เมื่อฟ้าเปลี่ยนสี ใบไม้เปลี่ยนสี และทะเลสาบเปลี่ยนสี ใครจะอดใจไม่ยกกล้องถ่ายภาพได้บ้าง

แต่บางครั้งความงามเกินบรรยายก็ทำให้ต้องลดกล้องลงมา เพื่อมองภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มตาอีกครั้ง ก่อนจะเก็บความทรงจำไว้ในใจแทน


[CR]…สองคนเดินช้า ณ จิ่วจ้ายโกว...ตอนที่ 1…ก้าวแรกที่เฉิงตู
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11332512/E11332512.html

[CR]…สองคนเดินช้า ณ จิ่วจ้ายโกว...ตอนที่ 2...ปลาว่ายบนท้องฟ้า นกบินในน้ำ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง...
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11341346/E11341346.html

จากแผนวันแรกที่ตั้งใจจะเที่ยวขา Y ด้านขวา โดยเริ่มจากบนสุดลงมา Primitive forest - Nouorilang

ในตอนที่แล้วเราเดินจนมาถึงทะเลสาบแพนด้า ใช้เวลาเดินกันเกือบครึ่งวัน เสื้อกันหนาวตัวหนาถูกเก็บไว้ในเป้ เห็นคนนั่งหลบมุมที่นี่อยู่พอควร

ไหนๆก็เหลือเวลาอีกตั้งครึ่งวัน เราจะนั่งรถให้ถึงเร็วไปทำไม
...ว่าแล้วก็เดินกันต่อมุ่งหน้าไปสถานีต่อไปกันค่ะ

จากทะเลสาบแพนด้าหากไม่เดินออกไปทางถนน ก็จะเจอบันไดลงที่ชันพอควร

เห็นคนเดินสวนขึ้นไปแล้วเหนื่อยแทนจริงๆ หลังจากนั้นจะเป็นทางค่อยๆลงไปเรื่อยๆ


@ไม่แนะนำให้เดินมาจากทะเลสาบดอกไม้ห้าสีขึ้นมาทะเลสาบแพนด้า เพราะมันจะดูดพลังงานคุณอย่างมหาศาล

เดินลงมาคาดหวังจะเจอน้ำตกแพนด้า ที่บออกไว้ว่าสูงตั้ง 78 เมตร แล้วน้ำมันหายไปไหนหมดเนี่ย

ข้างทางเดินต่อไปนี้จึงเหลือไว้แต่ร่อยรอยว่าเคยมีน้ำไหลผ่านอยู่

เหนื่อยก็พัก...ไม่เห็นต้องรีบ เวลาเหลือเฟือ

มากับคนแก่ต้องใจเย็นๆ

และแล้วก็มาถึงทะเลสาบดอกไม้ห้าสี หรือ Five Flower Lake (五花海, Wǔhuā Hǎi)


ที่เรายืนอยู่ตรงนี้ไม่ค่อยมีคน แต่ที่เห็นไกลลิบๆตรงนั้น คนทั้งนั้นเลยค่ะ

เดี๋ยวเราจะเดินไปตามริมทะเลสาบทางด้านซ้ายของภาพกันค่ะ

หลังจากถ่ายภาพ คห ก่อนหน้านี้ไป ก็คุณตาคุณยายคนจีนโบกๆมือบอกเราประมาณว่าถ่ายรูปมุมนี้สิ สวยกว่า

ฟังไม่ออกแต่เดาว่าน่าจะเป็นเช่นนี้


ที่นี่เราจะเห็นทั้งคนสูงอายุ เด็กเล็ก มาเดินกัน กินข้าวปิคนิคกัน อย่างกับมาเดินสวนสาธารณะกันแน่ะ

ผู้หญิงจีนบางคนใส่ส้นสูง หรือบู๊ตสูงอีกตะหาก ขนาดเราใส่ผ้าใบยังเมื่อยจะแย่ นับถือในความแข็งแรงของคนจีนจริงๆ

เด็กจีนแต่ละคนที่เจออ้วนตุ้ยนุ้ย น่ารักกันทั้งนั้น

อยากเดินไปจับแก้มเป็นที่สุด

ในน้ำมีส่วนประกอบของ calcium carbonate และ hydrophytes ทำให้เห็นทะเลสาบมีหลายสีสัน

มุมนี้เห็นจุดชมวิวที่เราพึ่งเดินผ่านมา...ก็คือจุดที่เราถ่ายรูป คห ที่ 5-6 นั่นเอง

สวยมากๆค่ะ ขอตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ    

ตามไปเที่ยวด้วยคนครับบบ

คุณNuL+....ยินดีเลยค่ะ กำลังง่วงๆอยู่พอดี

คุณสายลมแห่งวิงค์...มาเที่ยวด้วยกันต่อนะคะ



ตอนที่แล้วมีคนถามเกี่ยวกับห้องน้ำ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญโดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง

เป็นปัจจัยที่ทำให้เราหาเพื่อนมาเที่ยวเมืองจีนไม่ได้เลย เพราะกลัวห้องน้ำเมืองจีน ก่อนมาแม่เราถึงขั้นจะซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่ใส่มา


ถ้าใครนั่งเครื่องมาลงอย่างเรา จะไม่ได้พบห้องน้ำที่เคยโดนขู่ไว้เลยค่ะ อย่างมากสุดก็อารมณ์ประมาณปั๊มน้ำมันบ้านเรา

แต่ถ้านั่งรถบัสจากเฉิงตูมา อาจจะได้ประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต แต่เมื่อมาถึงที่จิ่วจ้ายโกว ชีวิตจะกลับมามีความสุขอีกครั้ง

อย่างที่เคยบอกไปว่า ที่นี่โถนั่งจะมีพลาสติกคลุมไว้ เวลาใช้เสร็จพลาสติกก็จะถูกดูดเข้าไปค่ะ

อยากไปเห็นด้วยตาตัวเองบ้างสักครั้ง
งามเกินบรรยายจริงๆ

ส่วนสภาพอากาศช่วงที่เรามาคือ ปลายต.ค.-ต้นพ.ย.

เรียงตามความหนาวคือ หวงหลง > จิ่วจ้ายโกว > เฉิงตู ค่ะ

เสื้อผ้าที่เตรียมไปควรมีเสื้อกันหนาวตัวหนา ตัวบาง ใส่ทับๆกันไปและควรถอดออกง่าย และไม่หนักเกินไป เพราะกลางวันจะเริ่มร้อน เดินแบกไปอีกก็จะหนักค่ะ

คุณดอยสูง...ไปให้ได้สักครั้งนะคะ สวยสุดๆเลยค่ะ

รูปสวยมากเลย ตุลาคมปีหน้า จะตามไปให้ได้
ตอนนี้ขอเก็บข้อมูลตาม จขกท ก่อนครับ

@อย่าลืมพกยาไปด้วยค่ะ โดยเฉพาะยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ยานวด ยาแก้เวียนศีรษะ


วันแรกที่ไปถึงจิ่วจ้ายโกว แม่เราก็มีอาการปวดศีรษะ อาเจียน ไม่แน่ใจว่าแม่เมารถหรือเป็นโรคแพ้ความดันอากาศสูง (Acute mountain sickness)  เพราะแถวๆที่พัก น่าจะสูงแค่ประมาณ 2000 กว่าเมตรเอง


โชคดีที่กินยาเสร็จ หลับตื่นมาอาการก็ค่อยๆดีขึ้น ถึงตอนเช้าที่มาเที่ยวกัน อาการก็หายเป็นปลิดทิ้ง ยิ้มได้ทั้งวันเลย

คุณ nerve-racking...สงสัยตรงไหน ถามได้นะคะ จะพยายามช่วยตอบเต็มที่เลยค่ะ


Acute mountain sickess เป็นภาวะที่ร่างกายเกิดอาการเมื่อขึ้นที่สูงประมาณ 2,000-3,000 เมตรขึ้นไป  ซึ่งแต่ละคนจะเกิดอาการได้ที่ความสูงต่างๆกันค่ะ


เกิดจากเปอร์เซ็นต์ออกซิเจนในอากาศที่ลดลงเมื่ออยู่ในระดับเหนือน้ำทะเลที่สูงขึ้น นอกจากนี้ความดันอากาศยังทำให้มีน้ำหรือเลือดรั่วออกจากเส้นเลือดจนทำให้เกิดน้ำท่วมปอดและสมองบวมได้ในรายที่รุนแรง


ส่วนใหญ่อาการเริ่มต้น ได้แก่ อาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ครั่นเนื้อครั่นตัว นอนไม่หลับ

จะว่าไป AMS นี่เป็นอาการที่ไม่เข้าใครออกใครเลยนะคะ
เราเคยไปเนปาล ก็สูงแค่ประมาณ 2000กว่าๆ เหมือนกัน
แต่ก็มีอาการเหมือนกันค่ะ เวียนศรีษะ คลื่นใส้บ่อยๆ
แต่ก็อย่างว่านะคะ ถ้าแลกกับวิวสวยๆ ที่จิวจ้ายโกว ล่ะก็ คุ้มยิ่งกว่าคุ้มอีก :D

รูปสวยมากเลยค่ะ วิวอลังการจริง ๆ

ไปกับทัวร์พร้อมป๊าและแม่ ตั้งแต่เด็กน้อย
ตอนนั้นไม่รู้จักซึมซับอะไรทั้งนั้น เอาแต่งอแง ก็มันทั้งหนาวทั้งเหนื่อย
เห็นกระทู้นี้ ตัดสินใจได้แล้ว เราต้องหาโอกาสไปอีกให้ได้

คุณลุงหนวด & ต้นอ้อ...ใช่แล้วค่ะ คาดเดาไม่ได้เลย เพราะพาแม่ขึ้นดอยอินทนนท์บ่อยๆ นึกว่าจะชินซะอีก

คุณi_lllive...ตัดสินใจถูกต้องแล้วค่ะ ^ ^ ตอนนั้นอาจจะยังเห็นจิ่งจ้ายโกวได้ยังไม่ทั่วนะคะ



ภาวะ AMS นี้มักเจอในชายหนุ่มมากกว่า เพราะแรงเยอะ รีบเดินเร็ว ร่างกายไม่ทันปรับตัว

ถ้าจะเทียบความสูงแล้วก็คือ

ดอยอินทนนท์ ประมาณ 2,000 เมตร

จิ่วจ้ายโกว ประมาณ 2,000-4,000 เมตร ที่ long lake ประมาณ 3,000 เมตร

หวงหลง ประมาณ 3,000-5,000 เมตร

หิมาลัยสูงกว่า 7,000 เมตร


การป้องกันคือ พยายามเดินช้าๆ ดื่มน้ำมากๆ ไม่ควรสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ หากมีอาการก็ควรเดินลง ไม่ควรเดินขึ้นไปสูงกว่าเดิมค่ะ

ส่วนยาที่่ใช้ในการรักษาและป้องกัน คือ diamox หรือ acetazolamide มีบางคนที่ใช้กินป้องกันไปเลย ส่วนตัวเราไม่แนะนำให้กินค่ะ เพราะผลข้างเคียงของยาอาจจะมีมากกว่าผลดี จะกลายเป็นเที่ยวไม่สนุกไปซะงั้น ยกเว้นในรายที่ต้องขึ้นที่สูงมากๆ

ผลของยาตัวนี้ที่เด่นคือ ทำให้ปัสสาวะบ่อย และอาจทำให้ชาปลายมือปลายเท้าได้

นอกจากนี้ยังมียากลุ่ม steroid และยาลดความดันที่ใช้ในการรักษากลุ่นที่มีอาการค่อนข้างรุแรง

หากมีอาการไม่มากแนะนำให้ใช้ยาแก้ปวด อาจจะเป็นกลุ่ม NSAIDS ก็ได้ หรือยาแก้วิงเวียนศีรษะ ยาแก้อาเจียน น่าจะดีกว่าค่ะ

ในที่สุดก็เดินมาถึงอีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบค่ะ

เดินมาถึงตรงนี้คนเยอะที่สุดตั้งแต่เดินมาเลยค่ะ

เรียกว่าเป็นไฮไลท์แห่งหนึ่งของจิ่วจ้ายโกวทีเดียว

ได้ยินเสียงคนไทยคุยกันเป็นครั้งแรก หลังจากได้ยินแต่ภาษาจีนมาตลอดตั้งแต่เดินทางมา

ที่ไหนมีให้เช่าเสื้อผ้าใส่ถ่ายรูป เดาได้เลยว่าจุดนั้นจะต้องมีทัวร์มาลง

.. รอตั้'แต่เมื่อคืนแล้วครับคุณไลค์ .. ปรากฏว่ามาคืนนี้ .. วันนี้รู้สึกว่ามีรูปพรีเซนเตอร์หลายรูปนะครับ .. ช่วงไฮซีซั่น ที่ค่าตั๋วแพงนี่
ถ้าเร่งรัดเที่ยวให้จบวันเดียว สามารถมั้ยครับ ..

หากดูโปรแกรมทัวร์คนไทย ส่วนใหญ่จะลงที่ทะเลสาบไผ่ลูกศร ไล่ยาวไปจนถึง น้ำตก Nuorilang อีกแห่งก็จะเป็น long lake กับ ทะเลสาบห้าสี (five color pond)

หากต้องการหลีกเลี่ยงทัวร์ ก็ต้องจัดเวลาเที่ยวสถานที่เหล่านี้ให้ดีค่ะ

คุณบิ๊ก...วันเดียวก็เที่ยวได้ค่ะ ไปแต่เช้า เดินเร็วและเพิ่มการนั่งรถเอา

อย่างเช่น Y ด้านขวา คุณบิ๊กนั่งรถไปลง Mirror lake ตอนเช้าก่อน แล้วค่อยไป Primitive  forest หลังจากนั้น นั่งรถมาลงที่ Swan lake อาจจะเดินลงไปถึง Panda lake แล้วนั่งรถไปลงที่ Five flower  lake เดินไปจนถึง Pearl lake และน้ำตก จากนั้นค่อยนั่งรถต่อไปที่ Nuorilang หรือจะเลือกนั่งยาวไปที่  Y ด้านซ้ายก็ได้ค่ะ นั่งยาวไป long lake แล้วเดินหรือนั่งรถมาลงที่ Five color pond และนั่งรถลงไปเที่ยวขา Y ต่อค่ะ

จริงๆแล้วส่วนล่างเนี่ยเดินไม่เหนื่อยเลยค่ะ และเป็นส่วนที่เราชอบที่สุดด้วย แต่ไม่ได้เป็นไฮไลท์ของที่นี่เท่าไหร่ หากมีเวลาเหลือหลังจากเดินเที่ยวที่น้ำตก Nuorilang แล้วให้นั่งรถไปลงที่ Rhiniceros lake เดินลงไปจนถึง Bonzai lake เลยค่ะ ฝั่งที่สวยคือฝั่งที่ติดถนนค่ะ

ถ้าเวลาไม่ทันก็ให้นั่งรถลงเป็นจุดๆไปค่ะ

คุณบิ๊กลองเปิดดูพวกโปรแกรมทัวร์ก็ได้ค่ะ ว่าเค้าเที่ยวยังไง แล้วลองมาปรับใช้ดู

ลืมบอกคุณบิ๊กไปอีกอย่าง เราไปเช็คราคาตั๋วเครื่องบินไปจิ่วจ้ายโกวที่เราจ่ายเป็นเงินไทยแล้ว มันไม่ถึงหมื่นห้า  จองก่อนไปประมาณเดือนหนึ่งค่ะ ลองเช็คราคาดูบ่อยๆแล้วกันนะคะ เวลาจองอย่าลืมเลือกเอาค่าประกันเดินทางออกด้วยนะคะ

ช่วงเวลาเช้าน้ำจะนิ่ง ถ่ายรูปจะสวยค่ะ ช่วงบ่ายมีลมมาทำให้น้ำเป็นคลื่น

ส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ไปถ่ายรูปที่ทะเลสาบกระจกก่อนเก้าโมงเช้า

.. ขอบคุณมากมายเลยครับคุณไลค์ ..

พึ่งนึกขึ้นได้อีกอย่างค่ะ...

สำหรับคนที่ใช้ Iphone, ipad แนะนำ App Jiuzhai valley นะคะ มีทั้งข้อมูล แผนที่ รูปภาพ มีรูปที่เป็น 360 องศาด้วย

ตามมาเก็บข้อมูลค่ะ ภาพสวยมากๆ

ขอถามนิดนึงนะค่ะ ว่าเราสามารถลงไปเล่นน้ำได้หรือเปล่าค่ะ แบบน้ำใสน่าเล่นมาก แต่ก็ไม่เห็นใครเล่นเลย

คุณบิ๊ก...ยินดีค่ะ ^ ^


ตรงสะพานนี้แหละค่ะ ที่ช่วงพีค เราจะเห็นคนแออัดเบียดเสียดกัน

แต่วันนี้คนก็ไม่เยอะเท่าไหร่เนอะ

คุณ iamiaey...เก็บข้อมูลได้ตามสบายเลยค่ะ


คุณ cawaii jung...คำถามน่ารัก ^ ^  เค้าห้ามออกจากทางเดินที่เตรียมไว้ให้ค่ะ เดินๆไปจะสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่อยู่เป็นระยะๆ  แต่ก็จะเห็นคนจีนนี่แหละค่ะที่ฝ่าฝืนกฎ

เห็นน้ำเป็นสีๆอย่างนี้ เราก็คิดว่าจะมีปลาอยู่ได้ไหม เพราะในน้ำน่าจะมีสารเยอะแยะเต็มไปหมด แต่ในที่สุดก็เจอปลาตัวเล็กๆด้วยค่ะ

ตอนนี้เดินจนเมื่อยๆมาก แต่วิวมันสวยจนลืมความปวดเป็นพักๆ

มาถึงจุดนี้เริ่มเจอกลับกรุ๊ปทัวร์อีกครั้ง

Pearl Shoal (珍珠滩, Zhēnzhū Tān) เป็นบริเวณที่มีหินปูนอยู่ค่ะ

น้ำไหลจากข้างบนลงมา

เดินตามน้ำลงไปเรื่อยๆ

ไหลลงมากลายเป็นน้ำตกไปซะแล้ว

ถ่ายย้อนแสงซะ...น่าจะเหมาะมาถ่ายรูปช่วงตอนเย็นหรือตอนเช้าไปเลย

สวยมากๆค่ะ

ตรงงนี้จะเป็นทางเดินลงข้างน้ำตกลงไปค่ะ

คุณสาวหน้าใส...ของจริงสวยสุดยอดเลยค่ะ


ทางเดินที่ลงมา...คนแน่นมาก

ลงมาถึงข้างล่างก็หามุมถ่ายรูปยาก กรุ๊ปทัวร์จีนเต็มไปหมด

แต่คนไทยไปไหนแล้วไม่รู้ค่ะ

หลบฉากมานั่งพัก...นั่งดูคนอื่นก็สนุกดี

หายเหนื่อยก็เดินกันต่อค่ะ...

อยากได้ขาตั้งกล้องสักอัน

เห็นคนอื่นแบกมา พร้อมกล้องตัวใหญ่แล้วอิจฉา

เดินกันจนมาถึงอีกเขาหนึ่งละ

ตอนนี้แม่เราเมื่อยไหล่สุดๆ แบกเสื้อกันหนาวมาเยอะเกิน

ถึงทะเลสาบกระจก Mirror Lake (镜海, Jing Hǎi) เป็นทะเลสาบที่มีภาพสะท้อนเวลาน้ำนิ่ง เหมือนเงากระจก

แต่วิวสวยๆเค้าถ่ายจากฝั่งถนนกัน

วันถัดมาเลยมาที่นี่อีกรอบค่ะ

เผลอเดินยาวลงมาถึงน้ำตก Nuorilang ซะแล้ว

Nuorilang Falls (诺日朗瀑布, Nuorilǎng) ใกล้ทางเชื่อมต่อตัว Y สูง 20 m กว้าง 320 m

เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของจิ่วจ้ายโกว

หากอยากได้ภาพมุมสูง ให้เดินลงมาจาก Nuorilang  tourist center ค่ะ

ถึงตรงนี้ก็เสร็จสิ้นภารกิจวันนี้ค่ะ

ทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

เดินออกมาด้านหน้า นี่เป็นทางเข้าไปขึ้นรถบัสค่ะ

ตอนเช้ามืดอยู่เลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้


ออกมาพึ่งจะเห็นคนเยอะมาก

แล้วตอนที่เราเดินอยู่เค้าไปอยู่ไหนกันนะ

ด้านขวาเป็นร้านขายของ ขายอาหาร

ไม่ได้แอ้มตังค์เราหรอก

เตรียมมาเองดีกว่า

หากเดินตรงออกมาเรื่อยๆ ทางฝั่งขวาก็เจออาคารขายตั๋ว และอาคารนิทรรศการที่อยู่ใกล้กันค่ะ

เข้ามาดูว่าจิ่วจ้ายโกวแต่ละฤดูก็สวยต่างกันไปคนละแบบ

เห็นคนอื่นในรถนั่งเปิดๆดูแผ่นพับนี้กันหลายคน

ที่แท้ก็เอามาจากที่อาคารนิทรรศการนี่เอง

มีทั้งแบบภาษาอังกฤษและภาษาจีนค่ะ

มาตามรีวิวสวยๆ ต่อค่าา เดินกันเก่งมากเลยค่ะ นับถือจริงๆ ขนาดเราขึ้นๆ ลงๆ รถบริการอุทยาน ยังรู้สึกว่าปวดขามากๆๆ เลย ^^

ออกมาจะมีรถแท็กซี่ต่อแถวรอรับผู้โดยสารเต็มไปหมด
ใครเดินไม่ไหวแล้ว ก็นั่งรถกลับได้เลยค่ะ ไม่ลำบาก


เดินกลับกันไปซื้อของกิน ซื้อน้ำเตรียมไว้สำหรับพรุ่งนี้ อาบน้ำอุ่น นอนยกขาสูง ขดตัวอยู่ในผ้าห่มอุ่นๆ พรุ่งนี้ค่อยลุยกันต่อ



ก่อนจบตอนวันนี้...ขอนำเสนอคำว่า


อี...เอ้อร์...ซาน

1...2...3  


ท่ามกลางหมู่คนจีนนับสิบ ไม่รู้ทำไมถึงเลือกเจอคนไทยอย่างเราให้ถ่ายรูปให้

ฟังไม่ออกหรอก รู้ก็ตอนเค้ายื่นกล้องให้

ไม่ใช่แค่คนเดียวด้วย ทั้งวันนี้ถ่ายให้หลายคนเลย


ทำให้รู้ว่า เวลาถ่ายรูปคนจีนเค้าก็ชอบชูสองนิ้วเหมือนญี่ปุ่นเลย ไม่ว่าจะเด็ก หรือแก่


ใครจะไปหัดนับเลขไว้นะ ... อาจจะได้เป็นตากล้องจำเป็นเหมือนเราก็ได้ ^ ^

คุณ MoMMaMjAnG...เมื่อยสุดๆค่ะ ถึงเตียงนอนได้นั่งแล้ว ไม่อยากลุกเลย

ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจะเดินติดกันสามสี่วันไหว

สวยมากเลยค่ะ ถ่ายรูปน้ำตกและก็รูปอื่น ๆ ได้สวยมาก

เห็นแล้วอยากไปเที่ยวเลยครับ
ขอบคุณที่รีวิวให้ชมนะครับ

จิ่วจ้ายโกว  ดูกี่ครั้งๆ ก็สวยจริงๆเลยครับ ^^

สวยมาก ๆๆ เลยค่ะ  เดินเที่ยวเหนื่อย ๆ แต่ได้เห็นวิวสวย ๆ แบบนี้คุ้มเนอะ ชื่นใจ หายเหนื่อยเลย   คุณแม่เดินเก่งมาก ๆ ท่าทางอารมณ์ดีด้วย ขอตามคุณแม่เที่ยวต่อด้วยคนค่ะ  

คุณแม่น่ารักจัง...หวังว่าพออายุเท่าคุณแม่ เราจะแข็งแรงและมีลูกสาวน่ารักพาเที่ยวแบบนี้บ้าง
จิ่วจ้ายโกวและแพนด้าที่เฉิงตูเป็นทริปในฝันเลย ได้ไปดูแพนด้าด้วยมั๊ยคะ
อยากไปเองบ้างค่ะ แต่ขาดความมั่นใจอย่างแรงในเรื่องภาษา(ถึงใครจะว่าไม่เปนไรก้อเหอะ^___^)
ขอบคุณสำหรับรีวิว รอชมต่อค่ะ

สวยมาก เป็นอีกที่อยากไปมากๆเลยค่ะ

ขอบคุณมากๆครับ ภาพถ่ายที่ทรงคุณค่า
เป็นบุญตากับคุณไม่มีโอกาสไป

แอบขำตอนที่บอก"เมื่อยไหล่สุดๆ แบกเสื้อกันหนาวมาเยอะเกิน"
ฮาระเบิดเถิดเทิงเลยครับ

เหมือนสมัยเด็กๆ ที่ไปภูกระดึง..ตอนเริ่มคึกมาก
ช่วงหลัง..แม้แต่เสื้อผ้าที่ใส่ก็เกะกะ อยากถอดทิ้ง

คุณ Freedom of Life...ขอบคุณค่า กำลังหัดถ่ายรูปอยู่ค่ะ ยังต้องฝึกอีกเยอะค่า

คุณฟองสบู่...เวลาดูรีวิวแล้วกระตุ้นต่อมความอยากเที่ยวเราเหมือนกันค่ะ

คุณ Palm Jung Won...สวยจริงๆค่ะ

คุณ@}-- เยอบีร่า -- ...ตอนเดินเที่ยวไม่รู้สึกเหนื่อยเลยค่ะ มารู้สึกเมื่อยเอาตอนเดินกลับโรงแรมนี่แหละ  

คุณแบงค์ยี่...เริ่มต้นด้วยความอยากไปก่อนค่ะ อยากไปมากๆเข้าจะเกิดความกล้าไปขึ้นมาค่ะ ถ้ากล้าเมื่อไหร่ ภาษาก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เที่ยวเองแล้วจะติดใจจริงๆนะ ^ ^ ส่วนแพนด้าเราไม่ได้ไปดูค่ะ วันสุดท้ายที่เฉิงตูวนเวียนอยู่แค่แถวโรงแรมเอง

คุณก่วยก๊วยตาลสด...น่าไปเที่ยวให้ได้สักครั้งนะคะ

คุณตาสาน...555 แม่ขี้หนาวค่ะ คราวก่อนไปญี่ปุ่นเตรียมไปไม่พอ คราวนี้เลยขนไปแต่เสื้อกันหนาว ขาเดินกลับแม่เมื่อยไหล่ทนไม่ไหว จนเราได้หิ้วเป้แม่ให้แทน  แต่ที่นี่เดินได้สบายกว่าภูกระดึงมากๆค่ะ ตอนขึ้นภู เราก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเดียว ไม่มีแรงจะพูดกับใครเลย

สำหรับที่นี่จะกี่รีวิวก็สวยเสมอครับ
ที่นี่เป็นสถานที่ในประเทศจีนที่อยากไปมากที่สุดเลยครับ
อยากไปชมมากกว่ากำแพงเมืองจีนอีกครับ

สวยมากเลยค่ะ

คุณ Destiny-Boy...ใช่แล้วค่ะ เราก็เลือกที่นี่มากกว่ากำแพงเมืองจีน

คุณ BeeVee'... อากาศก็ดีค่ะ เดินเที่นวสนุกมากๆเลย

สวยเกินจะบรรยายเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

คุณ Princess of Napier...ขอบคุณเช่นกันค่ะ ถ้าติดตาม


ตอนที่สี่ยังพาไปเดินที่จิ่วจ้ายโกวต่อค่ะ

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11357209/E11357209.html

ขอบคุณรีวิวสวยๆค่ะ

วิวสวยมากค่ะ...

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ...

คุณ Us-Sama Iland...ขอบคุณค่ะ

คุณ ดอกโสนบานเช้า...ขอบคุณเช่นกันค่ะ