เมื่อเข้าใกล้เมืองปาย...ถนนหนทางก็จะมีโค้งน้อยลง ประกอบกับเริ่มเห็นบ้านคนมากขึ้น รวมถึงทุ่งนาสีทองที่สะท้อนให้เห็นว่าชีวิตที่เรียบง่ายของคนเมืองปายยังดำรงอยู่ท่ามกลางกระแสการพัฒนาที่โหมกระหน่ำเข้าสู่เมืองเล็กๆ ในหุบเขาแห่งนี้

อย่างที่เล่าไปในรีวิวก่อนหน้านี้...ว่าผมไม่ได้ตั้งใจมาเที่ยวปาย ฉะนั้นแล้วภารกิจแรกที่ต้องทำเมื่อมาถึงปายก็คือ "หาที่พัก" แน่นอนว่า...ในช่วงสุดสัปดาห์ที่เป็นเทศกาลลอยกระทงแบบนี้ที่พักส่วนมากก็เต็ม! และที่สำคัญคณะของเรามากันตั้ง 7 คน จะหาที่พักที่ว่างสำหรับทุกคนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ที่สุดเราก็ได้เข้าที่พักเป็นบังกะโลเล็กๆ ชื่อ "บ้านลุงนงค์" อยู่เยื้องๆ กับปั๊มน้ำมันเล็กๆ ก่อนถึงเมืองปาย ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูครับ...เพราะสัมภาระระเกะระกะมาก เก็บข้าวเก็บของกันแล้วก็ออกไปถนนคนเดินกัน...เนื่องจากได้เวลาค่ำแล้ว อากาศกำลังสบายๆ ไม่ถึงกับหนาวมาก (แต่บางคนแต่งตัวราวกับอากาศติดลบ)

ไปดูบรรยากาศกัน...

บ้านเก่าๆ ถูกนำมาแต่งหน้าทาปากใหม่เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวในฐานะร้านค้า ของที่ขายก็มีหลากหลายครับ...ทั้งของที่เป็นงานฝีมือ หรือแม้กระทั่งของที่ระลึกหลากหลายรูปแบบ

ตำรวจคนนี้มาเล่นดนตรีเปิดหมวก บอกว่าขอสมทบทุนตัดเครื่องแบบใหม่...เนื่องจากเครื่องแบบที่ใส่อยู่นั้นคับจนตะเข็บจะปริอยู่แล้ว (-"-)

ร้านค้าแต่ละร้านก็พยายามหาจุดเด่นของตัวเองเพื่อดึงดูดลูกค้า บางร้านก็เอาของเก่าๆ ที่อยู่ในบ้านมาเป็นของตกแต่งร้าน

ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่คนนั่งกันเต็ม ท่าทางอาหารจะอร่อย...(แต่ผมไม่ได้กินร้านนี้)

ร้านขายโปสการ์ดร้านนี้จะไม่มีความโดดเด่นเลย...ถ้าไม่มีชายผู้นี้!

ร้านนี้ตกแต่งร้านด้วยวัสดุเหลือใช้ต่างๆ แถมยังอนุญาตให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปได้ราวกับเป็นสตูดิโออีกด้วย อ้อ...เจ้าของร้านยินดีถ่ายรูปหมู่ให้ด้วยนะ ถ่ายสวยด้วยแหละ

ร้านนี้ขาย "ข้าวปุก" เป็นเหมือนแผ่นแป้งเอาไปย่างไฟ กินตอนอุ่นๆ อร่อยดีครับ ลักษณะคล้ายกะละแมเอาไปย่างไป หนึบๆ กินแล้วเพลินดี

ร้านนี้ขายของเล่นที่คุ้นเคยในสมัยเด็ก (แต่เด็กสมัยนี้คงไม่รู้จัก) ดูเพลินๆ ครับ ถ้าอยากซื้อติดไม้ติดมือมาก็ได้...ราคาไม่แพง

เช้ารุ่งขึ้นเราออกจากที่พักกันตั้งแต่ตี 5 กว่าๆ เพื่อขับรถไปยังบ้านสันติชน เพื่อขึ้นไปชมทะเลหมอกที่ดอยหยุนไหล จากเมืองปายก็ขับย้อนไปทางสะพานประวัติศาสตร์ครับ ออกจากเมืองปายไปประมาณ 2 กม. จะมีสามแยกให้เลี้ยวขวา ขับไปตามทางจนถึงโรงแรม Montis จะมีซอยไปทางซ้าย (มีป้ายเขียนว่าบ้านสันติชน) ขับเข้าไปเลยครับ ถ้ามาถึงประตูแบบนี้ก็แสดงว่ามาถูกทางแล้ว...

จากจุดนี้...พวกผมได้รับข้อมูลจากชาวบ้านว่าถนนที่ขึ้นไปยังดอยหยุนไหลนั้นชำรุดและชันมาก รถเก๋งไม่สามารถขึ้นไปได้ เขามีบริการรถไปส่งคันละ 300 บาท (พากลับมาส่งที่เดิมด้วย) พวกผมเลยตกลงไปกับชาวบ้าน ซึ่งเมื่อได้เห็นถนนแล้วก็ชำรุดจริงๆ น่ะแหละ แถมแคบอีกต่างหาก

เมื่อขึ้นไปถึงจุดชมวิวด้านบนต้องเสียค่าบำรุงอีกคนละ 20 บาท (มีห้องน้ำด้วยนะ)

ข้างบนดอยอากาศค่อนข้างเย็น...แต่ผมชอบอากาศเย็นๆ จึงไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาว พอแสงแดดสาดส่องออกมาจากหลังทิวเขาก็เริ่มมีความอบอุ่นมาเยือนครับ

นอกจากทะเลหมอกสวยๆ แล้วยังมีทุ่งบัวตองขนาดย่อมๆ อยู่โดยรอบอีกต่างหาก น่าแปลกที่ในเมืองปายมีนักท่องเที่ยวเยอะมาก แต่ที่ดอยหยุนไหลกลับมีอยู่ไม่ถึง 10 คนเท่านั้น

ดอกบัวตองทั้งหมดต่างก็ชูช่อหันหน้าไปทางดวงตะวันที่สาดแสงแรกแห่งวันลงมา เป็นบรรยากาศยามเช้าที่สดชื่นจริงๆ ครับ

หลังจากชื่นชมบรรยากาศยามเช้าเต็มที่แล้ว...เราก็กลับลงไปที่หมู่บ้านสันติชนเพื่อดูบรรยากาศรอบๆ ครับ ที่นี่เป็นชุมชนชาวจีนยูนนาน ฉะนั้นแล้วชาวบ้านจะมีวัฒนธรรมจีนปะปนให้เห็นอย่างชัดเจน

มีชิงช้ายูนนานให้ลองเล่นกันด้วย แต่ไม่กล้า...กลัวจะตกลงมาแล้วอายชาวบ้าน

มีร้านเล็กๆ ที่บรรยากาศเหมือนที่หลายคนเคยเห็นในหนังจีนกำลังภายใน ถ้าแต่งชุดจอมยุทธมาเดินแถวนี้คงได้บรรยากาศดีนะ

สระน้ำตรงจุดนี้มีไอหมอกระเหยขึ้นมาจากผิวน้ำด้วย สวยมากๆ ครับ นี่ขนาดเจ็ดโมงเช้าแล้วนะ...ยังมีหมอกปกคลุมอยู่เลย แถมทะลักเข้ามาเป็นระยะๆ ราวกับคลื่นน้ำในทะเลยังไงยังงั้น

จากนั้นผมก็แยกกับเพื่อนเพื่อมุ่งหน้ากลับเชียงใหม่ ส่วนเพื่อนผมไปเที่ยวกันต่อที่ปางอุ๋ง (เสียดายเวลาไม่พอ...ไม่งั้นจะตามไปด้วย) ก่อนจะขับรถยาวๆ ขอแวะดื่มกาแฟสักหน่อย....

Coffee in Love อันโด่งดังครับ

บอกตามตรงว่า...กาแฟก็รสชาติธรรมดาๆ เพียงแต่ว่าร้านเขาบรรยากาศดี มีมุมให้ได้ถ่ายรูปกันเยอะมาก (แต่คนก็เยอะไม่แพ้กัน) ร้านอยู่ริมถนนใหญ่ครับ...คนส่วนมากจึงแวะถ่ายรูปได้ง่าย

ลากันไปด้วยภาพนี้นะครับ...แล้วพบกันใหม่ในรีวิวถัดไป ส่วนจะไปเที่ยวกันที่ไหนนั้นอดใจรอชมก็แล้วกันนะครับ

บรรยากาศสวยครับ ทะเลหมอกสวยมากๆ ครับ

รูปพระอาทิตย์ขึ้น กับทะเลหมอกสวยมากครับบบ

ขอแบ่งข้าวปุกงาดำซักครึ่งแผ่นนะคะ ชอบค่ะ อร่อย

เมืองปาย ทำให้เรื่องราวในหัวที่มากมาย นั้นหายไป

เพิ่งกลับมาจากปายเหมือนกันคะ
ตอนไปหยุนไหลไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นดวง เสียดายมากคะ

บรรยากาศน่าไปสัมผัสมากเลย แต่คงจะหลีกเลี่ยงช่วงเห่อ
เคยเห็นภาพปีนึงมีแต่ผู้คนเพราะใครๆก็ไปแต่ปาย

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

เห็นหมอกแล้วสดชื่น สวยมากค่ะ

สวยมากเลยค่ะ อยากไปอีกครั้งจัง

เมืองปาย หนาวแล้ว ^^ รูปสวยค่ะ

ตามมารับลมหนาวด้วยครับ

สวย อยากไปปายอีกจัง

ชอบแสตมป์ของจขกท.มากๆสวยดีครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวมากๆนะครับ

สวยงาม ขอบคุณครับสำหรับรีวิว

น่าไปมากมายย

ตามไปเที่ยวปายด้วยค่ะ

บรรยากาศดีจริงๆ

แสดมป์น่ารักจังค่ะ ขอบคุณรีวิวรูปสวย ๆ ด้วยนะคะ

พึ่งไปมาเมื่อสิ้นเดือนที่แล้วเหมือนกันค่ะ คิดถึงปายมาก

เรากินยาแก้เมาไม่เมารถแต่หัวแทบแตก เพราะกินยาแล้วหลับคอพับหัวจนกระจกรถแทบแตก

เห็นภาพสายหมอกแล้ว  รู้สึกได้ถึงอากาศที่หนาวเย็นเลยจริงๆ
สดชื่นไปเลยค่ะ ^^

อยากไปหนาวกับข้างกาย จัง อะฮ้า

อยากหนาว  ขอบคุณจ้า

สวยมากๆเลย ได้บรรยากาศ ฤดูหนาว
ทะเลหมอกหยุนไหลงามมากๆๆ ค่ะ

อยากไปอีกครั้งจังเลย คงได้ไปแน่ๆ อีกไม่นานนี้

ชมรีวิวแล้วยิ่งคิดถึงปายจังเลยค่ะ

ยิ่งอากาศหนาวๆ แบบนี้น่ากลับไปเยือนนักแล

ขอบคุณรีวิวนะคะ

เห็นแล้วอยากไปรับลมหนาวแบบเต็มๆที่ปายมากครับ

เราไปพัก ที่ รูปที่ 8 คะ ปายคันทรีเฮ้าส์ ข้างหลังเป็นห้องพัก และข้ามถนนไปกินที่ร้านบ้านปายที่อยู่ตรงข้ามด้วยคะ แต่เขาบอกว่าอาหารหมด เลยได้ข้ามถนนกลับมากินที่ร้านใน รูปที่ 8 คะ อาหารก็รสชาติ ธรรมดามาก แต่สั่งปลานึ่งมะนาวไป หวานมาก แต่พวกค๊อกเทล เยอะ และรสชาติดีคะ ชิมไปซะหลายอย่างเลย หุหุ

เอ่อ...ขอดูรูปในแสตมป์ชัด ๆ ได้ไหมครับ

มีหลายคนชมรูปใน stamp กันเยอะเลย...แถมมีคนอยากเห็นรูปขนาดเต็มอีกต่างหาก

ขอบคุณมากครับ คนใน stamp อีกคนแอบเขินด้วยนะ อิอิ

ส่วนคนที่อยากเห็นรูปขนาดเต็ม...เอาเป็นว่าผมจะหลังไมค์ไปหาก็แล้วกันนะครับ อิอิ

เข้ามาหนาวๆที่ปายช้าไปหลายวันเลยค่ะ ^_^

อยากไปปายบ้างจัง  ไว้รอหน้าหนาวก่อน  เจอกัน
ขอบคุณที่พาเที่ยวจ้า