การเดินทางในทริปนี้ เราได้เข้ามาหาข้อมูลจากเพื่อนๆ ในห้องนี้มากมาย เราต้องขอขอบคุณสำหรับทุกๆ คำตอบ และทุกๆ ความคิดเห็น ที่มีให้นะค่ะ ซึ่งคำตอบที่ได้มา ล้วนเป็นประโยชน์ในการเดินทางมากเลยค่ะ ในเมื่อเข้ามาหาข้อมูลแล้ว เดินทางแล้ว ก็ขอทำตัวประโยชน์บ้างนะค่ะ เผื่อเอาไว้เป็นแนวทางให้เพื่อนๆ คนอื่นได้ค่ะ

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า เราถ่ายรูปไม่ค่อยสวยนะค่ะ เพิ่งจะหัดถ่ายเป็นจริงเป็นจังแค่ไม่กี่เดือนนี่เองค่ะ รูปคงจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ไม่ว่ากันนะค๊า

ถ้าเพื่อนๆ คนไหน ต้องการสอบถามข้อมูลหรือรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม จะหลังไมค์ หรือถามในกระทู้นี้เลยก็ได้นะค่ะ ถ้าตอบได้เราก็ยินดีค่ะ

อ่ะ...เริ่มออกเดินทางเลยก็แล้วกัน เดี๋ยวเพื่อนๆ จะเบื่อซะก่อน ทริปนี้เราได้รับอานิสงฆ์จากโปรหางแดงค่ะ มีสมาชิกร่วมเดินทางทั้งหมด 6 คน ส่วนโปรแกรมในการเดินทางครั้งนี้ 5 วัน 4 คืนค่ะ (5-9 พ.ย.) ซึ่งฟ้าฝนก็ไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่ ตามโปรแกรมที่เราวางไว้ก็จะมี ถ้ำภูผาเพชร-ล่องแก่งถ้ำเจ็ดคต-หลีเป๊ะ-ไอซ์โดม แต่ในเมื่อฟ้าฝนไม่เป็นใจ เพื่อนๆ ต้องรอติดตามชมนะค่ะ ว่าเราจะไปเที่ยวได้ครบตามโปรแกรมที่วางไว้รึเปล่า ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นเครื่องไปกันเลยค่ะ

**************************************************************

เราออกเดินทางไฟลท์ FD3131 กรุงเทพ-หาดใหญ่ เวลา 06.30 น. เครื่องไม่มีดีเลย์แต่อย่างใด ออกตรงเวลาเป๊ะ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชม. ก็ถึงสนามบินหาดใหญ่แล้วค่ะ

เมื่อถึงสนามบินแล้วเราก็ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้าม เพื่อขึ้นรถสองแถวสีฟ้า ไปลงที่คิวรถตู้ตลาดเกษตร ซื้อตั๋วรถตู้เพื่อไปลงที่หน้าวัดละงู รถของทางรีสอร์ทจะมารับเราที่หน้าวัดค่ะ นี่ค่ะหน้าตาที่พักของเราในคืนแรก ละงู ภูผา รีสอร์ท ค่ะ

บ้านพักของที่นี่อยู่ติดเขาเลยค่ะ ภายในบ้านพักก็จะมี แอร์ ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น บ้านพักที่นี่ก็มีหลายแบบ หลายราคานะค่ะ ทั้งบ้านพักเดี่ยวแบบที่เราพักในรูป และแบบเรือนแถวก็มีค่ะ ราคาก็ไม่แพง ส่วนพี่เจ้าของก็ใจดีสุดๆ ไปเลยค่ะ ดูแลพวกเราดีมากๆ

อ้อ...ลืมบอกไป ทริปนี้พวกเราเจอแต่ผู้คนใจดี น่ารักๆ ทุกคนเลยค่ะ เลยทำให้ทริปนี้เป็นทริปที่เราประทับใจมาก และจะเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไปเลยค่ะ

พี่เจ้าของที่นี่ ก็เป็นหนึ่งในความประทับใจของเราค่ะ ดูแลเราดีมากๆ พาพวกเราไปเที่ยวด้วยตัวเองเลย วันกลับก็ไปส่งเราที่ปากบารา แถมยังพาเราไปเที่ยวที่อุทยานเภตราอีกด้วย บริการประทับใจมากๆ เลยค่ะ

พอเรามาถึงที่พักแล้ว ก็จัดการเก็บสัมภาระ เตรียมลุยกันต่อเลยค่ะ เราจะไปเที่ยวถ้ำภูผาเพชร และล่องแก่งถ้ำเจ็ดคตกันค่ะ โดยพี่เจ้าของเป็นคนพาพวกเราไป และดูแลเราตลอดการเดินทางเลยค่ะ

นี่ค่ะภายในห้องพักของเรา ก็เรียบๆ นะค่ะไม่ได้หรูหราอะไร

เมื่อเก็บสัมภาระเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางไปถ้ำภูผาเพชรกันเลยค่ะ

จากข้อมูลที่เราได้มา ถ้ำภูผาเพชรแห่งนี้ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกเลยค่ะ

มาดูประวัติกันหน่อยนะค่ะ คุณไกด์บอกว่าถ้ำแห่งนี้เคยจมอยู่ใต้ทะเลทั้งหมด ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกจึงทำให้ถ้ำแห่งนี้ไม่ได้จมอยู่ใต้ทะเลอีกต่อไปค่ะ ถ้ำแห่งนี้ค้นพบโดยพระรูปหนึ่งค่ะ ท่านนั่งสมาธิแล้วเกิดนิมิตรเห็นถ้ำนี้ จึงได้พาชาวบ้านมาค้นหาถ้ำจนเจอถ้ำแห่งนี้ล่ะค่ะ

เมื่อทราบประวัติคร่าวๆ แล้วก็ลุยกันต่อค่ะ จำได้คร่าวๆ ว่าบันไดทางขึ้นประมาณ 300 กว่าขั้นนะค่ะ (ถ้าจำผิดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ) แต่ก็เหนื่อยเอาเรื่องๆ เหมือนกันนะค่ะ

ระหว่างทางเดินขึ้นถ้ำ ก็จะมีไฟฉายให้เช่าค่ะ อย่าลืม...เช่าไฟฉายไปกันด้วยนะค่ะ เดินขึ้นไปจนถึงปากถ้ำก็จะมีที่ให้นั่งพักกันค่ะ ไม่อยากจะบอกว่าเหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ยะ ขอนั่งพักหายใจแป๊ปนึงนะค่ะ

นั่งพักกันจนหายเหนื่อยแล้ว ก็เข้าไปสำรวจถ้ำภูผาเพชรกันได้เลยค่ะ มาดูสิว่าจะใหญ่แค่ไหน แต่ก่อนที่จะเข้าไปสำรวจถ้ำ ก็จะมีคนท้องถิ่นที่อาสามาเป็นไกด์อยู่หน้าถ้ำนะค่ะ เค้าไม่ได้เรียกร้องอะไร แล้วแต่เราจะให้ค่ะ ยังไงก็ช่วยสนับสนุนคนในพื้นที่กันหน่อยนะคะ

แต่มาเที่ยวถ้ำที่นี่ ยังไงก็ต้องใช้ไกด์นำทางนะค่ะ เพราะถ้ำมันใหญ่มาก ถ้าเราเข้าไปโดยไม่มีผู้รู้นำทาง อาจจะหลงทางได้ค่ะ เห็นไกด์บอกว่าเคยมีคนหลงอยู่ในนี้ 1 คืน ไม่อยากจะคิดเลยว่ามันน่ากลัวแค่ไหน

มาดูภายในถ้ำกันดีกว่าค่ะ ภาพถ่ายออกมาไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นะค่ะ นี่ขนาดว่าเราใช้ขาตั้งกล้องแล้วนะค่ะเนี่ยะ ทางเดินภายในถ้ำจะเป็นไม้ที่ชาวบ้านสร้างขึ้นมาเนี่ยะแหละ ยาวไปตลอดทางเลยค่ะ

ภายในถ้ำก็จะแบ่งเป็นห้องต่างๆ มากมาย มีชื่อเรียกต่างๆ กันไป ไกด์ท้องถิ่นก็จะคอยบอกเล่าไปเรื่อยๆ ค่ะ อยากรู้อะไรก็ถามคุณไกด์เค้าได้เลยค่ะ

ภายในถ้ำนี้ก็เหมือนถ้ำทั่วๆ ไป ก็มีหินงอกหินย้อย เป็นรูปแบบต่างๆ มากมาย แล้วแต่ใครจะจินตนาการเป็นอะไรนะค่ะ

ไปด้วยจร้า

ไกด์ก็จะเป็นคนนำทางเดิมชมความงามในถ้ำไปเรื่อยๆ ค่ะ คุณไกด์บอกว่าเราสามารถเดินชมได้แค่ 1 ใน 4 ส่วนของถ้ำนี้เท่านั้นค่ะ เพราะว่าถ้ำนี้ใหญ่มาก ถ้าจะเดินชมให้ทั่วต้องใช้เวลาหลายวันเลยล่ะค่ะ

ขนาดเดินชมแค่ 1 ใน 4 ส่วนนี่ เรายังใช้เวลาเดินกันตั้งเกือบ 3 ชม. แน่ะ

ตามมาเลยค่ะ คุณกันต์จัง
************************************************
อันนี้เป็นหินงอกหินย้อยภายในถ้ำค่ะ ซูมๆ หน่อยนะค่ะ จะได้ความระยิบระยับ สวยงามมากค่ะ

ไปด้วยคนค่ะ

หินงอกหินย้อยในถ้ำนี้นี่เยอะมากๆ ค่ะ ส่วนตัวแล้วเราก็เคยไปเที่ยวถ้ำมาบ้างแล้วนะค่ะ แต่ถ้ำนี่สุดยอดจริงๆ ค่ะ ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสมาอย่าลืมแวะมาเที่ยวที่นี่นะค่ะ

ตามมาเลยค่ะ คุณ BROWN STITCH
************************************************

เดินมาตามทางเรื่อยๆ ก็จะเจอลานกว้างๆ แบบนี้ล่ะค่ะ ใหญ่มากจริงๆ

นี่ยังไม่ถึงครึ่งทางเลยนะนั่น ต่อค่ะ คุณไกด์บอกว่าอันนี้มองแล้วคล้ายๆ ลานเวทีค่ะ เราว่าก็เหมือนนะค่ะ เวทีใหญ่มากซะด้วย

ตามมาเก็บข้อมูลครับ

เดินชมไป ไกด์ก็อธิบายไปเรื่อยๆ นั่นไงค่ะคุณไกด์เรา ผู้ชายที่ยืนอธิบายอยู่นั่นไงค่ะ พวกเราไปกันหลายคน แกก็เลยต้องคอยตอบคำตอบตลอดทางเลยล่ะ

ถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมถามได้นะค่ะ คุณ ลอยล่องคนเดียว
************************************************

ธรรมชาตินี่ช่างสร้างสรรค์สิ่งงดงามจริงๆ เลยนะค่ะ และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุนึงที่เค้าสันนิษฐานว่าถ้ำแห่งนี้เคยจมอยู่ใต้ทะเลค่ะ คุณไกด์บอกว่าลานหินนี้เกิดจากการไหลของน้ำ คล้ายๆ กับน้ำตกค่ะ เพื่อนๆ ว่าเหมือนไม๊ค่ะ

ระหว่างทางเดินที่ชาวบ้านสร้างขึ้นมา ก็จะเป็นหินรูปแบบต่างๆ ไปตลอดทางเดินเลยล่ะค่ะ

บางทีก็มีความระยิบระยับแบบนี้ค่ะ สวยเนอะ

เดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจอนี่ค่ะ แสดงให้เห็นถึงความใหญ่จริงๆ เลย ดูซิค่ะพอไปยืนเทียบแล้วคนเหลือตัวนิดเดียวเอง

ชัดๆ อีกสักรูปนะค่ะ

เดินไป ถ่ายรูปไป สำรวจถ้ำไป ปรากฎว่าฝนตกค่ะ เอาล่ะสิ !!! ล่องแก่งที่ตั้งใจไว้จะได้ไปล่องไม๊เนี่ยะ ถ้ำนี้มันใหญ่มากเดินจนเพลินเลยค่ะ มองดูนาฬิกานี่เราเดินมาเกือบ 3 ชม. แล้วนะเนี่ยะ ไม่น่าเชื่อเลย เดินจนลืมเวลาไปเลย

พอออกมาจากถ้ำ ฝนก็ตกกระหน่ำเลยล่ะค่ะ เอาไงล่ะทีนี้ ถ้ารอก็คงจะหมดโอกาสไปล่องแก่ง เอาว่ะ !!! ยังไงก็ต้องเปียกอยู่ดี ตัดสินใจเอากล้องใส่กระเป๋ากันน้ำที่พกมาด้วย เดินลงเลยค่ะ เปียกโซกกันไปเลย

แต่พอไปถึงที่ล่องแก่ง กลับเจอกระแสน้ำที่แรงมาก แล้วน้ำก็ขุ่นคล้ายๆ กับน้ำป่า พวกเราก็เลยตัดสินใจกลับค่ะ รักษาชีวิตตัวเองไว้ดีกว่า +555

ก็เลยกลับมาที่รีสอร์ทค่ะ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว พี่เจ้าของรีสอร์ทก็พาพวกเราก็ไปกินอาหารค่ำที่ร้านลานข้าวค่ะ

อันนี้เป็นภาพในสวนตอนกลางคืนที่หน้าบ้านพักเราเองค่ะ ถ่ายก่อนเข้านอนเพราะต้องเก็บแรงไว้สำหรับนั่งเรือไปหลีเป๊ะพรุ่งนี้ค่ะ

เที่ยงแล้ว...เราไปทานข้าวก่อนล่ะกัน เอาไว้จะกลับมาต่อ อุทยานเภตรา เกาะหลีเป๊ะ...มาดูสิว่าน้ำจะใสแค่ไหน แล้วก็ไอซ์โดมจะหนาวขนาดไหน ต้องคอยติดตามต่อนะค่ะ

ว้าว .... ไปเที่ยวกลับมาแล้วเหรอครับ ดีใจจังโพสคุยกันในนี้ก่อนเป็นเดือน ต่างคนต่างไปเที่ยวกลับมาก็รีวิวลงในนี้

แต่รู้สึก จขกท. จะไปเที่ยวได้ละเอียดกว่าผมนะเนี่ย งั้นขอตามไปเที่ยวด้วยกันครับ

เกาะจอรอชมทะเลสวยๆที่หลีเป๊ะครับ

มารอชมอีกหนึ่งคนเจ้า :)

เกาะจอด้วยคนครับบบ รอชมทะเลสวยๆ ๆๆๆ

คุณ ก้อนหินยอดดอย : เราก็ดีใจเหมือนกันค่ะ ในห้องมีมิตรภาพดีอีกเพียบค่ะ จริงมั้ย
คุณ ลุงแบกเป้ : เกาะขอบจอไปชมทะเลสวยๆ ด้วยกันเลยค่ะ
คุณ Tanny Cat : ขอบคุณค่ะ
คุณ สายลมแห่งวิงค์ : ตามมาเลยค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะสวยถูกใจรึเปล่าน๊า
************************************************

กลับมาต่อกันเลยดีกว่าค่ะ เดี๋ยวกระทู้จะหายซะก่อน +555

หลังจากคืนแรกที่เรานอนที่ละงู ภูผา รีสอร์ท นะค่ะ เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็ต้องไปขึ้นเรือ Speed Boat ที่ท่าเรือปากบารากันค่ะ โดยพี่เจ้าของรีสอร์ทก็เป็นคนไปส่งเราเองเลยค่ะ แต่ก่อนที่จะไปปากบารากัน พี่เค้าก็พาเราแวะไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา กันก่อนค่ะ เพราะเราขึ้นเรือรอบแรก 11.30 น. ดูจากเวลาแล้วพี่เค้าก็เลยพาเราไปเที่ยวกันก่อนค่ะ

เข้าไปชมวิวด้านในอุทยานกันก่อนนะค่ะ ทางเดินก็ชิวดีค่ะ เราสังเกตุเห็นว่าที่อุทยานนี้มีบ้านพักด้วยนะค่ะ ถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจก็ลองติดต่อดูล่ะกันนะ

มา มะ...เข้าไปดูสิว่าวิวจะสวยแค่ไหน

เดินมาตามทางเดินเลาะทะเลมาเรื่อยๆ ไม่ไกลค่ะ ก็จะเจอทางขึ้นไปชมวิว เดินขึ้นไปนั่งเล่น ชมวิวด้านบนได้ตามสบายเลยค่ะ เป็นเหมือนศาลาเล็กๆ ค่ะ เมื่อมองลงมาด้านล่างวิวก็จะเป็นแบบนี้

ที่อุทยานแห่งนี้คนไม่เยอะนะค่ะ เห็นพี่เจ้าของรีสอร์ทบอกว่าที่คนไม่นิยมมาเล่นน้ำที่นี่ เพราะว่าที่นี่เป็นหาดโคลนน่ะค่ะ

หลังจากเดินเล่นชมวิวกันไปแล้ว เราก็ให้พี่เค้าไปส่งที่ปากบาราเพื่อไปรับตั๋วขึ้นเรือที่จองไว้ก่อนหน้านี้แล้วค่ะ เราจองเรือรอบแรก 11.30 น. ไว้ค่ะ ช่วงเวลาที่เราไปหลีเป๊ะ เค้ายังไม่มีโป๊ะสำหรับต่อเรือนะค่ะ เรือก็เลยไปส่งเราที่หน้าหาดเลยค่ะ ประหยัดไปอีกคนละ 50.- ^_^

แนะนำนะค่ะ เราว่ากินยาแก้เมากันไปก่อนดีกว่าค่ะ ถึงเราจะมั่นใจว่าเราไม่เมาเรือ แต่กันไว้ดีกว่าแก้นะค่ะ เพราะว่านั่งเรือประมาณ 2 ชม. กว่าๆ เลยล่ะ

ระหว่างทางเรือจะแวะที่เกาะไข่ค่ะ แต่น่าเสียดายเพราะช่วงเวลาที่เราไปน้ำลงค่ะ เรือจึงไม่จอดให้ลง แค่จอดไกลๆ ให้ถ่ายรูปเท่านั้นเองอ่ะ

เมื่อเรือจอดให้ถ่ายรูปที่เกาะไข่แล้ว ก็จะแวะส่งนักท่องเที่ยวที่เกาะตะรุเตาก่อนค่ะ หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าสู่หลีเป๊ะกันเลย เสียดายวันที่เราไปฟ้าช่างไม่สดใสเอาซะเลยเนอะ ทริปนี้จะได้เจอแดดกับเค้าบ้างไม๊เนี่ยะ เพื่อนๆ ต้องคอยติดตามนะค่ะ

เนื่องจากเรากินยาแม้เมาไปก่อน จึงหลับๆ ตื่นๆ ตลอดทาง ตื่นมาอีกทีก็ถึงหลีเป๊ะแล้วค่ะ โชคดีมากที่เรือเค้าจอดที่หน้าหาดที่เราพักพอดี เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงที่พักสำหรับคืนแรกแล้วค่ะ Lipe Power Beach Resort ค่ะ

มาดูที่พักสำหรับคืนนี้กันดีกว่าค่ะ ติดชายหาดเลยค่ะ อยู่หาดเดียวกับเม้าท์เท่นค่ะ ตอนกลางคืนเงียบสงบมาก ต่างจากหาดพัทยาโดยสิ้นเชิง ถ้าเพื่อนๆ คนไหน อยากมาสัมผัสธรรมชาติแบบเงียบสงบแล้วล่ะก็ เราแนะนำที่หาดนี้เลยค่ะ

มาดูบรรยากาศรอบบ้านพักกันดีกว่าค่ะ บ้านพักที่นี่จะเหมือนกันหมดทุกหลังค่ะ ต่างกันแค่ Location เท่านั้นค่ะ มีบ้านพักที่ติดหาดทั้งหมด 3 หลัง นอกนั้นก็จะเรียงรายก็แบบในภาพนี้แหละค่ะ

ส่วนเราได้บ้านพักแถวที่ 3 ค่ะ ซึ่งเราจองไว้ทั้งหมด 3 หลัง Request ขอห้องติดกันไว้ค่ะ ก็ได้ตามที่ขอค่ะ

รีสอร์ทนี้ เห็นคนที่ดูแลบอกว่าเพิ่งเปิดใหม่นะค่ะ ภายในห้องพักก็จะมี แอร์ ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น แต่เตียงนอนนี่เราชอบมากค่ะ นอนสบายมากๆ แต่แอร์ของที่นี่เปิดเป็นเวลานะค่ะ ช่วง 4 โมงเย็น - 10 โมงเช้า ค่ะ อีกอย่างนะค่ะอันนี้เราว่าสำคัญ ห้องน้ำภายในบ้านพักไม่มีกลอนนะค่ะ เป็นประตูบานเลื่อนไม้ ล็อคไม่ได้น๊า

มาค่ะ...เข้ามาดูภายในห้องกันดีกว่าค่ะ เป็นไงค่ะเตียงใหญ่พอไม๊ค่ะ

มาดูชายหาดหน้ารีสอร์ทกันดีกว่าค่ะ ว่าวิวจะเป็นยังไง

อันนี้เป็นมุมจากห้องอาหารค่ะ จะมองเห็นสระว่ายน้ำ และบ้านพักติดชายหาดค่ะ ถ้าวันนั้นแดดดีๆ ภาพคงจะออกมาสวยกว่านี้ เสียดายจัง

หลังจากเดินสำรวจรอบๆ ที่พักแล้ว เราก็นอนเอาแรงกันก่อนค่ะ พอเย็นๆ ก็ออกไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินกันค่ะ จากรีสอร์ทเดินไปถนนคนเดินไม่ไกลนะค่ะ สบายมากค่ะ

เดินเล่นกันในถนนคนเดิน หาอาหารเย็นทานที่นี่เลยก็ได้นะค่ะ สะดวกดี เราว่าบนเกาะนี้ยังธรรมชาติมากๆ นะ ส่วนใหญ่เวลาเราไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ จะมีพวกร้านขายของที่ระลึก ขายเสื้อ โปสการ์ด อยู่ค่อนข้างเยอะ แต่ที่หลีเป๊ะนี่ เราว่าร้านค้าน้อยมากเลยอ่ะ เอ๊ะ !!!...หรือว่าเราไม่ได้ไปช่วย Peak

แต่ถ้าใครไปถนนคนเดิน เราแนะนำให้ไปซื้อขนมปังร้านนี้นะค่ะ อร่อยมาก ถ้าไปซื้อหลัง 6 โมงเย็นเค้าลดราคาตั้ง 30% แน่ะ ชื่อ Bakery อะไรสักอย่างอ่ะ จำไม่ได้ แย่จัง!!!

แต่เราจำทางได้นะ พอเพื่อนๆ เดินมาจนเจอแยกถนนคนเดินตามรูป คห.37 ให้เพื่อนเลี้ยวซ้ายนะค่ะ แล้วเดินตรงไปเรื่อยร้านจะอยู่ขวามือค่ะ เป็นร้านขายขนมแล้วก็เป็นที่พักด้วยค่ะ

หลังจากเดินเล่น ทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว ก็เดินกลับรีสอร์ทค่ะ ระหว่างทางเดินนี่ค่อนข้างมืดนะค่ะ ถ้ายังไงพกไฟฉายติดตัวไปด้วยก็ดีนะค่ะ คืนนี้เราต้องรีบเข้านอนค่ะ เพราะพรุ่งนี้เรามีนัดกับลุงแวไปดำน้ำรอบนอกกันค่ะ

เช้าแล้ว...เรือลุงมาจอดรอที่หน้ารีสอร์ทแต่เช้าแล้วค่ะ เรายังไม่ได้ทานอาหารเช้ากันเลย ลุงก็น่ารักมากค่ะ ไม่ได้รีบร้อนอะไร ให้พวกเราทานอาหารกัน แล้วลุงก็ขนกระเป๋าพวกเราขึ้นเรือ เพื่อเอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่เม้าท์เท่น รีสอร์ทที่เราจะพักกันในเวลาที่เหลืออีก 2 คืนค่ะ

ทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็ขึ้นเรือเอากระเป๋าไปเก็บที่เม้าท์เท่นกันก่อนเลยค่ะ Bye Bye นะ Lipe Power Beach Resort

ไปค่ะเอากระเป๋าไปเก็บกัน เวลาอีก 2 คืนที่เหลือนี่เราจะพักกันที่ เม้าท์เท่น รีสอร์ทค่ะ เราจองห้อง Deluxe ริมหน้าผาไว้ค่ะ ซื้อ voucher มาจากงานไทยเที่ยวไทยค่ะ ขอบอกว่าวิวสุดยอดมากกกกกกก

ถึงแล้วค่ะ เม้าท์เท่น รีสอร์ท

เราเอากระเป๋าฝากไว้ที่ Front แล้วก็ออกไปดำน้ำรอบนอกกันก่อนค่ะ แล้วค่อยกลับมาเข้าห้องทีหลัง เพราะแขกที่พักอยู่ก่อนยังไม่ได้ Check Out งั้นไปดำน้ำกันก่อนนะค่ะ

จุดแรกค่ะ หินซ้อน จุดนี้เราไม่ได้ดำน้ำนะค่ะ ไปถ่ายรูปหินซ้อนอย่างเดียวค่ะ

ถ่ายรูปที่หินซ้อนเสร็จแล้ว เราก็ไปดำน้ำกันต่อค่ะ เสียดายที่เราไม่มีกล้องถ่ายรูปใต้น้ำ ปะการังที่หลีเป๊ะนี่ถือว่ายังสวยอยู่มากนะค่ะ เมื่อเทียบกับที่กระบี่

หลังจากที่ดำน้ำกันไป 1 จุด ลุงแวก็พาเราไปแวะทานอาหารเที่ยงที่เกาะรอกลอยค่ะ อาหารนี่เราต้องสั่งใส่กล่องมาเองนะค่ะ พวกเราตุนเสบียงและน้ำดื่มมาจากปากบารากันเพียบเลยค่ะ เพราะหาข้อมูลมาว่าน้ำดื่มที่เกาะแพงมาก แล้วก็แพงจริงๆ ด้วยค่ะ ดีนะที่เราได้รับข้อมูลดีๆ จากเพื่อนๆ ในห้องนี้

มาดูบรรยากาศที่เกาะรอกกลอยกันดีกว่าค่ะ

เป็นไงค่ะ เริ่มเห็นน้ำทะเลใสๆ แล้วใช่ม๊า แต่ก็เนอะท้องฟ้าก็ยังไม่เป็นใจสำหรับการดำน้ำวันแรกอยู่ดี ^_^

เนื่องจากวันที่เราไปดำน้ำ เป็นวันที่ 7-8 พ.ย. ซึ่งตรงกับวันจันทร์ และวันอังคาร เลยทำให้นักท่องเที่ยวน้อยมาก เราว่าดีนะเหมือนเกาะนี้เกาะของพวกเราเลยล่ะ

นี่ค่ะมุมนั่งทานอาหารกลางวันของพวกเราที่เกาะรอกลอย สวยม๊า

ทานอาหารกันเสร็จแล้ว ก็มาเก็บภาพสวยๆ ที่เกาะรอกลอยกันเลยค่ะ เริ่มจากมุมมหาชนเลยก็แล้วกัน

มาถึงทะเลสวยๆ ทั้งที จะขาดภาพ Action นี้ได้ยัง จริงม๊า

เนื่องจากเราเช่าเรือมากันเอง จึงขออยู่ที่เกาะนี้นานหน่อย เพราะว่ามันสวยมากจริงๆ บรรยากาศสวยๆ ก็ทำให้คนอารมณ์ดี กลับมาเล่นกันเป็นเด็กอีกครั้ง +555

ข้อดีของการมาเที่ยววันธรรมดาก็ดีอย่างนี้นี่เอง ส่วนตัวสุดๆ ทั้งเกาะมีเรือแค่ 2 ลำจริงๆ แล้วก็ไม่ได้เข้าเกาะตรงกัน เรากินข้าวเสร็จแล้วเรืออีกลำเพิ่งจะเข้าจอด ไม่อยากจะบอกเลยว่า อยากจะหยุดเวลาไว้ที่เกาะรอกลอยนี่จริงๆ เลย

ขอแก้ไขภาพจากมุมมหาชนจาก คห.44 หน่อยนะค่ะ เห็นภาพแล้วก็อยากกลับไปที่นี่อีกจัง

นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมี มีแต่พวกเราเนี่ยะแหละ อยากทำอะไรก็ทำไปเลย วิ่งเล่นกันให้เต็มที่ไปเลย

ไม่ต้องแคร์สายตาใคร ก็เพราะว่ามันไม่มีใครเลยจริงๆ

หลังจากย้อนเวลากลับไปเล่นกันแบบเด็กที่เกาะรอกลอยพักใหญ่ๆ แล้ว ก็ขึ้นเรือไปดำน้ำกันต่อค่ะ

ความใสของน้ำระหว่างทางที่จะไปดำน้ำค่ะ ใสจิง ไรจิง

ยืนยันความใสชัดๆ อีกสักภาพนะค่ะ

ตามไปด้วยนะคะ

จุดดำน้ำต่อไป ที่ลุงแวพาไป ก็จะเป็นชายหาดค่ะ กว้างมาก จำชื่อหาดไม่ได้แล้ว แต่จำได้ว่าลิงที่หาดนี้เยอะมากๆ แล้วก็เหมือนเดิมค่ะ มีเรือแค่ 2 ลำเท่านั้น เหมือนเกาะส่วนตัวเลยล่ะ

หลังจากเรือจอดแล้ว พวกเราก็ลงเลยค่ะ เหมือนเดิม วิ่งเล่น ดำน้ำ เล่นกันเป็นเด็กๆ จะบอกว่าทริปนี้มีความสุขสุดๆ

ลุงแวก็ใจดีมากค่ะ ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี พอเรือจอดปุ๊ป เกือบทุกที่ ลุงจะรีบลงไปดำหาพวกปลาแปลกมาให้พวกเราดูกันค่ะ แถมบางทีถ้าเจอคลื่นแรงๆ พวกเราว่ายกันไม่ค่อยไป ลุงแวก็ให้พวกเราจับห่วงยาง แล้วลุงก็จะเป็นคนลากพวกเราไปดูปะการัง แล้วก็ปลาเองค่ะ สุดยอดมาก ลุงไม่ใส่ชูชีพด้วยอ่ะ เจ๋งสุดๆ แข็งแรงมากๆ สามารถลากลูกหมูแบบพวกเราไปได้ +555

นี่ก็เป็นปลาปักเป้า ที่ลุงแวจับมาให้ค่ะ น่ารักเนอะ ลุงให้พวกเราลองจับกันด้วยค่ะ สอนทุกอย่าง ทั้งวิธีการจับ พอจับมาให้พวกเราถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว ลุงก็ยังว่ายน้ำเอาไปปล่อยให้อีกตั้งหาก เจ๋งไม๊ล่ะ

คุณ หนูไม่รู้จริงๆว่าจะชื่ออะไร : ตามไปเที่ยวด้วยกันเลยค่ะ
************************************************

ปกติเวลาเราไปเที่ยว จะไปช่วงวันหยุดยาว ซึ่งนักท่องเที่ยวก็จะเยอะตามไปด้วย แต่ทริปนี้ไปวันธรรมดา ชักจะติดใจแล้วล่ะ มันได้อารมณ์มากกว่ากันเยอะเลยอ่ะ อยากทำไรก็ทำ นอนเล่นถ่ายรูปเกลือกกลิ้งตามใจกันไปเลย

หลังจากที่ลุงเอาปลาปักเป้าไปปล่อยแล้ว ลุงก็ได้เจ้าหนอนทะเลนี่กลับมา 2 ตัวค่ะ ตอนแรกเราก็ไม่กล้าจับหรอกค่ะ แต่ลุงบอกว่าจับได้ มันไม่กัด ลุงแวบอกว่าให้ลองเอามือแตะๆ ดูก่อนก็ได้ เราก็เลยลองดูค่ะ เออ...จิงแฮะ ตัวมันนิ่มๆ ธรรมดาค่ะ ไม่ลื่นด้วย จากนั้นก็จับมาถ่ายรูปด้วยซะเลย

ชัดๆ อีกสักรูปนะค่ะ หนอนทะเล

เอาล่ะค่ะ หลังจากถ่ายรูปเล่นกับปักเป้า แล้วก็หนอนทะเลกันไปแล้ว เราก็ไปดำน้ำอีก 1 จุดค่ะ แค่มองผิวน้ำก็เห็นปะการังแล้วล่ะค่ะ น้ำใสม๊ากกก

หลังจากดำน้ำจุดนี้เสร็จแล้ว เราก็ไปแวะกันต่อที่เกาะหินงามค่ะ หินที่นี่เวลาโดนน้ำแล้วเงางามสวยจริงๆ ค่ะ

หินที่เราจับอยู่น่ะ เราว่ามันก็คล้ายๆ รูปหัวใจอยู่นะ เพื่อนๆ ว่าไม๊ค่ะ หรือว่าเราจินตนาการไปเอง

เมื่อหินโดนน้ำ แล้วเงามากเลยอ่ะ ไม่เชื่อก็ดูนี่สิ

มาถึงเกาะหินงามทั้งที ก็ต้องมาเรียงหินเป็นชั้นๆ กันใช่ไม๊ค่ะ มาเป็นคู่ ก็ต้องช่วยกันเรียงเนอะ

เอาล่ะ...กว่าจะเรียงหินเสร็จ ก็เย็นพอดี กลับรีสอร์ทกันดีกว่าค่ะ ยังไม่ได้เอากระเป๋าเข้าไปเก็บที่ห้องเลย ขากลับอยากจะบอกว่าคลื่นจะสูงไปไหนค่ะ สุดยอดมาก ดีนะที่เป็นแค่ช่วงเย็น ไม่งั้น.......... (ไม่อยากจะคิด)

บรรยากาศ ชายหาดหน้ารีสอร์ทตอนเย็นค่ะ

วันนี้เราดำน้ำกันเพลียมากค่ะ กว่าจะกลับถึงรีสอร์ทก็เย็นแล้ว วันนี้เราเลยตัดสินใจกันว่าจะทานอาหารเย็นที่รีสอร์ทก็ล่ะกันค่ะ

แล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ อาหารที่เม้าท์เท่นอร่อยมากค่ะ พวกเราติดใจก็เลยฝากท้องตอนเย็นไว้ที่นี่ทั้ง 2 คืนเลยล่ะค่ะ ถ้าเพื่อนๆ คนไหนไปพักเม้าท์เท่น ก็อย่าลืมทานอาหารเย็นที่รีสอร์ทด้วยนะค่ะ

อาหารอร่อย แล้วก็วิวสวยมากค่ะ ภาพนี้เป็นวิวจากระเบียงตรงห้องอาหารค่ะ เราเลือกนั่งที่ระเบียงด้านนอก วันนี้พระจันทร์สวยจังค่ะ

ระเบียงนี้แหละค่ะ ที่เรานั่งทานอาหารเย็นกัน ชิวสุดๆ ไปเลย

อ้าว...พูดถึงวิวซะเพลิน ลืมพาเพื่อนๆ เข้าไปชมห้องกันเลยค่ะ มาค่ะ...ตามมาเลย ห้องที่เราพักเป็นห้อง Deluxe ติดริมหน้าผา โซนใหม่ค่ะ

ภายในห้องพักก็ถือว่ากว้างอยู่เหมือนกันนะค่ะ ส่วนห้องน้ำก็จะแบ่งเป็น 2 ห้อง เป็นห้องอาบน้ำ กับห้องทำธุระค่ะ แยกกันอย่างชัดเจนค่ะ อุปกรณ์ภายในห้องพักก็จะมี แอร์ ทีวี ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า ไดร์เป่าผม และที่สำคัญมีระเบียงที่มีวิวสวยสุดยอดด้วยค่ะ

มาดูเตียงนอนกันก่อนเลยดีกว่า สำหรับเราๆ ว่านอนสบายนะ แต่คุณสามีบอกว่าปวดหลัง แต่ก็เป็นธรรมดาค่ะ สามีเรานอนที่นอนนิ่มๆ ไม่ได้อยู่แล้ว

ภายในห้องอีกสักรูปนะค่ะ จากภาพนี้จะประตูกระจกที่เป็นบานเลื่อนอยู่ ด้านหลังบานเลื่อนนั้น ถ้าหันหน้าเข้าบ้านเลื่อนกระจก ด้านซ้ายก็จะเป็นห้องอาบน้ำ ส่วนด้านขวาก็จะเป็นห้องทำธุระค่ะ มีกำแพงกั้นระหว่าง 2 ห้องด้วย จะได้ไม่ต้องแยกกันเนอะ

มาดูวิวนอกระเบียงกันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในห้องพักจะมีระเบียงให้นั่งเล่นค่ะ กว้างอยู่เหมือนกัน นอกระเบียงก็จะมีเก้าอี้หวาย กับที่นอนเล่นแบบนี้แหละค่ะ เราสามารถนั่งอยู่ได้เป็นวันๆ เลยล่ะค่ะ เพราะวิวสวยมาก

หลังจากทานอาหารเย็นที่รีสอร์ทเรียบร้อย ก็สลบกันเป็นตายเลยล่ะค่ะ พรุ่งนี้เราก็ไปดำน้ำรอบในกันต่อค่ะ ที่นอนน่านอนไม๊ค่ะ

คืนนั้น นอนหลับเป็นตายไม่รู้เรื่องเลย ตื่นเช้าฝนตก คิดว่าจะไม่ได้ไปดำน้ำซะแล้ว ดูจากมุมนั่งเล่นตรงระเบียงยังเปียกฝนอยู่เลย แต่ก็ถือว่าฟ้ายังเข้าข้างนะค่ะ ฝนเริ่มหยุดแล้วแดดก็เริ่มออกตอนประมาณ 8 โมงเช้าค่ะ วันนี้เรานัดกับลุงแวไว้ตอน 9 โมงเช้าค่ะ

รอชมต่อครับ

ติดตามตอนต่อไปได้ที่กระทู้นี้นะค่ะ

รีวิวสนุก  กำลังตามไปเที่ยวอีกนะคะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ

สวยค่ะ

เพิ่งไปพักที่เม้าเท่นรีสอร์ตมาเหมือนกันค่ะ

คิดถึงหลีเป๊ะจัง :)

สวยครับ ขอบคุณรีวิวด้วยครับ

เห็นแล้วน่าสนุก

รับไปสามกีบ

...


น้องเซ้นต์บอกว่า........


ปลาปักเป้า น่ารักมากกกกกกกกกก

แต่หนอนทะเล อึ๋ยยยยยยยย



...

...........


กำลังสนุกเลยฮ่า

..