สวัสดีครับทุกคน

หลังจากการเปิดเทอมที่เลื่อนไปเลื่อนมาเริ่มจะได้ข้อสรุป แผนการท่องโลกของผมก็เริ่มจะได้ข้อสรุปแล้วเหมือนกัน

เดิมที ผมวางแผนว่าจะไปเที่ยวหน้าหนาวช่วงหยุดกีฬามหาวิทยาลัยของทุกปีอยู่แล้ว (กลางเดือนมกราคม) แต่เนื่องจากปีนี้น้ำท่วม มหาวิทยาลัยเลื่อนเปิดเทอมสองออกไป ทำให้แผนเปลี่ยนไปเป็นเดือนมีนาคมแทน แต่พอมหาวิทยาลัยเลื่อนเปิดเทอมเป็นครั้งที่สอง ทำให้เดือนมีนาคมยังมีเรียนจนถึงช่วงสงกรานต์ ด้วยความที่เราเกรงว่าจะไม่ได้เที่ยว เลยเที่ยวช่วงใกล้ๆก่อนเปิดเทอมนี้เอาซะเลย

แผนที่ออกมา เลยเป็นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมครับ

เวลาเตรียมตัวน้อยไปนิด ก่อนไป ใช้เวลาหาข้อมูลค่อนข้างเยอะทีเดียวครับ ได้ข้อสรุปมาว่า ผมจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ตามหัวเมืองดังนี้คือ

เวียงจันทน์ ฮานอย ฮาลองเบย์ ซาปา หนานหนิง กุ้ยหลิน กวางโจว เซินเจิ้น ฮ่องกง

ทริปนี้ ผมแบ่งเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงแรก ลาว เวียดนาม ผมไปกับเพื่อนกลุ่มแรก ใช้เวลา 1 อาทิตย์ เพราะกลุ่มนี้มีธุระ ต้องรีบกลับมาเร็ว แล้วก็เข้าสู่ช่วงที่ 2 พอดี ไปกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งที่บินตามมีทีหลัง ใช้เวลา 1 อาทิตย์ รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 16 วันครับ

ผมเดินทางด้วยรถไฟ รถบัส ไปถึงฮ่องกง แล้วบินกลับมาครับ

ต้องขออภัยล่วงหน้าที่ทริปนี้ผมถ่ายด้วยกล้อง compact ทั้งนั้น บางรูปก็ถ่ายด้วยกล้องมือถือ อาจจะไม่ชัดเท่าไหร่

เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมตังค์ เตรียมพร้อม ก็ลุยกันเลย

วันที่ 1 – เสาร์ 19 พฤศจิกายน 2554

6 โมงเย็น เรานัดรวมพลที่สถานีหมอชิตใหม่ เพราะรถจะออก 19:15 น.

ถึงเวลา รถออกตามเวลานัดเป๊ะเลย ดีจริงๆ เป็นรถ VIP ของชาญทัวร์ ค่าโดยสารคนละ 550 บาท ลัดเลาะไปตามเส้นทางหนีน้ำท่วม จนมาถึงอุดรธานีเวลา 4:00 น. ครับ

เหตุที่ผมไม่เดินทางด้วยรถไฟ ทั้งที่ทริปนี้ว่าจะนั่งรถไฟไปให้ถึงฮ่องกง ก็เพราะว่า ช่วงนี้น้ำท่วม ผมไม่แน่ใจว่ารถไฟจะวิ่งได้หรือไม่ ไม่รู้จะเช็คข้อมูลจากตรงไหน เลยจัดรถทัวร์ไปครับ ชัวร์กว่า

บรรยากาศบนรถชาญทัวร์ครับ

วันที่ 2 – อาทิตย์ 20 พฤศจิกายน 2554

ถึงอุดรธานี ที่บ้านของผมมารับ พาไปกินข้าวหน่อยๆ แต่มาเช้ามาก ไม่มีร้านรวงเปิดเลย งานนี้ก็ต้องพึ่งร้านสะดวกซื้อล่ะครับ

สถานีขนส่งจังหวัดอุดรธานี(บขส.เก่า)เวลาตีสี่ครับ

ติดตามชมครับ

จากนั้น 6:00 น. นั่งรถบัสอุดรธานี-หนองคาย จากหน้าตลาดรังสินา ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร นั่งชั่วโมงเดียวก็ถึงสถานีขนส่งหนองคายแล้วครับ ค่าโดยสาร 35 บาท
สถานีขนส่งจังหวัดหนองคายครับ

ถึงสถานีก็จัดการซื้อตั๋วรถบัสระหว่างประเทศ ราคา 60 บาท เพราะเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ถ้าเป็นวันธรรมดา ราคาอยู่ที่ 55 บาทครับ
ตอนซื้อต้องโชว์พาสปอร์ตของทุกคนด้วยนะครับ ไม่แน่ใจว่า ถ้าเป็นบัตรผ่านแดน จะซื้อได้รึเปล่า แต่คิดว่าที่ต้องโชว์เพราะรถไม่อยากเสียเวลาที่ด่านมากเกินไปน่ะครับ

ตั๋วรถบัสระหว่างประเทศ

รถออกเดินทาง ผ่านซุ้มประตูพญานาค

ถึงเวลา 8:00 น. รถก็ออกเดินทาง มาถึงสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว
ฝั่งไทย ก็กรอกใบ Immigration แล้วให้เจ้าหน้าที่ปั๊มตราที่พาสปอร์ตตามธรรมเนียมครับ
เริ่มต้นทริปนี้อย่างเป็นทางการแล้ว

ข้ามแม่น้ำโขง

เข้าฝั่งลาว เสียค่าล่วงเวลาของ 40 บาท จ่ายเป็นเงินไทยได้ครับ เหตุที่ต้องจ่าย เพราะเป็นวันหยุดราชการ (เสาร์-อาทิตย์) ครับ

น่าสนุกจัง ตามมาเที่ยวด้วยครับ

เสร็จธุระที่ด่านแล้ว ขึ้นรถบัสคันเดิมเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองเวียงจันทน์ที่อยู่ห่างจากด่านประมาณ 20 กว่า กิโลเมตร

ช่วงนี้ผมได้เจอเพื่อนใหม่กลุ่มแรกในทริปครับ ที่นั่งติดกับผมพอดี เป็นสองหนุ่มชาวเวียดนาม เดินทางเข้าประเทศไทยบ่อยมาก ไปๆมาๆระหว่างเวียดนามกับไทยแทบทุกสัปดาห์เลยครับ อยู่ประเทศละ 7 วันได้ ถ้าอยู่ไทยจะอยู่แถวๆบางแคครับ ตอนนั้นน้ำท่วมอยู่ เลยหนีน้ำกลับบ้านครับ พี่คนหนึ่งชื่อ ไฮ ครับ ส่วนอีกคน ผมจำไม่ได้ ขอโทษจริงๆครับ

คุยไปคุยมา พี่ไฮบอกจะเดินทางไปเวียดนามคืนนี้เหมือนกันเลย จะไปฮานอยเหมือนกันด้วย พี่แกเลยชวนไปด้วยกัน ผมบอกขอปรึกษาเพื่อนๆดูก่อนครับ

บรรยากาศระหว่างทางไปเวียงจันทน์ครับ

สุดยอดจริงๆ ตามไปเที่ยวด้วยคน

เดินทางมาได้ซักพักนึง ถึงสถานีขนส่งขัวดิน หน้าตลาดเช้าครับ หลังจากฝ่าดงของสามล้อมาได้ เราก็มาตั้งหลักที่ที่นั่งของสถานี วางแผนว่าจะไปที่สถานีขนส่งใต้ของเวียงจันทน์ ที่จะเป็นจุดขึ้นรถบัสไปที่ฮานอย

มีทางเลือกสองทางให้เราเลือก คือ นั่งรถเมล์ไป กับเหมาสามล้อไป
พอเจอสภาพของรถเมล์สาย 29 ที่เราวางแผนว่าจะขึ้น ก็เกิดเปลี่ยนใจครับ แม้ค่าโดยสารจะถูกแสนถูก เพียง 2,000 กีบ แต่ดูแล้วคงไม่เหมาะกับนักเดินทางกระเป๋าใหญ่ๆอย่างพวกเราครับ
ในนาทีที่ตัดสินใจนั้น ก็มีคนขับสามล้อสกายแล็ปคนหนึ่งเข้ามาถามเราว่าจะไปไหน ผมเลยแหย่ถามราคาไปซักหน่อย ต่อราคากันไปมา ได้ข้อสรุปราคาไปสถานีขนส่ง แล้วกลับมาที่โรงแรมที่พักริมฝั่งโขง รวม 400 บาทครับ เข้าตำราที่ดาวเหงาว่าไว้เป๊ะเลย (เที่ยวละ 200 บาท) เราเลยตัดสินใจไปกับลุงเลยครับ


ข้างหลังผมคือ รถเมล์ครับ

ระยะทางไกลพอสมควร คุ้มกับ 400 บาทจริงๆ

เหตุที่ต้องมาที่สายใต้ แม้ว่าตามแผนที่แล้วฮานอยจะอยู่เหนือเวียงจันทน์อีก ก็เพราะว่ารถบัสที่จะไปฮานอยจะลงไปทางตอนใต้ของลาวก่อนครับ ลัดเลาะไปตามแม่น้ำโขง ก่อนที่เลี้ยวตรงรอยต่อระหว่างบึงกาฬกับนครพนม แล้วถึงข้ามประเทศไปที่เวียดนามครับ

ถึงสถานีขนส่งใต้แล้ว ลุงพามาส่งที่หน้ารถบัสที่จะไปฮานอยเลย

และแล้ว เรื่องตื่นเต้นก็บังเกิดขึ้น ทันทีที่ลุงบอกว่าผู้โดยสารจะไปฮานอย คนของรถบัสสองคันที่จะไปฮานอยจู่ๆก็พุ่งตรงมาที่กระเป๋าของเราเลยครับ แล้วก็หยิบกระเป๋าของพวกเราไปที่ห้องเก็บสัมภาระใต้ท้องรถเฉยเลย รถบัสทั้งสองเจ้าพยายามจะแย่งลูกค้าตัดหน้ากันเต็มที่ครับ สุดท้าย รถบัสทั้งสองยื่นนามบัตรแข่งกันให้ผมตัดสินใจ และพาให้ขึ้นไปดูรถครับ จะเลือกคันไหนดีระหว่างสีขาวกับสีชมพู

รถทั้งสองเป็นรถของคนเวียดนามครับ เป็นรถนอนปรับอากาศ สภาพเหมือนกันเป๊ะ

โดน attack มาอย่างนี้ หนักใจทีเดียวครับ ผมเลยให้ลุงคนขับสามล้อช่วยเลือกให้ แกก็พยายามถามโน่นถามนี่ให้ว่าคันไหนน่าจะดีกว่า คุ้มกับการเดินทาง 24 ชั่วโมงที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า
ในที่สุด ผมก็ตัดสินใจเลือกคันสีขาวครับ ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน

รถออก 18:30 น.ครับ ค่าโดยสาร จ่ายเป็นเงินไทย คนละ 800 บาทครับ เจ้าของรถขอเงินมัดจำ 1,000 บาท ก่อน แล้วค่อยจ่ายส่วนที่เหลือ 1,400 บาทเพิ่มทีหลังครับ

อันที่จริงแล้ว บางวันจะมีรถนอน VIP ของคนลาวด้วยนะครับ รู้สึกว่าจะเป็นเตียงสองชั้น ราคาอยู่ที่ 900 บาท แต่จะมีให้บริการเป็นบางวัน วันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์ เลยมีเฉพาะรถของคนเวียดนามครับ

ลุงคนขับสามล้อบอกด้วยครับว่า มาซื้อตั๋วตอนนี้น่ะดีแล้ว เพราะหากมาตอนเย็นอาจจะวุ่นวายกว่านี้ มาเร็วอุ่นใจไว้ก่อนครับ

9 โมงกว่าๆ เราก็เดินทางไปย่านริมฝั่งโขงที่ชาว Backpacker อยู่กันเยอะๆ ผมให้ลุงคนขับบึ่งมาที่โรงแรมที่ผมเคยพักสมัยที่มาเวียงจันทน์เมื่อ 2 ปีก่อนครับ ชื่อ Youth Inn

คนนี้กำลังเสียขวัญจากเหตุการณ์เมื่อครู่ครับ

ถึงโรงแรมแล้ว เรานัดลุงคนขับมารับตอน 5 โมงเย็นครับ เพราะไปกับลุงอุ่นใจดี โดยเฉพาะที่ช่วยเราตอนเลือกตั๋วไปฮานอยครับ

มาครั้งนี้ โรงแรมเปลี่ยนไปหน่อยๆ อย่างน้อยก็ Receptionist ข้างหน้าไม่มีใครที่ผมเคยเห็นมาก่อนเลย ที่มาโรงแรมนี่ไม่ได้มาพักที่นี่นะครับ กะเอาไว้เก็บของและอาบน้ำก่อนเดินทางไปฮานอยตอนเย็น ตกลงราคากันได้ที่ 390 บาท (เพราะเรายังไม่ได้แลกเงินกีบมา) เลยเอาของขึ้นไปเก็บ

ก่อนจะลงมาเช่าจักรยาน 2 คันที่โรงแรมใกล้ๆ คันละ 40 บาท เพราะมีคนหนึ่งปั่นไม่เป็นนั่นเอง แล้วเราก็เริ่มทัวร์เวียงจันทน์

แลกเงิน ค่าเงิน 10,000 กีบ = 40 บาทครับ

รอติดตาม เกาะรถไฟไปเที่ยวด้วยคนครับ (^_^)

แลกเงินครับ

ผ่านพระธาตุดำ

ใกล้เที่ยง เริ่มหิวข้าว เลยปั่นจักรยานไปที่ตลาดเช้า อันเป็นศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง (ไม่ใช่ตลาดสดนะครับ) ฝากจักรยานแล้วขึ้นไปศูนย์อาหารชั้น 3 อร่อยถูกใจแค่ 15,000 กีบเท่านั้น

ใช้เวลาจีบกาแฟหน่อยๆ แล้วออกเดินทางต่อ ตอนบ่ายนิดๆ

ผ่านหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่เวียงจันทน์ แต่ศูนย์ไม่เปิด เลยอดเข้าไปขอแผนที่ฟรีเลย 555
แล้วเราก็ปั่นไปที่ประตูชัย

ประตูชัย เป็นอนุสรณ์สถานที่รัฐบาลลาวสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวผู้เสียสละชีวิตในสงครามก่อนหน้าการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ครับ บางทีก็เรียกว่า รันเวย์แนวตั้ง เพราะเอาปูนจากที่จะเอาไปสร้างเป็นรันเวย์มาสร้างเป็นประตูชัยแทน ลักษณะคล้ายกับประตูชัยที่ปารีส ฝรั่งเศส ประเทศเจ้าอาณานิคมนั่นเองครับ

แล้วเราก็จ่าย 3,000 กีบ เพื่อขึ้นไปชมข้างบน

วิวถนนจากด้านบนครับ

ขอถามนิดนึงค่ะ ทำไมถึงไม่นั่งรถบัสยิงยาวไปหนองคายเลยคะ

สนใจ  อยากจะลอกการบ้านเที่ยวตาม  555  รบกวนสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ด้วยนะคะ  ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

ชมวิวอิ่มหนำสำราญ ออกเดินทางต่อ ไปที่พระธาตุหลวง สัญลักษณ์ของเวียงจันทน์และประเทศลาว

พระธาตุหลวง เป็นปูชนียสถานที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนลาวทั่วประเทศ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าครับ

ด้านหน้าพระธาตุหลวง เป็นลานกว้าง มีพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช มหากษัตริย์แห่งเวียงจันทน์ให้สักการะบูชาด้วยนะครับ

ถ้าเข้าชมด้านนอก ไม่เสียสตางค์ครับ แต่ถ้าเข้าไปข้างใน ค่าผ่านประตู 5,000 กีบครับ

ตอบคุณ XinPing* นะครับ

ผมเป็นคนอุดรฯครับ มาเรียนที่กรุงเทพฯ นานๆจะกลับบ้านทีนึง พอมีโอกาสไปเวียงจันทน์ เลยแวะที่อุดรฯก่อนน่ะครับ เจอหน้าครอบครัว เสริมกำลังใจก่อนออกเดินทางต่อน่ะครับ

สำหรับค่าใช้จ่ายในทริปนั้น ตัวผมเองยังสรุปไม่เสร็จเลยครับ ฮา เนื่องจากเที่ยวจริงไม่ตรงกับแผนเลย ต้องใช้เวลาปรับแก้เล็กน้อยครับ ประมาณการณ์คร่าวๆ ทั้งหมดก็ประมาณ 22,000 บาทครับ ไม่รวมค่าของฝากและช็อปปิ้งครับ

สนุกมากครับบบ ชอบการเดินทางแบบนี้จริงๆ แต่ผมไม่มีเวลาแบบนี้เลยครับ

จากนั้น ผมขึ้นสองล้อ ปั่นย้อนกลับมา มุ่งหน้าไปยังวัดสีสะเกด วัดเก่าแก่ของลาว ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 16 แล้วครับ เป็นวัดเดียวของเวียงจันทน์ที่ไม่เคยโดนทำลายจากศึกสงคราม ภายในมีหอพระไตรปิฎกอันเก่าแก่ด้วยครับ ค่าเข้าชมที่นี่ 5,000 กีบครับ

ภายในวัดประดิษฐานพระพุทธรูปมากมาย

ตรงข้ามวัดสีสะเกด เดินข้ามถนนมายังหอพระแก้ว ติดกับสำนักงานประธานประเทศลาว เป็นวัดเก่าแก่ที่เคยประดิษฐานพระแก้วมรกต ที่อยู่ในวัดพระแก้วที่กรุงเทพฯนั่นเอง โดยรัชกาลที่ 1 เป็นผู้อัญเชิญมาประดิษฐานที่กรุงเทพฯในสมัยกรุงธนบุรี วัดนี้เคยเป็นวัดหลวงของเวียงจันทน์ด้วยครับ ค่าเข้าชมก็ราคามาตรฐานเวียงจันทน์เลยครับ 5,000 กีบ

เที่ยวเสร็จ กลับมายังที่พัก อาบน้ำ เตรียมเดินทางต่อไปยังสถานีขนส่งใต้

เสียดายตอน check-out ครับ receptionist ตกใจที่เรา check-out เร็ว เลยบอกให้เรารู้ว่า ถ้ารู้ว่าเรา check-out เร็ว เขาจะคิดให้ครึ่งราคา ไอ้เราก็นึกว่าเขาเข้าใจแต่แรกว่าเราจะอยู่ถึงแค่ตอนเย็น สรุปแล้ว เข้าใจกันผิดครับ เราเลยต้องจ่ายราคาเต็มๆคืนไปเลย ขอเขาลดเขาก็ไม่ให้แล้ว รู้งี้ไม่ต้องบอกกันแต่แรกดีกว่า ฮา

ก่อนจะออกเดินทางต่อ ขอสูดอากาศริมฝั่งโขงเสียหน่อย

สวนริมฝั่งโขงนี้ ทางลาวเพิ่งจะปรับปรุงให้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจมาเมื่อไม่กี่ปีเองครับ สดชื่อจริงๆ

เป็นลานกว้างๆ เหมาะสำหรับการเดินชิลครับ

5 โมงเย็น ถึงเวลาที่นัดไว้ ลุงคนขับก็มารับตามเวลา ลุงแกบอกด้วยนะครับว่า มากับลุงน่ะดีแล้ว เพราะสามล้อย่านฝรั่งนี้คิดราคาไปสถานีขนส่งสายใต้ไม่ต่ำกว่า 300-400 บาท ชัวร์ ลุงให้เท่าเดิม 200 บาท ซึ้งใจจริงๆ

เราขอให้ลุงแวะซื้ออาหารเย็นด้วย ที่ตลาดเช้า คือ ข้าวจี่ปาเต เป็นขนมปังฝรั่งเศส ภายในใส่ไส้หมูหยอง หมูยอ อะไรหลายๆอย่างลงไปด้วย ราคาก็ถูกเหลือเชื่อครับ สามชิ้นแค่ 9,000 กีบเอง

ลุงขอเปลี่ยนคนขับเล็กน้อยเพราะลุงมีธุระด่วน แถมไม่คิดราคารถจากย่านที่พักมาถึงตลาดเช้าด้วยครับ ซึ้งใจจริงๆ แล้วคนขับคนใหม่ก็พาเรามาที่สถานีขนส่งสายใต้ด้วยราคาที่ตกลงกันไว้ 200 บาท เราแถมให้นิดหน่อยครับ

บริเวณสถานีขนส่งใต้ เวียงจันทน์

เรามาก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง มีเวลาเดินเล่นหน่อยๆ เลยไปถ่ายป้ายตารางรถที่จะออกจากที่สถานีขนส่งแห่งนี้ เลยได้รู้ว่า มีหลายบริษัทเหมือนกันนะที่มีรถไปฮานอย

แล้วการเดินทางข้ามประเทศด้วยรถนอน ก็เริ่มต้นขึ้น ติดตามต่อตอนหน้าครับ

มาปักหมุดตามไปด้วยคนค่ะ

มือใหม่หัดรีวิวครับ ช่วยแนะนำด้วยนะครับ

สุดยอดครับ รอติดตาม

เจ๋งมากเลยจ้า ^_^
รอชมตอนต่อไป

สนุกดีคับ อยากไปแบบเจ้าของกระทู้บ้าง รอชมตอนต่อไป คับ

เป็นทริปที่น่าสนใจสุดๆเลยครับ ^^

น่าสนุกนะครับ ขอมาเก็บความรู้ด้วย

จขกท น่าจะเรียนที่เดียวกะผมป่าว 55555 หนาวนี้อดเที่ยวเหนือเลย

ยังไม่จบเหรอครับเนี่ย ตามลิ้งจาก FB มาชม
จะเสร็จประมานวันไหนครับ ผมจะได้มาดูทีเดียว 55

สุดยอดครับ อยากไปมั่ง

ตอนหน้า ที่นี่ได้เลย!

นั่งรถบัส-ขึ้นรถไฟ-ไปฮ่องกง! 02 เวียงจันทน์ถึงฮานอย รถบัส 26 ชั่วโมง
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11435357/E11435357.html

ตามมาด้วยครับ รีวิวสนุกเพลินดีนะครับ เหมือนได้ไปด้วยเลย อิ.อิ.


เดี๋ยวตามไปชมต่อนะครับ...

น่าสนุกจัง

สุดยอดครับ อยากไปแบบนี้มั่ง

โห ทำได้งัยครับเนี่ย สุดยอดอ่ะ

ถ้าได้หยุดยาวๆ ก็อยากจะทำอะไรแบบนี้บ้าง :D
สุดยอด

อยากไปหลายวันแบบนี้บ้างอ่ะ  อิจฉาาาาาาาาาา

ผมอ่านจบแล้วนะครับ.   ส่วนตอนที่สอง. คืนนี้เลิกงานจะกลับไปอ่านครับ

(เคยไปเวียงจันทร์มาหลายครั้งแล้ว เลยเกิดความรู้สึกคุ้ยเคย.  
ตื่นเต้นเเทนนะครับ ที่ได้ไปเที่ยวไกลถึงฮ่องกง. นั่งรถไปตลอดเลย
อิจฉาที่มีเวลาว่างเยอะๆ.  ).

น่าตื่นเต้นดีจังไปหลายประเทศเลย ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ จะติดตามรออ่านทุก SERIE เลย

รีวิวสนุกมากค่ะ กำลังตามไปชมอีก