ความเดิมตอนที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11423035/E11423035.html

สวัสดีวันสุขแห่งชาตินะคะ วันนี้ได้ฤกษ์มาปิดทริปกวางโจวซะที หลังจากอู้มาหลายวันเพราะความขี้เกียจ

ตอนนี้จะเป็นการพาเที่ยวซิตี้ทัวร์ในกวางโจวนะคะ จริงๆ แล้วในตัวเมืองกวางโจวนั้น ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง และสามารถเดินทางไปโดยรถประจำทางได้ไม่ยาก เพราะระบบการคมนาคมค่อนข้างสะดวกสบาย

คนส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวกวางโจวมักจะเน้นเรื่องของการช๊อปปิ้งมากกว่า แต่จริงๆ แล้วสถานที่ท่องเที่ยวในเชิงธรรมชาติและประวัติศาสตร์ก็มีอยู่มากมาย ส่วนจะเป็นที่ไหนบ้างนั้น เชิญตามมาเลยค่ะ

ที่แรกคือ "บ้านคหบดีตระกูลเฉิน" เป็นบ้านของเศรษฐีเฉินที่สร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ และได้รับรางวัลบ้านโบราณดีเด่นของมณฑลกวางตุ้งด้วย

ด้านหน้าบ้าน

หลังคาบ้านประดับด้วยปูนปั้นสีแบบสามมิติ ลวดลายละเอียดอ่อนช้อยสมจริงราวกับมีชีวิต

ตามไปเที่ยวต่อค่ะ 

ภายในบริเวณบ้าน ร่มรื่นด้วยต้นไม้

ขอบคุณคุณ armearn นะคะ ติดตามตลอดเลย

บนหลังคาของอาคารทุกหลังจะประดับด้วยลวดลายปูนปั้นแบบเต็มพิกัด ท่าทางว่าเศรษฐีตระกูลเฉินคงรวยเอามากๆ นะ

ปล.แซ่เฉินเป็นภาษาจีนกลาง ภาษาแต้จิ๋วคือแซ่ตั้งซึ่งเป็นแซ่ที่เยอะเป็นอันดับหนึ่งในเมืองไทย ใครที่แซ่เฉินก็อาจจะเป็นญาติๆ กับเศรษฐีบ้านนี้ก็ได้นะคะ

ภายในอาคารจัดแสดงงาช้างแกะสลักที่มีความละเอียดสวยงามมากๆ ค่ะ ใครมีตังค์น่าจะซื้อมาประดับบ้านนะคะ เพราะสวยคุ้มราคาจริงๆ

บริเวณทางเดินที่เชื่อมต่อกับตัวอาคาร ประดับประดาด้วยโคมไฟแบบจีนเข้าบรรยากาศมากๆ

สถานที่ต่อมาคือวันซานเหยวน หรือวัดพระใหญ่สามองค์ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อในเมืองกวางโจว

ภายในวัดจะมีรูปสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ของพระโพธิสัตว์ 3 องค์ ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่วัดพระใหญ่ที่มีชื่อที่สุดของกวางโจว

การเดินทางในตัวเมืองกวางโจวนั้นก็แสนสะดวกสบาย สามารถเดินทางได้โดยทางรถเมล รถใต้ดิน และรถแท็กซี่ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เราเลือกใช้บริการรถเมลเพราะราคาประหยัดและสะดวกสบาย โดยรถเมลที่นี่มีหลายสาย เป็นรถแอร์ทั้งหมด สนนราคาค่าโดยสารเพียงคนละ 2 หยวน (10 บาท) ตลอดสาย มีเส้นทางการเดินรถที่ชัดเจน มีการบอกเตือนเมื่อใกล้ถึงป้าย แถมจอดทุกสถานที่ไม่ต้องคอยกดกริ่งให้หยุด เพียงแต่ตอนขึ้นให้ดูที่ป้ายแสดงเส้นทางว่าสถานที่ที่เราจะไปอยู่ถัดไปกี่สถานี แล้วลงตรงสถานีนั้นก็เป็นอันเรียบร้อยค่ะ

สถานีต่อไปคือหอที่ระลึก ดร.ซุนยัดเซ็นค่ะ รอบๆ บริเวณจะมีการจัดแสดงประวัติของ ดร.ซุนยัดเซ็น ส่วนในตัวอาคารปัจจุบันใช้เป็นโรงละครสำหรับการแสดงสำคัญๆ ค่ะ

รอบๆ บริเวณอาคารร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ และมีป้ายแสดงประวัติของท่านเป็นระยะๆ

ดร.ซุนยัดเซ็น หรือซุนจงซานเซียนเซิง มีบ้านเดิมอยู่ที่เมืองจงซาน มณฑลกวางตุ้ง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองกวางโจวไปประมาณร้อยกว่ากิโลค่ะ ท่านเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์จีน และเป็นที่เคารพยกย่องของชาวจีนมากๆ

ประตูทางเข้าหอที่ระลึกฯ

ที่ต่อมาถือเป็นไฮไลท์ของเมืองกวางโจวเลยก็ว่าได้ เดาได้ไม่ยาก นั่นคือ สวนห้าแพะ นั่นเองค่ะ เรียกว่าใครมาถึงเมืองห้าแพะแห่งนี้แล้วไม่มาชมรูปปั้นแพะทั้งห้าก็เหมือนมาไม่ถึงนะคะ

หน้าทางเข้าสวนห้าแพะค่ะ

ที่ต่อมาถือเป็นไฮไลท์ของเมืองกวางโจวเลยก็ว่าได้ เดาได้ไม่ยาก นั่นคือ สวนห้าแพะ นั่นเองค่ะ เรียกว่าใครมาถึงเมืองห้าแพะแห่งนี้แล้วไม่มาชมรูปปั้นแพะทั้งห้าก็เหมือนมาไม่ถึงนะคะ

หน้าทางเข้าสวนห้าแพะค่ะ

จากทางเข้าต้องเดินเท้าขึ้นไปถึงจุดรูปปั้นห้าแพะค่ะ ซึ่งระยะทางถึงแม้จะไม่ไกลมากแต่เดินขึ้นเนินแบบนี้ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันค่ะ

สำหรับที่มาของเมืองห้าแพะนั้นตามตำนานเล่าว่า แต่ก่อนเมืองนี้เป็นเมืองที่ยากจนมาก เพาะปลูกอะไรก็ไม่ได้ จนมีอยู่วันหนึ่งเทวดาแพะได้คาบรวงข้าวมาให้ชาวบ้านและนำพาความอุดมสมบูรณ์มาสู่เมืองนี้ เทพเจ้าแพะจึงได้รับความเคารพนับถือและกลายเป็นที่มาของชื่อเมืองห้าแพะในวันนี้

จากจุดรูปปั้นห้าแพะ เราเดินเข็นครกขึ้นภูเขาเย่ซิ่วกันต่อจนถึงหอเจินไห่ หรือหอคอยห้าชั้น  หอคอยแห่งนี้สร้างตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง เป็นตึกรูปแบบสถาปัตยกรรมจีนโบราณ ปัจจุบันหอคอยแห่งนี้เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของแม่น้ำจูเจียงได้ดีอีกจุดหนึ่ง

จากตัวเมืองกวางโจว เราออกนอกเมืองมานิดนึงเพื่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือ "เขาไป่หยุนซาน" การขึ้นเขาสามารถเลือกขึ้นโดยการเดินเท้า นั่งรถ หรือนั่งกระเช้า ก็ได้ แต่เราเลือกกระเช้าดีกว่าเพราะแต่ละคนขาเพิ่งเดี้ยงจากการเดินขึ้นเขาเย่ซิ่วมาหยกๆ

ขึ้นมาถึงบนเขาปุ๊บจะเจอป้ายต้อนรับขนาดใหญ่ เขียนว่า "เขาไป่หยุนยินดีต้อนรับท่าน"

ทิวทัศน์เมืองกวางโจวยามบ่ายบนเขาไป่หยุน

รอบๆ บริเวณเขาไป่หยุน สวยงามร่มรื่นด้วยไม้ต้นไม้ดอก

ดอกไม้ขึ้นระหว่างทางเดินบนเขา

เดินไปถึงอีกจุด มีการจัดแสดงปฏิมากรรมจากทราย แต่ดูแล้วสวยสู้ที่ฉะเชิงเทราไม่ได้เล๊ย เห็นแล้วว่าฝีมือช่างไทยนี่เจ๋งที่สุด

ช่วงหน้าหนาวดอกชงโคสีชมพูบนเขาไป่หยุนเริ่มบาน ทำให้ทั่วทั้งเขาปกคลุมด้วยสีชมพู ดูโรแมนติกจริงๆ

ปิดท้ายด้วยแหล่งช๊อปปิ้งสุดฮิตของกวางโจว "ไป่จิงลู่" ซึ่งเปรียบกับเมืองไทยแล้วก็ประมาณสยามสแควร์ที่คลาคล่ำไปด้วยคนหนุ่มสาวและนักท่องเที่ยวต่างชาติมากหน้าหลายตา ของที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นพวกเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า มีให้เลือกมากมายหลายร้าน

ส่งท้ายด้วยภาพไป่จิงลู่ยามค่ำคืนที่ละลานตาด้วยแสงสีและคึกคักด้วยผู้คนแล้วไว้เจอกันใหม่ทริปหน้านะคะ สวัสดีค่ะ

เย่ซิ่ว แปลว่าอะไรหรือครับ พยายามอ่านจากภาษาอังกฤษออกเสียงไม่ถูกซะที

ขอตามไปเที่ยวด้วยคนครับบบ

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆพร้อมรายละเอียดค่ะ