..............................................................................................
เมื่อ1เดือนที่แล้ว
{"บายๆ แล้วกลับมาพักใหม่น่ะ" เสียงจากผู้จัดการคนสวยของ เดอะรอยัล เชียงคาน บอกอำลาพวกผม2คน ก่อนที่รถสามล้อ สกายแล็ปจะพาพวกผมจากโรงแรมนี้ไป พร้อมๆกับทิ้งเมืองเชียงคานไว้เบื้องหลัง ทั้งๆที่ยังอยากจะอยู่ต่อให้หน่ำใจ ครั้งนั้นผมกับแฟนสัญญากันว่า ครั้งหน้าเราจะกลับมาหาเมืองเชียงคานและพักที่นี้อีกเป็นครั้งที่2}

ตลอดเวลาเดือนกว่าๆเกือบ2เดือน...ที่ไม่ได้ไปเยือนเมืองเชียงคาน เราก็แอบคิดอยู่ตลอดว่า "เชียงคานจะเป็นยังไง" "เชียงคานหนาวรึยัง" "พี่ผู้จัดการยังจำเราได้มั๊ย" "มีร้านใหม่ๆเปิดขึ้นมารึป่าว" "ทะเลหมอกที่เชียงคาน มีรึยัง"และอีกเยอะแยะไม่มีหมด

......จนในที่สุด!!วันที่27พฤษจิกายน2554 ผมกับแฟน ก็ได้เวลาตามล่าหาความจริง เพื่อเฉลยข้อสงสัยของเราที่มีอยู่ในหัวให้เปิดเผยออกมา โดยการกลับไปเยือน "เชียงคาน เมืองงามในความทรงจำ" อีกครั้งหนึ่ง :D

ภาพเดิมๆที่คุ้นเคยเริ่มประจักษ์ขึ้นอีกครั้ง เมื่อมองไปยังบ้านเรือนเก่าๆนับร้อยปีที่เห็นอยู่2ข้างทาง บริเวณถนนคนเดิน ก่อนที่จะถึง"เดอะรอยัล เชียงคาน" ที่พักของเราคืนนี้

ผ่านไปไม่นาน รถ3ล้อสกายแล็ปก็มาส่งเราถึงที่ "เดอะรอยัล เชียงคาน" วิมานน้อยๆ2คืนของเรา

เดินเข้ามาข้างใน กลิ่นอายของความหรูหราก็กระทบจมูกในทันใด ทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิม พี่ผู้จัดการคนสวยก็ยังอยู่ เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งก็เหมือนเดิม มีเพียงแขกเข้าพักที่มากขึ้น และ พี่พนักงานหน้าเคาท์เตอร์ที่เพิ่มขึ้นและแปลกตาไปกว่าเดิมเล็กน้อย :D

ทุกอย่างยังคงเดิม โซฟาตัวนุ่มตัวนี้ยังอยู่ให้เราได้นอน(เกือบหลับยาว) ได้นั่งอ่านหนังสือ นั่งดูทีวี และนั่งรอห้องพัก

ข้อดีอย่างหนึ่งของที่นี้คือ มีหนังสือให้เลือกอ่านได้ตามชอบใจเยอะมาก ทำให้เราไม่เบื่อเวลาไม่มีอะไรทำ หนังสือของที่นี้มีทุกแนว ไม่ว่าจะเป็น "ฆาตกรรม" "สารคดี" "สุขภาพ" "แต่งบ้าน" "ท่องเที่ยว" "สอนใจ" "ธรรมมะ" "หนังสือเด็ก" สรุปได้ว่าใครเป็นคนชอบอ่านหนังสือ มาพักที่นี้หยิบหนังสือไป1เล่ม ขึ้นไปอ่านบนห้อง อยู่ได้ทั้งวันแหละครับ...

ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ

ไปเที่ยวเชียงคานด้วยครับบบบ

สำหรับผมแล้ว ต้องนี้เท่านั้น "หนังสือขอบเหลือง" ตลอดเวลาที่พักอยู่ที่นี้ เอาแต่เล่มพวกนี้ไปอ่าน ไม่อยากโม้ว่า เห็นเรียงๆกันนี้น่ะ อ่านหมดทุกเล่มแล้ว (จิงๆดูแต่รูปแล้วเปิดผ่าน - -)

นั่งรอแปบเดียว ก็ได้เวลาขึ้นห้องแล้ว ห้องของผมอยู่ชั้น2สีส้ม ราคาประมาณ1800฿ต่อคืน ก่อนเดินขึ้นไปชั้น2ก็จะพบป้ายเด่นๆ บ่งบอกถึงความเป็น บูธีคได้อย่างดี

ชั้นนี้แต่ล่ะห้องเป็นห้อง "เลิฟวินเทจ" มีสีแตกต่างกันออกไป มีทั้งสีเขียว ชมพู ฟ้า ส้ม แต่ห้องที่ผมอยู่คือสีส้ม หน้าห้องจะมีหัวใจหนักๆแขวนไว้หน้าห้อง ถ้าแขวนไว้แสดงว่าไม่มีคนอยู่ แต่ถ้าเราเข้าไปอยู่ในห้อง เราก็ต้องเอาหัวใจหนักๆกลับเข้าไปในห้องด้วย :D

เปิดห้องมาเจอสีส้มเข้าตา!!! ในห้องจะมีเตียงนอน(นุ่มนิ่ม) เก้าอี้2ตัว  เครื่องปรับอากาศ ทีวีLCD โต๊ะเล็กข้างเตียง และไฮไลท์ ห้องนี้มีระเบียง 

เตียงนอนชัดๆ เริ่มปี้ป่นบ้างแล้ว555  

ลองออกมาตรงระเบียงข้างนอกบ้างครับ ที่นี้จะดีมากเลย ถ้าไม่มีสายไฟ ผมล่ะกลัวไฟดูดตาย เพราะสายไฟพาดหน้าเราแบบเฉียดกันแค่ปลายจมูกกันเลยครับ

อีกมุมหนึ่ง เหนือถนนคนเดินของเชียงคาน

มองลงไปด้านล่างบ้างครับ ข้างล่างจะมีเบาะนุ่มๆนิ่มๆ ให้แขกที่เข้าพักนอนเล่น

อ่ะ!!! ผมลืมบอกอย่างนึง ห้องชั้น2วินเทจนี้น่ะครับ ห้องน้ำแชร์กันใช้น่ะ แต่ห้องชั้นแรกอย่างห้องลอฟฟ์และห้องซันไชน์จะมีห้องน้ำในตัว แต่ไม่เป็นไรครับ ถึงเป็นห้องน้ำใช้แชร์กันแต่สภาพและความสะอาด อย่างเยี่ยมยอดครับ 

เมื่อเดือนก่อน ผมมาที่นี้ตอน6โมงเย็น กว่าจะมาถึงโรงแรมนี้ก็มืดสะแล้วเลยอดดูพระอาทิตย์ตก ของเชียงคาน................................

แต่ตอนนี้ ผมมีเวลาเหลือเฟือในการดื่มด่ำพระอาทิตย์ตกยามเย็น เพราะฉะนั้นเมื่อมาถึงพักผ่อน วางของเรียบร้อยแล้ว เดินขึ้นดาดฟ้าเลยครับ

ภาพสีสดจังค่ะ  

ตามไปเที่ยวเชียงคานด้วยคนค่ะ

ดาดฟ้าของที่นี้มีวิวที่สวยมาก ครั้งแรกที่มาเยือนดาดฟ้าแห่งนี้ยังอยู่ในหัวสมองผมอยู่เลย แต่แตกต่างกันตรงที่บรรยากาศ เมื่อครั้งที่แล้ว ผมขึ้นมาที่นี้เพื่อมาดูเชียงคานยามค่ำคืน แต่ตอนนี้ผมขึ้นมาดาดฟ้า เพื่อชมวิวน้ำโขง และแสงแดดอ่อนๆของ อำเภอ.เชียงคาน (ตรงประตูสีดำๆ คือที่ที่ผมขึ้นมาจากชั้น3) 

จะต้องหาเวลาไปให้ได้ก่อนจะเจริญ
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ รอดูๆ

บนดาดฟ้านี้ใครจะมาทำอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นถ่าายรูปชมวิว เอาอาหารขึ้นมากิน เดินเล่นกับแฟน นั่งดริ้งค์เบาๆ   หรือจะเล่นไพ่ป๊อกเด้งก็ได้ อิอิ ตำรวจไม่ตามขึ้นมาถึงบนนี้หรอก!!!!!!!!!! 

ฟงหวิน ขี่พายุทะลุฟ้า (เกี่ยวมั๊ย)  - -*

ก่อนที่พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าครับ แสงแดดอ่อนๆผ่านผาดบ้านไม้เก่าๆ สวยงามจับจิต อยากจะให้เวลานี้หยุดลง ณ.ตรงนี้จังเลย

เสน่ห์ของที่นี้คือ วัฒนธรรม บ้านเรือนเก่า แม่น้ำ สายน้ำ ภูเขา วิธีชีวิต มาบรรจบกันอย่างลงตัว

มองไปยังฝั่งที่พระอาทิตย์จะลาลับ แสงเจิดจ้าสุดท้ายของวัน กำลังจะหายไป :D

ระหว่างนั้นผมและแฟนรอไม่ได้แล้ว ที่จะเห็นพระอาทิตย์ตกบนดาดฟ้าตึก เรา2คนเลยพากันสปีดไปยังริมแม่น้ำ เพื่อจะได้ไปเห็นพระอาทิตย์ตกในมุมที่สวยที่สุดของเชียงคาน

"แนวกินพื้นบ้าน แนวดื่ม" ภาษาท้องถิ่น แบบง่ายๆถ้วนๆแต่ความหมายสุดลึกซึ้ง และได้ใจความแบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อม

รีบวิ่งมาสุดชีวิต ก่อนที่พระอาทิตย์จะหายไป! ในที่สุดก็มาถึงครับ ริมแม่น้ำโขง มหานทีแห่งชีวิต :D ยามพระอาทิตย์ตก แม่น้ำแห่งนี้มีเสน่ห์ที่สุดแล้วครับ

ไม่มีอะไรจะบรรยาย ให้ชมความสวยไปพลางๆล่ะกันครับ  

หลังจากพระอาทิตย์กำลังจะพรากความสว่างไป วิถีชีวิตของชาวบ้านริมน้ำก็ต้องหยุดลงด้วย เรือหาปลากลางแม่น้ำที่มีฉากหลังเป็นภูเขา และท้องฟ้าสีส้ม มันเป็นความลงตัวของธรรมชาติและผู้คนที่นี้ ที่อยู่โดยพึ่งพาอาศัยกัน 

ขอวิ่งไปดูพระอาทิตย์ตกด้วยคนจ้า

ช่วงหน้าหนาวยังงี้ เป็นธรรมดาที่จะเห็นนกอพยพย้ายถิ่น มาเป็นฝูงเพื่อมาหากินในประเทศที่อุ่นกว่า

เรือหาปลาเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว ใจจริงอยากจะเดินเข้าไปพูดคุยทักทายกับคุณลุงบนเรือ แต่ไหนไม่เข้าฝั่งสะที - -*กลัวเรารึป่าว

เพียงไม่นาน เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ทำให้เกิดสึนามิแม่น้ำโขง คลื่นพัดเข้าฝั่งด้วยความเร็วและแรง ทำให้แมลงเล็กแมลงน้อยบริเวณนี้โดนคลื่นพัดไป โดยไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร อิอิ

พอเริ่มมืดก็ขึ้นมาบนฝั่งล่ะสิครับ มามองพระอาทิตย์ตกอีกสักมุม มุมนี้อยู่บนสันเขื่อน ทัศนะกว้างไกลกว่าอยู่ริมน้ำ แต่คนล่ะอารมณ์

บนถนนคนเดินครับ ร้านค้าเริ่มเปิดไฟกันบ้างแล้ว คนก็เยอะเลยแหละครับ วันหยุดก็งี้แหละ ผมล่ะเบื่อช่วงแบบนี้ แต่เลือกไม่ได้นี้น่า ก็เลยต้องยอมทนมาวันอาทิตย์ แต่ไม่เป็นไรหรอก ได้บรรยากาศไปอีกแบบ:(

เดินผ่าฝูงคน จนถึงที่พักแล้ว มาถึงแล้วคนถ่ายรูปหน้าโรงแรมเต็มเลยล่ะครับ ก็ป้ายโรงแรมเด่นสะขนาดนี้ ก็ยืนต่อแถวเข้าคิวกันตามระเบียบล่ะน่ะ

อีกมุมหน้าโรงแรมครับ เป็นที่นั่งที่นอน ตรงระเบียงที่ยื่นออกมาจากตัวโรงแรม ติดกับถนนคนเดินเลย คนเดินไปเดินมาก็ผ่านหัวเราไปแบบชิวๆเฉียดๆ555

มองเข้าไปในโรงแรมครับ :)

ทีวีใหญ่กลางล็อบบี้ ส่วนใหญ่จะเปิดแต่การ์ตูน และสารคดีครับ

มุมมองจากหน้าเคาท์เตอร์ครับ

วันแรกของ อำเภอ.เชียงคาน ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ครับ เพราะวันนี้หมดแรงข้าวต้มแล้ว ขึ้นไปนอนกับแฟนตามระเบียบ วันนี้นอนให้เต็มอิ่มครับ เพราะวันรุ่งขึ้นมีนัดตระเวณไหว้พระ9วัดรอบเมืองเชียงคานกับแฟน สำหรับคืนแรกที่เชียงคาน ฝันดีครับ :))))))))))))))))))))))))))))))))))

วันที่2ของเชียงคาน วันนี้ตั้งใจจะมาใส่บาตรข้าวเหนียว จิตใจจะได้ผ่องใส :D

แต่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ข้าวเหนียวโรงแรมหมด -3- เลยทำได้แค่มอง

พระที่นี้เยอะครับ ส่วนมากจะมาบิณฑบาตรเส้นถนนริมโขง  นักท่องเที่ยวที่นี้ก็มาสืบทอดประเพณีใส่บาตรข้าวเหนียวของเชียงคานให้สืบทอดต่อไปครับ :D

ตอนเช้าที่นี้หนาวมาก หมอกลงจัดเลยล่ะครับ! แต่ไม่สู้ที่ภูกระดึง55+ เช้าๆยังงี้ขอปั่นจักรยานไปตลาดสดกับแฟนสะหน่อย เพื่อที่จะตามหาของขึ้นชื่อของเชียงคาน ฮุฮุ

มาถึงแล้ว ตลาดสดของที่นี้ ก็เหมือนตลาดทั่วไปครับ มีพ่อค้าแม่ขายและลูกค้า

วิถีของชาวบ้านที่นี้ก็ทั่วไปครับ เหมือนตลาดสดอื่นๆ

แต่การมาตลาดสดครั้งนี้ ไม่ได้มาเพื่อมาซื้อผัก ซื้อหมูกลับไปทำกินเอง แต่ที่มาก็เพื่อสิ่งนี้ แท่แทแท๊นนนนนนน

ใหญ่ ยาว หอม หวาน มัน(ส์) อร่อยจนติดปาก ต้องปาท่องโก๋ยัดไส้ลุงมุข ชิ้นล่ะ30บาท มีหลายไส้ไม่ว่าจะเป็นหมูแดง หมูสับ ผักรวม บลา บลา บลา แต่วันที่ผมไปมีแต่ไส้รวม ที่มีหมูและผักอยู่ในตัวปาท่องโก๋อันเดียว อร่อยน่ะ :D

ตามไปด้วยค่า

กินปาท่องโก๋แล้ว ก็อย่าลืมไปกินอาหารเช้าที่โรงแรมจัดไว้ให้ ที่ร้านข้าวเปียกซอย10 โดยโรงแรมจะเอาคูปองมาให้ แล้วเราจะต้องออกไปกินเอง ถึงแม้จะไปหากินลำบากนิดนึง แต่รสชาตินั้นอร่อยจนโลกลืมไม่ลงเลยทีเดียว
           (แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา)
....................................................................................................

กินข้าวกินปลาเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเข้าวัดเข้าวากันแล้วล่ะครับทีนี้ โดยวัดแรกที่เข้าไปสักการะคือ วัดโพนชัย.

ประวัติย่อๆของวัดครับ :วัดนี้ตั้งอยู่ระหว่างซอย 2-3 พระอุโบสถที่มีรูปสถาปัตยกรรมล้านช้างผสมสถาปัตยกรรมในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ที่พระยาศรีอรรคฮาตเป็นผู้สร้าง และเคยเป็นที่ตั้งที่ว่าการเมืองเชียงคาน ก่อนจะย้ายไปอยู่ในที่ปัจจุบันแก่งคุดคู้

สถาปัตยกรรมที่ลงตัวระหว่างล้านช้าง และ รัตนโกสินทร์ เป็นเสน่ห์ให้วัดนี้ดูมีมนต์ขลังมากขึ้น

ตอนไปพระอุโบสถปิดครับ ก็เลยกราบไหว้พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ด้านนอก

สำหรับวัดแรกก็จบลงแล้วครับ ต่อไป ไปวัดที่2กันเลย ชื่อวัดว่า"วัดศรีคุณเมือง" โดยอำลาวัดโพนชัยด้วยภาพนี้ล่ะกัน

จักรยานคันน้อย2คัน ลัดเลาะผ่านบ้านเรือนไม้เก่าๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่าง2ข้างทาง โดยมีจุดมุ่งหมายคือ ไปกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงคาน นามว่า"วัดศรีคุณเมือง"

"วัดศรีคุณเมือง เป็นวัดเก่าแก่ชาวบ้านเรียกว่า วัดใหญ่ พระอุโบสถงดงามด้วยศิลปะล้านช้าง แขนนางเชิงหลังคาเป็นไม้แกะสลักอ่อนช้อยงดงาม ฝาผนังเป็นภาพเขียนฝีมือช่างโบราณซึ่งบูรณะใหม่ โดยช่างจากกรมศิลปากร องค์พระประธานปางนาคปรกศักดิ์สิทธิ์มาก เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองเชียงคานมาแต่โบราณ มีศิลาจารึกหินชนวนประดับที่หน้าโบสถ์"  ประวัติย่อๆของวัดคู่เมืองเชียงคาน

วัดนี้ซึ่งดูจากหลังคาก็พอจะทราบได้แล้วว่า ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมล้านช้าง

ก่อนที่ผมจะเข้าไปกราบไหว้พระข้างใน ก็ได้ไปสะดุดตาพบภาพเขียนก่อนทางเข้าโบสถ์ ถ้าถามว่า"ดูแล้วรู้เรื่องมั๊ย"ผมตอบได้เลยว่า"ไม่" แต่พอมองๆดูแล้วมันละสายตาทิ้งไม่ได้ ไม่รู้อะไรดลใจทำให้ผมต้องติดตรึงกับภาพเขียนอันวิเศษแห่งนี้

จากโบสถ์ มองออกไปยังประตูวัด ก่อนที่ผมและแฟนจะออกเดินทางไปสู่วัดที่3ของการเดินสาย ไหว้พระ9วัด จากเชียงคาน ถึง แก่งคุดคู้

วัดที่3 มีนามว่า "วัดมัชฌิมาราม" หรือ "วัดป่ากลาง"

วัดป่ากลางนี้ เมื่อก่อนเป็น2วัด คือวัดกลาง และ วัดป่า แต่วัดกลางซึ่งอยู่ริมแม่น้ำ โดนน้ำกัดเซาะตะลิ่งทรุด ชาวบ้านเลยนำวัด2วัดนี้มารวมกันกลายเป็น"วัดป่่ากลาง" ต่อมาสมัยพระมหาเกียรติ วฑฒิสาโร ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดมัชฌิมาราม”

มุ่งหน้าสู่วัดที่4 เป็นวัดที่ยิ่งใหญ่มากในสายตาผม "วัดมหาธาตุ"

วัดมหาธาตุ เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคาน ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2197 พร้อมเมืองเชียงคา เคยเป็นที่ว่าการงานเมืองของเจ้าเมืองเชียงคานมาหลายสมัย มีบัลลังก์เจ้าเมือง และฆ้องชัยอยู่ที่วัดนี้ เจดีย์มหาธาตุเป็นที่สักการะบูชา พระอุโบสถเก่าแก่ และศาลาการเปรียญมีภาพเขียนฝาผนังดั้งเดิมมาแต่โบราณ จนภาพค่อนข้างเลือนไปมากแล้ว องค์พระประธานศักดิ์สิทธิมาก เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวเชียงคานตลอดมา ในบริเวณวัดมีอาคารส้วมโบราณเก่าแก่ซึ่งหาชมได้ยาก

ความเก่าแก่โบราณของวัดนี้ ได้ลอยมากระทบจมูกผม ทำให้ผมรู้สึกหลงใหลและต้องมนต์กับวัดนี้อย่างบอกไม่ถูก ความเก่าแก่ที่มีเสน่ห์ คือสิ่งที่วัดนี้มีเต็ม100%

อาคารเก่าแก่โบราณนี้ แลดูมีมนต์ขลังอย่างอย่างบอกไม่ถูก แต่ถ้าให้มาตอนกลางคือ อันนี้Say No.น่ะ

ภาพเขียนซึ่งกำลังหายไป ตามกาลเวลา

มองเข้าไปจากช่องประตู จะสามารถมองเห็นพระประธานอันยิ่งใหญ่อยู่ภายใน แลดูน่าเลื่อมใสมาก

ชื่อก็บอกอยู่เต็มๆว่า "วัดมหาธาตุ" นี้เลยมหาธาตุของวัดนี้ ขออำลาภาพนี้เป็นภาพสุดท้ายกับวัดนี้แหละกันน่ะ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังวัดที่5

ตอ่ไปวัดที่5 "วัดป่าใต้" เป็นวัดเก่าแก่อีกวัดนึง ตอนผมไปกำลังมีพิธีบวชอยู่ข้างใน ผมก็เลยไม่รบกวน ขอถอยออกมาห่างๆดีกว่า

อีกมุมสำหรับวัดนนี้

ออกเดินทางต่อไปวัดที่6ครับ "วัดท่าครก" วัดนี้มีลวดลายที่มีเอกลักษณ์เป็นพิเศษ

วัดท่าครก

ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2395 โดยพระศรีอรรคฮาด (สีทา) เจ้าเมืองเชียงคาน (องค์ก่อนพระยาศรีอรรคฮาด (ทองดี)) เป็นผู้สร้างขึ้น สมัยนั้นเมืองเชียงคานยังขึ้นอยู่กับมณฑลพิษณุโลก อุโบสถศิลปะล้านช้าง งดงามด้วยปูนปั้นประดับลายเพดานไม้เขียนสีแบบโบราณ พระประธานปูนปั้นศิลปะล้านช้างทั้งสามองค์ ประดิษฐานบนแท่นสูง หน้าโบสถ์ฝังศิลาจารึกบอกเล่าเรื่องราวการสร้างวัดเป็นภาษาธรรมเอกไว้ด้วย :DDD ประวัติย่อๆครับ

จากในโบสถ์ มองออกไปยังประตูวัด

วัดท่าครกเป็นวัดที่ติดกับริมแม่น้ำ เพราะฉะนั้นก่อนจะเดินทางโดยจักรยานต่อไปแก่งคุดคู่ ผมและแฟนขอนั่งพักเอาแรก ดื่มด่ำบรรยากาศแม่น้ำโขงมหานทีสายชีวิตนี้สะก่อน

มองไปยังฝั่งของเพื่อบ้าน

สุดเขตแดนสยามแล้วครับ

เดินทางต่อกันเลยครับ ไปยังวัดที่7ของเรา

ขอบคุณนะคะสำหรับรีวิวสวยๆนี้ .. ครั้งหน้าจะหาโอกาสไปให้ได้คะ

มาถึงแล้ว "วัดเชียงคาน" วัดนี้จิงๆแล้วไม่ได้ตั้งใจจะแวะน่ะครับ เพราะวัดนี้ไม่ได้อยู่ในแผนที่เดินทางไหว้พระ9วัด แต่เนื่องจากเป็นทางผ่านพอดี ก็เลยขอเข้าไปไหว้ขอพรกันสักนิดนึง ผมเลยนับวัดนี้เป็นวัดที่7ของการเดินสายไหว้พระครั้งนี้

คิดถึงถนนชายโขงและวิถีชีวิตที่เรียบง่ายกับความมีน้ำใจของชาวเชียงคานจังค่ะ

ขอบคุณรีวิวด้วยนะคะ ได้ไปเที่ยววัดหลายที่เลย

วัดนี้เนื้อที่เยอะครับ ติดแม่น้ำอย่างชัดเจนเลย

โบสถ์เรียบง่ายเหมือนวัดทั่วๆไปครับ แต่จุดเด่นที่นี้ต้อง ลำโค้งของแม่น้ำโขง ถ้าตอนพระอาทิตย์ตกต้องสวยมากแน่ๆ

โชว์รูปแม่น้ำโขง

เดินทางสู่วัดที่8ครับ "วัดท่าครก" วัดโบราณอีกแห่งของเชียงคาน แต่รู้สึกตอนผมไป เค้ากำลังบูรณะใหม่น่ะ

แอบดูเหมือนวัดที่หลวงพระบางเลย

มองมุมสูงๆครับ

กราบไหว้ไปแล้ว8วัด เหลืออีกวัดเดียวเท่านั้นครับ ก็จะครบ9วัดที่ต้องการ >< แต่ตอนนี้ขี่จักรยานไปยังจุดหมายต่อไปกันก่อนเลย แก่งคุดคู้ครับ

ช่วงหน้านี้เริ่มมีโขดหินขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ช่วงหน้าฝนคงมีแต่น้ำล่ะครับ

.............

ที่นี้มีบริการล่องเรือด้วยครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่าราคาเท่าไร :P

ถ้ามาถึงที่นี้แล้ว ไม่ได้ถ่ายคู่กับป้ายนี้ เค้าจะหาว่ามาไม่ถึงน่ะคราฟ

อยู่แก่งคุดคู้เกือบชั่วโมง พักผ่อนเอาแรง ก่อนจะขี่จักรยานกลับที่พักครับ ...แต่พอกลับที่พักมีเซอร์ไพรส์ พี่ผู้จัดการได้บอกกำเราว่า "วันนี้ชั้นที่เราพักอยู่มีห้องว่างอยู่2ห้อง อยากลองเปลี่บยบรรยากาศดูบ้างมั๊ย?" ผมกับแฟนก็OKเลยสิครับ สรุปห้องคืนที่2ได้ห้องสีฟ้า หวานกุ๊กกิ๊กสะไม่มี

แฟนผมก็นอนดูทีวีก่อนเลย เมื่อเข้ามาถึง

ไม่ผลาดที่จะพกติดตัวมา อิอิ

สำหรับคืนที่2ที่เชียงคานก็จบลงเพียงเท่านี้แล้ว พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว T T ไม่อยากกลับเลยยยยยยยย แต่!!!!!!!!!!!!!!!!มีเซอร์ไพรส์จุดหักเหตอนจบ รอดู!

เช้าวันที่3 วันนี้ตั้งใจตื่นเพื่อจะใส่บาตรข้าวเหหนียวให้ได้

พระมาแล้ว..

วิถีชีวิตของคนที่นี้ เค้าผูกผันกับศาสนาพุทธครับ พระและวัด จึงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนเชียงคาน

จริงๆแล้วการใส่บาตรข้าวเหนียวนี้ ควรใส่แต่ข้าวเหนียวจริงๆน่ะครับ เพราะว่าอาหารอื่นๆญาติโยมจะไปถวายที่วัดอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ผลไม้ กับข้าว หรืออะไรต่างๆนาๆน่ะครับ เพราะวันใดวันหนึ่ง คำว่า"ตักบาตรข้าวเหนียว"อาจจะกลายเป็นแค่ตำนาน

วันนี้ตื่นเช้าทำบุญแล้ว มาเก็บตกครับ จากเมื่อวานที่ไปไหว้พระมา9วัด แต่ไหว้ได้แค่8วัด ก็เลยมาชดเชยวันนี้อีกวัดหนึ่ง นั้นก็คือ "วัดสันติวนาราม"

วัดนนี้มีความสวยเป็นเอกลักษณ์ครับ เพราะจะมีพระพุทธรูปนับร้อย เรียงกันตามกำแพงครับ

ส่วนตัววัดก็สวยงามไม่แพ้กัน

ไม่มีคำอธิบายครับ

.............

ในที่สุดการไหว้พระของผม9วัด ก็เสร็จสมบูรณ์แล้วน่ะครับ :DDD สาาาาธุขอให้สิ่งที่ขอเป็นจริงด้วยเถิดดดด เพี้ยงงงง

ก่อนกลับ ก็ขอเก็บภาพเมืองเก่าๆของเชียงคานให้ชมครับ

...............

เมืองโบราณที่เหงียบเหงา แต่เปี่ยมด้วยเสน่ห์

อยากให้เชียงคานเป็นยังงี้ อีกนานเท่านาน :D

ยังไม่เคยไปเชียงคานเลย สงสัยคงต้องแวะไปบ้างซะแล้ว

แต่ทุกๆอย่างไม่จีรังยั่งยืน ทุกที่ที่มีคน ที่นั้นย่อมมีความเจริญเข้ามา แต่อยู่ที่ว่า เจริญมาก เจริญน้อยเท่านั้นเอง...

เรื่องเหมือนจะเป็นไปได้สวยน่ะครับ แต่!!!!!!!!ก่อนที่พวกผมจะกลับ เรา2คนตั้งใจจะกลับรอบบ่ายโมงครึ่ง แต่พอไปถึงรถดันออกไปแล้ว T T ทำไงล่ะครับทีนี้ กลับไปพักใหม่ก็ได้5555+

เหลือแต่ห้องนี้ครับ ห้องแพงสุด2500เอาไงเอากัน จ่ายก็จ่ายล่ะครับทีนี้555+ พอจ่ายไปแล้วได้ห้องสุดหรู วิวสวย แต่ไม่มีเงินกินข้าวล่ะครับทีนี้

แต่ก่อนที่จะคิดเรื่องกิน มาดูห้องพักกันก่อนดีกว่า ห้องนี้เห็นวิวสวยมากครับ

มีเก้าอี้ เอาไว้ชมวิวแม่น้ำ

และไฮไลท์ของที่นี้คือ วิวแม่น้ำ มองได้จากมุมห้องเลย

มองออกไปบ้างครับ

ชมวิวเสร็จแล้ว มาแอบดูห้องน้ำกันบ้าง ห้องน้ำที่นี้เล็กไปนิดนึง แต่พอดีอาบครับ :D น่าจะมีอ่างน้ำเนาะ55

อีกมุม

555 เกิดอะไรขึ้นล่ะครับเมื่อเงินหมดแล้ว อาหารเย็นของเราคงไม่มีอะไรมาแทนอันนี้ได้

แถมๆๆๆๆ พี่ผู้จัดการใจดี แอบเอาข้าวลูก มาให้เรากิน ขอบคุณคราฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

กินอิ่มเรียบร้อยแล้ว วันนี้คงไม่ออกไปไหนแน่ๆ ขอนอนอยู่ในห้องอ่านหนังสือ ดูพระอาทิตย์ตกในห้องนี้แหละครับ สบายใจเป็นอันที่สุด

ผ่านไปไม่กี่นาที พระอาทิตย์วันนี้หายไปเร็วมาก คล้ายๆกับว่า สิ้นสุดแล้วการเดินทางเที่ยวเชียงคาน 4วัน3คืนสุดประทับใจ

อ่อ อีกอย่างนึง ขอบคุณพี่แต้ว ที่Theroyalด้วยน่ะครับ ถ้าว่างๆผมจะกลับไปเยี่ยมใหม่ 

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ   มาร่วมระลึกถึงเชียงคานด้วยคน  ^_^

ชอบวัฒนธรรมตักบาตรข้าวเหนียวที่สุดค่ะ 

ไปด้วยคนค่ะ

คิดถึงบ้านจัง ที่จริงมีอีกสองวัดน่ะครับ คือวัดศรีพนมมาศ กับวัดภูช้างน้อย น่ะครับ วัดภูช้างน้อยนี่จะมีพระองค์ใหญ่อยู่บนภูชมวิวเมืองเชียงคานได้ด้วยครับ

เพี่งกลับมาจากเชียงคานเหมือนกันคะ แต่ไม่ได้พักที่นี้ คราวหน้าจะไปพักบ้างคะ สวยดี

พลาดไปดู..ทะเลหมอกอีกอย่างค่ะ...สวยมาก

ขอบคุณสำหรับภาพรีวิวนะครับ ปีหน้าถ้าไม่ผิดพลาดอะไร ผมคงได้ตามรอยไปเชียงคานบ้าง

ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ

ขอบคุณครับ

เห็นแล้วรู้สึกอยากไปที่เชียงคานจังเลยครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

เห็นรีวิวรูปสวยแล้วคิดถึงเชียงคานมากๆ  จะกลับไปเยือนอีกเร็วๆนี้ค่ะ

ห้องที่บอกว่าราคา 2500 อ่ะครับ ชอบมากเลย ไว้มีโอกาสคราวหน้าจะลองไปใช้บริการที่โรงแรม The Royal Chiangkhan Boutique Hotel ดูครับ

สงสารคนเชียงคาน ไม่มีเงิน ลงทุน ไม่รู้จัก คอมพิวเตอร์
เจอนักลงทุนเข้าไป สร้างเงิน...
ที่พัก โฮมสเต เชียงคาน  คนละ 150 ...ห้องพัก ก้อ 300-400
ราคานี้ คนเชียงคานแท้ฯ  ไม่เน้นรวย พอเลี้ยงตัว
จะมีสักกี่ที่ ที่เป็นของคนเชียงคาน โดยกำเนิด
เที่ยวแบบประหยัด และอุดหนุน คนเชียงคาน แท้ฯ บ้างก้อดี ...