีขัดกับบรรยากาศของเมืองจริง แต่โรงแรมนี้ตั้งอยู่โซนชานเมือง ซึ่งต้องให้คนผ่านไปถึงจะเห็น ถ้าไม่ผ่านไป คนต่างถิ่นน้อยรายคงจะทราบว่าถนนป่าแดดคือถนนสายไหน เพราะไม่ใช่ถนนหลักที่นักท่องเที่ยวจะผ่านเช่นกันครับ

ทั้งหมดก็เป็นความคิดเห็นของผม ผมคิดว่าต่างธุรกิจก็ต้องมองหาจุดแข็งและตลาดของตัวเอง ซึ่งถ้าลูกค้าต้องการอะไรที่เป็นล้านนา มีให้เลือกนับร้อยแห่ง แต่ถ้าต้องการอะไรที่แปลกประหลาดหน่อย ทีพักแนวประหลาดก็จะได้ลูกค้ากลุ่มที่ชื่นชอบความแปลกไปนั่นเองครับ

โรงแรมสวยมากค่ะ มาชมแล้วก็เลยอยากจะบินไปพักที่นี่ทันทีเลย ^0^

ขอบคุณ คุณหมอยุ่งสำหรับรีวิวครับ ผมตามมาดูช้าไปหน่อย เป็นอีกที่ที่น่าไปมากครับ ถ้ามีโอกาสไปเชียงใหม่จะแวะไปอีกแน่นอนครับ แล้วก็ผมจะเข้ามาขอบคุณหมอยุ่งสำหรับ Review Renaissance Phuket ด้วยครับ ซึ่งเป็นรีวิวจุดประกายให้ผมไปที่นั้น ขอบคุณครับ

เป็นอีกที่ที่อยากไปค่ะ
ตอนพันทิปเอาวอชเชอร์มาให้แลกนี่ตาวาวเลย แต่สุดท้ายก็อด แง้

-- ถึงคุณ KOSMOฯ ครับ
ขอบคุณมากๆ ครับ ตอนทีไปนอน Renaissance ตอนนั้นเค้ายังเพิง Soft Opening จากทริปฟอร์ดเฟียสต้า เป็นโรงแรมทีผมชอบมากโรงแรมหนึงครับ สีสันสดใส หาดก็เงียบสงบจริงๆ

สวยค่ะ

ขอบคุณมากๆครับผม

ปีใหม่ปีนี้ว่าจะงดเที่ยวสักหน่อย แต่มาเห็นกระทู้นี้แล้วทำเอาไขว้เขวเลยค่ะ

ใจไปงานพืชสวนโลกน ที่เชียงใหม่เรียบร้อยแล้วตอนนี้

ขอบคุณหมอยุ่งมากครับ โรงแรมสวยแปลกดี
ปล.งานพืชสวนโลก ถ้าไปหลังจากวันงาน(23-25 มี.ค.) จะยังมีให้ชมอยู่รึปล่าวครับ พอดีได้โปรช่วงนั้นไว้

ได้ข้อมูลการปล่อยโคมที่ธุดงคสถานล้านนามากๆเลยค่ะ  อยากรู้มานานแล้วแต่ไม่รู้จะไปถามใคร  ขอบคุณหมอยุ่งมากๆนะคะ  ได้ความรู้จริงๆค่ะ  ปีหน้าคงต้องจัดทริปไปลอยโคมบ้างแล้ว ^_^

สวยมากเลยครับน่าอยุ่มาก

ป.ล. เห็นแล้วก็แอบอยากไปเที่ยวโมรอกโคเลยนะเนี่ย 5555

คหที่ 6 มีรูปผมด้วย

ขอบคุณสำหรับรีวิวน่ะค่ะ

ใครที่หาที่พักม่อนแจ่มยาก แนะนำที่พัก www.baentongbai.com ใกล้ดอยม่อนแจ่มค่ะ บรรยากาศส่วนตัว