สวัสดีครับ ต้อนรับสู่เช้าวันใหม่ในเมืองยุคกลางที่สวยที่สุดของเยอรมนี ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายแล้วนะครับสำหรับรีวิว (แรกของตัวเอง) ชุดนี้ ถึงแม้ว่าผมจะยังอยู่ที่นี่ต่ออีกวัน แต่ก็ขอรวบยอดมาไว้รวมกันในตอนเดียวเลยนะครับ

เมื่อวานเราได้เห็นโรเทนบวร์ก ออบ แดร์ เทาเบอร์ Rothenburg ob der Tauber ปราการสีแดงเหนือแม่น้ำเทาเบอร์ ยามค่ำคืนกันแบบเต็มๆไปแล้ว ซึ่งรูปอาจจะมีสั่นมีเบลอไปบ้าง คงไม่ว่ากันนะครับ เช้าวันนี้ผมจะพาทุกคนไปเดินเที่ยวโรเทนบวร์กกันอีกครั้ง พร้อมกับการช้อปปิ้งส่งท้ายที่เมืองแห่งนี้ครับ

หน้าจั่วแบบเยอรมันแท้ๆ กับป้ายเหล็กของโรงแรมที่เราพัก

เรื่องราวของวันก่อนๆครับ
Day 1 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11278778/E11278778.html
Day 2 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11279326/E11279326.html
Day 3 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11280453/E11280453.html
Day 4 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11300921/E11300921.html
Day 5 Part 1 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11306493/E11306493.html
Day 5 Part 2 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11326573/E11326573.html
Day 6 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11335804/E11335804.html

อัศวินผู้ฆ่ามังกร
หากค่อยๆเดินชมเมืองไปเรื่อยๆ เราก็จะพบเห็นกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของสถาปัตยกรรม และตึกรามบ้านช่องของที่นี่ อย่างนี้จะไม่ทำให้หลงรักเมืองนี้ได้อย่างไรครับ

ที่แรกที่เราเดินมาชมก็คือโบสถ์เซนต์จาคอปส์ Saint Jakobs Kirche ที่เป็นภาพปิดท้ายกระทู้ที่แล้ว โบสถ์โกธิคหลังใหญ่แห่งโรเทนบวร์กแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1311 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 1485

ภายนอกโบสถ์ทางด้านทิศใต้ มีงานแกะสลักรูประเยซู พร้อมด้วยอัครสาวกที่กำลังนอนหลับ ที่น่าลองเดินไปชม

ภายในโบสถ์ความน่าสนใจอยู่ที่แท่นบูชาไม้แกะสลักเก่าแก่ที่มีความละเอียดและสวยงามถึง 3 แท่น แต่ว่าต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 2 EURO ตอนที่ไปไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน แต่เห็นว่าต้องเสียค่าเข้าด้วยก็เลยไม่ได้เข้า T _ T

อาคารหลังหนึ่งใกล้ๆกับโบสถ์มีนาฬิกาแดดแบบโบราณให้ดูด้วย ขณะนี้เวลา… อ่านไม่ออก ใครทายถูกมีรางวัลให้ 555

ป้ายเหล็กดัดสะท้อนแดดเป็นประกาย เจ้าขนมขดๆ ที่เรียกว่าเพรทเซล Pretzel นั้น เห็นปุ๊บก็นึกถึงเยอรมันปั๊บ เนื่องจากเป็นขนมที่เป็นที่นิยมของเยอรมนี โดยเฉพาะทางตอนใต้ เห็นแล้วก็อยากกิน Auntie Annes ขึ้นมาเลย

เช้านี้เราปล่อยอิสระครับ ใครอยากเดินเที่ยว อยากซื้อของ อยากเข้าพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ก็เลือกได้ตามใจชอบ แล้วให้มาพบกันที่รถตอน 11 โมงครึ่ง

ส่วนตัวผมเองก็มีหน้าที่พากรุ๊ปไปส่งยังจุดต่างๆที่เขาอยากไป หลังจากนั้นก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ แวะเข้าร้านโน้นบ้างร้านนี้บ้าง ได้ของกลับไปฝากเพื่อนที่ออฟฟิต และเพื่อนฝูงครบทุกคนก็เป็นอันโอเค

ที่เห็นอยู่นี้คือหอคอยสีขาว ไวส์เซอทวร์ม Weisserturm หอคอยนาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดของโรเทนบวร์ก สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 12 เป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเก่าชั้นในของเมือง ถนนเส้นนี้สามารถตรงไปออกประตูและหอคอยชั้นนอก ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองได้

ถัดลงมาทางตอนใต้ของหอคอยสีขาว ก็จะพบกับหอคอยนาฬิกาอีกแห่งหนึ่ง คือ หอคอยมาร์คัส Markus-Tower ที่สร้างขึ้นพร้อมกัน เป็นประตูเมืองชั้นในก่อนที่จะไปถึงประตูและหอคอยชั้นนอกทางทิศตะวันออกของเมือง

รูปนี้ขอยืมมาจากครั้งที่มาโรเทนบวร์กหนแรกเมื่อ 2 ปีก่อนครับ

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าโรเทนบวร์กก็ถูกใช้เป็นฉากในการถ่ายทำภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับยุคกลาง หรือนิทานแฟนตาซีต่างๆ หลายเรื่องนะครับ รวมทั้งมหากาพย์ภาพยนตร์สุดฮิตอย่างแฮรี่ พอตเตอร์ ตอนสุดท้าย ได้แก่ Harry Potter and the Deathly Hallows ทั้ง Part 1 และ Part 2 ด้วย

ผมเองก็เพิ่งมารู้ตอนนี้เขียนรีวิวนี่แหละครับ

แทรกจากการรีวิว
เห็นเค้าบอกว่าเป็นฉากที่พ่อมดคู่ปรับของดัมเบิลดอร์ แกลเลอร์ท กรินเดิลวาล์ด แอบมาขโมยไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ไปเป็นของตัวเอง

คิดว่าจะเป็นฉากแถวๆนี้ล่ะครับ

ใครชอบโรเทนบวร์ก และอยากได้โรเทนบวร์กกลับไปที่บ้านด้วย ต้องแวะที่ร้านนี้ครับ บ้านทุกหลัง อาคารทุกแห่ง รวมทั้งหอคอยและโบสถ์ ต่างจำลองแบบมาจากของจริงทั้งสิ้น สวยงามเหมือนต้นแบบไม่ผิดเพี้ยน
ถามว่าอยากได้ไหม ตอบว่าอยากครับ แต่ถ้าเอากลับมาอันเดียวมันก็ดูไม่เป็นเมือง เกิดจะเอากลับมาทั้งเมืองก็ดูจะไม่ไหว สรุปเลยขอเจ้าของร้านถ่ายรูปกลับมาไว้เชยชมแทน

จุดศูนย์กลางของเมืองได้แก่ Market Square ที่โดดเด่นด้วยศาลาว่าการเมือง Town Hall และศูนย์บริการนักท่องเที่ยว พร้อมด้วยนาฬิกาคุกคู ที่ได้พามาชมแล้วตั้งแต่เมื่อวาน

ตอนแรกผมเข้าใจว่าศาลาว่าการเมืองจะหมายถึงอาคารสไตล์เรอเนสซองส์หลังงามด้านหน้า Market Square เพียงหลังเดียว แต่จริงๆแล้วอาคารสีขาวสไตล์โกธิคที่มีหอคอยสูงเด่นที่อยู่ติดกันก็คือส่วนหนึ่งของศาลาว่าการเมืองเช่นกัน หากแต่เป็นอาคารที่สร้างขึ้นก่อนตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของเมือง

ปัจจุบันอาคารสีขาวถูกใช้เป็นสถานที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ และวีถีชีวิตความเป็นอยู่ในอดีต ตั้งแต่ยุคสงคราม 30 ปี (1618-1648) ผ่านข้าวของเครื่องใช้ และหุ่นขี้ผึ้งที่ดูจะห่างไกลกับความเหมือนจริง แถมยังดูน่ากลัวๆอีกด้วย แต่ถ้าใครสนใจก็เชิญได้ (ค่าเข้าชม 2 EURO)

เราสามารถขึ้นไปชมโรเทนบวร์กจากมุมสูงบนหอคอยงาช้างสีขาวได้เช่นกัน เตรียมเงิน 2 EURO ไว้แล้วก็ลุยได้เลย

ตรงข้ามกับ Market Square คือบ่อน้ำเซนต์จอร์จ Georgsbrunnen หรือ St. George's Fountain และอาคารเก่าแก่อีกสองหลังของโรเทนบวร์ก

อีกหนึ่งร้านที่มีเอกลักษณ์และมีชื่อเสียงของโรเทนบวร์กก็คือ ร้านเทดดี้โรเทนบวร์ก Teddy Rothenburg ร้านที่ขายเฉพาะตุ๊กตาสัตว์ต่างๆ แต่เน้นไปที่ตุ๊กตาหมีเป็นหลัก ตั้งอยู่หัวมุมถนนใกล้กับ Market Square

หากใครยังไม่เห็นร้าน ให้ลองมองตามฟองสบู่ไปล่ะกันครับ น้องหมีเขากำลังเรียกหาอยู่

ตุ๊กตาหมี หรือที่เราเรียกกันติดปากว่าเท๊ดดี้แบร์ Teddy Bear แท้จริงแล้วมีต้นกำเนิดที่เยอรมนี (ขณะที่ทางอเมริกาที่มีการประดิษฐ์ตุ๊กตาหมีขึ้นมาในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ที่อเมริกาเป็นที่แรกที่ให้ชื่อกับของเล่นชิ้นนี้ว่าเท๊ดดี้แบร์) ตั้งแต่ปี 1903 โดยบริษัทผลิตของเล่นและตุ๊กตาที่ชื่อ สตีฟ Steiff ที่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นผู้ผลิตตุ๊กตาหมีรายใหญ่ของเยอรมนีอยู่

สวรรค์สำหรับคนรักตุ๊กตาหมีแห่งนี้ มีน้องหมีให้เลือกมากมายหลากชนิดและยี่ห้อ (รวมทั้งยี่ห้อสตีฟด้วย) มีทั้งหมีน้ำตาล หมีแพนด้า หมีขาว (มีเจ้าคนุต หมีขาวที่โด่งดังของเยอรมนีที่เพิ่งตายไปด้วย) แต่เตือนไว้ก่อนนะครับว่าราคาแต่ละตัวไม่ธรรมดาเลย โดยเฉพาะของยี่ห้อสตีฟ ที่บางตัวราคาเป็นร้อยยูโรทีเดียว

ตัวอื่นไม่อยากได้ อยากได้ตัวที่อยู่หน้าร้านอ่ะ

ใครที่มาโรเทนบวร์กแล้วไม่ได้แวะเข้าร้านของคาทเต้ โวล์ฟาร์ท Kathe Wohlfahrt ก็นับว่าน่าเสียดายนะครับ เพราะร้านนี้กลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของโรเทนบวร์กไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีร้านสาขากระจายอยู่ในหลายเมืองของเยอรมนี แต่อย่าลืมว่าที่นี่เป็นร้านใหญ่นะครับ

มองหาร้านสีส้มที่มีรถบรรทุกของขวัญคันสีแดงจอดอยู่หน้าร้านนะครับ

ในส่วนของพิพิธภัณฑ์คริสต์มาส หรือ Weihnachtsmuseum ก็จะอยู่ด้านในของร้าน (ค่าเข้าชม 4 EURO) ซึ่งที่นี่เราจะพบกับคอลเล็กชั่นของของประดับที่เกี่ยวกับคริสต์มาส ตั้งแต่ของประดับต้นคริสต์มาส โคมไฟ เชิงเทียน และซานต้าครอส

อย่างที่บอกไปเมื่อตอนที่แล้วว่า แค่การเข้าชมร้านของคาทเต้ โวล์ฟาร์ท ที่ชั้นล่าง ก็เพียงพอที่จะทำให้เราเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศคริสต์มาส ถึงแม้ว่ามันจะยังมาไม่ถึงก็ตาม

รูปนี้ทำให้เห็นถึงความหลากหลายของบรรดาตุ๊กตาไม้ที่เรียกว่า Incense Smokers สินค้าของคาทเต้ โวล์ฟาร์ทเช่นเดียวกัน แต่ให้สังเกตที่ราคาข้างๆด้วยนะครับ แต่ละตัวไม่ใช่ถูกๆเลย

ทุกคนในกรุ๊ปจากลาโรเทนบวร์กมาด้วยความประทับใจ ทั้งประสบการณ์และของที่ได้ติดไม้ติดมือมา นับเป็นการส่งท้ายทริปท่องเที่ยวของพวกเขาอย่างสวยงามก่อนกลับเมืองไทย

ผมกับคุณลุงมาส่งกรุ๊ปที่สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต อัม ไมน์ Frankfurt am Main International Airport เมื่อร่ำลากันเสร็จ คุณลุงก็ขับรถมุ่งตรงกลับบ้านที่เมืองออพเพนไฮม์ Oppenheim ทางตอนใต้ของแฟรงก์เฟิร์ต

ระหว่างทางเราจะพบกับไร่องุ่นอยู่บนเนินเขา และที่ราบกว้าง เพราะว่าเมืองออพเพนไฮม์นั้นขึ้นชื่อเรื่องไวน์มาเป็นเวลานาน และเป็นแหล่งปลูกองุ่นแหล่งใหญ่บริเวณลุ่มแม่น้ำไรน์ตอนบน

ก่อนเข้าบ้านขอให้คุณลุงแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตลิดล์ Lidl และเดเอ็ม DM เพื่อช้อปปิ้งส่งท้าย เพราะวันพรุ่งนี้จะไม่ซื้ออะไรอีกแล้ว

ภาระกิจหนักวันนี้ก็คือ ยัดทุกอย่างใส่กระเป๋า ซึ่งส่วนมากจะเป็นพวกขนม และของกิน ภาวนาขออย่าให้น้ำหนักกระเป๋าเกินก็พอใจแล้ว

มองเห็นไร่องุ่นบนเนินเขาตลอดทาง

เช้าวันที่ 8 ของวันพักร้อน (ร้อนจริงๆ) และวันสุดท้ายของการเดินทาง

หลังอาหารเช้าคุณลุงก็พามากินไอศกรีมร้านอร่อยริมแม่น้ำไรน์

ร้านอยู่ตรงนี้ครับ
ไอศครีมมื้อแรกของทริปเลยทีเดียว ไอศครีมเย็นๆช่วยดับร้อนได้ดีจริงๆ

หากสนใจอยากจะเที่ยวออพเพนไฮม์ก็พอมีอะไรๆให้ดูอยู่บ้างครับ อย่างเช่น โบสถ์เซนต์แคทเธอรีน Saint Catherine’s Church หรือ ศาลาว่าการเมือง Town Hall แต่ว่าคุณลุงบอกว่าเราไปดูอะไรๆ Unseen กันดีกว่า

เริ่มแรกคุณลุงก็ขับรถพามาชมเมืองแฟรงก์เฟิร์ต Frankfurt เมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเยอรมนี กันก่อน

โดยมากแล้วแฟรงเฟิร์ตมักเป็นแค่เมืองผ่านสำหรับขึ้นเครื่องบิน-ลงเครื่องบินเท่านั้น (วัดจากประสบการณ์ส่วนตัวครับ) เพิ่งเคยได้มานั่งรถเที่ยวภายในเมืองแบบจริงๆ เป็นครั้งแรก

ถนนเกอเธ่สตราสเซ่ ถนนสายแบรนด์เนม สวรรค์ของนักช้อป

ติดกับถนนเกอเธ่สตราสเซ่คือ จัตตุรัสโอเปร่า Opernplatz ที่ตั้งของโรงโอเปร่าหลังเก่า Alte Oper ของแฟรงเฟิร์ต ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ต หรือ Concert Hall

ออกจากแฟรงเฟิร์ตมาเพียงแค่ไม่ถึง 20 นาที เราก็มาถึงเมืองที่ชื่อว่า บัดฮอมบวร์ก Bad Homburg เมืองแห่งสปา และน้ำแร่ เป็นสถานที่ๆใช้พักฟื้น และรักษาโรค ที่เป็นที่นิยมมากมาตั้งแต่ครั้นอดีต ที่ในปัจจุบันยังเป็นเมืองของเหล่าเศรษฐีและนายธนาคารอีกด้วย (เพราะเป็นเมืองอากาศดีที่อยู่ไม่ไกลจากแฟรงเฟิร์ต สามารถเดินทางไปทำงานได้อย่างสะดวก)

ที่คุณลุงพามายังเมืองนี้ ก็เพื่อให้มาชมศาลาไทยที่ตั้งอยู่ที่นี่

คำถามคือแล้วมันน่าสนใจตรงไหน ก็เพราะว่าหลายเมืองในยุโรปก็มักจะมีศาลาไทยตั้งอยู่ อันด้วยความที่เมืองนั้นเคยมีความเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ของไทย

คำตอบก็คือที่เมืองบัดฮอมบวร์กแห่งนี้มีศาลาไทยตั้งอยู่ถึง 2 หลัง ซึ่งหนึ่งในนั้นตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะคัวร์ปาร์ค Kurpark อันกว้างใหญ่แห่งนี้

คราวที่รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสยุโรปเมื่อปี 1907 ได้เสด็จมาประทับที่เมืองบัดฮอมบวร์กเพื่อรักษาพระวรกายจากพระอาการประชวรอยู่เป็นเวลานาน (ด้วยเหตุผลที่ได้บอกไปแล้ว)

ขณะนั้นมีการค้นพบบ่อน้ำแร่แห่งใหม่ในเมืองบัดฮอมบวร์กนี้ ซึ่งชาวเมืองได้ตั้งใจจะน้อมเกล้าถวายให้เป็นบ่อน้ำแร่ประจำพระองค์ รัชกาลที่ 5 จึงมีพระราชดำริให้สร้างศาลาไทยครอบบ่อน้ำดังกล่าว เพื่อพระราชทานเป็นของขวัญให้กับเมืองบัดฮอมบวร์ก

นับเป็นศาลาไทยหลังแรกที่ได้เดินทางมาปรากฏต่อสายตาชาวยุโรป

แต่กว่าศาลาไทยหลังนี้จะมาถึงเยอรมนี ก็ปรากฏว่ารัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จสวรรคตไปเสียก่อน จักรพรรดิไคเซอร์ วิลเฮล์มสที่ 2 ของเยอรมนี (ขณะนั้น) ทรงเล็งเห็นว่าตำแหน่งของบ่อน้ำประจำรัชกาลที่ 5 นั้น ตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นป่ารก หากจะนำศาลาไทยไปตั้ง ณ จุดนั้น ดูจะเป็นการไม่สมพระเกียรติ จึงทรงนำศาลาไทยมาตั้งไว้ในบริเวณที่ใกล้กับบ่อน้ำของพระองค์ (Kaiser Wilhelm Bad) ซึ่งก็คือสถานที่ตั้งในปัจจุบัน เพื่อให้มองเห็นเป็นที่สง่างามเด่นชัดมากกว่า

ศาลาไทยที่จัดสร้างขึ้นนั้นส่วนมากมักเป็นของขวัญจากรัฐบาล หรือสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบในวาระสำคัญต่างๆ แต่ศาลาไทยแห่งนี้สร้างขึ้นจากพระราชดำริของรัชกาลที่ 5 เองโดยตรง

ศาลาไทยพระราชทานหลังนี้ตั้งโดดเด่นงดงามอยู่บริเวณทางทิศตะวันตกของคัวร์ปาร์คมาเกือบ 100 ปี แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถบรรลุพระประสงค์แต่แรกเริ่มของรัชกาลที่ 5 ที่ทรงพระประสงค์จะให้มีศาลาไทยครอบบนบ่อน้ำประจำพระองค์ได้

ดังนั้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี การเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 ของรัชกาลที่ 5 หน่วยงานภาครัฐของไทย และเมืองบัดฮอมบวร์ก จึงได้ร่วมกันสร้างศาลาไทยหลังใหม่ เพื่อนำมาตั้งไว้ ณ บ่อน้ำประจำพระองค์รัชกาลที่ 5 ซึ่งก็เกิดเป็นผลสำเร็จขึ้นจริงเมื่อปี 2007 ที่ผ่านมา

ศาลาไทยหลังใหม่ทรงจตุรมุข อย่างที่เห็นในภาพ คือตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างเป็นป่า ริมถนนสายเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีใครสัญจรผ่านมากนัก

ที่สุดท้ายที่คุณลุงขับพาผมไปก็คือเมืองวีสบาเดน Wiesbaden ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นเฮสเซ่ Hesse เป็นเมืองสปาเก่าแก่ของเยอรมนี และเป็นเมืองที่คุณลุงเคยอยู่มาก่อน

จำได้เมื่อทริปก่อน คุณลุงเคยพามาทานขาหมูเยอรมันร้านหนึ่งที่วีสบาเดน หลังจากนั้นผมก็เลิกทานขาหมูเยอรมันที่เมืองไทยไปเลย 555 เพราะว่าที่เมืองไทยกินที่ไหนก็ไม่อร่อย คือแบบว่ามันไม่ใช่อ่ะ

วิวเมืองวีสบาเดนเมื่อมองจากเนินเขาเนโรเบิร์ก Neroberg

ที่เนินเขาเนโรเบิร์กแห่งนี้เป็นที่ตั้งของโบสถ์เซนต์ อลิซซาเบธ Saint Elizabeth Church โบสถ์สไตล์รัสเซียนออทอดอกซ์ Russian Orthodox หลังงาม

โบสถ์หลังนี้มีประวัติความเป็นมาที่ค่อนข้างพิเศษ คือถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1847 โดยดยุคแห่งนาสเซา Duke of Nassau เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักให้กับเจ้าหญิงรัสเซีย Elizabeth Mikhailovna ผู้เป็นภรรยาที่เสียชีวิตจากการให้กำเนิดบุตรสาวเมื่อปี 1845 ฟังดูแล้วก็ซึ้ง

มากันถึงช่วงสุดท้ายจริงๆแล้วครับ สำหรับทริปยุโรปปีนี้ของผม 8 วันกับ 7 คืน ที่ตระเวณไปใน 3 ประเทศ ท่ามกลางสภาพอากาศช่วงเปลี่ยนฤดูที่ทำให้เจอทั้งฝน ทั้งแดด ทั้งหิมะตก จนเป็นที่มาของชื่อรีวิว

ซึ่งความประทับใจที่ได้จากการเดินทาง ก่อให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจที่จะเขียนรีวิวชุดนี้ขึ้นมา เพื่อจะส่งต่อภาพของสถานที่ที่สวยงามและประสบการณ์ที่อยากแบ่งปันให้กับคนอื่นๆ เผื่อว่าจะเป็นการจุดประกายหรือสร้างแรงบันดาลใจในการท่องเที่ยวให้กับอีกหลายๆคนต่อไป

ขอบคุณที่ติดตามและอยู่เป็นเพื่อนกันตลอดทริปนะครับ

ผมยังคงคอยติดตามอ่านรีวิวของเพื่อนๆทุกคนอยู่ที่นี่ และพร้อมที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนกับทุกๆคนตลอดเวลานะครับ

พบกันใหม่โอกาสหน้านะครับ สวัสดีครับ

เข้ามาชื่นชมความสวยของรูปและสถานที่ค่ะ^^

เข้ามาชมต่อค่ะ Rothenburg จบเร็วจังเลย ><
ชอบศาลาไทยขององค์ร.5 ที่ Bad Homburg ค่ะสวยมากๆ
..ไว้มีโอกาสได้ไปเที่ยว อาจหลังไมล์ไปสอบถามนะคะ โดยเฉพาะร้านขาหมูเยอรมันที่ Wiesbaden ^^
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ

รูปสวยมากเลยค่า เห็นแล้วอยากไปแฟรงเฟิตอีกรอบ คราวก่อนไปเดินยังไม่สะใจต้องรีบกลับ เง้อ

เออละอิของที่ระลึกนี่เราว่าไม่รู้เป็นประเทศนี้ที่เดียวหรือเปล่า คือถ้าอยากซื้อของที่ระลึกให้ไปที่อื่น ถ้าซื้อถึงแหล่งจะแพงพิเศษ ตลกอ่าาา

ขาหมูที่เยอรมันนี่เราว่ามันเค็มนะ เค็มจริงๆ แต่พอกินกับซาวเว่อเคร้าส์มันกลับเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก อร่อยง่ะ ชอบ แต่ไม่ชอบคโนเดิ้ลที่แนมมาด้วยเลยอ่ะค่ะ คือเราไม่ชอบผลิตภัณฑ์มันฝรั่งเป็นการส่วนตัว แต่ก็นะ เยอรมัน ดันกินกันเป็นล่ำเป็นสันอีก ไปซุปเปอร์มาเกตทีเจอถุงมันฝรั่งขนาดห้าโลแล้วตะลึงกันไปเลย

ขอบคุณมากเลยครับ สำหรับรีวิว

เห็นภาพสวยๆแล้วกระตุ้นให้อยากกลับไปเที่ยวอีก
โดยเฉพาะเยอรมนี ที่ไม่ว่าไปกี่ครั้งก็ยังไม่เบื่อและยังมีที่น่าสนใจอีกเยอะมาก
ไม่ว่าภูมิประเทศ สถาปัตยกรรม ผู้คน ความมีระเบียบวินัย
ที่สำคัญคือชอบระบบ Autobahn เพระว่าชอบการขับรถมาก

รีวิวนี้สร้างแรงบันดาลใจมากเลยครับ

ฝากรีวิวเก่าไว้ให้คุณ teayouem ไว้ลองดู เพื่อแบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ครับ
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2011/04/E10488643/E10488643.html
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2011/04/E10492413/E10492413.html
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2011/04/E10496487/E10496487.html
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2011/04/E10500398/E10500398.html
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2011/05/E10515113/E10515113.html
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2011/05/E10519581/E10519581.html

ขอทายว่าเกือบๆหกโมงเช้าครับ...อยากได้รางวัลอ่ะครับ...เนี่ยอุตส่าห์มาตอบก่อนเลยนะครับ...เดี๋ยวค่อยกลับไปอ่านต่อ...555

คุณteayouem ถ่ายรูปได้สวยและน่ารักมากเลยครับ...เล่าเรื่องก็สนุก...อ่านแล้วแทบไม่ต้องไปเที่ยวเลยหล่ะ...อ๊ะ ไม่ใช่...อ่านแล้วอยากไปตามรอยมากๆ...เสียดายจัง..จบซะแล้ว...ขอบคุณนะครับสำหรับรีวิวดีๆแบบนี้...อย่าลืมของรางวัลนะครับ...

สวยครับ จนต่อมความอยากกระตุก

สวยทุกตอนเลยครับที่ไปเที่ยวเห็นแล้วยิ่งน่าไปมากครับ

@ คุณ คิโนะคุนิยะ
ขอบคุณครับ หวังว่าทุกคนคงจะชอบนะครับ

@ คุณ Blue Whale
ได้เลยครับ จะหลังไมค์มาคุยกันก็ยินดีครับ เดี๋ยวเรื่องร้านขาหมูที่วีสบาเดน ต้องถามพิกัดจากคุณลุงอีกที

@ คุณ aaauuunnn
ขอบคุณครับ เจ้าของที่ระลึกที่โรเทนบวร์กผมก็ไม่แน่ใจว่าที่อื่นจะมีด้วยไหม แต่ว่าถ้าเป็นสินค้าของคาทเต้ โวล์ฟาร์ท ก็จะมีร้านสาขาในอีกหลายๆเมืองนะครับ ทั้งโอเบอราเมอเกา แบมเแบร์ก ฯลฯ
ขาหมูเยอรมันรสชาติมันออกเค็มจริงๆครับ แต่ผมก็แอบรู้สึกว่าอาหารเยอรมันหลายอย่างก็เค็มเหมือนกันนะครับ แต่ไม่เป็นไรเพราะผมชอบ 55
คุณ aaauuunnn อยู่ที่เมืองอะไรเหรอครับ เผื่อว่าจะนึกออก

@ คุณ Naddh
ผมกำลังอ่านรีวิวคุณนัทอยู่เลยครับ สนุกมาก ภาพสวยมาก และที่สำคัญคือเกือบทุกที่ผมยังไม่เคยไป เลยเหมือนเป็นการช่วยเปิดโลกกว้างให้กับผมด้วยครับ
ไม่ทราบว่าคุณนัทเที่ยวเยอรมันทั่วรึยังครับ ไปที่ไหนมาแล้วบ้าง ผมชอบเยอรมันมากๆ ยังมีที่ๆน่าไปอีกมากเลยครับสำหรับผม

@ คุณ mordek1
ขอบคุณมากนะครับที่ติดตามมาโดยตลอด แถมยังร่วมสนุกกันด้วย อิอิอิ ว่าแต่คุณ mordek1 ดูยังไงอ่ะครับ ผมเองยังงงอยู่เลย ยังไม่เฉลยล่ะกันนะครับ เผื่อมีคนอื่นอีก
อ่านแล้วต้องไปนะครับ ไม่งั้นผมเสียความตั้งใจ 555

@ คุณ Perovskite
ขอบคุณครับ ตอนเขียนรีวิวนี้ก็ช่วยกระตุ้นต่อมอยากเหมือนกันครับ อยากไปอีกจริงๆ

@ คุณ Destiny-Boy
ขอบคุณครับ อ่านเสร็จแล้วต้องรีบหาตั๋วเครื่องบินเลยนะครับ 55

ชอบเมืองนี้มากๆเลยค่ะ

คุณ teayouem ครับ

เยอรมันมีที่เที่ยวเยอะมากๆ ครับ ที่ผมเดยไปเที่ยวมา นับเป็นส่วนน้อยเลยครับ

แค่ แถบบาวาเรีย,Romantic Strasse,แถบ Berchtesgaden, Mittenwald
เมืองริมแม่น้ำ Mosell,ล่องแม่น้ำ Rhine และเที่ยวปราสาทและเมืองแถบนั้นอย่าง Koblenz,Mainz,
Born, Koln, และ  Heidelberg, Baden Baden, Freiburg,Schwarzwald,
แล้วก็ละแวก Berlin,Potsdam

ยังเหลืออีกหลายที่มาก ที่อยากไปอย่าง Dresden Leipzig, Passau
และบรรดาเมืองชนบทเล็กๆ ตามแดว้นต่างๆ อย่าง Nördlingen, Mainau และอื่นๆอีกมากมาย
และที่หมายมั่นปั้นมือไว้หลายครั้งแล้วก็คือ ไปขับรถที่ Nürburgring
ซึ่งทั้งหมดนั้นก็คงต้องอีกหลายทริปถึงจะครบ

ดีใจที่มีคนชอบเยอรมนีเหมือนกัน
และหวังว่าจะได้ชมรีวิวของเยอรมัน หรือที่ไหนๆ จากคุณ teayouem อีกนะครับ

ขอบคุณสำหรับความรู้เรื่องศาลาไทยค่ะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆและข้อมูลค่ะ

อยู่แถวๆ  Karlsruhe  ค่ะ ไปสตุดการ์ก็ไม่ไกล ไปไฮเดนแบกก็ไม่ไกล กลางๆ พอดีๆ แฮ่ๆ แต่คนแถบนี้เย็นชานะเราว่า ขนาดคนในบาเดนนี่ก็ยังพูดกันเองว่าคนค่อนข้างไม่เป็นมิตรและเย็นชา แถมยังดูถูกแถบว๊วดเทนแบกด้วยว่าบ้านนอก บาเดนของชั้นช่างสูงส่งกว่ายิ่งนัก ประเทศนี้ชอบเหยียดกันเอง เหอๆๆๆ

ไม่อยากจะเชื่อว่ามีคนชอบเยอรมันเยอะขนาดนี้ เราว่าประเทศนี้มันถึกๆ เพื่อนบ้านชอบเยอรมันก็แค่เอาโต้บาน เหยียบมันส์จริงๆ 555 มีเท่าไหร่ใส่กันเต็มไมล์

อาหารมันก็เค็มจริงๆอ่ะค่ะ เค็มแทบทุกอย่างเลยอ่ะ ไม่มีน้ำตาลไม่เป็นไร แต่ไม่มีเกลือนี่ไม่ได้ๆๆๆๆ

พอดีป่วยไปสองวันเลยไม่ได้มาตอบครับ
@ คุณ BROWN STITCH
@ คุณ สาวหน้าใส
ขอบคุณเช่นกันครับ ยินดีมากครับที่มีคนสนใจ

@ คุณ naddh
เพิ่งอ่านรีวิวคุณนัทเสร็จพอดี สนุก และ โรแมนติกมากครับ สำหรับทุกโรงแรมและสถานที่ที่ไป
ถ้าจะเที่ยวเยอรมันให้ทั่ว ก็คงใช้เวลาอีกหลายทริปจริงๆครับ
รีวิวหน้าอาจจะขุดทริปยุโรปปี 2009 มาเขียน แต่มันตั้ง 16 วัน คงใช้เวลานานโขอยู่ครับ 555

@ คุณ aaauuunnn
บังเอิญผมมีญาติอยู่หลายคนหน่ะครับ (คุณลุงอยู่ออพเพนไฮม์ คุณป้าอีกคนอยู่แถวๆบัดเอ็มส์) เวลาไปเยี่ยมหรือไปเที่ยวก็เลยสนุกมาก มันแบบว่าซึมซับอยู่ข้างในอ่ะครับ
เป็นกำลังใจให้คุณ aaauuunnn นะครับ อาหารเยอรมันกินบ่อยๆก็อร่อยเองแหละครับ

เมื่อไหร่จะเฉลยคำถามมีรางวัลหล่ะครับ...รอรับน้องIncense Smokersอยู่นะครับ

555 มีคนมาถามถึงรางวัลด้วย โอเคครับ เฉลยล่ะกัน
@ คุณ  mordek1
จากคห.ที่ 4 ถึงแม้ว่าจะอ่านนาฬิกาแดดไม่ออก แต่กลับไปดูเวลาที่กล้องบันทึกไว้ตอนถ่ายภาพ ปรากฏว่าเป็นเวลาหกโมงครึ่งพอดิบพอดีเลยครับ
ซึ่งพอย้อนขึ้นไปดูก็คิดว่ามันน่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะมีเงาพาดมาบนเลข 6 ด้วย
ขอบคุณคุณ mordek1 มากนะครับที่ติดตามกระทู้ และอุตสาห์ร่วมสนุก คำตอบก็ใกล้เคียงนะครับ เก่งจริงๆ แต่ถือว่าไม่ถูกล่ะกันนะครับ ผมเลยอดแจกของรางวัลเลย อิอิอิ
ส่วนเจ้าน้อง Incense Smokers คงต้องให้คุณ mordek1 ไปเลือกตัวที่ถูกใจเองที่โรเทนบวร์กในปีหน้านะครับ

Steiff อ่านว่า ชไตฟ์ นะคะ
ส่วนราคาไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ
ตัวเล็กๆประมาณฝ่ามือก็เกือบพันบาทแล้ว
อยากได้มากๆเลยกัดฟันควักค่าขนมซื้อ Fynn 28 cm มา
ถนอมมาก ณ จุดนี้ ไม่กล้ากอดตอนนอนกลัวน้ำลายไหลใส่ 555555+