“หลีเป๊ะ”...เกาะในฝันของใครหลายๆ คน

ปกติเราชอบไปเที่ยวภูเขามากกว่าทะเล ชอบอากาศหนาวๆ ต้นไม้เขียวๆ สดชื่น  
แต่ครั้งนี้ไม่รู้ผีทะเลตนใดเข้าสิง เคยไปใต้สุดๆ ก็นู่นนนนแน่ะ แถวหัวหิน ชะอำ
ครั้งนี้ลองไปใต้กว่านั้นอีกนิดหน่อยเอง 900 กว่าโล จัดไป

ทริปนี้เราไปกัน 2 คน  5 วัน 4 คืน ออกเดินทางตั้งแต่วันอังคารที่ 15 พ.ย. 54 ไปวันธรรมดา
เนื่องจากกว่าจะหาวันหยุดให้ลงตัวได้ก็ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ซะจริงๆ

จองน้องหางแดงหลังจาก Big Sale เมื่อเดือนก.พ. (คิดช้าไปหน่อย) เลยได้ราคาไม่ถูกนัก แต่ก็ถือว่าไม่แพง ไป-กลับคนละ 1,300 บาท
ที่พักไปเดินซื้อในงานท่องเที่ยวใหญ่ช่วงต้นมีนา ตั้งใจไว้แล้วว่าจะพัก Mountain Resort เพราะชอบแบบสงบๆ
ที่นี่เริ่มคิดเรทหน้า High ช่วงเดือนธ.ค. และ Voucher ที่เราซื้อไว้ก็จะหมดอายุปลายพ.ย.
แอบดูปฏิทินหาช่วงข้างขึ้นหรือแรม 7-9 ค่ำ น้ำจะได้นิ่งๆ หน่อยเวลาไปดำน้ำ เลยมาลงตัวที่กลางๆ เดือนพ.ย.

ตัดสินใจอยู่นานว่าจะไปแบบ Package ดี หรือไปเองดี หาข้อมูล ถามเพื่อนๆ ในห้องนี้ เลยตกลงใจว่าจะไปเองดีกว่า เป็นไงเป็นกัน
แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ได้ประสบการณ์โหด มัน ฮา ระทึก บ้าระห่ำ ตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง อยากรู้ว่าเจออะไรบ้าง ต้องติดตาม...

ภาพตลอดทริปนี้ถ่ายจากกล้อง Sony NEX-3 ตัวเดียวเอาอยู่ ทั้ง VDO ทั้ง Panorama ขาดไปอย่างเดียวคือถ่ายใต้น้ำไม่ได้ ไม่งั้นจะเทพกว่านี้ อิอิ

เนื่องจากรีวิวนี้เป็นรีวิวแรกตั้งแต่รู้จักห้อง BP มา อาจจะพูดมากไปหน่อย
จริงๆ ตั้งใจไว้ว่า รีวิวนี้น่าจะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์บ้างสำหรับคนที่ต้องการจะไปเที่ยวหลีเป๊ะด้วยตัวเอง โดยเฉพาะคนที่ไปครั้งแรกแบบเอ๋อๆ เหมือนเรา

ได้เวลาอันสมควร
แพ็คกระเป๋าพร้อมแล้ว ขอเชิญทุกท่านลงเรือไปเที่ยวเกาะสวาทหาดสวรรค์ “หลีเป๊ะ” ด้วยกันเลยจ้ะ

รูปไม่ขึ้นอ่ะ ขออีกรอบ -*-

คืนวันจันทร์ที่ 14 พ.ย. หลังจากลุ้นน้ำไม่ท่วมพอใจหายใจคว่ำ ก็เก็บกระเป๋า รีบเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ (ประมาณเที่ยงคืนครึ่ง) ฮ่าๆๆ
แต่กว่าจะหลับจริงๆ ตี 3 -*- แล้วตี 4 นาฬิกาปลุกก็ดัง สรุปว่าได้หลับแบบไม่สนิทไปประมาณ 1 ชม. จะไหวไหมเนี่ย

ตี 4 ครึ่งไปยืนรอเรียก Taxi หน้าบ้าน ขึ้นทางด่วน (ฟรี) ยิงยาวสุวรรณภูมิ คุ้มอย่าบอกใคร
ถึงสนามบินเร็วเกินคาด ตี 5 หน่อยๆ ก็ถึงแล้ว เครื่องออก 6.30 AM
กระเป๋าก็ไม่ต้องโหลด เช็คอินก็ไม่ต้องเช็ค เลยตัดสินใจเข้าไปนั่งแหง่วอยู่แถวหน้าเกทดีกว่า

นั่งรอตั้งแต่ฟ้ามืด จนฟ้าสว่าง ประตูก็ยังไม่เปิดซักกะที
ใน Boarding Pass เขียนไว้ว่าประตูจะปิดตอน 6.10 AM แต่จริงๆ แล้วประตูเปิดให้ขึ้นเครื่องได้ตอน 6.20 AM
ก็ไม่แน่ใจว่านี่เป็นเรื่องปกติรึเปล่า เพราะเพิ่งเคยขึ้นน้องหางแดงครั้งแรก ขากลับก็เปิดประตูให้ขึ้นก่อนเครื่องออก 10 นาทีเหมือนกันนะ

แอร์บนเครื่องน่ารักดี แต่ไม่รู้ทำไมหน้าบูดๆ หว่า หรือว่านอนไม่พอ

เครื่องลงตอน 8.05 น. ตามเวลาที่ระบุเป๊ะเลย
ก่อนเครื่องลงจอดที่สนามบิน มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นป่าเยอะมากๆ ต้นไม้อัดแน่นเขียวไปทั้งผืนเลยอะ
ตื่นตาตื่นใจมาก อย่าเพิ่งหาว่าติงต๊องนะ สำหรับคนเพิ่งเคยลงใต้ ^^ มันน่าตื่นเต้นมากอ่ะ

ถึงสนามบินหาดใหญ่โดยสวัสดิภาพ พร้อมกับเมฆดำปื๋อ ดูแล้วไม่น่าจะรอดฝนไปได้

การเดินทางต่อจากนี้ เราจะไปที่ท่าเรือปากบารา จ.สตูล
โดยตอนแรกจากข้อมูลที่หาไว้ จะต้องไปขึ้นรถ 2 แถวสีฟ้า เพื่อไปต่อรถตู้ที่ท่ารถตลาดเกษตร
เพราะถ้าขึ้นรถตู้จากสนามบินไปท่าเรือเลย มันจะแพงกว่า

แต่พอดีได้ข้อมูลจากกระทู้รีวิวของคุณ Jook^Ka^Jick (ขอยืมภาพหน่อยน้า ^^)
เลยลองโทรไปถามดู ตกลงได้ราคาคนละ 1,100 ราคานี้รวมตั๋วเรือไป-กลับ ปากบารา-หลีเป๊ะ แล้วก็ตั๋วรถตู้ไป-กลับหาดใหญ่-ปากบารา (ขึ้นจากสนามบินเลย)

อยากจะบอกว่า ประทับใจบริษัทนี้มากกกกกกกก
รถตู้ใหม่เอี่ยมป้ายแดง แอร์เย็น กว้างขวาง นั่งสบาย บริการดี อัธยาศัยดี ดูแลดี โอ้ยยยดีไปหมด
ใครยังไม่มีตั๋ว ลองมองบริษัทนี้ไว้ดูก็ได้น้า เชียร์อ่ะ ประทับใจ เอิ๊กๆ

เพราะเมื่อคืนได้นอนไปแค่ 1 ชม. คิดว่าจะมานอนต่อในรถ
แต่เอาเข้าจริงๆ หลับไม่ลงอ่ะ ปกติเป็นคนหลับง่ายจะตาย
แต่ครั้งนี้ไม่หลับ เพราะนั่งดูวิวเพลินมาก ตื่นเต้นเว่อร์อีกละ ฮ่าๆๆ 2 ข้างทางเขียวชอุ่มไปหมด

ปกติจะคุ้นเคยกับป่าทางภาคเหนือ ที่ออกจะแห้งๆ หน่อย แต่ทางใต้มีแต่เขียวๆ ติดกันเป็นพรืดๆ
แล้วก็ต้นยาง ปลูกได้ไงไม่รู้ เรียงแถวตรงเด๊ะๆ เป็นแนวๆ สวยมาก ป่าทางใต้มีเสน่ห์แบบนี้นี่เอง

รถวิ่งไปเรื่อยๆ ระหว่างทางฝนตกๆ หยุดๆ มาช่วงนี้ก็ทำใจไว้บ้างแล้วว่าคงต้องเจอฝนแหงๆ
ใช้เวลาแค่ชม.กว่าๆ ชมวิวเพลินๆ ก็มาถึงท่าเรือปากบารา ประมาณ 10 โมงหน่อยๆ
ถึงท่าเรือ ฟ้าครึ้ม ฝนตกปรอยๆ พอเปียก แต่รูปที่เอามาลง แอบใช้รูปของวันกลับ แดดสดใสซะ ^^

รถพามาจอดที่หน้าร้านขายตั๋ว สังเกตง่ายๆ จะมีตู้ ATM รุ่นนี้กดง่าย แค่ใช้รหัสใจ ของ Bank กรุงเทพตั้งอยู่ด้านหน้า
เข้าไปคุยกับพนักงาน แล้วก็จะได้บัตรคิวขึ้นเรือมา ได้เบอร์ 41-42

รถตู้คันของเรามาถึงเป็นคันแรก เพิ่งจะ 10 โมงกว่าๆ คิดถูกแล้วที่ไม่ไปเสียเวลาต่อรถตู้ที่ตลาดเกษตร
เพราะจะได้มีเวลาไปนั่งกินข้าวก่อนเรือออก ตื่นตั้งแต่ตี 4 หิวข้าวชะมัด
เรือออกเวลา 11.30 น. ช่วงหน้า Low น่าจะมีวันละรอบ ยังไงต้องลองเช็คกับทางคนออกตั๋วอีกทีนะ

มองหาร้านข้าวแถวๆ นั้น เห็นร้านนี้มีเมนูให้เลือกเยอะดี ทั้งไทยทั้งเทศ สารพัดสารเพ
เดินไกลมากๆๆๆๆๆๆ 3 ก้าวถึง ก็ร้านที่อยู่ติดกับที่ออกตั๋วเรือนั่นแหละ

และนี่คือโฉมหน้าอาหารมื้อแรกของเราในต่างแดน
มาม่าผัดหมู & สปาเกตตี้ซอสไก่ รสชาติไม่เลวเลยทีเดียว อร่อยๆ
ค่าเสียหายมื้อนี้ 150 บาทจ้า

กินข้าวเสร็จก็แวะซื้อเสบียงเล็กน้อย มองเห็น 7-11 อยู่ไม่ไกล
ซื้อพวกขนมกรุบกรอบ เยลลี่ และที่ขาดไม่ได้คือน้ำหวานขวดๆ ของคุณแฟน แต่ก็ซื้อไปไม่มากนะ ขี้เกียจแบกอ่ะ
เอ่อ ลืมบอก น้ำเปล่าไม่ต้องซื้อ ใครพัก Mountain เค้าจะมีน้ำให้วันละ 2 ขวด ถ้ากินไม่พอก็เอาขวดไปเติมที่ Lobby ได้ฟรีจ้า

ไม่รู้เอ้อระเหยมากไปหน่อยหรือยังไง ไปขึ้นเรือเกือบไม่ทันแน่ะ -*-
จริงๆ ควรไปถึงก่อนเวลาเรือออกซัก 15 นาที เพราะเค้าจะให้เอาสัมภาระขึ้นเรือก่อน
แล้วถึงค่อยให้คนขึ้น โดยเรียกตามบัตรคิวที่ได้มา
แต่ตอนที่เราไปถึง เค้าขนสัมภาระขึ้นเรือกันหมดแล้ว เราเลยจำต้องแบกกระเป๋าขึ้นเรือไปนั่งด้วย
ซึ่งก็ลำบากพอดู เพราะที่วางกระเป๋ามันไม่ค่อยจะมี

เรือที่เรานั่งเป็นของบริษัท หลีเป๊ะเฟอร์รี่ แอนด์ สปีดโบ้ท
ในเรือมีแถวละ 3 ที่นั่ง มี 2 ฝั่ง ซ้ายกับขวา
เราคิวที่ 41-42 กว่าจะได้ขึ้นก็เหลือแต่ที่นั่งเดี่ยวๆ เลยต้องนั่งแยกกัน
คาดว่าคิวแรกๆ ที่ได้ขึ้น น่าจะมากับทัวร์เป็น Package มั้ง

นั่งเรือไปประมาณครึ่งชม. ก็มาถึงเกาะตะรุเตา ที่นี่จอดให้แวะพักถ่ายรูป 15 นาที

ภาพบรรยากาศของเกาะตะรุเตา น้ำทะเลสีเขียวมรกต
เดินเข้าไปด้านใน จ่ายค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานคนละ 40 บาท
แล้วไปสักการะศาลเจ้าพ่อตะรุเตา ขอให้การมาเที่ยวหลีเป๊ะครั้งนี้ของลูกราบรื่น เดินทางปลอดภัยด้วยเถิด

อย่าลืมเก็บตั๋วเข้าอุทยานนี้ไว้ให้ดี เพราะต้องเอาไว้ใช้ขึ้นเกาะอีกหลายๆ แห่ง
เนื่องจากผ่านการใช้งานอย่างสมบุกสมบัน เลยออกจะยับเยินซักหน่อย ขอเก็บไว้ที่บ้านเป็นที่ระลึก

จากเกาะตะรุเตา นั่งเรือไปอีกซักพักจะเจอเกาะไข่
เรือของเราแค่จอดแวะให้ถ่ายรูปจากบนเรือ ไม่ได้ให้ลงไปที่เกาะ แต่เห็นมีเรือของเจ้าอื่นแวะจอดให้ลงไปที่เกาะด้วย

ใช้เวลาเกือบ 2 ชม. จากปากบารา ในที่สุด เราก็มาถึงแล้ว “หลีเป๊ะ” ที่ผู้คนกล่าวขาน
วันนี้เรือมาจอดที่หน้าหาดพัทยา เราเลยไม่ต้องต่อเรือหางเข้าที่พัก

เมื่อลงจากเรือแล้วก็รอรับกระเป๋า (ช่วงลงจากเรือนี้ต้องเปียกแน่นอน น้ำประมาณเข่า ใส่ขาสั้นไปจะสะดวกกว่า)
จากนั้นจะมีพนักงานของ Mountain มารอรับอยู่ที่หน้าหาดเลย

พนักงานจะพาขึ้นรถกอล์ฟเขียวๆ (นั่งได้ 6 คนรวมคนขับ) ผ่าน Walking Street เข้าไปกลางเกาะ
แล้วไปทะลุยังหาดชาวเล (หาด Sunrise) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Mountain Resort ที่พักของเราตลอดทริปนี้

รถกอล์ฟพามาส่งถึง Lobby ภาพแรกที่เห็น ก็อึ้งไปชั่วขณะเหมือนมีมนต์สะกด
ทะเลกว้างใหญ่ไพศาล น้ำทะเลสีฟ้าคราม มีเกาะอาดังเป็นฉากหลังสวยจับใจ บรรยายไม่ถูกจริงๆ ถ่ายรูปก็ไม่สวยเหมือนกับที่ตาเห็น
เชื่อแล้ว ที่ใครๆ ก็บอกว่าวิวที่นี่สวยที่สุด ไม่ผิดหวังจริงๆ

เราพักที่นี่ทั้งหมด 4 คืน
คืนแรกแจ้งพนักงานไว้ว่าขอห้อง Deluxe 4 เพราะอยากได้วิวแจ่มๆ ซักคืน
ส่วนอีก 3 คืนที่เหลือก็พักแบบธรรมดาไปละกัน จะได้ประหยัดไปนิดนุงก็ยังดี ^^

ไปด้วยยยยย

วิวของห้องนี้ อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ เหมือนกับที่หลายๆ คนสัมผัสมาแล้ว
แจ่มมะๆ ^0^

ที่ระเบียง จะมีชานไม้ ชายเขา ให้เห็นแบบนี้
อ้อ!! แถมยังมีเปลญวนสีม่วงมหากาฬให้นอนเล่นด้วยนะ ก๊ากๆๆๆๆ

มองจากในห้องออกมา จะเห็นระเบียงและวิวทะเลแบบนี้

ห้อง Deluxe 4 จะเป็นเตียงใหญ่ ที่นอนนุ่มดี ห้องน้ำก็สะอาดสะอ้าน
มีสบู่ แชมพู ครีมนวด ผ้าเช็ดตัวให้ครบครัน ไม่ต้องแบกไปจากบ้าน
ในห้องมี Wi-Fi ไปถึงด้วยนะ ปิดเปิดเป็นเวลา คือจะปิดช่วงประมาณ 4 ทุ่ม – 8 โมงเช้า แต่บางทีก็ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง

ตามไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะด้วยคนนะครับบ

สำรวจห้องเสร็จ ก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาซักพัก ก็ได้เวลาไปเล่นน้ำทะเลหน้าหาดกันแล้ว
พระอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมเขา

หน้าหาดในวันนี้ คนไม่พลุกพล่าน คงเป็นเพราะวันนี้เป็นวันธรรมดาแถมต้นๆ อาทิตย์ซะด้วย
ส่วนใหญ่มีแต่ฝรั่งทั้งนั้น

ดวงอาทิตย์กำลังอัสดง ถ้าอยู่หน้าหาดประมงคงสวยอย่าบอกใคร

เล่นน้ำกันจนมืดค่ำเลยวันนี้ กว่าจะกลับขึ้นบ้าน อาบน้ำเสร็จ ก็ปาเข้าไปเกือบ 2 ทุ่ม

วันนี้เลือกฝากท้องมื้อเย็นไว้ที่รีสอร์ทดีกว่า เพราะกว่าจะขึ้นจากน้ำก็มืดแล้ว
ยังเหลืออีกหลายมื้อ ไว้ค่อยไปหาไรกินที่ Walking Street วันหลังก็ได้

เมนูวันนี้ ขอนำเสนอ น้องผักอ้วนราดข้าว

ส่วนเมนูของคนข้างๆ เป็นคะน้าหมูกรอบราดข้าว
ค่าเสียหายมื้อนี้ 175 บาท

อิ่มแล้วก็ไปเดินย่อยกันซักหน่อย...
ทางเดินที่นี่ค่อนข้างมืดพอสมควร พกไฟฉายมาด้วยก็ดีนะ

ตั้งใจจะลงไปเดินเล่นที่หาด แต่พอเดินไปถึงกลางบันได ก็เจอฝรั่งยืนอยู่ประมาณ 3-4 คน
ฝรั่ง : Do you see the snake ?
แฟน : ห๊ะ!! ตรูฟังผิดป้ะเนี่ย...

งูจริงๆ ไม่อิงนิยาย กำลังชูคอปิ๊งๆ อยู่ตรงทางลาดปูนริมสุดของรั้วรีสอร์ท เท่าที่กะด้วยตา ตัวยาวประมาณ 1 เมตรได้ อุแม่เจ้า!!!
เราเลยเดินไปที่ Lobby บอกพนักงานว่า พี่ๆ ฝรั่งเจองู ช่วยไปดูหน่อย

สวยจังเลยค่ะ
ภาพสวยทุกภาพ
อยากไปจังเลย
ขอบคุณที่เอาภาพมาแบ่งให้ดูค่ะ ^_^

พนักงานดูคล่องแคล่วมาก ใช้ท่อเขี่ยๆ แล้วตวัดงูเข้าไปในป่าข้างๆ รีสอร์ท (ป่านั่นมันรกจริงๆ นะ)
แอบคิดในใจ เห็นงูตัวสีเขียวๆ ใช่งูกรีนแมมบ้าป่าวฟระ เห็นที่กรุงเทพกำลังฮิต แอบขึ้นสปีดโบ้ทตามมาตอนไหนเนี่ย

หลังจากส่งงูเข้าป่าเป็นที่เรียบร้อย ฝรั่งก็ปรบมือให้พี่พนักงานกันเกรียวกราวเลย กลายเป็นฮีโร่ไปแล้นนน พี่พนักงานของเรา ^^
ถามพี่พนักงาน ได้ความว่าเป็นงูเขียวหัวช้าง แถมมีพิษร้ายแรงซะด้วย -*- เอ่อ ทำไมมันสยองเช่นนี้
แต่เค้าบอกว่าจริงๆ ก็ต่างคนต่างอยู่นะ นานๆ จะออกมาให้เห็นที แต่ก็ไม่เคยมีใครโดนกัด ก็น่ามีหลุดออกมาบ้างล่ะนะ ก็ป่ายังอุดมสมบูรณ์อยู่นี่เนอะ อิอิ คิดแง่ดี ^^

หลังจากจบเรื่อง ฝรั่งเดินมาถามว่าตกลงงูนี่มีพิษไหม ก็เลยตอบไปตามที่ได้ยินจากพี่พนักงานว่ามีพิษร้ายแรง
เห็นฝรั่งทำตาเหลือกๆ แล้วก็เดินเข้าห้องไป

คลิปถ่ายมาได้แค่นี้ ไม่รู้ทำไมคุณแฟนไม่ยอมถ่ายจนจบเรื่องหว่า -*-

เจอเรื่องระทึกขวัญตั้งแต่วันแรก ว่าแล้วก็เดินลงไปฟังเสียงลมหนาวที่หาดดีก่า

คืนนี้เป็นคืนไร้ดาวพราวแสงจันทร์ เอ้ยไม่ใช่ละ มีแต่ดาว ไม่เห็นจันทร์ตะหาก
ตั้งใจไว้ว่าจะออกมาดูดาวทุกคืนเลย อยู่กรุงเทพไม่ค่อยได้เห็น
แต่ไม่อยากจะเชื่อว่าคืนนี้จะเป็นคืนแรกและคืนสุดท้ายที่ได้มองดาวบนเกาะหลีเป๊ะ

หมดไปอีกวันแล้วสินะ คืนนี้คงหลับฝันดี

เช้านี้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตั้งแต่ตี 4.45 เพราะอยากมาดูพระอาทิตย์ขึ้น
แต่ปรากฎว่าตื่นมาแล้วฝนตกกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา เลยมุดใต้ผ้าห่ม นอนต่อดีกว่า ไว้วันหลังค่อยดูละกัน ^^

ตื่นมาอีกทีประมาณ 6 โมงกว่าๆ ฟ้าสว่างแล้ว ฝนก็หยุดตกแล้ว แต่ยังครึ้มๆ อยู่
ก็ออกไปถ่ายภาพหน้าห้องซักหน่อย อากาศดีจัง เห็นหมอกบนยอดเขาด้วย
ถ่ายภาพเสร็จก็กลับไปนอนต่ออีกหน่อยดีกว่า ยังเช้าเกินไป ห้องอาหารคงยังไม่เปิดหรอกมั้ง (นั่น!!)

ตื่นมาอีกที 8 โมงเช้า พร้อมรับประทานอาหารแล้ว
แดดมาแล้ว วู้วๆๆ ไปห้องอาหารกันเล้ยยยย

วันนี้เลือกนั่งโต๊ะริม จะได้ใกล้ชิดกับทะเลหน่อย
ถ้าหันหน้าเข้าหาทะเล บ้านซ้ายมือที่เห็นนั่นจะเป็นบ้าน Type ใหม่ของรีสอร์ทเค้าล่ะ
New Deluxe ราคาแพงกว่า Deluxe ปกติ 1,000 บาท แต่ตอนนี้มีโปรโมชันถึงปีหน้า ลด 1,000 บาท
ติดทะเลเหมือนกัน จะอยู่แถวๆ โขดหิน ห้องใหม่ระเบียงกว้าง

มีเพื่อนชาว BP เพิ่งรีวิวไว้ละเอียดมาก ลองแวะไปชมกันได้จ้า
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11435176/E11435176.html

มองจากห้องอาหารลงไปที่หาด ฟ้าสวย แดดใส

บันไดจากห้องอาหารเพื่อลงไปยังหาดทรายข้างล่าง

ทะเลอีกมุมหนึ่ง ด้านซ้ายของรีสอร์ท

มาดูอาหารเช้ากันบ้าง...
อาหารเช้าที่นี่คิดรวมกับห้องพัก เป็นบุฟเฟต์
อาหารมีไม่เยอะเท่าไหร่ แต่อาหารหลักๆ ก็มีครบหมด พวกไข่ดาว ไข่กวน ไส้กรอก แฮม ขนมปัง ผลไม้ ข้าวต้ม ชา กาแฟ
อ่อ น่าเสียดาย ขาด SalaDbAr ไปอย่างนึง

หลังทานข้าวเช้าเสร็จ ก็กลับไปที่ห้อง โปรแกรมในวันนี้คร่าวๆ คือ
1. อยู่ห้องแพงให้คุ้มก่อนจะย้ายห้องในวันนี้
2. เดินเล่นเรื่อยเปื่อยไปจนถึงหาดพัทยา แวะหาทริปดำน้ำของวันพรุ่งนี้
3. เล่นน้ำที่หาดพัทยาจนถึงเย็น ต่อด้วยมื้อเย็นที่ถนนคนเดิน

ถึงเวลา Check Out (ที่นี่เช็ค 10 โมงนะ ตอนแรกนึกว่าเที่ยง)
เราก็หอบข้าวของย้ายบ้าน เดินประมาณ 20 ก้าวก็ถึงบ้านใหม่ อยู่ตรงข้ามกันแค่นี้เอง ^^

บ้านใหม่ที่เราย้ายไปอยู่ คือ VIP1 รูปนี้ถ่ายจากระเบียง มองเห็นบ้านเก่าที่เพิ่งย้ายออกมา
ตอนแรกเราขอรีเควสต์เป็นเตียงใหญ่ เค้าจองให้เป็นหลัง VIP18
แต่พอใกล้วันเดินทาง เค้าโทรมาถามว่าจะเปลี่ยนห้องไหม เป็น VIP1 จะมองเห็นทะเลด้วย แต่เป็นเตียงเล็ก 2 เตียง
ไอ้เราก็อยากเห็นทะเลอยู่แล้ว ก็เลยตกลงไป จึงได้มาอยู่หลังนี้ นี่ก็เป็นจุดแรกที่ประทับใจรีสอร์ทตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าพักด้วยซ้ำ

ห้องนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนกับห้อง Deluxe ทุกอย่าง ทั้งแอร์ TV (อยู่ 4 วันไม่เคยเปิดเลย) ตู้เย็น น้ำอุ่น ไดร์เป่าผม
ต่างกันนิดหน่อยตรงระบบไฟฟ้า ห้อง VIP ต้องใส่กุญแจเข้าไปในกล่อง ไฟฟ้าถึงจะทำงาน
แบบนี้ดูไม่ค่อย work ซักเท่าไหร่ เพราะเวลาเราออกไปข้างนอกนานๆ กลับมาจะไม่มีน้ำเย็นให้กิน
ส่วนห้อง Deluxe จะเป็นกุญแจลูกบิดแบบเก่า รูปแบบห้องก็จะเป็นแบบเก่า
ซึ่งห้อง VIP กระจก หน้าต่างและภายในห้องจะทันสมัยกว่า

ที่ระเบียงก็มีเปลและชุดโต๊ะเก้าอี้เหมือนกัน

ลองมองไปทางหลังบ้าน นั่นเป็นที่ที่งูน้อยนอนนิ่งอยู่เมื่อคืนนี้เอง -*- อะจึ๋ยยยยย

พอเปิดประตูเข้ามาในห้องเท่านั้นแหละเป็นต้องตกตะลึง
นี่มันสุดยอดวิวเลยนะเนี่ย *0* ภาพจริงๆ อลังการมาก แต่ถ่ายมาได้เท่านี้ ขออภัย
เราว่าวิวห้องนี้สวยมาก เห็นทะเลทั้ง 2 ด้าน ดูสวยกว่าห้อง Deluxe ซะอีก เพราะห้องนั้นขอบหน้าต่างจะหนา เลยทำให้ไม่ค่อยเห็นทะเลซักเท่าไหร่ ต้องออกไปที่ระเบียงถึงจะสวย
แต่ห้องนี้สามารถมองเห็นทะเลได้ชัดแจ๋วจากในห้องเลย โอ้ววววว

ส่วนเรื่องเตียง ห้อง Deluxe กินขาด นอนหลับสบายกว่า เพราะเตียงห้อง VIP ออกจะแข็งไปซักนิด

ทางนู้นเป็นประตูห้องน้ำ เดี๋ยวจะพาไปชมกัน

นี่คือข้อแตกต่างอีกอย่างของห้อง VIP กับ Deluxe
ห้องน้ำของ VIP จะเป็นแบบ Open อาบไปชมวิวไป โรแมนติกชะมัด
ถ้าไม่ติดว่าด้านหลังเป็นทางงูผ่าน ถ้าตอนอาบน้ำแล้วมีงูมาอยู่เป็นเพื่อนนี่ก็คงไม่เอานะ

VIP จะเป็นห้องถูกสุดที่มีน้ำอุ่นให้อาบ นี่เลยเป็นเหตุผลให้เราเลือกห้องนี้ด้วยเหมือนกัน กลัวหนาวง่ะ >< แป่ววว
น้ำฝักบัวของทั้ง 2 ห้อง แรงทั้งคู่ อุ่นสบาย อาบสบาย

สำรวจห้องแล้วนอนกลิ้งๆ อยู่ซักพัก ก็ได้เวลาเดินสำรวจเกาะกันแล้ว
งานนี้ต้องมีผู้ช่วยตัวโกงกันหน่อย เพราะออกไปเดินชายหาดตอนเที่ยงๆ แบบนี้มีหวังได้กลายร่างเป็นนิโกรก่อนเวลาอันควร

จากการสำรวจโพลล์ของสาวๆ ห้องแป้ง ที่ว่าสุดยอดมีดังนี้
ซ้ายทาหน้า ขวาทาตัวนะจ๊ะ
ผลเป็นอย่างไร เดี๋ยวมาเฉลยในตอนท้ายว่า “เอาอยู่” รึเปล่า

โบ๊ะครีมกันดำเรียบร้อย ถึงเวลาเดินเที่ยวเกาะหลีเป๊ะกันแล้นนนน ตามลงมานะ

แดดเปรี้ยงจริงๆ วันนี้ น้ำใสกิ๊ง

ฟ้าใสมากกกกกก ถึงแดดจะแรงแค่ไหน พี่ฝรั่งก็บ่ยั่นค่า
น้ำน่ากระโดดจริงๆ ให้ดิ้นตาย

เก้าอี้ชายหาดถูกจองเกลี้ยง เต็มทุกที่นั่ง

ดูเด็กฝรั่งคนนี้สิ น่าฟัดจริงๆ

ไปก่อนนะ แล้วเจอกันใหม่ตอนค่ำๆ

เราเดินออกจากรีสอร์ทตามชายหาดไปเรื่อยๆ ผ่านทั้งโขดหิน...

ทั้งฟ้าคราม...

ทั้งน้ำใส...

เลาะเลี้ยวตามหัวโค้งไป จะเจอรีสอร์ทเพื่อนบ้าน
หาดบริเวณนี้ก็สวย สงบ น่าเล่นน้ำ

แต่ก็มีเรือจอดอยู่บ้างประปราย

เดินยังไม่ทันเหนื่อย (แต่ร้อน) ก็มาถึง...
เราจะซัดอาหารกลางวันกันที่นี่

จริงๆ มื้อเช้ายังย่อยไม่หมดเลย แต่เมื่อผ่านมาแล้วก็ขอลองชิมซักหน่อย
ได้ยินมาว่าอาหารที่นี่อร่อยและราคารับได้...แบบนี้ไม่ลองไม่ได้ละ

หาที่นั่งเหมาะๆ ได้ ใต้ต้นไม้ ลมเย็นสบาย ชิลมาก
รีสอร์ทนี้ปลูกต้นไม้ริมชายหาดเยอะ หาที่ร่มๆ หลบแดดได้ไม่ยาก

ระหว่างรออาหาร ก็ถ่ายรูปเพลินๆ
เก้าอี้ที่นี่ว่างเยอะแยะ เลือกนั่งกันได้ตามสบาย

ถ้าได้นั่งตรงนี้ คงนั่งได้ทั้งวัน ไม่อยากลุกไปไหน

ใช้เวลาไม่นาน อาหารมื้อเที่ยงก็พร้อมแล้ว...
เมนูวันนี้ ขอเสนอ ผัดกระเพราะปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง

ส่วนเรายังไม่หิว เลยขออะไรเบาๆ หน่อยดีกว่า เลยสั่งแพนเค้กมากินเล่น
ที่ไหนได้ มื้อนี้ไม่เบาละ แพนเค้กก้อนใหญ่เท่าหัวเด็ก เอื๊อกกกกก ดีนะไม่เผลอสั่งข้าวมาอีกจาน ไม่งั้นคงนั่งกินถึงเย็น ไม่ได้ไปไหนต่อกันล่ะ

ขอปิดท้ายมื้อนี้ด้วยชานม (เจ้าของร้าน) ชงเอง

ค่าเสียหายมื้อนี้ 190 บาทถ้วน ราคาอาหารที่นี่ดูเหมือนแพงกว่าที่ Mountain เล็กน้อย แต่ปริมาณนั้นจัดหนักกว่ามาก จานเดียวจุก รสชาติไม่เลว ถือว่าคุ้มค่าสมคำร่ำลือ

หลังจากพยายามกระเดือกแพนเค้กหัวเด็กจนหมด เราก็ออกเดินทางกันต่อ
ตอนนี้เราเริ่มเข้าสู่เขตหมู่บ้านชาวเลแล้ว จะเห็นว่ามีเรือจอดอยู่ริมหาดเต็มไปหมด

เดินอีกไม่นานจะเจอกับโรงเรียนบ้านเกาะอาดัง
จากที่ถามชาวบ้านมา หลังจากเจอโรงเรียนแล้วก็ให้หาทางเลี้ยวขวาเพื่อเดินเชื่อมเข้ากลางเกาะแล้วไปทะลุออกถนนคนเดิน

เมื่อเลี้ยวขวาเข้ามา ก็จะถึงเกาะนามิ !!!
เฮ้ออออ...ออกทะเลอีกละนิเรา

ทางเดินเชื่อมกลางเกาะ คิดว่าตอนกลางคืนคงมืดตึ๊ดตื๋อ ไม่กล้าเดินกลับอ่ะ - -“

เดินตามทางไปเรื่อยๆ จะเริ่มเห็นร้านค้า ร้านอาหาร ขายของที่ระลึก

ร้านอาหารตอนกลางวัน บรรยากาศเงียบเหงา บางร้านก็ยังไม่เปิด

ร้านสักก็มีนะ ^^

เดินไปจ๊ะเอ๋กับน้องเหมียว กำลังนอนกลางวันน่าเอ็นดู
อิจฉาเจ้าเหมียวจัง เล่นน้ำทะเลได้ทุกวันแต่ตัวไม่ยักกะดำ อยากรู้จัง ใช้ครีมกันแดดยี่ห้อไรหว่า

แวะสักการะพระพรหม องค์งดงาม เข้ากับบรรยากาศของเกาะมาก

เดินออกมาใกล้ถึงหน้าหาดพัทยาแล้ว ร้านค้าเรียงราย ขายเสื้อ หมวก แว่นตา รองเท้า ของชำ
ร้านที่เกาะหลีเป๊ะยังไม่มีคือ ร้านซ่อมรองเท้า -*- พอดีหูรองเท้าจะขาด เลยขอทนๆ หนีบๆ ไปก่อน ถ้าขาดแล้วค่อยว่ากันใหม่

เท่าที่เดินสำรวจตามถนนคนเดิน มีร้านให้บริการทริปดำน้ำอยู่หลายเจ้าเหมือนกัน
แต่เจ้าที่ราคาถูกที่สุดคือเจ้านี้...

ราคาจอยทริป
- ทริปใกล้ 450 บาท
- ทริปไกล 600 บาท
ราคานี้รวมอาหารและหน้ากากดำน้ำแล้ว

ถ้าราคาเหมาเรือ จะอยู่ที่ประมาณ 1,500 - 1,800 บาท
ใครสนใจก็ลองโทรไปสอบถามได้ เค้าจะมารับที่หน้ารีสอร์ทเลย สะดวกดี

ถึงแล้ว...หาดพัทยา เรือเยอะแยะ ผู้คนมากมาย
ดูเวลาแล้วเพิ่งจะบ่าย 2 กว่าๆ แดดร้อนแรงเกินไปที่จะเล่นน้ำตอนนี้ -*-
นั่งทำไรดีหว่า ?

ไม่มีไรทำเลยนั่งปั้นดินปั้นทรายเล่น

ฉับพลัน...สายตาเจ้ากรรมก็ดันไปเหลือบเห็นฝรั่งพายเรือคายัคเข้ามาจอดที่ชายหาด
ไอ้คุณแฟนตัวดีก็เลยเกิดความคิดแว่บหนึ่งขึ้นมา ไปพายเรือเล่นดีกว่า

ร้านเช่าเรือคายัคอยู่หน้าหาด ออกจากถนนคนเดินมาทางซ้ายนิดเดียว
เรากับแฟนก็มือใหม่ป้ายแดงทั้งคู่ ไม่เคยพายเรือมาก่อนในชีวิต ก็เลยให้เจ้าของร้านช่วยสอนให้ก่อน

ค่าเช่าเรือชม.ละ 150 บาท มีชูชีพและถุงกันน้ำให้ด้วย
เจ้าของเรือบอกว่า วันนี้น้ำค่อนข้างนิ่ง จะพายรอบเกาะหลีเป๊ะก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.

เรากะว่าจะแค่พายเล่นๆ ซักชม.เดียวก็พอแล้ว ค่อยกลับมาเล่นน้ำกัน ช่วงนั้นแดดคงอ่อนพอดี
ใส่ชูชีพเรียบร้อย ล็อกขาตั้งกล้องกับท้ายเรือเรียบร้อย ก็พร้อมพายชิลๆ
โดยที่ไม่ได้รู้ตัวกันเล้ยยย ว่าอีกไม่กี่ชม.ข้างหน้า “คุณนรก” กำลังรอพวกเราอยู่

เราออกเดินทางกันเวลาบ่าย 3 โมงครึ่งพอดิบพอดี
เริ่มพายจ้วงแรกแบบเงอะๆ งะๆ ออกจากหาดแล้วจะไปทางไหนดีหว่า ?

เจ้าของร้านบอกว่าถ้าอยากดูพระอาทิตย์ตกก็พายไปทางขวา
แต่เอ...พระอาทิตย์บ้าไรจะตกตอนบ่าย 4 -*- แถมแสงยังแยงตาอีกตะหาก
เลยเลือกพายไปด้านซ้ายดีกว่า หันหลังให้แดด ชิลๆ แถมระยะทางกว่าจะถึงหัวโค้งยังใกล้กว่าทางขวาตั้งแยะ
ทางขวาแบบว่าดูไกลมากกกกกกกก

พายไปแรกๆ ตอนออกจากฝั่งก็รู้สึกหวิวๆ มาก เห็นปะการังเป็นขยุกขยุยดำๆ อยู่ใต้น้ำ ชักใจไม่ค่อยดีแฮะ
มันเป็นครั้งแรกที่ได้เห็น เหมือนปะการังมันอยู่ใกล้มาก มันดูเวิ้งว้างบนเรือแบบนี้มันดูน่ากลัวง่ะ T__T
แต่ไปๆ มาๆ ก็ชักเริ่มสนุกแฮะ พอหลุดหัวโค้งนั่นไปได้ก็มีแต่หน้าผา
น้ำก็เป็นสีน้ำเงินเข้มแล้วสิ ต้องลึกแหงๆ เลย ชักใจแป้วๆ
เรือหางยาวมาที คลื่นก็ซัดที เรือก็โคลงๆ เคลงๆ ให้หวาดเสียวเล่น
ช่วงนี้ไม่มีภาพให้ดูเลย เพราะนั่งเกร็ง ไม่กล้าขยับไปหยิบกล้องมาถ่าย

พายไปนานมากพอสมควร ในใจนึกภาพเกาะหลีเป๊ะออก ว่าถ้าหลุดโค้งนี้ไปได้มันน่าจะเป็นหาดชาวเลสิน่า
พักใหญ่ๆ เราก็หลุดโค้งสุดท้ายมาได้ หลังจากไม่เจอผู้เจอคนมานาน
ภาพที่เห็นคือรีสอร์ทในฝันที่อยากไปพักมาก แต่งบประมาณยังไม่ถึง ^^ ได้มาเห็นซักนิดก็ยังดีฟระ

รีสอร์ทในฝัน “Serendipity Resort”
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พายเรือมา เพิ่งจะกล้าหยิบกล้องออกจากถุงกันน้ำมาถ่ายรูป
มาถึงตรงนี้ ความรู้สึกมันเริ่มล้าหน่อยๆ แล้ว เลยขอแวะพักที่หาดนี้ซักหน่อย
น้ำทะเลที่นี่สีสวยสุดๆ อย่างกับน้ำสระแน่ะ ^^

ขอนั่งพักแปบนึงนะ

ตามไปด้วยคนค่ะ
ทะเลสวยมาก!!!

หลังจากพักพอได้หายใจหายคอ เราก็พายเรือกันต่อ
ในใจตอนนี้ไม่คิดอยากจะกลับไปทางเดิมแล้ว เพราะไม่อยากผ่านไอ้หน้าผาน้ำลึกๆ นั่น
ประกอบกับคิดเอาเองว่า นี่ก็พายมาเกือบชม.นึงแล้ว ถ้าเป็นตามที่พี่เจ้าของเรือเค้าว่าจริงๆ ล่ะก็
เราพายไปอีกประมาณชม.หน่อยๆ ก็จะกลับขึ้นฝั่งพัทยาแล้วสิ

ด้วยความคิดชั่ววูบ เราเลยตกลงพายไปตามหาดต่อ ไม่ย้อนกลับทางเดิม
หารู้ไม่ว่า นั่นคือการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต...

เราพายกันมาเรื่อยๆ ตามหาดชาวเล ผ่านรีสอร์ทที่ตั้งเรียงรายมากมาย
ระยะทางช่วงนี้ดูเหมือนจะไกลมาก แต่ด้วยความที่พายขนานกับชายหาด เจอผู้คนตลอดเวลา
มันทำให้รู้สึกอุ่นใจ อย่างน้อยก็มีคนเห็นเราล่ะน่า

ท้ายที่สุด เราก็พายมาจนถึงรีสอร์ทของเราจนได้ ^^
ความรู้สึกตอนนี้ คิดว่าอยากจะกลับขึ้นรีสอร์ทแล้วให้รีสอร์ทช่วยหาทางเอาเรือไปส่งคืนให้ที่หาดพัทยาทีเถอะ
คือมันแบบว่าล้ามาก เหนื่อยมาก ไม่อยากพายต่อละ แต่ไม่รู้จะเอาเรือไปคืนยังไง

สุดท้ายก็ได้รูปพาโนรามาจากบนเรือคายัคมา 1 รูป

เราตัดสินใจไปต่อ...
คิดว่าพอพ้นไอ้มุมเกาะนั้นไปแล้ว คงใกล้ถึงหาดพัทยาเต็มทีแล้ว
แต่...เราลืมไปว่ายังมีหาดประมงอีกหาดนี่หว่า -*- กรำแล้วสิ

มาถึงขั้นนี้แล้ว ทำไรไม่ได้ ได้แต่ชูนิ้ว “สู้ตายค่ะ”
อยากจะบอกว่าหาดประมงนี้ยาวมากกกกกกก คือแบบว่ามองไปเห็นหัวมุมเกาะนั้นอยู่ไกลลิบๆ เลยแหละ
เห็นแล้วท้อเลย แต่ก็ยังคิดเองเออเองอีกจนได้ ว่าพ้นมุมนั่นไปล่ะก็ หาดพัทยาแน่ๆ ฮ่าๆๆๆๆ

ช่วงหาดประมงนี้ น่าตื่นตาตื่นใจมาก น้ำเป็นสีน้ำเงินเข้มมากๆ รู้ว่าลึกมากเลยล่ะ แต่สามารถมองลงไปเห็นปะการังได้
สวยงามจับใจจริงๆ ปะการังและปลาเยอะมาก อยู่กันเต็มท้องทะเลไปหมด  ><
ช่วงนั้นยังมีอารมณ์ชมธรรมชาติ ทั้งๆ ที่ใจคอจริงๆ นั้นเริ่มไม่ค่อยสู้ดีละ เพราะมองเห็นเมฆฝนฟ้าครึ้มอยู่ทางด้านที่เราเพิ่งจะผ่านมา -*-
ภาวนาขอให้มันพัดไปทางอื่นทีเหอะ ถ้าฝนตกตอนนี้คงได้สยองกว่านี้เป็นแน่

และแล้ว ในที่สุด เราก็มาถึงหัวมุมเกาะจนได้ หอบไปหลายแฮ่ก ระคนดีใจ จะได้กลับขึ้นฝั่งซักที
แต่พอพ้นมุมเกาะมาได้ ก็แทบช็อกคาเรือ!!!
แม่เจ้า...มุมเกาะถัดไป ยังอีกไกลโคตร ไม่แพ้ไอ้มุมเมื่อกี๊เลย เวรแล้วสิตรู
น้ำทะเลช่วงนี้จากสีน้ำเงินเข้มเห็นปะการังเมื่อกี๊ ตอนนี้กลายเป็นสีดำไปแล้ว
ดำจริงๆ ดำสนิท มืดมิดมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น สยองมาก ไม่อยากคิดว่าถ้าตกเรือไปจะเป็นยังไง

ซ้ายเป็นหน้าผา ขวาเป็นทะเล ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ ให้เห็น นอกจากไอ้บ้า 2 ตัวที่กำลังจ้วงพายฉับๆ อย่างกับคนบ้า
ฟ้ากำลังมืดลงเรื่อยๆ เมฆฝนก็กำลังใกล้เข้ามา โอ้ยยยย ชีวิต...
มาถึง ณ เวลานี้ พายอย่างเดียวละครับพี่น้อง จ้วงไม่คิดชีวิต

รีวิวละเอียดดีค่ะ
ปล.เจ้าของกระทู้เด็กจริงหรอคะ อิอิ

ในห้วงเวลาแห่งความเครียด...ธรรมชาติก็ยังไม่ทอดทิ้งเรา

เราได้เห็นฝูงปลากระโดดเหนือผิวน้ำตั้งหลายฝูง
ได้เห็นฝูงปูตัวเบ้อเริ่มไต่ยั้วเยี้ยตามโขดหิน
ได้เห็นฝูงนกบินโฉบเฉี่ยวไปมาเหนือทะเล
เห็นบ้านโดดเดี่ยวหลังน้อยหน้าหาดเล็กๆ ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาทั้งลูก
มันช่างมีความสุขเหนือคำบรรยาย อยากจะลุกขึ้นมากระโดดกรี๊ดๆๆ แต่ก็ทำไม่ได้

ผ่านพ้นไปโค้งแล้วโค้งเล่า เราก็ยังไม่เห็นหาดพัทยาซักที
โชคดีเห็นเรือหาปลาลำใหญ่อยู่ข้างหน้า พอเข้าไปใกล้ก็เลยถามพี่เค้าว่า ใกล้ถึงหาดพัทยารึยัง

พี่เค้าบอกว่า อีกประมาณ 4 กิโล !!!! O_o
เฮ้ยยยยย!!! จะบ้าแร้วววว 4 กิโล ใครจะไปเชื่อฟระ พายมาตั้งนาน มันน่าจะใกล้แล้วนี่ว้อยยย ><
นั่น!! ไม่เชื่อคนท้องที่อีก
แต่จะ 4 หรือไม่ 4 ก็ไม่ใช่เวลามานั่งคิดแล้ว สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวคือจ้วงต่อ
ได้ยินเสียงตามหลังมา “สู้ๆ นะน้อง” เอาวะ สู้ก็สู้

ณ ตอนนี้ จะบอกว่าเครียดที่สุด และกดดันที่สุด
เพราะตอนนี้ พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว
นึกภาพตอนตัวเองกำลังพายเรือในทะเลที่มืดสนิท มองไม่เห็นอะไรเลยแม้กระทั่งหัวเรือตัวเอง
สยองมากกกกก บรึ๋ยยยย
แม้เราจะรักหลีเป๊ะ แต่เราก็ยังไม่พร้อมจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตน้า T___T แงๆๆๆๆ

แต่พอเห็นพระอาทิตย์กำลังจะตก ก็อดไม่ได้
หลังจากไม่ได้หยิบกล้องออกมานาน เพราะจ้วงกันมาตลอดไม่ได้หยุด (จะเห็นว่าไม่มีรูปเลย มีแต่คำบรรยาย ต้องขออภัย)

ถ่ายมาได้ เบี้ยวๆ บูดๆ เอียงๆ -*-

ภาพนี้ก็ดูงั้นๆ แต่ใครจะไปรู้ ว่ากว่าจะได้มานั้น มันยากเย็นเกือบจะแลกมาด้วยชีวิต T____T

ไม่น่าเชื่อว่าสุดท้ายแล้ว เราก็ได้พายเรือมาดูพระอาทิตย์ตกจริงๆ 
บรรยากาศตอนนี้เหลือแต่ความเงียบกับเสียงฝีพาย ฉับๆๆๆ สวบๆๆๆๆ
พายกันเอาเป็นเอาตาย ชนิดที่ว่าจะไปลงแข่งทีมชาติกันเลย

หลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ท้องฟ้าก็มืดเร็วมาก
ใจแป้วจริงๆ ตอนนั้น เรายังลอยเท้งเต้งอยู่กลางทะเล และยังมองไม่เห็นฝั่ง

แต่ในที่สุด...ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น
พอหลุดโค้งสุดท้ายของเกาะมาได้ เราก็เจอแล้ว หาดพัทยาที่เราถวิลหามานาน
แต่...อยากจะบอกว่า มันไกลมากกกกกกกกก คงยังจำภาพแรกก่อนที่เราจะพายออกจากหาดกันได้
ทางขวาที่ตอนแรกเราจะไป แล้วเปลี่ยนใจไม่ไป เพราะมันไกลมาก
ณ ตอนนี้ เราต้องพายผ่านมาจากทางนั้นเพื่อขึ้นฝั่ง โอ้ววว แม่เจ้า -*-

แต่ยังไงก็ยังใจชื้นขึ้นหน่อยละนะ อย่างน้อยก็เห็นฝั่งแล้ว อิอิ
ร้านอาหารริมชายหาดก็เริ่มเปิดไฟกันแล้ว เห็นไฟลิบๆ อยู่ข้างหน้า
เป็นช่วงเวลาที่นานมากนับตั้งแต่เห็นฝั่ง พายเท่าไหร่ก็ไม่ถึงฝั่งซักที ช่างทรมานเหลือเกิ้นนนน

เราขึ้นฝั่งได้ตอนฟ้ามืดสนิทแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าเราใช้เวลาอยู่บนเรือถึง 3 ชม. -*-
วันที่เราตั้งใจไว้ว่าจะพักผ่อนอย่างชิลๆ ที่สุด เอ่ออออ....

พอแตะฝั่งได้ ก็เดินลากเรือไปตามหาด ไม่พงไม่พายมันละ
หาร้านที่เช่าเรือมาไม่เจอแล้ว เพราะตอนนี้หน้าหาดกลายร่างเป็นผับบาร์กันหมด

พอเจอเจ้าของร้าน ก็อยากถามจริงจริ้งงงง ว่าไอ้รอบเกาะ 2 ชม.เนี่ย ให้มือวางอันดับ 1 แชมป์แข่งเรือที่ไหนมาพายกันฟระ -*-
ไอ้เราพักไปแค่แปบเดียว ที่เหลือก็พายแทบไม่ได้หยุดหย่อน จากเงอะงะนี่ก็เรียกได้ว่าพายจนเป็นมือโปรกันเลยทีเดียว เวนนนนน
หนูไม่น่าหลงเชื่อพี่เลยคร้าๆๆๆๆๆ T___T

อารมณ์ตอนนั้นแบบทั้งอึ้ง ทั้งเหนื่อย ทั้งขำ ทั้งดีใจ มานึกถึงแล้วยังขำไม่หาย พายไปได้ไงวะตั้ง 3 ชม.กับการพายเรือครั้งแรกในชีวิต เฮ้ออออ เกือบไม่ได้กลับบ้านแล้วไหมล่ะ
จำจนตายว่าครั้งหนึ่งเราเคยพายเรือรอบเกาะหลีเป๊ะ 555+

หน้าร้านเช่าเรือที่ตอนนี้กลายเป็นร้านอาหารนั่งชิลไปแล้ว
ภาพต่อจากนี้คงหาชัดยาก เพราะนอกจากจะเดินไม่ตรงทางแล้ว มือยังแทบยกไม่ขึ้นด้วย 555+ เหนื่อยโคตร

ปล. มีบรรยากาศตอนพายเรือให้ชมกันนิดหน่อย ในคลิปที่ 2 ติดตามได้ตอนท้ายของรีวิวเน้อ

จากที่วางแผนไว้ว่าจะเล่นน้ำหน้าหาดพัทยา ก็เป็นอันต้องล้มเลิกไป ^^”
ภารกิจต่อไปที่ต้องทำคือ เดินสำรวจถนนคนเดินและมองหาของกิน
ซึ่งก็โซซัดโซเซไปเรื่อย เดินแทบจะไม่ไหวแล้ว
บรรยากาศตอนกลางคืน คึกคักเชียว

ร้านนี้น่ารักจัง

ไม่รู้จะกินร้านไหนดี ไม่มีข้อมูลซะด้วยสิ เลยเลือกเอาร้านที่คนเยอะๆ ละกัน คาดว่าน่าจะอร่อย
เลยมาลงเอยที่ร้านส้มตำ -*- อุตส่าห์มาทะเลทั้งที ไหงมากินส้มตำว้า

บรรยากาศภายในร้าน มีแต่ฝรั่ง คนเยอะเกือบไม่มีที่ว่างแน่ะ

อาหารมื้อนี้ ต้มแซ่บ ไก่ปิ้ง ส้มตำ รสชาติก็ธรรมดาๆ แต่พนักงานบริการดี ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอด
ค่าเสียหายมื้อนี้ 280 บาท

หลังจากอิ่มแล้วก็รีบโทรเรียกรถของรีสอร์ทมารับ ไม่ไหวแล้วเหนื่อยม๊ากกกกกกกก
กลับมาถึงบ้าน ได้มีโอกาสดูแผนที่เกาะหลีเป๊ะชัดๆ อีกรอบ
เพิ่งจะถึงบางอ้อ...คุณพระ!! ตอนที่อยู่แถวหาดชาวเล มันเพิ่งพายไปได้แค่ 1 ใน 3 ของเกาะเองนี่หว่า
มิน่าเล้า พายยังไงก็ไม่เห็นพัทยาซักที

(ขอยืมภาพมาจาก Easy Lipe)

อาบน้ำด้วยความมึนๆ เอ๋อๆ มือยังสั่นหงึกหงักไม่หาย -*-
ก่อนนอนถึงกับเป็นไข้ ปวดเมื่อยทั้งตัว ต้องซัดพารากันคนละเม็ด
เฮ่ออออ...นี่เราไปออกรบมาหรือไงเนี่ย
สวดมนต์ได้แค่ครึ่งบท ต้องขออนุญาตคุณพระคุณเจ้ามาสวดต่อพรุ่งนี้นะคะ ลูกช้างไม่ไหวแล้วคร่า คร่อกกกกกก

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ
ของกินราคาแพงมาก  สงสัยถ้าเราได้ไปหลีเป๊ะ คงได้ตุนขนมไปกินด้วย

ทะเลสวยมากเลยค่ะคงต้องหาเวลาไปบ้างซะแล้วขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

เดี๋ยวกลับมาต่อนะคะ คุณแฟนร้องโหยหวนหิวข้าวแล้วอ่า -*- งิกๆ กระซิกๆๆ ไปหม่ำๆ แป๊บ

สวยมากเลยค่ะ อยากไปทะเลมากๆ  ^^

เห็นแล้วคิดถึงหลีเป๊ะจัง

รีวิวได้สนุกมากๆ ค่ะ ชอบจัง

ขอบคุณมากนะคะ

ชอบครับ

แอบขำ แอบลุ้นขึ้นฝั่งไปด้วย
ทะเลก็สวยมากๆ

อ่านเพลินเลยครับ

เติมพลังเรียบร้อย ^^ ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ
ไปต่อกันนะ...

เช้าวันรุ่งขึ้น...
กว่าเราจะลุกจากเตียงกันได้ก็ปาเข้าไป 10 โมงแล้ว เอื๊อกกกกก -*-
ตาลีตาเหลือกไปกินข้าวเช้า ดีที่เค้ายังไม่เก็บ

แอบลุ้นด้วยครับ ผมวางแผนจะกลับไปเที่ยวอีกรอบครับ ชอบมากครับ

ตามแผนที่วางไว้ วันนี้กับพรุ่งนี้เราจะไปออกทริปดำน้ำกัน 2 วัน
แต่มาตื่นเอาตอนไก่กลับบ้านนอนแล้วแบบนี้ -*- วันนี้เราคงต้องวางแผนใหม่

เราเปลี่ยนแผนไปเที่ยวเกาะอาดังกัน มีภารกิจ 2 อย่างที่เราตั้งใจจะไปทำที่เกาะอาดัง
คือดำน้ำตื้นและปีนผาชะโด

เมื่อได้แผนใหม่แล้ว ก็เลยไปเช่าหน้ากากดำน้ำจากรีสอร์ท และให้ที่รีสอร์ทติดต่อเรือข้ามไปเกาะอาดังให้หน่อย
ค่าเช่าหน้ากากคนละ 50 บาท
ค่าเรือข้ามฟากคนละ 50 บาท

วันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าสวยที่สุดในทริปนี้ แดดแรงมากๆๆๆๆๆ (เอ๊ะ หรือเป็นเพราะเราตื่นสาย)
จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่มาถึงเกาะหลีเป๊ะ เราเพิ่งเจอฝนไปครั้งเดียวเอง แถมยังเป็นตอนเช้ามืดซะด้วย ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ ^^

เดินลงไปที่หาด เรือมารออยู่แล้ว
ชอบพี่คนขับเรือลำนี้มาก ยิ้มแย้มตลอด เวลายิ้มเห็นแต่ฟันขาวจั๊วะ
เรื่อพี่เค้าชื่อ เทพทัวร์
นี่ถ้าเปลี่ยนเป็น เมพทัวร์ล่ะก็ คงจะถูกใจวัยเกรียนมิใช่น้อย

กำลังมุ่งหน้าไปยังเกาะตรงข้ามกับรีสอร์ทเรานี่เอง

พี่คนขับเรือ น่ารักมากๆ

ใช้เวลาแค่ประมาณ 15 นาที เราก็มาถึง เกาะ (นุ) อาดัง

ขึ้นมาถึงก็จะเจอกับอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือเสด็จเตี่ยที่เรานับถือ
ขอสักการะท่านกันก่อน หวังว่าวันนี้ลูกจะไม่เจอกับเรื่องระทึกขวัญแบบเมื่อวาน

เจอต้นสนเยอะๆ แบบนี้นี่แหละเกาะอาดัง

เกาะนี้เงียบสงบกว่าเกาะหลีเป๊ะมาก
มีบ้านพักของอุทยานราคาไม่แพง หรือใครจะพักเต็นท์ก็มีให้เช่า
ไฟเปิดปิดเป็นเวลา ไม่มีแสงสีใดๆ ธรรมชาติยังคงบริสุทธิ์
ถ้ามีโอกาสมาคราวหน้าจะลองมาพักที่นี่ดูบ้าง

ภารกิจแรกของการมาเยือนเกาะอาดังของเรา นั่นคือ การพิชิตผาชะโดเพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิว
ผานี้จะมีจุดชมวิว 3 จุด
จุดที่ใกล้สุดคือ view point 3 / 2 / 1 ตามลำดับ
เพื่อความไม่ประมาท เราได้ถามเจ้าหน้าที่ว่าจะไป view point 3 ใช้เวลาประมาณเท่าไหร่
เพราะเราต้องกลับมาให้ทันเรือข้ามกลับไปเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งมีให้บริการถึงแค่ 4 โมงเย็น

พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าเดินขึ้นไปที่จุดชมวิวแรกใช้เวลาประมาณ 25 นาที เดินลงอีก 25 นาที
แน่นอนว่า...เราไม่เชื่อ (ก็เมื่อวานบอกรอบเกาะ 2 ชม. เรายังใช้เวลาตั้ง 3 ชม.เลยนี่หว่า)

ทางเดินไปจุดชมวิวแรก 700 เมตร พี่เค้าว่าเป็นทางที่ไม่โหด
แต่ถ้าจะขึ้นไปต่อ view point 2 กับ 1 ทางหลังจากนั้นจะโหดพอสมควร
ให้เตรียมน้ำไปด้วย ข้างบนจะร้อนมาก

เราตกลงใจจะไปแค่ view point 3 พอละ เพราะดูเวลาตอนนั้นมันบ่าย 2 แล้ว เดี๋ยวจะกลับหลีเป๊ะไม่ทัน ถ้ามีเวลาเหลือจะได้ลงมาดำน้ำด้วย
แวะซื้อโออิชิ 1 ขวดจากร้านสวัสดิการ ขวดละ 30 บาท

รีวิวเก่งมาก อ่านได้เรื่อยๆไม่เบื่อเลย  
มารีวิวบ่อยๆนะคะ  ภาพสวยสวย  บรรยายได้อรรถรสดีคะ

เริ่มต้นเดินทาง ช่วงแรกทางดีมาก มีบันไดอย่างดี มีเชือกให้เกาะ
ไอ้เราก็นึกว่าจะเดินได้ชิลๆ ภูกระดึงก็ขึ้นมาแล้ว ไม่กลัวว้อย
แต่ไหงพอเดินขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วมันกลับจากหน้ามือเป็นหลัง...เลยฟระ -*-

อยากจะบอกว่าทางดิบมาก บางช่วงมีทางให้ขึ้นได้แค่พอดีตัว
แล้วขอโทษเถอะคร้าบบบ สภาพเรา 2 คนพร้อมมาเดินป่ากันมาก

กางเกงขาสั้น
รองเท้าแตะหูเกือบขาด (เป็นญาติกับนิกหัวเกือบขาด)
ถุงใส่หน้ากากดำน้ำ 2 ถุง (คิดว่าบนผาชะโดมันจะมีปะการังให้ดูมั้ง -*-)
ถุงใส่ของกันน้ำ 10 ลิตร
ขาตั้งกล้อง

เรียกว่าบ้าหอบฟางก็คงไม่ผิด ฮ่วยยยย พะรุงพะรังโคตร
ไหนคุณพี่เจ้าหน้าที่บอกว่าทางไปจุดชมวิวแรกมันยังไม่โหดไงล่ะค้า T__T
ถ้าจุดแรกยังขนาดนี้ แล้วจุดที่ 2 กับจุดที่ 1 มันจะขนาดไหนกันเนี้ยยยยยย

สภาพทางบางจุดยังมองเกือบไม่ออกเลยว่ามันเป็นทางที่สามารถไปต่อได้อ่ะ
แปลกใจมากที่เห็นใครๆ ที่มาเที่ยวเกาะอาดัง ต่างก็มีรูปถ่ายกับผาชะโดกันทั้งนั้น ไอ้เราก็นึกว่ามันชิลๆ ขึ้นง่ายๆ (อีกแล้ว)

ปีนเขาไป ภาพงูที่เจอเมื่อคืนแรกก็ตามมาหลอกหลอน บรึ๋ยยย อย่าเพิ่งโผล่มาตอนนี้เลยนะ
ฝูงพี่ยุงในป่านี้ก็ไม่รู้สืบพันธุ์มาจากดาวอังคารรึเปล่า ตัวก็โต กัดก็เจ็บ T__T
ถ้าบอกว่ามีจิ้งจอกหลงกรุงอยู่แถวนี้ก็คงจะเชื่อนะเนี่ย

ปีนขึ้นไปอยู่นาน เรียกว่าเป็น 700 เมตรที่ทรมานทรกรรมสังขารตัวเองมาก แทบจะหันหลังกลับหลายครั้ง
ยิ่งตอนหลังๆ ที่ใกล้ถึงจุดชมวิว เรียกว่าคลานขึ้นไปเลยจะเหมาะกว่า ทางโหดได้ใจ

ขึ้นมาถึงแถวนี้ ไม่รู้ถึงจุดชมวิวยัง ป้ายก็ไม่มีบอกเลย เดาเอาเองว่าใช่ - -“
คลานตะเกียกตะกายกันขึ้นมาเพื่อชมภาพนี้

ใครๆ ก็มักพูดว่า อยู่ที่สูงๆ ก็เปรียบเหมือนอยู่บนสรวงสวรรค์
แต่ตอนนี้เรากลับคิดว่า ข้างล่างที่มีทั้งหาดทราย มีทั้งทะเลนั่นต่างหากที่น่าจะเป็นสวรรค์
ก็บนนี้มันร้อนโฮกๆ อย่างกะอยู่ในกระทะทองแดง ถ้ามีต้นงิ้วอีกหน่อยล่ะใช่เลย

อยู่บนนี้ได้แปบเดียวก็ต้องขอจรลีล่ะคร้าบ โอกาสหน้าถ้ามาอีก เจอกันแน่ เจ้า view point 1
ก่อนลง ขอตะโกนให้ก้องฟ้า หลีเป๊ะจ๋า ฉันมาพักผ่อนหรือมาเข้าค่ายลูกเสือฟระเนี้ยยยยย
เมื่อวานพายเรือมาราธอน วันนี้ปีนหน้าผา จะมีฐานไหนให้ตะลุยอีกไหม ก๊ากๆๆๆ

ป.ล. ภาพนี้ขอตั้งชื่อว่า One Light One Shadow

ขาลง...แน่นอน เราใช้วิธีเดิม คือคลานกระดืบๆๆ อย่างไม่ต้องอายใคร
ลงมาก็เจอกับสวรรค์ ที่อยู่ใกล้แค่นี้เอง

หาดที่นี่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา น้ำใสกิ๊ง ทรายขาวจั๊วะ
มีหรือนางฟ้ากับสายชลจะอดใจไหว
ขอกระโดดให้สะใจหน่อยเหอะ อัดอั้นบนผามานาน

ในที่สุด เราก็ไม่ได้ดำน้ำ
เพราะตอนนี้ใกล้ได้เวลาที่เราจะต้องกลับฝั่งแล้ว

ขากลับ เราเดินไปที่ทำการอุทยาน ไม่เจอใครอยู่ที่นั่นเลย
แต่เจอพี่ๆ กลุ่มหนึ่ง ซึ่งเรานึกว่าเป็นคนขับเรือหาง เลยเดินเข้าไปถาม บอกพี่เค้าว่าจะข้ามไปฝั่งนู้น

พี่เค้ากำลังจะข้ามไปฝั่งนู้นเหมือนกัน เลยให้เราไปด้วย
แต่เรามารู้เอาตอนขึ้นเรือแล้ว ว่าพี่เค้าเป็นเจ้าของเรือยาง ไม่ใช่เรือหางรับจ้าง แหะๆ หน้าแหกเล็กน้อย

วันนี้ก็เลยได้นั่งเรือยางกลับฝั่ง อยากจะบอกว่าใช้เวลาแค่ 5 นาทีก็ถึงฝั่งแล้ว (ติดเครื่องแรงนะ จะบอกให้) พี่เค้าซิ่งได้ใจ
นั่งจนตรูดระบมไปตามๆ กันเลย มันกระแทกกับคลื่นมากอ่ะ กระเด้งกระดอน ^^ เป็นประสบการณ์ที่ประทับใจอีกแล้ว
ขอบคุณพี่ๆ ที่ใจดีอีกครั้งนะคะ ที่ช่วยพาเด็กโก๊ะมาส่งถึงฝั่ง โดยไม่คิดตังค์เลยซักกะบาทเดียว

บ๊ายบาย ผาชะโด บ๊ายบาย เกาะอาดัง...

แล้วก็ได้ฤกษ์เอาหน้ากากดำน้ำออกมาลองใช้ซักที ไม่รู้ว่าจะแบกไปที่เกาะอาดังทำไมให้เมื่อยตุ้ม
หน้าหาดของรีสอร์ทมีทั้งส่วนที่เป็นชายหาดให้เล่นน้ำ กับส่วนที่เป็นโขดหินให้ดำน้ำได้
เรียกว่าพักที่เดียวมีครบทุกอย่าง

นี่ก็เป็นการดำน้ำครั้งแรกของเราอีกแล้ว (อะไรๆ ก็ครั้งแรกไปโหม้ดดด -*-)
ยังดีที่ได้มาลองดำน้ำหน้าหาดก่อนไปออกทริปดำน้ำจริง เพราะกว่าจะเริ่มรู้แกวว่าต้องหายใจอะไรยังไงก็ทุลักทุเลกันไปพอสมควร

ตอนเริ่มดำน้ำก็รู้สึกกลัวๆ อีกละ เห็นอะไรขยุกขยุยดำๆ อยู่ใต้น้ำไม่ได้ ต้องกลัวทุกที แต่ดำไปได้ซักพักก็เริ่มโอเค
จุดดำน้ำหน้าหาดก็มีอะไรให้ดูเยอะเหมือนกันนะ ทั้งปลาตัวน้อยตัวจ้อยตัวใหญ่ ปะการัง หอยเม่น ปลิงก็มี

เราดำอยู่จนแสงอาทิตย์หมดนั่นแหละ ถึงกลับขึ้นบ้านไปอาบน้ำ

เกือบไม่ทันถ่ายแสงสุดท้ายของวัน เพราะมัวแต่ดำน้ำเพลิน
วันนี้วันพฤหัส สังเกตได้ว่าคนที่หน้าหาดหนาแน่นกว่าทุกๆ วัน คนไทยก็เยอะ คนเทศก็แยะ คงเริ่มทยอยมาเที่ยวกันแล้วสินะ

ป.ล. Mountain นี่มีสาวๆ มาพักเยอะนะ แถมสวยๆ หมวยๆ ทั้งนั้น เจริญตาดีแท้

อาบน้ำเสร็จแล้ว เดินไปที่ล็อบบี้ ตัดสินใจอยู่ว่าจะกินอาหารที่รีสอร์ทดี หรือจะไปถนนคนเดินดี
เห็นฟ้าแปล๊บๆ อยู่เป็นระยะ ฝนน่าจะใกล้มาละ แต่ก็อยากกินโรตี

กำลังตัดสินใจอยู่ ก็เจอนักท่องเที่ยวคู่หนึ่งเค้ากำลังจะให้รถไปส่งที่ถนนคนเดินพอดี
เราก็เลยตัดสินใจไปด้วยดีกว่า ไหนๆ เค้าก็ให้รถไปส่งแล้ว จะได้ไม่เสียเที่ยว

ก่อนลงจากรถก็ขอเบอร์พี่คนขับเอาไว้ จะได้โทรบอกให้มารับตอนขากลับด้วย
วันนี้ก็นึกไม่ออกอีกละว่าจะกินร้านไหนดี เผอิญเหลือบไปเห็นป้ายร้าน La Luna
เดินตามป้ายเข้าซอยเล็กๆ ของถนนคนเดินไปอีกที เคยได้ยินชื่อร้านนี้ในรีวิวที่ไหนซักแห่ง ก็เลยลองร้านนี้ละกัน

เมื่อวานซัดอาหารอีสาน ส่วนวันนี้ก็ล่ออาหารอิตาเลียน ตกลงนี่เรามาเที่ยวทะเลจริงๆ รึเปล่า -*-

ราคาอาหารร้านนี้ค่อนข้างแรงเอาการ แต่ปริมาณที่ให้ก็เยอะด้วย คงเน้นฝรั่งมากกว่า คนไทยกินไม่หมดอ่า
เมนูที่สั่งวันนี้ คือ พิซซ่าฮาวายเอี้ยน สปาเก็ตตี้คาโบน่าร่า ตบท้ายด้วย Coffee Blended เข้มๆ ซักแก้ว
รสชาติอาหารออกจะกลางๆ แต่ให้เครื่องเยอะ ชีสเยอะสะใจ
ค่าเสียหายมื้อนี้ 600 บาทพอดิบพอดี ถือว่าเป็นมื้อที่แพงที่สุดในทริปนี้เลย

หลังจากสั่งอาหารไปแปบเดียว สิ่งที่เรากังวลก็เกิดขึ้น...
ฝนเจ้ากรรม ไม่รู้อัดอั้นมาจากไหน ตกชนิดที่ว่าบ้าระห่ำ โลกาจะวินาศ ฟ้าสะเทือน ตกรุนแรงอะไรจะปานนี้
โชคดีที่นั่งอยู่ในร้านที่แข็งแรงหน่อย เจ้าของต้องปิดประตูร้านเพื่อกันลมพายุ

ตกหนักอยู่ประมาณ 1 ชม. ฝนก็เริ่มซาลง แต่ถ้าเดินออกไปตอนนี้ก็เปียกนะ
เราเลยตัดสินใจโทรหาคนขับรถที่ขอเบอร์ไว้ ปรากฎว่าติดต่อไม่ได้ เหมือนจะปิดเครื่อง เวรแล้วไง

โชคดีที่ในกระเป๋าเรามีโบรชัวร์ของรีสอร์ทอยู่ เราเลยโทรเข้าเบอร์รีสอร์ท
ทางรีสอร์ทบอกว่า ฝนยังตกหนักมาก คาดว่าจะเอารถออกไปตอนนี้ไม่ได้ ต้องรออีกซักพัก และยังมีลูกค้ารีสอร์ทติดอยู่ที่ถนนคนเดินอีกหลายกลุ่ม ยังกลับไม่ได้เช่นกัน

เราเลยคุยกับพนักงานของรีสอร์ทว่า ถ้าฝนเบาแล้วสามารถขับรถมารับได้แล้ว ช่วยโทรบอกเราหน่อยได้ไหม จะได้ไปรอที่จุดนัดพบ ให้เบอร์มือถือของเราไปเรียบร้อย พนักงานก็รับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ

นั่งรอไปจน 3 ทุ่มกว่าแล้ว ไม่มีวี่แววใครจะโทรมาเลยแฮะ เราเห็นฝนตกเบาลงมากแล้ว เลยเช็คบิลแล้วเดินออกไปดูที่จุดนัดพบดีกว่า
ไปถึงก็เจอรถกอล์ฟของรีสอร์ทพอดี แต่มีคนนั่งเต็มอ่ะ เราต้องรอคันต่อไป -*-

ยืนรออยู่นานมาก ไม่น่าต่ำกว่าครึ่งชม. รถก็ยังไม่มาซักที ท่ามกลางฝนปรอยๆ ยังดีที่ได้อาศัยชายคาร้านค้าแถวนั้น
เคืองมากที่พนักงานไม่โทรมาบอก ทั้งที่รับปากไว้แล้วว่าจะโทรมา อันนี้เคืองจริงๆ

ข้างๆ กัน มีฝรั่งยืนรออยู่ด้วย ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่าเค้ามายืนรอรถของรีสอร์ทเหมือนกัน
เค้าเข้ามาถามว่ายืนรอรถของ Mountain Resort ใช่ไหม เราก็ว่าใช่ คันก่อนหน้านี้เต็ม แต่นี่ก็ยืนรอมานานแล้ว ยังไม่มาซักที
สุดท้ายเราเลยตัดสินใจโทรเข้ารีสอร์ทอีกรอบ แต่โทรยังไงก็ไม่ติด มันเป็นเสียงเงียบไปเลย ไม่มีสัญญาณอะไรเลย มองดูนาฬิกา เห็นว่าเลย 4 ทุ่มมานิดนึงแล้ว เดาได้เลยว่าล็อบบี้คงปิดไปแล้วล่ะ ทำไงล่ะทีนี้ -*-

โชคดีที่รออีกซักพัก ก็มีรถลงมารับ เฮ้ออออ รอดไป 1 เปลาะ
แต่ความซวยของเรายังไม่หมดแค่นั้น...

ตามมาเที่ยวทะเลสวยๆคร้าบ

กลับมาถึงบ้าน ปรากฎว่าไฟดับอ่ะ บ้านฝรั่งที่ขึ้นรถมาด้วยกันก็ดับ
แล้วมันดันมาดับอยู่ 2 หลังแค่นั้นด้วยนะ อะไรจะแจ็คพอตปานนั้น -*-
เดินไปที่ล็อบบี้ก็มืดสนิท เงียบสงัด ร้างผู้คน สุดท้ายต้องไปเคาะประตูบ้านด้านหลังที่คิดว่าพอจะมีพนักงานอยู่
โชคดีมีพนักงานที่ยังไม่นอน ออกมาช่วยแก้ไขให้

เรื่องไฟดับก็พอเข้าใจนะว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัยในไหวิเศษ
แต่ไอ้เรื่องที่รับปากแล้วไม่โทรบอกนี่ มีเคืองอะ เหมือนรับคำไปงั้นๆ แต่ไม่ใส่ใจ อันนี้ก็ต้องเคืองกันบ้างเล็กน้อย
กว่าจะได้นอนในคืนนี้ก็เล่นเอาเซ็งไปเหมือนกัน
แต่ช่างเหอะ ไม่ได้คิดมากอะไร หัวถึงหมอนก็หลับคร่อกกกก กลางสายฝนพรำๆ

ตื่นเช้ามา ฝนหยุดตกตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ลองเสี่ยงดวงออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้น วันนี้จะได้เห็นป่าวน้า

หน้าหาดของรีสอร์ท มองเห็นเกาะอาดังยามเช้า เงียบสงบ อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้นานๆ

เดินพ้นหัวโค้งไปหน่อย ตามชายหาด มีคนมายืนรอชมพระอาทิตย์ขึ้นกันเต็มเลย
แล้วไม่นาน เราก็ได้เห็น
มันช่างเหมือนภาพในจินตนาการของเด็กอนุบาลที่ชอบวาดกันจัง
ภูเขา 2 ลูก มีพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาตรงกลาง อิอิ

ชายหาด พระอาทิตย์ และเวิ้งอ่าว
วันนี้ดูเหมือนมีเมฆมาก แต่ก็ยังได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น

ถ่ายรูปได้นิดหน่อย ก็ว่าจะกลับบ้านไปนอนขดต่อซักหน่อย
ถ่ายให้เห็นบ้านที่เราพัก กับทางที่เจองู และดงป่าทึบที่พี่เค้าช่วยเขี่ยงูกลับบ้าน
ไม่น่าเชื่อว่าดงดิบนั่นจะเป็นบริเวณของรีสอร์ทเพื่อนบ้าน ซึ่งกำลังจะเปิดให้บริการในช่วงหน้าไฮที่กำลังจะมาถึงนี้

ถ่ายภาพคู่ที่พักทั้ง 2 หลังของเราในทริปนี้ไว้เป็นที่ระทึก

นอนขดได้อีกซักพักก็ออกมาทานอาหารเช้า
แวะถามที่ล็อบบี้ซักหน่อยว่าวันนี้จะมีคนเหมาเรือออกไปดำน้ำไหม
ปรากฎว่ามี 4 คน เราเลยไปขอแจมกับเค้าด้วย
ค่าเรือเหมากับรีสอร์ทลำละ 2,000 บาท ไม่รวมอาหารและหน้ากากดำน้ำ

สรุปแล้ว ทริปดำน้ำของเราวันนี้ มีเพื่อนร่วมเดินทางทั้งหมด 6 คน
หารกันแล้วตกประมาณคนละ 350 บาท
เป็นทริปดำน้ำรอบไกล ไปทัวร์ทั้งหมด 7 เกาะ

เริ่มเกาะแรกที่เกาะหินซ้อน

เสียดายเพื่อนร่วมเดินทางในเรือไม่มีใครพกยัยกล้องใต้น้ำตัวร้ายกันมาเลยซักคน
นั่งเป็นหมาหงอยอยู่บนเรือ งานนี้เลยได้แต่ภาพบนบกมา แอบเศร้าเล็กน้อย ชิชิ
แวะดำน้ำจุดแรกที่แถวๆ นี้

จุดที่ 2 ที่ให้แวะดำน้ำกัน คือเกาะไผ่
ที่นี่มีปะการังเยอะแยะให้ชม

จุดที่ 3 คือเกาะรอกลอย จุดนี้ไม่ได้ดำน้ำ
แต่เป็นเกาะที่ให้เราแวะพักทานข้าวกลางวันกัน

น้ำที่เกาะนี้ใสสุดยอด แถมปลาเยอะแยะเต็มไปหมด เห็นได้จากผิวน้ำเลย
เม่นทะเลก็มีอยู่เป็นฝูง แต่เต่าตัวลายนี่ไม่มีให้เห็นนะ

อาหารกลางวันมื้อนี้เราสั่งเป็นข้าวกล่องจากรีสอร์ท
ตอนสั่งนั้นรีบมาก ไม่ทันได้ดูเมนู เลยเอาข้าวไข่เจียวมา 2 กล่องเลยละกัน ง่ายๆ ดี
ในบิลเห็นเขียน 80 บาท ควักแบ๊งค์ 100 ให้ พนักงานบอกว่า กล่องละ 80 บาทค่ะ เอื๊อกกกก นึกว่า 2 กล่อง 80
รู้งี้สั่งแบบมีเนื้อมีหนังหน่อยดีก่า

อิ่มท้องแล้ว เจ้าหมูอ้วนจอม (บ้า) พลังข้างๆ ก็เกิดฮึดขึ้นมา อยากปีนขึ้นไปถ่ายรูปบนจุดชมวิว
งานนี้เราขอบายก่อนละกัน ยังขยาดกับคุณพี่ชะโดเมื่อวานอยู่เล็กน้อย ฮ่าๆๆๆ

จุดที่ 4 ของทริปดำน้ำในวันนี้...เกาะราวี
หาดทรายที่นี่ขาวสุดยอดจริงๆ น้ำก็ใส แต่มีขยะเยอะไปหน่อย
ใครจ่ายค่าธรรมเนียมขึ้นเกาะไว้แล้ว อย่าลืมเอาบัตรไปด้วยเน้อ
เกาะนี้สามารถเดินเล่นรอบเกาะหรือเล่นน้ำได้ แต่ไม่อนุญาตให้ดำน้ำนะ

ต้นไม้ยืนตายซาก มุมมหาชนนิยม ห้ามพลาด

จุดที่ 5 เป็นจุดดำน้ำอีกจุดหนึ่งที่เกาะยาง
ปะการังกับปลาที่นี่ก็เยอะ มีเพื่อนในกลุ่มแอบเจอน้องนีโม่ด้วยนะ

จุดที่ 6 เป็นเกาะหินงามยอดฮิต
อย่าลืมใส่รองเท้าลงไปด้วยนะ เพราะหินมันจะร้อนมาก
เอ้า!! ใครอยากจะเรียงหินขอพร เชิญเลยคร้าๆๆๆ

เล่าเรื่องสนุกมากเลยครับ เหมือนได้ตามไปเที่ยวด้วย  อ่านไปฮาไป

จุดดำน้ำสุดท้ายของวันนี้...ร่องน้ำจาบัง
ไม่มีรูปให้ชมกันนะ เพราะไม่รู้จะถ่ายอะไร แหะๆ

ที่นี่เป็นจุดที่มีปะการังสีสวยๆ ให้ชม เศร้ามากที่ไม่มีกล้องใต้น้ำ
น้ำที่นี่ไหลแรงมาก เวลาจะชมปะการังต้องเกาะเชือกไว้ด้วย ไม่งั้นคงได้ไหลไปตามน้ำแหงๆ
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่น้อยที่สุดในบรรดาเกาะทั้งหมด เพราะว่ายต้านกระแสน้ำมันเหนื่อยงิ

เป็นอันจบทริปดำน้ำรอบไกลของเราในวันนี้

ประมาณ 4 โมงเย็นก็กลับถึงรีสอร์ทแล้ว
วันนี้จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้พบเจอเรื่องตื่นเต้นผจญภัยอะไรเหมือนวันที่ผ่านๆ มา เรียกได้ว่าเป็นวันชิลๆ อย่างแท้จริงเลยมั้ง
แต่ถึงยังไงก็ยังรู้สึกเหนื่อยอยู่ไม่เบาแฮะ สงสัยเหนื่อยสะสมมาหลายวัน
รีบอาบน้ำแล้วไปกินโรตีที่ถนนคนเดินดีกว่า กรั่กๆๆ

อาบน้ำเสร็จออกมาที่ล็อบบี้ ให้รถไปส่งที่ถนนคนเดิน
ปรากฎว่าบรรยากาศเหมือนเมื่อวานเด๊ะเลย -*- ฟ้าแล่บแปลบปลาบอยู่เป็นระยะ ธ่อออ โรตีของช้านนนน

ไหนๆ ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะได้ชิม พลาดครั้งนี้คงเสียดายแย่ เป็นไงเป็นกัน
เราตัดสินใจมุ่งหน้าไป นุชโรตี
ข้าวเขิ้วไม่สนใจละ ขอชิมโรตีเลื่องชื่อก่อน อิ่มข้าวทีไรอดกินทุกที วันนี้ซัดโรตีก่อนเลย

เห็นเมนูแล้วลายตาไปหมด เลือกไม่ถูกเลยหลับตาจิ้มเอาจากเมนูฮิตมาซักอย่างนึงแล้วกัน
โรตีไอศกรีมใส่สับปะรด
ชิมแล้วอยากกระโดดกรี๊ดซัก 10 รอบ นี่เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดของทริปนี้ ประทับใจม๊ากกกก
ค่าเสียหายจานละ 70 บาท

ได้กินโรตีสมใจแล้ว ก็มองหาร้านอาหารกันต่อ
มื้อสุดท้ายแล้วขอเป็นอาหารทะเลซักมื้อเถ๊อะ มาทะเลทั้งทีเดี๋ยวจะเสียชื่อหมด ^^

ใช้หลักการเดิม ร้านไหนคนเยอะก็เข้าร้านนั้นแหละ
เปิดดูเมนูหน้าร้านซักเล็กน้อยก่อนเข้า ราคาดูย่อมเยากว่าร้านอื่น จัดไปโลด

ร้านนี้คนเยอะจริงๆ แขกนั่งเต็มทุกโต๊ะ (จริงๆ ต้องเรียกว่าฝรั่งถึงจะถูก) เราเป็นคนไทยโต๊ะเดียว
โชคดียังแอบมีโต๊ะว่างอยู่ตัวนึงหน้าห้องครัว

นั่งรออาหารอยู่นานแสนนาน เกือบชม.นึงได้ เอ่อ -*- หรือว่าที่แขกเยอะก็เพราะอาหารมันช้ากันฟระเนี่ย
มองไปโต๊ะข้างๆ เห็นฝรั่งเกือบ 10 คน พี่แกเล่นสั่งแกงถ้วยที่คนไทยกินกันได้ทั้งบ้าน มาคนละถ้วยแล้วราดข้าว เอิ่มมม ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมถึงได้อาหารช้า

อาหารมาแว้ววว...จานแรก ปลาหมึกชุบแป้งทอด จานนี้อร่อยเหาะ น่าเสียดายจานมันเล็กทาโร่ไปหน่อย
ในรูปนี่ยังไม่ได้กินเลยนะ ลองนับดูมีกี่ชิ้น :P
จานต่อมา ต้มยำทะเลรวมมิตร ชามนี้ก็แซ่บซะ แอบสงสัยว่าฝรั่งกินกันได้ไงหว่า มันเผ็ดง่ะ
จานสุดท้าย ปลาราดพริก มากันอย่างกระจุ๋มกระจิ๋มทุกจาน ก็ตามราคาเนาะ

รสชาติร้านนี้ถือว่าใช้ได้เลย อร่อย ราคาไม่แพง ตามปริมาณ เป็นอีกมื้อที่ประทับใจ
ค่าเสียหายมื้อนี้ 390 บาท

เมื่ออิ่มสบายท้องแล้ว ก็ถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้วสินะ
ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้ไปเลย เพราะนั่นหมายความว่าเราเหลือเวลาแห่งความสุขบนเกาะหลีเป๊ะน้อยเต็มที
 
คืนนี้หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ตัวเลย.....

ตื่นมาอีกทีตอนเช้า ตาลีตาเหลือกเก็บกระเป๋าแล้วรีบไปทานข้าวเช้า
ก่อนออกจากรีสอร์ทยังพอมีเวลาถ่ายภาพเล็กน้อย
บ้านหลังนี้อยู่ถัดจาก Deluxe ขึ้นมาหน่อย ชื่อบ้าน A8 เป็นอีกหลังที่มองเห็นวิวทะเลได้ และราคาไม่แพงด้วย เพราะเป็นห้องพัดลม
ใครสนใจเก็บไว้เป็นตัวเลือกก็ได้นะ

ได้เวลาต้องกลับแล้ว T__T เศร้ามากถึงมากที่สุด ฮือๆๆ
ก่อนกลับให้ไปถามที่ล็อบบี้ บอกว่าเราขึ้นเรือของบริษัทอะไร และรอบกี่โมง เค้าจะบอกเราเองว่าวันนี้ให้ไปขึ้นเรือที่ไหน

เรือขากลับปากบารามี 2 รอบ คือ 9.30 และ เที่ยงครึ่ง
เราเลือกกลับรอบ 9.30 เพราะตั้งใจไว้ว่าจะไปเดินเล่นซื้อของฝากที่ตลาดก่อนกลับบ้าน
เราต้องออกจากรีสอร์ทตอน 8.30 เพราะวันนี้เรือจะออกจากหน้าหาดพัทยา และต้องไปเช็คอินล่วงหน้า
รถกอล์ฟของรีสอร์ทมาส่งให้ถึงหน้าหาด เช็คอินที่วารินทร์รีสอร์ท

ลาก่อนนะ Mountain คงคิดถึงที่นี่แย่เลย T___T

มาถึงแล้วก็รีบไปเช็คอินที่โต๊ะทางด้านซ้ายมือ ได้คิวที่ 44-45 -*- แย่กว่าตอนขามาซะอีกแน่ะ

ผู้คนล้นหลาม ทั้งหมดนี่จะต้องขึ้นเรือลำเดียวกัน
ขากลับนี่คนเยอะกว่าขามา มียืนในเรือกันด้วย -*-

ถ้าเลือกได้ กลับรอบเช้าให้มองหาที่นั่งฝั่งซ้ายไว้จะดี เพราะจะไม่โดนแดด
ส่วนถ้าในกรณีคนเยอะแบบนี้ มองหาที่นั่งเอาไว้ก็พอแล้ว ขอให้ไม่ต้องยืนก็พอ อิอิ

มาถึงท่าเรือปากบาราเกือบๆ เที่ยง
ต่อรถตู้ไปถึงหาดใหญ่ประมาณเกือบบ่าย 2 ในตัวเมืองหาดใหญ่วันนี้รถติดยังกะอยู่ในกรุงเทพ
บอกพี่คนขับให้ช่วยแวะส่งที่ตลาดกิมหยงตามที่หาข้อมูลมาว่ามีของฝาก

เหลือเวลาให้เดินช้อปปิ้ง + กินข้าวประมาณ 3 ชม. เพราะเครื่องออกตั้งทุ่มยี่สิบ
เอาเข้าจริงๆ เดินแค่ 10 นาทีก็ทั่วแล้ว -*- เอ่ออออ...รู้งี้ออกจากหลีเป๊ะรอบเที่ยงครึ่งก็ทันถมถืด ฮ่วยยย

ของที่ขายในตลาดก็จะคล้ายๆ กันหมดทุกร้าน ที่เห็นเยอะๆ ก็พวกพืชตระกูลถั่ว โดยเฉพาะพิสตาชิโอที่เค้าว่าน่าซื้อ
เกาลัดก็มีเยอะหลายสายพันธุ์ทั้งจีน ญี่ปุ่น
ขนมชายแดน พวกช็อกโกแลต แครกเกอร์
นอกนั้นก็เป็นพวกผลไม้สด

ซื้อของฝากเสร็จก็หาไรใส่ท้องซักหน่อย เดินมั่วๆ ไปทางวัดฉื่อฉาง

ก็จะเจอร้านลุยไปกินมติชนแนะนำ เลยลองซะหน่อย
ชื่อร้านบะหมี่เจ๊อ้วน ขายบะหมี่ เกี๊ยว หมูแดง เป็ดย่าง

จัดไป น้ำกับแห้งอย่างละชาม
ของเค้าดีจริงไรจริง หมูแดงนุ่มมากๆ
ค่าเสียหาย 60 บาทเท่านั้น

เดินกลับทางเดิมเพื่อกลับไปตลาดกิมหยงอีกครั้ง
ระหว่างทางมีร้านกาแฟ + ขนมปัง ร้านเล็กๆ ตรงมุมถนน ห้องแอร์ แถมมี Wi-Fi ฟรีให้ใช้ด้วย อากาศตอนนั้นกำลังร้อนระอุเลย ขอเข้าไปหาอะไรเย็นๆ กระแทกพุงซะหน่อย
ร้านอีส by Coffee D

สูง ขาว ผอม เพรียว
อ้วน ล่ำ ดำ เตี้ย
เหมือนคู่ของเราป่าวน้า ก๊ากๆๆ

นั่งๆ นอนๆ กินๆ สมควรแก่เวลา ก็เดินย้อนกลับมาทางตลาดกิมหยง
มองหารถสองแถวสีฟ้าหลังคาสูงที่เขียนว่า “ขนส่งสนามบิน” ตัวบักเป้งให้เจอแล้วกระโดดขึ้นไปเลย

ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีถึงสนามบินหาดใหญ่ อย่าลืมเผื่อเวลายืนรอรถไว้ด้วยนะ
ค่ารถคนละ 20 บาท

น้ำใสแจ๋วจัง...^^

มาถึงช่วงสรุปผลของผู้ช่วยตัวโกงตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น
ขอสรุปว่า ครีมกันแดดเอาไม่อยู่จ้า T___T ทั้งตัวทั้งหน้า

หน้าคล้ำลงไปครึ่งซีก ซีกที่อยู่ใต้ปีกหมวกรอด
แขนนี่ไม่ขอบรรยาย ดูภาพเอาเองนะ แดดเผาแดงเป็นตรูดลิง
ส่วนขา รอด เพราะมีเลกกิ้งช่วยชีวิตเอาไว้ ถึงไม่ดำแต่ตุ่มพรึ่บเพราะรอยจารึกของฝูงยุงบนผาชะโด ฮ่าๆ

จริงๆ ครีมกันแดดก็น่าจะกันอยู่ระดับนึงนะ แต่ต้องขยันทาบ่อยๆ หน่อย
ส่วนเรามันพวกขี้เกียจ ทาแค่ครั้งเดียวก่อนออกจากบ้าน มันเลยเป็นฉะนี้
คราวหลังคงต้องเลกกิ้ง + แขนยาวแหละ กันได้ดีที่สุด

สรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ของทริปนี้ เผื่อเป็นแนวทางของคนที่จะไปเที่ยวหลีเป๊ะเองแบบไม่ง้อ Package

ทริป 5 วัน 4 คืน ไม่รวมตั๋วเครื่องบินและของฝาก สำหรับ 2 คน
- ค่ารถตู้ + เรือ ไป – กลับ                                2,200
- ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน                                     80     
- ค่าที่พัก 4 คืน แอร์ + น้ำอุ่น + วิวเลิศ             7,680
- ค่าอาหาร กินดีบ้าง เลวบ้าง รวบบ้าง 555+    2,005 
- ขนม น้ำ เล็กๆ น้อยๆ ระหว่างทริป                     435
- พายเรือคายัค 3 ชม.                                          450
- เช่าเรือไปเกาะอาดัง (ขากลับฟรี)                      100
- เช่าหน้ากากดำน้ำ 2 วัน                                     200
- จอยทริปดำน้ำ 1 วัน รอบไกล                           700
- รถสองแถวกลับสนามบิน                                    40
รวมทั้งสิ้น                                                       13,890

ดังนั้นค่าใช้จ่ายต่อ 1 คนโดยประมาณ เท่ากับ 6,945 บาท

ใครขี้เกียจอ่านรีวิว ก็ลองชมบรรยากาศรวมๆ ของทริปนี้ผ่านคลิปได้
Part 1

Part 2 มีบรรยากาศตอนพายเรือรอบเกาะมหาสนุก

ขอลากันไปด้วยภาพนี้ ความรักจากเกาะหินงาม

ขอบคุณ BP ที่เป็นแหล่งวัตถุดิบข้อมูลชั้นเยี่ยม
ขอบคุณน้องหางแดง ที่ทำให้ความฝันในการเดินทางของเราเป็นจริง
ขอบคุณ Mountain และพนักงานทุกคน ที่ทำให้เราได้รับความประทับใจกลับบ้าน
ขอบคุณเพื่อนใหม่ระหว่างการเดินทาง ที่ทำให้เรารู้จักคำว่ามิตรภาพ
ขอบคุณชาวใต้ ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และยินดีช่วยเหลือคนแปลกหน้าอย่างเราตลอดเวลา
ขอบคุณธรรมชาติที่สร้างเกาะหลีเป๊ะขึ้นมาเป็นสมบัติของเมืองไทย
ขอบคุณทุกความเห็น ทุกกิฟ ทุกกำลังใจที่มีให้กับรีวิวแรก
ขอบคุณทุกล็อกอินที่ยอมให้พาดพิง

และสุดท้าย ขอขอบคุณคนข้างๆ ที่ไม่เคยทอดทิ้งกันในยามยากลำบาก
เพิ่งได้มารู้ทีหลัง เค้าบอกว่าตอนพายเรือ 2 ชม.สุดท้าย เค้าไม่หยุดพาย ไม่หยุดพักเลย เพราะเห็นสีหน้าเราไม่ดี
คิดแต่ว่าจะทำยังไงให้เราขึ้นฝั่งได้ปลอดภัย T__T ขอบคุณตะเองจริงๆ นะที่เป็นห่วงเค้าตลอดมา
ขอบคุณฟ้า ที่พาให้เรามาเป็นคู่กัน

P.S. i love you รักตะเองตลอดไป

อยากไปหลีเป๊ะจังเลยค่ะ สวยทุกมุมมอง
ดูอีกรีวิว เขาซื้อ package กับรีสอร์ท
เหมารวมทุกอย่าง รู้สึกสะดวกดีนะคะ
ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวแรกที่ทำออกมาได้สนุก+ข้อมูลเพียบอีกตะหาก (มีคลิปอีกด้วย) เด็ดจริงๆ  

หลีเป๊ะสวยงามมากเลยค๊าบบ

คงต้องรอเจ้าตัวแสบโตก่อน ถึงจะไปได้

เห็นเอาชื่อเพื่อน ๆ มาผสมในรีวิวด้วย อ่านแล้วน่ารักดีครับ

ตอนพายเรือรอบเกาะ ผมอ่านตามแล้ว ยังตื่นเต้นแทนเลย ฮ่า ๆ คนไม่เคยพายเรือด้วย

ถ้าเป็นผมน่ะ คงทำไรไม่ถูกเหมือนกันน่ะ กดดัน ๆ

ขอบคุณที่รีวิวทะเล สนุก ๆ ให้ชมกันครับ

ขอบคุณสำหรับ รีวิวนะครับ

จะเดินทางไปหลีเป๊ะเหมือนกัน เดินทางพรุ่งนี้

ตื่นเต้นกว่าเดิมอีก หลังจากดูรีวิวของ จขกท

"อิจฉาตาร้อน"

ขำตอนพายเรือ
ขอบคุณข้อมูลรถตู้น่ะ

คุณ...
นู๋บัวจ้า
สายลมแห่งวิงค์
Capt_Jook9
mikasuki
CCE9PASS
PumPui Pop
cat_on_a_hot_tin_roof_
ข้าวปุ้นจอมยุ่ง
seafrog
kunsai
the Sixth Floor
miroslav
แมงซุ่มมืด
Travelmax
ออร์-ฟิ-อุส_orpheus
Palm Jung Won
sa_bkk
Palm Jung Won
Zulkifli
kurt_cobain
Gabi
ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบ และแวะเข้ามาทักทายนะคะ ^^

BlUeMoOnInSpIrE เอ๊ะนี่มันใครแอบปลอมตัวมานะ 555+

คุณ davinci_kung เที่ยวสนุกเดินทางปลอดภัยจ้า แล้วอย่าลืมไปพายเรือนะ :P

ขอบคุณทุกกิฟด้วยน้า เพิ่งเคยได้กิฟเยอะแบบนี้ครั้งแรกในชีวิต :)

มาเกาะรีวิวไปเกาะด้วยคน  ^^

ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

รีวิวสนุกดีค่ะ ช่วงพายคายัค ฮามาก

ตามมาแล้วคร่าาาาาาาาา  

เขียนรีวิวได้สนุกมาก ๆ เลย

ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นรีวิวแรกนะคะ  เห็นแอบมีแซวคนโน้นคนนี้เต็มไปหมด อ่านเพลินดีค่ะ

เห็นรีวิวแล้วคิดถึงหลีเป๊ะจังเลยเนอะ  อยากไปอีกจัง

ขอบคุณมากครับ

ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ  ^^
อยากไปบ้างจังง

สุดยอดทะเลเลยครับสำหรับที่นี่เป็นทะเลที่อยากไปมากที่สุดแล้ว
ยังกับสวรรค์จริงๆ

คุณ...
RiverNoReturn
sujin_korn
aonlin
kenjirew
Ms.Simple
Destiny-Boy
ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมจ้า ^0^

คุณ Salmon Lover คิดถึงหลีเป๊ะมากๆ เหมือนกันเลย
ว่าแต่ว่า..ตกลงเราเคยเดินสวนกันมั้ยน้า

ชมเพลินเลยค่ะรีวิวนี้ ที่พักบนหลีเป๊ะเห็นวิวทะเลได้สวยมากๆเลยนะคะ

เกาะราวีน้ำก็ใสสวยเช่นกัน ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

อ่านจบแล้ว...^_^ ขอบคุณสำหรับรีวิวน่ารักๆนะครับ
ทำให้อยากไปเที่ยวบ้าง  ^^  แต่คงไม่ไปพายเรือนะ 55

ชมรีวิวนี้ ประทับใจมาก

เหมือนร่วมเดินทางไปด้วยเลย

ขอบคุณรีวิวดีดี ขอบคุณข้อมูล ขอบคุณอารมณ์ขันแม้นยามเหนื่อยล้าที่ทำให้เราฮาได้ ^^

บอกได้คำเดียวว่า ชอบมากกกกก

รีวิวสวยมากและบรรยายได้เก่งมากอ่านไปขำไป

อยากบอกว่า....กระทู้นี้ได้ใจผมเต็มๆ เลยอ่ะ

ผมกำลังจะไปหลีเป๊ะ วันจันทร์นี้ พัก 3 คืน ที่เมาท์เท่นเหมือนกัน  จึงบอกว่ามันเหมือนแรงบันดาลใจนะ  ผมจะไปพายเรือบ้างง

น่าจะเคยเดินสวนกันนะคะ เหมือนจะเห็นจขกท. อยู่ในกล้องเราน๊าาาาาา

เป็นรีวิวที่ครบรสมากๆ โหด มัน ฮา และท้ายๆมีแอบหวานด้วย :)
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ละเอียดมากๆ น่ารักที่สุด

ปล. ห้องวีไอพีที่เป็นแอร์เตียงเดี่ยว มีที่เห็นทะเลได้บ้างมั๊ยคะ
หรือแนะนำห้องไหนดีที่วิวสวยๆ ขอบคุณค่ะ

คุณคนช่างฝัน สาวข้างบ้าน - ขอบคุณนะคะ จริงๆ ล็อกอินนี้เราพยายามหาที่ลงอยู่นะ เป็นล็อกอินที่คุ้นหูมากๆ อ่า แต่นึกไม่ออกว่าจะลงตรงไหนดี แหะๆ

คุณจ็อบ - 555555555555+

คุณหมึกนึ่งมะนาว กับคุณ pumper_girl - ขอบคุณมากค่าาาา ขอบคุณที่แวะเข้ามาน้า ^^

คุณ~ก้านกฤษณา~ - ขอแสดงความยินล่วงหน้ากับความระทึกที่คุณกำลังจะพบเจอ อิอิ จะรอชมรีวิวอย่างใจจดใจจ่อนะคะ
ป.ล. แต่ถ้าคลื่นแรงเกินไป อย่าเสี่ยงนะคะ ลองถามเจ้าของเรือก่อนด้วยน้า ว่าคลื่นลมแบบนี้จะรอบเกาะได้ไหม :)

คุณ Salmon Lover - เห็นรูปแล้วก๊ากเลยอ่ะ 555555555+ นั่นเราเจอกันจริงๆ ด้วย
เพราะชุดนี้ใส่เล่นน้ำ 4 วันรวดไม่เคยเปลี่ยนเลย...เฮ้ยยย นี่เราพูดอะไรออกไปนะ

คุณ Fiona the Princess - เราเคยถามทางรีสอร์ท ห้อง VIP เตียงเดี่ยวรู้สึกว่าจะไม่มีที่เห็นทะเลเลยอ่ะค่ะ
จากรูป VIP จะอยู่เรียงถัดกันขึ้นไปบนเขา หลังแรกสุดจะเป็น VIP1 ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ ตอนแรกรีสอร์ทเค้าเคยจองให้เรา VIP18 เป็นเตียงเดี่ยวอ่ะ
เราคิดว่าคงอยู่ไกลจากทะเล และเดินเหนื่อยมากๆ เลยค่ะ

แต่รู้สึกจะมี VIP บางส่วนที่อยู่หลังห้อง Deluxe ด้วยนะคะ น่าจะมีหลังที่พอเห็นทะเลบ้าง แต่ไม่แน่ใจเรื่องเตียง
ลองถามกับทางรีสอร์ทโดยตรงเลยดีกว่าค่ะ จะได้ชัวร์ ที่นี่รีเควสท์ห้องได้ค่ะ ถ้าห้องยังว่าง

ถ้าถามเรื่องห้องไหนที่วิวสวยๆ เราว่าเป็นห้อง Deluxe นะ ทุกห้องวิวสวยหมด เห็นทะเลทุกห้อง เลือกได้เลยว่าชอบบนเขาหรือหน้าหาด
แต่ถ้าเป็น New Deluxe จะเห็นทะเลได้เต็มๆ ตามากกว่า Deluxe แบบเก่า เพราะเป็นห้องสร้างใหม่เอี่ยม กระจกรอบข้างเลย

แต่ถ้าไม่ติดเรื่องเตียง เราคิดว่า VIP1 แจ๋วที่สุดแล้วค่ะ :)

รีวิวสนุกดีค่ะ ชอบตรงที่เเอบมีชื่อล็อคอินแฝงในกระทู้ เราจองหางเเดงไว้กพ.นี้จะไปพายเรือตามรอยเจ้าของกระทู้นะคะ

เต็มอิ่มมาก.. รูปเยอะ ข้อมูลเพียบ เหมือนได้ไปเที่ยวเองเลย ^^

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

เป็นรีวิวที่ครบเครื่อง ครบรสอีกรีวิวนึงเลยทีเดียว

อ่านเรื่อง + ดูรูป เพลินดีจัง..

ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆและรีวิวที่สนุกมากๆ อ่านไปทั้งฮาและลุ้น


   ตัวดิฉันไปหลีเป๊ะนับครั้งไม่ถ้วนไม่เคยเบื่อเลย ปีหน้ากลับเมืองไทย
มีนา ก็จะไปหลีเป๊ะอีกครั้ง ครั้งนี้มีนัดกับเพื่อนห้องบลูด้วย เพราะไปช่วงเวลาเดียวกันพอดี

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

หลีเป๊ะสวยมากครับ ยังไม่เคยไปเลย ต้องลองบ้างซะแล้ว ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

ยอดเยี่ยม รีวิวได้สนุกมากค่ะ แล้วมีรีวิวที่อื่นๆอีกนะ

...และเราก็มีเป้าหมายถัดไปแล้วล่ะ ปีหน้า ชั้นจะไปหลีเป๊ะมั่ง

คุณหลานยายสาคร ขอให้สนุกสุดเหวี่ยงไปเลยนะคะ ^^ ถ่ายรูปมาอวดด้วยน้า

คุณ...
Holly
คุณชายลังเล
tonhok
Sea compass
ขอบคุณที่แวะเข้ามาเป็นกำลังใจให้นะคะ อิอิ จุบุๆๆๆ

คุณทะเลดาวอาบแสงจันทร์ ได้ไปหลีเป๊ะตั้งหลายครั้งแน่ะ แอบอิจฉา >,<

คุณ clip_pee ต้องไปหลีเป๊ะให้ได้น้า แล้วจะหลงรักไม่รู้ตัว

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ผมกำลังจะไปเดือนหน้าพอดีครับ

ดูแล้วเหมือนได้ไปเลยครับ ขอบคุณมากครับ

เดี๋ยวจะไปตามรอยนะคะ

ปล. จขกท  รีวิวได้น่ารักมากๆค่ะ ^^

จะไป หลีเป๊ะ 26-28 นี้
มีใครไปช่วงเดียวกันบ้างไม๊คะ อิอิ

ขอบคุณ จขกท ที่มารีวิวให้ดูกันนะ ^^

คุณจอมซนคนใต้ เที่ยวให้สนุกนะคะ แล้วเที่ยวเผื่อเราด้วยน้า อิอิ ^^

คุณ SoMeDay..SoMeOnE ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมรีวิวนะค้า จุ้บๆๆ

คุณน้องเหมียวสีสวาด อยากไปด้วยอีกรอบจัง >.< อย่าลืมไปพายเรือนะคะ โฮะๆๆๆๆ

ยาวมาก ไว้ถ้ามีโอกาสจะตามรอยนะครับ แต่คงไม่พายคายัครอบเกาะนะ

คุณ Coffee Blended 1 ใน Idol ที่ถูกพาดพิง
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมนะคะ ^^

แอบเห็นอ.ชานไม้ด้วย >.< กรี๊ดดด

ขอบคุณทุกคนสำหรับกิฟด้วยน้าๆๆๆๆ

 ขอบคุณรีวิวสนุก รูปสวยมากๆค่ะ  เข้ามาชมช้าไปหลายวันไม่ว่ากันนะคะ 

โอววว...คุณสาวหน้าใสคะ ไม่ช้าเลยค่ะ ^^ ขอบคุณมากๆ ที่แวะเข้ามานะคะ จุ้บๆๆๆ

พายกันเอาเป็นเอาตาย ชนิดที่ว่าจะไปลงแข่งทีมชาติกันเลย

ชอบมากเลยค่ะ รีวิวได้เห็นภาพ น่ารัก และตลกมากเลยค่ะ

^__________^ เป็นกำลังใจให้และขอบคุณกับรีวิวนี้นะคะ
ยังไม่เคยไปหลีเห๊ะเลย แต่คิดว่าต้องไปให้ได้เลย

คุณ iampingza ขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจนะคะ อิอิ ^^

อ่านสนุกเพลินดี ฮาและขำดีนะ
ทำให้อยากไปบ้าง
เก่งนะ ที่ไปผจญภัยเองได้ขนาดนี้
ดีใจด้วยที่เจอคนเคียงข้างที่ทำให้มีความสุข
อยู่ดูแลและผ่านอะไรๆไปด้วยกัน

ขอบคุณสำหรับรีวิวสนุกๆ ภาพสวยๆ ปีที่แล้วก็พักที่เมาเท่นเหมือนกัน  เงียบสงบ น้ำทะเลสวยมาก วิวสวยมาก  เดือน กุมภา 55 จะไปอีก ได้ตั๋วหางแดงเรียบร้อยแล้ว  (0 บาท) ติดใจบรรยากาศ กับโรตี

เข้ามาช้าไปไหนเนี่ยยย

มาอ่ายเจอ คห. 7 แหม๋ แหม๋

คิดถึงเค้า หรืออะไร 55 ดีใจมีคน พาดพุงถึง

เอากิฟ ไปติดแก้มซ้ายและขวา โดยไม่้ต้องร้องขอ เพราะไม่ขอก็จะยอมให้

555

คุณ Dancing on the moon ขอบคุณนะคะ ยังไงต้องลองไปหลีเป๊ะให้ได้นะคะ สวยมากจริงๆ ค่ะ :)

คุณ KNC ติดใจโรตีเหมือนกัน อิอิ เที่ยวเผื่อด้วยนะคะ ฝากความคิดถึงถึงหลีเป๊ะด้วยเน้อ :)

คุณ ATM รุ่นนี้กดง่าย แค่ใช้รหัสใจ 555555+ ไม่ช้าไปหรอกค่าาาาา เพราะเราคงจะสิงสถิตอยู่ในกระทู้นี้จนกว่าจะโดนลบออกจาก BP กันไปข้างนึงเลยล่ะ :P

ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาทักทายด้วยน้า ^0^ จุ้บๆๆ

รีวิวสนุกดีครับ น่ารักมากๆ รักกันนานๆ นะครับ^_^

...มีแผนจะแบ็คแพ็คไปที่อาดังอยู่เหมือนกันครับ ไม่ทราบว่าที่นั่นมีที่พักเยอะมั๊ย กะว่าจะวอล์คอิน หรือไม่ก็นอนเต๊นท์ของอุทยานครับ

คุณ fender68 ขอบคุณนะคะ
บ้านพักกับเต๊นท์เห็นมีหลายหลังอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าไปช่วงเทศกาลก็น่าจะจองไปก่อนดีกว่า

เราเจอเพื่อนที่นู่นบอกว่าบ้านพักของอุทยานดีมากเลยค่ะ
แถมถ้าไปวันธรรมดายังได้ลดอีก 30% ด้วยอ่ะ คุ้มๆ :)

ขอบคุณที่รีวิวให้ชมค่ะ เล่าเรื่องสนุกดี ข้อมูลค่าใช้จ่ายครบถ้วนดีด้วย ^^

ขอบคุณค่ะ รีวิวละเอียดดีค่ะ กำลังจะไปเลยค่ะ

คุณ a^o^m ขอบคุณคร้า
คุณกรีนแมมบ้า เอ๊ะใช่ที่เราเจอกันบนเกาะหรือเปล่านะ ก๊ากๆๆ

กำลังจะไป หลีเป๊ะ เหมือนกันค่ะ review เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ
ขอบคุณมากๆ นะคะ

เขียนเก่งมากเลยค่ะ เหมือนกำลังอ่านนิยาย ลุ้นตอนพายเรือรอบเกาะว่าพระเอกกับนางเอก จะเจอกับเหตุการณ์อะไรต่อไป ขอบคุณมากค่ะ ข้อมูลเป็นประโยชน์มาก&nbsp;

คุณ Toonie ด้วยความยินดีค่า ^^

คุณแอน ขอบคุณเช่นกันที่แวะเข้ามาช่วยลุ้นนะคะ อิอิ :P

ทำรีวิวได้สนุกมากๆครับ

มีประโยชน์มากๆครับ ขอบคุณนะครับ ^^

คุณข้างแก้วกาแฟ ขอบคุณเช่นกันจ้า ^0^

ขอบคุณมากมายสำหรับรีวิวที่แสนน่ารัก
ไว้จะตามรอยนะคะ

คุณ khunvicky ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะคะ ;) จุ้บๆ

อ่านแล้วมีความสุข ^__________________^

คุณ supalak1984 อ่านข้อความคุณแล้ว เราก็มีความสุขมากกกกกกๆๆๆๆ เหมือนกันค่า ^___________^

ขอบคุณรีวิวดีๆที่สนุกมากๆค่ะคุณChocolate*in*Love

รีวิวครั้งแรกจริงหรือ สุดยอดแห่งรีวิวหลีเป๊ะ สนุกมากๆๆๆ ฮากระจายค่ะ เห็นแล้วชักอยากไปขึ้นมาแล้วสิ น้ำใสมากกกก ขออนุญาตเก็บข้อมูลนะคะ

อ่านแล้วสนุกสนาน ลุ้นระทึกตามมากมาย ขอบคุณ จขกท. นะคะ

ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากๆค่ะ เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากๆ อยากไปเที่ยวเลยเนี่ยยยย

รีวิวสนุกดีครับ อ่านแล้วเพลินดี อยากไปตามเลยล่ะ ^^

หายไปนานเลยแหะๆ พอดีอยู่ในช่วงย้ายบ้านขึ้นดอย internet ก็ยังไม่นิ่ง ไม่ได้แวะเข้ามาเลยค่ะ ^^"

คุณ ชัยชะ ณ สองแคว
คุณ มุมุกับมิมิ
คุณ bassgirl
คุณ princessj25
คุณ เต้าหู้นมสด_รสช๊อกโกแล็ต

ขอบคุณมากนะคะที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมคร้าๆๆๆ ^^

รีวิวได้ดีมากเลยครับ รีวิวสนุก

คุณ Volcom_Vans ขอบคุณมากค่า ;)