มาต่อกันกับกระทู้ที่ 2 นะคะ บันทึกการเดินทาง 9 วันในเกาหลีใต้ของเรา เราไปในช่วง 19-27 พ.ย. ที่ผ่านมาค่ะ กระทู้ที่ 2 นี้จะเป็นวันที่ 5 และ 6 ของทริปที่เราออกไปมั่วข้างนอกกรุงโซลค่ะ วันแรกออกจากโซลไปคยองจู วันรุ่งขึ้น แวะเที่ยวซูวอน แล้วค่อยกลับมานอนที่โซลในคืนวันที่ 6

ไปกันต่อเลยค่ะ...

ปล. เราเปลี่ยนหมวดจากท่องเที่ยวต่างประเทศมาเป็นบันทึกนักเดินทางนะคะ น่าจะถูกเรื่องถูกราวขึ้น ^^

เช้าวันนี้ ขึ้น KTX รถไฟความเร็วสูง ไปเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศชื่อ คยองจู ภาพนี้คือ Seoul station หัวลำโพงของโซลนั่นเอง

ตั๋วรถไฟทุกประเภทซื้อจากตู้อัตโนมัติได้ แต่เราจะใช้บัตรเครดิตจ่ายก็เลยไปซื้อที่เคาน์เตอร์ดีกว่าค่ะ

ออกมาถึงชานชาลา หนาวมากกกก

หน้าตาตั๋วรถไฟ บอกเวลา ขบวน ตู้ ที่นั่ง เวลาถึง และราคา 42600 วอน

ได้เวลาขึ้นรถ...

สภาพภายใน อันนี้ชั้นประหยัดนะ มีชั้นหนึ่งด้วย จอตรงกลางตู้นั่นตลอดการเดินทางจะบอกความเร็วของรถ ขบวนนี้โดยเฉลี่ยวิ่งที่ 260 กม/ชม ค่ะ

อุปกรณ์ดำรงชีพของเราตลอดสองชม. บนรถไฟก็มีไวไฟนะจ๊ะ เป็นอีกอย่างนึงที่รักประเทศนี้มาก

ถึงแล้ว สถานีซินคยองจู ใหม่เอี่ยมสมชื่อ รถไฟตรงเวลาเป๊ะ

ดูทิวทัศน์รอบๆ สถานีระหว่างรอรถเมล์เข้าเมือง จะเห็นว่า สถานีนี้มาตั้งอยู่นอกเมืองเลย ตัวเมืองคยองจูต้องข้ามเขาไปซัก 40 นาที

นั่งรถเมล์เข้าไปถึงตัวเมืองคยองจู เข้าไปฝากของไว้ที่เกสต์เฮาส์ หาแผนที่แถวๆนั้น เดินไปถามศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว เค้าก็แนะนำว่าให้ออกไปเที่ยวบนเขาก่อนแล้วตอนเย็นค่อยกลับมาเดินเล่นในเมือง เป้าหมายบนเขาที่ว่าคือ วักโบลก๊กซาและซอกกุรัม
เรานั่งรถเมล์ออกมาจากเมืองประมาณชม.นึงก็ถึงทางขึ้นวัดโบลก๊กซา

เห็นสีสันแล้วก็ชื่นใจ ลืมเมื่อยขาไปพักนึงเลย

ดูแผนผังรวมๆก่อน ไม่อยากเชื่อว่าสุดท้ายก็เดินจนหมด

มรดกโลก

ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกคู่กับซอกกูรัมที่เป็นพระพุทธรูปหินองค์ใหญ่

หน้าประตูวัด คุณลุงดูไม่หนาวเลย ทั้งที่เราจะตายแล้ว

มีเทพเจ้าเฝ้าประตูเหมือนบ้านเราใช้คุณยักษ์ยิ้ม

ทางขึ้นวัดทางหลัก แต่ปัจจุบันใช้ไม่ได้แล้ว

งานนี้รู้ว่าตัวเองโรคจิตก็เพราะชอบถ่ายพื้นถ่ายผนังไปทั่วนี่แหละ

...

แพทเทิร์นเดียวกะวัง แต่ต่างกันที่การบำรุงรักษา

เรียกว่าอะไรไม่รู้ มีอยู่ 2 อันซ้ายขวาของศาลาวัด

...

เต่าแบกกลอง

...

มหกรรมการตั้งหินอธิษฐาน

...

แท็กพรรณไม้

กำแพงวัด

ขาลง คิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่ดั้นด้นขึ้นมาถึงนี่

บริเวณนั่งพักระหว่างทาง ขาขึ้นไม่ได้สนใจ มัวแต่เป้าหมายมีไว้พุ่งชนอยู่ 55

กลับออกมาสู่ถนนใหญ่ ถามไถ่ได้ความว่า ถ้าจะไปซอกกุรัมต่อ ต้องรอรถอีกเกือบชม. เราเลยตัดใจ เพราะกว่าจะไปกว่าจะกลับถึงในเมืองต้องค่ำแน่ ออกเดินหาของกินดีกว่า

เครื่องเคียงแรก ให้ความรู้สึกเป็นวุ้นๆ เนื้อเหมือนบุก ตัดเป็นชิ้นคลุกมากะผักและน้ำยำ อร่อยดี

หน้าอย่างเราจะสั่งอะไรได้นอกจากข้าวยำ แต่กินที่บ้านนอกก็ให้ความรู้สึกต่างไป ไม่ปลื้มตรงกิมจิเค็มยังกับแช่เกลือมาเนี่ยแหละ

พออิ่มท้องก็นั่งรถกลับเข้าเมืองคยองจู มาเดินดูสุสานเล่นกันดีกว่า

เมืองนี้เป็นเมืองที่ตั้งทับบริเวณหลุมฝังศพของกษัตริย์อาณาจักชิลลา จึงจะพบสุสานกระจายๆ ไปทั่วเมือง

ก่อนไปคิดอยู่แปดตลบว่าจะกลัวผีเกาหลีมั้ย แถมเป็นผีโบราณด้วยนะ แต่สุดท้ายก็คิดว่า คงสื่อสารกันไม่รู้เรื่องหรอก เบาใจได้ -.-"

ไฟสัญลักษณ์การท่องเที่ยวของเมือง

หอดูดาว/หอสังเกตการณ์ชื่อ ชมซงแด เค้าบอกว่า เป็นหอดูดาวที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปเอเชีย ก็ว่ากันปายยย

เดินต่อมาเรื่อยๆ ณ จุดนั้นแค่ 5 โมงเย็น แต่ฟ้าเริ่มมืด แถมอุณหภูมิเกือบติดลบ ระยะทาง 6-700 เมตร ก็รู้สึกดั่ง 3 กิโล

ตัวการ์ตูนประจำเมือง พระราชากะพระราชินีของอาณาจักรชิลลา

รอตามไปต่อนะครับ

จะได้แอบตามรอยเมษาหน้าบ้าง อิอิ

ขอตามไปด้วยคนค่า ^^

ถ้าใครคิดจะเดินทางด้วย KTX ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ซื้อตั๋ว 3 วันผมว่าคุ้มกว่าซื้อเป็นเที่ยวนะครับ ราคาประมาณ 75000 วอน เดินทาง ไป กลับ โซ ปูซาน ก็คุ้มแล้ว

มาต่อแล้วนะคะ แว้บไปดูสายชลกะนางฟ้ามา เกือบลืมว่าโพสต์ค้างไว้
---------------------------------------------------------------------------------

คุณboydz คุณThe Secret 'K' in the 2PM เชิญเลยค่ะ

คุณToto4 ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ เผื่อใครที่จะตามรอยไปจะได้เก็บไว้ตัดสินใจได้ค่ะ
---------------------------------------------------------------------------------

เดินมาเรื่อยๆ ก็เจอป้ายนี้ค่ะ เรื่องอะไร ซอนต๊อกหรอ ใครดูช่วยบอกที

ถัดมาจากป้ายนั้น เจอศาลาที่มีลำโพงนี้ติดไว้ แต่มันไม่ใช่แค่ศาลาธรรมดา...

เพราะศาลานี้มีเซ็นเซอร์ คนเดินผ่านไปผ่านมามันก็ปกติดี พอเราก้าวเท้าเข้าไปจะนั่งเท่านั้นแหละ เพลงเกาหลีโบราณดังออกมาเลย ตอนแรกคิดว่า เอาแล้วไง ผีกษัตริย์โบราณเกาหลีจัดชุดใหญ่ให้ตรูแล้ว 555 (ขออภัยสำหรับภาษาค่ะ) ตกใจเสร็จถึงรู้ว่า เพลงออกมาจากลำโพง เราเลยนั่งพักฟังเพลงไปชิลๆ

ทางเดินกลับสู่ถนนใหญ่ ตัดสินใจอยู่นะว่าเอาไงดี ไปต่อหรือเดินกลับ

แต่พอหันไปมองรอบกายอีกครั้ง...

เฮ้ยยยย มืดขนาดนี้แล้วหรอ มัวแต่ชื่นชมกะอิเซ็นเซอร์ที่ศาลาเมื่อกี๊อยู่จนนั่งพักนานไป

กลับล่ะค่ะ ไม่ไปต่อแล้ว หนาวจนแทบเดินไม่ไหว

คืนนั้น ฉลองให้กับความมั่วของตัวเองด้วยโซจูและของขบเคี้ยวเล็กน้อย กระดกโซจูไปครึ่งขวด หลับสนิทเกือบถึงเช้าเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น เตรียมตัวกลับโซล แต่เราจะขึ้นรถบัสไปแวะเที่ยวซูวอนก่อน
อาหารเช้า สาหร่ายห่อข้าวคลุกกิมจิ ปลื้มมมมม
800 วอนเท่านั้น นึกอยากขนกลับบ้านเรามาเยอะๆ เลยด้วยซ้ำ

ระหว่างนั่งกินข้าวใน GS25 (ร้านมินิมาร์ทที่แพร่หลายที่สุดในเกาหลีใต้ เหมือน 7/11 บ้านเรา) ก็พิจารณาเชลฟ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไป

มีตั้งแต่ถูกสุดที่ 500 วอน (13 บาท)

ไปจนถึงแพงสุด (ในร้านนี้) อย่าง 2000 วอน (54 บาท)

ยังไม่จบ ใช่ไหมค่ะเนี่ย

กินข้าวเช้าเสร็จก็มารอขึ้นรถที่สถานีรถบัสระหว่างเมือง เกิดเหตุไม่มั่นใจในชีวิตเล็กน้อย ตอนซื้อตั๋ว ในตั๋วจะบอกเวลาและชานชาลาที่ต้องขึ้นไว้เลย พอเกือบถึงเวลาเราก็ไปรอตรงชานชาลานั้น มีรถจอดอยู่ เราเข้าไปถามแล้ว คนขับบอกว่าไม่ใช่ เราก็ยืนรอต่อไป จนถึงเวลารถออก เราก็เริ่มหวั่นใจว่า ทำไมรถที่เราต้องขึ้นมันไม่มาซักที ซักพักมีคุณลุงคนนึง (นึกภาพคนที่เตร็ดเตร่อยู่แถวๆ บขส.บ้านเรา ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ แต่เตร็ดเตร่อยู่แถวนั้น อาจจะเป็นคนขับแท็กซี่ หรือคนยกประเป๋าอะไรเทือกนั้น) เดินตะโกน เราได้ยินอะไรซักอย่าง ซูวอน ก็รีบเดินเข้าไปหาลุงทันที ยื่นตั๋วให้ดู แกก็ชี้ว่ารถที่เราต้องขึ้นเข้ามาที่ชานชาลาข้างๆ เราโล่งอกมาก รีบเดินขึ้นรถทันที ในใจก็คิด แล้วตรูจะรู้ได้ยังไงว่าคันไหน จอดไม่ตรงเลขอ่ะ ภาษษาอังกฤษก็ไม่มี ถ้าไม่ได้คุณลุงคนนั้น เราคงตกรถติดอยู่คยองจูแล้ว

หางตั๋วรถบัสไปซูวอน

คุณchaii_latte ยังไม่จบค่ะ ขอโทษที่โพสต์ไปพักไป แต่ของทั้งทริปนี่อาจจะต้องอีกกระทู้นึงเลย ซัก 3 ภาคมั้งคะ
-----------------------------------------------------------------------------------

ก่อนขึ้นรถก็ซื้อของฝากขึ้นชื่อของเมืองคยองจู

มันคือโดรายากิของโดราเอม่อนนี่เอง ข้างในใส้ถั่วแดง อยากลองกินอันเดียว แต่กล่องนี้เล็กสุดแล้ว มี 10 ชิ้น รสชาติใช้ได้ แป้งอร่อยดี แต่ถั่วแดงหวานไปหน่อย

ข้างในรถบัส เทียบกะบ้านเราน่าจะชั้น 1 นะ

ที่พักรถ จอดให้ลงไปเข้าห้องน้ำและกินอาหาร แต่เราไม่กล้าลง กลัวสื่อสารกันเรื่องเวลาผิด เด๋วทิ้งเราไว้นี่จะทำยังไง

มาถึงเมืองซูวอนได้ในที่สุด
จัดอาหารเที่ยงลงท้อง โอเด้ง 1 ไม้ ไก่ทอด 1 ชิ้น อร่อยมากกก (น่าจะเพราะหิวมากกว่า)

จากนั้นมุ่งสู่เป้าหมายของวันนี้ ป้อมฮวาซอง และวัง ฮวาซองฮานเกง เห็นทางเดินขึ้น ขาก้าวไม่ออกทันที 555

หันมาหาศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวดีกว่า มองทางขึ้นแล้วหมดกำลังใจ

ถามมาได้เรื่องว่า มีทางเดินราบไปชมพระราชวังอีกทาง เฮ้อ... ค่อยยังชั่ว งั้นไปดูวังก่อน

ทางเดินภายในวัง

วังนี้เป็นพระราชวังตากอากาศ กษัตริย์เอาไว้มาพักนอกเมืองหลวง
หุ่นจำลองเล่าเรื่องประเพณีต่างๆ

ท้องพระโรง แต่เพราะมันเอาไว้ใช้มาเที่ยวพักผ่อน เลยไม่ได้อลังการเหมือนวังหลักในโซล

...

แต่ละห้องเป็นที่พักของนางกำนัลหรือทหาร

...

ยังคงมีสิงสาราสัตว์คอยดูแลวัง

ห้องครัว ที่ทำงานจังกึม

วังนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายแดจังกึม ซีรีย์เกาหลีในตำนาน ก็เลยมีชุดจังกึมตั้งแต่เด็กจนโตให้ดู

...

ปล่องไฟอยู่แยกจากตัวอาคาร

ขาออก เจอโอปป้าทั้งหลาย กำลังทำอะไรกันนะ

ทำท่าแบบซ้อมๆ กระบวนยุทธ จริงๆ คือ เค้ามีโชว์ศิลปะการต่อสู้ ข้างหน้าวัง ไอ้เราก็ออกมาได้จังหวะอีกละ ดูอยู่จนจบเลย แต่ถ่ายวิดีโอไว้ ใครอยากดูให้บอก เดี๋ยวอัพให้ดูค่ะ

ออกจากวัง เราอยากไปขึ้นรถรางวนรอบป้อม เจ้าหน้าที่บอก เดินขึ้นบันไดนี้ไปแค่ประมาณ 80 ขั้น เราก็สบายๆ 80 ขั้นเอง ลุยเว้ย

ที่ไหนได้ กว่าจะขึ้นมาถึง หายใจแทบไม่ทัน มันชันมากหรืออาจจะเพราะหนาวมากก็ไม่รู้ เอาเป็นว่า ขึ้นมาถึงสถานีรถรางและซื้อตั๋วได้สำเร็จ

เป็นรถที่หน้าตาน่าเอ็นดูมาก

ระหว่างรอเวลารถออก ปากว่างนัก เดินหาของกิน ได้ไอติมของโปรดมา ทั้งที่หนาวขนาดนั้น 555+
จะมีครั้งไหนอีกที่ได้กินไอติมในอากาศที่เย็นกว่าตู้แช่ไอติมอ่ะ ไม่มีละลายซักหยดเดียว
โปรดสังเกตมือที่จับ ยังต้องใส่ถุงมือ

พอรถออกก็ชมความสวยงามของป้อมกันไป
ที่จริงมีเสียงบรรยาย 2 ภาษา เกาหลี และ ญี่ปุ่น ซึ่งเราเข้าใจว่า มันมีมากกว่านี้ (อย่างน้่อยก็จีนกับอังกฤษ) แต่คนขับเลือก 2 ภาษานี้เพราะเข้าใจว่าเที่ยวนี้มีคนแค่ 2 ชาตินี้
อาเมน...ให้กับหน้าตาตัวเอง

บ่ายคล้อยแล้ว

...

เมืองนี้มันพิเศษตรงที่ป้อมอยู่กลางเมือง ทั้งส่วนในและนอกกำแพงป้อมก็มีบ้านเรือนคนตามปกติ นี่เค้าก็มาวิ่งออกกำลังกายกัน

...

รถรางพามาถึงอีกฝั่งนึงของป้อม เจอสนามซ้อมยิงธนู

คุณคนนี้เค้ายิงจริงจังนะ เรานึกว่าแกเล็งเป้าใกล้ เอ๊ะทำไมไม่เข้าเลย ที่จริงแกเล็งเป้าไกลๆ นู่น

ออกจากฮวาซองเราก็นั่งรถเมล์ไปที่สถานีรถไฟซูวอน นั่งซับเวย์เข้าโซลค่ะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
---------------------------------------------------------------------------------

ขอจบตอน 2 ไว้เท่านี้นะคะ ยังเหลืออีก 3 วันของการเดินทางของเรา ว่างเมื่อไหร่เจอกันค่ะ

ปล. ถ้ามีคำถามอะไร ถามทิ้งไว้ได้นะคะ ถ้าพอตอบได้จะได้ช่วยกันค่ะ

ป้ายนั้น ผมว่าน่าจะเรื่องทงอีนะครับบ  ขอตามไปเที่ยวด้วยคนครับบ

โอวว ขอบคุณมากเลยค่ะ ทงอีนี่เอง เรื่องที่เพิ่งจบไปอ่ะนะคะ เราได้แต่ดูผ่านไปผ่านมา จำอะไรไม่ได้เลย

ไปเที่ยวด้วยคะ ภาพละเอียดมาก ๆ ^^

รบกวนสอบถาม นิดหนึ่งค่ะว่า

เมืองซูวอน นอกป้อมฮวาซองแล้ว ถ้สเราไปเอง

จะมีอะไรให้ไปเทียวได้อีก ไหมค่ะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

ตามมาชมรีวิวอีก ขอบคุณที่พาเที่ยวนะคะ ^_^

คุณ chaii_latte คะ นอกจากป้อม เมืองทั้งเมืองก็จะเป็นแนวประวัติศาสตร์ๆค่ะ ลองอ่านดูในเว็บออฟฟิเชียล http://eng.suwon.ne.kr/ นะคะ หรือถ้าชอบเดินดูตลาด ใกล้ๆ ประตูใหญ่เข้าป้อมมีตลาดแบบท้องถิ่นอยู่ค่ะ เราไปเดินมารอบนึง เจอผักหญ้าแปลกๆ ตรึม อีกอย่างคือ เมืองนี้เค้าโปรโมทห้องน้ำค่ะ เป็นสโลแกนของเมืองเลยนะคะ beautiful restroom เนี่ย ห้องน้ำเค้าจะทำไว้สวยๆ โครงสร้างข้างนอกโบราณหน่อย แต่ข้างในทันสมัย สะอาดพอใช้ แต่ทุกที่ได้รับการดูแลดีค่ะ
นอกจากนี้ที่เห็นนักท่องเที่ยวไทยทำกันก็คือ มาเที่ยวซูวอนแล้วต่อไปเอเวอร์แลนด์ค่ะ ห่างกันประมาณ 1 ชม.

คุณPastel Mind ขอบคุณมากค่ะ เราก็ถ่ายไปตามอารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆของตัวเองค่ะ

คุณDestiny-Boy คุณสาวหน้าใส ด้วยความยินดีค่ะ หวังว่าจะพอเป็นประโยชน์นะคะ

คุณน้องรีวิวทางไปดูคอนเสริตกับดูมิวสิเคิลน้องคยูฮยอนด้วยซิ เผื่อพี่จะได้มีโอกาสไปบ้าง ><~~~

เดี๋ยวน้องทำแยกให้นะคะคุณพี่ แต่สงสัยจะต้องเอาไปไว้ห้องเฉลิมกรุงละมั้ง
ทำเสร็จแล้วจะไปเรียกอีกทีค่ะ

ภาคสุดท้าย กลับไปเที่ยวแถวโซลจ้า

... ขอบคุณสำหรับรีวิวน่ารักๆค่ะ ^_^