นั่งรถบัส-ขึ้นรถไฟ-ไปฮ่องกง! 07 พาสปอร์ตหาย ประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม

ความเดิม

ทริปนั่งรถบัส รถไฟ จากกรุงเทพฯ ปลายทางที่ฮ่องกงของผมเริ่มต้นเมื่อตอนเย็นของวันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2554
ผ่านเวียงจันทน์ ฮานอย ฮาลองเบย์ ซาปา หนานหนิง กุ้ยหลิน กวางโจว เซินเจิ้น จนถึงปลายทางที่ฮ่องกงครับ

____________________________________

ติดตามตอนก่อนหน้านี้ได้ที่นี่ครับ

นั่งรถบัส-ขึ้นรถไฟ-ไปฮ่องกง! 01 หมอชิต เวียงจันทน์
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11434910/E11434910.html

นั่งรถบัส-ขึ้นรถไฟ-ไปฮ่องกง! 02 เวียงจันทน์ถึงฮานอย รถบัส 26 ชั่วโมง
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11435357/E11435357.html

นั่งรถบัส-ขึ้นรถไฟ-ไปฮ่องกง! 03 ฮาลองเบย์ เย็นสุดใจ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11439410/E11439410.html

นั่งรถบัส-ขึ้นรถไฟ-ไปฮ่องกง! 04 สองเท้าก้าวเดิน หนึ่งวันในฮานอย
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11442274/E11442274.html

นั่งรถบัส-ขึ้นรถไฟ-ไปฮ่องกง! 05 ซาปา เมืองน่ารักในม่านหมอก
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11447074/E11447074.html

นั่งรถบัส-ขึ้นรถไฟ-ไปฮ่องกง! 06 เก็บตก ฮานอย ซื้อตั๋ว หนานหนิง
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11448785/E11448785.html

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:22:31 ]
ความเห็นที่ 1

เย็นของวันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2554 เวลาประมาณ 6 โมงครึ่ง

หลังจากที่เรารู้ตัวแล้วว่า กระเป๋าสตางค์ใบเล็กได้หายไปพร้อมกับพาสปอร์ตจากการโดนล้วงกระเป๋าที่ท่ารถเมล์สาย 17 เราก็ไม่สามารถย้อนกลับไปหาพาสปอร์ตได้อยู่ดี เราจึงต้องมองไปข้างหน้า มุ่งไปที่สนามบินทันที เผื่อว่าสายการบินจะช่วยเหลืออะไรเราได้บ้าง หรือมีคำแนะนำอะไรให้กับเราได้บ้าง

ตอนนั้นพวกเรายอมรับครับว่า ไม่รู้ทางออกจริงๆ ไม่รู้จะโทรติดต่อหาใครเพราะไม่มีซิมการ์ดกัน อยู่ที่ว่าจะได้รับคำแนะนำจากที่สนามบินอย่างไร กรณีที่ดีที่สุดคือ ได้รับกรณียกเว้นให้ผ่านประตูไปได้แล้วไปเคลียร์เรื่องที่เมืองไทย แต่ก็เป็นกรณีที่เกิดขึ้นยากที่สุดด้วยเช่นกัน

ก่อนเดินทางมาทริปนี้ เราซีร็อกซ์พาสปอร์ตเก็บเอาไว้แยกต่างหากกับบริเวณที่เก็บพาสปอร์ตครับ เผื่อกรณีฉุกเฉินอย่างกรณีนี้ ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้ใช้มันขึ้นมาจริงๆ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:23:48 ]
ความเห็นที่ 2

เล่าเรื่องมานาน ยังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยครับ เพื่อนผมคนที่ทำพาสปอร์ตหายชื่อ แป้ง นะครับ ส่วนเพื่อนอีกคนที่จะเดินทางกลับพร้อมกับแป้งคืนนี้ชื่อ ไนซ์ ครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:24:07 ]
ความเห็นที่ 3

สนามบินนอยไบ เป็นสนามบินที่อยู่ห่างจากตัวเมืองฮานอยไปทางทิศเหนือราวๆ 35 กิโลเมตรครับ
อันที่จริงแล้ว วิธีการที่จะเดินทางมายังสนามบินนอยไบมีอยู่ 3 วิธีด้วยกัน ก็คือ
1. แท็กซี่ ง่ายสุดและแพงสุดครับ ค่าโดยสารอยู่ที่ 15 เหรียญ (450 บาท)
2. มินิบัส ราคาคนละ 2 เหรียญ ขึ้นรถที่แถวๆทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม
3. รถเมล์สาย 7 หรือสาย 17 โดยกรณีที่อยู่ใกล้ Old Quarter ต้องสาย 17 ครับ ค่าโดยสารคนละ 5,000 ดอง (7.5 บาท)

เนื่องด้วยเหตุผลว่ารถเมล์อยู่ใกล้ที่พักของพวกเราที่สุดและรถก็ออกถี่กว่ามินิบัส เราเลยเลือกมารถเมล์ครับ แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ผิดเพราะมาเจอกับมิจฉาชีพ แต่มันอยู่เหนือการควบคุมของพวกเราจริงๆ

โดนล้วงกระเป๋าครั้งนี้ ทำให้เราได้บทเรียนราคาแพงเลยคือ
1. ถ้าจะมาสนามบินนอยไบ แนะนำมินิบัสดีกว่าครับ ถึงรถจะน้อยกว่า แต่ถ้าจองล่วงหน้าไปก็ไม่มีปัญหาครับ ปลอดภัยกว่ารถเมล์
2. ถ้าสะดวกรถเมล์กว่าจริงๆ ยอมสละไม่ต้องรีบขึ้นรถเป็นกลุ่มแรกหรอกครับ ยอมยืนเพื่อไม่ให้ชุลมุนจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยในร่างกายและทรัพย์สินครับ ไม่นานก็จะมีคนลงรถเรือยๆเอง ที่ว่างก็จะมีครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:24:43 ]
ความเห็นที่ 4

แต่ปัญหามันเกิดขึ้นไปแล้ว เราย้อนกลับไปไม่ได้ ที่ทำได้ตอนนี้คือมองไปข้างหน้า และหาทางแก้ปัญหาครับ เพียงแค่อยากฝากเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์เท่านั้นครับ

เวลาประมาณ 2 ทุ่ม เราก็มาถึงปลายทางของรถเมล์ และนั่งรถกอล์ฟ (5,000 ดอง) ต่อเข้าไปยังอาคาร Terminal ของสนามบินนอยไบ ก็ถึงแล้วครับ ไฟลต์ของกาตาร์แอร์เวย์สจะออก 5 ทุ่มครับ โชคดีที่เรามาเร็วครับ เรามีเวลา 3 ชั่วโมงในการจัดการเรื่องต่างๆ ถ้าหากว่าต้องการจะเดินทางให้ได้ในคืนนี้ครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:25:18 ]
ความเห็นที่ 5

อาคาร Terminal ของสนามบินนอยไบไม่ใหญ่มากครับ สำหรับผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศต้องขึ้นไปที่ชั้น 2 และทันทีที่เราไปถึง เราก็ตรงไปที่ Immigration Department ของสนามบินทันทีครับ

เข้าไปในห้องของดังกล่าว พบว่า มีเจ้าหน้าที่อยู่คนเดียวครับ กำลังนั่งพักผ่อนอย่างสบายอารมณ์
เราพยายามจะบอกกับเจ้าหน้าที่ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ว่าพาสปอร์ตหายที่นั่นที่นี่ เราควรจะต้องทำอย่างไร หรือมีคำแนะนำอะไรมั้ย แต่ดูเหมือนเจ้าหน้าที่จะไม่เข้าใจเราเลยครับ เจ้าหน้าที่พูดได้คำเดียวเลยคือ
“พาสปอร์ตๆ”
ผมก็ย้ำอีกรอบว่า พาสปอร์ตหายๆ จะดูได้อย่างไรกัน
“พาสปอร์ตๆ” คำตอบที่ได้กลับคืนมา
ผมคิดในใจว่า ถ้าอยากดูพาสปอร์ตนักก็ได้ ผมกับไนซ์เลยยื่นพาสปอร์ตไปให้เจ้าหน้าที่ดู ก็พลิกไปดู (ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะดูของผมทำไม ผมไม่ได้เดินทาง)
พอเจ้าหน้าที่รับไปก็ตรวจดูหน้าว่าตรงกับพาสปอร์ตมั้ย (ตรวจทำไมเนี่ย ยังไม่ได้เดินทางเลย) แล้วก็ชี้ๆเหมือนกับจะถามว่า พาสปอร์ตล่ะ
เราก็ตอบไปครับว่า ไม่มีไงครับ
แล้วเจ้าหน้าที่ก็ตอบมาอีกว่า “พาสปอร์ตๆ”
เราสรุปแล้วว่า พวกเราตามลำพังคงไม่สามารถทำให้เจ้าหน้าที่เข้าใจได้ จึงขอพาสปอร์ตคืนและไปติดต่อที่สายการบินแทนทันที

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:25:39 ]
ความเห็นที่ 6

เราเดินไปที่เคาน์เตอร์เช็คอินของกาตาร์แอร์เวย์สครับ อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้พนักงานที่คอยอำนวยความสะดวกตรงที่จัดคิว Check-in ของสายการบินฟังว่าเราโดนขโมยกระเป๋าสตางค์ที่มีพาสปอร์ตที่สถานี Long Bien ในฮานอย คราวนี้โชคดีครับ ที่พนักงานเข้าใจทั้งหมดและรู้สึกเป็นกังวลแทนพวกเรามาก แล้วก็เดินนำพวกเราไปติดต่อที่ Immigration Department (ที่เดิม) ทันทีเลยครับ พนักงานก็น่ารักทีเดียวที่พยายามคุยกับเจ้าหน้าที่ของ immigration คนเดิมให้กับเราเป็นภาษาเวียดนาม อธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ แต่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวกลับตอบกลับผ่านมายังพนักงานของกาตาร์ว่า “ไม่มีพาสปอร์ต ผ่านไม่ได้”

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:25:58 ]
ความเห็นที่ 7

นาทีนั้น แป้งกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ความเข้มแข็งที่พยายามรักษาไว้ตลอดตั้งแต่รู้ตัวว่าพาสปอร์ตหายก็มายุติตรงนี้ ถึงกับปล่อยโฮว่า อยากกลับบ้าน

เราพยายามสอบถามกับเจ้าหน้าที่ว่า พาสปอร์ตฉบับซีร็อกซ์นี้ช่วยอะไรได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่บอกว่า ต้องตัวจริงเท่านั้น เหมือนกับที่ซีร็อกซ์มาก็ไม่มีประโยชน์อันใดเลย

เจ้าหน้าที่คนนี้ก็ไม่ได้ใจร้ายอะไรหรอกครับ เพียงแต่กฎมีมาแล้ว เขาก็ต้องรักษากฎเอาไว้ แถมตอนที่แป้งร้องไห้ ก็ยังมีสีหน้าเหมือนเห็นใจอยู่ด้วย แต่หน้าที่ความรับผิดชอบของเขามีอยู่เท่านั้นจริงๆ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:26:10 ]
ความเห็นที่ 8

พวกเราพร้อมด้วยพนักงานกาตาร์จึงได้ออกมาจากห้องดังกล่าวเพื่อมาสงบสติอารมณ์และวางแผนกันต่อ ผมรีบซื้อซิมการ์ดของ Vinaphone ทันทีครับเพื่อโทรกลับไทยและหาว่าพอจะมีทางออกทางไหนบ้าง โทรหาสถานทูต (ซึ่งไม่มีใครรับสาย) พลางหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตไปด้วย ให้เพื่อนที่เมืองไทยส่งอีเมล์ไปหาสถานทูตไทยประจำฮานอยให้ด้วย

เลยไปเจอลิงค์หนึ่งของคุณ jackiejan ทาง http://jackiejan.มัลติพลายดอทคอม/journal/item/8/8 ครับ เลยได้ข้อสรุปมาว่า
1. ต้องไปแจ้งความ
2. นำใบแจ้งความไปที่สถานทูตไทยเพื่อออกใบ Certificate of Identity (CI) มาให้เรา ซึ่งใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ทำได้แล้วครับ
3. นำใบ CI นี้แหละใช้แทนพาสปอร์ตตอนตรวจที่ด่าน ตม. ก็จะออกเวียดนามได้
แต่ปัญหาของเราสุดหินสุดก็คือ วันนั้นเป็นวันเสาร์ครับ สถานทูตไทยไม่เปิดวันเสาร์-อาทิตย์!

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:26:43 ]
ความเห็นที่ 9

หลังจากที่พวกเราและพนักงานกาตาร์เที่ยวติดต่อหาทางออกไปทั่วสนามบินนอยไบ สุดท้ายก็ยอมแพ้ คงไม่สามารถบินกลับกรุงเทพฯคืนนี้ได้แล้วจริงๆ คงต้องเป็นพรุ่งนี้ (วันอาทิตย์) หรือไม่ก็มะรืนนี้ (วันจันทร์) เลยตัดสินใจยกเลิกที่จะบินวันนี้แล้วรอรับ Refund แทน (รู้สึกว่าจะได้เงินคืนทั้งหมดด้วยนะครับ)

เราพยายามหาคนไทยที่สนามบินที่พอจะช่วยเราได้ เลยพยายามติดต่อไปที่การบินไทยครับ แต่เรามาช้าเกินไป สำนักงานของการบินไทยที่สนามบินเพิ่งจะปิดทำการไป เดินไปอีกหน่อยติดต่อที่สำนักงานของกาตาร์ครับ พนักงานที่นั่นที่ดูเหมือนจะเป็น manager ก็ช่วยเหลือเราเป็นอย่างดีครับ แนะนำให้เราไปพบกับ manager ของการบินไทยวันพรุ่งนี้เพราะคิดว่าน่าจะพอมี connection กับสถานทูตไทยอยู่ อาจจะทำให้ออก CI เป็นการเร่งด่วนในวันอาทิตย์ได้ก็เป็นได้ครับ

ยอดเยี่ยมจริงๆสำหรับกาตาร์แอร์เวย์สที่ช่วยเหลือเราดีมาก แต่มีข่าวร้ายหน่อยๆครับคือ กาตาร์ไม่มีเที่ยวบินวันพรุ่งนี้ แต่จะมีเที่ยวบินของวันจันทร์ (28 พฤศจิกายน) แทน แต่ถ้าเป็นเดือนหน้าจะมีเที่ยวบินทุกวันครับ

เท่าที่ติดต่อจุดนั้นจุดนี้ในสนามบินนอยไบมา เราพอจะจำแนกคร่าวๆได้ 2 ประเภทคือ กลุ่มที่ช่วยเหลือเราได้ กับกลุ่มที่ช่วยเหลืออะไรเราไม่ได้เลย กลุ่มหลังมักจะเป็นกลุ่มที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้และพอเห็นว่าไม่ใช่หน้าที่ความรับผิดชอบของตนเองก็จะบอกปัดหรือไม่ก็ชี้ให้ไปติดต่อคนอื่นและสุดท้ายก็ชี้ไปชี้มากันเองครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:28:42 ]
ความเห็นที่ 10

มาถึงจุดนี้แล้ว สิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้ก็คือ แป้งกับไนซ์ถอดใจเรื่องที่จะบินวันนี้ แล้วรอลุ้นผลวันพรุ่งนี้ว่าจะได้ CI หรือไม่ แต่ถ้าไม่ได้ คงจะต้องบินกลับวันจันทร์ ซึ่งจะเป็นไปได้มากที่สุดแล้วครับ

เวลาตอนนั้นคือ 4 ทุ่มแล้ว สนามบินที่นี่อาจจะปิดก็ได้ ถึงเวลาที่เราต้องกลับเข้าไปยังตัวเมืองเพื่อพักผ่อน ตั้งตัวใหม่ และลุยต่อวันรุ่งขึ้นครับ

ข้อสรุปที่ได้สำหรับวันนี้คือ ใบ CI อาจจะได้วันพรุ่งนี้เป็นกรณี Best Case แต่ถ้าไม่ได้ ก็คงจะเป็นวันจันทร์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องมีใบแจ้งความจากสถานีตำรวจก่อนครับ นี่เป็นโจทย์ยากข้อหนึ่งเลย
เราเดินออกไปที่หน้าสนามบินเพื่อหารถกลับไปยังตัวเมือง ตอนนี้คงมีทางเลือกอยู่ทางเดียวแล้วคือ Taxi เพราะเราเข้าใจว่ามินิบัสหมดตั้งแต่ทุ่มหนึ่งครับ แต่ที่ไหนได้ ตอนที่เราเดินมานั้นกลับเจอมินิบัสคันหนึ่งจอดอยู่ครับ สอบถามราคาดู เขาบอกว่า 3 เหรียญครับ ถึงแม้ราคาปกติจะอยู่แค่ 2 เหรียญ แต่ตอนนั้นเรารีบตอบตกลงทันทีเลยครับ เพราะคนขับบอกว่าจะไปส่งให้ถึงหน้าโรงแรมเลยด้วยซ้ำ

เพียงแต่ตอนนั้นเราวางแผนว่าจะไปที่สถานีตำรวจที่ใกล้จุดเกิดเหตุ (สถานีรถเมล์ Long Bien) ก่อนครับเพื่อหาสถานีตำรวจแถวนั้นเพื่อไปแจ้งความ แต่เหมือนคนขับรถจะไม่เข้าใจสิ่งที่เราพยายามจะสื่อสารครับ เหมือนจะเข้าใจว่าให้ไปส่งที่สถานีรถเมล์ Long Bien เสียด้วยซ้ำ เราเลยบอกคนขับทีหลังครับว่า ขอเปลี่ยนเป็นถนน Ma May ที่โรงแรม Friendly ตั้งอยู่แทนครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:29:06 ]
ความเห็นที่ 11

ดังที่ผมเล่าไปตอนแรกแล้วว่า ทริปของผมจะแบ่งเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงแรก 19 พฤศจิกายน – 26 พฤศจิกายน ที่ผมจะอยู่กับเพื่อนกลุ่มแรก เที่ยวลาวและเวียดนาม และช่วงที่สอง 27 พฤศจิกายน – 4 ธันวาคม ที่ผมจะอยู่กับเพื่อนกลุ่มที่สอง

แต่ในเมื่อกำหนดการเปลี่ยนอย่างนี้ จะกลายเป็นว่า เพื่อนกลุ่มแรกกับกลุ่มที่สองสุดท้ายก็ได้มาเจอกัน และผมก็คงอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ๆในเวียดนามก่อน ก่อนที่กลุ่มแรกจะเดินทางกลับเมืองไทยได้สำเร็จ ถึงจะเดินทางเที่ยวกับกลุ่มที่สองต่อได้ครับ

ระหว่างที่เรากำลังนั่งรถกลับมาฮานอยนั้น เราก็ได้รับโทรศัพท์จากเมืองไทยครับ ได้ความว่า คุณพ่อของไนซ์จะเดินทางมากลับเพื่อนกลุ่มหลังด้วยครับ โดยซื้อตั๋วแอร์เอเชียแบบด่วนพิเศษ บินมาพร้อมเพื่อนๆกลุ่มนี้ เพื่อมาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้และเป็นกำลังใจให้กับพวกเราด้วยครับ นอกจากนี้จะได้ถือโอกาสทัวร์ฮานอยกับพวกเราด้วย ขอบคุณจริงๆครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:29:32 ]
ความเห็นที่ 12

หนึ่งชั่วโมงครึ่งถัดมา เราก็มาอยู่ที่หน้าโรงแรม Friendly โชคดีจริงๆที่โรงแรมยังไม่ปิด พนักงานเห็นพวกเราครบหน้าครบตาก็ตกใจอยู่ไม่น้อย เราเลยอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังครับ พนักงานก็ยินดีให้เราพักอยู่ในห้องที่จองไว้ทั้งหมด 3 คน ทั้งที่ตอนแรกผมบอกว่าจะพักคนเดียวแท้ๆ (โชคดีครับที่เป็นห้องสำหรับ 4 คน) แถมคิดราคาเพิ่มจาก 14 เหรียญเป็น 15 เหรียญเท่านั้นเองครับ เรียกว่ามีน้ำใจจริงๆสำหรับคนกำลังตกที่นั่งลำบากอย่างเรา

เราพยายามสอบถามครับว่าจะไปสถานีตำรวจแถวนี้ได้อย่างไร พนักงานบอกเราว่า สถานีตำรวจที่ฮานอยตอนนี้ปิดแล้วครับ จะเปิดอีกทีพรุ่งนี้เช้า (ผมสงสัยเหมือนกันว่าถ้าสถานีตำรวจไม่เปิด 24 ชั่วโมงแล้วบ้านเมืองจะมีระเบียบได้อย่างไร) พนักงานบอกว่าถ้าเปิดแล้ว เขาจะพยายามติดต่อประสานให้ครับเรื่องการแจ้งความพาสปอร์ตหาย

เราประทับใจในความจริงใจและความช่วยเหลือของเขามากครับ แต่ด้วยสถานการณ์อย่างนี้ เรามองว่าภาษาอังกฤษของพนักงานของโรงแรมนี้ยังไม่แน่นเท่าไหร่นัก เพราะเป็นโรงแรมที่บริการแบบกันเองๆมากกว่า ตอนแรกเราอยากจะให้เขาไปที่สถานีตำรวจให้เพื่อให้ช่วยคุยกับตำรวจ (เพราะเราได้ข้อมูลมาว่าตำรวจฮานอยพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ต้องพาคนที่พูดภาษาอังกฤษมาด้วย) แต่สุดท้าย เราก็เห็นใจครับว่าพนักงานที่โรงแรมนี้มีน้อย ถ้าคนนี้ไม่อยู่แล้วใครจะรับแขกล่ะ

ด้วยเหตุผลที่ว่ามานี้ พวกเราเลยตัดสินใจว่า พรุ่งนี้คงย้ายไปที่โรงแรม Rising Dragon แทนครับ พนักงานที่นั่นเยอะกว่า ภาษาอังกฤษแน่นกว่า ห้องพักดูดีกว่า และน่าจะเหมาะสมกว่าเวลามีผู้ใหญ่มาพักด้วยครับ (โรงแรมที่ Friendly จะออกแนวเก่าๆหน่อย)

ด้วยความลุ้นระทึกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งวัน เราใช้เวลาที่เหลืออยู่ในการค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตเพื่อหาความช่วยเหลือครับ เลยเที่ยงคืนมาแล้ว เราก็เข้านอน เพื่อเก็บแรงสำหรับวันรุ่งขึ้น แม้จะนอนไม่ค่อยหลับกันก็ตาม อาจจะเพราะความหิวที่ไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เที่ยงด้วยครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:30:02 ]
ความเห็นที่ 13

วันที่ 9 – อาทิตย์ 27 พฤศจิกายน 2554

เนื่องจากเที่ยวบินของแอร์เอเชียจะมาถึงตอน 8:40 น. เราจึงต้องออกเดินทางกันแต่เช้าครับ พอเวลาประมาณ 7:15 น. เรามาถึงจุดขึ้นรถมินิบัสที่จะไปยังสนามบินนอยไบกลับได้คำตอบว่า รถรอบต่อไปที่จะไปนอยไบออกตอน 8 โมงเช้า ถ้าจะไปตอนนี้ต้องไป Taxi เท่านั้น ราคาคนละ 5 เหรียญ ทั้งหมดก็ 15 เหรียญครับ

แม้ราคาจะแพงไปหน่อย แต่ตอนนี้ผมเริ่มถือคติ “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” แล้วครับ ถ้าถึงสนามบินช้า อาจจะอีกกลุ่มกันไม่เจอ และทำให้มีเวลาติดต่อเรื่องต่างๆได้ช้าลงด้วย
เลยตัดสินใจไปกับ Taxi ครับ ต้องย้ำให้ชัดเจนครับว่าราคานี้ ไม่มีชาร์จเพิ่ม

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:30:27 ]
ความเห็นที่ 14

รถแล่นเร็วเหมือนกัน ไม่ถึงชั่วโมงเราก็มาถึงสนามบินนอยไบ

สิ่งแรกที่เราทำคือหาอะไรทานกันก่อน ร้านที่สนามบินนอยไบไม่ใช่ถูกๆเลยครับ ทั้งที่ราคาอาหารในประเทศเวียดนามจะถูกมากก็ตาม สุดท้าย เรามาได้ขนมปังที่ร้านแห่งหนึ่ง 40,000 ดองและกาแฟอีกหน่อยๆรองท้องเพื่อให้หัวแล่นครับ

ตอนนี้แป้งใจลอย เหม่อๆ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว น่าเห็นใจจริงๆ

พออิ่มท้อง เราก็ไปติดต่อที่สำนักงานของการบินไทยครับ ปรากฏว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ สำนักงานไม่เปิดครับ นั่นหมายถึงว่า โอกาสที่จะได้ CI วันนี้ (วันอาทิตย์) ก็ไม่มีแล้วด้วย

แต่ไม่เป็นไรครับ เราทำใจไว้ล่วงหน้าแล้ว เพราะคิดว่าเวลาจัดการเรื่องต่างๆก็คงไม่พอด้วย เพราะยังต้องเดินเรื่องแจ้งความ ติดต่อสถานทูต ฯลฯ อีก เลยคิดว่า คงกลายเป็นกลับวันจันทร์แน่นอนแล้ว

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:30:57 ]
ความเห็นที่ 15

เวลาประมาณ 9 โมงกว่าๆ เพื่อนอีกกลุ่มก็มาพร้อมหน้าพร้อมตากันที่สนามบินนอยไบครับ พร้อมด้วยคุณพ่อของไนซ์

มาถึงแล้ว ตอนนี้สมาชิกของกลุ่มเรามีทั้งหมด 7 คนครับ ได้แก่ ผม ไนซ์ แป้ง คุณพ่อของไนซ์ และเพื่อนผมอีกสามคนครับ (เติ๊ด เอ็ม และปลั๊ก จะแนะนำให้รู้จักอีกทีครับ)

เมื่อทุกคนมาถึง ผมก็ประชุมเพื่อนกลุ่มหลังทันทีครับ เพราะการเดินทางของเราต้องมีเปลี่ยน จากเดิม แผนการของเราเป็นดังนี้ครับ
อาทิตย์ 27 พฤศจิกายน เที่ยวฮานอย กลางคืน รถไฟไปหนานหนิง
จันทร์ 28 พฤศจิกายน เที่ยวหนานหนิง
อังคาร 29 พฤศจิกายน – พุธ 30 พฤศจิกายน เที่ยวกุ้ยหลิน หยางซั่ว ตกกลางคืน นั่งรถไฟไปกวางโจว
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม เที่ยวกวางโจว
ศุกร์ 2 ธันวาคม เที่ยวเซินเจิ้น
เสาร์ 3 ธันวาคม – อาทิตย์ 4 ธันวาคม เที่ยวฮ่องกง

สุดท้าย เนื่องจากผมต้องอยู่ทำธุระเรื่องพาสปอร์ตชั่วคราวของแป้งที่ฮานอยจนถึงวันจันทร์ และทุกคนก็ตกลงว่าจะอยู่ที่ฮานอยด้วยกัน จะได้มีเวลาเที่ยวฮานอยมากขึ้นด้วย เลยตัดสินใจเปลี่ยนแผนกันครับ โดยตัดเมืองกุ้ยหลินออกไป (แม้จะจองโฮสเทลและจ่ายบางส่วนไปแล้วก็ตาม) ทำให้แผนการเดินทางเปลี่ยนเป็นดังนี้ครับ
อาทิตย์ 27 พฤศจิกายน – จันทร์ 28 พฤศจิกายน เที่ยวฮานอย
อังคาร 29 พฤศจิกายน เดินทางแต่เช้าด้วยรถบัสไปหนานหนิง (ใช้เวลา 8 ชั่วโมง) พักหนานหนิง
พุธ 30 พฤศจิกายน เที่ยวหนานหนิง กลางคืน นั่งรถไฟไปกวางโจว
หลังจากนั้น 1-4 ธันวาคม แผนการเที่ยวของเราก็จะกลับมาเหมือนเดิมแล้วครับ กวางโจว เซินเจิ้น ฮ่องกง

ทุกคนยินดีเปลี่ยนแผนตามนี้ครับ ถึงตรงนี้แล้ว ต้องขอโทษทุกคนที่ตามอ่านกระทู้ของผมด้วยนะครับที่ผมเขียนไว้ตอนต้นว่ามีแผนจะไปกุ้ยหลินด้วย แต่เพราะเหตุการณ์สุดวิสัยที่เกิดขึ้นทำให้เราต้องเปลี่ยนแผนและไม่ได้ไปกุ้ยหลิน ต้องขอโทษคนที่รออ่านทริปกุ้ยหลินของผมอย่างมากครับ ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าที่ผมได้ไปกุ้ยหลิน จะเอามารีวิวที่นี่แน่นอนครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:31:33 ]
ความเห็นที่ 16

เราเลยใช้เวลาที่เหลือในการแลกเงิน และวางแผนทุกอย่างให้ลงตัวกันก่อน

ระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่นั่น เราได้พบกันคนไทยคนหนึ่งครับ รู้สึกเหมือนจะเพิ่งลงเครื่องมาเหมือนกัน คนไทยคนนี้เข้ามาให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องพาสปอร์ตมากมายครับซึ่งเป็นประโยชน์มากจริงๆ พูดคุยจึงได้รู้ว่ามาเรียนต่อที่เวียดนามครับ จึงรู้เรื่องบ้านเมืองนี้เป็นอย่างดี แถมยังได้แลกเบอร์ติดต่อเอาไว้ด้วยครับเผื่อจะมีเหตุฉุกเฉิน สุดท้าย จึงได้รู้ครับว่า คนนี้คือ รองคณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ครับ ขอบคุณที่มีเมตตาให้ความช่วยเหลือพวกเราครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:31:57 ]
ความเห็นที่ 17

พวกเรากลุ่มๆใหญ่เดินออกไปยังจุดที่ขึ้นรถมินิบัสเมื่อคืนนี้ครับ ค่าบริการในเวลานี้คนละ 2 เหรียญเท่านั้นครับ แต่รถจะไปส่งที่ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม ไม่ได้แวะไปส่งที่โรงแรมเหมือนเมื่อคืนนี้ครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:32:31 ]
ความเห็นที่ 18

ทันทีที่ไปถึงทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม ก็เลยเวลาเที่ยงมาแล้วครับ ถึงเวลาที่จะต้องทานอะไรบ้างแล้ว

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:32:56 ]
ความเห็นที่ 19

พวกเราจึงไปฝากท้องที่ร้านริมทะเลสาบ (ที่ผมทานเฝอเป็นอาหารเช้ามาเมื่อวานนั่นแหละครับ)

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:36:08 ]
ความเห็นที่ 20

กาแฟเย็นๆ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:36:20 ]
ความเห็นที่ 21

จากนั้น เลยเวลาบ่ายโมงมานิดๆ ก็เดินไปที่โรงแรม Friendly Travel เพื่อ Check-out และทำการ Check-in ที่โรงแรม Rising Dragon ครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:36:48 ]
ความเห็นที่ 22

โดยแบ่งเป็นของกลุ่มที่จะเดินทางกลับไทยวันจันทร์นี้อยู่ห้องหนึ่ง และกลุ่มที่จะเดินทางต่ออยู่อีกห้องหนึ่ง แม้จะเป็นห้องสำหรับ 3 คน แต่พนักงานก็ยินดีให้เราพัก 4 คนได้ครับ แถมคิดราคาให้เท่าเดิมเลยคือ 30 เหรียญ อาจจะด้วยเพราะ Receptionist คนนี้จำพวกเราได้ด้วยครับ ประทับใจจริงๆ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:37:07 ]
ความเห็นที่ 23

พอเราเล่าเกี่ยวกับเรื่องพาสปอร์ตให้ฟังแล้ว พนักงานก็รู้สึกเป็นห่วงเป็นใยมากครับ แต่เนื่องด้วยพนักงานมีจำกัด ทำให้ต้องรอพนักงานอีกคนมาก่อนครับถึงจะไปติดต่อที่สถานีตำรวจให้ได้ครับ พนักงานที่ผมหมายถึงนี่คือ เฮียหมู นั่นเอง

คุยไปคุยมา เราถึงได้รู้ครับว่า เฮียหมู อยู่รุ่นราวคราวเดียวกับพวกเรา ยังเป็นนักศึกษาอยู่ ตอนกลางวันต้องไปเรียนหนังสือครับ ตอนกลางคืนก็มารับงานเป็น Receptionist ที่โรงแรมนี้ เราถึงเข้าใจครับว่าทำไมหน้าตาเฮียหมูถึงดูง่วงตลอดเวลา ฮา

กลับมาคราวนี้ มีต้นคริสต์มาสประดับด้วยครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:37:25 ]
ความเห็นที่ 24

หลังจากที่เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องแล้ว ผมกับเพื่อนชายอีก 3 คนจึงขอแยกเพื่อเดินทางไปคืนตั๋วที่สถานี GA GIA LAM เพราะผมรู้มาจากตอนที่เดินสำรวจสถานีรถไฟ GA HA NOI เมื่อวานว่า หากคืนตั๋วก่อนออกเดินทาง 6 ชั่วโมง จะสามารถเรียกคืนได้ 80 เปอร์เซ็นต์ครับ

กำหนดการที่รถไฟออกในคืนนั้นคือ 21:40 น. นั่นหมายความว่าต้องคืนตั๋วก่อนเวลา 15:40 น.
เราเรียก Taxi ไปยังสถานี GA GIA LAM ด้วยวิธีการเหมาไป Taxi คิดราคา 50,000 ดอง (75 บาท) ผมถึงได้รู้ครับว่า ที่จริงแล้ว Taxi เมืองนี้ไม่ได้แพงเลย ฮา

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:38:19 ]
ความเห็นที่ 25

ขึ้นสะพาน ข้ามไปฝั่งตรงข้ามแม่น้ำแดง

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:38:31 ]
ความเห็นที่ 26

ถึงสถานีแล้ว (มิเตอร์ขึ้น 49,000 ดอง เป๊ะเลย Taxi ที่นี่กะแม่นจริงๆ)

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:38:57 ]
ความเห็นที่ 27

ผมเดินไปที่เคาน์เตอร์ที่ผมซื้อตั๋วไปเมื่อวานนี้เพื่อคืนเงินครับ แต่เจ้าหน้าที่วันนี้พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่สุดท้ายก็สื่อสารกันเข้าใจครับ ราคาตั๋วเดิมใบละ 467,000 ดอง เราเรียกคืนได้ 80 เปอร์เซ็นต์ คือได้มาใบละ 373,000 ดอง แฮปปี้กันถ้วนหน้าครับ เพราะตอนแรกคิดว่าจะ Refund คืนไม่ได้แล้ว

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:39:13 ]
ความเห็นที่ 28

โล่งใจไปหนึ่งแล้ว เราก็โบก Taxi กลับครับ แต่จะโบกจากที่หน้าสถานี GA GIA LAM ไม่ได้นะครับ เพราะถนนโล่ง ไม่มีรถเลย ต้องเดินออกมาหน่อยทางสถานี Ben Xe GIA LAM ครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:39:30 ]
ความเห็นที่ 29

คราวนี้เป็น Taxi Meter ครับ เนื่องจากว่าต้องขับอ้อมหน่อยๆเพราะทางที่มาเป็น One Way ค่าโดยสารที่กลับไป Old Quarter ตกที่ 57,000 ดอง ซึ่งก็ไม่แพงอยู่ดีครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:39:53 ]
ความเห็นที่ 30

เวลาตอนนั้นประมาณบ่าย 3 โมงครึ่งแล้ว เฮียหมูก็ยังไม่มา เราเลยได้แต่นั่งรอครับ

จึงถึงประมาณ 5 โมงกว่าๆ จึงมีพนักงานอีกคนหนึ่ง (ที่ไม่ใช่สุภาพสตรีที่เราคุยด้วยตอนแรก) เข้ามาคุยด้วยครับ ทันทีที่รู้เรื่อง พนักงานคนนี้ก็ร้องอ้อทันทีครับ เขาบอกว่าเขาเพิ่งรู้ว่าเราทำพาสปอร์ตหาย ต้องการได้ใบแจ้งความนี่เอง (จริงๆอยู่ตรง Reception กับเรานานแล้วครับ แต่ไม่ได้คุยกันเพราะเราคุยกับพนักงานผู้หญิงอีกคนหนึ่งอยู่และเฮียคนนี้ก็อยู่ตรง Travel Information ครับ)

เขาบอกเราครับว่า “we have good connection with this police station” คือ เขามี connection กับสถานีตำรวจประจำถนน Hang Bac ครับ ถ้าต้องการใบแจ้งความก็ง่ายนิดเดียว แค่บอกเขาครับ เดี๋ยวเขาจะไปดำเนินเรื่องให้เลย

พอรู้ดังนั้น เรายิ้มเลยครับ

พนักงานคนนี้บอกเราว่า วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ปกติจะมีตำรวจประจำที่สถานีเพียงคนเดียว แต่ถ้าใส่ซองไปนิดหน่อย ตำรวจก็จะดำเนินการให้ได้เลยครับ ตอนแรกเราคิดว่าจะเรียกเราโหด แต่เอาเข้าจริงก็ประมาณ 300-400 บาท เท่านั้นเอง

ยิ้มออกทันทีเลยครับ อีกไม่นาน แป้งกับทุกคนก็จะได้กลับบ้านแล้ว

พนักงานยังบอกเราด้วยนะครับว่า ถ้าใครพาสปอร์ตหาย ให้มาที่ Rising Dragon ได้เลย

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:40:19 ]
ความเห็นที่ 31

ต้องบอกว่า เราโชคดีจริงๆครับ ที่เรามาที่ Rising Dragon

เจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี ยินดีเป็นธุระให้ ที่สำคัญคือ มีทางลัดให้เราคุยกับตำรวจได้ง่าย ดีใจจริงๆ

ไม่นานนัก พนักงานคนนี้ก็เอาแบบฟอร์มใบแจ้งความมาให้ เป็นแบบฟอร์มภาษาอังกฤษครับ แต่ย้ำให้เราเขียนเรื่องว่า ทำพาสปอร์ตหายที่ถนน Hang Bac ครับ เพราะตามระเบียบแล้ว ถ้าพาสปอร์ตหายที่ไหนต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจที่อยู่ในความรับผิดชอบพื้นที่แห่งนั้นเท่านั้น

แป้งเขียนไปตามนั้นครับ แต่ไม่ได้ลงลายเซ็น เพราะว่า ใบที่เขียนไปนี้ยังใช้ไม่ได้ครับ ใบที่ใช้ได้ต้องเขียนเป็นภาษาเวียดนาม ซึ่งพนักงานคนนี้จะไปเขียนใบแจ้งความเป็นภาษาเวียดนามให้ที่สถานีตำรวจโดยจะแปลสิ่งที่เราเขียนลงไปให้เสร็จสรรพเลยครับ

พนักงานบอกเราว่า ช่วงดึกๆใบแจ้งความภาษาเวียดนามที่ว่าจะกลับมาที่โรงแรม เพื่อให้เรามาเซ็นท้ายจดหมาย

โรงแรมนี้ ไม่เรียกว่าสุดยอด ก็จะเรียกว่าอะไรแล้ว

ใบแจ้งความกำลังจะเรียบร้อยแล้ว เหลืออีกแค่ขั้นเดียวคือติดต่อสถานทูต ซึ่งจากที่อ่านมา ขั้นตอนนี้ไม่ใช่ปัญหาเลยครับ เจ้าหน้าที่ที่สถานทูตช่วยเหลือคนไทยด้วยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:40:44 ]
ความเห็นที่ 32

โล่งขนาดนี้ สบายใจไปมากครับ ผม ไนซ์ แป้ง และคุณพ่อของไนซ์เริ่มอยากพักผ่อนจากเรื่องที่เครียดมาทั้งวัน เลยคิดจะไปตามหาโรงหนังเพื่อดูหนังสักเรื่องให้สบายใจ

ส่วนแก๊งเพื่อนผมอีก 3 คนก็ขอออกแยกไปตามหาเนื้อเอ๋งมาทานครับ แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวัง เพราะช่วงนี้เป็นช่วงต้นเดือน (ตามปฏิทินความเชื่อของเวียดนาม) ซึ่งคนเวียดนามจะงดทานเนื้อสุนัข 10 วัน งานนี้เลยไปทานร้านอาหารที่อยู่ถนน MA MAY แทน เพราะได้คำแนะนำมาจากนักท่องเที่ยวแคนาดาที่มาเที่ยวที่นี่นานเหมือนกัน

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:41:10 ]
ความเห็นที่ 33

อาหารเต็มโต๊ะเลย

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:41:27 ]
ความเห็นที่ 34

กลับมาที่กลุ่มที่ไปดูหนังนะครับ พวกเราให้พนักงานโรงแรมโบกแท็กซี่ไปโรงหนังที่ใกล้ที่สุด คือ MEGA STAR ที่ตึก VINCOM CITY TOWER ต้องนั่งแท็กซี่ออกไปทางใต้ของฮานอยครับ ค่าแท็กซี่ก็ 50,000 ดอง ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 6 ก็ถึงโรงหนังแล้ว

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:41:49 ]
ความเห็นที่ 35

บรรยากาศที่ตึก VINCOM CITY TOWER ครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:42:03 ]
ความเห็นที่ 36

ขึ้นมาชั้น 6 แล้วครับ

ไม่รู้จะดูเรื่องอะไรเลยดู TIN TIN ไปครับ ตั๋วหนัง 90,000 ดอง (145 บาท) ได้ที่นั่ง VIP เลยทีเดียว

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:42:16 ]
ความเห็นที่ 37

ก่อนหนังจะเริ่ม ขอข้าวเย็นกันก่อน ก็นี่เลยครับ Pho 24 ร้านโปรดของเรา

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:42:34 ]
ความเห็นที่ 38

เสร็จสรรพ เดินชมห้างหน่อย เจอร้านช็อคโกแล็ตชื่อดัง ลดราคาเยอะมาก

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:42:48 ]
ความเห็นที่ 39

จากนั้นเข้าไปดูหนัง โรงหนังที่นี่ออกจะเล็กกว่าบ้านเรา แต่ที่นั่งไม่ต่างกันครับ พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ชัดเจนมากเลย เพราะดูแล้วยังเป็นนักศึกษาอยู่ครับ

บรรยากาศหน้าโรงหนัง

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:43:05 ]
ความเห็นที่ 40

หนังจบ โรงหนังก็เกือบจะปิดแล้วครับ กว่าจะออกจากห้างได้ก็งงเล็กน้อย ออกมาหน้าห้างแล้วก็เรียก Taxi กลับที่พักครับ ค่าโดยสารคราวนี้แบบไม่ต้องขับอ้อม แค่ 30,000 ดองเท่านั้นเอง คุ้มมากมาย

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:43:25 ]
ความเห็นที่ 41

ไม่นานนักก็ถึงที่พักครับ จากนั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่หน้าโรงแรมครับ เอาใบแจ้งความที่เขียนเป็นภาษาเวียดนามมาด้วยครับ ขั้นตอนตอนนี้ไม่ยากเลยครับ แค่เซ็นชื่อเท่านั้นเอง มาทางลัดนี่ก็สะดวกดีเหมือนกันนะ

พนักงานโรงแรมบอกว่า พรุ่งนี้เช้า ตำรวจจะเอารายงานการแจ้งความที่เสร็จสมบูรณ์มาส่งที่โรงแรมให้เลยครับ นำใบนี้ไปติดต่อสถานทูตก็เรียบร้อย

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:43:36 ]
ความเห็นที่ 42

เท่านี้ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วครับ เวลาที่เหลืออยู่ของคืนนั้น เราจองตั๋วเครื่องบินของกาตาร์แอร์เวย์สสำหรับบินกลับคืนพรุ่งนี้ (เราถูกใจตั๋วของสายการบินนี้มากครับ ไม่ว่าจะจองเร็วหรือช้าก็คิดราคาแค่คนละ 100 เหรียญเท่านั้นเอง บริการก็ดีมากอย่างที่เล่าให้ฟังครับ) จากนั้น ก็ออกไปเดินเล่นกัน ดูบอลคู่เด็ด จากนั้นก็กลับที่พักมานอนแล้วครับ อีกอึดใจเดียวเท่านั้น

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:43:48 ]
ความเห็นที่ 43

วันที่ 10 – จันทร์ 28 พฤศจิกายน 2554

เช้ามา เราได้ยินเสียงโทรศัพท์จาก Receptionist ว่าใบสำคัญจากสถานีตำรวจที่ว่ามาส่งแล้ว
หลังจากนั้น เราลงมาทานอาหารเช้ากับทางโรงแรมครับ เมื่อถึงเวลา ผม ไนซ์ แป้ง และคุณพ่อของไนซ์ก็เตรียมเดินทางไปที่สถานทูตไทยประจำกรุงฮานอย ส่วนเพื่อนที่เหลืออีก 3 คน มีหน้าที่ตามหาตั๋วรถบัสไปหนานหนิงในวันพรุ่งนี้ครับ

10 โมงกว่าแล้ว เราเรียก Taxi เพื่อเดินทางไปยังสถานทูตไทย แม้ว่า Taxi จะหลงทางหน่อยๆ แต่สุดท้ายก็พาเรามาส่งที่นี่ได้ครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:44:09 ]
ความเห็นที่ 44

ที่นี่ค่อนข้างแคบอยู่เหมือนกัน แต่ได้เข้าแผ่นดินไทยในต่างแดน เท่านี้ก็อุ่นใจแล้วครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:44:36 ]
ความเห็นที่ 45

เมื่อเข้าไปติดต่อด้านใน บอกว่าพาสปอร์ตหาย เจ้าหน้าที่ก็เข้าใจพวกเราทันทีเลยครับ แถมเริ่มบทสนทนากับพวกเราเป็นภาษาไทย รู้สึกเหมือนได้กลับบ้านเลย แถมเจ้าหน้าที่ยังพูดๆด้วยครับว่า “เวียดนามตอนนี้ไม่ปลอดภัยแล้ว”

คิดในแง่ดีคือ ครั้งหนึ่งก็เคยปลอดภัยล่ะครับ แต่ถึงอย่างไรแล้ว มิจฉาชีพมีอยู่ทั่วโลกล่ะครับ อยากให้ทุกคนระวังตัวเอาไว้มากๆนะครับ

จากนั้น เจ้าหน้าที่ก็ส่งแบบฟอร์มฉบับหนึ่งให้พวกเรากรอกครับยาวเหมือนกัน บอกด้วยว่า ขอรูปถ่าย 2 นิ้วจำนวน 4 ใบ เราเลยแยกกันครับโดยให้ไนซ์กรอกข้อมูลเท่าที่กรอกได้ไปก่อน ส่วนผมกับแป้งจะไปถ่ายรูป 2 นิ้วที่ร้านที่ใกล้ที่สุด เจ้าหน้าที่ยังใจดีบอกตำแหน่งของร้ายให้ด้วยนะครับ
พบว่าอยู่ไม่ไกลจากสถานทูตเท่าไหร่ เดินไปประมาณ 600 เมตรเท่านั้น

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:45:53 ]
ความเห็นที่ 46

สำหรับคนที่เดินทางมาต่างประเทศ แนะนำให้พกรูปถ่าย 2 นิ้วมาด้วยนะครับ ที่จริงแล้วแป้งก็พกมา แต่ว่าหายไปพร้อมกับกระเป๋าสตางค์นั่นแหละครับ

เดินมาไม่ไกล เราก็มาถึงร้านฟูจิฟิล์ม ไม่ไกลจากสถานีรถไฟด้วยครับ

ถ่ายรูปด่วนที่นี่ต้องรอ 20 นาทีนะครับ แต่น่าเสียดายที่พอถ่ายเสร็จประมาณ 11 โมงครึ่ง เดินกลับไปสถานทูต เจ้าหน้าที่ก็ปิดพักเที่ยงพอดี และที่นี่พักเที่ยงกันนานด้วยนะครับ คือ 2 ชั่วโมงตามสไตล์อาณานิคมของฝรั่งเศส เปิดอีกทีบ่ายโมงครึ่งครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:46:22 ]
ความเห็นที่ 47

เราเลยใช้เวลานี้เดินเล่น จิบกาแฟ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:46:41 ]
ความเห็นที่ 48

เดินชมพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ของฮานอย

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:46:57 ]
ความเห็นที่ 49

เดินชมเลนินปาร์ค

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:47:15 ]
ความเห็นที่ 50

เดินผ่านร้านกาแฟร้านหนึ่ง ข้างๆพิพิธภัณฑ์ทหาร

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:47:30 ]
ความเห็นที่ 51

ก่อนจะกลับมาที่สถานทูตไทยอีกครั้งครับ

มาตอนแรก เจ้าหน้าที่ยังไม่มาครับ

ระหว่างรอมีเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยโทรเข้ามือถือผมด้วยครับ เหตุเพราะเพื่อนของผม (เติ๊ด) ส่งอีเมล์เล่าเรื่องราวในคืนวันที่พาสปอร์ตหายไปให้กับสถานทูตไทยที่เวียดนามด้วย คาดว่าเจ้าหน้าที่คงเพิ่งเปิดอีเมล์ เลยโทรกลับมาหาผม ผมเลยบอกว่าเดินเรื่องไปบ้างแล้วครับ เท่านี้ก็ประทับใจในน้ำใจของคนไทยแล้วครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:47:51 ]
ความเห็นที่ 52

ไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็มาครับ รับแบบฟอร์มของเราไป รับรูปของแป้งไป เราใช้เวลาที่นี่ไม่ถึงชั่วโมง ก็ได้ Certificate of Identity (CI) แล้วครับ โชคดีที่เรามีพาสปอร์ตฉบับซีร็อกซ์มาด้วย ทำให้เรื่องดำเนินการไปเร็ว สีหน้าของแป้งดูดีขึ้นมามากทันที (ดีใจมากจนลืมบัตรประชาชนไว้ที่นี่จนตอนนั่ง Taxi ไปที่สนามบินของคืนนี้ยังต้องแวะเข้ามารับบัตรคืน ฮา)

เสริมอีกนิดนึงครับ การมาทำใบ CI นี้ต้องมีใบแจ้งความมาก่อนด้วยนะครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:48:17 ]
ความเห็นที่ 53

อุ่นใจแล้ว ถึงเวลาข้าวเที่ยงครับ เราเข้าร้านนี้ครับ Highlands Coffee ที่เล็งเอาไว้

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:48:44 ]
ความเห็นที่ 54

ใกล้ๆจะเป็นพิพิธภัณฑ์ทหารครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:49:05 ]
ความเห็นที่ 55

มีหอธงด้วย

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:49:21 ]
ความเห็นที่ 56

ไม่นาน กาแฟก็มาครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:49:41 ]
ความเห็นที่ 57

อาหารก็มา สังเกตว่าสีหน้าแป้งดูดีขึ้นมาก

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:49:52 ]
ความเห็นที่ 58

จากนั้นก็เรียก Taxi กลับโรงแรมครับ

ด้วยความเหนื่อยล้าจากภารกิจของวันนี้ เวลาที่เหลือจึงเป็นการพักผ่อนทั้งบ่ายเลยครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:50:07 ]
ความเห็นที่ 59

เล่าเรื่องที่แก๊ง 3 สหายซื้อตั๋วรถบัสไปหนานหนิงนิดนึงนะครับ

รถบัสไปหนานหนิงจะออกที่หน้าโรงแรม Hong Ha ไม่ไกลจากทะเลสาบฮว่านเกี๋ยวเท่าไหร่ เพื่อนๆเลยไปซื้อตั๋วที่นั่นครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:50:35 ]
ความเห็นที่ 60

แต่พนักงานขายตั๋วกลับไม่อยู่ เลยต้องไปตระเวนซื้อที่อื่น ถึงขั้นต้องนั่ง Taxi ข้าม Old Quarter ไปซื้อกันเลยทีเดียว จึงจะได้ค่าตั๋วรถบัสไปหนานหนิง 495,000 ดอง (743 บาท) มาครอบครองครับ หนานหนิงเข้ามาใกล้พวกเราอีกครั้งแล้ว

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:50:57 ]
ความเห็นที่ 61

ตกเย็นครับ เวลาประมาณ 6 โมง ถึงเวลาข้าวเย็น

ก่อนจะออกเดินทางตามหาข้าวเย็น ด้วยความผูกพันกับโรงแรมนี้ จึงขอถ่ายรูปกับพนักงานของโรงแรมครับ ประทับใจมาก ถ้ามีโอกาสผมจะกลับมาที่นี่อีกแน่นอน

คนใส่เสื้อกันหนาวสีดำคนนี้แหละครับ พนักงานที่ประสานงานกับตำรวจให้กับเรา

ส่วนเสื้อสีส้มนั่นคือพนักงานหญิงที่ใจดีมากครับ เป็น Receptionist ช่วงกลางวัน

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:51:33 ]
ความเห็นที่ 62

คนเสื้อขาว ซ้ายมือสุด ใส่แว่นนี่แหละครับ เฮียหมูของเรา

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:51:49 ]
ความเห็นที่ 63

เนื่องจากแก๊ง 3 สหายประทับใจร้านอาหาร NEW DAY RESTAURANT ที่ถนน MA MAY เมื่อวานนี้มาก วันนี้จึงไปอีกรอบครับ ตำแหน่งของร้านนี้ทำเอาผมเกาหัวเลย เพราะดันตั้งอยู่ข้างๆ Friendly Travel เลย เรียกว่า ไม่ต้องไปไหนแล้วครับ ใช้ชีวิตอยู่แค่ Hang Be กับ MA MAY ก็หมดแล้ว ทริปนี้ ฮา

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:52:15 ]
ความเห็นที่ 64

อาหารมีให้เลือกมากมาย

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:52:35 ]
ความเห็นที่ 65

ปรุงสุก สะอาดแน่นอนครับ

ราคาสูงเหมือนกัน แต่อร่อยมาก ทานเยอะๆระวังเลี่ยนนะครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:52:55 ]
ความเห็นที่ 66

อิ่มท้องแล้ว ออกไปเดินเล่นตัวเมืองฮานอยเป็นครั้งสุดท้ายครับ ไปจบอยู่ที่ร้านกาแฟ Highlands Coffee ที่พวกเราติดใจตั้งแต่เมื่อเที่ยง

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:54:42 ]
ความเห็นที่ 67

ร้านนี้อยู่ตรงข้ามเคเอฟซี ริมทะเลสาบฮว่านเกี๋ยมครับ บรรยากาศที่นี่ได้ความเป็นฮานอยสุดๆ ถ้ามีเวลาน้อย ผมแนะนำร้านนี้นะครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:55:02 ]
ความเห็นที่ 68

เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ผม ไนซ์ แป้ง และคุณพ่อของไนซ์ก็ให้โรงแรมเรียก Taxi ไปที่สนามบินนอยไบครับ แอบลุ้นเล็กน้อยเพราะคนขับที่ขับคันนี้รู้สึกวูบๆ ง่วงๆ แต่ก็พาเรามาส่งที่สนามบินได้อย่างปลอดภัยครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:55:13 ]
ความเห็นที่ 69

สามทุ่มกว่าๆ ดำเนินการ Check-in อย่างไม่มีปัญหาครับ พนักงานงงกับ CI เล็กน้อย (ราวกับเพิ่งเคยเห็น คาดว่าคงจะเป็น rare case จริงๆ) แต่ก็ให้เรา Check-in อย่างไม่มีปัญหาครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:55:35 ]
ความเห็นที่ 70

คนที่จะบินกลับมาไนซ์ แป้ง และคุณพ่อของไนซ์ครับ ส่วนผมก็ต้องกลับเข้าฮานอยอีกครั้ง

เวลาประมาณ 21:40 น. ทุกคนที่จะขึ้นเครื่องเดินเข้า gate เร็วกว่าปกติครับ เพราะพาสปอร์ตเราไม่เหมือนใคร เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน ผมก็ต้องแยกกับไนซ์ แป้ง และคุณพ่อของไนซ์ตรงนั้นครับ

หวังว่าพาสปอร์ตชั่วคราวนี้จะทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:55:53 ]
ความเห็นที่ 71

เท่าที่ได้ยินเรื่องเล่าทีหลัง ก็เกิดเรื่องราวให้ไม่สบอารมณ์อีกแล้ว

หลังจากที่ทุกคนเข้าไปยัง International Departure

ไนซ์ กับคุณพ่อของไนซ์ก็ผ่านด่าน ตม. ได้อย่างไม่มีปัญหาครับ

แต่แป้ง ติดอยู่ที่ด่าน ตม. ครับ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ตม. เสื้อสีเขียว กำลังงงอยู่กับพาสปอร์ตชั่วคราวของแป้ง

เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ไปเรียกเจ้านายมาดู แล้วทำหน้าที่เป็นล่ามให้เจ้านายฟัง เจ้านายมานี่หน้าแดงๆดูกรึ่มๆมาเลยครับ

แล้วผู้เป็นเจ้านายก็บอกว่า ปกติไทยมาเวียดนามไม่ใช้วีซ่า

แต่ temporary passport ใช้วีซ่า!

เลยถามไปครับว่าต้องให้กลับไปที่ฮานอยอีกมั้ย เค้าบอกว่าไม่ต้อง ที่นี่ทำให้เลย มีใบเสร็จให้ด้วย ราคา 25 เหรียญ

เราขอจ่ายเป็นเงินไทย เจ้าหน้าที่ ตม.ก็เดินลงลิฟต์ไป หายไปประมาณ 15 นาทีครับ

ทางเราเริ่มรอไม่ไหวเพราะสนามบินนอยไบคนเยอะมาก เพราะสนามบินรับผู้เดินสารเกินความจุไปแล้ว ทำให้แถว Check-in เข้าเกตนั้นยาวประมาณ 70 คนได้

จึงเดินไปหาเจ้าหน้าที่หญิงชุดสีม่วง อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งหมด ขอลัดคิวเพราะจะตกเครื่องอยู่แล้ว เธอก็เข้าใจครับ

พอบอกว่าเรารอวีซ่าอยู่ เธอก็พามาที่จุดรอวีซ่าครับ

จากนั้นประมาณ 5 นาที เจ้าหน้าที่ ตม. ก็เดินกลับมาพร้อมกับตราปั๊มบนพาสปอร์ต มีใบเสร็จมาด้วยครับ

เรียกจากเราไป 25 เหรียญ แต่ตามที่ตกลงกันไว้ตอนแรกคือขอจ่ายเป็นเงินไทย จ่ายไป 1,000 บาทครับ ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ไม่ทอน!

ทั้งที่ 25 เหรียญน่าจะตกอยู่ที่ 750-800 บาทเท่านั้น

แป้งเริ่มโวยวายครับ แต่เจ้าหน้าที่บอกว่านี่สนามบินเวียดนาม สถานทูตไทยไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น
เริ่มไม่มีทางออกครับ เลยต้องยอมจ่ายไป

จากนั้น เจ้าหน้าที่หญิงชุดม่วงคนนั้นก็พาพวกเราลัดคิวมาเลยครับ เลยได้ขึ้นเครื่องมาทัน ถ้าไม่ได้คนนี้นี่ก็แย่เหมือนกัน

ในที่สุด ก็ขึ้นเครื่องมาจนได้ครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:56:49 ]
ความเห็นที่ 72

ถึงเมืองไทย ทุกคนใช้พาสปอร์ตเดิมครับ แป้งเล่าทุกอย่างให้ฟัง เจ้าหน้าที่ไทยก็เข้าใจพวกเราเป็นอย่างดีครับ ปลอบพวกเราเป็นการใหญ่

ถึงอย่างไรแล้ว ทุกคนก็กลับมาที่เมืองไทยอย่างปลอดภัยครับ

แม้ว่าแป้งจะโดนเก็บพาสปอร์ตชั่วคราวใบนั้นไปแล้วต้องไปทำพาสปอร์ตถาวรใหม่ก็ตาม

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:57:21 ]
ความเห็นที่ 73

เมืองไทย ถึงจะเป็นอย่างไร ก็ยังเป็นบ้านเราที่อบอุ่นที่สุดในโลกครับ

ต่างประเทศ มีทั้งคนดีและคนไม่ดี หากรู้ว่าสิ่งใดไม่ดีผมขอไม่เข้าใกล้ครับ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆผมขอยึดคติที่ว่า “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” ครับ

นั่นเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง กับคนใกล้ตัวของผม อยากฝากเอาไว้เป็นอุทาหรณ์นะครับ

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:57:42 ]
ความเห็นที่ 74

ส่วนตัวผมก็ยังอยู่ที่ฮานอยครับ

เมื่อแยกกับไนซ์ แป้ง และคุณพ่อของไนซ์แล้ว ผมก็โดยสารรถมินิบัสราคา 2 เหรียญกลับมาที่จุดจอดรถ ริมทะเลสาบฮว่านเกี๋ยมอีกครั้ง แล้วเดินต่อไปที่โรงแรมครับ

เรื่องราววุ่นวายที่ฮานอย จึงยุติลงเท่านี้

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:58:02 ]
ความเห็นที่ 75

คืนนั้น ผมซักผ้าหลังจากที่ผ่านมาแล้วครึ่งทริป แล้วอาศัยอยู่กับเพื่อนอีก 3 คน เติ๊ด เอ็ม และปลั๊ก
เพราะหนานหนิง รอเราอยู่

พรุ่งนี้เช้า...

พบกันใหม่ ตอนหน้าครับ กับการเดินทางสู่เมืองจีนเมืองแรก

จากคุณ : Dr.Noguchi [13 ธ.ค. 54 23:58:26 ]
ความเห็นที่ 76

อ่านไปก็เอาใจช่วยน้องๆไปครับ เป็นอุทธาหรณ์ให้กับเพื่อนๆและตัวผมอีกด้วยว่า ไปเที่ยวคราวหน้าต้องเตรียมข้อมูลฉุกเฉิน และสำเนาเอกสารสำคัญไว้ให้พร้อม

ขอบคุณครับ ติดตามอ่านต่อ

จากคุณ : ilovesassygirl [14 ธ.ค. 54 00:11:41 ]
ความเห็นที่ 77

อยากไปเวียดนามนะ แต่มิจฉาชีพนี่แหละ ทำให้ไม่มีแผนอยากจะไปสักที  :(

จากคุณ : คนลาดพร้าว71 [14 ธ.ค. 54 00:48:31 ]
ความเห็นที่ 78

ยังขอใช้คำเดิมครับ ... สุดยอดครับน้อง

จากคุณ : ฟองโซดา [14 ธ.ค. 54 01:01:00 ]
ความเห็นที่ 79

แงผมกำลังจะไปฮานอยครั้งแรกด้วยดิ กลัวจัง

จากคุณ : NathziiLizm On The Earth [14 ธ.ค. 54 02:40:01 ]
ความเห็นที่ 80

ขอบคุณที่แบ่งปัน
ติดตามต่อไปครับ

จากคุณ : Master_Golf [14 ธ.ค. 54 05:36:52 ]
ความเห็นที่ 81

ในที่สุดเรื่องราวก็ดีขึ้นนะครับ ดีใจกับทุกคนด้วย

จากคุณ : vuddiken [14 ธ.ค. 54 07:30:00 ]
ความเห็นที่ 82

ผมละลุ้นไปด้วย ขอบคุณที่รีวิว กับประสบการณ์ในต่างแดนที่เกิดขึ้นครับ

จากคุณ : Nat_NM [14 ธ.ค. 54 08:03:12 ]
ความเห็นที่ 83

great

เยี่ยมมากครับ

ทั้งเรื่องราว  การถ่ายทอดเรื่องราว   และการแก้ปัญหา

จากคุณ : pichaic [14 ธ.ค. 54 08:07:12 ]
ความเห็นที่ 84

 โอ้โห้ ลุ้นจิงๆๆคร้า เป็นประสบการณ์ที่ดีนะคร้า ถึงแม้จะเจอเรื่องแย่ๆๆ แต่ก็มีเรื่องที่ดีๆๆ รอเราอยู่เสมอคร้า

จากคุณ : ลำหับ ณ เมืองดอกบัว [14 ธ.ค. 54 08:09:39 ]
ความเห็นที่ 85

สุดยอดการเดินทางจริงๆ ครับ ทริปนี้ เขียนเรื่องได้สนุกมากๆ คุณ Dr.Noguchi ก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีมาก อ่านแล้วก็เห็นใจคุณแป้ง เจอเรื่องไม่ดี ที่เวียดนามเยอะเลย

ผมคิดว่าหลายคนอ่านรีวิวนี้แล้วคงไม่อยากไปเวียดนามแน่เลย

จากคุณ : aon_micro [14 ธ.ค. 54 08:26:42 ]
ความเห็นที่ 86

ขอบคุณที่เอามาแชร์คะ  

บรรยายได้เห็นภาพมากเลยคะ  ระหว่างอ่านก็เอาใจช่วยคุณแป้งตลอดคะ

อยู่ที่ไหนก็ไม่อุ่นใจเหมือนบ้านเราคะ

จากคุณ : Chami [14 ธ.ค. 54 08:29:38 ]
ความเห็นที่ 87

มาติดตามเรื่อง จขกท.เล่า จนเรารู้สึกมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ด้วยเลยค่ะ

จากคุณ : ทะเลตะวัน [14 ธ.ค. 54 08:50:42 ]
ความเห็นที่ 88

สุดยอดเลยค่ะ เหนื่อยแทนจริง ๆ
ของอิชั้นนี่ไปเวียดนาม จีน ระวังเรื่องพาสปอร์ตสุด ๆ ต้องเช็คทุก ๆ 3 นาทีว่ายังอยู่รึป่าว 555

จากคุณ : คุณแม่ติดเน็ต [14 ธ.ค. 54 08:55:37 ]
ความเห็นที่ 89

ครับ ผมว่าน้องเค้ารอบคอบมากครับ
1.เก็บเงินแยกหลายที่
2.ซีรอกซ์พาสปอต
3.มีรูปถ่าย ไปด้วยอีก

น้องทำการบ้านมาดีมากครับ
สุดยอดมากครับ

จากคุณ : Dr.DJ [14 ธ.ค. 54 09:39:54 ]
ความเห็นที่ 90

สุดยอดเลยครับ  ขอชมว่ามีสติในการแก้ปัญหาได้ดีมาก
นี่ขนาดเป็นเยาวชนยังนิ่งได้ขนาดนี้  โตขึ้นคงคิดการใหญ่ได้แน่

แต่ก็ไม่เข้าใจจริงๆ ใน คห #32 ที่บอกว่าไปหาเนื้อสุนัขทาน
งง จริงๆ

จากคุณ : ชาวทัวร์ [14 ธ.ค. 54 09:48:15 ]
ความเห็นที่ 91

กระทู้นี้มีประโยชน์มากครับ

จากคุณ : Jose Pasillas ll [14 ธ.ค. 54 10:22:46 ]
ความเห็นที่ 92

ขอบคุณที่แบ่งปัน จะไปโฮจิมินซ์ ปีหน้าค่ะ จะได้ระวังตัว

จากคุณ : น้องหนูสาลี่ [14 ธ.ค. 54 10:24:51 ]
ความเห็นที่ 93

ผมเคยทำ passport หายที่ญี่ปุ่น โชคดีที่มีคนเก็บแล้วนำไปแจ้งนายตรวจให้ passport หายนี่มันยุ่งยากกว่า JR pass หายเสียอีก

จากคุณ : DoRaePEET [14 ธ.ค. 54 10:26:23 ]
ความเห็นที่ 94

ขอบคุณกับเรื่องราวที่นำมาแบ่งปันครับ  ยากจะลืมจริงๆ

จากคุณ : เล็กทาโร่ [14 ธ.ค. 54 10:35:03 ]
ความเห็นที่ 95

รีวิวเยี่ยมมาก ได้ทั้งสาระ สนุกสนาน และความรู้ 


จขกท เก่งมาก ขอบอก....ใจเย็น มีสติ และรอบคอบ  คุณสมบัติอย่างนี้ ไปเที่ยวที่ไหนในโลก ก็เอาตัวรอดได้แน่นอนไม่ว่าจะเจอปัญหาหนักหนาเพียงใดก็ตาม


รอชมตอนต่อไป

จากคุณ : สิบล้อชอบเที่ยว [14 ธ.ค. 54 10:47:06 ]
ความเห็นที่ 96

สุดยอดเลยครับ อ่านมาตั้งแต่วันเดินทางวันแรก รอติดตามวันต่อๆไปนะครับ :)

รีวิวมีประโยชน์มากๆเลยครับ ทั้งเรื่องการเดินทาง แหล่งที่กินที่พัก ยามฉุกเฉิน



นกฮูก

จากคุณ : @พันธุ์อาถรรพ์ [14 ธ.ค. 54 11:34:05 ]
ความเห็นที่ 97

ลุ้นๆด้วย สุดเลยคะ

ดีใจที่เรื่องผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ :-)

สำหรับคนที่จะไปเที่ยวเวียดนาม อย่าไปกลัวคะ อยากเที่ยวต้องอย่ากลัว
เตรียมตัว เตรียมข้อมูล ให้พร้อม อะไรๆก็ดีได้คะ สนุกด้วยซ้ำ
ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตนะคะ

รอตอนต่อไปอยู่นะคะน้องๆ ^ ^

จากคุณ : เรนเดียร์ออนเดอะร็อก [14 ธ.ค. 54 11:56:11 ]
ความเห็นที่ 98

ได้ความรู้เยอะมากครับ

จากคุณ : tan_www [14 ธ.ค. 54 13:26:13 ]
ความเห็นที่ 99

น้องเก่งมาก ขอชมเลย มีสติ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี

ลุ้นตามไปด้วยเลย ก็ดีที่ว่าเป็นข้อมูลให้คนอื่นๆด้วยว่า เมื่อ พาสปอร์ตหาย ต้องทำอย่างไรบ้าง

จากคุณ : HanTuKi [14 ธ.ค. 54 14:34:27 ]
ความเห็นที่ 100

ชื่นชมความมีน้ำใจของน้องมากๆครับ นั่งรถไปมา ระหว่างสนามบิน-เมือง สถานีรถไฟ-เมือง หลายรอบเลยทีเดียว แถมแพลนก็เสียหมด สุดยอดเพื่อนเลยครับ

จากคุณ : Coffee Blended [14 ธ.ค. 54 17:30:58 ]
ความเห็นที่ 101

รอติดตามตอนต่อไปนะครับ. เล่าเรื่องได้สนุกมาก และข้อมูลการเดินทางก็แน่นมากเหมือนกันครับ
ผมเคยทำพาสปอร์ตหายที่อินโดนีเซียเหมือนกัน แต่โชคดีที่มีคนเก็บได้แล้วเอาไปประกาศให้การท่า. ประกาศหาเจ้าของ. เข้าใจความรู้สึกเลยครับ

จากคุณ : at_thajak [14 ธ.ค. 54 20:47:36 ]
ความเห็นที่ 102

สนุกมากค่ะ ติดตามมาตลอด ขอบคุณมากนะคะ

จากคุณ : ชา (ชาเขียวเย็นใจ) [14 ธ.ค. 54 21:12:33 ]
ความเห็นที่ 103

ลุ้นไปด้วยคน ติดตามมาตลอดทริปเลย รอดูไปจีนต่อค่ะ

จากคุณ : jinjang (jinjang) [14 ธ.ค. 54 22:50:48 ]
ความเห็นที่ 104

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและให้กำลังใจกันนะครับ
ยอมรับเลยว่าประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้พวกเราเข้มแข็งขึ้นมาเลยทีเดียว เพราะทุกคนร่วมมือร่วมใจกันจริงๆครับถึงผ่านพ้นไปได้
ไม่ได้ตั้งใจจะ Discredit เวียดนามนะครับ มิจฉาชีพมีทั่วโลกจริงๆ เพียงแต่ถ้าตรงไหนคือจุดเสี่ยงอยากเตือนให้ระวังตัวมากๆเท่านี้เองครับ
ตอบคุณชาวทัวร์นะครับ สำหรับความคิดเห็นที่ 32 หมายถึงว่า ช่วง 10 วันแรกตามปฏิทินจันทรคติ (ขึ้น 1 ค่ำ - ขึ้น 10 ค่ำ) ชาวเวียดนามจะไม่รับประทานเนื้อสุนัขครับ ทำให้กลุ่มที่เดินไปหาเนื้อสุนัขทานต้องผิดหวังกลับมาครับ

จบจากฮานอยแล้ว เข้าเมืองจีนกันต่อ ที่นี่เลยครับ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11458394/E11458394.html

จากคุณ : Dr.Noguchi [15 ธ.ค. 54 00:35:17 ]
ความเห็นที่ 105

สงสัยเหมือนคุณ ชาวทัวร์ ค่ะ  แต่สงสัยว่า
เพื่อนคุณ จขกท กินเนื้อสุนัขด้วยเหรอ  อิอิ

เราเกิดปีจอ เดือน สิบสอง เป็นพวกเดียวกะน้องหมา  กลัวใครจะกิน ( มุข )
ขอบคุณที่รีวิวนะคะ น่าติดตาม อ่านสนุก ลุ้นระทึก ข้อมูลแน่น เป็นหระโยชน์มากค่ะ

จากคุณ : enduresexy [15 ธ.ค. 54 03:23:13 ]
ความเห็นที่ 106

เข้ามาขอบคุณสำหรับ การแชร์ข้อมูล และขอชมการจัดการปัญหาครับ

เห้นด้วยกับเรื่องเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายครับ

การเดินไปประเทศแบบนี้ ของสำคัญต้องพยายามเก็บในที่ปลอดภัยครับ
ผมเคยเห้นกระเป๋าเก็บพาสปอร์ตคล้องคอทีสามารถเอาไปไว้ในอกใต้เสื้อได้ ผมแนะนำเพื่อนๆว่าใช้แบบนี้น่าจะเวอร์คครับ

ตามไปเที่ยวจีนต่อครับ

จากคุณ : คนบ้านฉาง [15 ธ.ค. 54 07:59:07 ]
ความเห็นที่ 107

ยกให้สามกิฟท์เลยสำหรับการเล่าเรื่องได้ละเอียดมาก ๆ ค่ะ เผื่อไว้เป็นข้อมูลสำหรับคนที่ประสบชะตากรรมเดียวกันและเป็นอุทาหรณ์ให้คนอื่น ๆ ที่จะไปเที่ยวในระแวกเดียวกันด้วยค่ะ

อ่านแล้วใจหายใจคว่ำมาก ๆ บุญรักษานะน้องแป้ง รอดกลับบ้านมาได้ ดีใจด้วยจริง ๆ ^^

จากคุณ : :D keigo :D [15 ธ.ค. 54 11:58:54 ]
ความเห็นที่ 108

เจ้าของกระทู้เล่าเรื่องได้ดี เป็นขั้นตอน เข้าใจง่าย น่าติดตาม และมีประโยชน์มาก ๆ ค่ะ

ปล. จขกท. น่ารัก

จากคุณ : leowinner [15 ธ.ค. 54 12:39:19 ]
ความเห็นที่ 109

ถ้าไปเองคงอึ้ง..เหมือนกัน
ถือเป็นอุทธาหรณ์สำหรับทุกคน กลัว passport หายขึ้นมาจริงๆ
อ่านไปก็ลุ้นไป จนสุดท้าย..
รออ่านตอนต่อไปน่ะครับ...

จากคุณ : aacr3 [15 ธ.ค. 54 17:32:24 ]
ความเห็นที่ 110

เป็นกระทู้รีวิวที่มีประโยชน์มากค่า ข้อมูลละเอียดยิบ
ตามอ่านต่อไป

จากคุณ : โกโก้ปั่นไม่ใส่วิปครีม [15 ธ.ค. 54 23:25:13 ]
ความเห็นที่ 111

ลุ้นแทนมากๆค่ะ
^__^
ดีใจด้วยที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี

จากคุณ : ลูกหมูหวาน [17 ธ.ค. 54 19:02:46 ]
ความเห็นที่ 112

ตามมาอ่านประสบการณ์ต่อค่ะ  ขอบคุณที่เล่าแบ่งปันกันและรีวิวรูปสวยๆด้วยนะคะ

จากคุณ : สาวหน้าใส [18 ธ.ค. 54 00:18:02 ]
ความเห็นที่ 113

ขอบคุณมากเลยค่ะ ที่เล่า จะได้เป็นความรู้ให้กับคนอื่นด้วย

ปล. เพื่อนๆน้องแป้ง โดยเฉพาะเจ้าของกระทู้ ทุกคนน่ารักมากกก ดูแลกันเป็นอย่างดีทีเดียว

จากคุณ : wahol (Wahol*) [23 ธ.ค. 54 12:07:36 ]
ความเห็นที่ 114

เราก็โดนล่วงกระเป๋าท่ีเวียดนาม..แต่โชคยังดีรู้สึกตัวก่อนเลยดึงกลับมาคิดดูแล้วถ้ามีอะไรหายไปไม่รู้ว่าจะมีสติเหมือนจขกท.รึเปล่า

จากคุณ : tepaparaszi [7 ม.ค. 55 01:01:54 ]
ความเห็นที่ 115

ถ้าเดินทางคนเดียว ก็แย่เหมือนกัน...

ดีที่ไปเป็นกลุ่ม ได้ช่วยกัน...

จากคุณ : thai orchid [25 ก.พ. 55 19:31:13 ]