สวัสดีครับ วันนี้มารีวิวตุรกีตอนจบแล้วนะครับ รีวิวนี้ระหกระเหินรอนแรมหนีน้ำ โชคดีที่น้ำท่วมเลยไม่ค่อยมีงานทำให้มีเวลามาปั่นรีวิวจนเสร็จ ตอนแรกลังเลว่าจะแบ่งสองตอนดีหรือเปล่า แต่ตัดสินใจว่าในสถานการณ์แบบนี้ทำให้จบไว ๆ จะดีกว่า หลังน้ำลดชีวิตคงวุ่นวายเป็นสองเท่าแน่ ๆ เดี๋ยวขออนุญาตรีบโพสต์ให้เสร็จแล้วค่อยทักทายตอบนะครับ

ความเดิมตอนที่แล้ว ได้ชมตอนที่ 4 กันหรือยังครับ รีวิวก่อนหนีน้ำท่วม

ตอนที่ 1 เอฟิซุส (Ephesus) อาณาจักรโรมันแห่งเอเชีย
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11054666/E11054666.html
ตอนที่ 2 ปามุคคาเล (Pamukkale) วารีบำบัดน้ำตกหินปูน
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11111666/E11111666.html
ตอนที่ 3 คัปปาโดเกีย (Cappadocia) พาขึ้นบอลลูน ชมเมืองมนุษย์หินฟลินซโตน
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11146000/E11146000.html

ตอนที่ 4 แหล่งกำเนิดอารยธรรมโลกเมโสโปเตเมียและหุบเขาเทพเจ้า"Mt.Nemrut"
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11226399/E11226399.html

วันนี้เราจะไปชมอิสตันบูล (Istanbul) มหานครสองทวีป ซึ่งตั้งอยู่สองข้างช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus channel) มีความสำคัญตั้งแต่ครั้งอดีตกาล เนื่องจากเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ควบคุมเส้นทางเดินเรือจากทะเลดำเพื่อออกสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เดิมชื่อเมืองคอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) เป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิไบแซนไทน์ยาวนานกว่า 1,100 ปี

เมื่ออาณาจักรไบแซนไทน์อ่อนแอลงจนไม่สามารถรักษาเมืองไว้ได้ พวกออตโตมันเติร์กซึ่งเป็นชนเผ่าเร่ร่อนมีถิ่นฐานเดิมอยู่ในเอเชียกลาง แล้วค่อย ๆ อพยพไปทางตะวันตกจนถึงดินแดนที่เป็นประเทศตุรกีปัจจุบัน ก็สามารถเข้ายึดนครแห่งนี้ แต่แทนที่จะทำลายโบสถ์วิหารในคริสตศาสนา กลับรักษาไว้แต่แปรสภาพให้เป็นมัสยิดในศาสนาอิสลามแทน ทำให้เรายังคงเห็นประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปได้ถึง 1,500 ปีได้ที่นี่

จากคราวที่แล้ว เราเดินทางโดยเครื่องบินระยะทาง 1,300 กิโลเมตร กลับมาอิสตันบูล จุดหมายสุดท้ายของทริปนี้ จากเครื่องบินเริ่มเห็นมัสยิดสไตล์ออตโตมันซึ่งกระจายอยู่ทั่วไป

นครอิสตันบูลเป็นเมืองเก่าแก่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากตั้งแต่ยุคโรมัน จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 โปรดให้สร้างเมืองใหม่นี้บนทำเลที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการค้าและการทหารและขนานนามว่าคอนสแตนติโนเปิล ซึ่งแปลว่านครแห่งคอนสแตนติน หลังจากที่อาณาจักรโรมันแผ่ขยายอาณาเขตไปกว้างใหญ่ไพศาล จนยากที่จะดูแลได้ทั่วถึงจักรพรรดิโรมันจึงแบ่งจักรวรรดิโรมันออกเป็นสองส่วนคือโรมันตะวันตกมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงโรมตามเดิม และโรมันตะวันออกมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล

ต่อมาภายหลังอาณาจักรโรมันตะวันตกอ่อนแอและเสื่อมสลายลงจากการรุกรานของพวกอนารยชน เหลือแต่เพียงอาณาจักรโรมันตะวันออกซึ่งได้รับชื่อใหม่เป็นจักรวรรดิไบแซนไทน์ โดยรับเอาวัฒนธรรมกรีกและภาษากรีกเป็นของตน มีศาสนาคริสต์นิกายกรีกออร์โทดอกซ์ (Greek Orthodox) เป็นศาสนาประจำชาติ

อาณาจักรไบแซนไทน์อยู่ติดกับดินแดนของพวกอาหรับและเติร์กที่นับถือศาสนาอิสลาม จึงต้องทำสงครามศาสนาอยู่เนือง ๆ โดยเฉพาะสงครามครูเสด วัฒนธรรมไบแซนไทน์ได้ซึบซับเข้าไปในวัฒนธรรมอิสลามโดยเฉพาะสถาปัตยกรรม โดมของโบสถ์ฮาเกียโซเฟียเป็นต้นแบบของการสร้างโดมในมัสยิดจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของอิสลาม

เราเริ่มต้นจากจัตุรัสกลางเมืองชื่อว่าจัตุรัสสุลต่านอาเหม็ด (Sultanahmet Square) ซึ่งเป็นสวนสาธารณะ รอบบริเวณนี้เต็มไปด้วยอาคารสำคัญของอิสตันบูล รวมทั้งโรงแรมที่พัก ร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยวมากมาย จัตุรัสนี้ถูกขนาบด้วยวิหารฮาเกียโซเฟียและมัสยิดสีน้ำเงินที่ตั้งประจัญหน้ากัน อวดถึงความยิ่งใหญ่ จนทำให้สวนสาธารณะตรงกลางเล็กกระจ้อยร้อยไปเลยทีเดียว

ฝั่งด้านตะวันออกจากจัตุรัสคือโบสถ์เซนต์โซเฟีย มีชื่อเรียกแบบกรีกว่าฮาเกียโซเฟีย (Haghia Sophia) อิสลามเรียกว่าอายาโซเฟีย (Aya Sofya) ซึ่งแปลตรงตัวว่า Holy Wisdom หรือพระปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคกลาง มีอายุเก่าแก่กว่า 1,500 ปี เป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปะยุคไบแซนไทน์ เดิมเป็นโบสถ์คริสต์ แต่หลังจากพวกออตโตมันยึดกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้จึงเปลี่ยนโบสถ์คริสต์ให้เป็นมัสยิดอิสลาม จนเมื่อประเทศตุรกีถือกำเนิดภายใต้ข้อกำหนดว่าเป็นรัฐที่ไม่มีขีดจำกัดทางศาสนา (secular state) รัฐบาลจึงได้เปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อทุกคนจะได้มีโอกาสชมความมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่อย่างไร้ข้อจำกัดทางศาสนา

เมื่อผ่านประตู Imperial Gate ที่มีขนาดใหญ่ วิวที่เห็นทำให้ทุกคนตะลึงงันถึงความใหญ่โตมโหฬารที่อยู่ด้านหลังประตูตรงหน้า ซึ่งงดงามไปด้วยกระเบื้องโมเสกสีทอง

เหนือประตูทางเข้าจะพบภาพโมเสกภาพแรก ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะแบบไบแซนไทน์เลยทีเดียว ถึงเวลาผ่านไปเป็นพันปี แต่ภาพโมเสกเหล่านี้ก็ยังมีสีสันสวยสดงดงาม ไม่เหมือนภาพวาดที่สีซีดจางหายไปตามเวลา

จักรพรรดิจัสติเนียนแห่งอาณาจักรไบแซนไทน์ทรงโปรดให้สร้างโบสถ์เซนต์โซเฟียนี้ขึ้นใหม่แทนที่โบสถ์หลังเดิมที่ถูกไฟไหม้ สร้างเสร็จในราวปี ค.ศ.537 ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี 10 เดือน นับว่าเป็นโบสถ์คริสต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมายาวนานกว่าพันปี

ภายในมีเนื้อที่ถึง 7,500 ตารางเมตร มีสองชั้น ชั้นบนจัดเป็นห้องแสดงภาพกระเบื้องโมเสก

โบสถ์แห่งนี้ผ่านภัยพิบัติที่เกิดจากธรรมชาติและมนุษย์มาหลายครั้งหลายหน จนในปี ค.ศ.1453 หลังจากกรุงคอนสแตนติโนเปิลโดนพวกออตโตมันตีแตกสำเร็จ ก็ได้เปลี่ยนโบสถ์หลังนี้เป็นมัสยิด มีการใช้ปูนฉาบปิดทับภาพโมเสกในศาสนาคริสต์ และประดับด้วยสัญลักษณ์และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามแทน เช่นแผ่นป้ายตัวอักษขนาดใหญ่ 8 แผ่น ทำด้วยไม้ เขียนพระนามของพระอัลลาห์ พระมูฮัมหมัด และบุคคลสำคัญอื่น ๆ ในศาสนาอิสลามด้วยภาษาอาหรับ

โชคดีที่พวกเติร์กที่นับถือศาสนาอิสลามมิได้เผาทำลายศาสนสถานเดิมของพวกคริสต์ (เหมือนที่พวกล่าอาณานิคมนิยมทำกันในทวีปอเมริกาจนทำให้สถาปัตยกรรมดั้งเดิมของพวกอินเดียนแดงถูกทับอยู่ใต้โบสถ์คริสต์) แต่กลับเปลี่ยนให้เป็นสถานที่บูชาในศาสนาของพวกตนแทน ทำให้ชนรุ่นหลังได้มีโอกาสชื่นชมสมบัติล้ำค่าที่สืบทอดมาเช่นในปัจจุบัน

โดมขนาดใหญ่ตรงกลางอยู่สูงจากพื้น 55 เมตร ตั้งอยู่บนเสาขนาดใหญ่ 4 ต้น โดมที่นี่เป็นต้นแบบของการสร้างโดมในสมัยต่อ ๆ มาซึ่งได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของมัสยิดอิสลาม

โดมมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 30 เมตร และเจาะเป็นช่องหน้าต่างโค้งเพื่อรับแสงสว่าง 40 ช่อง ประดับด้วยกระเบื้องโมเสกสีทองทั้งหมด

การก่อสร้างต้องอาศัยหลักการทางคณิตศาสตร์แบบกรีกและความสามารถทางวิศวกรรมแบบโรมันในการคำนวณการกระจายน้ำหนักจากโดมครึ่งทรงกลมลงบนเสาและผนังสี่เหลี่ยมที่ทำให้เกิดช่องว่างตรงกลางขนาดมหาศาล ซึ่งไม่เคยมีก่อนในสมัยนั้น

ตรงที่เคยเป็นที่ตั้งแท่นบูชาของวิหารแบบคริสต์ก็กลายเป็นมิหรับ (Mihrab) ซึ่งบอกทิศของนครเมกกะสำหรับการทำละหมาด

แมวน้อยกำลังสวดมนตร์ตรงหน้า mihrab แปลกจริง ๆ

Mimbar หรือธรรมาสน์ที่อิหม่ามยืนนำละหมาดหรือใช้เทศน์สอนศาสนา

ระเบียงสำหรับสุลต่านสำหรับประกอบพิธีละหมาด มีม่านฉลุเพื่อพรางตาจากคนทั่วไปไม่ให้เห็นพระพักตร์ เพื่อความปลอดภัยจากการถูกลอบปลงพระชนม์

ลวดลายกระจกโมเสกตามช่องหน้าต่างดูผสมผสานระหว่างสไตล์ตะวันตกกับอิสลาม

ภาพโมเสกพระแม่มารีกับพระกุมารเยซูนี้เป็นภาพโมเสกเก่าแก่ที่สุดในโบสถ์ที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบัน สร้างขึ้นในคริสตศตวรรษที่ 9 มีอายุกว่า 1,100 ปี เคยถูกฉาบทับด้วยปูนในยุคที่วิหารถูกเปลี่ยนเป็นมัสยิดอิสลาม เพราะศาสนาอิสลามห้ามสร้างหรือวาดภาพของรูปเคารพที่เป็นสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เมื่อถูกเปลี่ยนกลับเป็นพิพิธภัณฑ์ ภาพโมเสกนี้จึงได้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลกอีกครั้ง

บนเพดานยังมีรูปโมเสกของอัครเทวทูตกาเบรียล (Gabriel) โรงเรียนเอกชนชายย่านสามเสนก็ได้ชื่อมาจากเทวทูตองค์นี้

ทูตสววรค์เซราฟิม (seraphim) มี 6 ปีก เป็นทูตสวรรค์ในลำดับชั้นสูงสุดในศาสนาคริสต์ มีหน้าที่ดูแลรักษาบัลลังก์ของพระเจ้า

เมื่อเข้าวิหารฮาเกียโซเฟียแล้วอย่าลืมขึ้นชั้นสองเพื่อชมภาพโมเสกเก่าแก่กว่าพันปีเป็นศิลปะแบบไบแซนไทน์

ภาพที่เห็นเป็นภาพของพระเยซู พระหัตถ์ขวาประทานพระพร พระหัตถ์ซ้ายถือคัมภีร์ไบเบิล ขนาบข้างด้วยจักรพรรดคอนสแตนตินที่ 9 และจักรพรรดินีโซซึ่งปกครองจักรวรรดิไบแซนไทน์ในคริสตวรรษที่ 11 จักรพรรดิถือถุงเงินเป็นเครื่องหมายของการบริจาคให้แก่โบสถ์ ส่วนจักรพรรดินีถือม้วนหนังสือ

ข้างกันเป็นภาพโมเสกคล้าย ๆ กันซึ่งสร้างในสมัยต่อมา จักรพรรดิพระองค์นี้คือจักรพรรดิจอห์นที่ 2 พร้อมจักรพรรดินีไอรีน คราวนี้เป็นภาพพระองค์ถวายเงินให้พระแม่มารีที่กำลังอุ้มพระกุมารเยซูบนตัก

ลองเปรียบเทียบรูปนี้กับรูปที่แล้วซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษก่อนหน้านี้ จะเห็นว่ารูปนี้มีความคล้ายจริงมากขึ้น รูปจักรพรรดินีไอรีนทำผมเกลียว แก้มเป็นสีแดง

ที่มุมกำแพงติดกับรูปจักรพรรดินีไอรีน ยังมีรูปโมเสกอีกรูปซึ่งหลายคนมองข้ามไป เป็นรูปพระโอรสของพระองค์ในวัย 17 พรรษา หน้าตาดูไม่ค่อยแข็งแรง เชื่อว่าจักรพรรดิและจักรพรรดินีบริจาคพระราชทรัพย์ให้กับโบสถ์เพื่อให้พระโอรสมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น

ภาพที่เห็นนี้ถือว่าเป็นภาพที่งดงามที่สุดทั่วทั้งโบสถ์ ด้วยความนุ่มนวลราวกับภาพวาด สีหน้าที่ดูเหมือนจริงและโทนสีที่ใช้ดูคล้ายกับภาพวาดจากศิลปินอิตาเลียนในยุคเรอเนซองส์

ภาพนี้แสดงถึงพระเยซูในวันพิพากษาโลก ขนาบด้วยพระแม่มารีกับเซนต์จอห์นแบปทิสต์ที่กำลังวิงวอนขอพระเมตตาให้แก่ชาวโลก น่าเสียดายที่ช่วงล่างของภาพเสียหายไปมาก

ภาพโมเสกพระเยซูอันโด่งดัง จนเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของอาณาจักรไบแซนไทน์

ภาพจำลองแสดงถึงภาพโมเสกที่สมบูรณ์

จริง ๆ ยังมีภาพโมเสกอีกมากมายภายใต้ภาพวาดลวดลายแบบอิสลามในยุคหลัง หากกระเทาะออกหมดให้เห็นลวดลายแบบคริสต์เบื้องหลังจะเป็นการทำลายศิลปะแบบอิสลาม จึงยังคงมีภาพเขียนโมเสกอีกมากมายที่ซ่อนตัวอยู่ รอวันปรากฏให้คนรุ่นหลังค้นพบ

ภาพนี้จะเห็นรอยปูนกระเทาะทำให้เห็นโมเสกด้านหลัง

ใครไปถึงอย่าลืมมองหาเสามีรูต้นนี้ เชื่อกันว่าหากอธิษฐานแล้วสอดนิ้วโป้งเข้าไปในรู แล้วหมุนมือให้ครบรอบ 360 องศาได้ คำอธิษฐานนั้นจะสมหวัง

จะหมุนให้รอบต้องมีเทคนิคเล็กน้อย

เหนือประตูทางออกยังมีภาพโมเสกอีกภาพ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อาจจะพลาดรูปนี้เพราะเดินหันหลังให้ ทางโบสถ์จึงตั้งกระจกเงาบานใหญ่ไว้ตรงทางออกเพื่อสะท้อนภาพโมเสกด้านบน

เมื่อหันกลับไปชมก็จะเห็นความงดงามของภาพโมเสก ถ้าเป็นทางเข้าคงไม่พลาด

ภาพนี้ถูกค้นพบจากการบูรณะในปี ค.ศ.1849 เก่าแก่ตั้งแต่ปี ค.ศ.944 ตรงกลางเป็นรูปพระแม่มารีกำลังอุ้มพระกุมารเยซูบนตัก ฝั่งขวาของภาพเป็นจักรพรรดิคอนสแตนติน (ผู้สร้างกรุงคอนสแตนติโนเปิล) กำลังถวายแบบจำลองของเมือง ฝั่งซ้ายของภาพเป็นจักรพรรดิจัสติเนียน (ผู้สร้างโบสถ์ฮาเกียโซเฟีย) กำลังถวายแบบจำลองของโบสถ์

ออกจากโบสถ์หันกลับมาชมด้านนอกอีกครั้ง หลังจากกรุงคอนสแตนติโนเปิลถูกยึดจากพวกออตโตมันเติร์กในปี ค.ศ.1453 ก็เปลี่ยนจากโบสถ์คริสต์ให้เป็นมัสยิด มีการสร้างเสามินาเร็ต (minaret) 4 เสาเพื่อบ่งบอกความเป็นมัสยิด และเป็นต้นแบบของมัสยิดแบบออตโตมันทั่วอิสตันบูลและตุรกี

เดินเลียบกำแพงมาด้านข้างอีกข้างหนึ่ง จะเป็นสุสานของสุลต่านหลายองค์ ส่วนนี้เปิดให้ชมฟรี หลายคนมักพลาดไปไม่ได้เข้าไปชม

ภายในเต็มไปด้วยศิลปะอิสลามสวยงามอลังการ แถมชมฟรี

ลวดลายภายในโดม

ศาสนาอิสลามห้ามวาดรูปสิ่งมีชีวิต จึงนิยมใช้ลวดลายทางเรขาคณิตบ้าง ลายพรรณพฤกษาบ้าง หรืออักษรอารบิกบ้างเพื่อประดับประดาเช่นอย่างในภาพนี้

ฝั่งตรงข้ามกับโบสถ์ฮาเกียโซเฟีย ที่ตั้งประชันความยิ่งใหญ่ในระยะไม่เกิน 500 เมตรเป็นมัสยิดชื่อสุลต่านอาห์เหม็ด (Sultan Ahmet Mosque) ตามพระนามของสุลต่านที่โปรดให้สร้างขึ้นเพื่อให้ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าโบสถ์ฮาเกียโซเฟีย สร้างขึ้นในราวปี ค.ศ. 1609-1616 มัสยิดแห่งนี้มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่ามัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque) จากสีกระเบื้องเคลือบชั้นดีจากเมืองอิสนิก (Iznik) ที่ใช้ประดับภายใน

(ตอนเช้าแสงจะส่องเข้าหามัสยิดสีน้ำเงิน ส่วนตอนบ่ายแดดเปลี่ยนทิศส่องเข้าหาฮาเกียโซเฟีย)

ตั้งแต่พวกเติร์กยึดนครคอนสแตนติโนเปิลสำเร็จ ก็มองวิหารฮาเกียโซเฟียเป็นต้นแบบในการสร้างเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบออตโตมัน ขณะเดียวกันก็มองว่าฮาเกียโซเฟียคือสิ่งท้าทายจากอดีตอันรุ่งเรืองของพวกไบแซนไทน์ ซึ่งผู้ที่เข้ามาอยู่ใหม่ต้องการเอาชนะให้ได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาถึง 100 กว่าปีถึงมีสถาปนิกที่มีความสามารถเก่งกล้าสร้างมัสยิดที่มีขนาดใหญ่ทัดเทียมฮาเกียโซเฟียได้

เสามินาเร็ตที่นี่มีถึง 6 เสา ลักษณะสูงชลูด ปลายแหลมเหมือนแท่งดินสอ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของมัสยิดแบบออตโตมัน เมื่อสร้างเสร็จชาวเมืองต่างรู้สึกไม่พอใจเพราะมัสยิดแห่งนี้มีจำนวนเสามินาเร็ต 6 เสาเท่ากับที่เมกกะ เหมือนจะตีเสมอสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของศาสนาอิสลาม สุลต่านจึงมีพระบัญชาให้สร้างเสาที่มัสยิดในเมกกะ (ซึ่งอยู่ใต้การปกครองของจักรวรรดิออตโตมันในขณะนั้น) เพิ่มอีก 1 เสา รวมเป็น 7 เสา

ประตูทางเข้า มัสยิดแห่งนี้เข้าชมฟรี แต่ต้องแสดงอาการสำรวมเพราะมีผู้เข้าไปประกอบพิธีละหมาดภายในแทบจะตลอดเวลา

เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามาจะเป็นลานกว้าง ล้อมรอบด้วยโดมเล็ก ๆ 30 โดม ตั้งอยู่บนเสา 26 ต้น ตรงกลางเป็นบ่อน้ำรูป 6 เหลี่ยม สมัยก่อนไว้ใช้ชำระร่างกายก่อนเข้าไปภายในมัสยิด

ภายในเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ผนังประดับด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินอมเขียวถึงสองหมื่นแผ่น ทำให้ภายในมีสีออกน้ำเงินยามเมื่อแสงอาทิตย์ส่องทะลุผ่านช่องกระจกเข้ามา เป็นที่มาของชื่อมัสยิดสีน้ำเงืนหรือบลูมอสก์ (Blue Mosque)

โดมกลางมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 23 เมตร ยังเล็กกว่าโดมของฮาเกียโซเฟีย รายล้อมด้วยครึ่งโดมเล็กทั้งสี่ด้าน

มีคนเข้ามาทำละหมาดตลอดเวลา

ภายในรับความสว่างจากแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างถึง 2609 ช่อง

ลวดลายหน้าต่างเป็นรูปพรรณพฤกษาตามแบบอิสลาม

หลังคาถูกค้ำด้วยเสาหินอ่อนขนาดยักษ์ 4 ต้น กว้าง 5 เมตร

จัตรัสสุลต่านอาเหม็ดมีขนาดกว้างขวาง คั่นระหว่างฮาเกียโซเฟียและบลูมอสก์ซึ่งหันหน้ามาประชันกันอย่างไม่มีใครยอมใครในแงความยิ่งใหญ่ เป็นที่ที่ทั้งชาวเมืองและนักท่องเที่ยวมาทำกิจกรรม นั่งเล่น ถ่ายรูป เป็นจุดนัดพบ

คุณลุงคนนี้แต่งตัวในชุด Nusreddin ซึ่งเป็นตัวละครในนิทาน คล้าย ๆ ศรีธนญชัยบ้านเรา เจ้าปัญญา ฉลาดยียวน เจ้าเล่ห์ มีอารมณ์ขัน เป็นตัวละครสำคัญในโลกอิสลาม ไม่ว่าประเทศไหนต่างก็รู้จักเป็นอย่างดี ท่าทางเขาจะมายืนเล่าเรื่องตลกให้นักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาฟัง แต่ว่าฟังไม่รู้เรื่องอะ

ของที่ระลึกที่วางขาย ผมได้ตุ๊กตา whirling dervish มาประดับบ้านตัวนึง

หนุ่มคนนี้ขายสารพัดถั่ว ขอเค้าถ่ายรูปก็เหมือนไม่ค่อยเต็มใจให้ถ่ายแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ซักพักพอตำรวจมาเท่านั้น เข็นรถหนีเลย เข้าใจละว่าทำไมไม่ค่อยอยากให้ถ่ายรูป

คนนี้ขายแป้งคล้าย ๆ โรตี แต่ใช้วิธีจี่บนกระทะร้อน ไม่ได้ทอดแบบโรตีบ้านเรา

ส่วนคนนี้ขายขนมน้ำตาลเหมือนบ้านเรา แต่เมืองไทยมีการเอามาปั้นเป็นรูปต่าง ๆ ที่นั่นก็แค่พันไม้เฉย ๆ

วันต่อมา ช่วงเช้าเราจะไปชมพระราชวังท็อปกาปึกัน ที่นี่เป็นที่ประทับของสุลต่านออตโตมันมากว่า 400 ปี เคยเป็นที่ว่าการรัฐบาล เป็นโรงเรียนฝึกวิชาทหาร เป็นศูนย์กลางการปกครองของจักรวรรดิออตโตมันที่แผ่ขยายไปทวีปยุโรป แอฟริกา และเอเชีย

พระราชวังท็อปกาปึอยู่ด้านหลังฮาเกียโซเฟียแค่นี้เอง มีกำแพงสูงล้อมรอบ มีประตูทางเข้าใหญ่ เรียกว่า Imperial Gate เมื่อผ่านชั้นแรกเข้าไปจะเป็นสนามหญ้าก่อน ยังไม่ถึงตัวพระราชวัง

อาคารน้ำพุของสุลต่านอาเหม็ดที่ 3 (Fountain of Ahmet III) ตั้งอยู่หน้ากำแพงวัง สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1728 ด้วยศิลปะแบบร็อคโคโคสไตล์ตุรกี คำว่า fountain แบบออตโตมันไม่ได้มีน้ำพุพุ่งขึ้นมาแบบยุโรป แต่เป็นก๊อกน้ำสาธารณะที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ตามพระคัมภีร์กุรอาน น้ำคือต้นกำเนิดแห่งชีวิต รัฐจึงต้องสร้างแหล่งน้ำสาธารณะสำหรับประชาชนเพื่อการอุปโภคบริโภค

เมื่อเดินผ่านประตูชั้นแรกเข้ามาทางซ้ายจะเห็นอาคารสีอิฐในรูป นี่คือโบสถ์ฮาเกียไอรีน (Hagia Eirene) เป็นโบสถ์ไบแซนไทน์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากฮาเกียโซเฟีย จากการขุดค้นได้พบซากอาคารที่เชื่อมต่อสองโบสถ์นี้เข้าด้วยกัน แสดงว่าสองอาคารนี้น่าจะเคยเป็นส่วนหนึ่งของหมู่อาคารทางศาสนาในยุคไบแซนไทน์ ต่อมาบางส่วนถูกรื้อทิ้งเพื่อสร้างกำแพงพระราชวังทำให้โบสถ์ฮาเกียไอรีนอยู่ในเขตกำแพงวัง โบสถ์แห่งนี้ไม่เคยถูกเปลี่ยนเป็นมัสยิด ตำนานเล่าว่ามีพระสนมของสุลต่านองค์หนึ่งเป็นหญิงสาวชาวอิตาเลียนได้ทูลขอให้ให้ใช้อาคารแห่งนี้เพื่อเป็นที่เก็บของ เพื่อที่นางจะได้แอบลักลอบมาสวดมนต์ต่อพระเจ้าในโบสถ์แห่งนี้

ปัจจุบันโบสถ์ฮาเกียไอรีนไม่เปิดให้เข้าชมนอกจากมีการแสดงหรือคอนเสิร์ตสำคัญเท่านั้น

เดินผ่านสนามต่อมาจะเจอประตูทางเข้าอีกชั้น ซึ่งกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของพระราชวังท็อปกาปึ

ภายในพระราชวังท็อปกาปึไม่ได้มีอาคารใหญ่โตงดงามแบบพระราชวังในยุโรปหรือประเทศอื่น ๆ แต่เป็นอาคารหลังเล็ก ๆ อยู่รวมกันมากกว่า ซึ่งสะท้อนวิถีชีวิตแบบเร่ร่อนอยู่กระโจมของพวกเติร์ก แต่เปลี่ยนจากกระโจมที่เคลื่อนย้ายได้เป็นอาคารเล็ก ๆ ที่สร้างถาวรอยู่กับที่

โชคร้ายว่าวันนี้ฝนตกหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง เลยเดินเล่นถ่ายรูปข้างนอกไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะพระราชวังแห่งนี้มีจุดสนใจอยู่ที่ของที่จัดแสดงภายใน

อยากจะอธิบายเรื่องการชื่อพระราชวังนี้ซักหน่อย ชื่อสะกดว่า Topkapı Palace ตรงตัว i ไม่มีจุด ภาษาเตอร์กิชใช้อักษรลาตินแต่ดัดแปลงให้เข้ากับภาษาเตอร์กิช ตัว i จะเขียนสองแบบ ถ้ามีจุดบนหัวแบบปกติ จะออกเสียงสระอิ แต่ถ้าไม่มีจุดบนหัว จะออกเสียงสระอึ ชื่อพระราชวังไม่มีจุดบนตัว i เลยออกเสียงว่าท็อปกาปึ ไม่ใช่ท็อปกะปินะครับ ฟังแล้วนึกถึงไอศครีมท็อปปิ้งเป็นกะปิ

(เพิ่มเติมคำอธิบายเรื่องชื่อครับ)

ปัจจุบันพระราชวังท็อปกาปึใช้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสมบัติล้ำค่าของราชวงศ์ออตโตมันที่ปกครองประเทศยาวนานถึง 470 ปี มีทั้งเครื่องแก้ว เครื่องเงิน พระภูษาอาภรณ์ที่ใช้ เครื่องประดับ ตลอดจนถึงสมบัติที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศาสนาอิสลาม

ในยุคที่จักรวรรดิออตโตมันรุ่งเรืองได้แผ่ขยายอาณาเขตไปกว้างขวางในทวีปยุโรปและเอเชีย สุลต่านออตโตมันทรงได้รับมอบของขวัญ เครื่องบรรณาการที่มีค่าจากประเทศต่าง ๆ ปัจจุบันได้ถูกนำมาแสดงไว้ที่พระราชวังแห่งนี้ เสียดายที่ห้ามถ่ายภาพเลยไม่มีภาพมาให้ชมกัน

ของสำคัญที่ห้ามพลาดชมเด็ดขาดคือโคตรเพชร 86 กะรัต ล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดเล็กอีก 49 เม็ดเรียงเป็นสองแถว กับกฤชท็อปกาปึทำจากทองคำประดับมรกตเม็ดใหญ่สามเม็ด

ก๊อกน้ำดูเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้แม้แต่ในพระราชวังก็มีก๊อกน้ำประดับประดาอย่างงดงามให้เห็นอยู่ทั่วไป

อาคารด้านนอกส่วนใหญ่ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสมบัติล้ำค่าของประเทศ แต่ถ้าอยากชมวิถีชีวิตของชาววังจริง ๆ แล้วต้องตีตั๋วเข้าชมส่วนชั้นในที่เรียกว่าฮาเร็ม (Harem) ซึ่งในอดีตคือโซนที่อยู่ของสตรีชาววังตั้งแต่พระชนนี และพระสนมทั้งหลายของสุลต่าน ผู้ชายที่จะเข้าไปได้นอกจากองค์สุลต่านแล้วก็มีเด็กอายุไม่ถึง 13 ปีและพวกขัณฑีเท่านั้น แขกก็มีขัณฑีเหมือนกันนะเออ

ภายในฮาเร็ม ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดก็คือพระชนนีของสุลต่าน มีหน้าที่ดูแลงบประมาณและค่าใช้จ่ายในฮาเร็ม สตรีที่เข้ามาอยู่ในฮาเร็มส่วนใหญ่เป็นทาสชาวต่างประเทศซึ่งอาณาจักรออตโตมันแผ่ขยายดินแดนไปถึง การแข่งขันและความอิจฉาริษยาระหว่างนางสนมด้วยกันมีสูงมาก ต่างต้องการช่วงชิงอำนาจทั้งในฮาเร็มและนอกฮาเร็ม หากใครมีพระโอรสให้สุลต่านได้ ผู้นั้นก็เพิ่มโอกาสในการเป็นพระชนนีของว่าที่สุลต่านองค์ต่อไป ซึ่งจะมีบทบาทในการกำหนดอนาคตของอาณาจักรออตโตมัน

เรื่องราวเกี่ยวกับฮาเร็ม คุณ flymom ทำรีวิวไว้ละเอียดมาก ลองหารีวิวมาอ่านนะครับ สนุกสนานมากมาย

ภายในฮาเร็มมีห้องมากมายถึง 400 ห้อง แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวชมประมาณ 20 ห้อง

สังเกตการจัดห้องเหมือนนั่งอยู่ภายในกระโจม มีโซฟานั่งกับพื้น แทนที่จะมีโต๊ะเก้าอี้

ชมศิลปะแบบเติร์กกันไปเรื่อย ๆ

ตามไปเที่ยวเมืองแห่งประวัติศาสตร์โลกด้วยคนค่ะ      ถ้ามีโอกาสได้ไปเมื่อไรก่อนไปคงต้องอ่านข้อมูลจนตาแฉะแน่เลย.... ทุกมุมเมืองคงมีแต่เรื่องราวให้ค้นหานะคะ

ลวดลายต้นสนดูเป็นเอกลักษณ์ไม่เคยเห็นที่อื่นเลย

เตาผิง ให้ความอบอุ่นในหน้าหนาว

ลวดลายประดับมุขเป็นรูปดอกทิวลิป

ทราบหรือไม่ว่าดอกทิวลิปที่เป็นสัญลักษณ์ของฮอลแลนด์ จริง ๆ เป็นดอกไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากตุรกี สมัยก่อนฮอลแลนด์ต้องซื้อหน่อทิวลิปไปปลูก ต่อมามีการปรับปรุงและขยายพันธุ์จนกลายเป็นแหล่งผลิตทิวลิปรายใหญ่ของโลก

ช่วงที่ไปเป็นฤดูใบไม้ผลิพอดี จึงมีโอกาสได้ชมทิวลิปในอิสตันบูล

ไม่ไกลนักจากฮาเกียโซเฟีย จะพบทางเข้าอ่างเก็บน้ำใต้ดินขนาดใหญ่แบบไบแซนไทน์ เรียกว่า Basilica Cistern หรือ Yerebatan Saray ซื้อตั๋วเสร็จต้องเดินลงบันไดไป ข้างใต้จะเป็นอ่างเก็บน้ำ มีเสาโรมันทั้งหมด 336 ต้นค้ำยันหลังคาไว้ ประดับไฟที่โคนเสา เมื่อสะท้อนน้ำที่นิ่งสนิทเป็นภาพที่งดงามมาก

อ่างเก็บน้ำใต้ดินนี้สร้างตั้งแต่สมัยจักรพรรดิคอนสแตนติน และมาขยายต่อในสมัยจักรพรรดิจัสติเนียน เพื่อช่วยเก็บกักน้ำไว้ใช้ในยามหน้าแล้งสำหรับพระราชวัง โดยลำเลียงน้ำมาจากทะเลดำผ่านท่อส่งน้ำแบบโรมัน ซึ่งเป็นจ้าวทางด้านวิศวกรรมอยู่แล้ว

ในน้ำมีปลาด้วยนะ จริง ๆ แล้วเขาเอาปลามาปล่อยในน้ำเพื่อให้ปลาช่วยกินพวกสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ในน้ำ เป็นการทำความสะอาดน้ำไปในตัว นอกจากนั้นยังเป็นตัวชี้วัดความสะอาดของน้ำ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนเป็นระยะ ๆ

เสานี้มีสัญลักษณ์ตาปีศาจสลักอยู่

ด้านในสุดจะมีเสาสองเสาซึ่งมีฐานเป็นหัวนางเมดูซา (Medusa) เสาหนึ่งวางหัวตะแคง อีกเสาวางตีลังกากลับหัว จนถึงปัจจุบันยังไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรจึงนำหัวนางเมดูซาเป็นฐานของสองเสานี้ คาดเดากันว่าหัวทั้งสองหัวคงนำมาจากอาคารโรมันเดิมที่สร้างก่อนหน้านี้

นางเมดูซาเป็นตัวละครในตำนานของพวกกรีก-โรมัน มีเส้นผมเป็นงูเก็งกอง หากใครจ้องตานางจะกลายเป็นหินทันที เพอร์ซิอุส (Perseus) ซึ่งเป็นคนครึ่งเทพตัดหัวของนางใส่ย่ามไว้ เวลารบกับข้าศึกก็ชูหัวของนางต่อหน้าฝ่ายตรงข้าม ทำให้กลายเป็นหิน นี่หรือเปล่าที่ต้องวางหัวนางเมดูซากลับหัวแทนที่จะวางตรง ๆ กลัวว่าคนที่จ้องไปที่รูปปั้นหัวของนางตรง ๆ จะกลายเป็นหิน

ร้านขายของที่ระลึก มีโปสการ์ดและ magnet ละลานตาไปหมด

(แก้ไขคำผิดครับ)

เช้าวันสุดท้าย เราตัดสินใจไปล่องเรือในช่องแคบบอสฟอรัสเพื่อชมมหานครอิสตันบูลบนสองฝั่งทวีป จากที่พักย่านสุลต่านอาเหม็ดสามารถนั่งรถรางมาลงสถานีเอมิโนนู (Eminonu) ซึ่งเป็นสถานีเดียวกับ Spice Market แหล่งการค้าสำคัญในการหาซื้อของที่ระลึก เดี๋ยวเราค่อยไปช้อปปิ้งกันครับ บริเวณนี้มีมัสยิดขนาดใหญ่อีกแห่งตั้งอยู่ริมน้ำชื่อว่ามัสยิดใหม่ (New Mosque) ใหม่มาก มีอายุแค่ 400 ปีเท่านั้นเอง

หอคอยกาลาตา (Galata Tower) เป็นสิ่งก่อสร้างที่หลงเหลือมาจากยุคไบแซนไทน์ สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1348 มีความสูง 62 เมตร ที่เห็นอยู่อีกฝั่งน้ำ จริง ๆ ยังเป็นส่วนของยุโรปอยู่ เพียงแต่เป็นอ่าวลึกเข้ามาในแผ่นดิน เรียกว่า Golden Horn มีสะพานข้ามชื่อว่า Galata Bridge

ภาพสวยมากๆ ค่ะ

และก็เป็นเมืองที่อยากไปเที่ยวมากๆ ค่ะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวด้วยนะคะ

เรือจะค่อย ๆ แล่นเลียบไปตามฝั่งยุโรปก่อน ขากลับจงเลียบฝั่งเอเชีย ฝั่งตะวันตกจะมีอาคารสวย ๆ น่าตื่นตาตื่นใจกว่า ฝั่งเอเชียส่วนใหญ่เป็นบ้านสวย ๆ หรือคฤหาสน์ของผู้มีฐานะ

มัสยิดโดลมาบาเช (Dolmabahçe Mosque) เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังโดลมาบาเช เป็นศิลปะแบบนีโอบาโรคผสมอิสลาม

วิวของพระราชวังโดลมาบาเช (Dolmabahçe Palace) สุลต่านออตโตมันประทับอยู่ในพระราชวังท็อปกาปึมาหลายร้อยปี จนถึงรัชสมัยของสุลต่านอับดุลเมจิตโปรดให้สร้างพระราชวังแห่งใหม่ขึ้นที่ริมฝั่งช่องแคบบอสฟอรัสในปี ค.ศ.1856 ชาวเติร์กเลิกเร่ร่อนอยู่กับที่นานหลายร้อยปีจนพระราชวังแห่งใหม่เปลี่ยนแนวคิดจากการสร้างที่อยู่อาศัยแบบง่าย ๆ เหมาะกับการย้ายถิ่นฐาน กลายเป็นการสร้างอาคารใหญ่โตงดงามราวกับพระราชวังแวร์ซายส์ของฝรั่งเศส น่าเสียดายที่การสร้างพระราชวังที่หรูหราฟุ่มเฟือยแห่งใหม่เกิดขึ้นในยุคที่จักรวรรดิออตโตมันตกต่ำทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการปกครอง จนถึงการล่มสลายของจักรวรรดิในที่สุด

ตามไปเที่ยวด้วยคนครับบ

มองเห็นสะพานบอสฟอรัสทอดตัวเชื่อมสองทวีป ฝั่งซ้ายคือยุโรป ฝั่งขวาคือเอเชีย เพิ่งเปิดใช้เมื่อปี ค.ศ.1973 หรือเกือบ 40 ปีที่แล้ว

ช่องแคบบอสฟอรัสเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่เชื่อมระหว่างทะเลดำตอนบนกับทะเลมาร์มาราตอนล่างซึ่งทะลุไปออกทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ ทำให้บริเวณนี้เป็นจุดตัดสำคัญทางการค้าและการทหารทั้งทางบกและทางน้ำระหว่างสองทวีป

การสร้างสะพานข้ามช่องแคบนี้เป็นความใฝ่ฝันของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคกรีก-โรมันเมื่อ 2,500 กว่าปีมาแล้ว ความสำเร็จนี้จึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างมากของชาวตุรกีเจ้าของประเทศในปัจจุบัน

ภาพมัสยิดตั้งอยู่ริมน้ำเคียงคู่กับสะพานบอสฟอรัสถือเป็นมุมโปสการ์ดที่เป็นเอกลักษณ์ของอิสตันบูลอีกมุมหนึ่ง

มัสยิดออร์ตาคอย (Ortaköy Mosque) สร้างด้วยศิลปะแบบนีโอบาโรคผสมผสานกับศิลปะออตโตมัน ดูเหมือนลูกครึ่งแขกปนฝรั่งเหมือนคนตุรกี สร้างในปี ค.ศ.1853-1856 โดยช่างคนเดียวกับที่สร้างพระราชวังโดลมาบาเช่ ในยุคที่ศิลปะแบบย้อนยุคกำลังเฟื่องฟูในยุโรป

หนุ่มน้อยชาวอิหร่านคนนี้มืออาชีพมาก ๆ พอยกกล้องขึ้นจะถ่ายปุ๊บ จะหยุดกิจกรรมทุกอย่างแล้วหันมองกล้องทันทีจนกว่าจะถ่ายเสร็จ

เห็นเรือดำน้ำด้วย อันนี้ไม่ต้องเสียค่าชมเพิ่มนะ เป็นบริการเสริม

เรือจะวิ่งผ่านบ้านเรือนสวย ๆ จนถึงสะพานข้ามช่องแคบแห่งที่สอง ชื่อว่าสะพานฟาติห์สุลต่านเมห์เหม็ด (Fatih Sultan Mehmet Bridge) หรือเรียกอีกชื่อว่าสะพานบอสฟอรัส 2 เปิดใช้ในปี ค.ศ. 1988 หรือ 23 ปีมานี้เอง

ป้อมปราการตรงเชิงสะพานบอสฟอรัส 2 ไม่ใช่แนวกำแพงเมืองเดิมของพวกไบแซนไทน์ แต่กลับเป็นของพวกออตโตมันฝ่ายตรงข้าม สร้างขึ้นเพียง 6 เดือนก่อนคอนสแตนติโนเปิลจะแตก เพื่อกระชับพื้นที่อาณาจักรไบแซนไทน์ระยะสุดท้าย ซึ่งเหลือเพียงเมืองคอนสแตนติโนเปิลเท่านั้น นอกนั้นโดยรอบอยู่ในอาณัติของออตโตมันไปเรียบร้อยหมดแล้ว

ป้อมปราการนี้สร้างขึ้นในส่วนที่แคบที่สุดของช่องแคบบอสฟอรัสเพื่อควบคุมเส้นทางลำเลียงอาหารและเสบียงจากภายนอกจนสุลต่านเมห์เหม็ดสามารถเข้ายึดเมืองคอนสแตนติโนเปิลได้ในที่สุด

จุดนี้เป็นจุดที่เรือกลับหัว วิ่งกลับโดยเลียบฝั่งเอเชีย

อาคารนี้อยู่ฝั่งเอเชีย ไม่แน่ใจเหมือนกันเป็นอาคารอะไร

อาคารที่ลอยอยู่กลางทะเลในตำแหน่งยุทธศาสตร์ระหว่างช่องแคบบอสฟอรัสและทะเลมาร์มาราเรียกว่าหอคอยลีแอนเดอร์ (Leander's Tower) สร้างขึ้นตั้งแต่ 410 ปีก่อนคริสตกาล เดิมเคยเป็นป้อมปราการในยุคไบแซนไทน์ แต่ก็มีการสร้างใหม่เรื่อย ๆ ปัจจุบันใช้เป็นประภาคาร และภัตตาคารลอยน้ำกลางทะเล

หอคอยแห่งนี้มีตำนานเล่าว่าจักรพรรดิคอนสแตนตินมีพระธิดา ซึ่งมีผู้ทำนายว่าจะสิ้นพระชนม์จากงูกัด พระองค์จึงนำพระธิดาไปประทับที่หอคอยกลางทะเลแห่งนี้จะได้พ้นจากงู แต่สุดท้ายงูก็แอบซ่อนในตะกร้าผลไม้ซึ่งถูกนำไปถวายให้พระธิดาเสวยบนหอคอย จึงถูกงูกัดสิ้นพระชนม์จนได้ หอคอยแห่งนี้จึงมีอีกชื่อว่าหอคอยหญิงงาม (Maiden's Tower)

วิวสุดท้ายก่อนเทียบท่าจะเห็นมัสยิดสุไลมาเนีย (Suleymaniye Mosque) ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินเขา มัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นในรัชสมัยของสุลต่านสุไลมานมหาราช ซึ่งเป็นสุลต่านที่ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่งของราชวงศ์ออตโตมัน ในสมัยของพระองค์ถือเป็นยุคทองของจักรวรรดิออตโตมัน มีการแผ่ขยายอาณาเขตออกไปจนถึงประเทศฮังการี ทรงวางระบบกฎหมายการปกครอง และทรงโปรดให้สร้างอาคารที่สวยงามต่าง ๆ ขึ้นในอิสตันบูล ในยุคนี้ออตโตมันมีสถาปนิกที่ยิ่งใหญ่อย่างมิมาร์ ซีนาน (Mimar Sinan) เป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปีหลังจากยึดคอนสแตนติโนเปิลที่ชาวเติร์กสามารถสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่เทียบเคียงได้กับวิหารฮาเกียโซเฟียของพวกไบแซนไทน์ มัสยิดสุไลมาเนียเป็นต้นแบบให้กับมัสยิดแบบออตโตมันในยุคหลัง ซึ่งรวมมัสยิดสีน้ำเงินในศตวรรษถัดมาด้วย

แผนที่อาณาจักรออตโตมันในรัชสมัยของสุลต่านสุไลมานมหาราช ปี ค.ศ.1580 ครอบคลุมสามทวีป ปัจจุบันประเทศตุรกีเหลือส่วนที่เป็นยุโรปอยู่แค่ 3% ของพื้นที่ทั้งหมด จะสมัครเป็นสมาชิก EU ก็ลำบากใจ

ตรงบริเวณสะพานกาลาตาใกล้ท่าเรือเป็นแหล่งแซนวิชปลาที่ขึ้นชื่อของอิสตันบูล ราคาไม่แพง แต่รสชาติฝืดคอไปหน่อยเพราะมีแต่ปลากับขนมปัง ไม่มีผักหรือซอสราดเพิ่มรสชาติ

เรือขายแซนวิชปลา ทำในเรือแล้วส่งต่อให้คนบนบกรับไปขายลูกค้าอีกที

รูปนี้คัดมาให้สาว ๆ โดยเฉพาะ ถ้าชอบกด Like!

ไม่ไกลจากท่าเรือแค่ลอดอุโมงค์ใต้ถนนก็จะถึงตลาดการค้าที่คึกคักมากที่สุดแห่งหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยว เรียกว่า Spice Market หรือตลาดเครื่องเทศ มีอีกชื่อหนึ่งว่าตลาดอียิปต์ เพราะสร้างขึ้นจากเงินภาษีอากรจากสินค้านำเข้าจากอียิปต์ ใช้เวลาสร้าง 67 ปี ระหว่างปี ค.ศ.1597-1664 มีรูปร่างเป็นตัว L ขนาดพอเหมาะสำหรับเดินหาซื้อของฝากราคาย่อมเยา จริง ๆ Spice Market เป็นส่วนต่อขยายออกไปจากมัสยิดใหม่ รายได้จากการเช่าที่ก็นำมาบำรุงมัสยิดแห่งนี้

เดิมเป็นตลาดค้าเครื่องเทศขนาดใหญ่ ซึ่งสมัยก่อนเครื่องเทศเป็นสิ่งจำเป็นและมีราคาแพงในการปรุงอาหาร ชาวตะวันตกยอมจ่ายค่าเครื่องเทศที่นำมาจากโลกตะวันออกเป็นมูลค่ามหาศาล จักรวรรดิออตโตมันซึ่งมีดินแดนคาบเกี่ยวสองทวีปจึงเป็นแหล่งการค้าเครื่องเทศที่สำคัญ ภายหลังชาติในยุโรปต้องการหาเส้นทางการค้าทางเรือกับโลกตะวันออกเพื่อหาซื้อเครื่องเทศโดยไม่ต้องผ่านการควบคุมของพวกเติร์ก ถือเป็นจุดกำเนิดของการค้นพบทวีปอเมริกาและเกิดลัทธิล่าอาณานิคมในเวลาต่อมา

ดวงตาปีศาจหรือ Evil Eye ถือเป็นของฝากสำคัญจากตุรกี เชื่อกันว่าดวงตาปีศาจเป็นเครื่องลางช่วยป้องกันสิ่งไม่ดีไม่ให้เข้ามาหาตัวได้ จะเห็นเครื่องประดับต่าง ๆ ที่ทำด้วยดวงตาปีศาจ เช่นพวงกุญแจ สร้อย magnet ที่แขวนรถ

แวะมาปาดทักทายก่อนไปนอนนะพี่เชอ คาดว่าอ่านไม่จบแน่ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะโหลดใส่ ipad นั่งอ่านบนรถแบบยาวๆครับ

ร้านนี้ขายอะไรไม่แน่ใจเหมือนกัน

เครื่องเทศสารพัดชนิดอันเป็นที่มาของชื่อตลาด

ร้านนี้ขายชาชนิดต่าง ๆ อย่างเนื้อชาแอปเปิ้ลจะหอมมาก ๆ แต่เอามาลองชงดื่มกลับไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ แนะนำว่าซื้อแบบผงจะดีกว่า

ซื้อแบบเป็น package ขายพร้อมแก้วทิวลิปก็สะดวกในการชง หอม อร่อย

ปัจจุบัน Spice Market ไม่ได้มีแต่เครื่องเทศอย่างเดียว แต่มีของฝากสารพัดชนิด จึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมาหาซื้อของที่ระลึกในราคาที่รับได้

ใครทราบบ้างว่านี่คืออะไรครับ ลองทายดู

บาคลาวา (Baklava) ขนมหวานแถบเมดิเตอร์เรเนียน หวานเจี๊ยบ

ของหวานประจำชาติตุรกี Turkish Delight เป็นขนมเหนียว ๆ ข้างในเป็นถั่ว มีหลายรส

อันนี้อร่อยมาก ๆ เค้าจะตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ข้างในเป็นไส้ถั่วชนิดต่าง ๆ ข้างนอกเหมือนตังเม ไม่หวานมาก

ลองชิมหลาย ๆ อย่าง ชอบแบบไหนเลือกเรียงใส่กล่องเป็นของฝากได้

เราได้ยินกิตติศัพท์ชื่อเสียงของตลาด Grand Bazaar ที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ว่าถ้ามาอิสตันบูลแล้วไม่มาชม Grand Bazaar ก็เหมือนมาไม่ถึง เลยต้องแวะมาชมซักหน่อย สุลต่านเมห์เหม็ดผู้พิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิลโปรดให้สร้างขึ้น ตลาดแห่งนี้จึงอยู่คู่นครมาหลายร้อยปีแล้ว มีหลังคาคลุมตลอด มีทางเข้าออกถึง 22 ประตู เปิดปิดเป็นเวลา ตอนเช้าเปิดเวลา 8 โมงครึ่ง ตอนเย็นปิดทุ่มนึง วันจันทร์ถึงเสาร์ ปิดวันอาทิตย์

ที่นี่เป็นตลาดขนาดใหญ่มาก กินเนื้อที่หลายตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่า Spice Market เยอะเลย เข้าไปแล้วอาจหลงง่าย ๆ ราคาสินค้าก็แพงกว่าด้วย ถึงแม้จะมีสินค้าหลากหลายกว่า เรียกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ต้องการหาคู่ค้าต้องมาที่นี่ ส่วนสินค้าชนิดเดียวกันที่เห็นที่ Spice Market ที่นี่บอกราคาสูงกว่ามากเพื่อให้ต่อ แต่ถ้าต่อเก่ง ๆ อาจได้ราคาถูกกว่าที่ Spice Market ก็ได้ ผมเองได้เสื้อยืดที่นี่ในราคา 7 ลีรา ถูกกว่าที่ Spice Market แต่ต้องรวมกันซื้อหลายตัว อีกร้านได้ตุ๊กตา Nasruddin ตัวใหญ่ราคา 10 ลีรา (ประมาณ 200 บาท) มาตัวนึง ลองต่อเล่น ๆ เจ้าของดันให้ ลูกจ้างหันไปมองหน้าเจ้าของร้านเลยว่าขายราคานี้จริงเหรอ กล้าให้ก็กล้าซื้อเหมือนกัน

ร้านขายกระเป๋านานาชนิด ร้านนี้อยู่นอกประตูใหญ่ Grand Bazaar

เราคงได้เห็นกันแล้วนะครับว่าอาณาจักรไบแซนไทน์รับความเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมกรีกโรมันโบราณและพัฒนาจนสูงสุดก่อนจะส่งผ่านไปยังวัฒนธรรมอิสลามที่ตามมาในภายหลัง ประเทศตุรกีผ่านเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์โลกมาหลายพันปี ถ้ามีโอกาสลองกลับไปค้นหารากเหง้าแห่งอารยธรรมโลกที่ประเทศตุรกีกันดูนะครับ

หากกระทู้นำชมประเทศตุรกีจะมีประโยชน์บ้าง ก็ขอยกความดีนี้ให้น้ำท่วมจงลดลงโดยไว และให้ทุกท่านกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขนะครับ

ท้ายสุดนี้ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทริปที่ทำให้ทริปนี้เกิดขึ้นได้ ขอบคุณที่ช่วยดูแลระหว่างที่ผมขาเจ็บครึ่งหลังของทริป รู้สึกเกรงใจมาก ๆ ที่ทำให้เที่ยวกันได้น้อยลง ไม่งั้นคงเก็บได้อีกหลายที่แน่ ๆ และขอบคุณที่อนุญาตให้เอารูปมาประกอบรีวิวชุดนี้ด้วยนะครับ

ขอจบด้วยภาพนี้ครับ

ว้า มาไม่ทันถ่ายทอดสดจนได้

ดูรีวิวแล้วอยากกลับไปอีกจัง ประเทศนี้มีอีกหลายอย่างที่ต้องกลับไปแก้มือ ใน Istanbul เองก็มีพิพิธภัณฑ์ที่อยากไปแต่ไม่มีเวลา แล้วก็อยากกลับไปซื้อ Turkish Delight ร้านนั้นอีกจัง

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ และก็ดีใจมากที่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกทริปนี้ค่ะ

ยิ่งใหญ่อลังการมาก. ครับ ทั้งอาหารข้าวของมีเอกลักษณ์รายละเอียดมากๆ

 

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ สวยงามมากครับ

ขอบคุณนะครับสำหรับรีวิว...สนุกมากเลยครับ...อยากไปมั่งอ่ะ

กำลังคิดถึงรีวิวดีๆสวยๆเรื่องนี้อยู่เชียว
ขอบคุณที่มารีวิวให้ชมแต่เช้า งามมากค่ะ

ตามมาทานขนมหวานที่ตุรกีครับ

สถาปัตยกรรมอลังการงานสร้างมากๆเลยนะครับ

โอ้ว เห็นสถานที่ว่าน่าอิจฉาแล้ว

แต่เห็นขนมยิ่งอิจฉาใหญ่เลย 5555+

ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ พี่เชอร์
ว่าแล้วก็สงสัยค่ะ ตอนที่พี่เชอร์ไป พี่เชอร์ได้ไปเมืองที่เค้าแผ่นดินไหวกันรึเปล่าคะ
หรือว่า มันไกลกันอ่า...
( ความรู้รอบตัวเรื่องตุรกีหนูเป็นศูนย์ค่า 5555+ )

รีวิวยังสนุกเหมือนเดิมเลยครับ อ่านเพลินได้ความรู้ต่างๆเยอะเลยครับ

บอกได้คำเดียวว่า กท.นี้สุดยอด ทำให้อยากเรียนรู้ประเทศนี้ด้วย ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยอยู่ในลิส

ขอบคุณสำหรับรูปสวยๆ และข้อมูลดีๆ ค่ะ
เป็นแรงบันดาลใจให้ตามไปเยือนตุรกีบ้าง

ชอบภาพน้องเหมียว เหมือนเค้ากำลังตั้งใจสวดมนต์อยู่จริงๆ
ส่วนภาพพระราชวัง และมัสยิดยิ่งใหญ่อลังการมากๆ ค่ะ ^^

สวยงามมากมายคร้าบบบ

ชอบกลิ่นอายแบบนี้จัง ^^

ไม่ค่อยได้เห็นรีวิว ประเทศนี้ เท่าไหร่คะ

แต่ก็ดูน่าไปเดินชม อารยธรรมอีกแบบนะคะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่า

ถ่ายรูปสวยกว่าของจริงเสียอีก ชอบรูปที่13มากมาย

ดูเเล้วก็คิดถึงอิสตันบูลขึ้นมาอย่างเเรง
อยากไปอีก...
ขอบคุณที่นำมาเเบ่งปัน กระตุ้นต่อมเดินทาง(อีก)ค่ะ

สถาปัตยกรรม วิจิตรงดงามงามมากครับ

ชอบสุดจะเป็นอ่างเก็บน้ำใต้ดินครับ สร้างได้เก่งจริงๆ

อาหารกับของหวานหน้าตาแปลกๆดี

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

ได้ความรู้ใหม่ๆมากมายทุกครั้งที่เข้ากระทู้คุณ Cherokee1 ขอบคุณมากๆนะคะ ปล.รูปสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

สวยมากเลยค่ะ อยากไปเที่ยวตุรกีบ้างจัง ...Turkish Delight แบบใส้ถั่วก็อร่อยมากๆ เห็นแล้วอยากกินอีก

ขอบคุณสำหรับรีวิวชุดนี้ครับ สวยงามและมีประโยชน์มากครับ

/ สวยมากเลยค่ะ

อยากไปเห็น hagia sophia ด้วยตาตัวเองจริงๆค่ะ
ชอบตั้งแต่ตอนเรียนแล้วค่ะ ดูมีมนตร์ขลังสุดๆ

สวยมากค่ะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆ ค่ะ

ไปกี่วันครับ น่าจะ้ใช้เวลาหลายอยู่ใช่ปะครับ


แพลนกำหนดไปมกรา ช่วงตรุษจีนคับ เพื่อนบอกว่าช่วงนั้นหิมะตก ไม่รู้ว่าจะได้เที่ยวอย่างนี้หรือป่าว


เสร็จแล้วต่อด้วยซีเรียอีกทีหนึ่ง เข้าซีเรียคราวนี้จะเข้าทางอะเลปโป้


กลับไทยทางดามัสกัส


ไม่เข้าใจคนไทยนิดหนึ่งว่า จะทำวีซ่าซีเรียจากที่นี่ไปทำไม


คนไทยสามารถทำ visa on arrival ได้สำหรับซีเรีย

ยิ่งใหญ่อลังการจริง ๆ ค่ะ ^^

ขอบคุณมากคะ
ที่ถ่ายทอดความงามของอิสตันบูล
สวยและเพลินตา
ตลาดเครื่องเทศน่าเดินชมมากทีเดียวค่ะ

ขอบคุณมากครับ สำหรับกระทู้สวยๆ เป็นกำลังใจให้ครับ

เหมือนอ่านตามรอยประวัติศาสตร์เลยครับพี่เชอร์
ขอบคุณครับ  ชอบมากกกกก

โอ้ ประทับใจ ช่างเป็นรีวิวที่สุดยอด ภาพสวย ข้อมูลแน่นปึ๊ก เหมาะแก่การโหวต ให้กิฟท์ เป็นกระทู้แนะนำเป็นอย่างยิ่ง

ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ เพิ่งกลับมาจากตุรกีเหมือนกันค่ะ แต่อากาศหนาวมาก  จะหาเวลาว่าง ๆ รีวิวอยู่เหมือนกัน แต่รีวิวอิชั้นคงหาสาระไม่ค่อยได้แบบนี้แน่ ๆ (กร๊ากกกก ถ่ายมาแต่รูปหมากะแมวอะค่ะ ฮี่ ฮี่) คือ อิสตันบูลนี่ที่เที่ยวเยอะมากอะค่ะ อย่าง ในแถบ Sultanhamet เจอจุดดักนักท่องเที่ยว 4 จุดก็ปาไปแล้ว 2 วัน ทำให้คนไม่ค่อยได้ไปที่อื่น ๆ เท่าไหร่

เราไป Dolmabache Palace ด้วยคะ สวยงามเลอค่า สุดยอด คุ้มค่ากับการต่อคิว 2 ชั่วโมงซื้อตั๋วมาก ๆ ค่ะ แต่เสียดายที่ข้างในไม่ให้ถ่ายรูป และเสียดายมีเวลาอยู่ข้างในไม่นาน (เพราะมันจะปิดประมาณ 5 โมงครึ่ง) เสียดายมาก ๆๆ แบบว่า อึ้งเป็นจุด ๆ ค่ะ มันอลังการแบบสัมผัสได้ หรูหรา มีมนต์ขลัง ประหนึ่งต้องมนต์  ภาพวาดด้านในเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เติร์ก มีค่ามาก ทุกอย่างเสมือนจริงมาก  แต่ต้องเดินตามไกด์ของวังเท่านั้น เลยมีเวลาไม่มาก รอบละประมาณ 45 นาทีเท่านั้น  จะพยายามหาเวลามารีวิบ้างนะคะ  แต่คงสู้คุณ cherokee1 ไม่ได้เป็นแน่แท้ เหอ เหอ

พี่เชอร์ทำเอาอยากไปเที่ยวอีกแล้วอะ

ไปมาทั้งหมดกี่วันครับรอบนี้

อยากกินชามากๆๆๆครับ


รีวิวสนุก ได้ความรู้เยอะมากกครับ

มาติดตามต่อนะคะ  รูปสวยมากๆเลยค่ะ เราไปที่เดียวกันทุกที่ แต่ทำไมรูปของหนูถึงสวยไม่ได้สักครึ่งของคุณ Cherokee เลยก็ไม่รู้ สวยมากๆ ของจริงก็สวย ถ่ายรูปมาก็งาม เห็นแล้วคิดถึง อยากไปอีกจัง

ขอบคุณมากคะ  อยากไปเที่ยวจังเลย  หนุ่มนี่ สเปกเราเลยน๊า

ขอบคุณสำหรับ รีวิวค่ะ วางแผนจะไป Istanbul กลางปีหน้าพอดีเลย เพิ่งจองตั๋ว กับโรงแรมเสร็จเมื่อวาน  วันนี้โชคดีเจอรีวิวนี้ ได้ความรู้เยอะเลย  ทำให้เกิดกิเลส อยากไปเร็วๆ เดี๋ยวกลับไปตามอ่านตอน1-4ทีหลัง  แต่คงไม่ได้ตามรอย จขกไป เพราะไปแค่ istanbul 5 วัน งบหมด อยากไปปามุคคาเล กับคัปปาโดเกียด้วย  รูปสวยมากๆ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

น่าไปมากกกค่ะ เห็นภาพแล้ว อยากไปเที่ยว Istanbul เลย ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

แวะมารายงานตัวว่าอ่านจบแล้ว สุดยอดมากครับพี่เชอ เที่ยวประเทศเดียวได้ 2 ทวีปเลย มหาวิหาร St.Sophia ผมเคยอ่านเจอในหนังสือตั้งแต่สมัยเด็กๆ บอกตรงๆว่าสวยมากๆครับเมือมองจากด้านนอก แต่ด้านใน เพิ่งเคยเห็นจากรีวิวพี่เป็นครั้งแรกนี่แหละ สุดยอดมากๆ ถือว่าโชคดีที่อิสลามไม่ได้ืทำลายภาพบนฝาผนัง ไม่งั้นคงน่าเสียดายมากแน่ๆ


รอชมรีวิวชุดหน้าต่อนะครับพี่

ปล. แอบชอบศิลปะแนวนี้นิดๆละ ชอบเสา Minaret ดูเท่ห์ดีครับ

เพลิดเพลินมากๆครับ
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆที่คุ้มค่ากับการรอคอย

ยิ่งใหญ่อลังการ สวยงามมากๆเลยครับ รูปสวย อ่านเพลิน ได้ความรู้ดีมากจิงๆ แทบจะอดใจรอไปปีหน้าไม่ไหวแล้วครับ ขอบคุณมากสำหรับรีวิวดีๆแบบนี้นะครับ :)

เราพลาดรูปที่ 29 ไปค่ะ  เสียใจ
เห็นทางโบสถ์ติดป้ายไว้ว่ามีรูปนี้อยู่ ก็อยากเห็น ลองไปเดินหาก็ไม่เจอ
สงสัยหาผิดประตู  >__<

อิสตันบูลเป็นเมืองที่สวยมากๆ ประทับใจฮาเกีย โซเฟียที่สุด รองมาก็ Chora church (kariye musezi)  แล้วก็วิวแถว eminonu เฮ่อ...อยากกลับไปอีกจัง

ขอบคุณสำหรับรีวิวมากครับ
ทำให้อยากไปขึ้นมาเลยครับ

ภาพที่ 106 คือผมคิดว่ามันคือ ชิชาหรือ บารากุ
เคยเห็นตามซอยนานา และตามร้านอาหารอินเดียบางแห่ง
มันคือยาเสพติดผสมกลิ่นผลไม้
ผมเคยเข้าร้านอาหารร้านนึงที่มีคนเสพเจ้าตัวเยอะพอควรนี้
ตอนออกจากร้านมึนไปหน่อยๆเลยครับ เลยไม่แน่ใจว่าเป็นผลจากเจ้าตัวนี้หรือเปล่า

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

อยากไปจังเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

ป้าฟู - ประเทศตุรกีมีประวัติศาสตร์เก่าแก่กว่าสองพันปี ไปตรงไหนก็มีแต่ประวัติศาสตร์ให้ศึกษา ศึกษาตอนเดินทางไม่หมดยังกลับมาศึกษาต่อที่บ้านครับ

ข้าวปุ้นจอมยุ่ง -  ขอบคุณที่ติดตามชมตั้งแต่เมื่อคืนนะครับ ตุรกีน่าไปเที่ยวจริง ๆ ครับ

สายลมแห่งวิงค์ - ขอบคุณที่ติดตามครับ

Snoopy in BKK - เอาไว้หาโอกาสกลับไปแก้มืออีกครับ เหลือบางที่ไว้สำหรับทริปหน้าบ้าง จะได้อยากกลับไปใหม่ ขอบคุณที่ร่วมทริปกันนะครับ

One Light One Shadow - รายละเอียดเยอะมากจริง ๆ ครับ ผสมผสานหลายวัฒนธรรมด้วย เลยยิ่งต้องอ่านมากเลยกว่าจะทำรีวิวชุดนี้จบ

ม่วงมหากาฬ - ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะครับ

mordek1 - ดีใจที่ชอบนะครับ

Tree Rose - ขอบคุณที่คิดถึงกันนะครับ อ้าว คิดถึงกระทู้หรอกเหรอ นึกว่าคิดถึง จขกท อิอิ

ลุงแบกเป้ - เห็นมัสยิดแบบออตโตมันแล้วต้องอุทานว่า "จะใหญ่ไปไหนครับ" ทานหวานมาก ๆ ระวังน้ำตาลขึ้นนะครับ

กิ๊บส์ - ขนมตุรกีหวานมาก ๆ ต้องกินกับน้ำชาหรือกาแฟตุรกีซึ่งเข้มข้นมากดับหวานไปเลย เมืองที่แผ่นดินไหวอยู่ทางตะวันออกใกล้ ๆ ชายแดนเลยครับ โชคดีที่ไปไม่ถึง เห็นตึกถล่มแล้วเศร้าใจ  

Destiny-Boy - ขอบคุณครับ ดีใจที่ชอบครับ

คุณจุ๋ม (Love Series) - ดีใจที่กระทู้นี้กระตุ้นต่อมเดินทางนะครับ

กาแฟขม - จะไปเมื่อไหร่ครับ มีอะไรถามได้นะครับ ถ้าตอบได้ยินดีตอบให้เต็มที่ น้องเหมียวทำท่านั้นอยู่ประมาณ 10 นาทีได้ คนมามุงถ่ายรูปกันใหญ่เลย น่ารักจริง ๆ ครับ

ออร์-ฟิ-อุส_orpheus - กลิ่นอายแบบแขกปนฝรั่งนี่มันชวนหลงไหลจริง ๆ นะครับ

hollaneung - ประเทศนี้ผมว่ามีคนไทยไปเที่ยวไม่น้อยนะครับ แต่ไม่ค่อยมีคนกลับมาทำรีวิวเท่าไหร่ อาจจะข้อมูลมาทำรีวิวหายากและกระจัดกระจายด้วย ต้องรวบรวมจากหลายแหล่ง

Patim - ของจริงก็สวยนะคร้าบ ของแบบนี้ต้องไปดูด้วยตาตัวเองครับ อิอิ แมวน้อยน่ารักเนอะ ๆๆ

prdd26 - ทำรีวิวเสร็จผมก็อยากไปอีกครับ

Koon Shy_Tour Dee - อ่างเก็บน้ำใต้ดินเป็นฝีมือของพวกโรมันครับ พวกโรมันขึ้นชื่อเรื่องความสามารถทางวิศวกรรมอยู่แล้ว คนยุคหลังเทียบไม่ได้เลยจนผ่านไปพันปีถึงจะค้นพบหลักการของพวกโรมัน

-aom- - ยินดีมากครับที่กระทู้นี้เป็นประโยชน์

Sergeant Keroro - ผมไม่ค่อยชอบกินขนมเหนียว ๆ เท่าไหร่ แต่อันที่เป็นไส้ถั่วและไม่หวานมาก อร่อยจริง ๆ ครับ ชอบมาก ๆ

แวะเข้ามาชมอิสตันบูล ตอนจบครับ

โอ้วววววววว วิหาร โบสถ์สวยมากกกกกกกกก สถาปัตยกรรมด้านอนกด้านในสุดยอดๆๆจริงค่ะ จขกท

ประเทศตุรกี เป็นอีกประเทศที่น่าไปมากกก อารยธรรมของเขามีมายาวนานนนจริงๆ สถาปัตยกรรมในเมืองเขาก็มีเสน่ห์แบบชาวตะวันออกกลางนิดๆผสมโรมันกรีก น่าไปมากกกกกกกกกกเลยค่ะ แต่ไม่รุ้จะมีโอกาสได้ไปไหม การเดินทางเที่ยวนอกจากต้องมีเวลา โอกาสแล้ว ต้องมีปัจจัยด้วยT^T

ขอบคุณที่มาแชร์รุปภาพให้ดูนะคะ สวยมากจริงๆ เหมือนได้ไปเที่ยวเองง

ทองเบิ้ม - ด้วยความยินดีครับ  

gig_gigg - ตอนที่เดินเข้าไปภายใน Hagia Sophia ครั้งแรกเห็นแล้วตะลึงเลยครับ มันใหญ่กว่าที่คิดไว้ซะอีก เห็นแล้วแทบกราบฝีมือพวกโรมันที่สร้างไว้จริง ๆ

ย้ำคิดย้ำฝัน - ขอบคุณที่แวะมาชมและให้กำลังใจนะครับ

ขอแฟนรวย - ทั้งทริปใช้เวลา 10 วันครับ อาศัยบินภายในประเทศสองหนเลยทำเวลาได้ดีหน่อย มาพลาดก็ตรง Mt.Nemrut นี่แหละ ถ้าไปมกราทางตะวันออกอาจจะหนาว Cappadocia ก็น่าจะมีหิมะ เตรียมเสื้อหนาวไปดี ๆ นะครับ มันหนาวกว่าที่คิดซะอีก ผมก็อยากไปซีเรีย อยากเห็นรีวิวนะครับ เผื่อจะตามรอยบ้าง

หนูกิตหอ 4 ชาย - อลังการมากมายครับ

SkylineKip - ตลาดเครื่องเทศนี่มีอะไรให้ชมให้ซื้อเยอะจริง ๆ ผมไปแล้วยังต้องกลับไปซ่อมอีกเลยครับ ช้อปปิ้งสองวันเลย

หนุ่มซาเล้ง - ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ

เจ้าชายกบ#763 (winij1968) - ที่ทำงานน้ำลดยังครับ ทำงานรับใช้ประชาชนแบบนี้ น่านับถือจริง ๆ ครับ

Freedom of Life - ขอบคุณที่จัดเต็มนะครับ อยากชมรีวิวนะครับ แต่ละคนก็มีมุมมองที่แตกต่างกัน ถือว่ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ประทับใจกันดีกว่า ผมเองก็พลาดไปหลายที่เนื่องจากเวลาจำกัดและขาเจ็บ แต่ก็ถือว่าเก็บไว้บ้างจะได้เหลือที่ไว้ให้อยากไปอีก โดลมาบาเชผมก็ยังไม่ได้ไป

@Fanciful@ - ไป 10 วันเองครับ ถ้ามีเวลาอีกซัก 2 วันคงเก็บได้เยอะกว่านี้อีก

natthasak - ชาแอปเปิ้ลหอมหวานอร่อยมากครับ มีโอกาสอย่าลืมหามาชิมนะครับ

semasky - กล้องรุ่นใหม่ ๆ มันมี mode ให้เลือก ผมก็ลองใช้ mode ที่คิดว่าจะออกมาสีสวย ๆ ก็ลองผิดลองถูกไปเรื่อย ๆ ครับ บางรูปก็แต่งเล็กน้อยให้ดูงามตา ขอบคุณที่มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนะครับ

ผึ้งน้อยafet - หนุ่มในสเปกนี่ คห 97 หรือเปล่าครับ หรือว่าหนุ่มน้อยใน คห 87 ครับ

cherrygreen - ห้าวันที่อิสตันบูลคงเก็บได้เยอะเลยครับ มีอีกหลายที่ที่ผมไม่ได้ไป เลยไม่ได้รีวิว มีโอกาสก็น่าไปพระราชวังโดลมาบาเช ไปชมโมเสกงาม ๆ ที่ Chora Church ไปชมกำแพงเมืองเก่าของไบแซนไทน์ ไปเดินเล่นย่าน Taksim ไปชมพิพิธภัณฑ์อีกหลายที่ อีกเยอะครับ

Blue Whale - ต่อมเดินทางเริ่มทำงานเลยใช่มั้ยครับ ดีจัง

Coffee Blended - ก่อนไปมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโบสถ์ Hagia Sophia เยอะแยะไปหมด นึกภาพไม่ออก ไปแล้วกระจ่างเลย แปลกใจไม่ค่อยมีใครรีวิวข้างในทั้งที่มันอลังการมาก
โห ทำรีวิวประเทศอิสลามสามประเทศแล้ว เพิ่งแอบชอบนิด ๆ เองเหรอ  

Rs (ruangt) - ผมก็รอชมรีวิวเนปาลอยู่นะครับ

I_Jayjay - ขอให้เที่ยวให้สนุก ได้รับประสบการณ์ดี ๆ กลับมาเต็มที่เลยนะครับ คนตุรกีน่ารักมากจริง ๆ

Winki - เสียดายแทนเลยครับ รูปอยู่ตรงทางออกหลักเลย ผมก็อยากไป Chora Church ไปชมโมเสกสวย ๆ อีก แต่ขาไม่เป็นใจ เดินไม่ได้อย่างที่ใจสั่ง เลยต้องตัดบางที่ออกไป เอาไว้ไปซ่อมครับ

thanachard - ภาพที่ 106 จริง ๆ ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่ามันคืออุปกรณ์สำหรับสูบอะไร ลองค้นดูก็เหมือนเป็นอุปกรณ์เสพยาเสพติดบางชนิด แต่ถ้าวางขายเยอะขนาดนี้ก็น่าจะเอาไว้สำหรับเสพสารที่ไม่ผิดกฎหมาย ขอบคุณที่เล่าประสบการณ์ให้ฟังครับ ผมว่าที่มึน ๆ นี่น่าจะเกี่ยวกับกลิ่นหรือควันที่มาจากเจ้าอุปกรณ์นี่ด้วยครับ

the Sixth Floor - ขอบคุณที่แวะมาชมครับ

ittle_lilin - ลองหาโอกาสแวะไปเที่ยวนะครับ ตื่นตาตื่นใจทีเดียว

เจ้าชายแวมไพร์ - เมื่อคืนไม่เจอกันนะครับ ปกติโพสต์ดึก ๆ ทีไรเจอกันทุกที โตะจายโหมะเลย

MiNT_DoReMoN - อีกเหตุผลที่น่าไปตุรกีคือผู้คนหน้าตาดี แต่อัธยาศัยยิ่งดีกว่าหน้าตาอีกนะครับ  ประทับใจผู้คนที่สุดแล้วในทริปนี้ ขอบคุณที่แวะมาชมนะครับ

สวัสดียามดึกคะ เห็นรูปของคุณเชอแล้ว สวยเกิ๊นนน
ไม่กล้ารีวิวของตัวเองเลย -_-!!
บอลลูนที่คัปปาโดเจียสวยมากคะ ลอยขึ้นไปแล้วลงสู่พื้นอย่างปลอดภัย
แต่มีอุบัติเหตุนิดหน่อยตอนเดินทางไป Ankara รถไถลลงข้างทางต้องออกมายืนรถลากมาลากขึ้นไปเพราะล้อจมดินไปเลย
ตอนนั้นนึกว่าไม่รอดแล้ว
เป็นอุบัติเหตุครั้งแรกในชีวิต แต่ก็กลับมาอย่างปลอดภัย

ชอบวิหารเซ็นโซเฟียคะ สวยจริง ๆทึ่งกับศรัทธาและประวัติศาสตร์อันยาวนานที่เค้าคงไว้อย่างมั่นคง

หลงรักตุรกีเข้าเต็มๆ ผู้คนก็น่ารัก  ถ้ามีโอกาสจะกลับไปเยือนอีกครั้งคะ

แวะมาชมครับ ขอตามไปเที่ยวด้วยคน

ภาพสวย ชมเพลินเลยล่ะครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

ภาพสวยมากกกก ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^

เข้ามาบอกต่ออีกนิดนะคะว่า ได้เอาลิ๊งนี้ให้เพื่อนชาวตุรกีดู  เค้าเองก็ชอบถ่ายรูป ขนาดบ้านเค้าเอง ตอนที่พาพวกเราที่ยว เค้าเองก็ถ่ายพวก Blue mosque, Ayasofia และที่เที่ยวต่างๆมากมาย ยังกับเป็นนักท่องเที่ยวซะเอง  พอหนูส่งรีวิวของคุณเชอให้เค้าดู เค้าชอบมากค่ะ ชมใหญ่เลยว่าสวยมาก แถมถามอีกว่ารูปใน คห 1 ถ่ายที่ไหน พอบอกว่าถ่ายจากบนเครื่องบิน  เค้าบอกว่าเค้าไม่เคยเห็นวิวนี้มาก่อนเลย สงสัยไม่เคยบินเส้นนี้ค่ะ

ปล เค้าดูทุกตอนและชอบทุกตอนเลยค่ะ

ตามมา  ว้าววววว ต่อค่ะ  เมืองนี้สวยมีเอกลักษณ์มาก ๆ ข้าวของต่าง ๆ สวย ๆ ทั้งนั้นเลย น่าช๊อปจัง  ถั่วทั้งหลายก็น่าทานมาก ถ้ามีโอกาสได้ไป คงหมดตัวที่เมืองนี้แน่ ๆ เลยค่ะ      

คห 100 ทำให้นึกได้ว่า มีคนเคยให้ Evil eye ไว้นี่นา เดี๋ยวต้องไปค้นมาห้อยไว้ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไปบ้างแล้วค่ะ  

กระซิบบอก จขกท.คนเดียว คนอื่นอ่านจะแช่ง



ผู้คนหน้าตาดี is my majority

กระทู้ภาพสวยและความรู้เพียบเหมือนเดิมเลยค่ะพี่เชอร์


กิฟสุดท้ายของเดือนมาหมดที่เจ้าแมวน้อย น่ารักจริงจริงค่ะ ^__^

 สวยอ่ะ น่าไปเที่ยวมากๆๆๆ

มาชมรีวิวสวยๆด้วยคนค่ะ  ชอบมาก  

อีกหนึ่งประเทศในฝัน จะขอไปตามรอยบ้างค่ะ
รูปสวยจริงๆ

แวะมาชม ทำให้คิดถึงตุรกีขึ้นมาในบัดดล

คิดถึง ขนม  Turkish Delight อยากกินอีก บ้านเราเริ่มมีลมหนาวบ้างแล้ว ทำให้คิดถึง Apple Tea


และต้องขอบคุณพี่เชอร์ด้วยค่ะ ที่ชักชวนให้ไปร่วมในทริปนี้ด้วย เป็นทริปที่ประทับใจที่สุดอีกทริปของชีิวิตการเดินทางค่ะ...และสัญญาว่าจะไปซ่อมอีกรอบ..อิอิ Mt.Nemrut แล้วเราต้องเจอกันค่ะ

สวยจังเลยค่ะ
คุณcherอารมณ์ศิลปินจริงๆเลยค่ะ^^

รีวิวดีจริง ๆ ค่ะ เก็บรายละเอียดได้เยอะมาก ๆ เล่นเอาที่เราเคยรีวิวไว้ นี่ต้องอายไปเลย 555

เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก - ผมก็เคยมีประสบการณ์อุบัติเหตุรถยางแตกกลางทะเลทรายแถบอริโซนาตอนมืด เรียกว่าหวิดเอาชีวิตไม่รอดมาแล้วเหมือนกัน นึกแล้วยังเสียวจนทุกวันนี้ ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ ทำรีวิวแล้วมาเรียกไปชมด้วยนะครับ ถือว่ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน

กัปตันลูกชุบ - ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะครับ  

สามแซ่ - ด้วยความยินดีครับ

semasky - ฝากขอบคุณเพื่อนชาวตุรกีด้วยครับ รูปบนเครื่องบินมันคงแค่แว้บเดียวตอนใกล้ ๆ จะ landing ถึงเคยบินก็อาจจะได้วิวอื่นเพราะคงเป็นเสี้ยววินาที

เยอบีร่า - ของเค้าน่าซื้อจริง ๆ ต่อได้ด้วย ขนาดผมว่าซื้อเยอะแล้วยังไม่พอฝากคนอื่นเลย เป็นประเทศที่ได้ของฝากเยอะมากที่สุดประเทศหนึ่งเลยครับ ราคาไม่แพงและหลากหลายจัง

ขอแฟนรวย - งั้นรีบไปประเทศตรกีเลยนะครับ คนหน้าตาดีจริง

asp_ash - ขอบคุณครับ มีแต่คนชอบแมวน้อย แย่งซีนอิสตันบูลหมดแล้ว อิอิ

ลำหับ ณ เมืองดอกบัว -  ใส่ไว้ใน wish list เลยนะครับ

สาวหน้าใส - ขอบคุณครับที่แวะมาชม

luckyclover - ขอให้ได้ตามรอยไว ๆ นะครับ

mbapsu04 - คิดถึงขนม ชาแอปเปิ้ล คิดถึงอาลีกับเมห์เหม็ด คิดถึงสถานที่สวยงามทุกที่ที่ไป มีโอกาสคงได้กลับไปเยือนอีก ขอบคุณที่ร่วมทริปกันนะครับ

หมูอ้วนขี้อ้อน - ผมว่าผมออกแนววิชาการมากกว่าศิลปินนะ 555 แต่ก็ขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ

ก๊าก ToT - ชมซะผมอายเลย ถือว่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนะครับ

เข้ามาบอกก่อนค่ะแล้วเดี๋ยวจะตามอ่านให้ครบทุกตอนเลย

"ขอบคุณค่ะ"

กำลังวางแผนว่าจะไปแบ็คแพ็คกับคุณสามีปีหน้าพอดี...แล้วเจอกันนะตุรกี

เพิงไปเที่ยวมาเหมือนกันค่ะ   ประทับใจในความเป็นประวัติศาสตร์อันยาวนานของตุรกีมากค่ะ  ไกด์ที่พาไปที่เป็น
Local  Guild มีความรู้มาก บรรยายประวัติศสาตร์ ตุรกี  โดยมีแผนที่ประกอบ ทุกครั้ง ประทับใจมาก เพราะว่า ทำให้เราทราบว่า  สถานทีีที่จะไป อยู่ตรงส่วนใหนของประเทศตุรกี  ค่ะ  ส่วนไกด์ไทย ก็มีความรู้ ความสามารถ บริการได้ประทับใจมากคะ่  แม้ว่าระหว่างเดินทางจากเมือง อังการะ  ไป อิสตันบูล จะมีอุบัติเหตุ  รถแฉลบลงข้างทาง  แต่ทุกคนก็ปลอดภัย  ได้เดินทางกลับเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ ครบ 32  ประการทุกคน  แล้วก็เป็นบุญอันใหญ่หลวง เมื่อกลับมา ประเทศไทย ได้ 1  วัน  ที่ประเทศตุรีก็เกิดแผ่นดินไหว  ที่เมืองวาน มีแต่คนโทรมาสอบถามว่า  กลับมาหรือยัง  โชคดี จึงมีเป็นครั้งที่  2  อย่างไรก็ตาม  ประเทศตุรกี ใหญ่มากที่ไปเที่ยวครั้งนี้  เป็นเพียงส่วนที่อยู่ด้าน ตะวันออก  เท่ากัน  ยังเที่ยวไม่ทั่วประเทศเลย  อยากไปอีก  เพราะว่า คนตุรกี  น่ารัก  มีความเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว มาก  

อมรรัตน์

มาติดตามกระทู้คุณ cherokee ครับ
ได้ความรู้มากๆ เสมอ
ภาพก็สวยสมจริงมากครับ :):)

ยอดเยี่ยมม เช่นเคย

เหมือนได้ตามไปเที่ยวด้วย (ในเวลาก่อนทำงานแบบนี้) 555

ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ นะคะ

: ))

ขออภัยที่มาช้านะก๊า เน็ตที่บ้านเจ๊งอ่ะ ตอนนี้อาการเจ๊งทุเลาลงบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่หายขาดซะทีเดียว T___T

ตอนนี้สุด(มัส)ยิดมากเลยค่ะ! ชอบจริงๆ ชอบไปหมด ไม่ว่าโมเสกไบเซนไทน์ ยันลวดลายกระเบื้องสีของศิลปะอิสลาม งามแต๊ๆ
อยากไปเห็นด้วยตาจริงๆค่ะ ของจริงคงอลังการงานสร้างสุดๆไปเลย >_<

แต่ก็ต้องขอบคุณความใจกว้างของตุรกี ที่ให้ศิลปะแบบคริสต์และอิสลาม มาร่วมหัวจมท้ายในอาคารเดียวกันได้
ใจกว้างขนาดให้น้องแมวเข้าไปสวดมนต์ด้วย กร๊ากกกกก (น่ารักโคตรๆๆๆๆ )

ปล.พูดถึงน้องแมว ที่บ้านเดี๊ยนตอนนี้หนีน้ำท่วมไปคอนโดแถวถนนวิทยุฮ่ะ ปรากฎน้องชาเย็น ตอนนี้หลงแสงสีเสียงเมืองกรุงไปซะแล้ว
แม่บอกว่าตอนกลางคืนมันไม่ต้องทำอะไร ยืนเกาะขอบหน้าตาดูไฟตึกได้ตั้งนานแน่ะ

ปล2. Turkish Delight น่ากินอ่าาาา สารพัดสีเลย >___<

ขอบคุณค่ะคุณครู...อ้าว! ไม่ใช่ เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเรียนวิชาประวัติศาสตร์อีกรอบเลยค่ะ ตอนจบแถมการบ้านให้กลับไปค้นคว้าต่ออีกต่างหาก รูปแบบนี้คุ้นๆตอนจะเดินออกจากห้องเลคเชอร์นะ^^
รีวิวภาคจบจัดเต็มได้อีก ทั้งความงดงามตระการตา+ความรู้แบบเน้นๆ
ตะลึงกับภาพโมเสกสีทองค่ะ ในภาพว่าสวยแล้ว แต่ถ้าเห็นด้วยตาตัวเองคงสวยกว่านี้มากๆเลยนะคะ ชอบสะพานบอสฟอรัสที่เชื่อม2ทวีปเท่ดีจังค่ะ เห็นแล้วอยากล่องเรือเลียบชมสองฝั่งคลอง...เอ๊ย! สองฝั่งทวีปบ้างค่ะ แหะๆ^^

ตามอ่านและดูรูปหมดแล้วค่ะ  ไม่อยากพลาดซักตัวหนังสือเดียว
เป็นทริปที่น่าสนใจมากกกกก  ชื่นชมงานศิลปะที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ขนมน่ากินมากค่ะ  ของทีระลึกก็น่าซื้อ ดวงตาปิศาจเครื่องรางชื่อน่ากลัวแต่น่ารักดีนะคะ  

ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆนะคะ

จากตัวเล็ก...ถึงตัวใหญ่ - ขอให้เที่ยวให้สนุกนะครับ ตุรกีเที่ยวง่ายมาก ๆ ครับ ผู้คนก็ใจดี ยินดีช่วยเหลือนักท่องเที่ยว

somsirinak - เกิดอุบัติเหตุเหมือนคคห 159 เลยเหรอครับ สงสัยไปด้วยกันแน่ ๆ
น่าสงสารเรื่องแผ่นดินไหวจริง ๆ นะครับ เห็นตึกถล่มลงมาแล้วเศร้าใจ
แต่ส่วนที่ถล่มอยู่ทางตะวันออก ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวเยอะมาก

de prince of darkness - ขอบคุณที่แวะมาชมนะครับ

แสนศิริ - ป้าแสนแอบอู้เหรอ เดี๋ยวโดนตัดโบนัสน้า

ha-meow - ผมว่าคุณเหมียวคงชอบที่นี่มากกว่าคนอื่นทั่วไปซัก 2 เท่า เพราะมีรายละเอียดเยอะจริง ๆ
นี่ขนาดยังไม่ค่อยได้เข้าพิพิธภัณฑ์ที่นี่นะ สามวันยังไม่พอเลย  
ประเทศนี้แมวเยอะมาก รองจากไทยเลยจริง ๆ อยู่ทั้งซากโรมัน ไปจนถึงวิหารฮาเกียโซเฟีย
น้องชาเย็นเป็นแมวใจแตกแล้วเหรอ ระวังน้ำลดจะไม่ยอมกลับบ้านนะครับ

แม่หญิงพิมาลา - ศิลปะไบแซนไทน์ที่โดดเด่นหลงเหลือมาถึงปัจจุบันก็คือพวกภาพโมเสกพวกนี้แหละครับ
แต่ที่นี่ยังไม่ค่อยจุใจเท่าไหร่ อาจจะโดนฉาบอยู่เบื้องหลังซะเยอะ
ที่ผมเห็นแล้วตะลึงตึ่งตึงกับภาโมเสกะลานตาคือที่เมือง Ravenna ในอิตาลี
ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรไบแซนไทน์บนคาบสมุทรอิตาลี
หากมีโอกาสกลับไปอิตาลีอีกรอบอย่าพลาดเมืองนี้นะครับ

Red-Rose-14Feb - ขอบคุณจริง ๆ ครับ ขาผมแทบไม่ติดพื้นแล้วครับ


St.John the Baptist

ไม่มีคำไหนจะใช้แทนคำว่าอลังการได้จริงๆครับ

มีกระทู้ดีๆมาช่วยคลายเครียดให้ชมยามนี้ดีเลยค่ะ
เป็นการเปิดเมืองแปลกที่คราวนี้รวมมหัศจรรย์+ล้ำเลิศเข้าไปอีก
ได้เห็นความอลังการงานสร้างจากฝีมือมุษย์ หนึ่งสมองกับสองมือ ที่ช่วยกันสร้างสรรค์
ความยิ่งใหญ่ ได้งดงามอย่างน่าอัศจรรย์ ภายใต้โลกใบนี้.
ทุกภาพที่นำมา ล้วนมีมุมมอง สีสัน ชวนติดตามให้_ดูแล้วดูอีกๆๆๆๆ ไม่เบื่อออเลยค่ะ

การเล่าเรื่องผ่านภาพ ครบเครื่อง ทั้งที่มาประวัติศาสตร์ สีสัน ความเป็นอยู่
วิถีคนเมือง เสื้อผ้า อาหาร สิ่งของล้วนทำให้เกิดอาการ_อยากไป อยากดู
อยากเห็น อยากชิม อยากกิน ไปพร้อมๆกัน. แถมสรรหาหนุ่มหล่อตาคมผมดำ
มา กำนัลสาวๆแฟนกระทู้ ให้เจ้บบจายยได้อีก เหลือเกินนนแระ
ดูทู้นี้แล้ว ต้องร้องโอยโอ้ยยย...เปิดเมืองแปลกสำหรับฉันจริงๆ. !!
ขอบคุณมากมาย นะคะ.  

ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆ ที่เต็มไปด้วยข้อมูลนะคะ  อ่านเพลินเชียวค่ะพี่เชอร์ ^_^

ขอบคุณมากๆสำหรับรีวิวดีๆนะคะ
รูปก็สวยงาม อลังการมากค่ะ...

(ขอติดกิฟไว้ก่อนนะคะ เพราะเดือนนี้หมดไปแล้ว)

สุดยอดมากๆครับ

ทำให้ต้องกลับไปอ่านย้อนหลังทุกตอนเลย เยี่ยมมากๆ

สมกับที่เป็นกระทู้แนะนำครับ ทำให้ผมต้องย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก
ขอบอกว่า เป็นการรีวิวที่สนุกมากๆครับ ภาพก็สวยมากๆ เขียนบรรยายรีวิวก็ดีมากๆ
แถมยังมีความรู้ด้านประวัติศาสตร์อีกด้วยครับ ชอบๆกระทู้แบบนี้ อ่านได้อรรถรสมากครับ
อ่านแล้วไม่เบื่อ ทำให้อยากติดตามเรื่อยๆ น่าสนใจมากๆ

ปล.พี่ทำให้ผมสนใจประเทศตุรกีแล้วอยากจะไปเที่ยวเลยครับ สมกับเป็นเมืองประวัติศาสตร์ของโลกที่น่าไปเยือนมากๆเลยครับ

เห็นรีวิวสวย ๆ แล้วเหมือนตามติดไปเที่ยวด้วยจริง ๆ เลย  ประเทศนี้เป็นประเทศที่น่าเที่ยวมากมีโอกาสคงจะได้ไปก่ะเขามั่ง ขอบคุณนะคะมารีวิวให้ดู

เป็นรีวิวปิดท้ายที่ยอดเยี่ยมมากครับ รูปก็สวย เนื้อหาก็แน่น

ผมว่าทริปตุรกีของคุณ Cherokee1 จะต้องกระตุ้นความอยากไปเที่ยวตุรกีของหลายๆ คนแน่นอนครับ

ขอบคุณกระทู้ดีๆที่อัดแน่นด้วยเนื้อหาพร้อมภาพประกอบสวยๆ
ประทับใจตุรกีมากขึ้น เมื่อได้ติดตามมาหลายตอน
ถ้าเป็นนักเดินทางเช่นหลายๆคน คงไม่พลาดที่จะไปเยือนประเทศนี้แน่ๆ

ขอบคุณ "คุณCherokee" มากๆ ค่ะ สำหรับรีวิวตุรกีนี้
กระตุ้นต่อมอยากไปมากขึ้นอีก...ปีหน้าเจอกัน

จะไม่ยอมพลาดสองที่นี้แน่ๆ คือ ปามุคคาเล กับ คัปปาโดเกีย

HELP ME PLS !!!
ใครช่วยแปะลิ้งค์กระทู้คุณ flymom ที่รีวิวตุรกีให้หน่อยได้มั้ยคะ
แบบว่าใช้ smart search หาแล้วก็ยังหาไม่เจอค่ะ

ติดตามดูกระทู้คุณได้แค่สองกระทู้เท่านั้น ก็มีอันต้องเดินทางไปตุรกีซะแล้ว กลัมาดูกระทู้นี้อีกทีต้องบอกว่าคิดถึงอิสตันบูลเลยค่ะ


  โดยเฉพาะตลาดเครื่องเทศ หรือ spice market นี่ของฝากน่าซื้อมากๆๆ ถ้าใครเดินทางไปแล้วต้องการของฝากราคาถูกและดี จำพวกขนม เครื่องเทศ ถั่ว ผลไม้แห้งต่างๆ ต้องซื้อที่นี่เท่านั้นค่ะ แล้วไม่ต้องเดินซอกแซกหาไกลมากๆนะคะ หน้าตลาดร้านที่คนพื้นเมืองซื้อกันเยอะๆนั่นแหละค่ะ ถูกและใหม่ที่สุดแล้ว ดิชั้นด้วยความอยากรู้ ลองซื้อจากในซอยลึกๆ ปรากฏว่าราคาแพงกว่าของที่อยู่หน้าตลาดเสียอีก คุณภาพก็พอๆกัน แต่ร้านข้างหน้าที่มีคนซื้อเยอะๆของบางอย่างจะใหม่กว่าด้วย แต่ถ้าใครซื้อข้างในถูกกว่าก็ดีค่ะ อันนี้บอกไว้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวเฉยๆนะคะ  

 ซื้ออินทผาลัมมาให้คุณแม่ทาน ปรากฏว่าคุณแม่บ่นใหญ่ว่าซื้อมาน้อยไป เพราะทั้งนุ่ม อร่อย หวาน เนื้อดีมากๆ

บางเบิดทะลุ - เห็นด้วยครับว่าคำว่าอลังการเหมาะสมที่สุดในการอธิบายฮาเกียโซเฟียและบลูมอสก์ ยิ่งใหญ่อลังการจริง ๆ

noinop - ชมซะตัวลอยเลยนะครับนี่ ดีนะไม่ใช่บอลลูน ขาลงเลยไม่เจ็บ :P เอาใจช่วยขอให้น้ำลดไว ๆ นะครับ  

ก้านกล้วยสีสด - ด้วยความยินดีครับ

Miss_Behaving - ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันครับ แค่นี้ก็ดีใจแล้วครับ

ice apisto - ขอบคุณมากครับ

Cappu_boy - รีวิวทั้งห้าตอนมีความแตกต่างกันหมดทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ ภูมิทัศน์ และศิลปวัฒนธรรม หวังว่าคงได้สาระและความบันเทิงไปบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ

รุ่งรวิน - เก็บใส่บัญชี travel wishlist เลยนะครับประเทศนี้

aryan - รู้สึกหลายคนจองตั๋วไปตุรกีสำหรับปีหน้าแล้วนะครับ รอคุณ aryan ถ่ายรูปสวย ๆ มาทำรีวิวครับ :P

ป้าพาฝัน - ตุรกีเป็นประเทศหนึ่งที่ความประทับใจเพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนไปครับ อาจจะไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงก็ได้ก็เลยไม่ได้ผิดหวัง แถมเกินความคาดหวัง

จากตัวเล็ก...ถึงตัวใหญ่ - รีวิวของคุณ flymom อยู่ในคลังกระทู้เก่าครบทุกกระทู้เลยครับ ขอให้เที่ยวให้สนุกนะครับ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topicstockE/turkey.php

medicolilith - ได้ไปเที่ยวเมืองไหนมาบ้างครับ ชอบที่ไหนที่สุดครับ ผมโหวตให้คัปปาโดเกียกับวิหารฮาเกียโซเฟียสำหรับทริปตุรกี เสียดายไม่ได้ทานอินทผาลัม ไม่รู้ว่าลูกไหน พลาดไปแล้ว

ไปตุรกีด้วยคนครับ สถาปัตยกรรมเค้าสวยจริง ๆ แถมอลังการอีกต่างหาก

รีวิวดี ได้ความรู้เพิ่มอีกด้วยครับ ^^

อ๋อ...ต้องเข้าไปหาที่คลังกระทู้เก่านี่เอง...ว๊า..โง่จัง

ขอบคุณคุณ Cherokee1 มากๆ ค่ะ

ชอบรีวิวคุณ Cherokee1 มากค่ะ ข้อมูลแน่น อ่านแล้วได้สาระเยอะเชียว

ขอเก็บเมืองนี้ไว้ในลิสต์อีกซักเมือง แต่รู้สึกว่าตอนนี้ลิสต์ยาวเป็นหางว่าวแล้วค่ะ

ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆ ที่นำมาให้ชมค่ะ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะพิจารณา ถ้ามีโอกาส ภาพสวยมากๆ

เจ๋งอ่ะ ถ่ายทอดได้ยอดเยี่ยมไปเล้ย กด like ให้หมดตัวเจงๆ
ว่าแต่คุณ cherokee ได้ไป Turkish Bath ป่ะดูจาก TV แล้ว โห มันทำยังกะอาบน้ำให้ลูก เรียกว่าถูกันจนตัวแดงเลย

แวะเข้ามาช่วย คุณ Cherokee1 ตอบคุณแมวตุ๊ต๊ะนะคะ

ในฐานะที่เป็นหนึ่งเดียวของสมาชิกทริปนี้ ที่ได้มีโอกาสไปลอง Turkish Bath ค่ะ

ส่วนตัวแล้ว ตั้งใจตั้งแต่ยังไม่ออกเดินทางแล้วค่ะ ว่าต้องไปลอง Turkish Bath ให้ได้ จนแล้วจนรอด จนเกือบจะจบทริปก็ยังไม่ได้ลอง จนกระทั่ง คืนก่อนคืนสุดท้าย ได้มีโอกาสไปใช้บริการ Turkish Bath ที่ Istanbul มาค่ะ

ไปถึงนะคะ เค้าก็จะให้เราเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่สิ....ถอดเสื้อผ้าค่ะ เรียกว่า ถอดให้หมดไม่ต้องเหลือ แล้วเค้าก็จะแจกผ้าให้เราผืนหนึ่ง ลักษณะก็คล้ายๆ กับผ้าขาวม้าบ้านเราเนี่ยแหล่ะค่ะ

จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องลักษณะจะเป็นโดมๆ เค้าจะแยกชาย-หญิงนะคะ ในห้องก็จะมีอ่างน้ำหลายๆ อัน เค้าก็จะผสมน้ำอุ่นๆให้เราค่อยๆ ตักอาบไปเรื่อยๆ

ตอนเข้าไปในห้องนี้ มีเรื่องตื่นเต้นค่ะ....คืออุตส่าห์ไปตอนดึกแล้วนะคะ กะว่าคงไม่มีใคร ปรากฏว่า เข้าไป เจอผู้หญิงอีกคน นั่งอาบน้ำอยู่ แต่นั่นก็ไม่ shock เท่า.....เค้าไม่ได้ถอดหมดอ่ะค่ะ ยังมีกางเกงในอยู่ .... ตายล่ะหว่า....เสียดุลแล้วเรา

คุณป้าที่พาเข้าไปเค้าก็จะปล่อยให้เราอาบน้ำเรือยๆ จนพอใจ แล้วเค้าก็จะมาจูงเราไปอีกห้องค่ะ ในห้องนั้นก็จะมีเตียงหินอ่อน เค้าก็จะให้เรานอนลง แล้วเค้าก็จะเริ่ม ... ขัดขี้ไคล ... ให้เราค่ะ เค้าจะใช้คล้ายๆ ใยบวบบ้านเรา แต่หยาบกว่า ขัดๆ ถูๆ ซะจนทั่วตัว........ขี้ไคล ออกมาเยอะมากๆ (แอบอาย ฮ่าๆๆ)

พอขัด ถู จนเป็นที่พอใจ ทั้งคนโดนขัด และคนขัดให้ เค้าก็จะล้างตัว แล้วเอาผ้าจุ่มน้ำสบู่ แล้วมาบีบฟองลงบนตัวเราค่ะ....ฟองสบู่เค้าจะนิ่มมากๆ เค้าก็จะฟอกสบู่จนทั่วตัว ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สบายมากๆ แล้วเค้าก็จะนวดตามแขน ขา ให้

จากนั้นก็เป็นขั้นตอนล้างฟองสบู่ สระผมให้ ซึ่งขั้นตอนเนี้ยแหล่ะค่ะ เหมือนโดนคุณแม่อาบน้ำให้ตอนเด็กๆ เลย...

จากนั้น เค้าก็จะปล่อยเราตามอิสระ เราจะไปนอนผึ่งบนแท่นหินอ่อน หรือเข้าไปอาบน้ำ นั่งชิลล์ๆ ต่อในโดมห้องเดิมก็ได้

เป็นอันเสร็จพิธี Turkish Bath ค่ะ

ส่วนตัว แนะนำนะคะ ใครมีโอกาสไปน่าจะลองสักครั้ง ออกมารู้สึกตัวเบา เหมือนเป็นคนใหม่เลยทีเดียว

อืมมม ... น่าลองแฮะ...เราว่าตอนไปออนเซ็นก็อายจะแย่ แต่ลองแล้วติดใจ ปกติเป็นคนขี้เมื่อยเหมือนกัน แต่มีคนมาอาบน้ำให้เนี่ย...นะ

ขอเข้ามาอ่าน  Turkish Bath  ด้วยคนค่ะ
ได้ยินมานาน จนมาเจอและกระจ่างแล้วตอนนี้
ขอบคุณ-คุณ Snoopy in BKK .ที่ช่วยมาเฉลย
จากผลที่ได้ไปพิสูจน์เองมาจริง...
ทำให้เราทราบแล้ว อ้อ -->มันเป็นแบบนี้ นี่เอง.

ฟังกี่ทีก็ยังรู้สึกจั๊กจี้ทุกที ขอบคุณ Snoopy in BKK หนึ่งเดียวในทริปที่ไปลองแล้วมาเล่าให้ฟังนะครับ ผมคงขอบาย ไม่กล้าจริง ๆ

ภาพข้างบน ผนัง บานหน้าต่าง ล้วนวิจิตร จริงๆ
((((แปะภาพอีกเลยค่ะ คุณ Cherokee1
ตามมาดูทุกวันไม่-เบื่อออ เลยค่ะชอบๆ))))

เอาคลิปรายการโลก 3 มิติ ตอนตุรกี ที่ฉายทางช่อง Thai PBS มาให้ชมกันครับ

ตอน 1/3

เมื่อกี้แปะคลิปตอนต่อแล้วไม่ขึ้น เลยเอาลิงค์มาฝากละกันครับ

ตอน 2/3
http://www.youtube.com/watch?v=8uuwGUdgSwo

ตอน 3/3
http://www.youtube.com/watch?v=q8FCyliJqxc