เพิ่งกลับมาจากเชียงใหมมาได้ 2 วัน ระหว่างที่อยู่เชียงใหม่มีโอกาสได้ไปพัก 2 โรงแรมกับ 1 เกสต์เฮ้าส์ เลยถือโอกาสเก็บข้อมูลเป็นรูปภาพมาฝากเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ ^^

All Seasons - อยู่ตรงสี่แยกภูคำ
Hotel M - อยู่ตรงประตูท่าแพ
Thaphae Garden Guesthouse - อยู่ในท่าแพ ซอย 3

โรงแรมนี้เป็นโรงแรมแรกในเชียงใหม่ที่พิมไปพัก  โดยพักทั้งหมด 3 คืน คือ คืนที่ 22-23-24 พ.ย. 54 ค่ะ

โรงแรม All Season เชียงใหม่ตั้งอยู่ตรงแยกภูคำนะคะ  ถ้าเอาง่าย ๆ ก็จะอยู่ตรงข้ามกับโรงแรมเชียงใหม่ภูคำเลย  
ซึ่งถ้ามาจากในตัวเมืองตามถนนห้วยแก้ว  พอถึงแยกภูคำแล้วเลี้ยวขวาตรงแยกปุ๊บก็จะเจอ All Season เชียงใหม่เลยค่ะ  
หรือถ้าพิมเขียนแล้วอ่านไม่ค่อยเข้าใจ ก็ดูตามแผนที่ด้านล่างได้เลยนะคะ  ^__^

โรงแรมนี้เป็นโรงแรมสไตล์โมเดิร์น ที่เน้นสีสันของเฟอร์นิเจอร์และตัวโรงแรมเป็นอย่างมาก

บริเวณด้านหน้าโรงแรมจะเป็นประมาณนี้นะคะ  แถมมีหญิงสาว sexy สองนางกำลังยืน Say Hallo กันอยู่ด้วย ^^  
(ขอบอกว่าน้ำในสระเล็ก ๆ หน้าโรงแรม ใสมากเลยค่ะ)

ว่าแล้วเราก็เดินเข้าไปในตัวโรงแรมกันดีกว่าค่ะ

เดินเข้าโรงแรมมาปุ๊บ ก็จะเจอเคาเตอร์สำหรับเช็คอินสีสันจี๊ดจ๊าดแบบนี้ล่ะค่ะ  
ซึ่งขอบอกว่านอกจากเคาเตอร์จะจีี๊ดจ๊าดแล้ว พนักงานหน้าเคาเตอร์ของที่นี่ก็น่ารักมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าตาเบิกบาน
และถามอะไรก็ตอบทุกคำถามแบบเป็นกันเองมากๆ เลยค่ะ

ด้านข้างๆ เคาเตอร์ ก็จะมีจุดในนั่งเล่นอินเตอร์เนตอยู่นะคะ

เมื่อเช็คอินเรียบร้อยแล้ว  พนักงานชายเค้าก็จะช่วยเรายกกระเป๋าขึ้นไปบนห้องค่ะ วันนี้พิมได้ห้องที่ชั้น 3 เป็นห้องริมสุดด้านขวามือเลย

นี่ค่ะห้องพิม ^__^

เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปแล้ว ก็จะเจอห้องที่มีลักษณะแบบนี้นะคะ     คือเตียงอยู่ด้านซ้ายมือเข้าไปหน่อย ห้องน้ำอยู่ด้านขวา  
โต๊ะหนังสือ+กระจกแต่งตัวอยู่ท้ายเตียง    ที่แขวนเสื้อผ้าอยู่ตรงข้ามเตียง ติด ๆ กับโต๊ะเขียนหนังสือ
และตู้เย็นน้อยอยู่ติด ๆ กับที่แขวนเสื้อผ้าอ่ะค่ะ

ป.ล. พนักงานเค้าบอกว่าการจัดวางเฟอร์ในแต่ละห้อง ไม่เหมือนกัน  จะแตกต่างกันไปตามประเภทห้องและลักษณะห้องค่ะ

สำหรับเตียงนอนของที่นี่ .... จริง ๆ request ไปว่าขอเป็นเตียงใหญ่เตียงเดียว  
แต่พอจริง ๆ ได้มาเป็นเตียงเล็กสองเตียงวางติดกันและวางด้วยฟูกใหญ่แทนค่ะ    ซึ่งขนาดของฟูกจะใหญ่กว่าเตียงข้างละประมาณ  3 นิ้ว
เวลานอนบนเตียงแล้วพลิกตัวทีนึง ก็จะมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดทีนึง (เสียงค่อนข้างดัง-อาจจะเพราะคุณสามีตัวใหญ่)  ทำเอาตอนกลางคืนนอนไม่ค่อยจะหลับเลยค่ะ

ส่วนท้ายเตียงก็อย่างที่บอกไว้ด้านบนค่ะ จะเป็นโต๊ะเขียนหนังสือ  ที่แขวนเสื้อผ้า โทรทัศน์ ตู้เซฟ รวมถึงตู้เย็นด้วย  
ซึ่งที่แขวนเสื้อผ้าของที่นี่ เค้าจะไม่เป็นตู้นะคะ แต่จะเป็นที่แขวนอย่างในภาพด้านล่างเลย  
แล้วก็จะมีชั้นให้เราวางของ วางกระเป๋าใส่เสื้อผ้า รวมถึงมีลิ้นชักใหญ่ 2 ลิ้นชักไว้ให้เราเก็บของด้วยอ่ะค่ะ

และสิ่งที่พิมชอบที่สุดในห้องของ รร. แห่งนี้ก็คือ โต๊ะหนังสือค่ะ เพราะว่ามีขนาดใหญ่มาก  สามารถวางสัมภาระของคุณสามี + ของพิมได้ครบเลยอ่ะ

ในส่วนของห้องน้ำ  พิมว่าขนาดเค้าเล็กไปนิดนึงค่ะ แต่ก็ไม่ได้เล็กมากอะไร  และไม่มีอ่างอาบน้ำนะคะ

ในส่วนของที่อาบน้ำจะมีกระจกกั้นค่ะ  ตัวกระจกใช้ผลักเข้าผลักออก  ก็สะดวกดี แต่ว่าเปิดได้ไม่กว้างนัก ก็เลยลำบากนิดนึงเวลาจะเข้าไปอาบน้ำค่ะ  
แล้วก็ในเรื่องระบบระบายน้ำของส่วนอาบน้ำ ห้องอื่นไม่รู้เป็นเหมือนกันไหม  แต่ห้องที่พิมพักเหมือนรูระบายน้ำมันไม่ค่อยดีค่ะ  
อาบน้ำทีไร น้ำไหลออกไปนองกลางพื้นห้องน้ำเป็นแอ่งใหญ่ทุกที  ทำให้พื้นห้องน้ำเปียกเกือบทั้งห้องเลยอ่ะค่ะ

ในส่วนของฝักบัวอาบน้ำตรงนี้ดีมากค่ะ สามารถเลื่อนขึ้นลงและปรับมุมได้ตามชอบ   ส่วนที่แขวนผ้าขนหนูก็ดีค่ะ มีให้หลายราว  
แต่ในส่วนของชักโครก อันนี้สำหรับคนที่ติดต้องใช้สายชำระ จะลำบากนิดนึงเพราะที่นี่เค้าไม่มีสายชำระให้นะคะ ^^

ส่วนข้าวของเครื่องใช้กระจุ๊กกระจิ๊ก จำพวกครีมอาบน้ำ แชมพู สบู่ ยาสีฟัน แปรง ที่โกนหนวด หมวกคลุมอาบน้ำ ฯลฯ พวกนี้
ทาง รร. มีให้ครบ  แถมสีสันของแพคเกจแต่ละอย่างก็แบบว่า all season สุด  ๆ ไปเลยค่ะ

รอชมต่อจ๊า

((ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ))

หมดรีวิวในส่วนของห้องพักแล้ว  ก็มารีวิวในส่วนของห้องอาหารและอาหารเช้าที่ทาง รร. จัดไว้ให้แขกที่มาพักกันบ้างนะคะ

สำหรับในส่วนของห้องอาหารนั้นจะอยู่ติด ๆ กับเคาเตอร์เช็คอินเลยนะคะ
ซึ่งถ้าดูจากรูปเคาเตอร์เช็คอินด้านบน  ห้องอาหารก็จะอยู่ทางด้านซ้ายของคำว่า All อ่ะค่ะ

อาหารเช้าสำหรับแขกที่มาพักที่นี่จะเป็นแบบบุฟเฟ่ท์ค่ะ  ในทุกๆ วันก็จะมีอาหารที่ประกอบไปด้วย  ข้าวผัด กับข้าวที่เป็นผัดผัก 1-2 อย่าง  
ข้าวต้มหมูหรือไก่ ซุป  อาหารประเภทเส้น เช่น ผัดซีอิ๊ว ผัดไท ผัดมะระโรนี มีออมเลต-ไข่คน (สั่งทำทีละจาน)  
มีแฮมไก่ไส้กรอกไก่ นักเกตไก่ทอด ไข่ดาวแบบฝรั่ง  มีสลัดผัก น้ำสลัด 3 อย่าง (ใส ข้น เธาซัน)  ขนมปังปิ้งทาเนย
แยมสับประด แยมส้ม ซีเรียล นมสด โยเกิร์ต และก็มีชา กาแฟ น้ำผลไม้ 2 อย่าง (มีน้ำส้มยืนพื้น และน้ำฝรั่งสลับกับน้ำสับปะรด)  
และน้ำดื่มที่เป็นน้ำเปล่าอ่ะค่ะ

รสชาติของอาหารทุกอย่างของที่นี่จะเป็นแบบกลาง ๆ ค่ะ  ไม่หนักไปทางรสใดรสหนึ่ง
และที่สำคัญไม่มีรสเผ็ด  เด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินดีประมาณนั้น   เน้นผักและข้าว+เส้นเป็นส่วนใหญ่
อาหารโดยรวมเช่นกับข้าว ข้าวต้ม จะไม่ค่อยมีเนื้อสัตว์ค่ะ  (เช่นกับกับ hotel M ซึ่งเป็นโรงแรมอีกโรงแรมนึงที่พิมจะรีวิว)
ดังนั้นใครที่ปกติกินข้าว แบบเน้นเนื้อสัตว์ หรือชอบกินเนื้อสัตว์มากๆ ไม่ค่อยกินผักหรือกินอาหารประเภทแป้ง อาจจะไม่ค่อยอยากทานก็ได้อ่ะค่ะ

สำหรับตัวอย่างของอาหรเช้าของที่นี่ก็จะประมาณในภาพด้านล่างนี้นะคะ

ภาพมุมบนซ้าย - ข้าวผัดสับปะรด หน่อไม้ฝรั่งผัดเห็ดหอม  เส้นเล็กผัดไท ไข่ดาว
ภาพมุมบนขวา - กาแฟร้อน ขนมปังทาแยม 2 อย่าง  กับแซนวิชไส้ข้าวโพด  
(อันหลังนี่ขนมปังแข็งและแห้งมาก กินไม่ได้เลยค่ะ)
ภาพมุมล่างซ้าย - น้ำส้ม  
ภาพมุมล่างขวา - ไข่ดาว นักเกตไก่ แซนวิชไส้ข้าวโพด แฮม ไส้กรอกไก่

ป.ล. ทั้งหมดไม่ใช่ของพิมคนเดียวนะคะ >_<"

ภาพมุมบนซ้าย - ข้าวผัดไข่  ผัดกะหล่ำปลี  ผัดมะระโกนี นักเกตไก่ ไส้กรอกไก่
ภาพมุมบนขวา - ไข่คน
ภาพมุมล่างขวา - ข้าวต้มไก่

สรุป ...... สำหรับภาพรวม All Season Chiangmai ห้อง 1310 พิมก็ขอสรุปโดยรวมไว้ตามนี้นะคะ  หากใครสนใจก็ลองไปพักดูค่ะ ^_^

ป.ล. ทั้งหมดเป็นความเห็นและความรู้สึกส่วนตัวของพิมล้วนๆ เลยค่ะ

... สวัสดีตอนเที่ยงๆ ค่ะคุณแม่ครัวหัวป่า ^^

โรงแรมถัดไป เป็นโรงแรมแห่งที่สองในเชียงใหม่ที่พิมไปพักค่ะ ^^

โรงแรมนี้นะคะ ตั้งอยู่บนถนนราชดำเนิน หรือหากจะให้พูดง่าย ๆ ก็คือตั้งอยู่ตรงประตูท่าแพเลยค่ะ  หรือหากยังงงอีก ดูได้จากแผนที่ในรูปข้างล่างเลยนะคะ  ^__^

สำหรับโรงแรมนี้บอกตามตรงแต่แรกเลยค่ะว่าจองผิด >_<"  คือพิมตั้งใจจะไปเดินถนนคนเดินค่ะ
แต่นึกว่าถนนคนเดินตรงท่าแพมีทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์ ก็เลยจองโรงแรมนี้ซะ เพราะเห็นว่ามันสะดวกดี
กะว่าเดินคืนวันเสาร์เสร็จ เช้าแพคของฝาก กลางวันก็เช็คเอ้าท์กลับกรุงเทพฯ เลย ไรงี้อ่ะค่ะ  แต่ปรากฎว่าจองผิด หุหุ    
แต่ก็ไม่เป็นไรค่า ได้เปลี่ยนบรรยากาศก็ดีไปอีกอย่าง ^^

สำหรับโรงแรมนี้ อย่างที่บอกตอนแรกว่าตั้งอยู่ตรงประตูท่าแพเลยนะคะ
เพราะงั้นหากเราเดินลอดผ่านประตูท่าแพเข้ามาที่ตรงถนนราชดำเนิน เมื่อเราหันขวาปุ๊บ
เราก็จะเจอโรงแรม Hotel M ตั้งตระหง่านอยู่ตามในภาพด้านล่างนี้เลยค่ะ

ก่อนอื่นต้องบอกว่าที่ รร. นี้ มีที่จอดรถนะคะ แต่.....มีไม่มาก เท่าที่สอบถามจะมีแค่ที่ด้านหน้าโรงแรมเท่านั้น ก็พอจอดได้สัก 7-8 คัน (พิมก็กะๆ  เอา)  
ดังนั้นใครที่จะเอารถมาเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงเทศกาลอย่างยี่เป็ง ปีใหม่ อะไรประมาณนี้
แล้วจะมาพักที่โรงแรมนี้ อาจจะต้องคิดเยอะนิดนึงว่าจะมีที่จอดรถไหมน่ะค่ะ

ถัดจากที่จอดรถไปทางด้านซ้ายมือ ก็จะเป็นร้านอาหาร กลางคืนจะเห็นคนต่างชาติมานั่งทานนั่งดื่มพอสมควร  
แต่เช้ากลางวันไม่ค่อยมีค่ะ  (คาดว่าเพราะแดดแรงมาก)

และนี่คือประตูทางเข้าโรงแรมนะคะ

เดินเข้าประตูไปปุ๊บ ก็จะเจอเคาเตอร์สำหรับเช็คอินอยู่ด้านหน้าเลยค่ะ  ซึ่งถ้ามองจากในภาพก็คือจุดที่มีพนักงานผู้ชายยืนอยู่อ่ะนะคะ
(พิมไม่กล้าไปถ่ายตรง ๆ เกรงใจเค้าค่ะ)

ระหว่างรอเช็คอิน ถ้ามีเพื่อนหรือครอบครัวไปด้วย ก็สามารถมานั่งพักได้ที่เก้าอี้ตัวนี้นะคะ  ^^

หรือจะไปนั่งเล่นคอมส์ เล่นเนตที่คอมส์ 3 เครื่องนี้ก็ได้ค่ะ  (แต่เห็นเปิด stand by  ไว้เครื่องเดียว)

หลังจากเช็คอินเสร็จ พนักงานเค้าก็จะพาเราไปที่ห้องพักค่ะ  สำหรับห้องพักของพิมในวันนี้อยู่ชั้น 4 นะคะ ห้องเกือบท้ายสุดเลยค่ะ

เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป ก็จะเจอกับห้องในลักษณะแบบนี้นะคะ  ออกจะมึด ๆ หน่อย เพราะเปิดม่านน้อย
และไม่ได้เปิดไฟดวงกลางในห้องน่ะค่ะ

แล้วพอเปิดหน้าต่างห้องออกไป ก็จะเจอวิวแบบนี้ ซึ่งก็คือบริเวณประตูท่าแพนั่นเองค่ะ

สำหรับห้องพักของ รร. นี้ในประเภทห้อง Superior  พิมถามคุณพนักงานแล้วเค้าบอกว่าการจัดวางเฟอร์ก็จะเหมือน ๆ กัน  
ซึ่งก็คือ เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามา ทางด้านขวามือคือห้องน้ำ ซ้ายมือคือที่วางรองเท้า ตู้เย็น และตู้เสื้อผ้า
ส่วนด้านในคือเตียงนอน และก็โต๊ะเขียนหนังสือค่ะ

วันก่อนก็เดินผ่าน Hotel M ทำเลสะดวกดีสำหรับเดินเล่นถนนคนเดินวันอาทิตย์
ส่วน all seasons ชอบที่ความใหม่ การตกแต่งสวยงามถูกใจครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

ในส่วนของเตียงของที่นี่ ห้องนี้ ... ตัวเตียงโอเคไม่มีปัญหาอะไร  แต่ฟูกยุบมากเลยค่ะ  
ยุบประมาณพอพิมหรือเพื่อนพิมที่ตัวเล็กกว่าหนัก 50 นิดๆ นอนลงไป มันก็เหมือนแอ่งกระทะตรงกลางเตียงเลย ทำให้นอนแล้วปวดหลังมากค่ะ  
แจ้งพนักงานแล้วเค้าก็บอกว่าห้องเต็มไม่สามารถเปลี่ยนได้  ก็เลยต้องทนนอนไป  ทำให้เวลานอนตอนกลางคืนไม่สามารถนอนตรงกลางเตียงได้
เลยทำได้แค่นอนตรงขอบๆ เตียงอย่างเดียวเลยอ่ะค่ะ แถมพอนอนหลับไปเผลอพลิกมาทางด้านกลางเตียง ก็จะเหมือนยุบลงไปเลย ทำให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
เป็นการนอนที่ทรมานจริง ๆ  จนอยากจะลากผ้าห่มลงไปปูนอนที่พื้นห้องข้างเตียงเลยค่ะ

และในส่วนของตู้เย็น ทางโรงแรมก็จะจัดทั้งน้ำดื่มและของกินเล่นจำพวกถั่วทอด มันฝรั่งทอดไว้ให้เราเต็มตู้เย็นเลยค่ะ
แต่ส่วนที่ฟรีก็คือน้ำเปล่าในขวดแก้ว 2 ขวดด้านข้างฝาตู้เท่านั้น  ส่วนขวดและกระป๋องอื่นๆ  ในตู้ กินได้ แต่คิดเงินตอนเช็คเอาท์ค่ะ  
แต่จะว่าไปราคาก็แพงกว่าปกติประมาณ 5 บาท 10 บาท  ไม่แพงเว่อร์เหมือนบางโรงแรมอ่ะค่ะ เพราะงั้นกินได้อย่างไม่ลำบากใจ

ส่วนตู้เสื้อผ้าของโรงแรมนี้ก็จะมาแบบเป็นตู้ให้นะคะ  แต่ว่าตู้เค้าค่อนข้างแคบและลักษณะเป็นทรงสูงค่ะ
จะแขวนจะทำอะไรก็อาจจะลำบากนิด พิมก็เลยไม่ได้ใช้ในส่วนนี้ และในตู้เสื้อผ้าก็จะมีถุงไดร์เป่าผมด้วยนะคะ  หากจะใช้ก็สามารถไปหยิบออกมาได้ค่ะ  
แต่ตอนเอาออกจากถุง ระวังนิดนะคะ  ต้องอ้าปากถุงให้กว้าง ๆ หน่อย  เพราะบางทีสายมันขด ๆ พัน ๆ อยู่ข้างใน ดึงแรงๆ อาจจะมีปัญหาได้อ่ะค่ะ

สำหรับคนที่อยากจะได้ข้าวของในห้องพักที่เป็นของทางโรงแรม
เช่น ถุงใส่ไดร์เป่าผม  แก้วน้ำ  ที่รองแก้ว  ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า  ปลอกหมอน รีโมททีวี หรืออื่น ๆ ไปเป็นที่ระลึก  
ทางโรงแรมเค้าก็มีพิมพ์บอกไว้เลยนะคะว่าแต่ละอย่างเนี่ยถ้าแขกที่มาพักหยิบไป จะต้องเสียค่าที่ระลึกเท่าไหร่อ่ะค่ะ  
บางอย่างก็หลักร้อย  แต่บางอย่างก็หลักหลายพันเลยจ้า ^^

อ้อ ๆ สำหรับโทรทัศน์ของที่นี่ จอใหญ่พอควรค่ะ และหากใครชอบทำอาหารชอบกินอาหาร มันจะมีทีวีช่องนึง
เป็นช่อง Asian Food Chanel ค่ะ  มีแต่รายการทำอาหารทั้งวันเลย น่าสนใจมาก ตอนพิมอยู่ห้องพิมนอนดูตลอดเลยค่ะ  
ยังไงใครที่ชอบเหมือนพิมก็ลอง ๆ ดูนะคะ

คุณ Teechoco  ขอบคุณมากเลยค่ะ พิมเองก็ได้ตัวอย่างการรีวิวห้องพักมาจากคุณ Teechoco นี่แหละค่ะ

ในส่วนของห้องน้ำ ... ห้องน้ำที่นี่จะค่อนข้างกว้างกว่าเมื่อเทียบกับห้องน้ำของ All Seasons Chiangmai ค่ะ  แถมมีสายชำระด้วย
ดังนั้นใครที่เวลาเข้าห้องน้ำแล้วติดต้องใช้สายชำระ รับรองมาที่นี่แล้วจะสบายใจค่ะ

แต่ในส่วนของห้องอาบน้ำ แม้จะกว้างกว่าของ All Season Chiangmai
แต่ว่าบานกระจกเลื่อนที่เป็นตัวกั้นระหว่างพื้นที่เปียกกับแห้งในห้องน้ำในห้องพักของพิม ค่อนข้างฝืดและเลื่อนยากมากเลยค่ะ  
ทำให้เวลาปิดเปิดแต่ละที กลัวจะมันหลุดออกมาแล้วแตกพังเสียหายน่ะค่ะ >_<" (แอบเว่อร์ แต่มันฝืดมากจริงๆ)  ตรงนี้ถ้าทางโรงแรมปรับปรุงได้ ก็คงจะดี

รีวิวในส่วนของห้องพักไปแล้ว ก่อนจะจบรีวิวก็ขอพามาดุในส่วนของอาหารเช้ากันบ้างค่ะ
สำหรับอาหารเช้าของที่นี่หากแขกที่มาพักไม่ถึง 70 คน (ส่วนใหญ่คือวันธรรมดา)  จะเป็นอาหารเช้าแบบสั่งเอาค่ะ  
แต่ถ้าแขกมาพักเกิน 70 คน   จะเป็นอาหารเช้าแบบบุฟเฟท์  

ซึ่งรูปแบบของอาหารเช้าก็จะเป็นแบบเดียวกับที่ All Seasons Chiangmai  และในอีกหลาย ๆ โรงแรมเลยค่ะ  
แต่รวมๆ ดูเหมือนจะมีน้อยกว่า all seasons   คือจะมีข้าวผัดเป็นหลัก 1 อย่าง อาหารเส้น 1 อย่าง  กับข้าว 1 อย่าง  (แต่วันที่พิมไปพัก ไม่เห็นกับข้าว)
ข้าวต้ม  ไส้กรอก แฮม ไข่ดาว เบคอนทอดกรอบ  สลัด   ผลไม้สด น้ำส้ม  (มีน้ำผลไม้แค่ 1 อย่าง)  
น้ำเปล่า ชา กาแฟ ขนมปัง (มีเตาปิ้งให้)   แยมสตรอเบอรี่ แยมผิวส้ม เนยสด ..... ประมาณนี้ล่ะค่ะ

ป.ล. หากต้องการถามอะไรพนักงานในส่วนห้องอาหาร แนะนำว่าควรสื่อสารภาษาอังกฤษได้บ้างนะคะ  
เพราะว่าพนักงานในส่วนนี้จะสื่อสารกับแขกผู้มาพักไม่ว่าจะคนไทยหรือคนต่างประเทศด้วยภาษาอังกฤษอย่างเดียวอ่ะค่ะ

ซึ่งในวันที่พิมไปพักและลงไปทานอาหารเช้า   ข้าวผัดเป็นอะไรที่คนส่วนใหญ่แทบไม่ตักกันเลยค่ะ  หรือตักไปก็มักจะทานเหลือ
เพราะว่าตัวข้าวแข็งมาก แข็งในลักษณะเหมือนตากลมมา  แถมบางเม็ดก็เหมือนหุงไม่สุกอีกด้วยค่ะ

เบคอน ก็ไม่ทราบว่าเค้าทอดมาในลักษณะไหน  แต่เหมือนทอดในน้ำมันที่ใช้มาหลายครั้งแล้ว
เพราะมีเศษดำๆ เหมือนตะกอนในน้ำมันค้างอยู่บนชิ้นเบคอนพอควรค่ะ  

ผัดหมี่ฮกเกี๊ยนกับถั่วงอกอันนี้รสชาติกลางๆ ค่ะ พิมกินได้สบายๆ เลย  ส่วนน้ำสลัดเธาซันค่อนข้างเค็มมาก แต่น้ำสลัดครีมอร่อยดีค่ะ

โดยรวมๆ  ตามความเห็นของพิมและคุณสามี  
ก็สรุปว่าบุฟเฟ่ท์อาหารเช้าที่ All Seasons Chiangmai  โอเคกว่าทัั้งในเรื่องของชนิดอาหารและคุณภาพอาหารอ่ะค่ะ

(แต่เรื่องการเดินทางและเรื่องอื่น โรงแรมนี้สะดวกกว่า all seasons ค่ะ)

ลืมภาพด้านบน ...

สำหรับ hotel M เชียงใหม่ ...... พิมก็ขอสรุปโดยรวมไว้ตามนี้นะคะ  ^_^

ที่พักแห่งที่สาม .... ซึ่งเป็นแห่งสุดท้ายในเชียงใหม่ในทริปนี้ที่พิมไปพักระหว่างวันที่ 27-29 พ.ย. 2554 ค่ะ

เกสเฮ้าส์นี้จะว่าไปก็ตั้งอยู่ไม่ห่างจากประตูท่าแพนักค่ะ ประมาณ  2 ป้ายรถเมล์ได้
เรียกว่าถ้าจะมาพักเพื่อไปเดินถนนคนเดินท่าแพในเย็นวันอาทิตย์แล้วล่ะก็ สบายๆ  ค่ะ

ตอนแรกที่เดินมาพิมก็แอบงง ๆ นะคะว่า เอ...ตึกหรืออาคารของท่าแพเกสต์เฮ้าส์นี่จะเป็นยังไง
เพราะว่าภาพตัวอาคารแบบเต็ม ๆ ในเนตหาไม่ค่อยได้เลยค่ะ เจอแต่แบบที่เห็นแค่ป้ายรถบนตัวอาคารอย่างเดียว
แต่จะว่าไปเดินๆ ก้ม ๆ เงย ๆ ในท่าแพซอย 3 สักพัก ก็เจอค่ะ

เมื่อเดินมาเจอแล้ว ก็หาทางเข้าไปในตัวเกสต์เฮ้าส์กันดีกว่าค่ะ   ..... ไม่ต้องตกใจนะคะที่เห็นด้านในมึดๆ
เพราะปกติแล้วกลางวันเค้าจะไม่เปิดไฟค่ะ

ขอบคุณสำหรับรีวิว ค่ะ ^^

เข้าในเกสต์เฮ้าส์แล้ว ก็ไปที่เคาเตอร์เช็คอินกันค่ะ  ... ซึ่งระหว่างเช็คอิน หากไปกันหลายคน
คนที่นั่งรอก็สามารถเลือกมุมนั่งรอได้ตามในชอบเลย เฟอร์นิเจอร์ของที่นี่  เป็นผลิตภัณฑ์จากไม้ซะเกือบทั้งหมดค่ะ

ป.ล. มาพักที่นี่ จะรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ต่างประเทศ เพราะแทบไม่มีคนไทยมาพักเลยค่ะ
วันๆ เดินเข้าเดินออก จะเจอแต่ชาวต่างชาติผมสีทองซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งขอบอกว่าชาวต่างชาติมาพักที่นี่เยอะมากเลยค่ะ

ส่วนคนที่ไม่อยากนั่งรอก็สามารถไปเดินดูบริเวณรอบ ๆ โรงแรมได้นะคะ  อ้อๆ เกือบลืมบอกที่นี่เค้ามีสระน้ำด้วยค่ะ  
คุณป้าที่เป็นคนรับเช็คอินบอกว่าช่วงหัวค่ำในหน้าร้อน จะมีสาวๆ ฝรั่งมาว่ายน้ำหรือนั่งแช่น้ำกันอยู่พอสมควรเลยอ่ะค่ะ  
แต่ช่วงที่พิมไปเป็นหน้าหนาว แทบจะไม่มีเลย ^^

สวัสดีจ้าคุณจิ้มลิ้ม ^^

------------

หลังจากเช็คอินเสร็จ  พนักงานของเกสต์เฮ้าส์เค้าก็จะพาเราไปที่ห้องพักนะคะ ซึ่งห้องพักของพิมในวันนี้อยู่ที่ชั้น 2 ค่ะเป็นห้องแอร์  
โดยส่วนใหญ่ถ้าเป็นชาวต่างชาติมาพักเค้าจะเลือกพักแบบพัดลมกัน ดังนั้นห้องพัดลมของที่นี่มักจะเต็มไว  (
ราคาถูกเกือบครึ่งของห้องแอร์ด้วยล่ะค่ะ)   และถ้าเป็นคนไทย (ซึ่งมีน้อยมาก) มักจะเลือกพักแบบห้องแอร์อ่ะค่ะ

และก็นี่ค่ะห้องพักของพิม จำไม่ได้แล้วว่าเลขห้องอะไร  แต่เดินขึ้นบันไดมาเลี้ยวขวา  แล้วห้องก็จะอยู่ทางด้านขวามือติดระเบียงชั้น 2 เลยอ่ะค่ะ

สำหรับห้องพักจะว่าไป ถ้าเทียบกับห้องพักของโรงแรมที่พิมพัก 2 โรงแรมที่ผ่านมา ก็ต้องถือว่าเล็กกว่าค่ะ  
แต่ด้วยความที่ในห้องมีเฟอร์นิเจอร์ไม่มากเหมือนใน 2 โรงแรมที่ผ่านมา  แถมเตียงนอนก็ยังเล็กกว่า ก็เลยไม่รู้สึกอึดอัดอะไร

ในห้องพัก ... เมื่อเดินเข้าห้องมา ก็จะคล้าย ๆ กับที่โรงแรมอื่นค่ะ คือจะมีห้องน้ำอยู่ทางด้านขวามือ และก็มีตู้เสื้อผ้าอยู่ทางด้านซ้ายมือ  
ส่วนเตียงนอนกับโต๊ะเขียนหนังสือและโทรทัศน์จะอยู่ด้านใน

สำหรับเตียงนอนของที่นี่จะมีขนาดประมาณ 5 ฟุตได้ค่ะ  ใครที่เคยชินกับการนอนเตียงนอนใหญ่ๆ หรือตัวใหญ่
เช่นคุณสามีพิม อาจจะรู้สึกว่ามันแคบ ๆ นอนแล้วรู้สึกอึดอัด  แต่สำหรับพิมจะค่อนข้างเฉย ๆ ค่ะ

เฟอร์นิเจอร์ในห้อง (และนอกห้อง) ของที่นี่ส่วนใหญ่เช่น ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือ เตียง ตู้ข้างเตียง จะเป็นไม้ค่ะ  
ตู้เสื้อผ้าของที่นี่มีขนาดใหญ่มาก สามารถเก็บเสื้อผ้าสำหรับอยู่ได้เป็นเดือนๆ เลย  
ส่วนทีวีของที่นี่จะมีขนาดเล็กหน่อย เดาๆ เอาน่าจะประมาณสัก 21 นิ้วได้  แต่ขอบอกว่าชัดทุกช่องค่ะ
แถมมีแต่ช่องรายการดี ๆ ที่พิมและคุณสามีสนใจทั้งนั้นเลยค่ะ  

แต่สำหรับน้ำดื่มในห้อง จากทุก รร. ที่พิมเคยพักมาเค้าจะมีในวันละ 2 ขวดใช่ไหมค่ะ
แต่ที่นี่มีให้ขวดเดียว แถมเป็นขวดขุ่นอีกต่างหากค่ะ แต่ก็ไม่เป็นไร  ซื้อเพิ่มด้านล่างได้ ราคาไม่แพงค่ะ

ส่วนห้องน้ำของที่นี่ จะเป็นห้องน้ำสไตล์แบบบ้าน ๆ  ไม่มีการแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง  ฝักบัวก็ปรับระดับสูงต่ำไม่ได้  
แต่ช่วงที่อาบน้ำสามารถกางม่านพลาสติคออกเพื่อกันน้ำกระเด็นได้ค่ะ  

อ้อ ๆ เกือบลืมห้องน้ำที่นี่มีสายชำระด้วย เพราะงั้นใครที่ติดสายชำระ อยู่โรงแรมนี้แล้วสบายใจได้ค่ะ

สรุป ....... สำหรับภาพรวมการไปพักที่ Thaphae Garden GuestHouse ห้องแอร์ที่ชั้น 2   ปลายเดือนพฤศจิกายน 54
พิมก็ขอสรุปโดยรวมไว้ตามนี้นะคะ  ^_^

ขอบคุณครับสำหรับรีวิวครับ   ตอนนี้ผมก้อมานอนอยู่ All Seasons Chiangmai
ผมได้มาในราคา 1080 เยนครับ

คุณ A-TOO  ได้มาราคาถูกมากเลยนะคะเนี่ย จองช่วงไหนเหรอค่ะ
ส่วนของพิมได้มาที่ราคา 1300 กว่าเยนอ่ะค่ะ

แวะเข้ามาเก็บข้อมูลค่ะ

ยังไม่เคยไปพักทั้ง 3 แห่ง
ส่วนใหญ่จะเป็นอิมท่าแพค่ะ

โฮเต็ล เอ็ม  ในอดีต ถ้าจำไม่ผิด คือโรงแรมมนตรี ใช่มั้ยนี่  ดูจากรูปคุณพิมแล้วภายในห้องรีโนเวทแล้ว ดูทันสมัยขึ้นเยอะเลย

สมัยก่อนชั้นล่างด้านข้างของโรงแรมนี้ มีเบเกอรี่เจ้าดัง ชื่อ เจเจ เบเกอรี่(ใครทันมั่งเอ่ย)    สมัยก่อนแบบว่าถ้าพาพวกน้องรหัสไปเลี้ยงข้าวแล้วเป็นธรรมเนียมว่าต้องมาทานไอติมที่ร้านเจเจ เบเกอรี่ที่ว่านี้แหละ  (คิดถึงความหลังเนอะ)

สวยทั้ง 3 ที่เลยค่ะ ดูแล้วแต่ง style คล้ายๆกันเลย
ขอบคุณรีวิวน่ารักๆนะคะ ^^

ช่วยคุณพิมตอบ คห. 60 คุณฮิวเยียก ถูกต้องแล้วค่ะ โฮเทล เอ็ม แต่ก่อนคือโรงแรมมนตรีค่ะ

รูปสวยค่ะ
แล้วก็รีวิวได้ละเอียดมากๆ ด้วย
เยี่ยมไปเลยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลดี ๆ ครับ

ดูแล้วอยากไปเที่ยว... แต่ต้องก้มหน้าก้มตาขัดบ้านล้างบ้านกันต่อไป (ยังไม่ได้เข้าบ้านเลยสงสัียปีใหม่แน่ๆ)

น่าไปพักจัง  ขอบคุณมากครับ

เคยไปทานค่ะ ร้านเจเจ เบเกอรี่ สมัยอยู่ ม.ปลาย

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ คุณพิมเป็นคนละเอียดมาก ๆ เลย

ขอบคุณครับ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากครับที่สุดท้ายนี่น่าสนใจดีครับ
ราคาประหยัดดี

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ

รีวิวละเอียดดีค่ะ ชอบ ๆ  ^^

เป็นรีวิวที่ดีมากๆๆๆๆ ข้อมูลครบ กดเข้าคลังกระทู้ให้นะคะ
เผื่อวันหน้าได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ เก็บไว้เป็นข้อมูลและตัวเลือก
ขอบคุณสำหรับรีวิวแจ่มแจ่มค่ะ

ที่  all season
คุณพิม ไปพักวันเดียวกับเราเลยค่ะ 
แต่ไม่เคยเจอกันเลยอ่ะ
สงสัยเพราะเราตื่นสายมั๊ง กว่าจะลงมากินมื้อเช้า 8-9 โมง ค่ะ 
กว่าจะออกไปเที่ยวต่อก็ 10 โมง กลับเข้ามาค่ำๆ แล้ว
เราพักชั้น 5 ทางซ้ายมือ ค่ะ  3 คืน (22-24 พ.ย.) เป็นแบบเตียงคู่ ได้วิวตึกข้างๆ
พอคืนที่ 4 เราลงมาพักชั้น 4 ห้องใหญ่กว่า กว้างกว่า ราคาแพงกว่านิดหน่อย เห็นวิวหน้าถนน
โดยรวม all season ค่อนข้างน่าประทับใจทั้งสถานที่ และพนักงานค่ะ (วันที่ 3, 4 แอบเบื่ออาหารเช้านิดนึง เพราะมันเมนูเดิมๆ ซ้ำๆค่ะ)

ส่วนที่ Hotel M
เราไปพักคืนวันอาทิตย์พอดีเลย 
ที่จอดรถไม่มีเลย พี่ที่พาเที่ยวปาย ก็เลยต้องขับรถกลับลำปางไปเลย อดเดินถนนคนเดินท่าแพ 
ส่วนเราเดินถึง 3 ทุ่มกว่าๆ ก็ยังไม่สุดถนน แต่ไม่ไหวต้องขอกลับมานอนพักขาค่ะ 
เห็นด้วยกับคุณพิม ที่ว่า อาหารเช้า all season น่าทานกว่าที่ Hotel M (พนักงานในห้องอาหาร ไม่ค่อยบริการเท่าไหร่นัก  แต่เธอก็พูดภาษาไทยกับเรานะคะ)
แต่ด้วยสถานที่ ห้องพัก และการเดินทาง ถือว่า โอเคทีเดียว

ทั้งหมดนี้ ที่ไปนอนมา 5 คืน ในราคาไม่ถึงพันบาท/คืน ก็เพราะสมาชิกห้องนี้แหละค่ะ ที่แนะนำพี่ expedia.jp ให้รู้จัก และรีวิวโรงแรมสวยๆ ให้เราได้เลือกก่อนตัดสินใจ  ขอบคุณมากนะคะ

ปล. คืนวันเสาร์ ไปนอนรีสอร์ตญาติของพี่ ที่ปายค่ะ
อยู่ห่างไกลถนนคนเดินปายพอสมควร แต่มีความเป็นธรรมชาติดี
ชื่อ เรนโบว์เฮ้าส์  คืนละ 300 บาท (แต่เราไม่ได้จ่าย อิอิ)

ส่วนคืนวันจันทร์ ไปนอนที่ เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี รีสอร์ต
(ซื้อที่พัก จากงานไทยเที่ยวไทยไว้ในราคา 999 บ. รวมอาหารเช้า 2 คน +บัตรนั่งรถรางชมสัตว์ 1 เที่ยว 2 ที่นั่ง) 
บ้านที่เราเลือก คือ แววมยุรา  นอนสบายมากค่ะ ตอนเช้ามีครอบครัวกวาง 3 ตัว มาเยี่ยมถึงหน้าบ้านพักเลย
พนักงานบริการสุภาพและประทับใจทุกคน จนทำให้อยากจะกลับไปพักอีกคราวหน้าค่ะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ