สวัสดีค่ะเพื่อนๆ โดยส่วนตัวไม่ค่อยได้รีวิวนัก แต่วันนี้มีเรื่องให้จิตใจห่อเหี่ยวเล็กน้อย จึงขอเสริมสร้างกำลังใจด้วยการรีวิวบำบัด เผื่อจะรู้สึกสบายใจขึ้น

ทริปนี้เราเดินทางวันที่ 2-5 ตุลาคม 2544 ก่อนช่วงที่น้องน้ำจะบุกกรุงเล็กน้อย ไปกันทั้งบ้าน 6 ชีวิต ก่อนไปคุณแม่ของเราก็ทำท่าลังเล กลัวจะมีปัญหากับน้องน้ำ นี่ถ้าจองตั๋วช้าไปสัก 1 สัปดาห์ สงสัยว่าคุณแม่คงสละสิทธิ์

ขอเปิดตัวด้วย Universal Studio ขวัญใจเด็กๆ

เริ่มต้นการเดินทางกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เด็กๆตื่นเต้นมากเพราะเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก

เดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชียแต่เช้าตรู่ ชายน้อยก็เบื่อไปตลอดทาง

ต้องปลอบขวัญกันด้วยการชอปปิ้งเล็กน้อยๆแก้เบื่อ

หลังจากหาซื้อ sim card สำหรับ IPAD ซึ่งซื้อที่เคาเตอร์ UOB ชั้นล่าง แล้วเราก็นั่ง sky train ไปยัง Terminal 2 เพื่อไปต่อ MRT ไปยังที่พักของเรา

ระหว่างทางเดิน ก็แวะไปตลอด เนื่องจากไปกับเด็กจะทำเวลาไม่ค่อยได้ ลงจากเครื่องประมาณ 11.00 น. แวะทางไอศครีมก่อน

ถึงโรงแรมที่เราจองไว้ประมาณ 14.00 น. (นานมาก) เราเลือกพักที่ Peninsula Excelsior ค่ะ อยู่ที่สถานี City Hall ถ้าดูตามแผนที่ตรงจุดลูกศรแดงๆ จะเห็นว่าใกล้กับ MRT มาก เดินจากโรงแรมไม่น่าเกิน 200 เมตร สถานีนี้สะดวกเพราะเป็น Interchange Station ของ MRT สายสีเขียวและสีแดง ติดกับโรงแรมจะเป็น Funan Digital Life Mall ซึ่งขายอุปกรณ์ IT และเป็นที่ๆเราเข้าไปฝากท้องหลายครั้ง เลือกโรงแรมนี้เพราะพาคนแก่กับเด็กไป ก็ต้องหาโรงแรมสะดวกในการเดินทาง

รอร้อรอ ห้องพักอยู่นาน จนต้องกลับไปหาข้าวกลางวันทานก่อน มื้อแรกที่สิงคโปร์ ร้านชื่อ QI JI

เดินกลับมาโรงแรมอีกครั้งประมาณบ่ายสามโมง จึงได้ห้องพัก ซึ่งงานนี้แผนเที่ยวเราก็ต้อง delay ไปหมด โรงแรมนี้มี 2 ตึก ตึกเก่าชื่อ Peninsula ตึกใหม่ชื่อ Excelsior เราได้พักตึกเก่า

ก่อนจะขึ้นห้องพัก ถ่ายรูปสระว่ายน้ำมาฝาก เป็นแบบตู้ปลา ว่ายไปเห็นขาไหวๆไปมา

ก่อนขึ้นห้องพัก มองย้อนไป lobby นิดนึง ใหญ่ดีนะ กว้างขวางใช้ได้ lobby นี้ไม่ได้อยู่ที่ชั้น 1 นะคะ ต้องขึ้นลิฟท์มา

ถึงห้องพักสักที เราจองไว้ 2 ห้อง แต่ก็ไม่ได้ห้องติดกัน ห้องหนึ่งเป็นห้อง smoking ซะอีก อันนี้เป็นความเซ็งเรื่องที่สอง

ลักษณะของห้อง 2 ห้องก็แตกต่างกัน จะพาไปชมห้องที่เราพัก ซึ่งกว้างกว่า และมีของดีซ่อนอยู่ เตียงนอนที่เห็นออกจะเยินเลิกน้อย เพราะเด็กๆขึ้นไปฝากรักซะแล้ว

โซฟาในห้องพัก

จอแบน บนโต๊ะทำงาน

อุปกรณ์ในห้องน้ำ

และอุปกรณ์ชากาแฟครบถ้วน ไม่ลงรูปตู้เย็นละกัน ก็ไม่มีอะไรฟรีนิ

ไปดูหน้าต่างโรงแรมซิ จะเจออะไร อ๋อ โบสถ์ St.Andrews สวยงามมาก

จากรูปที่แล้วจะเห็น singapore flyer โผล่มาเล็กๆ นั่นเป็นอีกมุมที่ต้องส่องไปให้ชัดๆ เห็นตึกทุเรียนด้วยยยยย

หันไปทางขวาอีกหน่อย นั่นไง Marina bay sand ที่ใครๆก็สนใจ แม้จะมีเครนบังบ้าง ก็ยังชอบใจที่ได้วิวนี้ สรุปว่า เหม็นกลิ่นบุหรี่แต่ได้วิวงามๆมาชดเชย

หลังจากนั้นก็ไปเที่ยวกันที่ chinatown ซึ้อของฝากเล็กๆน้อยๆ ร้านรวงก็จะอารมณ์คล้ายสำเพ็งบ้านเรา เราได้ของกระจุกกระจิก จำพวก พวงกุญแจ แมคเน็ตติดตู้เย็น มาเป็นของที่ระลึกฝากเพื่อนลูก

ข้าวเย็นที่ chinatown ขอทานอาหารบ้านๆ ไปกับเด็กคิดอะไรไม่ออก ก็ต้องข้าวผัด หน้าตาธรรมด๊าธรรมดา แต่อร่อยมาก สั่ง 2 จานใหญ่ ทานกันได้ 6 คนเลยทีเดียว

แล้วก็ไปเยี่ยมเยียน Merlion ซึ่งกว่าจะถึงก็มืดซะแล้ว

Marina Bay Sand ยามค่ำคืน เรารอดู laser ตอน 2 ทุ่มด้วย

ตึกทุเรียน ทริปนี้ไม่ได้ขึ้น singapore flyer เนื่องจากคุณนายแม่เป็นโรคกลัวความสูง

จบแล้วสำหรับวันแรก วันที่สองเราจะไปเที่ยว Universal Studio กัน

เช้าวันที่ 2 เราเริ่มต้นมื้อเช้าด้วย Yakun Kaya Toast อันเลื่องลือ ซึ่งมีสาขาอยู่ใน Funan ข้างโรงแรม เราสั่งแบบเป็นชุด ซึ่งจะมีขนมปัง ชา-กาแฟ หรือไมโล และไข่ลวก

เด็กๆชอบ

ไปลุย USS กันเลย

ด่านแรก มาดากัสการ์ เจ้าชายน้อยขอ 2 รอบ

กว่าจะผ่านด่านแรก ก็เที่ยงแล้ว ก็เลยไปทานอาหารกลางวันที่ร้านนี้ อาหารที่ใน USS จะแพงกว่าข้างนอกพอควร ชุดอาหารเด็กจะมีกล่องอาหารแถมมาด้วย

ภายในร้านตกแต่งน่ารัก

โซนที่ 2 ขอเรียกง่ายๆว่าโซนฟาโรว์ เด็กๆเข้าไปเล่นเครื่องเล่นไม่ได้ เลยไปขับรถแทน

แล้วก็ออกไปถ่ายรูปกัน

อันนี้เด็กๆขอผ่าน เหมาะกับวัยรุ่นเท่านั้น

ถ่ายรูปกับขวัญใจ

ย้อนกลับไปดูโชว์ The Lost World ช่วงเย็นค่ะ สนุกสนานกันมากมาย จะมีแบ่งโซนไว้เลยว่าผู้ดูปรารถนาจะเปียกมากเปียกน้อย นักแสดงก็จะจัดให้ตามนั้น

และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดที่การแสดง Move It Move It

วันที่ 2 ที่ไปเที่ยวตรงกับวันที่ 3 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันเกิดของลูกสาวคนโต กลับมาถึงโรงแรม 2 ทุ่มแล้ว ร้านรวงปิดหมด เลยได้ทาร์ตไข่มาฉลองวันเกิดให้ค่ะ

แล้วทางโรงแรมก็มี surprise ด้วยผลไม้และการ์ดวันเกิด ทำให้คะแนนของโรงแรมตีตื้นได้โขเลย ที่สำคัญ วันที่เรา check out ลูกสาวทำ key card หายไป 1 แผ่น เราไปบอกกับเจ้าหน้าที่ นึกว่าจะโดนหักเงิน แต่เค้าก็บอกไม่เป็นไร แล้วให้การ์ดใบใหม่มาอีก พอใกล้เที่ยงเราก็ถามเจ้าหน้าที่ front ว่า ถ้าจะ late check out ถึงบ่าย 2 โมง จะมีค่าใช้จ่ายไม๊ เค้าก็บอกว่า ถ้าคุณอยู่ถึงบ่าย 2 โมง ไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่ถ้าเกินกว่านั้นจะคิด เริ่ดอะ วันหลังจะไปใช้บริการอีก

วันที่ 3 เริ่มต้นวันใหม่ด้วยข้าวหมกที่ร้าน Zam Zam สถานี Bugis

ตรงข้ามร้านเป็นมัสยิดสุลต่าน

แล้วไปเดินชอปปิ้งที่ Bugis Junction

จากนั้นไปมุสตาฟา ไม่ได้ถ่ายรูปมุสตาฟามาเพราะเดินไกลมาก เด็กๆเหนื่อยสุดๆ เอาเป็นรูปตึกสวยๆระหว่างเดินผ่านละกัน

หมดแรงไปตามๆกัน กลับที่พักโดยขึ้น MRT ที่สถานี Ferrer Park ชอบรูปนี้ เหมือนเราทุกคนได้ผจญภัยสนุกสนานแล้วก็มาเกาะรถไฟฟ้ากลับที่พัก เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่ชอบจริงๆ ขนาดคุณนายแม่ กลัวทุกอย่าง กลัวความสูง กลัวบันไดเลื่อน กลัวขึ้นรถไฟฟ้า แต่กลับมาบ้านบอกกับลูกว่าสนุกมาก เที่ยวคุยให้ใครๆฟังอย่างมีความสุข

วันสุดท้ายเรากับสาวๆไปชอปปิ้งที่ Orchard กันสนุกสนาน

ลาแล้วค่ะ สิงคโปร์ เจอกันใหม่ช่วงสงกรานต์ปีหน้า ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมค่ะ

มาติดตามชมรีวิวด้วยคนครับ

ขอบคุณครับบ ที่นำภาพสวยๆมาฝาก

น้องๆน่ารักครับ  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ

มาเก็บข้อมูลค่ะ

น้องๆน่ารักมากค่ะ

ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ

ตามหนูๆไปเที่ยวด้วยคนค่ะ