แก้ไขจากหัวข้อกระทู้นะคะ จริง ๆ โปรแกรมวันนี้มันคือ Green Tour ค่ะ

คือเราไม่ได้หาข้อมูลอะไรมาก รู้ว่าทัวร์ที่เขามักจะไปกันก็จะมี กรีนทัวร์กับ เรดทัวร์นี่แหละ (ที่จริงมี บลู ทัวร์ด้วย) ตอนแรกถ้าเป็นไปตามแผน นอนสามคืน เราก็ว่าจะไปมันให้ทุกที่เลย แต่เนื่องจากมีเวลาแค่สองวันก็เลยได้แค่หลัก ๆ สองเส้นทาง Green Tour & Red Tour  

รายละเอียดข้างล่างนี่ก๊อปมาจากอินเตอร์เน็ทนี่แหละค่ะ

Highlights
Goreme Panaroma
Derinkuyu Underground City
Ihlara Valley
Belisirma Lunch
Yaprakhisar
Selime Monastery
Pigeon Valley
Return back to Hotel

ทัวร์จะเริ่มมารับที่โรงแรมเวลา 9.30 นะคะ เขาจัดเวลาพอดีเลยสำหรับคนที่นั่งรถต่างเมืองมา ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะมาจากอิสตันบูลหรือมาจาก ปามุคคาเล่ หรือแถบอื่นๆ  ในตุรกี นั่งรถมาถึงเช้า 6-7 โมงเช้า เก็บของเข้าที่พัก ถ้ามาถึงเร็วก็ยังพอมีเวลาอาบน้ำอาบท่า ถ้ามาถึง 8 โมงก็แค่เช็คอินเอากระเป๋าฝากไว้โรงแรม แล้วก็เริ่มทัวร์เลย

อันนี้กระทู้แรกค่ะ

Turkey Trip Day 1-2 Lost in Ankara
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11347638/E11347638.html

รถก็เริ่มตระเวณรับลูกทัวร์ตามโรงแรมต่าง ๆ รถตู้คันหนึ่งก็น่าจะไม่เกิน 15 คนนะคะ อากาศอึมครึมค่ะ ฟ้าไม่เปิด นี่ก็แถบในเมืองเลย จากโรงแรมที่พักเดินเที่ยวได้

บริเวณย่านใจกลางเมืองโกเรเม่  โรงแรมนี้ใหญ่ทีเดียว

ตอนแรกเราก็คิดอยู่ว่าอันนี้มันคืออะไร
ที่จริงมันคือ ตะกร้าบอลลูนอะค่ะ ไม่รู้เรียกว่าอะไร

จุดชมวิวไม่ไกลจากในเมืองเลยนะคะ นั่งรถมาแป๊บเดียว
ที่จริงถ้ามีจักรยานหรือมอเตอร์ไซด์ให้เช่า นักท่องเที่ยวคงปั่นมาเองกันเยอะอยู่ แต่ที่เห็น ต่างก็มากับทัวร์ทั้งนั้นเลย คือ ซื้อทัวร์เป็นวัน ๆ แบบนี้แหละ

ดูอากาศ ไม่เป็นใจเอาซะเลย

มืดได้อีก

คือเป็นชั่วโมงแรก ๆ ที่พวกเราลูกทัวร์ต่างคนต่างมาเพิ่งเจอกันค่ะ เลยเกร็ง ๆ ไม่ค่อยปฏิสัมพันธ์อะไรกันเท่าไหร่ แต่หลังจากเที่ยงวันไปแล้ว โอ้ กรุ๊ปเราสนุกสนามมากมายประหนึ่ง รู้จักกันมาสามวัน

อันนี้ก็เป็นจุดที่เขาถ่ายรูป panoramic view กัน
เราก็ได้มาแบบมืด ๆ อีกเช่นกัน

คนนี้คือไกด์ของเราค่ะ พูดตั้งแต่เช้าถึงเย็น เสียงไม่ตกเลยจริง ๆ
เวลาไปแวะแต่ละจุด ไกด์จะบอกเสมอว่า โปรดฟังอิชั้นบรรยายให้จบก่อนนะคะ จากนั้นก็จะให้เวลาแยกย้ายกันไปถ่ายรูปค่ะ

กรุ๊ปเรามี ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี พูดง่าย ๆ นะ คนจากประเทศพัฒนาแล้ว มีมารยาทค่ะ ฟังไกด์บรรยายให้จบก่อน ถือว่าเป็นการให้เกียรตินะคะ แต่วันที่สองกรุ๊ปเรามีคนจีน และจากที่เราเห็นรถตู้คันอื่นที่เป็นคนจีน พอถึงจุด ไม่สนค่ะ รีบเดินไปหามุมถ่ายรูปอย่างเดียว คือมันเห็นความต่างจริง ๆ เลยนะคะเนี่ย มันรู้สึกได้เลย (บ้างก็แต่งตัวมาเหมือนจะไป paris เมืองแฟชั่นนะคะ เอิ่ม เห็นชุดแม่นางแต่ละคน ได้ข่าวมาทัวร์เดินป่า  ขออนุญาตเม้าท์นิดนึง)

เพิ่งรู้นะเนี่ยว่า ถ่ายรูปมาไม่เยอะเลย ไม่ค่อยได้มุมกว้างมาซักเท่าไหร่

จากจุดชมวิว

แถบนั้นมีร้านขายของที่ระลึกอยู่ แต่พวกผ้าพันคอผ้าคลุม แพงอยู่

เดี๋ยวมาต่อนะคะ ต้องออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่ง

เด็กสองคนนี้ซนจริง

กระโดดเกาะขอบเลนส์ตามไปด้วยติดๆ ค่ะ
ภูมิประเทศดูสวยแปลกตาจังเลย

ตามมาเที่ยว Green Tour ด้วยคน มาดูว่าพลาดอะไรไปบ้าง

ตามมาชมต่อค่ะ

วานให้คนอื่นช่วยถ่ายรูปให้หน่อย ก็เลยออกมาเช่นนี้

วิวแถบ ๆ นั้น ตรงจุดยอดเขานั้นเป็นบริเวณที่สูงที่สุดในแถบนี้ เมื่อก่อนเคยเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปชมได้อยู่ แต่เมื่อสองปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจากสเปน (อะไรทำนองนี้อะค่ะ จำไม่แม่นนัก) ลื่นและตกลงมาเสียชีวิต เขาก็เลยไม่ค่อยอยากให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเท่าไหร่

เราถ่ายรูปจากในรถ

ต่อไปเราไปแวะ โรงงานเล็ก ๆ ทำหิน (หรือดินหว่า) แบบเป็นหินจากภูเขาไฟที่เกิดในภูมิภาคนี้เท่านั้น มีคุณสมบัติพิเศษส่องไฟแล้วจะ transparent ตอนไม่ส่องไฟก็เหมือนกับหินอ่อน หินธรรมดา เขาทำตั้งแต่เอาหิน  (คือจริง ๆ อาจจะไม่ใช่หินเพราะเนื้อมันอ่อนกว่า มัน grinding ได้) มาเจียรกับเครื่องแค่สองนาทีเท่านั้น จากหินเปลือย ๆ ก็แปลงสภาพไปเป็นหินที่สวยมากก

เราแวะโรงงานนี้ไม่นานค่ะ ไม่ได้ถือว่าเสียเวลาอะไร มาเที่ยวบ้านเขาทั้งทีเขาอยากโชว์ก็ไปดูซะหน่อย ได้แวะจิบชาแอปเปิ้ล แวะเข้าห้องน้ำได้  (พรุ่งนี้ยังมีโรงงานกระเบื้องอีกนะ)

อันนี้กรุ๊ปของเรา ก่อนเข้าโรงงาน เกาหลีเกินครึ่งค่ะ

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์

เจอกรุ๊ปอื่นด้วย (รอบนั้นมีสองกรุ๊ป)

ลุงเขาก็เอาหินนั้นไปเจียร ๆๆ กับเครื่องแบบ manual นะ หมุน ๆ ไปแป๊บ ๆ ระหว่างตอนใกล้เสร็จต้องเอาน้ำลูบ ๆ ด้วยให้มันออกเป็นสี ตัวอย่างหินที่ทำเสร็จแล้ว

รูปโฟกัสพลาดไปหน่อย มัวนิด ๆ

ดูสาธิตการทำหินแป๊บเดียว ก็ตามสเต็ปค่ะ ฮ่า ฮ่า เข้าห้องขายของกัน

มีเยอะเลย ทั้งแบบเครื่องประดับและของตกแต่ง

สร้อย แหวน เครื่องประดับ

จากนั้น เราต้องนั่งรถไปอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะ เพื่อจะไปยังจุดต่อไป น่าจะเป็น Monastery อะไรซักอย่าง เพราะว่า ไกด์เอาสลับกับ underground city ทำไมไม่รู้ ลืมอะค่ะ เสียดายที่มีเวลาแวะไม่นาน

วิวระหว่างทาง

ตามมาชมรูปสวยๆก่อนไปนอนคืนนี้ค่ะ  
เมื่อกี้หน้าจอค้างน่ะค่ะ

วิวอีก สังเกตดู landscape แถบนี้โล่งเตียนไปหมด แทบไม่มีภูเขา

คนชอบถ่ายรูปแนว landscape น่าจะมาเที่ยวคัปปาโดเกียนะคะ อิอิ

สวัสดีค่ะ คุณ สาวหน้าใส ขอบคุณที่เข้ามาทักทายกันนะคะ

นี่ใกล้ถึงแล้ว

ประวัติแถบนี้ ไม่รู้จริง ๆ ค่ะ 555 จำไม่ได้เลยค่ะ เพราะมีเวลา 15 นาที โอ้ นี่มันทัวร์ตีนเหยียบชัด ๆ อะไรกันเนี่ย และเราก็ไม่ได้ขึ้นไปด้านบนด้วย น่าจะเป็นโบสถ์อะไรซักอย่าง  คือ แถบนี้มันมีโบสถ์เยอะมากเลยนะคะ คือ มีคนไปอยู่ในบ้านหินที่ไหน ก็ต้องมีโบสถ์อะค่ะ

เลยได้วิวแค่บ้านหินค่ะ  ฮิฮิ ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ได้แต่ถ่ายรูป ค่อยยังชั่วหน่อยมีแดดมาเป็นพัก ๆ

ที่เขาเดินขึ้นไปนั่นเราก็ไม่ได้เดินขึ้นไปเลย

นี่ไปปรับโหมดอะไรละเนี่ย หลอกตามาก

กรี๊ด ข้างบนรูปใหญ่เว่อร์ละ ขอโทษนะคะ ผิดพลาดไปหน่อย

ทัวร์เอเชียค่ะ อืม นึกว่าไปเที่ยวเมืองจีนนะเนี่ย เจอแต่คนจีน คิดว่าจีนนะ ไม่ใช่เกาหลีด้วย

ลักษณะถ้ำ  ที่เราไม่ได้เข้าไปเลยยย เท้าเหยียบจริงๆ ค่ะ จุดนี้ ลงถ่ายรูปอย่างเดียว เดินไปไกลก็ไม่ได้อีกต่างหาก

อันนี้มองไปฝั่งตรงข้าม

มาชมเมืองสวยๆ ด้วยค่ะ แต่เดี๊ยวคงต้องย้อนไปดูตอนแรกๆ
ช่วงนี้ลี้ภัยน้ำท่วม เน็ตด๋อยๆ โหลดภาพขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้าง

จากนั้นเราก็เดินทางต่อค่ะ

คือ หลาย ๆ คนอาจจะไม่ชอบนะแบบว่า ทำไมต้องเป็นทัวร์ชะโงกด้วย
คือ ที่คัปปาโดเกียเนี่ยจุดชมสถานที่มันมีหลายจุด แต่ละที่ก็ห่างกัน 4-5 km, 20 km, 30 km บ้าง ถ้าไม่ไปกับทัวร์ก็ไม่รู้จะไปยังไงแล้วค่ะ นอกจากมีรถส่วนตัวอะนะคะ  ฮ่า ฮ่า แต่พอรู้อยู่ว่า อย่าง Goreme open air museum เนี่ย อาจมีรถมาส่งได้ (รวมอยู่ใน เรดทัวร์วันที่สอง) แต่จริงๆ แล้วเวลาไม่พอค่ะ กะไว้อยู่ว่า ถ้ามีเวลาสามวัน วันที่สามจะไปเดินเองซะหน่อย   กรุ๊ปวันที่สองของเราก็มีคนตุรกีอยู่ในกรุ๊ปด้วยเหมือนกัน ไกด์ก็ต้องบรรยายสองภาษาเลย

วิวแถบ ๆ นั้น

วิวอีก

จากนัั้น นั่งรถไปอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ไปแวะทานข้าวค่ะ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่สมัยก่อน คนกรีกเคยมาตั้งถิ่นฐานอยู่ คือ ทั้งคนตุรกีและคนกรีก เนี่ยก็ไป ๆ มา ๆ หาที่อยู่หรือติดต่อค้าขายไม่ทราบ ลืมอีกแล้ว  (ประวัติอย่าถามนะคะ จำไม่ค่อยได้ค่ะ ฮี่ ฮี่) บริเวณนี้ก็เลยมีหมู่บ้านกรีกตั้งแต่สมัยโบราณอยู่ด้วย แถบนี้จะมี walk rally ด้วย  อ้าว เปล่าค่ะ อันนี้ตั้งชือเอง จริง ๆ เป็นเดิน Hiking เล็ก ๆ ค่ะ คล้าย ๆ ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่เพราะเป็นเด็กบ้านนอกมาก่อน เหมือนบ้านชั้นเด๊ะเลย (ความรู้สึกหลังจากเดินนะ)

แวะทานข้าวกลางวันก่อน

ตอนนี้ เริ่มคุยกันในกรุ๊ปแล้วค่ะ กรุ๊ปเรามีนักท่องเที่ยวที่มาเดี่ยว 5 คน ลากมานั่งโต๊ะเดียวกันหมดเลย  ผู้ชายคนนี้เป็นคนอิตาเลียน มีผู้หญิงจากสเปนหนึ่งคน ผู้หญิงอิตาเลียนอีกหนึ่งคน (แต่เป็นครูสอนภาษาเยอรมัน) ผู้หญิงญี่ปุ่น (แต่มาจากปารีส) และ ก็เรา  เริ่มเม้ากันสนุกสนาน  ปรากฏว่า ผู้ชายอิตาเลียนคนนี้ เคยมาเมืองไทยบ่อยมาก ทำงานให้กับบริษัท ซีพี อ้าว ก็คุยกันเรื่องกรุงเทพกันยกใหญ่ ผู้ชายคนนี้น่าจะชื่อ ลูคัส อะไรซักอย่าง พูดสแปนิชได้ ก็คอยคุยกับผู้หญิงสเปน เพราะเขาก็พูดอังกฤษไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่  

อาหารเห็นสีสด ๆ อย่างนั้น จืดค่ะ อยากได้น้ำจิ่มแจ่วมากค่ะ แต่หาไม่ได้ต้องกินข้าวกับเกลือค่ะ เอาเกลือกับพริกไทยโรย

อ้อ มืออาหารที่รวมอยู่ในราคาทัวร์ ส่วนใหญ่จะให้เราจ่ายค่าน้ำเองนะคะ เป็นน้ำขวดเล็กทั่วไปขาย 0.5 ลีร่า แต่ร้านพวกนี้จะขายที 2-3 รีล่าค่ะ มีอยู่ครั้งหนึ่งเราเงินไม่พอ มีแค่สองเหรียญและก็แบงค์ เขาก็เก็บแค่สองนะ

กินข้าวเสร็จไอ้เราเห็นสัตว์เป็นไม่ได้ค่ะ รีบจรลีขอตัวไปถ่ายรูปสัตว์โลกที่น่ารักแถบนั้น

มีเป็ดด้วย สวยมากกกก

รวมสัตว์โลกที่น่ารักตรงใกล้ๆ  ร้านอาหาร

จากนัั้นเราก็เริ่มเดินป่า (เล็ก ๆ ค่ะ) ยังไม่รู้เลยนะเนี่ยว่ามันอยู่ในโปรแกรมทัวร์ ฮ่าฮ่า ไม่รู้เลยยย กะว่าทัวร์พาไปไหนก็ไปหมดนั่นแหละ ไหน ๆ มันก็เป็น standard tour program อยู่แล้ว

อันนี้คือหน้าตากรุ๊ปเราค่ะ

กรี๊ด นึกว่ากำลังจะไปเที่ยวโซรัคซานที่เกาหลีนะเนี่ย

ไกด์บอกว่า เราไปรวมตัวกันถ่ายรูปบนสะพานกันเหอะ

อืมมม รูปชัดมากเลยค่ะ

ก็เดินตามกันไป

สถานที่นี้ น่าจะเป็น  Ihlara valley จำได้อยู่เพราะไกด์สอนออกเสียง ต้องมีเสียง ฮ ในลำคอด้วยอะ

แถบนี้เขาบอกว่าเนื่องจากเป็นดินจากภูเขาไฟ ก็จะมีธาตุอาหารดีเป็นพิเศษ พืชพันธุ์ต่าง ๆ เจริญเติบโตได้ดีมาก ช่วงที่เราไปเขาเก็บเกียวแล้ว เหลือแต่ต้นแอปเปิ้ลที่มีลูกดกเต็มต้น ผลแอปเปิ้ลตกเต็มพื้น

ลูกแอปเปิ้ลเต็มต้นจริง ๆ

เราเดินมาเรื่อย ๆ เป็นลักษณะเดินวนกลับ แล้วเราก็ผ่านบ้านกรีก ที่ตอนนี้ไม่มีคนอยู่แล้ว

อีกซักหลังหนึ่ง คือเป็นชุมชนตั้งแต่สมัยโบราณว่างั้น บ้านเป็นลักษณะเหมือนกันหมดเลย (เรายังไม่เคยไปกรีซเลยไม่รู้ว่ามันเหมือนกันจริงมั้ย)

ร่องรอยอื่น ๆ ของหมู่บ้านกรีก เราไม่ได้เดินเข้าไปนะ แค่เดินผ่านเฉย ๆ เนื่องจากกินข้าวกันไปชั่วโมงกว่า ๆ รออาหารอีก คนที่สั่งปลา ได้ช้ามากก

เดินย้อนกลับมาถึงบริเวณร้านอาหาร
มีกลุ่มที่เพิ่งมาถึงด้วย นั่งแบบ outdoor

ออกเดินทางกันต่อไป นี่คือรถตู้ของกรุ๊ปเราวันนี้

คนเกาหลีกลุ่มใหญ่นั่นก็ไม่ได้มาด้วยกันทั้งหมดนะ ต่างคนต่างมา มีสามกรุ๊ปด้วยกัน

สถานที่ต่อไป เป็น underground city นั่งรถไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมง

วิวระหว่างทาง

อ้อ ขอย้อนกลับไปภาพหนึ่งนะคะ อันนี้คือ ตอนที่รถวิ่งออกมาจาก หุบเขา Ihlara valley แล้ว คือพวกหมู่บ้านจะซ่อนตัวอยู่แถบภูเขาหินหมดเลย  ซ่อนกันเข้าไปเรียกว่าคงโดนบุกรุกมากมายหลายรอบ  ไม่รู้จากรูปนี้พอจะมองเห็นกันหรือเปล่า

นั่งรถกันต่อไป
มีวิวเทือกเขาปกคลุมด้วยหิมะเป็นแบคกราวน์

บางช่วงก็เรียบเตียนเชียว

มีแกะด้วย

บ้างก็มีเนินเขาเตี้ย ๆ

ภูมิประเทศแปลกตา

ถึงแล้วค่ะ

พอดีนึกออกแล้วว่าทำไมต้องสลับโปรแกรมมาที่นี่ตอนบ่าย เพราะว่าเขาเปิดตอนบ่ายค่ะ อย่างที่บอกว่าช่วงนี้เป็นวันหยุดราชการ เลยอาจจะไม่เปิดทุกจุด

ลงรูปใหม่

ขออนุญาตต่อวันพรุ่งนี้นะคะ

ขอบคุณที่เอามาให้ชมนะครับ หลังจากตกบอลลูนขาเจ็บวันนั้น Green Tour ของผมก็เลยเป็นชะโงกทัวร์ ได้แต่ชะโงกจากในรถ
รอชม Underground City ต่อนะครับ ดีใจมีคนพาไปดูแล้ว

สวยมากคับ


ไปตุรกีมารอบหนึ่งแล้ว แต่ไม่ได้ไปคัปปาโดเจีย


ช่วงนั้นไปธุระ อยู่แต่อิสตันบูล


ต้องหาทางไปคัปปาโดเจียให้ได้แระ

underground city นี่จุดที่ทัวร์จะพาลงไปชม อยู่ลึกถึงแค่ชั้น 5 เท่านั้นแต่จริง ๆ มีลึกมากกว่านี้อีก การนับก็นับจากพื้นดินลงไปนะคะ ชั้นที่ใกล้กับ ground level ก็ึืคือชั้น 1 ลึกลงไปก็ชั้น 2 ชั้น 3 ไปเรื่อย ๆ แต่ตอนที่เิดินลงไปจะไม่ค่อยรู้ว่า เรากำลังอยู่ชั้นไหน เพราะทางมันคดเคี้ยววกวน หลายห้องหลายจุดเกิน ดูไม่ออก แต่ไกด์จะบอกเป็นระยะ ๆ ว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ที่ชั้นไหน

เรากลับมาเพิ่งรู้ว่าถ่ายรูปมาได้ไม่เยอะเท่าไหร่

เป็นที่อยู่อาศัยเลยสำหรับหลบซ่อนตัวไม่ให้ศัตรูเห็น คาดว่า ณ สมัยนั้นเป็นชุมชนใต้ดินทีบรรจุ (ใช้คำนี้หรือเปล่าหว่า) คนได้ถึง 35000 - 50000 คน แอบคิดไมไ่ด้นะ ถ้าแผ่นดินไหวนี่เสร็จแน่ ๆ

เราว่าสถานที่นี่้ไม่เหมาะสำหรับเด็กน้อย คนแก่ คนป่วย คนเป็นโรคหัวใจ หอบ (มีคำเตือนตรงทางเข้าเลย เหอ เหอ) เพราะว่าบางช่วงทางเดินแคบมาก เดินได้ทีละคนเท่านั้น ขาลงนี่ไม่เท่าไหร่ แต่ขาขึ้นเนี่ย หอบแฮ่ก ๆ เลย คือเป็นทางกลับขึ้นมาข้างบนเหมือนเดินขึ้นเขา และต้องเดินเร็วด้วย โอ๊ย ลูกทัวร์แต่ละคนหยุดหอบหายใจกันเป็นแถว ๆ

อิอิ ก๊อปมาละ

http://en.wikipedia.org/wiki/Derinkuyu_Underground_City

The underground city at Derinkuyu could be closed from the inside with large stone doors. The complex has a total 11 floors, though many floors have not been excavated. Each floor could be closed off separately.

The city could accommodate between 35,000 and 50,000 people and had all the usual amenities found in other underground complexes across Cappadocia, such as wine and oil presses, stables, cellars, storage rooms, refectories, and chapels. Unique to the Derinkuyu complex and located on the second floor is a spacious room with a barrel vaulted ceiling. It has been reported that this room was used as a religious school and the rooms to the left were studies

คือลักษณะแต่ละห้อง แต่ละจุดก็เป็นหิน ๆ แบบนี้คล้าย ๆ กันทั้งหมด

ชั้นบนสุดจะเป็นที่อยู่ของพวกสัตว์เลี้ยง ม้า ลา วัว หรืออะไรต่าง ๆ เพราะว่าสัตว์ที่ตัวใหญ่ ๆ ก็ไม่อาจจะเดินไปในทางแคบ ๆ ได้ คือทางเดินระหว่างชั้นก็เป็นบันไดที่แคบมาก

แต่ละชั้นจะมีช่อง shaft หรือ opening เอ รึจะเป็นช่อง manhole ด้วย (อันหลังนี่เดาเอานะ)  ที่เชื่อมถึงกันเป็นช่องระบายอากาศ ให้อากาศจากด้านบนลงมาสู่ใต้พื้นดินด้วย ประมาณนั้น เพราะอย่างที่เข้าใจกันว่า ยิ่งลึกก็อาจจะไม่มีออกซิเจน และก็เป็นช่อง communication ด้วย เอาไว้ตะโกน เรียกหากัน จากชั้นหนึ่งจะไปชั้น 5 อย่างนี้เป็นต้น

ดูทางลง แคบมาก ๆ ต้องลงทีละคนเท่านั้น

ในคัปปาโกเกีย นี่ยังมีดินแดน underground city อีกหลายแห่ง น่าจะ 15 หรืออะไรนี่แหละ  (จำนวนไซท์ จำไม่ได้แน่นอนนะคะ)  แต่ที่เิปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมจริง ๆ มีแค่ไม่กี่ไซท์เท่านั้น (4-5 ?) และไซท์ที่ใกล้ๆ  กัน ห่างกันไม่มากเช่น 4-5 กม นักโบราณคดีบอกว่า ก็พบทางเชื่อมต่อระหว่างชุมชนด้วย  อืม  เก่งจริง ๆ เอาอะไรขุดดินกันเนี่ย ขุดกันเป็นโพรง ๆ เป็นห้อง ๆ ได้ใหญ่โต อลังการเ่ช่นนี้

บริเวณชุมชนใต้ดินนี้ก็มีโบสถ์อยู่ด้านในนะคะ แต่ว่าไม่มี painting อะไรนะ มองไม่เห็นจริง ๆ แต่จะเป็นห้องกว้างกว่าห้องอื่น และ ไกด์ก็บอกว่าตรงนี้ เป็นโบสถ์

ช่วงที่เราไป ตามเคย คนเยอะมาก ต้องรอให้แต่ละกรุ๊ปเดินผ่านแล้วกรุ๊ปใหม่ค่อยเดินตาม หรือเดินสวนกัน ขึ้น ลง เพราะอย่างที่บอกว่า ทางเดินแคบมากเดินได้ทีละคนเท่านั้น

จะหยุดบรรยายก็ต้องนัดแนะกันกับกลุ่มอื่นด้วย เนื่องจากบริเวณใต้ดินโดยเฉพาะที่เป็นทางเดินระหว่างชั้น ไม่มีมีที่โล่งกว้างให้คนหลาย ๆ คนยืนคุยกัน

ชุมชนนี้ในสมัยก่อน ต้องอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ เวลาจะทำกับข้าวก็ต้องทำในเวลากลางคืนเท่านั้น ไม่ให้ศัตรูเ็ห็นเพราะจะมีควันลอยขึ้นไปโดยทางช่อง shaft / communication hole (?) นั่นแหละ อันหลัง จขกท ตั้งเองนะคะ อิอิ  ศัตรูนี่ไม่ใช่อะไรหรอก ไม่ได้จะไปรบรากับใคร แต่ก็เป็นพวกที่กวาดล้างคริสเตียน หรือพวกล่าดินแดนทั้งหลายนั่นแหละ

จากเวบของวิกิ เขาบอกว่าแถบ เนฟเชียร์นี่มีดินแดนใต้ดินเยอะมาก แต่ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมคิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ทั้งอากาศเย็น ทั้งอับค่ะ ที่เขาเตือน ๆ คนเป็นโรคหัวใจ ว่าไม่ควรลงไปก็กลัวว่าเกิดอะไรฉุกเฉินกระทันหันขึ้นมา จะกลับขึ้นมาพื้นดินได้ไม่ทันการอะค่ะ  ข้างล่างไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก เพราะระดับที่ลงก็ยังไม่ลึกมาก

ทางเดินแบบนี้บางช่วงยาวมาก ต้องวิ่งลงทีละคน ทีต้องเป็นทีละคนเพราะว่ามันหยุดไมไ่ด้อะค่ะ ไปต่อไม่ได้ (เช่นกัน ขาขึุ้นก็ต้องวิ่งขึ้นทีละคนหรือสองคนนะ และคนอื่นๆ  ก็รอนับสมาชิกที่ต้นทางไป)

ตรงนี้เป็นทางที่จะเข้าไปบริเวณ Church  (ซึ่งอิชั้นไม่รู้เลยว่านี่หรือคือโบสถ์) อย่างที่บอกว่ามันจะเป็นที่โล่ง กว้างกว่าบริเวณอื่นๆ  เท่านั้น

จาำกคำบรรยาย ไกด์ก็ถามว่า "นี่จะไม่มีใครถามอะไรเลยรึ เนี่ยชั้นรอคำถามอยู่นะ สงสัยมั้ยว่า มันมีอะไรที่ไม่เจอ ในชุมชนแห่งนี้"  สรุป เราทายถูก ก็ตอบอยู่คนเดียว ฮ่า ฮ่า ฮ่า คือ มันไม่มีห้องน้ำค่ะ ไม่มีสุขา ไม่เจอสิ่งอะไรที่เ็ป็นรู ๆ ลงไปแล้วให้ถ่าย (เหมือนที่อีฟีซุสอะนะ)  ไกด์บอกว่าเนื่องจาก คัปปาโดเกียเนี่ย มีชื่อเสียงเรื่องเครื่องปั้นดินเผา เรื่องปั้นหม้อ สรุป คนสมัยก่อนที่อยู่ใต้ดินแห่งนี้ก็ ทำธุระใส่ "หม้อ" ค่ะ

เมื่อไหร่ที่เจอที่กว้าง ๆ จะโล่งใจกันมาก คือ บางทีโดยสัญชาติญาณคนเรา อยู่ที่แคบ ๆ แถมใต้ดินอีกต่างหาก มันน่ากลัวนะ

บางที่ก็ทั้งมืดทั้งแคบได้อีก

บางจุด หลายจุดเลยล่ะ ต้องนึกภาพประกอบว่าเราลงลึกไป 5 ชั้น เวลาลงก็ต้องก้มตัวไปด้วย มิน่าล่ะ ม้าหรือลา มันผ่านไมไ่ด้ ความสูงระดับแค่ใต้ท้องม้ามั้งคะ (อันนี้เดาเอาเองนะ)

ทางนี้แคบมากกกก

ถ่ายรูปใต้ดินมาน้อยจริง ๆ ค่ะ เพิ่งรู้ตัว

ไกด์ถามว่า Is everyone OK?  ทุกคนก็ตอบว่า Yes
แต่ไกด์บอกว่า But i am not ok...
รูปไม่ชัดนะ

กลับมาสู่เบื้องบนกันดีกว่า ค่อยยังชั่วได้หายใจทั่วท้องกันบ้าง

หน้าหนาวค่ะ มืดเร็ว ที่จริงน่าจะประมาณ 5 โมงเอง
ภาพมืดไปหน่อย

ตรงแถว ที่จอดรถ มีร้านขายของที่ระลึก

ขอบอก ตามประสาคนบ้าซื้อของเช่นอิชั้น มันราคาถูกกว่าที่อิสตันบูลค่ะ ใครอยากซื้อซื้อเลยนะคะ เสียดายที่เราซื้อมาไม่เยอะ คือ ตอนซื้อก็ได้แค่คิดว่า หนัก ๆ (กระเบื้องทั้งนั้นอะนะ) นี่ชั้นจะหอบกระเืบื้องกลับบ้านเหรอเนี่ย พอตอนอยู่ที่อิสตันบูลร้านไหน ๆ ก็ขายกระเบื้อง ซ้าย ขวา หน้า หลัง มันเลยดูไม่ค่อยน่าสนใจอะไร พอออกจากประเทศตุรกีกลับมาบ้านแล้วนะ มานั่งคิด ทำไมไม่ซื้อมาให้เยอะกว่านี้ฟระ

อย่างจานรองแก้ว (ไม่ได้ถ่ายรูปมา) ที่เป็นกระเบื้องเพนท์ลาย เราก็ต่อราคาเขาอีก 2 อัน 5 รีล่าอะค่ะ ตกอันละ 40 บาท (1 รีล่า 17 บาท) กระเบื้องอันใหญ่ ๆ เพนท์ลายสวยงาม เอาไว้รองหม้อรองภาชนะร้อน หรือเอาไว้แขวนประดับบ้าน อันเท่าจานไซส์เล็ก ๆ น่ะค่ะ ในอิสตันบูลขายอันละ 10 อาจจะต่อได้ 8 รีล่า เจอที่นี่ 5 รีล่าค่ะ 17 คูณ 5 ไป 85 บาท ถือว่าไม่ได้แพงมากนะ

ร้่่านนี้คนขายเป็นเด็ก เราบอกว่า 2 อัน 15 ละกัน คือ สงสารเด็ก อาจจะไม่ได้ถูกมากนะ  น้องก็ตะโกนถามพ่อ "พ่อ ๆ 2 อัน 15 รีล่าได้มั้ย" สรุปว่าได้ แ้ล้วเราก็ซื้ออย่างอื่นปน ๆ มาด้วย

อย่างอันนี้
ขออภัย รูปเบลอ

หนังสือพวกนี้ เมื่อก่อนเราเคยซื้อมาเล่มหนึ่งเป็นเล่ม "อิสตันบูล" รูปสวยมากและรายละเอียดดี ใช้กระดาษพิมพ์อย่างดี  แต่รอบนี้ไม่ได้ซื้ออะค่ะ น่าเสียดายนะ คนเรามักเป็นอย่างนี้ ตอนไปเที่ยว ไม่เอา ๆๆ ประหยัด ๆๆ ไม่ซื้อ ๆๆ  พอกลับมาก็จะคิดได้ เราน่าจะซื้อกลับมานะ  เป็นอย่างนี้อยู่บ่อย ๆ

นี่ถ้ามีเวลาเยอะกว่านี้คงซื้อของได้เยอะกว่านี้ ปรากฏว่าทั้งรถมีเราคนเดียวที่ซื้อของที่ระลึก

จากนั้นเราก็จะกลับโกเรเม่กัน ไปชมอีก 1 จุด คิดว่าน่าจะเป็นชุดชมวิวเหมือนกัน แต่ด้วยความที่ว่ามันมืดแล้ว เราก็เลยไม่ค่อยถ่ายรูปอะไรเท่าไหร่ หนาวด้วย

สำหรับคนที่จะไปเที่ยว ก็อย่างที่รู้ ๆ กัน หน้าหนาวมืดเร็ว แต่เป็นหน้า Low season ค่าโรงแรมถูก หน้าร้อนนี่ช่วงไฮ เลย นักท่องเที่ยวจากยุโรปจากหลายๆ  ที่ก็มาเที่ยวกัน ค่าโรงแรมราคาโดดไปเท่าตัวเลย ก็ได้อย่างเสียอย่าง แต่เราถามไกด์ถามคนที่โรงแรมว่า เดือนธันวา มกราเนี่ย มีคนมาเที่ยวรึเปล่า ไกด์ก็บอกว่ามาทั้งปีนะ ไกด์บอกว่า นี่ดีนะที่พวกยูไม่มาหน้าร้อน เพราะช่วงหน้าร้อน ที่คัปปาโดเกียเนี่ย 40 องศาเลย

จุดชมวิวก่อนกลับเข้าโกเรเม่  แบบมืด ๆ

พยายามละ ได้แค่นี้
ถ้าเป็นหน้า้ร้อน 4-5 โมงนี่แดด กำลังสวยเลยนะเนี่ย

ข้างบนนั่นแสงหลอกค่ะ อิอิ
อันนนี้บรรยากาศจริง คือ แสงไม่มีแล้ว

คัปปาโดเกียแบบมืด ๆ อีกซักรูป

หมดแล้วค่ะ กรีนทัวร์ของเราในวันนี้  พรุ่งนี้เราต้องตื่นตี 4 ค่ะ เพื่อไปทัวร์ Hot Air Balloon รถมารับตี 5 ค่ะ

ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่เข้ามาติดตามชมนะคะ มีอะไรสอบถามได้นะคะ ถ้าตอบได้ก็จะตอบเต็มที่ค่ะ

ชอบวิวระหว่างทางและกระเบื้องเพ้นท์ลายมากๆ เลยค่ะ ต้องหาโอกาสไปซื้อที่ตุรกีซะแล้ว (-.-")  
.. อ่านไปดูภาพ Underground City ไป รู้สึกหายใจไม่ค่อยออก ^^"

ขอบคุณคุณ Blue whale ที่ยังอุตส่าืห์มาติดตามชมนะคะเนี่ย กระทู้ตกเร็วมาก นึกว่าไม่มีใครอ่านแล้ว  เดี่ยวกลับบ้านจะไปโพส์รูปกระเบื้องที่ซื้อมา เอามานั่งๆ  นอน ๆ ดูอยู่ที่บ้านแล้ว มันได้บรรยากาศตุรกีมากมาย

เที่ยวสนุกมากๆเลยครับ

Turkey Trip Day 4 Cappadocia...Hot Air Balloon & Red Tour