สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องบลู  ห่างหายจากการรีวิวไปนานมาก ทั้งๆ ที่ยังไปเที่ยวออกทริปตลอดๆ แต่ไม่ได้มารีวิวเลย ส่วนนึงเพราะงานยุ่ง อีกส่วนเพราะคุณสามีเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ พอเปลี่ยนเวอร์ชั่นใหม่ก็ทำเอาเรามึนกับฟังก์ชั่นทั้งหลายที่หน้าตาเปลี๋ยนไป อย่าง PhotoShop เวอร์ชั่นเดิมที่ใช้จนคล่อง พอมาเจอเวอร์ชั่นใหม่เล่นเอาเราไปไม่เป็นเลย -*-


ทริปนี้เป็นอีกทริปที่ได้ตื่นเต้นก่อนเดินทางอีกแล้ว (หลังจากทริปญี่ปุ่นปี 2009 ที่สนามบินสุวรรณภูมิถูกปิด เกือบไม่ได้เดินทาง หรือก่อนหน้านั้นปี 2003 ที่มีโรค Sars ระบาด) เนื่องมาจากน้องน้ำหลากเดินทางมาเยี่ยมกรุงเทพ ซึ่งเดิมเราแพลนทริปนี้ไว้จะไปเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา แต่คุณสามีเกิดติดงานกะทันหัน ทำให้ต้องเลื่อนทริปมา ต.ค. ไอ้ครั้นจะเลื่อนทริปออกไปอีกก็ไม่สามารถ เพราะไมล์ที่แลกตั๋วไว้จะหมดอายุซะก่อน เลยต้องเดินทางกันแบบลุ้นๆ ว่าน้องน้ำจะมาบ้านเราเมื่อไหร่ (ถึงวันนี้ยังมาไม่ถึงค่ะ) อยู่ที่โน่นก็ตามข่าวน้ำท่วมทุกวัน เอาใจช่วยให้คนไทยทุกคนผ่านวิกฤตครั้งนี้ให้ได้นะคะ


ทริปนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือนยุโรปช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือที่เราชอบเรียกว่าใบไม้เปลี่ยนสี (เพราะมาเที่ยวก่อนที่มันจะร่วง) ก่อนหน้านี้เราเคยไปสวิส ออสเตรีย เยอรมัน ช่วงเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่ส่วนมากใบไม้จะยังไม่ค่อยผลิเท่าไหร่ ออกแนวโกร๋นๆ ซะมากกว่า ทริปนี้ได้มาเห็นใบไม้เปลี่ยนสีที่ยุโรปแล้วหลงเสน่ห์ขึ้นมาทันที


ปล. รีวิวนี้อาจจะไม่มีสาระอะไรมาก (เคยมีด้วยเหรอ) แต่เป็นการแชร์ข้อมูลการเดินทางค่ะ เชิญเพื่อนๆ ปาดกันได้ตามสบาย กาแฟขมขออนุญาตตอบหลังจบรีวิวนะคะ กลัวโพสไม่จบ เพราะเดี๋ยวต้องออกไปข้างนอก  

เตรียมตัวก่อนเดินทาง


ทริปนี้เดิมเราตั้งใจแลกตั๋วไปญี่ปุ่นค่ะ ช่วงปลายปีที่แล้วจัดการแลกไมล์แต่วันที่เราจะไปตั๋วเต็มหมด เลยเปลี่ยนบรรยากาศไปยุโรปแทน สุดท้ายเลือกไปประเทศสาธารณรัฐเชก เพราะดูรีวิวของเพื่อนๆ แล้วก็ประทับใจกับหลายๆ เมือง พอแลกตั๋วเรียบร้อย จัดแผนการเที่ยวเสร็จ คุณสามีก็ถามว่าไปเที่ยวไหนบ้าง ซึ่งถ้าเราบอกชื่อเมือง Karlstejn, Telc, Tabor, Kutna Hora, Karlovy Vary คุณสามีก็คงไม่รู้จักซักเมือง เลยบอกว่าไปเที่ยวโบสถ์ ปราสาท Old Town คุณสามีถามว่าไม่มีขึ้นเขาหรือล่องทะเลสาบหรอ เราบอกไม่มี


พอมานั่งนึกๆ ดูอีกที แต่ละเมืองที่ไปก็มีแต่โบสถ์ ปราสาท Old Town จริงๆ ซึ่งถ้าไปแบบนี้ทุกวันคุณสามีคงลงแดงแน่ เพราะเป็นพวกไม่ชอบเข้าโบสถ์ ไม่ชอบเข้าปราสาท ส่วน Old Town นี่ยังพอไหว

..

เหตุผลที่ไป Slovenia


ถ้าดูแผนที่แล้วจะเห็นว่าประเทศเชกอยู่ด้านบน ใต้เชกเป็นออสเตรีย ลงมาด้านล่างเป็นสโลเวเนีย เหตุผลที่ไปสโลเวเนียมาจากตอนที่เราหาข้อมูล เราเสิร์ชไปเจอคำถามนึงในเว็บบอร์ดของ Lonely Planet ถามว่ามีเมืองไหนในเชกที่มีทะเลสาบและมีบรรยากาศคล้ายๆ Hallstatt บ้าง ก็มีคนมาตอบว่าในเชกไม่ค่อยมีทะเลสาบสวยๆ ถ้าอยากไปเมืองที่มีบรรยากาศคล้ายๆ Hallstatt ก็แนะนำเมือง Bled กับ Bohinj ประเทศสโลเวเนีย


เราเลยลองเสิร์ชหาภาพสองเมืองนี้ เห็นแล้วก็กรี๊ดเลย รีบบรรจุสโลเวเนียเข้าแพลน ส่วนออสเตรียเคยไปแล้วเมื่อปี 2007 ทริปนี้เลยใช้เป็นทางผ่าน แต่เส้นทางที่ประทับใจที่สุดช่วงที่ขับรถก็คือเส้นที่ขับในออสเตรียเนี่ยแหละ เลยตั้งใจว่าต้องหาโอกาสมาเที่ยวออสเตรียช่วง Autumn ให้ได้อีกแน่นอน

..

รีวิวนี้ขอรวมภาพทริปประทับใจจากการขับรถเที่ยว 9 วัน ส่วนค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทางขอสรุปไว้ตอนท้ายรีวิวนะคะ  


Day 1  Prague – Karlstejn – Cesky Krumlov

คืนวันศุกร์ที่ 21 ต.ค. 54 เราออกเดินทางจากสนามบินสุวรณภูมิ ไฟล์ท TG 920 ไปลง Frankfurt ถึงสนามบิน Frankfurt ตอน 6 โมงเช้า แล้วต่อเครื่องไป Prague ช่วงที่บินเข้าเชก เจอทะเลเมฆ ยิ่งตอนใกล้ๆ แลนดิ้ง มองไม่เห็นอะไรเลยค่ะ ทะลุเมฆลงมาก็เห็นรันเวย์เลย เล่นเอาใจหายแว๊บ

มาถึง Prague ตอน 9 โมงเช้า ออกจากสนามบิน Prague แล้วให้เดินออกจาก Terminal รถเช่าทั้งหมดจะอยู่ที่ตึก Parking C เราเช่ารถผ่านเว็บ AutoEurope ได้รถเช่าของ Budget 9 วันประมาณ 12,000 บาท ถือว่าราคาถูกมาก แต่ค่าประกันนี่สิค่อนข้างโหดพอสมควร มีประกันให้เลือก 3 แบบค่ะ

- แบบที่ 1 ไม่ต้องจ่ายค่าประกันเพิ่ม แต่ถ้ารถเสียหาย ต้องจ่ายตามจริง จ่ายสูงสุด 800 euro
- แบบที่ 2 จ่ายค่าประกันเพิ่ม 15 euro/day แบบนี้ถ้ารถเสียหายก็ต้องจ่ายตามจริง แต่จ่ายสูงสุดที่ 400 euro
- แบบที่ 3 จ่ายค่าประกันเพิ่ม 25 euro/day ถ้ารถเสียหายก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย


เราเลือกทางสายกลางค่ะ อิอิ เอาแบบที่ 2 จ่ายเพิ่มอีกนิดเพื่อความสบายใจเพิ่มขึ้นอีกหน่อย เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่นท่อนไม้หล่นใส่หลังคารถเหมือนที่เคยเจอตอนขับรถในออสเตรีย แต่สรุปว่าทริปนี้เราก็ขับรถกันปลอดภัยราบรื่นไม่เจออุบัติเหตุใดๆ ค่ะ

..

หน้าตารถของเราค่ะ สีแดงไม่เกรงใจใคร รถยี่ห้อ Skoda Octavia 5 ประตู

ก่อนออกจากสนามบิน เราแวะกด ATM ก่อน เนื่องจากการแลกเงินที่เชกทราบมาว่าจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นด้วย และอ่านจากหลายๆ รีวิวแนะนำว่าให้กด ATM ก็สะดวกดี กว่าจะออกจากสนามบินก็ 11 โมงกว่าๆ จุดหมายแรกของวันนี้อยู่ที่ปราสาท Karlstejn ขับลงไปทางใต้ ห่างจากกรุงปรากประมาณ 40 กม. ถือว่าเป็นการซ้อมขับรถพวงมาลัยซ้าย 555  ทริปนี้พกเจ้า GPS ด้วย ซึ่งช่วยได้เยอะเลย ถึงแม้จะหลงๆ ไปบ้างแต่ก็ไม่เครียดเท่าไหร่ เพราะยังไงก็ไปถึงแน่นอน


ระหว่างทางขับรถจากสนามบินถึง Karlstejn ราบรื่นดีค่ะ อ่านจากในเว็บปราสาทบอกว่าให้จอดรถตรง Central Parking ตอนแรกเราไปจอดผิดที่ค่ะ จอดเสร็จมองหาปราสาทไม่เจอ เห็นคนเชกเดินผ่านมาเลยลงไปถาม เค้าบอกว่าให้ขับต่อไปอีกหน่อย ทีนี้ตอนจะถอยรถออก ปรากฏว่าคุณสามีเข้าเกียร์ถอยไม่ได้ ตำแหน่งเกียร์ถอยอยู่ตรงเกียร์ 1 แต่ยังไงก็เข้าไม่ได้ ตอนนั้นเริ่มเครียดว่าจะไปต่อยังไงฟระ คู่มือรถก็มีแต่ภาษาเชก อ่านไม่ออก -*-


แต่โชคดีที่ซักพักมีคนเดินผ่านมา และโชคดีมากที่เค้าขับรถได้ เค้าบอกว่าต้องกดเกียร์ลงไปก่อนถึงจะเข้าเกียร์ถอยได้ เป็นหลักความปลอดภัย เค้ายืนรอส่งจนแน่ใจว่าเราขับไปได้ ถึงตรงนี้ประทับใจคนเชกมากๆ ค่ะ เราไปถึงปราสาท Karlstejn ตอนเที่ยงกว่าๆ

..

จาก Central Parking เดินอีก 2 กม. ก็จะถึงปราสาท บริเวณนี้มีคนเสนอให้นั่งรถม้า (ถ้าจำไม่ผิดคนละ 250 CZK) กับนั่งแท็กซี่คนละ 100 CZK เราเลือกนั่งแท็กซี่ไปเพราะตอนนั้นมึนๆ ค่ะ แถมหิวมาก คนขับแท็กซี่บอกว่าตอนนี้มีคนรออยู่แล้ว 3 คน ถ้าเราตกลงไป ก็ออกรถได้เลยไม่ต้องรอ ก็เลยตัดสินใจไป รถจะขับอ้อมไปด้านหนึ่งที่ไม่ผ่านตัวหมู่บ้านนะคะ นั่งรถซัก 10 กว่านาทีก็ไปถึงปราสาท (แบบไม่เหนื่อย)


เราเดินถ่ายรูปบริเวณปราสาท ไม่ได้เข้าไปข้างในค่ะ แล้วก็เดินลงไปทางหมู่บ้าน ถัดจากหมู่บ้านก็จะถึงที่จอดรถ Central Parking แวะทานอาหารเที่ยง (ตอนบ่าย 2 โมง) ในหมู่บ้านตามร้านในรูปเลย สั่งปลาแซลมอนย่าง กับอีกจานนึงพนักงานแนะนำว่าเป็นอาหาร Traditional ของเชก เลยลองสั่งมาดู เป็นเนื้อหมูอบเสิร์ฟพร้อมผักโขมกับมัน หลังจากมื้อนี้แล้วเราไม่กล้าสั่งอาหาร Traditional อีกเลย T_T หมูรสชาติเค็มมากค่ะ ส่วนมันกินไปได้ลูกเดียว ไม่ค่อยถูกปาก ราคามื้อนี้รวมสลัดผัก น้ำเปล่ากับโค้กอีกอย่างละขวด ทั้งหมด 540 CZK (ประมาณ 900 บาท)

..

ปราสาทและเมือง Karlstejn เมืองเล็กๆ แต่น่ารักดีค่ะ มีโรงแรมและบ้านพักอยู่เยอะเหมือนกัน

เจอร้านขายขนมพื้นเมืองของเชก ชื่อขนม TRDELNIK เห็นขายทุกเมืองเลย ตอนอยู่ครุมลอฟเลยซื้อมาลองชิมชิ้นนึง (40 CZK)

ขนม TRDELNIK เป็นแป้งห่อกับเหล็กร้อนๆ หมุนบนเตา กินตอนร้อนๆ รสชาติก็ใช้ได้ค่ะ

จาก Karlstejn เราขับรถต่ออีกประมาณ 165 กม. ไปถึง Cesky Krumlov ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลก เอาภาพถนนในเชกให้ดูค่ะ ถนนช่วงแรกๆ ที่ขับจากสนามบินยังดีอยู่ ยิ่งขับไกลออกไปถนนยิ่งเล็กลง และสภาพตามที่เห็น ^^

ตามไปด้วยครับ

ถึง Cesky Krumlov ประมาณ 6 โมงเย็น เราค้างคืนที่ Pension Rosa 2 คืน จองห้องแบบ Double Room ไป แต่ได้เป็นห้อง 4 เตียง แต่ห้องก็ไม่ได้ใหญ่มาก ราคาห้องพัก 2 คนรวมอาหารเช้าคืนละ 900 CZK (ประมาณ 1,500 บาท) เป็นห้องพักที่ราคาถูกที่สุดในทริปนี้เลย โดยรวมถือว่าโอเค ห้องพักใช้ได้ มีห้องน้ำส่วนตัว โลเกชั่นดี เหตุผลหลักที่เลือกที่นี่คือมีที่จอดรถ แต่สำหรับคนที่มารถบัสก็แนะนำที่นี่นะคะ เพราะเดินจากป้ายรถบัสจะผ่าน Pension Rosa ก่อนเข้า Town Center ค่ะ

เว็บไซต์ที่พัก Pension Rosa http://www.pension-rosa.cz/en/

แผนที่เมือง Cesky Krumlov ที่พักเราจะอยู่ตรงจุดสีแดง เดินข้ามสะพานไปก็จะเจอ Town Center เดินต่อไปเรื่อยๆ อีกหน่อยก็เจอปราสาท Krumlov เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ แนะนำให้ค้าง 1 คืน แต่เราอยากเก็บบรรยากาศเมืองแบบสบายๆ เลยค้าง 2 คืนเลย เพราะวันแรกมาถึงก็มืดแล้ว จะได้มีเวลาเที่ยวอีก 1 วันเต็มๆ ^^

เรามาถึง Krumlov ประมาณ 6 โมงเย็น ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เอาของเก็บเข้าที่พัก แล้วเดินไปทานอาหารจีนที่ร้าน Shanghai Restaurant อยู่ตรง Town Center ทริปนี้จะเน้นอาหารจีนเป็นหลัก เพราะเราสองคนไม่ชอบอาหารฝรั่งเอาซะเลย เราสั่งเนื้อ กับปลาอย่างละจาน แล้วก็ข้าวเปล่า น้ำไม่สั่ง (แพง) ไปซื้อใน Supermarket กิน อย่างโค้กถ้าสั่งในร้านจะเป็นขวดเล็กขวดละประมาณ 35 CZK แต่เราไปซื้อโค้กขวดลิตรใน Supermarket ได้ขวดละ 25 CZK ค่ะ (แต่ในปราก ราคาจะสูงกว่านี้) ตอนสั่งอาหารบอกเค้าว่าเอาเผ็ดๆ เจ้าของร้านถามเลยว่าเรามาจาก Thailand ใช่มั้ย 555 ราคาอาหารมื้อนี้ 375 CZK (600 กว่าบาท) รู้สึกรักเมือง Krumlov จริงๆ อาหารก็อร่อย ที่พักก็ถูก อิอิ


Supermarket ในรูปอยู่ถัดจากที่พักเราไปสามสี่หลัง ราคาถูกกว่า Supermarket ใน Town Center  เจ้าของร้านเดาว่าเป็นคนจีน อัธยาศัยดีค่ะ ตอนเช้าวันจันทร์เห็นเด็กนักเรียนมาแวะซื้อขนมในร้านแกเพียบเลย

..

คืนแรกเราเดินเล่นในเมืองนิดหน่อยเพราะอากาศหนาวมาก อุณหภูมิตอนนี้น่าจะประมาณ 5 องศา มาวันแรกยังไม่คุ้นกับอากาศหนาวๆ เลยเดินมากไม่ไหว ถ่ายรูปนิดหน่อยแล้วก็กลับที่พักนอนสลบเหมือด

Day 2  อยู่ที่ Cesky Krumlov ทั้งวัน


วันนี้ชิวสุดๆ มีเวลาเดินเที่ยว Krumlov สบายๆ ทั้งวัน คุณสามีก็ไม่ต้องขับรถด้วย หลังจากเมื่อวานขับจนขาเป็นตะคริว อิอิ อาหารเช้าเริ่มเสิร์ฟตอน 8 โมง เรามาที่ห้องอาหารเกือบๆ 8 โมง ปรากฏว่าคนเยอะมากกกกกกกก อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนเป็นคืนวันเสาร์ที่พักเลยเต็ม แต่ตอนอยู่ในห้องนี่รู้สึกเงียบสงบมาก แทบไม่ได้ยินเสียงคนอื่นเลย


อาหารเช้าที่นี่มีขนมปังจัดไว้ในตะกร้าอย่างเยอะ เราเห็นฝรั่งคนอื่นกินไม่หมดก็ถือขนมปังที่เหลือกลับไป เราเลยเก็บไปมั่ง เอาไปเลี้ยงเป็ด แล้วก็มีแฮม ไข่ ชีส เนย โยเกิร์ต ชา กาแฟ แต่แฮมไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ตอนเช้าอีกวันเราเลยไปซื้อแฮมตรง Supermarket ใกล้ๆ บ้านพักมาเพิ่ม รูปอาหารเช้านี่ถ่ายตอนเช้าอีกวันที่เช็คเอาท์ เลยไม่มีคนเพราะเราลงมากินเป็นโต๊ะแรก ^^

..

ข้ามสะพานนี้ไป เดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอ Town Square

มองไปทางขวาจะเห็นโบสถ์ประจำเมือง ชื่อโบสถ์อะไรไม่รู้แฮะ ด้านล่างเป็นแม่น้ำ Vltava (วัลตาวา) แม่น้ำสายเดียวกับที่ไหลผ่านเมืองปราก

อีกด้านนึงเป็นบ้านพักและร้านอาหารเรียงรายตลอดแนวแม่น้ำ

Krumlov ยามเช้า บรรยากาศเงียบสงบ นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะเท่าไหร่

เราเดินผ่าน Town Square ขึ้นไปปราสาท Krumlov เพื่อถ่ายรูปเมืองมุมสูง แต่ตอนเช้าย้อนแสงเต็มๆ ค่ะ ใครจะถ่ายรูปมุมนี้แนะนำขึ้นมาบนปราสาทตอนบ่ายเลยจ้า (รูปนี้ถ่ายตอนบ่าย เดินขึ้นมาบนปราสาทอีกรอบ)

ภาพขวาบนเป็นมุมมหาชน ไม่ถ่ายไม่ได้   ส่วนภาพซ้ายเป็นปราสาท Krumlov ภาพขวาล่างถ่ายจาก Round Tower ของปราสาท

บรรยากาศ Krumlov อีกภาพ ตอนบ่ายๆ เราไปทานอาหารจีนร้านเดิม เลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้ จริงๆ ตั้งใจไปกินอาหารจีนอีกร้านชื่อร้าน Peking อยู่ใกล้ๆ ที่พัก แต่เข้าไปนั่งซักพัก พนักงานก็ไม่เอาเมนูมาให้ มัวแต่สนใจกรุ๊ปทัวร์ เราเลยเดินออก กลับไปร้านเดิมตรง Town Center วันนี้สั่งซุป 2 ถ้วย กับข้าว 2 อย่างพร้อมข้าวเปล่า ราคารวม 435 CZK (ประมาณ 700 บาท) ถูกและอร่อยจริงๆ ใครมา Krumlov แนะนำร้านนี้เลยค่ะ (ถ้าไม่ชอบอาหารฝรั่ง) ^^

..

Karlstejn สวยจังค่ะ เป็นอีกเมืองที่อยากไปแต่เวลาไม่พอ ขอเกาะคุณกาแฟขมไปด้วยแล้วกันนะคะ^_^

รูปนี้ตั้งใจถ่ายน้องหมา เห็นนมันนั่งอยู่หน้า Traveller's Hostel ที่พักฮอตฮิตของชาวแบ็คแพ็ค นั่งอยู่นานจนมันคงเบื่อ เลยเดินๆ ออกไป ซักพักเจ้าของออกมาทำท่าดุมัน (เห็นทำหน้าจ๋อยๆ) ประมาณว่าสั่งให้นั่งรอรับลูกค้าอยู่หน้าบ้าน ทำไมเดินไปที่อื่น (อันนี้เราพากย์กันเอง) แล้วก็อุ้มมันเข้าบ้านไป

Day 3  Cesky Krumlov – Hohenwerfen – Bled


วันนี้เป็นวันที่ต้องขับรถยาวจากเชกไปสโลเวเนีย เราออกจาก Krumlov 9 โมงเช้า ขับรถช่วงแรก 270 กม. ถึงเมือง Werfen ในออสเตรีย แวะเที่ยวปราสาท Hohenwerfen ปราสาทนี้ตั้งอยู่บนยอดเขา อยู่ทางใต้ห่างจากเมือง Salzburg ประมาณ 40 กม.


ก่อนเข้าออสเตรีย เราแวะเติมน้ำมันและซื้อ Vignette (Motorway Toll Sticker) ที่ปั๊มน้ำมัน จ่ายค่าน้ำมันกับ Vignette ไป 953 CZK พอขับเข้าออสเตรีย รู้สึกบรรยากาศเปลี่ยนไปทันที คือถนนในเชกจะเล็กๆ บางทีก็ไม่มีเส้นแบ่งเลน และถ้าเป็นเมืองเล็กๆ ถนนจะปุปะมาก แต่พอเข้าออสเตรียปุ๊บ รู้สึกเลยว่าถนนเรียบกริบ ยกกล้องถ่ายรูปได้ไม่มีสะดุด อีกอย่างที่รู้สึกได้คือวิวภูเขาสวยๆ ในออสเตรีย ซึ่งในเชกไม่ค่อยเห็นภูเขาสูงๆ เลย ช่วงที่คุณสามีขับรถเราก็ทำหน้าที่ดูทางกับถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ^^

..

มาถึงปราสาท Hohenwerfen เกือบๆ บ่ายโมง ซื้อตั๋วขึ้น cablecar ราคาตั๋วเข้าปราสาทอย่างเดียว 10.5 euro เราซื้อตั๋วแบบรวม cablecar ขึ้นลงด้วยเป็น 14 euro (600 บาท) ขึ้นไปถึงบนปราสาทแล้ว จะมีไกด์พาเข้าชมภายในปราสาทเป็นรอบๆ ต้องลองเช็คเวลาดีๆ ก่อนไปนะคะ ถ้าไม่เดินตามไกด์อาจจะชมได้ไม่ทั่วถึงเพราะบางจุดก็ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินชมเอง


เราขึ้นไปบนปราสาทตอนบ่ายโมงกว่าๆ เลยเดินเล่นบริเวณปราสาท ใช้เวลาถึงเกือบๆ บ่ายสอง ตอนแรกว่าจะกลับเลยแต่พอดีเห็นเวลาเข้าชมปราสาทรอบต่อไปคือบ่ายสองโมง เลยตัดสินใจรอ ซึ่งรู้สึกตัดสินใจถูกเพราะวิวจากหอคอยปราสาทสวยมากค่ะ ^^

..

Hohenwerfen Fortress อีกภาพ

จากนั้นก็ขับรถกันยาวอีกเกือบ 190 กม. ไปเมือง Bled สโลเวเนีย วิวระหว่างทางสวยจนถ่ายรูปเพลินเลย อ้อ มื้อเที่ยงวันนี้ให้เจ้า GPS หาร้านอาหารจีนให้ แต่ไปถึงร้านปิด เลยต้องหาเสบียงที่เตรียมไปกินประทังหิวไปก่อน ส่วนมื้อเย็นแวะกินในปั๊มน้ำมันที่ออสเตรียก่อนเข้าสโลเวเนีย เพราะต้องแวะซื้อ Vignette ของสโลเวเนียด้วย


ช่วงที่ผ่านออสเตรียเข้าสโลเวเนีย ต้องจ่ายค่าผ่านอุโมงค์ 6.5 euro จ่ายเงินเสร็จก็มาเจอรถติดยาว จนรถคันที่จอดข้างหน้าเราดับเครื่องเลย เราก็เลยดับเครื่องตาม ตอนแรกคิดว่ามีอุบัติเหตุ แต่ปรากฏว่ามีการซ่อมอุโมงค์ยาวประมาณ 4-5 กม. เพราะฉะนั้นจะให้รถวิ่งทีละเลนสลับกันไป รออยู่เกือบๆ ครึ่งชั่วโมงถึงได้ไป

..

ไปถึง Bled ประมาณทุ่มกว่าๆ เราพักที่ Penzion Mlino http://www.mlino.si/en/cenik.php อยู่ริมทะเลสาบ Bled เราได้ห้องวิวทะเลสาบ เห็นปราสาท Bled จากห้องนอนเลย เราพักที่นี่คืนที่ 3, 4, 6 ส่วนคืนที่ 5 จะไปนอนที่ Piran ราคาห้องพักที่นี่คืนละ 60 euro ต่อสองคนรวมอาหารเช้า (ถึงไม่ได้เป็นบุฟเฟต์แต่ก็จัดมาให้อิ่มกำลังดีค่ะ) ที่เราชอบก็คือเนยก้อนสามเหลี่ยม ทาขนมปังกินไม่ต้องทาแยมเลย อร่อยมากๆ ข้อเสียของห้องที่นี่คือห้องน้ำเล็กมาก แต่ยังดีที่ฝักบัวน้ำแรงดี อาบแล้วมีความสุข


เดิมเราตั้งใจว่าคืนที่ 6 จะไปพักที่เมือง Graz ประเทศ Austria แต่สองวันที่วางแผนจะเที่ยว Bled ฝนตกตลอด เลยกลับมานอนค้าง Bled อีกคืน เพราะวันรุ่งขึ้นเช็คพยากรณ์อากาศบอกว่าฟ้าใสแดดออก เลยขออยู่ดู Bled ตอนฟ้าใสๆ บ้าง ^^

..

Day 4  เที่ยวเมือง Bled


สองคืนแรกที่เราพักที่ Bled ตั้งใจว่าจะเที่ยว Lake Bled กับ Lake Bohinj แต่เรื่องน่าเศร้าคือฝนตกตลอดสองวันที่เราวางแผนเที่ยวสองเมืองนี้ ทำให้ต้องตัด Lake Bohinj ออก ส่วน Bled ได้ไปแค่ Vintgar Gorge กับ Bled Castle ซึ่งมองแทบไม่เห็นอะไรเพราะหมอกเยอะมาก


Vintgar Gorge อยู่ห่างจาก Bled ไปประมาณ 4 กม. ลักษณะเป็นโตรกผา เลียบไปตามแม่น้ำ Radovna ระยะทางเดินประมาณ 2 กม. มีการทำสะพานไม้เป็นทางเดินเลียบไปตามหน้าผา ช่วงที่เราไปใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี เห็นลำธารที่นี่แล้วชวนให้คิดถึง Oirase Gorge ที่ญี่ปุ่นมากๆ ค่าเข้าชม Vintgar Gorge คนละ 4 euro

..

มื้อกลางวันวันนี้เป็นอาหารจีน (เหมือนเดิม) เมนูหลักของเรายังเป็นเนื้อกับปลา สังเกตปลาที่นี่จะเป็นปลาชุบแป้งทอดทั้งหมด ร้านอาหารชื่อ Peking Restaurant อยู่ในตัวเมือง Bled อีกวันที่เรากลับจาก Piran ก็มากินที่ร้านนี้อีกรอบ เพราะติดใจเนื้อที่นี่ เนื้อนุ่มอร่อยมาก มีสั่งกล้วยหอมทอดกับไอศกรีมด้วย ค่าเสียหายมื้อนี้ 23.5 euro (ประมาณ 1,000 บาท)

ช่วงบ่ายฝนยังตกตลอด ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยขับขึ้นไปบนปราสาท Bled ทั้งๆ ที่รู้ว่าคงไม่เห็นวิวเท่าไหร่ ค่าเข้าปราสาทคนละ 8 euro ด้านในไม่ค่อยเหลือสภาพปราสาทเท่าไหร่ แต่วิวจากด้านบนสวยมาก มองเห็นเกาะเล็กๆ กลางทะเลสาบที่เรียกว่า Bled Island หรือภาษาสโลเวเนียเรียกว่า Blejski Otok บนเกาะมีโบสถ์เล็กๆ ชื่อโบสถ์ Church of the Assumption of Mary

บรรยากาศรอบๆ ทะเลสาบ ภาพนี้ถ่ายวันที่กลับจาก Piran แต่เอาโพสต่อเลยจะได้บรรยากาศ Bled แบบต่อเนื่อง ในรูปจะเห็นเรือ Pletna ที่รับนักท่องเที่ยวไปส่งที่เกาะเล็กๆ กลางทะเลสาบ ค่าเรือไปกลับคนละ 12 euro ใช้เวลาทั้งหมด 90 นาที (45 นาทีสำหรับแจวเรือไปกลับ และอีกประมาณ 45 นาทีบนเกาะ) แต่วันนี้ฝนตกเราเลยไม่ได้นั่งไป

ส่วนภาพนี้ถ่ายวันที่ 7 วันที่เราเดินทางจาก Bled กลับไปเชก วันนี้ฟ้าใสมาก หลังจากฝนตกหนักมาสองวัน นอนที่ Bled มาสามคืนแต่เพิ่งได้เห็นเทือกเขา Alps เป็นฉากหลังปราสาท

รูปเมื่อกี๊แปะผิด อิอิ ต้องรูปนี้ค่ะได้เห็น Alps ของสโลเวเนียที่เค้าเรียกว่า Julian Alps มาเดือนนี้หิมะเลยยังไม่เยอะเท่าไหร่

หน้าบ้านพักเราเป็นจุดที่รถทัวร์นักท่องเที่ยวมาส่งลงเรือ Pletna เพราะตรงนี้น่าจะเป็นท่าเรือที่อยู่ใกล้เกาะมากที่สุด เราเห็นรถทัวร์ทยอยมาตั้งแต่ 8 โมงเช้า ที่เยอะที่สุดก็คือทัวร์จากญี่ปุ่น เจอทุกเมืองเลย ที่รู้ว่าเป็นทัวร์ญี่ปุ่นเพราะสังเกตได้ว่าเค้าจะคุยกันแบบเรียบร้อยมาก ถ้าเป็นทัวร์จีนก็จะเป็นอีกแบบนึง

บรรยากาศริมทะเลสาบ หน้าที่พักพร้อมใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ  

มาติดตามชมด้วยคนครับ

Day 5  Bled – Postojna – Piran


วันนี้เราออกจากเมือง Bled ตอนสายๆ ก่อนออกจากเมืองก็แวะไปเติมน้ำมันก่อน น้ำมันที่นี่ลิตรละ 1.32 euro (ในออสเตรียแพงกว่านี้) เราขับรถไปเยือนทะเลสาบ Bohinj แต่ไม่ได้ลงจากรถเลยเพราะฝนยังตกหนักมาก เส้นทางจาก Bled ไป Bohinj ได้เจอภูเขาสวยๆ กับใบไม้เปลี่ยนสีตลอดทาง จาก Bohinj ไป Piran ระยะทางประมาณ 200 กม. ตามแผนเดิมเราตั้งใจไปถึง Piran ตอนบ่ายๆ แล้วเดินเล่นในเมือง แต่พอฝนตกเลยมองหาที่เที่ยวใหม่ ระหว่างขับรถบน motorway เราก็เหลือบไปเห็นป้ายโฆษณาให้เที่ยวถ้ำ Postojna กับปราสาท Postojna จำได้ว่าถ้ำนี้เป็นถ้ำที่เค้าแนะนำให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยว เลยเปลี่ยนแผนไปเที่ยวถ้ำซะเลยเพราะฝนตกยังไงก็ไม่เปียก ^^


ก่อนไปถึงถ้ำ Postojna เราแวะไปทานอาหารจีน (อาหารหลักของเรา) ชื่อร้าน Hong Kong Restaurant อันนี้ไปตาม GPS บอก ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่เมืองไหน รสชาติโอเคแต่ชอบร้านที่ Bled มากกว่า ส่วนสลัดผักสั่งมาแล้วทานแทบไม่ได้เลยเพราะน้ำสลัดค่อนข้างเปรี้ยว แล้วเราก็ไม่ค่อยชอบถั่วงอกเท่าไหร่ มื้อหลังๆ เลยเลิกสั่งสลัดแล้ว ค่าเสียหายมื้อนี้ 23.3 euro (ประมาณ 1 พันบาท)

..

น่าไปมากๆเลยครับ

เป็นครั้งแรกที่ปาดทันค่ะ..ตามไป Lake bled ด้วยนะคะ  เออุโมงค์ใน คห. 29 นี่ ซ่อมมาเกือบ 2 ปีแล้ว ยังไม่เสร็จหรือนี่..

รอรีวิวฉบับสมบูรณ์นะคะ

เราไปถึงถ้ำประมาณบ่าย 3 โมง ราคาตั๋วเข้าชมมีหลายแบบ เช่นชมถ้ำอย่างเดียว หรือถ้ำรวมกับปราสาท เราเลือกตั๋วแบบถ้ำ+พิพิธภัณฑ์สัตว์ ราคาคนละ 27 euro (เกือบๆ 1,200 บาท) เพราะอยากเข้าไปดูตัวซาลาแมนเดอร์หรือเจ้ามังกรขาว แต่แนะนำเพื่อนๆ ที่จะไปไม่ต้องซื้อตั๋วพิพิธภัณฑ์ก็ได้ถ้าไม่ได้อยากดูสัตว์อย่างอื่น เพราะตั๋วเข้าถ้ำโพสทอยน่าก็มีตัวซาลาแมนเดอร์ให้ชมก่อนออก T_T


การเข้าไปชมถ้ำที่นี่ให้นั่งรถรางเข้าไป (รถออกทุกๆ ชั่วโมง) แล้วจะมีเจ้าหน้าที่พาเดินชมข้างในประมาณ 2 กม. มีทางเดินอย่างดี ตอนแรกที่เราเห็นราคาตั๋วคนละพันกว่าบาทนี่เกือบไม่เข้าเหมือนกัน รู้สึกแพงมาก เข้าถ้ำบ้านเราอย่างมากก็คนละ 50 บาท อิอิ แต่พอเข้าไปแล้วไม่เสียดายตังค์เลยค่ะ ข้างในถ้ำอลังการมาก ใครเคยไปถ้ำตะโค๊ะบิ๊แถวน้ำตกทีลอซู ให้นึกภาพว่าเอาถ้ำตะโค๊ะบิ๊ซักพันถ้ำมารวมกันนั่นแหละถ้ำโพสทอยน่า แต่จริงๆ ถ้ำที่นี่ไม่ได้ใหญ่อย่างเดียว หินงอกหินย้อยเค้าสวยมากโดยเฉพาะโซนที่เป็นหินงอกสีขาว ประทับใจสุดๆ ค่ะ ที่นี่เราไม่ได้ถ่ายรูป เลยเอารูปจาก Google มาให้ดูแทน ขอบคุณเจ้าของภาพจาก Google ด้วยค่ะ

..

เราออกจากถ้ำ Postojna ตอน 5 โมงกว่าๆ (เข้าถ้ำรอบ 4 โมงเป็นรอบสุดท้ายของวัน) ขับรถไปถึง Piranประมาณ 1 ทุ่ม เราพักที่ Hotel Piran  ราคาคืนละ 86 euro + ค่าจอดรถอีก 12 euro เพราะเมืองนี้มีกฎไม่ให้รถวิ่งเข้าเมือง ตอนเราอ่านข้อมูลในเว็บโรงแรม เค้าบอกว่าให้จอดรถที่ Parking อะไรซักอย่างแล้วโทรหาโรงแรม จะมีเจ้าหน้าที่เอารถออกไปรับ แต่เราก็ขับเข้าไปในเมืองเรื่อยๆ เพราะไม่รู้จะจอดตรงไหน มีเคาน์เตอร์แจกบัตรจอดรถก่อนเข้าเมือง พอเช็คอินเรียบร้อย พนักงานก็ให้เราจอดรถตรงลานจอดรถหน้าโรงแรมเลยแต่ต้องเสียค่าจอดรถเพิ่ม 12 euro แล้วเค้าจะให้ Sticker ไว้ยื่นให้เจ้าหน้าที่ตอนคืนบัตรจอดรถตอนออกจากเมือง

..

Day 6  Piran – Bled


อาหารเช้าที่ Hotel Piran เป็นแบบบุฟเฟต์เริ่ม 7 โมงเช้า เรามาเป็นโต๊ะแรกเหมือนเคย ห้องอาหารอยู่ชั้น 4 ของโรงแรมชื่อห้องอาหาร Panorama ได้เห็นวิวเมืองกับวิวทะเลสวยๆ แต่ตอน 7 โมงเช้าฟ้ายังมืดอยู่เลย ก่อนมาเที่ยวคุณสามีเช็ควันที่จะปรับ Daylight Savings เป็นวันที่ 30 ต.ค. วันที่เราจะบินกลับพอดี

..

วิวจากห้องอาหารเช้าของโรงแรม มองเห็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สุดฝั่งทะเล (ที่มองไม่เห็น) เป็นเมืองเวนิซ ประเทศอิตาลี ถ้านั่งเรือจาก Piran ก็ใช้เวลา 8 ชั่วโมง รถบัส 5 ชั่วโมง

ทานอาหารเช้าเรียบร้อยเราจัดการเช็คเอาท์แล้วมาเดินเล่นในเมือง Piran หรือภาษาท้องถิ่นที่นี่คือ Pirano เป็นเมืองติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมืองนี้ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ที่อิตาลี (ถึงแม้จะยังไม่เคยไปอิตาลีก็ตาม อิอิ) วันนี้ฟ้าใสมากค่ะ เดินเที่ยวซักพักต้องถอดเสื้อหนาวออกเลย อุณหภูมิตอนเที่ยงประมาณ 18 องศา เราเดินเลียบทะเลไปเรื่อยๆ แล้วขึ้นไปชมโบสถ์ประจำเมือง

เจอน้องหมามานั่งอาบแดด ^^ เห็นตอนแรกแอบกลัวหน่อยๆ เพราะตัวใหญ่มาก และไม่มีสายจูงคล้องคอ สังเกตน้องหมาที่เราเจอทั้งในเชกและสโลเวเนียหลายๆ ตัวไม่มีสายจูง เจ้าของจะปล่อยให้มันวิ่งเล่นเอง

ว้าว  Bled กับ Bohinj  ฝาแฝด Hallstatt น่าไปมากกกก  ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันนะครับ

จากโบสถ์บนเนินเขา เราเดินต่อไปบนกำแพงเมืองเก่า มาเก็บภาพเมือง Piran มุมสูง มาช่วงเช้าจะได้รับภาพนี้แบบรับแดดเต็มๆ ^^

กำแพงเมืองเก่าที่เราเดินขึ้นมา เห็นป้ายติดไว้ว่าเมื่อก่อนเก็บเงิน 1 หรือ 2 euro แต่ปัจจุบันเข้าฟรี

เดินเล่นในเมืองอีกนิดหน่อย บริเวณนี้เรียกว่า Tartini Square

บริเวณท่าเรือจอดเรือยอชท์

บางมุมในเมือง Piran อีกภาพ

ตามคุณกาแฟขม ไปเที่ยวด้วยครับ

เมือง Bled, Piran สวยน่าเที่ยวมากครับ
มีโอกาสคงจะได้ตามรอยบ้างครับ

เราออกจาก Piran ตอนเที่ยงกว่าๆ คืนนี้จะกลับไปนอนที่ Bled อีกคืน เก็บภาพวิวระหว่างทาง เห็นภาพป้ายจราจรที่เราถ่ายมาแล้วเพิ่งนึกได้ ป้ายนี้บอกให้ทราบว่าอีก 1.5 กม. มีอุบัติเหตุรถชนข้างหน้า รถที่วิ่งเลนซ้ายให้เบี่ยงเข้าขวา (ตอนที่ถ่ายป้ายนี้ไม่ได้รู้เรื่องเลย)

สวยจังค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่เอามาแบ่งปันขอเก็บเข้าคลังกระทู้นะคะ

ประมาณ 15 กม. ก่อนถึง Bled เราแวะเที่ยวเมืองเก่า Radovljica เป็นเมืองเล็กๆ ค่ะ เดินเที่ยวไม่เกินชั่วโมงก็เก็บได้หมดเมืองแล้ว

ออกจากเมือง Radovljica ขับรถหลงทางเลี้ยวผิดไปนิด เลยได้ไปเจอน้องวัวกำลังกินหญ้าอย่างมีความสุข ขับรถต่ออีกหน่อยก็กลับถึง Bled ตอนเกือบๆ บ่าย 3 โมง เราไปทานอาหารจีนร้านเดิมใน Bled โชคดีที่ร้านเปิดตลอดวันไม่ได้ปิดช่วงบ่าย ทานข้าวเสร็จก็ไปเดินเล่นริมทะเลสาบ Bled

Day 7  Bled – Telc


วันนี้เป็นวันที่เราขับรถยาวที่สุดในทริป ระยะทางจากเมือง Bled สโลเวเนีย ไปเมือง Telc ประเทศเชก ประมาณ 550 กม. บอกคุณสามีว่าเหมือนขับรถจากกรุงเทพไปเพชรบูรณ์ อิอิ ตามแพลนเดิมเราจะออกจาก Bled แต่เช้า แล้วระหว่างทางจะแวะเที่ยวเมือง Graz ประเทศออสเตรีย แต่วันนี้แดดดีขนาด เลยขอขึ้นไปปราสาท Bled อีกรอบ ได้เห็น Bled Island ตอนฟ้าใสซักที

..

วิวจากบนปราสาท Bled

เราออกเดินทางจาก Bled เกือบๆ เที่ยง เลยตัดใจไม่แวะเมือง Graz เพราะเวลาไม่พอ ขับกันยาวไปถึงเมือง Telc ตอนทุ่มครึ่ง


ในภาพเป็นด่านเก็บเงินค่าผ่านอุโมงค์ 6.5 euro จ่ายเงินแล้วก็เตรียมจอดรถเลย เพราะเลนฝั่งเราเป็นฝ่ายรอให้อีกฝั่งวิ่งออกจากอุโมงค์ก่อน แต่ขากลับยังโชคดีได้อยู่ท้ายๆ แถว เลยรอไม่นานเท่าไหร่ คุณสามีจอดรถปุ๊บก็ดับเครื่องปั๊บ แล้วก็เดินออกไปถ่ายรูประหว่างรอ

รูปนี้ถ่ายตอนออกมาจากอุโมงค์แล้ว ตอนนี้เข้าเขตประเทศออสเตรียเรียบร้อย รถอีกฝั่งกำลังจอดรอเข้าอุโมงค์ ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่อุโมงค์นี้จะซ่อมเสร็จ อ่านความเห็น #42 ของคุณมดแล้วเครียดแทนคนแถวนั้นเลย อุโมงค์ซ่อมมา 2 ปีแล้วยังไม่เสร็จ -*-

ช่วงที่ขับในออสเตรียก็เกาะป้ายบอกทางที่จะไปเวียนนา เจอป้ายบอกทางไป Wien อันนี้ก็วิ่งออกขวาเลย เห็นป้ายตรงไปอิตาลีแล้วตั้งใจว่าซักวันจะไปให้ได้ ^^

ทางช่วงแรกยังเห็นแดดอยู่ดีๆ ขับไปขับมาลอดอุโมงค์อันนึงออกมาปุ๊บก็เจอแต่หมอกซะงั้น

เราแวะทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารในปั๊มน้ำมันในออสเตรีย อาหารร้านนี้อร่อยค่ะ คุณสามีสั่งเสต๊กเนื้อ (25.9 euro) ส่วนของเราสั่งสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า (7.5 euro) จานใหญ่อิ่มอร่อย (แอบเลี่ยนชีสหน่อยๆ)

ทานอาหารเรียบร้อยก็ขับรถกันต่อ นึกขึ้นได้ว่าลืมเติมน้ำมัน เมื่อเช้าเราลืมเติมน้ำมันก่อนออกจาก Bled มาเติมในปั๊มบน Motorway ราคาจะแพงกว่าปั๊มในเมือง เลยเติมแค่ 20 ลิตร ราคาลิตรละ 1.49 euro เดี๋ยวไปถึงเชกแล้วค่อยไปเติมอีกที คุณสามีเห็นเริ่มมีแดดเลยลงทุนขัดกระจกหน้ารถซะเลย อุปกรณ์หาได้จากในปั๊ม มีบริการฟรีทุกปั๊ม (แต่ต้องขัดเอง)

เรามาถึงเมือง Telc ประมาณ 2 ทุ่ม คืนนี้พักที่ Penzion Petra http://www.penzionpetra.cz/ ราคาห้องพักสองคนรวมอาหารเช้า 940 CZK มีครัวรวมให้ใช้ ก่อนถึงเมือง Telc ซัก 20 กม. ก็มีเรื่องให้ตื่นเต้น คือถนนช่วงนี้มืดมากๆ แทบไม่มีแสงไฟจากสองข้างทางเลย ถนนหลักยังพอมีรถวิ่งบ้าง เลยขับตามๆ ไปได้ ทีนี้เจ้า GPS ก็บอกให้เราเลี้ยวซ้ายข้างหน้า ซึ่งมันมองไม่เห็นเลยว่ามีถนนให้เลี้ยวได้ คุณสามีก็เลยไม่เลี้ยว ก็ขับกันต่อไปเรื่อยๆ GPS ก็พยายามบอกให้เราเลี้ยวซ้ายอีก กว่าจะเห็นถนนให้เลี้ยวซ้ายได้ก็เป็นครั้งที่ 4 ที่ GPS บอกให้เลี้ยว


ทีนี้พอเลี้ยวไปแล้วก็เอาล่ะสิ ถนนยิ่งมืดไปอีก คุณสามีเปิดไฟสูงแล้วก็ยังมองแทบไม่เห็นทางเลย ตอนนั้นคิดว่าคงต้องค่อยๆ คลานกันไป แต่โชคดีมากมีรถของคนเชกขับแซงรถเราไป คุณสามีเลยรีบขับตาม เค้าขับได้เชี่ยวชาญมากประมาณว่าจำได้ทุกโค้ง สงสัยว่าหลับตาขับก็ยังได้ (อันนี้ก็เว่อร์ไป) เราภาวนาขอให้เค้าขับไปเมือง Telc เหมือนเรา อย่าเพิ่งแยกไปเมืองอื่น หลังจากขับตามเค้าไปซัก 15 กม. ก็เข้าเขตเมือง Telc แล้วรถเค้าก็แยกไปอีกทาง ส่วนเราขับต่ออีกหน่อยก็เจอที่พัก ถ้าไม่มีรถคันนี้ช่วยนำไม่รู้จะมาถึง Telc กี่โมง

..

ออกมาเดินในเมืองนิดหน่อย เมืองเงียบมากแทบไม่มีคนเลย (ก็มันเกือบ 3 ทุ่มแล้วนิ) ถ่ายรูปได้นิดหน่อยแล้วก็กลับที่พัก

แวะมาปาดก่อนด้วยความระลึกถึงครับ : )

Day 8   Telc – Prague


วันนี้เดินเที่ยวเมือง Telc ช่วงเช้า แล้วขับรถไป Prague เช็คอินเข้าที่พัก แล้วก็ขับรถไปคืนที่สถานีรถไฟเมืองปรากเลย

Telč เป็นเมืองเล็กๆ มีจุดเด่นที่บ้านเรือนในแถบ Old Town Square ซึ่งปัจจุบันได้รับการรับรองโดย UNESCO ให้เป็นเมืองมรดกโลก

มีบ่อน้ำหรือแม่น้ำก็ไม่รู้อยู่รอบเมือง ด้านหลังที่เห็นในรูปคือปราสาท Telc วันนี้เป็นอีกวันที่ฟ้าเน่ามาก ไม่มีแดดเลย

เมือง Telc  อีกภาพ

จาก Telc ไป Prague ระยะทางประมาณ 160 กม. เราไปถึงปรากประมาณบ่ายสอง แต่กว่าจะหาที่จอดรถเพื่อเอาของเก็บที่พักได้ก็ต้องวนรถซะหลายรอบ แถมเลี้ยวผิดทีนี่หาที่กลับรถกันมึนเลย (เหตุผลที่ไม่ชอบขับรถในเมือง) จากนั้นเอารถไปคืนที่ Budget สาขาสถานีรถไฟเมืองปราก กิน Burger King แล้วก็นั่งรถไฟใต้ดินไปปราสาทปราก ไปขึ้นรถไฟตรงใกล้ๆ National Museum รูปนี้ถ่ายตอนขับเข้าปรากก่อนไปคืนรถ

กว่าจะมาถึงปราสาทก็เกือบห้าโมงเย็น เราลงป้าย Hradcanska ขอบอกว่าจากป้ายนี้เดินไปปราสาทไกลมาก  ฟ้าใกล้มืดแล้ว เดินเที่ยวบริเวณปราสาทนิดหน่อยแล้วก็เดินไปสะพาน Charles

ทางเดินไปสะพานชาร์ลส์ บรรยากาศเหมือนอยู่ในหนังฝรั่งสมัยก่อน

กรุงปรากยามค่ำคืน

มื้อเย็นเราทานอาหารที่ร้านอาหารชื่อ Restaurant Achat เป็นร้านอาหารของที่พักเพราะตอนเช็คอินเค้าให้คูปองลด 20% เลยมาใช้บริการซะหน่อย คุณสามีสั่งเสต็กเนื้อ ของเราเป็นปลาแซลมอน ราคาลด 20% แล้วเหลือ 443.2 CZK (ประมาณ 750 บาท) อาหารค่อนข้างธรรมดาๆ ค่ะ

ที่พักคืนสุดท้ายในปรากเราพักที่ Residence Liliova http://www.liliova.cz/en/residence-liliova  เป็นห้องพักที่ราคาแพงที่สุดในทริปนี้เลย คืนละ 97.45 euro (ประมาณ 4,200 บาท) แต่ห้องกว้างดีสมราคา โลเคชั่นก็ดีค่ะตั้งอยู่ฝั่ง Old Town เดินสามสี่นาทีก็ถึงสะพานชาร์ลส์

รูปสวยจังเลย เห็นแล้วอยากไปเที่ยว อีกมากมาย อิๆ


ตอนนี้ต้องเกาะกระทู้ไปเรื่อยๆก่อนละครับ

Day 9  วันสุดท้ายที่ Prague


เริ่มด้วยภาพห้องอาหารเช้า มีทั้งแบบ Buffet และ A la carte สั่งเพิ่มได้ตามเมนูบนโต๊ะ

วันนี้เป็นวันแรกที่ปรับ Daylight savings (ปกติจะปรับคืนวันเสาร์ต่อเนื่องวันอาทิตย์) ทำให้วันนี้เรามีเวลาเที่ยวเพิ่ม 1 ชั่วโมง อาหารเช้าที่นี่เริ่ม 8 โมงเช้า เราเลยออกไปเดินเล่นแถวสะพานชาร์ลส์ก่อนตอน 7 โมง ทำให้ได้ภาพสะพานแบบคนน้อยหน่อย เพราะปกตินักท่องเที่ยวบนสะพานจะเยอะมาก ^^

เราเดินเล่นบนสะพานเกือบๆ ชั่วโมงแล้วกลับไปทานอาหารเช้าที่พัก วันนี้เรามีเวลาเดินเล่นในปรากถึง 4 โมงเย็น เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็ไม่ได้ไปไหนไกลค่ะ เดินอยู่แถว Old Town กับ Charles Bridge วนไปวนมาซะหลายรอบ แล้วก็ขึ้น Tower ที่อยู่ปลายสะพานชาร์ลส์ทั้งสองด้าน กับ Tower ที่โบสถ์ที่มีนาฬิกา Astronomical Clock รูปนี้ถ่ายสะพานชาร์ลส์จาก Tower ฝั่ง Old town แต่วันนี้ฟ้าเน่ามาก เศร้า T_T

รูปนี้ถ่ายจาก Tower ฝั่ง Lesser Town นักท่องเที่ยวเยอะมาก ก่อนมาปรากอ่านเจอบ่อยๆ ว่าให้ระวังโจรล้วงกระเป๋า เราก็คอยระวังกระเป๋ากันสุดฤทธิ์ แต่เดินๆ ไปก็รู้สึกว่าไม่ค่อยน่ากลัวอย่างที่คิด เพราะส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยว และเห็นตำรวจเดินตระเวนเป็นระยะๆ

รูปจากบนสะพานชาร์ลส์

ไปเที่ยวด้วยค่ะ รูปสวยจัง 

ส่วนหนูน้อยเสื้อชมพูคนนี้น่ารักมากๆ ท่าทางจะชอบถ่ายรูป เป็นตากล้องถ่ายรูปให้คุณพ่อคุณแม่ด้วย

ส่วนหนูน้อยคนนี้กำลังจะเอาเงินให้คุณลุงที่โชว์การแสดงหุ่นชักบนสะพาน แต่ท่าทางเจ้าหนูน้อยกลัวๆ เจ้าหุ่นที่กำลังดีดกีตาร์เลยยืนหลบๆ ไม่กล้าหย่อนเงินลงกระป๋องซักที ^^

รูปปั้นนักบุญเนโปมุก ที่มีความเชื่อว่าใครได้ลูบที่ฐานรูปปั้นของนักบุญองค์นี้จะได้กลับมาเที่ยวปรากอีก ^^

เดินกลับมาฝั่ง Old Town บ้าง เพิ่งได้เห็นแดดตอนใกล้ๆ จะกลับ ใจร้ายมากๆ สงสัยอยากให้เรากลับมาซ่อมปรากใหม่ -*-

โบสถ์ Tyn Church รับแดดยามบ่าย

รูปสุดท้ายที่ปรากค่ะ ^^


เราจองไฟล์ทกลับจากปราก 18.20 น. เลยให้ที่พักจองลีมูนซีนไปสนามบินให้ราคา 590 CZK (ประมาณ 1 พันบาท) นั่งได้ 4 คน เราว่าราคานี้รับได้ไม่แพงเกินไปค่ะแลกกับความสบายที่ได้ แบบขึ้นรถหน้าบ้านได้เลย ไม่ต้องลากกระเป๋าไปสถานีรถไฟ ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ไปถึงสนามบินปราก


พอไปถึงสนามบินเราเพิ่งรู้ว่าไฟล์ทเราเปลี่ยนเวลาเป็น 17.40 น. ตอนแรกใจหายวูบเลยนึกว่าตกเครื่องซะแล้ว ดูนาฬิกาตอนนั้นเพิ่ง 16.20 น. เลยยังเช็คอินทัน เรานั่งเครื่องจากปรากไปลงแฟรงค์เฟิร์ต แล้วต่อ TG กลับถึงกรุงเทพฯ วันที่ 31 ต.ค. ตอนบ่ายๆ ... จบไปอีกทริปที่แสนจะประทับใจ (ปีหน้าเตรียมตัวไปตะลุยตุรกี)

..

สรุปค่าใช้จ่ายระหว่างอยู่ที่เชก ออสเตรีย สโลเวเนีย รวม 9 วันต่อสองคน คิดเป็นเงินบาทก็ประมาณ 70,000 บาท ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน เพราะเราแลกไมล์ไปค่ะ ค่าที่พักมีตั้งแต่พันกว่าบาทไปจนถึงสี่พัน ค่าอาหารก็ไม่แพงมาก เราว่าค่าครองชีพที่นี่ไม่แพงเลยถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป


               ขอบคุณเพื่อนๆ ที่เข้ามาเยี่ยมชมกระทู้นะคะ เดือนนี้กีบหมด ขอมาแจกต่อเดือนหน้าค่ะ

เมืองสวยมาก  ถ่วยรูปก็สวย ขอบคุณที่แบ่งปันให้ใด้เห็นความสวยงามนี้

อ่านยังไม่จบ แต่ขอเม้นต์ก่อน เข้ากระทู้มาเพราะชื่อสโลวีเนียเลยนะเนี่ย
อยากไปมากกกก เพราะอ่าน LP เล่ม Central Europe แล้ว Slovenia เป็น
ประเทศที่ LP แนะนำจนออกนอกหน้า ยิ่งกว่าประเทศใหญ่ๆ ดังๆ รอบข้างอีก
เสียดายที่ทริปที่แล้วเราจัดตารางซะเต็ม 3 ประเทศ คือ เยอรมัน ออสเตรีย เชค
จนไม่มีเวลาไปสโลวีเนีย ทริปหน้าไม่พลาดแน่ๆ สวยขาดใจเลยค่ะ ><

ขอบคุณสำหรับรูปสวยๆ และข้อมูลครับ

ไม่ทราบว่าคุณกาแฟขม ใช้ใบขับขี่แบบไหนครับ
ต้องไปทำใบขับขี่สากลหรือเปล่า
หรือใช้แบบมีแถบแม่เหล็กของไทยได้เลยครับ

สวยงาม น่าเที่ยวมากๆเลยนะคะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

สวยจังเลยครับ...ขอบคุณครับที่รีวิวให้ชม...หวังว่าจะได้ไปขับรถเที่ยวที่นี่บ้างครับ

รูปและรายละเอียด ยอดเยียมมากค่ะ

ภาพสวยมากค่ะ

สวยจังเลย  น่าไปเที่ยวมากๆ ค่ะ

น้าม่วงมหากาฬ   .. ขอบคุณที่มาเจิมกระทู้ให้จ้า ^^
คุณ kungtalay .. เราชอบเมืองเล็กๆ แบบ Karlstejn กับ Krumlov มากๆ เดินเที่ยวแล้วมีความสุข ^^
คุณ Destiny-Boy .. ยินดีจ้า ^^
คุณ ออร์-ฟิ-อุส_orpheus .. เชียร์ให้ไปนะคะ ทั้งเชก ออสเตรีย สโลเวเนีย ไปแล้วไม่ผิดหวังค่ะ ^^
คุณ Ameise .. ไม่อยากจะบอกคุณมดเลยว่าอันนี้แหละรีวิวฉบับสมบูรณ์ อิอิ
                       คือว่าทริปญี่ปุ่นปีที่แล้วเรายังรีวิวไม่จบเลย  (เหลือตอนสุดท้าย) อายจัง
                       เลยคาดว่าถ้าทำรีวิวทริปนี้เป็นตอนๆ ไม่รู้ปีหน้าจะรีวิวจบมั้ย ^^
คุณ Power of Tyrol .. คงเป็นเพราะ Bled กับ Bohinj มีทะเลสาบรายล้อมด้วยภูเขา เลยได้อารมณ์คล้ายๆ Hallstatt ^^
คุณฟองสบู่ .. ยินดีจ้า แนะนำเลยค่ะเมืองนี้ ^^
คุณมณีสยาม  .. ขอบคุณค่ะ ^^
น้องหน้าแว่น .. ขอบคุณจ้า น้ำท่วมคราวนี้เลยได้หยุดยาว ^^
คุณ MedicinePath .. ขอบคุณค่ะ เกาะกระทู้คุณ MedicinePath เที่ยวอยู่บ่อยๆ เหมือนกันค่ะ ^^
คุณ armearn .. ขอบคุณค่ะ เจอวิวสวยๆ ถ่ายมุมไหนก็สวยไปหมดค่ะ ^^
คุณ ataya .. ขอบคุณค่ะ ไปแล้วไม่แปลกใจที่ใครๆ ก็หลงรักปรากค่ะ ^^
คุณยูจินคุง .. ตอนแรกเราไม่ได้สนใจสโลวีเนียเลย แต่พอค้นหาข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าประเทศนี้น่าไปมากๆ ค่ะ ^^
คุณ n O r T H - 2 - s O u T H .. ทำใบขับขี่สากลไปค่ะ เพราะใบขับขี่คุณสามียังเป็นแบบเก่าอยู่ค่ะ ^^
คุณ โอลีพ/แม่น้องเซ้นต์ (olives), คุณ mordek1, คุณ winter green berry, คุณ BROWN STITCH, คุณ luckyfarm6662  ..
                        ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมและทักทายนะคะ ^^

..

น่าเที่ยวมากเลยค่ะ ขับรถเที่ยวได้ด้วยดีจัง ไว้หาโอกาสตามรอยไปบ้างค่ะ ^__^

คิดถึงคุณกาแฟขมจังเลยค่ะ ไม่ได้เห็นรีวิวตั้งนานแล้วนะคะ

ทริปนี้น่าตามรอยมากๆ เลยค่ะ

มาชมภาพสวย ๆ จากเช็คฯ ค่ะ
พูดถึงรถเช่า นึกถึงตอนเช่าขับที่ NZ เหมือนกันเด๊ะ ถอยหลังไม่ได้เหมือนกัน 555 ต้องไปตาม จนท มาสอน
โชคดีที่ยังไม่ได้ออกจาก ที่เช่า แต่ของเราโตโยต้านะ ต้องกดไปนิดหนึ่งแล้วถึงจะเข้าเกียร์ ตอนนั้นเล่นเอามืน 555
เสียดายจังอยากไปเช็คฯ มั่ง แต่กลัวเรื่องขับรถ พวงมาลัยซ้ายนี่แหละ จะทำมืน แล้วจะมีโอกาสไหมเรา???

ขอบคุณภาพสวย ๆ ค่ะ

ฮาโหลล .... คิดถึงคุณกาแฟขมเจงๆ หายไปนานเลยเนอะ
ไม่รู้ว่าเราเป็นคู่แฝดกันรึป่าว นะเนี่ย ปีที่ไปญี่ปุ่น ก็เจอปิดสนามบินเหมือนกัน
ไปญี่ปุ่นรอบสองก็ใกล้เคียงกัน แต่คุณกาแฟขมรีวิวไปจบละ เรายังไม่ได้ทำรีวิวเลย
พอมาทริปนี้ ก็ไปเทียวช่วงเดียวอีกละ แต่เราไป อิตาลีและ UK

ที่สำคัญนะ เที่ยวบ่อยเหมือนกันแต่ไม่ได้รีวิว เพราะเปลี่ยนคอมเหมือนกัน  555
จาก Window มาเป็น Mac เล่นเอาทำอะไรไม่ถูกกันไปหลายเดือนเลยทีเดียว ( แก่แล้วก็เงี้ย หมายถึงเราเองนะ  555)


ทริปนี้ น่าสนใจมากค่ะ อยากเห็นช่วง  Autumn ของยุโรป เหมือนกัน อากาศน่าจะดีนะคะ ไม่ร้อน แล้วก็ไม่หนาวจนเกินไป เดี๋ยวเก็บทริปนี้เอาไว้เป็นไกด์บ้างดีกว่า :) รูปสวยเหมือนเคย ที่สำคัญ มีรูปอาหารที่ชวนหิว ม๊ากก มากก :)

สวัสดีครับ

ภาพสวยมากชวนให้อยากเที่ยวอีกแล้วครับ

ขอบคุณครับ

ภาพสวยครับ
ปล. ปีหน้าผมวางแผนไปตุรกีเหมือนกันไม่ทราบคุณกาแฟขมจะขับรถเที่ยวอีกเหรอปล่าวครับ

แวะมาชมครับ มาขอตามไปเที่ยวด้วย

ชอบภาพและบรรยากาศมากๆครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

น่าไปตามรอยมากเลยค่ะ

สวยสุดยอดไปเลยครับ ทั้งธรรมชาติและสถาปัตยกรรม

แถมหน้าตาอาหารก้ยังน่าทานอีกต่างหาก อิจฉาคุณจขกท.จริงๆ ^^

 รีวิวสวยมากๆค่ะ 

เห็นเพื่อนที่กลับมาจากประเทศใกล้เคียงกันทะยอยโพสรูปยุโรปแล้ว  ... คิดว่าจะไปเคาะมาบ้านคุณกุ้งซะที ... วันนี้ก็เลยใจตรงกัน !  ^^   รอรีวิวกาแฟขมเพราะเหมือนได้ไปเที่ยวด้วย  ฉบับเต็มมาเร็วๆนะคะ

สวยงาม น่าไปมาก

ค่าใช้จ่าย 2 คนเท่านี้ไม่แพงเลย

ว่าแต่เมื่อไหร่ พี่กาแฟขม จะกลับไปเยี่ยมญี่ปุ่นอีกอะ

ตามไปเที่ยวสโลเวเนียด้วยคนครับ เห็นรูปของ Bled กับ Bohinj นานแล้ว ต้องหาโอกาสไปชมของจริงซักที อยากไปโครเอเชียด้วย แต่รอว่าเมื่อไหร่จะเข้าเชงเก้นซะทีจะได้ขอวีซ่าทีเดียว

ปราสาท Karlstejn ก็งามมาก ถ้ามีโอกาสไปเช็คอีกเมื่อไหร่ ต้องหาโอกาสไปชมบ้าง

อาหารที่ Cesky Krumlov ถูกจริง ๆ ครับ ตอนที่ไปทริปคล้าย ๆ กัน เมืองอื่นต้องพึ่งบริการพิซซ่ากับ fast food เป็นหลัก ไปถึงเมืองนี้กินปลา trout สองวันเลย ขาดสารอาหารมานาน

ปีหน้ากลับมารีวิวตุรกีให้ชมนะครับ

ขอบคุณที่ไปก๊อกๆหลังบ้านคะคุณกาแฟขม ถ้ารีวิวเต็มรบกวนก๊อกๆหลังบ้านอีกนะคะ  

รีวิวสวยมากๆ ดูแล้วเพลินจริงๆค่ะ  ต้องเซฟค่ะ

เพิ่งไปปรากมาช่วง พค ประทับใจมากๆค่ะ  รวมทั้งที่ออสเตรียด้วย (จริงๆก็ประทับใจทั้งทริปแหละค่ะ 555)  แถวๆในเมืองปราก คนเยอะตลอดเวลาจริงๆ ..ช่วงกลางคืน สวยมากเลยค่ะ บรรยากาศดี  เหมือนในหนังฝรั่ง  เมืองเชสกี้คลุมลอฟก็เช่นกัน โอ๊ย คิดถึงสุดๆ

คชจ ในเชคถูกกว่าเมืองรอบๆจริงค่ะ  ไม่แพงอย่างที่คิด

คุณ redmazda .. คุณสามีชอบขับรถค่ะ ถ้าประเทศไหนพอจะขับรถเที่ยวได้ ก็จะจัดทริปให้ขับ ^^
คุณบง Yai Klong_Tour Rai .. ไม่ค่อยได้เข้าห้องบลูเลยค่ะ รู้สึกเมื่อก่อนตัวเองว่างมาก
                             แต่เดี๋ยวนี้ทำไมเวลามันหายไปหมด ^^"
คุณแม่ติดเน็ต .. รู้สึกขับรถเช่าแต่ละทีจะต้องมีเรื่องให้ตื่นเต้น อย่างตอนไปออสเตรีย
                             คุณสามีสตาร์ทรถไม่ติดค่ะ กว่าจะรู้ว่าต้องเหยียบเบรกก่อนสตาร์ททุกครั้ง เล่นเอางงซ้า ^^
                             ขับรถพวงมาลัยซ้ายจะมึนช่วงวันสองวันแรก แล้วก็จะชินค่ะ
                             มึนที่สุดก็ตอนเข้าวงเวียน กับตอนเลี้ยวซ้าย เลี้ยวแล้วคุณสามีจะเผลอขับชิดซ้ายทุกที ^^
คุณ fox-uk .. ศิษย์เก่าห้องบลูยังไงก็ต้องหาเรื่องเที่ยวตลอด อิอิ แต่ใช้คอมพ์ใหม่แล้วปวดหัวจริงๆ
                             อยากให้คุณสามีเอาโฟโต้ช้อปเวอร์ชั่นเดิมของเราคืนมา อย่างรีวิวนี้ใช้ Photoscape แล้วไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่
                             ทริปนี้เสียดายที่เจอฝนตกไป 2 วัน แต่โดยรวมก็ถือว่าโอเค
                             อากาศดีค่ะ เจอใบไม้เปลี่ยนสีเหลืองๆ ตลอดทาง (ไม่ค่อยมีสีแดง) ทำให้อยากไปยุโรปช่วง Atutumn อีก ^^          
คุณ declare01 .. ไม่ได้เข้าห้องบลูนานเลยค่ะ ถ้าคุณ declare01 ทำรีวิว ช่วยมาเคาะเรียกกาแฟขมด้วยนะคะ
                             ตอนแรกอยากไปชิมร้านอาหารจีนที่ Ljubljana ที่คุณ declare01 เคยรีวิวไว้
                             แต่เวลาไม่พอค่ะ เลยไม่ได้แวะไป Ljubljana เลย ถ้ามีโอกาส อาจจะไปเที่ยวสโลวีเนียอีกรอบ ^^
คุณ บารากู .. ตอนแรกก็อยากจะขับรถเที่ยวตุรกีเหมือนกัน แต่เวลาน้อยค่ะและที่เที่ยวแต่ละที่ก็ไกลกันเหลือเกิน
                             คงต้องใช้สูตรเดียวกับเพื่อนๆ ที่ไปตุรกี ทั้งนั่งเครื่องในประเทศกับนั่ง Night Bus ค่ะ ^^
คุณ กัปตันลูกชุบ ..  ขอบคุณค่ะ ^^
คุณนางมารชุดส้ม .. ขอบคุณค่ะ แถบนี้มีที่เที่ยวน่าสนใจเยอะเลยค่ะ น่าไปมากๆ ^^
คุณแมลงภู่บนหูกระต่าย .. ขอบคุณค่ะ ชอบยุโรปตรงที่มีทั้งธรรมชาติสวยๆ กับเมืองเก่าที่แสนจะคลาสสิค ^^
คุณสาวหน้าใส .. ขอบคุณค่ะ ^^
คุณลอร่า อิงกัลส์ ~* .. รีวิวญี่ปุ่นปีที่แล้วยังไม่จบเลยค่ะ คาดว่าทริปนี้ถ้าทำรีวิวทีละตอนคงต้องใช้เวลาซัก 2-3 ปี ^^
คุณพริกดอง พริกน้ำส้ม .. ค่าใช้จ่ายทริปนี้ถูกกว่าไปญี่ปุ่นเยอะเลยค่ะ แต่ยังไงก็ชอบญี่ปุ่นมากกว่า (ชอบอาหารญี่ปุ่นที่สุด) ^^
                             ทริปญี่ปุ่นครั้งต่อไปพี่ทำแพลนเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ไปเมื่อไหร่ต้องรอคุณสามีอนุมัติอีกที ^^
คุณ Cherokee1 .. ทริปตุรกีปีหน้าจัดการลอกทริปคุณ Cherokee1 เรียบร้อยค่ะ ภาวนาอย่างเดียวขออย่าเจอน้องฝนเลย ^^
คุณ marzo .. อันนี้คือรีวิวฉบับเต็มแล้วค่ะ อิอิ ขอไปเรียนรู้คอมพ์เวอร์ชั่นใหม่ แล้วคงได้กลับมารีวิวแบบละเอียดเหมือนเดิมค่ะ ^^
คุณกรีน..ที .. ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยอยากไปเชกเพราะกลัวพวกมิจฉาชีพ แต่ไปทริปนี้แล้วไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
                             แต่ละเมืองก็สวยประทับใจ คราวนี้ยังขาดเมือง Karlovy Vary ไว้ต้องหาโอกาสไปให้ได้ ^^

..

ติดตามชมด้วยใจจดจ่อค่ะ

ปราสาทและเมือง Karlstejn  น่าไปเที่ยวมากเลยค่ะ

เป็นสถานที่ที่อยากไปขับรถเที่ยวอีกที่หนึ่งครับ

ไปช่วงนี้สวย โรแมนติคสุดๆเลย

เก็บเข้าอยู่ในลิสต์ในฝันเรียบร้อยครับ

เป็นเมืองที่สถาปัตยกรรมสวยๆ เยอะเชียวคะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวดี ๆ ข้อมูลเพียบพร้อม

กดเก็บกระทู้เข้าคลังไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ

สวยมากมาย เห็นแล้วอยากไปบ้างอะไรบ้าง

ไปเที่ยวด้วยคนค่ะ ภาพสวย บรรยากาศน่าไปมาก ๆ เลย

ขอบคุณมากค่ะ.. น่าตามไปเที่ยวมากเลย ^^

น่าไปมากๆ เลยค่ะ ไว้มีโอกาสต้องตามไปเที่ยวด้วยแล้ว ขอบคุณนะคะ

อ้าว... นึกว่าคุณกาแฟขมปล่อยออกมาให้เราอยากก่อน
มีเมืองน่าสนใจอยู่ในเส้นทางการเดินทางของคุณกาแฟขม ถ้ามีโอกาสขอตามรอยนะคะ ^^

ปล.แก้คำผิดคะ

คุณ SOYU_K .. เมือง Karlstejn น่ารักจริงๆ ค่ะ เป็นอีกเมืองที่ชอบมากๆ
                         ไปยุโรปช่วง Autumn สวยประทับใจอย่างที่คุณ SOYU บอกไว้จริงๆ ค่ะ ^^
คุณ Koon Shy_Tour Dee .. ไปหลายๆ คนขับรถเที่ยวก็สนุกดีค่ะ ขอบคุณที่มาเยี่ยมชมนะคะ ^^
คุณ hollaneung .. เราชอบไปเมืองเล็กๆ ค่ะ ไม่วุ่นวายดี แต่อย่างปรากถึงคนเยอะ แต่ก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ ^^
คุณ Salmon Lover .. ขอบคุณค่ะ เราชอบพวกเมืองเก่าๆ ในยุโรปค่ะ รู้สึกเดินเที่ยวได้ไม่เบื่อเลย ^^
คุณ @}-- เยอบีร่า --  คุณ Holly  คุณ Blue Whale .. ยินดีค่ะ ไปช่วง Autumn คนไม่เยอะเท่าช่วง Summer
                       อากาศก็กำลังดีเลยค่ะ ^^
คุณ marzo .. ยินดีจ้า มีลิสต์เที่ยวนอกทัวร์อยากตามรอยคุณ marzo อยู่เหมือนกัน ^^

..

เที่ยว 9 วันสุดคุ้มเลยนะคะ  ในราคานี้  คงไม่มีโอกาสได้ไปแบบนี้  ชมภาพก็ยังดี  ขอบคุณค่ะ 

เพิ่งมีโอกาสได้มาไล่ดูกระทู้รีวิว ใน BP
เพราะหนีน้ำ อพยพไปอยู่หัวหินมาเป็นเดือนเลย

ทริปของเจ๊ขม ดูแล้ว เป็นทริปคุณภาพมาก ๆ เลย
มีครบทุกอรรถรส ทั้งปราสาท เลค oldtown
แถมขับรถเที่ยวทั้งทริป เป็นอะไรที่เราโปรดมาก ๆ เช่นกัน

เห็นเจ๊ขมบอกปีหน้าจะไปตุรกี
จริง ๆ แล้วช่วงเมษายนที่จะถึง เราก็แพลนไปตุรกีเหมือนกัน
แต่เพื่อนร่วมทริปห่วงว่า จะเจอแผ่นดินไหวหรือเปล่า
เพราะมันเพิ่งไหวไปสด ๆ ก็เลยต้องเปลี่ยนแพลนอีกแล้ว

เห็น Slovenia ก็ดูน่าสนใจดี อาจจะมีโอกาสได้ไป
เพราะเราแพลนจะไป Croatia นะ
แต่ก็ยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ อาจจะเปลี่ยนอีกรอบ ฮ่า ฮ่า

เจ๊นางฟ้า .. พอดีทริปตุรกีเราออกตั๋วไปเรียบร้อยแล้วก่อนเหตุแผ่นดินไหว
                 กลับตัวไม่ทันแล้วก็เลยตามเลยแล้วกัน คิดซะว่ามันเพิ่งไหว มันคงไม่ไหวอีก (มั้ง)

                 โครเอเชียก็อยากไปเหมือนกัน แต่คุณสามีขี้เกียจขอวีซ่าโครเอเชียแยกต่างหาก
                 เลยตั้งใจว่าถ้าโครเอเชียเข้าเชงเก้นเมื่อไหร่ อาจจะได้ไปโครเอเชียแล้วก็ไปเยือนสโลเวเนียอีกรอบ
                 คุณสามีติดใจเมือง Bled โดยเฉพาะเพลงสไตล์คันทรี่ที่เปิดที่ที่พัก ถึงขั้นขอก๊อปเพลงเค้ากลับมาด้วย อิอิ  ^^

..