สวัสดีค่ะ ^_^

ใกล้จะสิ้นปีแล้ว เรื่องราวของซากุระยังไม่จบเลย

วันนี้เราจะไปเที่ยวโซนทิศตะวันตกของเกียวโตกันค่ะ

มีวัด Ryoan-ji วัด Ninnaji วัด Daikakuji และศาลเจ้า Hirano

 
ว่าไปแล้วระหว่างวัด Ninnaji กับวัด Daikakuji ก็มีอะไรหลายๆอย่างคล้ายๆกัน

ไม่ว่าจะเป็นสียงกระดานที่เวลาเดินผ่านแล้วดังเอี๊ยดอ๊าด

ฟังแล้วคล้ายๆ เสียงนกไนติงเกล เหมือนที่ปราสาท Nijo

และถ้าให้ Kungtalay เลือกระหว่าง Daikakuji กับ Ninnaji ขอเทใจให้ Daikakuji เพราะซากุระริมน้ำนี่สวยจริงๆ

จากภาพ : เป็นตำแหน่งของวัด Ryoanji (สีฟ้า) - วัด Ninnaji (สีเขียว) - ศาลเจ้า Hirano (สีชมพู)

เรื่องราวก่อนหน้านี้ :

Sakura @ Kansai ในวันที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10469577/E10469577.html

+.+.+ Kyoto : Arashiyama & Sagano Area +.+.+

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10478371/E10478371.html

+.+.+ Kyoto : Shirakawa canal & Chion-in Temple & Maruyama park & Gion District +.+.+

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10489412/E10489412.html

+.+.+ Kyoto...Toji Temple & Daigoji Temple +.+.+

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10505599/E10505599.html

+.+.+ Kyoto : Ginkakuji Temple & Path of Philosophy & Nanzenji Temple & Keage Incline +.+.+

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10536398/E10536398.html

Day 5 (12 April 11)

เช้านี้ Kung รีบมาซักเสื้อผ้า ค่าบริการครั้งละ 100 yen มีผงซักฟอกให้ด้วย

แต่คุณ Bon เจ้าของที่พักไม่ยอมเก็บเงินบอกให้ใช้ฟรี แต่แหมใครจะใช้ฟรีกันหละค่ะ

ระหว่างซักผ้าก็มาคุยเรื่องการส่งกระเป๋าจากที่ Guesthouse Bon ไป Osaka

ซึ่งทาง คุณ Bon เค้าไม่ได้มีบริการส่งกระเป๋า แต่เค้ายินดีช่วยเหลือ

ระหว่างที่คุยกันก็มีการแจ้งเตือนภัยทาง TV เห็นแล้วก็ตกใจเหมือนกัน

9.00 น. เดินทางออกจากที่พัก โดยขึ้นรถเมล์สาย 12 ฝั่งตรงข้ามกับวัด Daitokuji

นั่งรถไปประมาณ 10 นาทีก็ผ่านวัดทอง จากนั้นไม่นานรถก็เข้าอู่ 

พวกเราลงจากรถและยืนรอรถเมล์สาย 59 เพื่อไปวัด Ryoan-ji

ระหว่างยืนรอรถก็เห็นกลุ่มเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลกำลังเดินมาเป็นกลุ่ม พร้อมกับคุณครู

เห็นแล้วน่ารักจริงๆ ยืนมองเพลินเลยค่ะ

9.38 น. ก็มาถึงทางเข้าวัด Ryoan-ji ว่าไปแล้วทางเข้าวัดนี้ก็แปลก เพราะมีแผงเหล็กมากั้นตรงทางเข้า

ระหว่างทางที่เดินในวัด เห็นต้นไม้บางต้นได้รับการดูแลอย่างดี

นี่หละมั้งที่เป็นเหตุผลว่าทำไมต้นไม้ที่ญี่ปุ่นจึงดูงดงาม

แค่หนึ่งนาทีก็ถึงประตูวัดแล้ว …จากนั้นก็จ่ายค่าเข้าชมคนละ 500 yen

เวลาทำการ 

มี.ค.-พ.ย.   8.00 น. -17.00 น. 
ธ.ค.- ก.พ.  8.30 น. -16.30 น.

http://www.ryoanji.jp/

http://kyoto.asanoxn.com/places/kinkaku/ryoanji.htm

แผนที่ภายในวัด Ryoan-ji ดูแล้วเหมือนใหญ่มาก

แต่ความจริงเวลาเดินไม่รู้สึกว่าใหญ่เท่าที่คิด

เดินเข้ามาหน่อยก็จะเห็นซากุระ ซึ่งตอนนี้เริ่มร่วงแล้ว ถ้ามาเร็วกว่านี้คงสวยน่าดู

…อุณหภูมิวันนี้ 14 องศา

ทางเข้าไปชมสวนหินแบบเซน

 Kung มาเที่ยววัดนี้ก็เพราะเจ้าสวนหินนี่เอง

ก่อนจะถึงสวนหิน ก็มีแบบจำลอง ซึ่งตอนไปถึงตอนแรก เข้าไม่ถึงค่ะ เพราะคนเยอะ

พอเข้าไปถึงก็นั่งนับหินกันใหญ่ว่าอยู่ตรงไหนบ้าง  พยายามนับให้ได้ 15 ก้อน

เคยได้ยินคนบอกว่ามานั่งมองหินแล้วจิตใจจะเกิดความสงบ

แต่ Kung มองเท่าไหร่ก็ไม่สงบ เพราะแดดแรงจนต้องลุกออกไป

จากนั้นก็เดินกลับ แต่ระหว่างทางที่เดินไปที่ประตูทางออกของวัดจะผ่านสวน ซึ่งมีเนื้อที่เยอะเหมือนกัน

ที่สวนนี้มีซากุระหลายต้นเลยหละ แต่ตอนนี้ค่อนข้างโรยแล้ว

ระหว่างเดินผ่านสวน เห็นคุณลุงที่ดูแลสวนเค้าทำงาน

เก็บใบไม้ และดึงวัชพืชที่พื้นทีละต้นเลย

พูดได้คำเดียวว่า สุดยอด

วัด Ryoan-ji เป็น 1 ใน 17 สิ่งก่อสร้างที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก

 "Historic Monuments of Ancient Kyoto"

เดินมาได้ซักครู่ก็จะมีเก้าอี้ให้นั่งเล่นมองซากุระที่สระน้ำ Kyoyochi

เห็นเค้าบอกว่าที่นี่เป็นที่อาศัยของเป็ดแมนดาริน (oshidoridera)

แต่มองไปตั้งนานไม่เห็นเป็ดสักตัว ...

ก่อนจะถึงประตูทางออก เห็นที่ต้นไม้มีขวดปักอยู่ สงสัยจะให้ปุ๋ย

11.11 น. พวกเราก็มาถึงป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามวัด Ryoan-ji

ที่ป้ายรถเมล์มีร้านขายของด้วย เลยแวะเข้าไปดูหน่อย

ภายในร้านดูน่ารักดีค่ะ Kung ได้ที่ผูกผมมาหนึ่งอัน จะซื้อต่อก็ไม่ทันเพราะรถมาแล้ว

…นั่งรถไปประมาณ 3 ป้าย ก็เห็นวัด Ninnaji อยู่ทางขวามือ

จากประตู Niō เดินเข้ามาทางซ้ายมือจะมีที่ขายตั๋วเข้าชม

พวกเราตัดสินใจซื้อเข้าชม Goten (Palace & Gardens) คนละ 500 yen

เวลาทำการ 9.00-17.00 น. ในฤดูร้อน

http://www.ninnaji.or.jp/multilingual_info.html

http://kyoto.asanoxn.com/places/kinkaku/ninnaji.htm

http://www.rohm.com/rohm-saijiki/ryoanji/seasonview_ryoanji.html

จากภาพ : Goten

พอถึงประตูทางเข้าก็ต้องถอดรองเท้าและเก็บไว้บริเวณทางเข้า

สิ่งแรกที่เราเห็นใน palace คือ ดอกไม้ที่จัดไว้อย่างสวยงาม

ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะ วัดนี้เป็นสำนักงานใหญ่ของโรงเรียนสอนการจัดดอกไม้ omuro

ในอดีตวัด Ninna-ji  เคยเป็นพระราชวังมาก่อน  (Old Imperial Palace)

เดินเข้ามาหน่อยเดียวก็เห็นประตู Chokushimon แล้วค่ะ

สวยใช่เล่นเลย

วัด Ninnaji  ประกอบไปด้วยกลุ่มอาคารและสวนหลากหลายบนลานขนาดใหญ่

ทำให้วัดนี้เป็น 1 ใน 17 สิ่งก่อสร้างที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก

"Historic Monuments of Ancient Kyoto"

ถ้าจำไม่ผิด บริเวณนี้เวลาเดินจะได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าด เหตุผลคงเหมือนกันที่ปราสาท Nijo

พวกเราแวะเข้ามาดูตามห้องต่าง ๆ มีทั้งห้องของจักรพรรดิและข้าราชบริพาร ดูแล้วก็คล้าย ๆ กับตำหนักของไทยเรา

ตามชม review ด้วยครับ

หายไปนานเลย ยังไม่เคยไปทั้งนั้นเลยครับ ขอตามไปด้วยเลยละกัน

ดูสวยและสงบดีจังครับ

สวัสดีค่ะ คุณ Civict2003 มาเที่ยววังเก่ากันค่ะ ^_^

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ภายในพระราชวังเก่านี้ มีรูปภาพเยอะมาก

เพราะวัดนี้เป็นแหล่งเก็บสมบัติแห่งชาติญี่ปุ่นรวมถึงทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญอีกหลายชิ้น

ไปเที่ยวด้วยครับ

เอ๊ะนั่น …เจดีย์ 5 ชั้นนี่หน่า

ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณกาแฟ ^_^ ... จริงด้วย หายไปนานเลย ตอนนี้เลยต้องรีบ post เพราะจะครบปีอยู่แล้ว

ไปเที่ยววัดด้วยกันค่ะ วันนี้สวยๆทั้งนั้นเลย

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

มองซ้ายที ขวาที แหมงามอย่าบอกใคร

สวัสดีค่ะ คุณ Koon Shy_Tour Dee  ... วันนี้ค่อนข้างโชคดี หรือที่นี่คนไม่ชอบเข้าไปชมก็ไม่รู้ค่ะ ^_^

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

รุ่นพี่ที่ไปด้วย ถูกใจใหญ่ เพราะเดินในนี้ก็เหมือนเดินในพิพิธภัณฑ์

สวัสดีค่ะ คุณฟองสบู่ เชิญตามสบายเลยค่ะ ^_^

----------------------------------------------------------------------------------------

เพราะตอนแรกรุ่นพี่ถามว่า “Kung วันนี้เรามีไปพิพิธภัณฑ์ มั้ย ?”เราบอกว่าไม่มีค่ะพี่

สวัสดีค่ะ คุณ armearn ... ไปเที่ยวด้วยกันค่ะ วันนี้ซากุระเยอะมากๆ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คิดๆดู จักรพรรดิ ของญี่ปุ่น ก็มีความเป็นอยู่เรียบง่ายดี

ตอนซื้อบัตรเข้าชม เค้าแถมคู่มือมาให้  มีภาษาอังกฤษให้แค่หน้าเดียว ที่เหลือเป็นภาษาญี่ปุ่นหมด

เห็นบรรยากาศอย่างนี้ แล้วก็อยากนอนพักที่วัดนี้เลย แต่เค้าไม่ให้พักใน Palace นะ

ที่พักจะอยู่ ที่อาคาร Omuro kaikan มีห้องพัก 12 ห้อง โดยสามารถอยู่ได้ถึง 66 คน

ค่าห้องพักคืนละ 5,200 yen ดูแล้วก็เหมือนโรงแรมเลย เพราะมีทั้ง ทีวี ตู้เย็น แอร์ และตู้เซฟ

ถ้าพักที่นี่สามารถเข้า Goten ได้ฟรี

สำหรับข้อด้อยก็คือ เจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้

http://ninnaji.wordpress.com/accomodation-at-ninna-ji/

เจอทางเดินไม้อีกแล้ว

พอถึงจุดนี้ ก็นั่งชมวิวกัน ไม่รีบไม่เร่ง ชอบตรงไหนก็ใช้เวลากับตรงนั้นนานหน่อย แค่นั้นเอง

ในนี้ แค่หลังคายังสวยเลย

ชื่นชมพระราชวังเก่าเสร็จก็เดินออกมาดูซากุระ    ซึ่งตอนนี้ยังตูมอยู่เลย

มีบานแล้วเล็กน้อยแค่บางช่อ ... แค่นี้คนก็แย่งกันถ่ายรูปแล้ว

ว้าว ประตูอะไรสีหวาน น่ารักจัง

จากภาพ : Chu-mon Gate

จากประตู Chu-mon พอเดินเข้ามาปุ๊บก็จะเจอ Omuro-Zakura จำนวน 200 ต้น อยู่ทางซ้ายมือ

ตอนนี้ซากุระยังไม่บาน เพราะซากุระที่นี่จะบานประมาณวันที่ 20 เม.ย.

เจดีย์ 5 ชั้น ……มุมนี้ที่เห็นเค้าเอาไปทำแผ่นพับ

ภายในวัดนี้ยังมีศาลเจ้า Kusho-myojin แต่เอ…เข้าไปไม่ได้หละ ได้แค่ยืนมองข้างนอก

บริเวณนี้ต้นไม้เยอะมาก ต้นไม้แต่ละต้นใหญ่ๆทั้งนั้น

รุ่นพี่บอก “ Kung นั่งตรงนี้ก่อนนะ พี่ชอบ “

"ได้เลยค่ะพี่ "

จากนั้นก็หยิบน้ำและขนมมานั่งกินกัน แหมอากาศดีจริงๆ

นั่งชมต้นไม้เสร็จก็เดินตามหา Bell Tower

ไม่ใช่อะไรหรอก ที่มาวัดนี้ก็เพราะอยากเห็นเจ้านี่แหล่ะ

จากภาพ : Kondo

นี่ไง Bell Tower … สวยสมใจเลย แต่แหมคนเยอะจัง กว่าจะได้ภาพที่ไม่มีคน ต้องยืนถือกล้องจนเมื่อยมือเลย

นี่ไง คนเยอะจริงๆ ว่าไปแล้วเจ้า Bell Tower นี่เหมือนสาวงามประจำวัด ใครมาก็ต้องแวะมาดู

ใกล้ๆ Bell Tower จะมีประตูทางเข้าไป Mie-do

Kondo และ Mie-do ซึ่งอยู่ใกล้ๆ Bell Tower นั้นได้ย้ายมาจาก Imperial Palace

ภาพ : Mie-do

ขากลับพวกเราเลือกเดินผ่าน Kannon-do ระหว่างทางเห็นเจ้าต้นไม้สีบานเย็น

จริงๆก็เห็นหลายจุดเหมือนกัน ชอบนะ แต่ไม่รู้ว่าต้นอะไร

ขากลับไวเหมือนโกหก แป๊บเดียวถึงประตู Nio-mon แล้ว

13.41 น. พวกเราก็มาถึงสถานี Omuro Ninnaji ของรถไฟสาย Keifuku 

เพื่อนั่งรถไป Arashiyama เคยอ่านเจอว่าสามารถจ่ายค่าตั๋วบนรถไฟได้ (ค่ารถคนละ 200 yen)

สำหรับเส้นทางเดินจากวัดไปสถานี ต้องขอบคุณพี่ฟ้า (Skybox) ที่เขียนวิธีเดินทางไว้อย่างดีทีเดียว

คุณ Tmac (TKT) เคยบอกไว้ว่าช่วงระหว่างสถานี Utano กับ Narutaki จะมีอุโมงค์ซากุระ

แถมกลางคืนมี Light up ด้วย

เราว่าถ้าให้ดีพอรถไฟออกจากสถานี Omuro Ninnaji ให้เตรียมกล้องไว้ได้เลย

เพราะอุโมงค์ซากุระที่เห็นนี้เป็นสายสั้นๆ ดูแว๊บเดียว ก็หมดแล้ว

อ้อ ระหว่างทางมีแวะเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Katabiranotsuji ด้วยนะคะ

http://randen.keifuku.co.jp/railmap/index.html

ที่สถานี Arashiyama จะมี Onsen เท้าด้วย ถ้าใครเดินมาแล้วเมื่อยๆ มานั่งแช่เท้าก็ได้ค่ะ

วันแรกที่มาถึงเราได้ใช้บริการเจ้า Onsen นี่ไปแล้ว วันนี้เลยขอผ่านค่ะ

ที่สถานี Arashiyama นี่ของกินเยอะดี  ได้ขนมมาหนึ่งชิ้นราคา 190 yen

แต่ดูแล้วน่ารัก มากกว่าน่ากินสะอีก ^_^

ตอนนี้บ่ายสองโมงแล้ว เลยเดินหามื้อเที่ยงกินกัน

แล้วก็ได้เจอพี่หนูหริ่ง อีกครั้ง …โลกกลมจริงๆเลย

เห็นร้านข้างๆคนต่อแถวซื้อไอศรีมกันเยอะ เลยไปซื้อบ้าง แท่งนี้ 250 yen

ถือว่าค่อนข้างถูกกว่าหลายๆที่ ที่เคยซื้อมา แถมอร่อยอีกต่างหาก

แรกๆกะกว่าจะนั่งรถเมล์ ไปวัด Daikakuji แต่คิดไปคิดมาไม่อยากเสียเวลารอรถ เลยเรียก Taxi

ว่าแล้วก็คิดถูก เพราะจ่ายค่า Taxi ไป 730 yen เอง

ตำแหน่งของวัด Daikakuji

จาก Arashiyama ถ้าเดินไปเค้าบอกว่าใช้เวลา 15-20 นาที อันนี้ไม่แนะนำให้เดินค่ะ เพราะไกล

เวลาทำการ 9.00 -16.30 น.

ค่าเข้าชม 500 yen

http://www.daikakuji.or.jp/english/

http://kyoto.asanoxn.com/places/arashiyama/daikakuji.htm

เดิมที่นี่เคยเป็นพระราชวัง

ก่อนเข้าชมต้องถอดรองและเท้าใส่ Slipper เดินไปตามอาคารต่างๆ

อาคารหลายหลังนำมาจากพระราชวังจากที่อื่น เพื่อมาสร้างขึ้นใหม่ที่นี่

วัด Daikakuji มีภาพเขียน Fusuma ที่มีชื่อเสียงในยุค Momoyama
เห็นแล้วต้องยอมรับเพราะภาพเค้าสวยจริง

วัด daikakuji เดิมเป็นพระราชวังเอกเทศของจักรพรรดิ saga

พอมาถึงปี ค.ศ. 876 จักรพรรดิ saga จึงโปรดให้เปลี่ยนเป็นวัดในศานาพุทธ นิกายชินโต

เพื่อแสดงถึงความเลื่อมใสของพระองค์ต่อคำสอนในศาสนา และต่อผู้ก่อตั้งลัทธิชินโต St. Kobo Daishi

ไม่รู้ว่านี่เป็นแผ่นป้ายชื่อของใคร ?

เดินชมในวัดต้องค่อยๆมอง จะเห็นอะไรแปลกๆเต็มไปหมด

บริเวณนี้ตรงฝาผนังห้องด้านบนมีภาพวาดต่างๆ ถ้ามาถึงแล้วอย่าลืมเงยหน้าขึ้นไปมองนะคะ

นี่ไง

เดินผ่านหลายที่เห็นเค้าแขวนหน้าต่างไว้ สงสัยกันใหญ่ว่าเพราะอะไร

ตั้งแต่เดินชมมาไม่ว่าจะเป็นสวน ทางเดิน ภาพวาดบนบานประตูเลือน ดูแล้วคล้ายวัด Ninna-ji

จะต่างกันก็มุมนี้ เพราะที่นี่มีก็มีมุมสวยๆให้นั่งชมซากุระรอบๆสระน้ำ Osawa

ตามมาเที่ยว และตามมาขอบคุณคุณ Kungtalay
ที่โพสต์แนะนำทริปชมซากุระ 2012 ไว้ให้ ข้อมูลดีมาก ๆ เลยค่ะ

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11435580/E11435580.html

สวัสดีค่ะ คุณ Ma Ma Pim ^_^ ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันค่ะ  ดีใจจังเลยที่ข้อมูลมีประโยชน์

ถ้าคุณ Ma Ma Pim อยากได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมแถวๆ Kyoto ถามได้นะคะ ... ถ้ามีข้อมูล ยินดีค่ะ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สระน้ำ Osawa สร้างในรูปแบบเดียวกับทะเลสาบ Dongting ของจีน

ตอนนี้รู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว แถมหน้าแดงอีกต่างหาก จนหลายคนถามว่าหน้าเป็นอะไรทำไมถึงแดง

ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยคงเป็นเพราะอากาศร้อนมั้ง

ประมาณ 1,200 ปีที่แล้ว ประเทศญี่ปุ่นเกิดโรคระบาดร้ายแรง

ดังนั้น ด้วยคำแนะนำของ St. Kobo Daishi  จักรพรรดิ saga จึงได้เริ่มคัดลอกลายอักษรของพระสูตร Hannya Shingyo ในรูปแบบบทสวด

ว่ากันว่าประเทศญี่ปุ่นจึงรอดพ้นจากภัยโรคระบาด บทสวดที่คัดลอกโดยจักรพรรดิ saga ได้ถูกนำมาเก็บไว้ใน shingyoden แห่งนี้

ถ้าจำไม่ผิด บริเวณนี้เวลาเดินจะได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าด เหตุผลคงเหมือนกันที่ปราสาท Nijo

ห้องนี้น่าจะเป็นห้องของจักรพรรดิ เพราะมีบานประตู ตั้งหลายชั้น

เบื่อภาพเขียนกันหรือยังค่ะ

ขอบคุณครับ

อย่าเพิ่งเบื่อนะคะ มาดูกระต่ายกันดีกว่า น่ารักดี 

ตุ๊กตาน่ารักจังเลยค่ะ คุณ Civict2003 ... ขอบคุณนะคะ ที่มาทักทายและให้ Give เป็นคนแรกเลย ^_^

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บนเพดานที่นี่เค้าลวดลายเยอะจริงๆ

ระหว่างเดิน ตามทางจะเห็นกระป๋องสีแดงใส่น้ำวางอยู่ ตามทางเดิน

สงสัยเอาไว้สำหรับดับไฟ เพราะอาคารที่นี่ส่วนใหญ่เป็นอาคารไม้

ซึ่งมักจะเกิดเหตุการณ์ไฟใหม้อยู่บ่อยๆ

ชอบภาพนี้จัง

การจัดดอกไม้ที่นี่ก็ไม่แพ้ วัด Ninna-ji เลยค่ะ

16.19 น. พวกเราก็มายืนบริเวณทางเข้าบ่อน้ำ Osawa ที่นี้จะได้ชมซากุระแบบใกล้ๆแล้ว

กล่าวได้ว่าบ่อน้ำ Osawa เป็นสระน้ำในสวนที่เก่าที่สุดในญี่ปุ่น

ซึ่งในอดีตจักรพรรดิและขุนนางใช้เป็นที่แล่นเรือ

ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การชมพระจันทร์

และในเดือน ต.ค. จะมีงานเทศกาล Kangetsu-e

ตอนนี้เราเดินผ่านบริเวณพระราชวังเก่าที่เมื่อสักครู่เราไปเดินมาค่ะ

แถวๆนี้มีท่าน้ำด้วย

พอพวกเราไปยืนที่ท่าน้ำได้สักครู่ กลุ่มฝูงป็ดแมนดารินก็ว่ายน้ำมาทักทายเลย

รุ่นพี่เอาขนมที่หิ้วมากินแบ่งให้เป็ด และปลา

จากที่เงียบๆ กลายเป็นเสียงดังสนั่น ไม่ใช่อะไร

เสียงเจ้าเป็ดดีใจ เพราะนานๆจะเจอขนมแปลกๆสักที

ส่วนเจ้าปลาพวกนี้เวลาอ้าปากงับขนม เห็นแล้วหวาดเสียว

นึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าตกลงไปในน้ำจะกัดมั้ยเนี่ย ?

แต่ที่แน่ๆ ปลาสู้เป็ดไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่จะโดนเป็ดเหยียบหัว

โดยเฉพาะเจ้าเป็ดจอมเกเรตัวนี้ ชอบเดินไปบนตัวและหัวของบรรดาเหล่าปลา

เห็นแล้วก็สงสารปลา มัวแต่อ้าปาก แต่ขนมไปอยู่ในท้องเป็ด

หลังจากขนมหมดกระเป๋าแล้ว ก็เดินเล่นต่อไป

ที่นี่ค่อนข้างสงบ อาจเป็นเพราะพวกเรามาค่อนข้างเย็นแล้ว

นอกจากซากุระแล้วยังมีเจดีย์สีแดงใกล้ๆอีกด้วย

ระหว่างเดินชมมาถึงบริเวณนี้ เริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก

ท้ายสุดต้องนั่งลงที่พื้น แล้วถอดเสื้อหนาวออก

จากนั้นก็นั่งเกาไปตามตัว

ตอนนี้ที่หน้าและตัวมีผืนแดงๆ ขึ้นเต็มไปหมด

สวยงามมากครับ  ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

Kung ไม่รอช้ารีบเอายามาพ่นที่คอ เพื่อขยายหลอดลม

คิดแล้วต้องขอบคุณตัวเองที่ไปไหนมาไหนมักจะเอายาติดกระเป๋า

ไม่งั้นวันนี้อาจหมดสติอยู่ข้างสระน้ำก็เป็นได้

มาชมซากุระ ที่เกียวโตค่ะ

คุณเล็กทาโร่ ...ขอบคุณค่ะคุณเล็ก ^_^ มาชมซากุระกันต่อค่ะ

คุณแม่ติดเน็ต...ยินดีเลยค่ะ ^_^

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนนี้ไม่รู้เป็นอะไร post ตั้งหลายครั้ง แต่ post ไม่ได้เลย เฮ้อ

เกือบจะได้ใช้ประกันการเดินทางที่ทำมาสะแล้วสิเรา

เพื่อนกับรุ่นพี่หันมามอง …สองคนนั้นคิดว่า Kung นั่งชมวิวกับสามี

อะไรกัน คุณพี่ … หนูนั่งเกายิกๆ มองยังไงว่านั่งจู๋จี๋กัน

หลังจากหายคัน แล้วก็เดินไปหาเพื่อนทั้งสอง พร้อมเล่าอาการให้ฟัง

รุ่นพี่บอกว่าสงสัยจะแพ้ผงชูรส

พอได้ยินเราถึงกับนึกได้ ว่าทำไมหลังจากกินมื้อเที่ยงถึงรู้สึกร้อนที่หน้า

จากนั้น Kung ไม่กล้ากิน Soba อีกเลย เพราะวันก่อนก็แพ้มาทีหนึ่งแล้ว

พอเริ่มหายใจได้ ก็เริ่มปวดท้องเข้าห้องน้ำอย่างแรง

คราวนี้ทุกคนช่วยกันมองหาห้องน้ำ แต่หายังไงก็ไม่เจอ

โอ๊ว …ขนลุกไปหมดแล้ว จะเดินเร็วก็ไม่ได้ ช้าก็ไม่ดี

ทั้งๆที่ปวดท้อง แต่ระหว่างเดินก็ถ่ายรูปต่อไป

ก็แสงแดดตอนนี้กำลังนุ่มเลย เสียดายจัง

คุณสามี หันมาบอกว่า ไม่ต้องถ่ายรูปแล้ว รีบๆเดิน ปวดท้องอยู่ไม่ใช่เหรอ

ส่วนเพื่อนที่เดินอยู่ข้างหน้าก็หันมามองเป็นระยะๆ คงคิดในใจว่าปวดท้องจริงหรือเปล่า ?

ยี่สิบนาทีผ่านไป เป็นอะไรที่ทรมานมาก แต่พอเห็นทางออกดีใจแทบตาย

แต่เดินออกมาแล้วก็ยังไม่เจอห้องน้ำอยู่ดี

ต้องเดินไปที่อู่รถเมล์ เพราะตรงนั้นมีห้องน้ำ

ไม่อยากบอกเลยว่าตอนเห็นห้องน้ำดีใจขนาดไหน

หลังจากได้ปลดปล่อยของเสียออกจากร่างกาย(ขออภัยที่ไม่สุภาพ)

ก็นั่ง Taxi ไปศาลเจ้า Hirano

ตอนแรกเพื่อนๆบอกว่า กลับบ้านก็ได้นะ

เพราะดูแล้วสภาพของ Kung ไม่น่าจะไปไหนต่อ

แต่ Kung บอกว่าไม่เป็นไรค่ะ Kung ทนได้

18.02 น. ก็มาถึงหน้าศาลเจ้า Hirano เสียค่า Taxi ไป 1,670 yen

ศาลเจ้า Hirano เป็นศาลเจ้าที่คนเกียวโต นิยมมาดูซากุระ เพราะที่นี่มีซากุระหลายพันธุ์

นอกจากซากุระแล้วยังมีโคมไฟ ตั้งเรียงรายอยู่ข้างๆซากุระ ยิ่งเสริมให้ซากุระสวยขึ้นไปอีก

ศาลเจ้านี้ไม่เสียค่าเข้าชม

http://www.geocities.jp/daa01397/

ภายในศาลเจ้าตามต้นไม้ จะมีรูปภาพที่เด็กๆวาด มาวางตั้งไว้

จริงๆปีที่แล้ว Kung ก็มาที่วัดนี้ แบบไม่ตั้งใจ

เพราะเห็นเจ้าซากุระเป็นแนวยาวระหว่างนั่งรถเมล์ไปวัดทอง


http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2010/10/E9865029/E9865029.html

ส่วนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ไม่ใช่อะไร เพราะซากุระสวยดึงดูดใจ

หลังจากเดินได้ซักครู่ก็รู้สึกดีขึ้นมาก

น่ารักจังเลย ...

ตอนนี้ค่อนข้างมืดแล้ว

มองซากุระไม่ค่อยเห็นแล้วหละ

เพื่อนๆ บอกว่าไปหาข้าวเย็นกินกันเถอะ

ระหว่างทางเดินเข้าศาลเจ้ามีร้านอาหาร ตั้งเรียงรายเต็มไปหมด

ดูแล้วก็คล้ายงานวัดบ้านเรา

ได้แต่มอง เพราะพวกเราจะไปกินข้างนอกกัน

จากศาลเจ้าเดินออกมาริมถนน แล้วเลี้ยวซ้ายจะมีร้าน cake อยู่ร้านหนึ่ง
ไปซื้อมา 1 ชิ้น อร่อยดีค่ะ

จากนั้นก็ไปหาอะไรกินกัน ที่ใกล้ๆศาลเจ้า แต่เนื่องจากเห็นรุ่นพี่เค้าอยากทำอาหารกินเอง

และแวะเข้าไปซื้ออาหารที่ supermarket ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศาลเจ้า

ราคาของในนี้ถูกมาก  ... ปลา Salmon 1 pack มี 3 ชั้น สามร้อยกว่าเยนเอง

หลังจากกินมื้อค่ำเสร็จ พวกเราก็ไป Ofuro เสียค่าบริการคนละ 410 yen

อาบน้ำเสร็จกลับมานอนหลับสบายเลยเรา

ว่าแล้วชักติดใจ Ofuro สะแล้ว


ท้ายนี้ขอขอบคุณเพื่อนๆที่แวะมาทักทาย ให้ Give ... สวัสดีค่ะ ^_^

.

อ้าวจบแล้วเหรอคะ  กำลังอ่านเพลินๆ  ซากุระสวยจังเลยค่า

ไปเที่ยวด้วยค่ะ ชอบอะไรที่เป็น Historical Culture แบบนี้จังเลยค่ะ

ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับบ ซากุระสวยจัง

โชคดีจังค่า ได้ไปเห็นซากุระใกล้ๆ ด้วย

วัดญี่ปุ่นมีเสน่ห์เสมอๆ นะคะ เห็นแล้วก็คิดถึงโดยพลัน

บรรยากาศสวยมากๆทั้ง 3 วัดเลยครับ
แต่ประทับใจที่วัด Daikakuji เป็นพิเศษครับ

อยากไปบ้างอ่า...................

คุณ น้ำตาลกะข้าวตัง ... จบแล้วค่ะ ขอบคุณที่แวะเข้ามาทักทายกันนะคะ ^_^

 
  คุณ ZoSha............... ถ้าชอบดูวัฒนธรรมแบบมีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวโตนี่ใช่เลยค่ะ ^_^

  คุณ สายลมแห่งวิงค์... ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันค่ะ ^_^

  คุณ hollaneung ...... ส่วนใหญ่ถ้าไปดูซากุระ ตามที่ที่มีแหล่งชม ก็จะได้ใกล้ชิดอย่างนี้ค่ะ
ญึ่ปุ่นมีเสน่ห์จริงๆ แค่อ่านรีวิว บางทีก็ทำให้ยิ้มได้เหมือนกัน

  คุณ Destiny-Boy ....  ชอบเหมือนกันเลยค่ะ ^_^ หากมีโอกาสไปอย่าลืมแวะไปวัด Daikakuji นะคะ
เพราะว่าวัดนี้นักท่องเที่ยวยังน้อยอยู่ ทำให้เหมือนว่าเรามาพักผ่อนจริงๆเลย

ภาพซากุระที่วัด Daikakuji สวยมากเลยค่ะ ^^

สวยมากๆๆค่ะ อยากไปซะเดี๋ยวนี้เลย
 
จะต้องหาโอกาสตามรอยคุณ kung ให้ได้เลยค่ะ ^ ^

ขอบคุณสำหรับรีวิว ถ่ายรูปสวยมากค่ะ

พักสายตาจากส้มเหลืองแดงมาชมความหวานของซากุระค่ะ

อิจฉาญี่ปุ่นที่เขางามทุกฤดูจริงๆ

สวัสดีครับคุณกุ้ง

น้องใหม่ จิโร่ มารายงานตัวครับ เป็นสมาชิกมานานแต่เพิ่งเริ่มโพสที่นี่กระทู้แรกวันนี้เองครับ

ขอเข้ามาเดินเที่ยวชม ซากุระ ด้วยคนน่ะครับ

  คุณ Blue Whale ... ขอบคุณค่ะ ^_^ ที่นี่นอกจากจะสวยแล้ว ยังมีเป็ด มีปลา ให้ชื่นชมอีกด้วยค่ะ

คุณ like_the_moon ... ขอบคุณค่ะ ^_^ แต่ถ้าจะตามรอยจริงๆ อาจมีเพิ่มบางสถานที่เข้าไปนะคะ

     เพราะบางแห่ง เคยไปแล้ว Kung ก็จะตัดออกจากโปรแกรมค่ะ

คุณ สาวหน้าใส... ขอบคุณค่ะ ^_^ ยินดีมากเลยที่แวะมาทักทายกัน

คุณ ลอร่า อิงกัลส์ ~* ... จริงค่ะ ไม่ว่าจะไปเดือนไหนก็มีอะไรให้ชื่นชมได้ทุกเดือนจริง ๆ ^_^

  คุณ Chris Evert ... สวัสดีค่ะ คุณจิโร่ ^_^  ส่วน Kung อ่านมาตั้งนาน แต่สมัครสมาชิกไม่ เป็น

     ตอนนี้เป็นสมาชิกได้ปีนึงแล้ว ...มาชมซากุระต่อนะคะ ^_^

เป็นอีกหนึ่งเส้นทางในฝันของลุงเลยครับ

เห็นภาพแล้วอยากไปอีกครั้งจังครับ

Give หมดแล้ว ให้  แทนนะคะ ^_^ 

  คุณลุงแบกเป้ ...... ขอให้คุณลุงได้ไปเที่ยวเส้นทางในฝันไวๆนะคะ ^_^

  คุณ Civict2003 ...... Kung ว่าใครได้ไปเห็นซากุระแล้ว ทุกครั้งที่เห็นรูปก็อยากไปอีก ^_^ ว่าแล้วก็คิดถึงจังเลย

เรื่องราวตอนต่อไป ......

+.+.+ Kyoto ขี่จักรยานชมซากุระริมแม่น้ำ Kamo ลองซักครั้งแล้วจะติดใจ +.+.+

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11457857/E11457857.html