อย่างที่หนึ่งเคยเม้าให้ฟังแล้วนะคะ ว่าการเดินทางคราวนี้ ไม่พกคอมพิวเตอร์ เครื่องมือสื่อสารก็ปิดเกือบตลอด เปิดเฉพาะหลังเวลาเลิกงานที่เมืองไทย เล่น FB บ้างแต่ก็ไม่มากคะ ไว้ส่งข่าวให้เพื่อนๆ รู้ ว่าเรายังสบายมาก ไหวอยู่   เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงที่พักต่างๆ เวลาเจออากาศไม่ดี ก็เลยไม่ได้ทำ อีกอย่างก็อยากทิ้งห่างเทคโนโลยี  อยู่กับตัวเอง คุยกับตัวเองเยอะๆ หน่อย และอยากพิสูจน์ด้วยว่า ตัวเองจะผ่านช่วงเวลาแย่ๆ ไปได้อย่างไร เพราะไม่มีกำลังใจจากใครสักคน นอกจากตัวเราเอง...

คงต้องเก็บเอาไว้เฉลยในตอนท้ายๆ แล้วคะ ว่าการเดินทางของหนึ่งคราวนี้นั้น มีบทเรียนล้ำค่าอะไรที่ทำให้เข้าใจสัจธรรมบางอย่างและเข้าใจธรรมดาของโลกใบนี้ขึ้นได้บ้าง...

เวลาเราเจอความทุกข์ของตัวเราเอง กว่าจะผ่านมันได้ก็ไม่ง่ายนะคะ เวลาเราปลอบคนอื่นง่ายกว่ามาก แต่ทำไมเวลาเราพบเจอกับเรื่องแย่ๆ ด้วยตัวเราเอง ทำไมมันเหมือนหมดแรงจะต่อกรกับมันซะอย่างงั้น แต่ละช่วงยาวนานและทำใจยากมากเหลือเกิน กว่าจะผ่านแต่ละช่วงเวลากันไปได้ เล่นเอาซึมกันไปสักพักใหญ่ แต่ก็ไม่นานหรอกคะ ก็ต้องตะกายออกจากบ่อแห่งความทุกข์มาเดินเล่น ริมทะเลสาบ มัวแต่แหวกว่ายแต่ในกองความทุกข์ คงไม่มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกันแน่ๆ หน้าแก่กันหมดพอดี หนึ่งรับไม่ได้

การผจญภัยก้าวที่ผ่านมาค่า

ก้าวแรก @ Geneva

ก้าวที่ 2 @ Vevey

เม้านอกเรื่องกันมาเยอะละ

วันนี้ หนึ่งจะพาไปเดินดูบรรยากาศสบายๆ ของเมืองสวยๆ สวิตเซอร์แลนด์อีกหลายๆ เมืองคะ พาไปเดินเล่น ชิลๆ ดูบรรยากาศกันนะคะ เพราะเห็นเพื่อนๆ รีวิว เมืองเหล่านนี้เยอะมาก  ค่อยๆ ตามกันไปว่าวันนี้ จะรวมความสวยงามของเมืองไหนมาฝากกันบ้างเอ่ย

เมืองแรก หลังจากเดินทางออกจาก Interlaken มา

วันนี้ หนึ่งจะพาไปทัวร์ คือ เมือง  Merlischachen  น่าจะไม่คุ้นเคยกันสักเท่าไหร่คะ เพราะว่าเมืองนี้ เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ห่างจาก Luzern พอสมควร ถ้านั่งรถไฟจาก Luzern ประมาณ 20 นาที 

เหตุผลที่เลือกมาที่เมืองนี้ คือหนึ่งอยากนอนเล่น โรงแรมริมทะเลสาบซักคืนหนึ่ง แล้วก็หาๆ ค้นไปค้นมาก็ได้ โรงแรมที่เมืองนี้ค่ะ  

โรงแรมที่นี่ ชื่อ Schloss Hotel Swiss Chalet เป็นโรงแรมที่เก่าแก่มาก แต่ที่ประทับใจคือ การจัดตกแต่ง แบบสวิสดั้งเดิมไว้ แม้กระทั่งในห้องอาหารตอนเช้า มีของตกแต่งพื้นเมือง ที่ทำให้เหมือนย้อนยุคได้ทีเดียว

เป็นแนวบ้านไม้ Chalet ที่เป็นเหมือนเอกลักษณ์ของสวิตเซอร์แลนด์ไปแล้ว แล้วก็อยากนอนในบ้านแบบนี้สักครั้ง   อยากรู้ว่าบรรยากาศจะเป็นอย่างไร ที่สำคัญคราวนี้ได้นอน ห้องใต้หลังคาด้วยนะค๊ะ  ได้อารมณ์ไปอีกแบบนึง

ตามคุณหนึ่งมาคนแรกเลย แหะๆ

โรงแรมที่หนึ่งพักค่อนข้างเก่าแก่ แต่ก็ตกแต่งได้สวยงามและคงความเป็นสวิสแท้ๆ ได้ดีมากเลย จุดตรงที่โรงแรมตั้งอยู่ เป็นปลายสุดของทะเลสาบ Luzern ค่า

  กรี๊ด ๆ คุณอาร์ท แวะมาคนแรก ต้อนรับเข้าร่วมก๊วนด้วยกันค่ะ น้องน้ำเป็นเหตุ อิอิ

พาไปชมบรรยากาศริมทะเลสาบข้างๆ โรงแรมกันนะคะ

เป็นกำลังใจให้นะคะหนึ่ง อีกไม่นานน้องน้ำก็จะผ่านไปค่ะ

ตามไปเที่ยวต่อค่ะ

ข้างๆ โรงแรม เป็นสวนสาธารณะ ช่วงเย็นๆ จะมีเด็กๆ แวะมาเล่นกัน ดูเป็นเมืองที่สงบๆ แต่สบายๆ เหมาะแก่การพักผ่อน หนีความวุ่นวายมากๆ เลยนะเนี่ย

รอน้องน้ำกลับบ้านเค้า เราก็จะได้กลับบ้านของเราซักที

   คุณติ๊ก ขอบคุณมากจ้า

โบสถ์สวยๆ ในเมืองนี้

  ช่ายๆ อยากกลับบ้านเหมือนกัน คิดถึงๆ ไปๆ คุณอาร์ท เราช่วยกัน ดันน้องน้ำ กลับบ้านนะ ^^

บรรยากาศสบายๆ ช่วงเย็นๆ เมืองนี้ เงียบมาก ถ้าเป็นคนที่ชอบแสงสีสงสัยจะเบื่อนะคะ

ระหว่างเดินในเมืองก็จะเจอบ้านส่วนใหญ่ แบบนี้นะคะ

เกลอใหม่ ซนมาก เสียดายพยายามจับภาพมองกล้อง แต่แม็กซนมาก

ที่สำคัญ เจ้าของแม๊ก หล่อสุดๆ อดเก็บภาพเจ้าของได้แต่แม๊ก มาให้คิดถึงแทน เฮ้อ...พลาดอีกละ

ระหว่างทางเดินจากสถานีรถไฟกลับโรงแรม

เจ้าตัวนี้ ทำให้หนึ่งหลุดหัวเราะก๊ากออกมาได้ เพราะเจ้าตัวนี้ กระโดดตะปบนกบนต้นไม้ กระโดดสูงมาก ทำตัวเหมือนไม่ใช่น้องเหมียว คริคริ

ทะเลสาบอีกมุมชอบเป็นการส่วนตัว อิอิ

ตบท้ายไปเดินเล่นชม Luzern ยามพลบค่ำ ตอนประมาณ 3 ทุ่ม ก่อนจะผละจากไปยังเมือง อื่นๆ  กันต่อนะคะ

พลบค่ำ ประมาณ 20:30 น. ณ Luzern

 สถานีรถไฟ Luzern ยามค่ำคืน

บรรยากาศโรแมนติค จริงๆ เลยครับ

 สะพานไม้ Chapel สัญลักษณ์ สำคัญของเมืองนี้

ตามคุณหนึ่งหนีน้ำไปเที่ยวเมืองนอกต่อ ฮี่ๆ

  เฮียเหา จริงค่ะ โรแมนติกมากเลย >__<

บรรยากาศวันนี้มีสีฟ้าและสีเขียว
ไม่มีฝนและฟ้าหลัวมากวนใจ
เที่ยวชมความงามผ่านเลนส์ด้วยนะจ้า

เข้าใจความรู้สึกของคุณหนึ่งเลยนะคะ เพราะครอบครัวก็อยู่ในฐานะเดียวกันเลย

แต่เชื่อว่ารีวิวสวยๆ ชุดนี้จะทำให้คุณหนึ่งมีกำลังใจและมีความสุขได้

ขอมาร่วมชมความสุขที่สวยงามของคุณหนึ่งด้วยนะคะ

  น้าชาติ ไปๆ กันนะ ไหนๆ ก็ไปไหนไม่ได้ ก็ไปเที่ยวแบบนี้ด้วยกัน ไม่เปลืองดีเนาะ

การเดินทาง Merlischachen  ก็ตั้งต้นจากสถานีรถไฟเมือง Luzern นั่งรถไฟสาย S3 มาประมาณ 4 สถานี มีรถไปเมืองนี้ทุกชั่วโมงคะ รอบสุดท้ายน่าจะประมาณ เกือบๆ ห้าทุ่ม 

  คุณ SkylineKip ขอบคุณมากเลยค่า ไปเที่ยวด้วยกันนะคะ

  คุณบงขา ขอบคุณกำลังใจดีๆ ที่มีให้กันนะคะ

สวยมากเลยครับ อยากกลับไปอีก

หลังจากซึมซับ บรรยากาศเมืองริมทะเลสาบกันได้สักพัก

หนึ่งก็เดินหน้าต่อไปชมเมืองที่ไม่ใช่เมืองหลวง แต่มีความเจริญมากกว่าเมืองหลวง อย่าง ซูริค ซึ่งหนึ่งตัดสินใจพักที่เมืองนี้ เพื่อเดินทางต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวตอนเหนือของสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อความสะดวกมากขึ้นคะ

หนึ่งในผู้อพยบมารายงานตัวจ้ะ....


อยากรีวิวมั่งจัง  แต่ไม่ได้เอารูปติดออกมาเลยจ้ะ

  คุณบอย ขอบคุณมากค่า แวะมาทักทายกัน

ทีนี่ หนึ่งพักที่ Service Apartment ค่า เป็นห้องเดี่ยว มีมุมทำครัวเล็กๆ สะดวกไม่ต้องออกไปหาของกิน เพราะในเมืองแบบนี้ อาหารแต่ละมื้อแพงมาก...

ไม่ไกลจากสถานีหลัก Zurich เท่าไหร่ ชื่อ Astor Hotel & Serviced Apartments

   พี่อุ๊จ๋า เก็บรูปไว้ในคอมพิวเตอร์ที่บริษัท เลยได้ทำงานที่รักแก้เครียด งั้นไปเที่ยวกับหนึ่งก่อนนะคะ ส่งกำลังใจให้พี่อุ๊นะคะ สู้ๆ ค่า

ที่นี่หนึ่งใช้เวลาไม่เยอะค่า เพราะส่วนใหญ่ จะนั่งรถไปเที่ยวที่อื่นแต่ก็พอได้แวะไปโบสถ์สวยๆ มาบ้างนิดหน่อย

หน้าสถานีรถไฟหลัก บนถนน Bahnhofstrasse ถนนสาย shopping ที่ใหญ่มากๆ แห่งหนี่ง นอกจาก shopping แล้ว หนึ่งว่า ยังเป็น ถนนสายแฟชั่นอีกด้วยนะคะ

พาไปทัวร์โบสถ์แรกกันก่อนนะคะ

มหาวิหาร Grossmunster

บรรยากาศระหว่างทางจากโรงแรมมาที่โบสถ์

มหาวิหาร Fraumunster

คุณพี่มาแต่เมือใดนี้ ....  เกือบพลาดล่ะ

กลับมาแล้วเนาะ  คิดถึงจัง ^__^

อิอิ โบสถ์นี้อยู่ด้านใน แต่ลืมชื่อ

ขอโทษนะคะ ให้ดูความเก๋ ของหอนาฬิกาจ้า

  บิ๋มๆ อิอิ แก้เครียดจ้า มารีวิวดีกว่า ไปเที่ยวด้วยกันนะจ๊ะ น้องสาว

บรรยากาศในเมืองนี้ คงเห็นกันเยอะแล้วค่า งั้นก็เก็บมาฝากนิดๆ หน่อยๆ นะคะ 

เพราะว่า หนึ่งมีอีกที่หนึ่ง ซึ่งเป็นอีกเป้าหมายที่ตัดสินใจมาเที่ยว สวิตเซอร์แลนด์ นั่นคือเยี่ยมชมโบสถ์ที่เป็นมรดกโลก  St. Gallen ที่ยิ่งใหญ่ สวยงามมากเลยค่า

แอบมารีวิวไม่บอกไม่กล่าวเลยนะรุ่นน้อง อิอิ


ตามไปด้วยคนนะครับ ขอให้ที่บ้านแห้งไวๆนะ (-/l\-)

โห........... รูปสวยมากเลยยยยยยยยย

แวะมาชมภาพสวยๆจากสวิสต่อค่ะ

เป็นกำลังใจให้คุณหนึ่งผ่านพ้นวิกฤตไปโดยเร็ว
บ้านแอนอยู่สมุทรปราการน้ำไม่ยังยอมมาเลยค่ะ

 การเดินทางก็ใช้บริการรถไฟ จากสถานีหลัก ซูริคมาค่ะ ใช้เวลาเกือบๆ  1 ชั่วโมง

พอมาถึง ปัญหาก็คือ จากสถานีรถไฟ St. Gallen จะเดินไปยังไง ระหว่างเดินไปเดินมา หนึ่งก็พบเพื่อนที่น่ารักๆ สองคนนี้ กำลังนั่งหม่ำข้าวกันอยู่ พอหนึ่งถามเค้าก็จัดแจงวาดแผนที่ให้เดินไปยังโบสถ์ แต่สุดท้าย กลัวหนึ่งหลง เค้าสองคนก็เดินไปส่งหนึ่งทีทางแยกไปโบสถ์เลยค่า อีกไม่น่านคงได้ต้อนรับน้องๆ สองคนนี้ ที่เมืองไทย เพราะเค้าก็อยากมาบ้านเราเหมือนกัน

เห็นโจ๋ๆ แบบนี้ เค้าสองคนเรียนด้านศิลปะมานะคะ มีน้ำใจมากๆ ทิ้งข้าวแล้วเลือกเดินไปส่งนักท่องเที่ยวหน้ากลมแบบหนึ่ง เป็นอีกหนึ่งความประทับใจจริงๆ เลย กับสวิตเซอร์แลนด์

  รุ่นพี่กาแฟ ก็อยากทำอะไรที่มีความสุขในช่วงนี้อ่ะจ้ะ ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจกันนะคะ

  บิ๋มๆ ขอบใจสำหรับคำชม มาแวะเอาไป 20 อิอิ

  คุณแอน ขอให้ไม่เจอน้องน้ำเลยค่า ชีวิตมันรวนไปหมดเลย ขอบคุณที่แวะมาเที่ยวด้วยกันนะคะ

มหาวิหาร St. Gallen เปิด จันทร์ - เสาร์ 09:00 - 18:00 น. วันอาทิตย์ 12:15 - 17:30 น.

มหาวิหารแห่งนี้ เป็นศิลปะ สไตล์บาโรก สร้างในปี 1755-1766

ไปดูบรรยากาศในมหาวิหารแห่งนี้กันนะคะ

ขอตามไปเที่ยวด้วยคนครับบบ

   คุณสายลมแห่งวิงค์ ยินดีมากเลยค่า ตามมาเลย

ความยิ่งใหญ่อลังการของมหาวิหารแห่งนี้ ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้หมดจากภาพที่เก็บมาได้นะคะ  

แต่คงทำให้เพื่อนๆ พอได้เห็นความสวยงาม ยิ่งใหญ่และดูอลังการได้บ้างเนาะ

ตามมาๆๆ เห็นรูปแรกๆแล้วกรี๊ดมาก ท้องฟ้าสีสวยมากเลยค่ะพี่หนึ่ง

   น้องใบชาจ๋า ตามมาเลยจ้า ตอนสุดท้ายแล้วนะ รวมทุกอย่างกันเลยทีเดียว

เพื่อไม่ให้เสียเวลาพาไปต่อกันที่ น้ำตก Rhein ที่เมือง Neuhausen

การเดินทาง ก็นั่งรถไฟมาจากเมือง Zurich ลงรถที่สถานี Schaffhausen แล้วต่อรถประจำทางสาย 1 ไปลงที่ Neuhassan New  เดินตามป้าย น้ำตกไปก็จะเจอกับความยิ่งใหญ่ของน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปแห่งนี้คะ

น้ำตก Rhein น้ำดูน่ากลัวมากเลยค่ะ ดูดุดันมาก

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด สวยมั่กมั่ก

น้ำตก Rhien มีความกว้างถึง 150 เมตร มีน้ำที่ไหลแรงมาก ด้านบนมีปราสาท Schloss Laufen อยู่ด้านบนอีกฝั่งที่ติดกับทางรถไฟ

  น้องใบชา ช่ายจ้า น้ำไหลแรงมากๆ เลย

  คุณ weneedlove ขอบคุณมากๆ เลยค่า

มาดูความแรงของน้ำกันชัดๆ

อย่างที่เคยเล่าให้ฟังแล้วนะคะ ว่าเหตุผลสำคัญที่มา สวิตเซอร์แลนด์ รอบนี้ อยากมาเดินป่า แต่วันที่ได้เดินกลับเจอฝนทุกวัน ฟ้าปิด เป็นผลให้เกิดความเซ็ง เบื่อหน่าย จิตตก แต่วันนี้ เป็นวันที่หนึ่งพบกุญแจสำคัญที่ทำให้รู้ว่า....

เป้าหมายของการเดินทางไม่ใช่ปลายทางที่สวยงามเท่านั้น

แต่... ความสวยงามของการเดินทาง มีอย่างอื่นที่เป็นกุญแจสำคัญอีก

และ คนที่ทำให้หนึ่งเข้าใจ อีกด้านของการเดินทางคือ

หนุ่มใหญ่ นาม Hannohhor และสุนัขคู่ใจ Carma

เพื่อนที่น่ารักสองคนนี้ เป็นคนทำให้หนึ่งรู้สึก เบา สบายใจ และเที่ยวแบบไม่สนใจฟ้าฝน

หนุ่ม Hannorhor เป็น คนเยอรมัน เค้าเดินทาง ด้วยเท้า เพื่อท่องเที่ยวรอบเยอรมันและ ข้ามแดนมาทางตอนเหนือ ของสวิตเซอร์แลนด์ เราพบกันโดยบังเอิญ แต่ดูเหมือนการพบกันในครั้งนี้ ทำให้การพูดคุยระหว่าง หนึ่งและเค้าสนุกมากๆ 

เค้าเล่าว่า มีคนเคยถามเค้าว่า สถานที่ที่สวยงามของเค้าคืออะไร

เค้าอมยิ้มน้อยๆ แล้วเล่าด้วยดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขว่า

สถานที่สวยสำหรับ หนุ่ม Walking Backpacker แบบเค้า คือ สถานที่ที่ผู้คนน่ารัก ใจดี ทำให้เค้าได้สัมผัสมิตรภาพ รอยยิ้ม และความเอื้ออาทรระหว่างกัน....

ความคิด ที่เราเหมือนกัน คือ

เราไม่ยึดติดเรื่องเวลาในการเดินทาง พอใจอยากอยู่นาน ก็อยู่ อยากกลับก็กลับ เค้าไม่พกนาฬิกาเหมือนหนึ่งเวลาหนึ่งไปเที่ยวที่เมืองไทย แต่ไปสวิต ต้องพก ไม่งั้นตกรถไฟแหงๆ เลย^^

การพูดคุยระหว่างเราทำให้หนึ่งเห็นภาพของการ backpack ว่ามีเสน่ห์ ตรงไหนบ้าง เสียดายคะ อยากทำแบบเค้าบ้าง แต่เราคงไม่ไหว และที่สำคัญข้อจำกัดระหว่าง ผู้หญิงเดินทางคนเดียวกับผู้ชายคนเดียวก็ต่างกัน เลยจำใจ ยอมรับ ความสามารถของตัวเอง

ส่วนเจ้าตัวน้อย สีดำ ตัวนี้ เค้าเล่าว่า เค้าพบระหว่างการเดินทาง แล้วหลังจากนั้น เค้าทั้งสอง ก็ไม่เคยแยกจากกัน Carma เป็นน้องหมาที่อึดในการเดินทางมากๆ คะ วันนีงๆ เดินทางได้ ประมาณ 40- 50 กม.

นั่นคือเหตุผลที่เค้าตั้งชื่อเธอว่า Carma ซึ่งแปลว่าสิ่งที่พระเจ้านำมาให้...

เป็นมิตรภาพ ที่ฟังแล้วยิ้มแก้มแทบปริ น้องหมาน้อย Carma สุภาพ ใจดี และยิ้มด้วยแววตาตลอดเวลาเลย

หลังจากเดินเล่น รอบๆ น้ำตก แล้วร่ำลา เพื่อนใหม่ๆ ที่น่ารักมากๆ แล้ว

หนึ่งว่า เค้าเป็น ไอเดิลในการเดินทาง Backpack ให้หนึ่งจริงๆ นะคะ

หนึ่งจะพาไปเดินเล่นที่ Stein am Rhein กันต่อนะคะ

บรรยากาศโรแมนติคทีเดียว ถ่ายทอดออกมาได้สวยงามมากครับน้องหนึ่ง

สวยมากครับ อากาศสดใส ภาพก็สวยมาก
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

การเดินทางก็ต้องนั่งรถไฟ จากเมือง Schaffhausen ไปที่ Stein am Rhein

ไปถึงก็เจอน้องฝนต้อนรับกระหน่ำ แต่ก็ทำให้ยิ้มได้แล้วค่า

เจอฝน จนรู้สีกว่า เราคือเพื่อนกันละ

เมืองนี้ เป็นเมืองน่ารักๆ ที่มีการ ทาสีตึกสีสันน่ารักมากๆ คะ

ของที่ระลึก ก็สวยงาม เก๋ไก๋ ไปเดินเล่นดูบรรยากาศด้วยกันนะคะ

  น้าม่วง ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

  คุณ Naddh ยินดีมากค่า ที่แวะไปเที่ยวด้วยกัน^^

ร้านนี้ เป็นร้านที่ทำพาย สตรอเบอรี่ อร่อยมากค่า

ของที่ระลึก น่ารัก ระหว่างเดินเล่นที่เมืองนี้ นะคะ

ชอบบรรยากาศบ้านเรือนของเค้ามากๆครับ เดินได้ไม่มีเบื่อเลยจริงๆ

  จริงค่า พี่ป้อม เดินสบายๆ ฝุ่นไม่มี เหงื่อก็ไม่ออก อิอิ สบายมากกกก

ภาพสวยมากเลยค่ะ ขอตามไปเที่ยวด้วยคน ^^

  คุณ Nasaae  ยินดีมากๆ เลยค่า

มานั่งชมรีวิวสวยๆ พร้อมกับน้องเฟริส์น้องเฟรมอยู่ครับ
ภาพสวยอีกแล้วอะ สองหนุ่มบอกทำไมรูปสวยจังไม่เห็นเหมือนที่ป๊าถ่ายเลย

ปล ขอเป็นกำลังใจให้น้องหนึ่งอีกคนครับ เด๋วมันต้องผ่านไปได้
แบบที่น้องหนึ่งบอกไว้นะครับ

นำมารูปมาให้ชมกันนิดๆ หน่อยนะคะ เมืองเหล่านี้ มีเพื่อนๆ ไปเที่ยวกันบ่อยมากๆ หนึ่งเลยเก็บภาพมาฝากไม่เยอะเท่าไหร่

และเมืองสุดท้ายนี้ เป็นเมืองที่ใช้เวลาวันสุดท้ายที่สวิตเซอร์แลนด์ขากลับ

เนื่องจากหนึ่งนั่งเครื่องกลับจาก เจนีวา หนึ่งเลย

ปิดฉากการเดินทางรอบนี้ ด้วยเมืองแห่งทะเลสาบอีกแหล่ง ที่

 Neuchatel เมืองที่มีเสน่ห์ สวยงาม และผู้คนใจดีมากๆ

เมือง Neuchatel เป็นเมืองที่มีทะเลสาบ อยู่ในอาณาเขตที่ไม่ได้ติดหรือร่วมกับประเทศอื่นๆ  ทะเลสาบที่นี่ มีพื้นที่ประมาณ 218 ตารางกิโลเมตร ที่นี่เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการทำนาฬิการ และไวน์องุ่น

พาไปเดินเล่นดูรอบๆ เมือง แล้วหนึ่งจะพาไปที่อื่นต่อนะคะ

บรรยากาศเมืองนี้ สงบมาก ร่มรื่น ผู้คนก็สบายๆ ไม่รีบเร่ง เคร่งเครียด เท่าไหร่

  พี่เปี๊ยกขา ขอบคุณมากเลยค่า สำหรับกำลังใจ จากทั้งสองหนุ่มเฟิร์ส และ เฟรม ด้วยนะคะ

  ยิ้ม ยิ้ม 

ตอนนี้ จะพาไปดูพิพิธภัณฑ์ Musee d' Art et d' Histoire ที่นี่มีชื่อเสียงในหุ่นกล Automata สามตัว คือ The Musician หุ่นผู้หญิงเล่นออร์แกน The Scribe หุ่นเด็กชายเขียนหนังสือ และ The Draughtsman เป็นเด็กชายวาดภาพ

ภายในพิพิธภัณฑ์มีภาพวาด ศิลปะ และประวัติเมือง Neuchatel รวมทั้งมีนาฟิกาเก๋ๆ เก่าๆ แสดงให้ดูเยอะมากๆ คะ

ภาพ สามมิติ ในพิพิธภัณฑ์

และ ที่ที่อยากไปเดินเล่นมากที่สุดอีกที่คือ ปราสาท Chateau de Neuchatel

เสียดายคะ ที่ปิด ไม่ทันได้เข้าไปสำรวจข้างใน

สุดท้ายก็แวะไปโบสถ์ Eglise Collegiale  แต่กลับปิดบูรณะ เลยได้แต่เดินเล่นในป้อมปราสาทแทน เสียดายมากเลยค่า แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อย ก็ได้มีโอกาสแวะมาสำรวจที่นี่ ในวันสุดท้ายก่อนกลับเมืองไทย

ไปเดินเล่น รอบๆ กำแพง ปราสาทกันคะ

อยากไปชิล ๆ ที่นี่อีกจังค่ะ

คห.35 เจ้าตัวนี้เกาะหนึบอยู่ที่สถานีรถไฟไม่ยอมลงเลยเนอะ

การเดินทางมาเมือง Neuchatel ต้องตั้งหลักต่อรถมาจาก Lausanne นะคะ มีรถออกทุกชั่วโมง คืนนี้ แสงสุดท้าย หนึ่งเลือกใช้ดูภาพพระอาทิตย์ตกดิน บนรถไฟ

เสียดายมาก เวลาที่มีน้อยเหลือเกิน แต่ก็ตั้งใจไว้ว่า สักวันต้องหาโอกาสกลับไปเดินเล่นในวันฟ้าใสอีกครั้งให้ได้ สวิตเซอร์แลนด์ สวยงาม ทั้งสถานที่ และผู้คนที่ใจดีมากๆ

การเดินทางครั้งนี้ ได้ บทเรียนมีค่าหลายอย่าง

หนึ่งในนั้นคือการมีความสุขกับการเดินทางแม้จะพบว่าที่ปลายทางเจอปัญหาและอุปสรรคเช่นที่หนึ่งเจอ ทั้งปิดซ่อมแซม หมดเวลาเข้าชม เจอฝน ตกรถไฟ หลงทาง เหล่านี้ คือเสน่ห์และเป็นประสบการณ์ของการเดินทางด้วยตัวเอง

วันที่เรามองปัญหาเหล่านี้ เป็นเหมือนครูทดสอบว่าเราจะผ่านได้ไหม เราจะมีความสุขมากขึ้น หนึ่งยังเสียดาย วันที่เจอฝนกระหน่ำ ที่ Interlaken และ Grindelwald หนึ่งปรับอารมณ์สุนทรีย์ได้ไม่เท่าวันสุดท้ายที่หนึ่งเจอคำตอบของการเดินทางแบบ Backpack

ตามคุณหนึ่งมาสูดอากาศดีๆ ของเมือง  Merlischachen  ด้วยคนนะคะ

มีแต่รูปสวยๆทั้งนั้นเลย โดยเฉพาะที่สะพาน Chapel สวยมากเลยค่ะ

ต้องขอบคุณ หนุ่มเยอรมัน และน้องหมาคู่ใจที่เปิดโลกการเดินทางของสาว Backpack อย่างหนึ่ง ให้สดใส และไม่ทุกข์หนักหนาสาหัส แม้วันสุดท้ายจะเจอฝนกระหน่ำอีกก็ตาม

สุดท้าย ขอบคุณ เพื่อนๆ ที่ให้กำลังใจและติดตามบันทึก Alone Walking in Switzerland กันมาอย่างต่อเนื่องนะคะ

การเดินทางคราวนี้จะไม่ประสบผลสำเร็จ ถ้าไม่ได้รับอนุมัติวันลาที่ยาวนานเป็นสัปดาห์จากนายใหญ่

การสนับสนุนข้อมูลจาเพื่อนๆ ใน ห้อง BP ขอบคุณทุกคนมากคะ

เพื่อนรัก ที่ไปแลกตังให้ พร้อมทั้งแวะมาส่งแม้จะคลาดกัน แถมท้ายด้วยกันแวะไปดูแลแม่ให้อีกในวันที่ลุกสาวหนีเที่ยว

สุดท้ายนี้ ต้องขอบคุณ ทุกกำลังใจ กิฟ และเม้นจากเพื่อนๆ ใน BP ที่มีให้กันมาตั้งแต่ก้าวแรกจนก้าวสุดท้ายนี้

หวังว่า การเดินทางของหนึ่งจะทำให้หลายๆ คนกล้าเดินทางตามหาความฝันของตัวเองนะคะ

จนถึงวันนี้ หนึ่งยังหลงรักการเดินทาง แบบ Alone Backpacker อยู่นะ เพราะมันทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง และทำตามหัวใจจริงๆ ได้พัก และที่สำคัญ ได้ ทำในสิ่งที่รัก ทั้งการเดินทางและการถ่ายภาพ

อีกไม่นานหนึ่งจะออกเดินทางอีกครั้ง เพื่อตามหาความฝันของตัวเอง...

แต่ตอนนี้ ขอไปสนุกสนานกับการใช้ชีวิตกับน้องน้ำก่อนนะคะ

พบกันใหม่ในโอกาสต่อไปนะคะ  ขอให้เพื่อนๆ ปลอดภัยจากน้องน้ำ และดูแลตัวเองดีๆ นะคะ บ๊ายบาย ค่า

ขอบคุณครับ น้องหนึ่ง

ชอบจัง น่ารักค่ะ

คุณหนึ่งรู้ไหมคะ ว่าตอนนี้คุณหนึ่งก็เป็นไอดอล Alone Backpacker ของเค้าแล้วนะคะ

เก่งจริงนะตัวแค่นี้

ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆ และประสบการณ์ดีๆ ที่มอบให้กันนะคะ

เป็นกำลังใจให้ตลอดไปค่าา

ขอบคุณสำหรับรีวิว
ที่คุณหนึ่งถ่ายทอด
ออกมาหวานมีเสน่ห์ของเมือง
ชวนให้แบกเป้หนีเที่ยวแบบนี้เลย

ขอให้ผ่านเรื่องราวของน้องน้ำด้วยใจที่แข็งแรงนะคะ
ส่งกำลังใจมาให้ด้วยเลย

รีวิวภาพสวยมากเลยครับ

เป็นกำลังใจให้น้ำลดไวๆ นะครับ

น้องหนึ่งมายั่วให้เค้าหนีคนที่บ้านไปลุยคนเดียวอีกแระ.... อิอิอิ     ตามไปเที่ยวที่สวยๆ จนเคลิ้มเลยจ้า....

ขอบคุณมากนะครับสำหรับรีวิว...เป็นเส้นทางที่แพลนจะไปปีหน้าพอดีเลยครับ...ชอบพักเมืองเล็กๆเหมือนกันเลยครับ...ขอให้น้ำลดเร็วๆนะครับ

ตามมาเที่ยวต่อครับ

ภาพสวยมากมาย

หนีน้ำ ตามคุณหนึ่งไปสวิสดีฟ่าเนอะ
น้ำมา..เดี๋ยวก็ไป อดทนหน่อยนะจ๊ะ สู้ ๆๆๆๆ

ถ่ายทอดออกมาได้งดงามมากๆครับ

ขอบคุณครับ

ภาพสวยๆๆๆและคำบรรยายที่สวยเหมือนภาพทำให้มีความสุขตามเลยค่ะ และพอดีจะไปสวิสช่วง เมษา นี้ด้วยทำให้อยากตามรอยคุณหนึ่งขอตามนะค่ะ ไปเองคนเดียวค่ะ

// กระเช้า

บรรยากาศน่าลี้ภัยน้องน้ำจริงๆ สู้ๆนะคะคุณหนึ่ง

ขอบคุณสำหรับรีวิว และขอให้น้ำลดไวๆๆๆๆ ด้วยนะคะ^^

เที่ยวกับรีวิวนี้ อย่างมีความสุขสุดๆ ค่ะ ^^

มัวเฝ้าระวังน้ำจนเกือบพลาดรีวิวสวยๆ ตอนนี้ไปซะแล้ว
ดีใจจัง ได้รำลึกความหลังถึง luzern ที่สวยและสงบอีกครั้ง
บรรยากาศดี ฟ้าสวยจริงๆ นะครับ
ไล่ดูรีวิวไป รอดูดอกไม้สวยๆ จากคุณ hollaneung ไป แล้วก็สวยสมใจจริงๆครับ

มารีวิวต่อให้อิจฉาอีกแล้วครับ คุณหนึ่ง

ยิ่งเห็นรีวิวสวยๆ แบบนี้ยิ่งเพิ่มความรู้สึกอยากไปเพิ่มมากขึ้นทีเดียวครับ ^^

สวยมากค่ะ

รูปสวยมากครับขอบคุณที่พาเที่ยวครับ

ขอหนีน้ำไปเที่ยวกับหนึ่งด้วยคนครับ ...

ชอบการสรุปบทเรียนของหนึ่งมากๆ พี่ว่าถ้าเรามองย้อนกลับไปในชีวิตเราจะรู้ว่าทุกสิ่งที่ผ่านมามันเป็นบทเรียนที่ดีให้เราเสมอครับ ...

ที่สวิสต์นี่สวยทุกเมืองเลยครับ เป็นประเทศที่ผมอยากไปมากที่สุดเลยก็ว่าได้
มีเสน่ห์เงียบสงบสวยมากๆ

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

เป็นอีก 1 ซีรี่ย์ที่ชอบตั้งแต่ต้นจนจบเลยค่ะ ขอบคุณที่นำประสบการณ์มาเล่านะคะ

ขอบคุณหนูหนึ่ง กับ รีวิวใสๆๆ ในต่างแดนนะจ๊ะ

น้องหนึ่งคร๊าาาาาาา  มาช้าไปนิดน๊าเนื่องจากว่าช่วงนี้พี่ปรางติดภารกิจจิตอาสา(((ปล.คิดถึงนะคะ)))

ขอบคุณรีวิวสวย ๆ เรื่องราวดี ๆ นะคะ ชอบมาก ๆ เลย

เอามายั่วกันนี่  อยากไปเที่ยวมั่งอ่ะ

รูปถ่ายสวยชวนไปเที่ยวจริง ๆ เลย  

ตามมาเที่ยวด้วยค่ะคุณหนึ่ง  กิ๊ฟหมดแล้ว รับ ไปก่อนนะคะ

ถ่ายรูปสวยจริงๆ  ติดตามอยู่นะ  

ปล. ขอให้น้ำที่บ้านลดเร็วๆ   เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ถ่ายรูปได้สวยมาก ๆ นะคะ คุณหนึ่ง

เก่งจริง ๆ ไปเที่ยวสวิสคนเดียว ขอให้น้ำลดเร็ว ๆ และกลับบ้านได้เร็ว ๆ นะคะ

ในที่สุดก็ถึงตอนสุดท้าย แหมไม่อยากให้รีบจบเลย

ถ้าจำไม่ผิดรีวิวนี้น่าจะเป็นมหากาพย์อันแรกของนู๋หนึ่งนี่เนอะ
สำหรับคนที่หลงรักการเดินทาง การออกเดินก้าวแรกสำคัญที่สุด
และประสบการณ์ที่ได้รับ มันสำคัญมาก กับทัศนคติที่มองโลก
และมองการท่องเที่ยวของตัวเองในก้าวต่อๆไป

ผมคิดว่านู๋หนึ่ง คงจะได้อะไรไปหลายๆอย่างจากทริปนี้

เช่นเดียวกับผมที่มุมมองการเที่ยวเปลี่ยนไปเยอะมากๆในช่วงปีนี้
พอเราได้เห็น ได้เปิดใจรับอะไรให้มันกว้างๆ เราก็พบว่าตัวเราเล็กนิดเดียว โลกมันช่างกว้างใหญ่
กว้างมากและมีอะไรให้เราได้สนุกที่จะ ทำความเข้าใจมันต่อไปได้เรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังมีแรงก้าวเดิน


แล้ววันนึงที่กลับมานั่งอ่านกระทู้เก่าๆ
เราอาจจะยิ้มทั้งน้ำตาก็ได้ เชื่อสิ

ว่าแต่ทริปหน้าไปไหนน้ออออออ

ตามมาสรุปตอน จบบริบูรณ์  ( สงสัยเป็นเพื่อนกับ ตั๊ก บริบูรณ์ 555 )

เป็นการท่องเที่ยวที่เพลินใจมากๆเลยครับน้องหนึ่ง ได้เดินทางแบบ Backpacker ที่น้องหนึ่งชอบ
และได้เจอประสบการณ์ตื่นเต้นต่างๆ  

ขอบคุณสำหรับรีวิวภาพสวยๆนะครับ ^^

ขอบคุณมากๆเลยค่ะคุณหนึ่ง
Alone trip ที่ยอดเยี่ยมมากๆเลยค่ะ ^_^

ยกให้เป็น My idol เลยจ้าาาา

สวยงาม และสดชื่น ชื่นใจจริงๆค่ะ

มาไม่ทันอีกตามเคยสิเรา แหะๆ ขอบคุณ คุณหนึ่งที่มาตามค่าไม่งั้นอดอ่านและดูภาพสวยๆตอนสุดท้ายเลย

เป็นแรงบันดาลใจให้อยากตามรอยบ้างแล้วสิ  

เย้ ............

ในที่สุด ก็มีเวลาอยู่คนเดียว ไร้ผู้คน เสียงรบกวน หัวใจ

มาตั้งใจชมรีวิวพี่สาวแบบยาวๆ แล้ว ดีใจจัง

ภาพสวยมากๆ เลย สวยขึ้นมากจริง ๆ

มุมมองภาพแบบเอกลักษณ์รู้ว่าเลยรูปพี่หนึ่ง   อิ  อิ   ....

แต่ที่สำคัญหนูชอบมากๆ มันไม่ใช่แค่ภาพสวยๆ วิวสวยๆ

แต่ดูแล้วรู้สึก ได้ถึง ความทรงจำ ที่บันทึกไว้ในภาพนะ

ฮ่าๆๆ อันนี้หนูอยากทำได้บ้างจัง

ไปเที่ยวกลับมาทีไร ก็รู้สึกว่า มันก็แค่รูปวิว ตลอดเลย  สู้ต่อไปเรา ><"



อ่านแล้วชื่นใจจัง   นี้แหละ  


" การเดินทาง "  เนอะ

ติดไว้ ก่อน ว่างจะมา  สอยไปอ่านต่อ

ว๊าววว แค่วิวก็กินขาดแระ รู้สึกจะไม่ได้ตามทุกตอนเดี๋ยวจะทยอยๆกลับไปตามนะครับ

สวยมากค่ะ

..

แวะมาท่องเที่ยวดินแดนในฝันกับคุณหนึ่งครับ

สวยมาก ชอบจริงๆ ยังกะในฉากหนังฉากละคร ... แต่มันเป็นของจริง เมืองจริง  >___<

ป.ล. งานยุ่งมากๆๆๆๆครับ  รู้ไหมว่า วันนี้ผมดูกระทู้คุณหนึ่งแค่กระทู้เดียวนะเนี่ย

..

ขอบคุณมากครับ .. สุดยอดจริงๆๆ ..

ขอบคุณพี่หนึ่งมากๆ นะคะ ที่พาเที่ยวประเทศในฝันของเค้า

ภาพสวยจนอยากกระโดดเข้าไปที่นั่นเลยอ่ะค่ะ เมืองน่ารัก ผู้คนก็ดูเป็นมิตร

ขอให้พี่สาวได้มีทริปแบบนี้อีกในเร็ววันนะคะ

ถ่ายรูปได้สวยมากกกกกกกกกก 

สวยงามมากเลยครับคุณน้องหนึ่ง  ขอโทษที่มาช้านะครับ

อารมณ์ประมาณเดียวกันเลยค่ะ ทั้งเรื่องน้องน้ำและไปเที่ยวคนเดียวแบบ Backpacker
บรรยากาศสวยบาดใจมากค่ะ รอชมผลงานทริปต่อๆ ไปนะคะ

เป็นแรงบันดาลใจให้เดินทางคนเดียวได้ดีจริงๆ  

ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์ค่ะ

^^

วาว....ฝีมือถ่ายรูปสวยสุดยอดไปเลยคะ
ไม่ทราบมีใช้ขาตั้งกล้องด้วยเปล่าคะ
เป็นรีวิวทีอ่านแล้วอิง....เหมือนได้ตามไปเที่ยว...
ฝัน...กับคุณหนึ่งด้วยคะ
ถ้ามีโอกาส...อาจรบกวนข้อมูลด้วยนะคะ

ติดตามมาส่งท้ายรีิวิว

เดินเดี่ยวเที่ยวสวิตฯนะ

เห็นแล้วอยากกลับไปอีกจริงๆ

ป้าตามมาเก็บตกรีวิวแล้วนะจ๊ะน้องหนึ่ง

ดูเสร็จก็รู้ว่าพลาดของดีไปหลายแห่งเชียว แต่ก็นะ ครั้งนั้นเป็นสวิสครั้งแรกของป้า

ตอนนี้ก็เฝ้ารออยู่ว่า เมื่อไหร่ตาลุงจะใจอ่อนยอมจูงมือไปเยือนอีก ป้าคงต้องขอตามรอยน้องหนึ่งไป  Merlischachen, St. Gallen และ Stein am Rhein แน่ๆ

เฮ้อ...ว่าแล้วก็ให้นึกอิจฉาปนชื่นชมน้องหนึ่งเล็กๆ อิฉาที่ยังอยู่ในวัยกระฉับกระเฉง สามารถแบกเป้ลุยไปได้ทุกที่ ชื่นชมที่กล้าเดินทางไปเสพหาความสุข เติมพลังให้กับตัวเอง ณ ต่างถิ่นแดนไกล

สุดท้าย...ขอบคุณที่นำภาพและเรื่องราวมาแชร์ให้เพื่อนๆได้มีความสุขตามไปด้วยนะจ๊ะ

เก่งมากมากเลยค่ะน้องหนึ่ง พี่โตป่านนี้แล้วไปเที่ยวไหนยังต้องการเพื่อนตลอด    ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆค่ะ