ดีค่า ทุกๆท่าน ก่อนจะดูทู้นี้ต่อไป ขอเตือนทุกท่านว่า ไม่แนะนำให้ลอกทริป เพราะเป็นทริปสิ้นคิด มีเงินอย่างเดียวไม่พอ ต้อง  …โง่+บ้า…  ด้วย

ก็ไม่ไรหรอก คือเนื่องจากโดนยกเลิกทริปญี่ปุ่นไป 2 ครั้งติด แถมวีซ่าก็ขอเรียบร้อย ผสมกับเซ็งในหลายๆเรื่อง คืนหนึ่งนอนอยู่ๆดีๆ ก็ลุกมาจองตั๋วไปญี่ปุ่นแบบมึนๆ
แล้วทำไมต้อง โง่ผสมบ้า เนื่องจาก อิชั้น ซื้อตั๋วราคาเกือบ 3 หมื่น แต่ไปเที่ยว แค่ 3 วัน 2 คืน เท่านั้น เพราะลางานได้วันเดียว ทริปนี้ทำยังกะไปเชียงใหม่ -_-“
แต่ถามว่าคุ้มค่ามั้ย สำหรับคนรักการท่องเที่ยวและวันลามีค่ากว่าทอง และที่สำคัญบ้าแบบเรา ทริปนี้คุ้มเกินคุ้ม

ตอนแรกเรากะว่าจะไปโตเกียว เพราะตั๋วถูกกว่าเกือบหมื่น แต่คิดไปคิดมา หรือไม่ได้คิดก็ไม่รู้ -*-
เห็นว่าเป็นช่วง peak ของใบไม้แดงแถบคันไซ ยังไม่เคยไปดูใบไม้แดงแถบนี้ ก็เลยจัดไป เกียวโต โอซาก้า
และที่สำคัญเราอยากไปตามหาดารุมะจากทู้นี้ด้วย โพสไว้นานแล้ว
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2011/02/E10200509/E10200509.html

มาถึงที่พักอันแสนปวดหัวในตอนแรก แผนตอนแรกเราไม่อยากย้ายที่พัก เพราไป 2 คืนเอง ก็เลยกะว่าจะพักเกียวโตทั้ง 2 คืน (เราชอบมากกว่าโอซาก้าอ่ะ)
แต่เนื่องจาก เราไปตรงวันเสาร์ทิตย์ช่วง peak แถมตัดสินใจไปก่อนวันเดินทางไม่ถึงอาทิตย์ ที่พักในเกียวโตเต็ม o_O แบบหา 2 คืนติดกันไมได้เลย อะไรจะขนาดนั้น (คือเหลือแต่คืนละ 5หมื่นเยน แค่โรงแรมเดียวคิดูละกัน)  ก็เลยหาไปหามา สรุปได้

คืนแรกพักที่  Khaosan Kyoto Guest House เป็นห้องเดี่ยว ห้องน้ำรวม ทำเลดี ใกล้รถไฟของ Hankyu ซึ่งเราจะขึ้นไป Osaka ใกล้ Shin Kyogoku Shopping Arcade และ Gion ใกล้เที่ยวแถบ Easter Kyoto มากๆ เรียกว่าทำเลดีสุดๆ  โชคดีมาก แต่ว่างแค่คืนเดียวจริงๆ

อีกคืนไปพักที่ Osaka พัก Guesthouse Caminoro จะอยู่ใกล้ๆ สถานี Mijuni ของ Hankyu line (แต่ก็ใกล้สถานีรถใต้ดิน Higashi –Mikuni Midosuji line สายสีแดงด้วย)  ซึ่งก็อยู่ห่างจาก shin Osaka แค่สถานีเดียว ที่เลือกพักที่นี้ ก็เพราะมันสะดวกในการไป Mino ในวันรุ่งขึ้น (แถมยังว่างอยู่ แต่เป็นห้อง Female dorm)

หลังจากปวดหัวกับที่พักเสร็จ ก็ต้องมาปรับแผนเที่ยวใหม่อีก เพื่อให้สอดคล้องและสะดวกกับการเดินทาง  และประหยัด ได้มาเป็น
วันแรกเราใช้ JR West Rail Pass Kansai Area 1 day 2000 เยน อีก 2 วันที่เหลือ Kansai Thru Pass 2 Day 3800 เยน ไม่ได้คำนวนอะไรมาก แต่คิดว่าสะดวกและคุ้ม (มั้ง) ที่มั้งเพราะวันแรกที่คุ้มชัวร์ วันที่ 2กับ3 ก็น่าจะคุ้มแบบ 50-50

มาดูโปรแกรมกัน เราเน้นแค่ที่เด่นๆเรื่องใบไม้แดงเลยทีเดียว
Day 1  Arrive Kansai Airport
           Morning: Kyoto – Tofukuji Temple
           Afternoon:  
          Overnight Kyoto
Day 2 Kyoto
         Morning: Eikado Temple
          Afternoon: Higashiyama
          Overnight Osaka
Day 3 Morning: Katsuo-ji Temple & Mino Park
         Late Afternoon: Namba
          Evening Depart Kansai

มาวันแรกกันเลย พอมาถึงก็ Kansai Airport แวะซื้อ JR west Rail Pass ก็โดดขึ้น Haruka ไปเกียวโตกันเลย
ถึงสถานีเกียวโต เอากระเป๋าฝากไว้ใน locker แล้วก็ต่อไป Tofukuji กันเลย

ไปถึงสถานี คนเยอะมาก ขนาดว่าไปถึงไม่สายแล้วน่ะ ประมาณ 9 โมงกว่าๆ ทางเดินไปวัดไม่ต้องดูแผนทีกันเลยทีเดียว เดินามคนไปเรื่อยๆ ระหว่างทีมีตำรวจค่อยอำนวยความสะดวกตลอด คือกั้นไม่ให้คนไปเดินบนถนนนั้นเอง -_-“

ถึงแล้วระเบียงอันโด่งดัง

เดินตามฝูงคน เข้าวัด จ่ายเงิน เดินไปตรงระเบียงบ้าง
ที่เห็นลิบๆคือที่เราถ่ายรูป คคห บน
แดงมากกก สวยสุดๆ อากาศดีมากๆด้วย

เดินชมสวนพร้อมฝูงชน คนเยอะจริงๆ เจ้าหน้าที่ต้องคอยบอกให้เดินห้ามหยุดถ่ายรูป
แต่ทั้ง ปุ่น ทั้งจีน ทั้งฝรั่ง และไทย ต่างหยุดถ่ายกันหมด -_-“

แดงสวย แต่คนถ่าย ถ่ายออกมาไม่ค่อยสวยอ่ะ

เราว่าใบไม้แดงสวยสุดตอนแดดส่องแบบนี้แหละ งามมาก แต่ช่างถ่ายไม่งาม T_T

อยู่ที่นี้ประมาณ ชั่วโมงกว่าๆเกือบ 2 ชั่วโมง ได้เวลาไปที่ต่อไป
ระหว่างทางกลับ แวะกินเจ้านี้ เห็นคนต่อเยอะดี เลยไปต่อบ้าง

ขึ้นรถไฟย้อนกลับมาสถานีเกียวโต แวะกินหมูทอดก่อน หุ หุ
หมูอร่อยอยู่แล้ว แต่ผักทอดข้างๆอร่อยมากกกก เป็นผักห่อด้วยฟองเต้าหู้แล้วทอด กินแล้วอร่อยจริงๆ

จากนั้นโผล่มาที่  Tenryuji Temple ที่ Arashiyama
คนเยอะเช่นเคย เจอทัวร์ไทยด้วย

ต้นนี้เคยเห็นในรีวิวก่อนหน้าที่ ตอนนั้นยังไม่แดง แต่ตอนนี้แดงแล้ว เย้…

จ่ายเงินเข้าไปชมสวนอย่างเดียว  ตอนไปแสงไม่ค่อยสวยอ่ะ แถมเมฆเยอะอีก

เดินชมสวนไม่นาน ออกมาดีกว่า ระหว่างทางเจอใบไม้แดงแบบแดดส่อง ต้องรีบถ่าย

เพราะจากนั้นไม่นาน เริ่มมีฝนลงเม็ดเล็กๆ

ก็เดินต่อไปสะพาน คนเยอะตลอด แถมเหมือนฝนจะตก เริ่มง่วงแล้วด้วย ก็เลยกลับเกียวโต ไป check in ที่พักดีกว่า

เข้าที่พักเรียบร้อย แต่ทริปนี้ไม่ได้ถ่ายรูปที่พักมาเลยง่ะ -*-
จัดของออกไปหาไรกิน ตอนแรกอยากไปกินราเมงดำ แต่นึกไงก็ไม่รู้ขี้เกียจเดินหาร้าน
หวยมาออกที่อุด้ง หนาวๆแบบนี้มันต้องอุด้ง

แต่แค่นั้นจะพอกระแทกพุงเราได้ไง ต้องมาเป็น เซต 5555
มีซูชิ ไข่ตุ๋น แถมขนมด้วย อร่อย คืนนี้นอนสบาย

เช้าวันรุ่งขึ้น ขึ้นรถเมล์ไปวัด Eikado Temple วันนี้วันเสาร์ตอนขึ้นรถเมล์ประมาณ  8โมงกว่าๆ เกือบ 9 โมง แต่รถเมล์แน่นมากกกกกกก
ตอนแรกนึกว่าจะขึ้นไม่ได้ แต่ก็พยายามยัดตัวอ้วนๆเบียดขึ้นไป แล้วก็อัดเป็นปลากระป๋องแบบบนรถไฟช่วง rush hour กันที่เดียว

ถ่ายหน้าวัดซะหน่อย

ค่าเข้าวัดนี้ ปกติก็แพงอยู่แล้ว แต่ช่วงใบไม้แดงแบบนี้แพงขึ้นมากอีก ตั้ง 1000 เยน ค่าเข้าแพงที่สุดเลย แต่ก็เป็นวัดที่เราชอบมาก แต่ยังไม่ที่สุดน่ะ ที่สุดมันพรุ่งนี้

สวนที่นี้สวยมากกก เราไปเช้าคนเลยไม่เยอะ ถ่ายรูปสบาย แต่ช่วงเราออกมาคนตรึม

วัดนี้มีพระพุทธรูปที่งามมากอยู่ด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะเขาห้ามถ่าย (แต่ทำไมเราเห็นคนถ่ายก็ไม่รู้น่ะ แต่เราไม่กล้า)

เจดีย์ที่เป็นไฮไลท์

เจิม

มีใบไม้เหลืองจากต้นกิงโก๊ะ หรือแปะก๋วย หรือ ต้นอะไร ไม่แน่ใจ ^_^"

ดีค่าคุณ แป้งสีฝุ่น ปาดคนแรกเลย ยังอีกไกลว่าจะหมดอย่าเพิ่งทิ้งกันน่ะคะ

-------------------------------------

จากวัด Ekiando เราเดินต่อไปวัด Nanzenji แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน เพราะเคยไปแล้วอ่ะ
ตอนแรกว่าจะมาขึ้นรถบัสไป Gion แต่ยังเข็ดกับรถบัสปลากระป๋องอยู่ เลยตัดสินใจไปขึ้นรถไฟดีกว่า
ขึ้นจาก Keage sta. ไป Higashiyama sta. จากนั้นเดิมเลียบคลองที่มีต้นสนที่พี่ฟ้าเคยแนะนำ ไป Gion ตรง Yasaka Shrine

งวดก่อนเราก็มาเดินจากนี้ไปถึง Gion แต่ไปตอนค่ำ มาวันนี้มาตอนกลางวัน สวย สงบ เชียว
ระยะทางมาถึง Yasaka Shrine เหมือนจะใกล้ แต่ไม่ไกลเลย ชิวมากมาย

จุดประสงค์ที่มาที่นี้ก่อน เพราะจะมาตามรอยชูชก
อร่อยมากกกกกก

ปล. ร้านเปิด 10.30

กินเสร็จ ก็ข้ามถนนไป Yasaka Shrine

เดินผ่าน Maruyama Park แดดดีเนอะ

แล้วเดินมุ่งไป ย่าน Higashiyama
วันอากาศดีแบบนี้ เจอสาวๆแต่งเกอิชาเต็มไปหมด  ได้บรรยากาศดี
เห็นแล้วก็อยากแต่งอีก สนุกดี

ตอนแรกว่าจะไปวัด Kodaiji ที่เป็นอีกหนึ่งจุดใบไม้แดง แต่เดินไปเดินมา เดินเลยทางเข้าซะงั้น แถมคนเยอะมากกกก ก็เลยข้ามไปดีกว่า ไปคนเดียวก็ชิวแบบนี้แหละ

ถ่ายย้อนแสงให้เห็นคน เยอะจริง อะไรจริง

พอพลาดเป้าหมายแรก เลยเปลี่ยนแผนไปวัด  Kiyomizudera แทน

ตอนแรกไม่กะเข้าวัดน้ำใส เพราะรู้สึกเหมือนใบไม้น่าจะเริ่มโรย พอเข้าไป ก็อย่างที่เห็น ยังคงงดงามเช่นเคย

เจอคุณลุงท่านนี้ วาดภาพได้สวยมาก แถมลุงก็เท่ห์มากกกกกด้วย

ออกมาจากวัด คนยังเยอะอยู่ แบบว่าเมาคนเลย ทีเดียว

แวะกินโคโรเกะแล้วไปโอซาก้าดีกว่า

จากนั้นก็เดินลงเขา ขึ้นรถเมล์กลับไปข้าวสารเกียวโต เอากระเป๋าที่ฝากไว้ ขึ้นรถไฟ Hankyu Kyoto line Ltd.exp ไปโอซาก้า ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็ถึงที่พัก

โรงแรมเล็กๆน่ารัก เจ้าของก็ใจดีมากกกกกก แนะนำเลย แต่เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปที่พักมาเลยง่ะ ไถ่โทษโดยอาหารง่ายๆแถมโรงแรม อิอิ

ปล. เราลืมผ้าพันคอผืนใหม่ไว้ที่ร้านอาหารนี้ด้วย วันรุ่งขึ้นเรากลับไปเช็คร้านปิด เราเลยเมล์กวนให้คนที่โรงแรมตามให้ เขาดีมากเลยไปร้านตามให้ แต่สรุปร้านปิดเหมือนกัน เนื่องจากย้ายไปตั้งอีกที(วันที่เราไปกินวันสุดท้ายที่นั้นซะงั้น) เขาก็อุตสาห์ตามไปร้านใหม่ถามให้เราอีก สุดท้ายแม้ว่าจะไม่ได้ผ้าพันคอคืน แต่คุณเจ้าของโรงแรมก็ได้ใจเราไปเต็มๆ

มาถึงวันสุดท้ายแล้ว เร็วเนอะ (เร็วสิไปแค่ 3 วัน -*-)
วันนี้เป็นวันไฮไลด์มาก คือ วัด Katsuo-ji เป็นที่ที่อยากไป แต่ไปแบบข้อมูลน้อยมาก มีแต่แผนที่ คราวๆ อย่างที่เห็น  
ถึงแม้ว่าใน website ของวัดจะพอมีข้อมูลอยู่บ้าง แต่ก็คราวๆสุดๆกันเลยทีเดียว

ในเวปบอกไว้แค่นี้  “45min. by Hankyu Bus bound for Hokusetsu Reien (via Hankyu Kita-Senri Station) from Kita-Osaka Kyuko Senri Chuo Station to Katsuo-ji Temple”

เอาฟ่ะ ไหนๆก็ตั้งใจแล้ว ยังไงเราก็ไป แผนการเดินทางของเราวันนี้คือ

ขึ้นรถไฟสายสีแดงไปสุดสายที่ Sernri Chuo sta. จากนั้นนั่งรถบัสไปที่ วัด Katsuo-ji แล้วจากที่วัดก็ขึ้น Taxi ไปน้ำตก Minoh

อืมมม แผนดูดีเนอะ แต่ขอบอกว่ามันไม่ใช่เลย โปรดติดตามกันต่อไป T_T

เอาเข้าจริงๆ ทำตามแผนได้ถึงแค่ ขึ้นรถไฟสายสีแดงไปสุดสายที่ Sernri Chuo sta. วันนี้อิชั้น โง่+บ้า ได้สุดๆ T_T

ก็พอมาถึงสถานี Senri Chuo ซึ่งเป็นสถานีสุดสาย มีท่ารถบัสหลายเจ้า ตอนเราไปก็เช้าๆ เดินวนไปวนมา มองป้ายรถบัส บอกตรงๆว่ามึนอย่างแรก แต่ก็เดินไปเจอเหมือน Bus Information น่ะ แต่ ไม่รู้ผีอะไรเข้าสิง แทนที่จะขาจะพาไปหา Bus info ดันพาขึ้น Taxi เฉยเลย -*-

ก็แหม ในรูปบอกว่า taxi 15 นาทีเองอ่ะ เดาว่าค่าแท็กซี่น่าจะประมาณ 2500 เยน ก็เลยขึ้นไป ส่งภาษามือ+โชว์รูปวัด กับลุงคนขับสักพัก ลุงก็ขับพาไปวัด

นั่งไปมองมิตเตอร์ไป 500 เยน 1000 เยน 1500 เยน 2500 เยน แล้วน่าลุง ยังไม่ถึงหรอ ม่ายยยยย T_T

สรุปหมดไป 3300 เยน นู๋ต้องรูทการ์ดอ่ะลุง เพราะเงินไม่พอ ซิก ซิก

แต่ก็มาถึง จ่ายเงินค่าเข้า จำไม่ได้แหละเท่าไร ไม่แพงมาก เข้ามาเจอประตูวัด ตื่นเต้น ตื่นเต้น

เดินผ่านประตูวัด ถึงกับอุทานนน นี้เราอยู่บนสวรรค์หรอเนี้ย หมอก(หรือควัน)ลอยต่ำๆ งามมาก

ปล. เดาว่าน่าจะเป็นไอจากน้ำพุร้อน

จากประตูต้องข้ามสะพานนี้ มองย้อนไปเหมือนเดินบนเมฆจริงๆ (เวอร์ซะ)

เดินต่อไป ใบไม้แดงงามมาก วัดนี้ก็ดังเรื่องใบไม้แดงเหมือนกันค่ะ เราไปตอนเช้าคนยังไม่เยอะ แต่มีทัวร์พากลุ่มมาลง ตอนสายๆคนก็เริ่มเยอะเหมือนกัน

ระหว่างทางก็เจอเจ้านี้ เย้ เรามาถูกวัดแล้วววววว

เจอในซอกหิน เรียกว่าแต่ละคนครีเอทที่วางกันมาก

แต่ที่งงที่สุดก็เจ้าตัวนี้ ไปอยู่บนยอดนี้ได้ไง คือเสานี้อยู่กลางน้ำอ่ะค่ะ (ซูมถ่าย) การจะไปวางก็ต้องเปียกสิ ช่างทุมเท

เดินขึ้นบันไดไป เจอเจดีย์ อยู่ตรงหน้า ตรงนี้เหมือนลานอเนกประสงค์ไงไม่รู้ เพราะเห็นมีคนมาปิกนิกด้วยอ่ะ

จากนั้นเลี้ยวซ้าย ขึ้นบันไดไปอีกนิด เจอแล้วววววววว กริ๊ดดดดดดดดดดดดด (อยู่ในใจ)

มี 2 ศาลา

ศาลานี้เป็นระเบียบ

แต่ศาลานี้ได้ฟิวส์กว่า

เราบรรยายแบบนี้จะบาปมั้ย -_-“

เดินไปอีกนิด เหมือนเจออาคารที่เป็นอาคารหลัก (ถ้าเป็นวัดไทยก็คงประมาณอุโบสถได้หรือป่าว)

แต่ต้องผ่าน ยังคงมีความสร้างสรรค์ในการวางอยู่

หน้าตาเคร่งครึม น่านับถือกันสุดๆ

คันเวลาด้วยใบไม้แดงที่นี้บาง อิอิ

เดินมาถึงแล้ว ผูกกันเต็มเลย มาถึงตรงนี้เราเข้าใจแล้วว่าทำไมดารุมะน้อยๆถึงเต็มวัดไปหมด ตอนแรกงงอยู่ตลอดทางเพราะเยอะมาก
คือที่นี้เขาเสี่ยงเซียมซีกันเป็นตัวตุ๊กตาดารุมะค่ะ คือคำทำนายอยู่ด้านใน และเดาว่าเขาไม่นิยมเอาดารุมะกลับบ้านกัน ก็เลยเจอวางเต็มไปหมด

ตรงจุดนี้นอกจากเซียมซีแล้ว ก็มีเครื่องรางและตุ๊กตาดารุมะขายด้วย เห็นมีคนซื้อตัวโตๆไปด้วย

ตามมาชมใบไม้สวย ๆ ด้วยครับ

กระถางธูปก็ไม่เว้น

คุณ tiger's nes เชิญเลยค่า เพิ่งครึ่งทางเอง

-------------------------

ระฆังก็ไม่รอด

แล้วหลังคากำแพงจะเหลือเหรอ

พยายามกันสุดๆ
เรียกว่าเดินไปเดินมา ชักสนุกในการดูความสร้างสรรค์ในการหาที่วางดารุมะซะงั้น ^_^”

ดูวิวกันบาง ใบไม้แดงก็สวยน่า

ชอบกลุ่มนี้เป็นพิเศษ  
เราว่าตุ๊กตาดารุมะพวกนี้ต้องวาดหน้า วาดลายด้วยมือแหงๆ เพราะหน้าตาไม่เหมือนกันเลย คือคล้ายๆแต่ไม่เหมือน
แต่ที่แน่ๆ ทุกตัวหน้าตาขึงขังมาก

รูปนี้ถ่ายให้เห็นวิวเกือบทั้งวัด บรรยากาศดีมาก
จากตรงนี้เราก็จะเดินทางต่อไป Minoh Fall  เดินออกมาด้านหน้าวัด จะมีจุดจอดแท็กซี่อยู่ เดินไปคุยกับลุงคนขับ (โปรดอย่าถามว่าใช้เวลาเท่าไรในการคุยเพราะใช้ภาษามือคุยกัน)
ลุงแกบอกว่า ทางมันวันเวย์ ให้เดินไป  ครึ่งชั่วโมงเองอีหนูเอ้ยยย o_O”

แม่เจ้า ลุงค่ะ หนูดูแผนที่แล้วมันไกลอยู่น่ะค่ะ T_T  นู๋ดูแผนที่มันก็มีถนนนิ ทำไมวันเวย์….. (ลุงพยายามอธิบายสาเหตุแต่ภาษามือลุงไม่สามารถทำให้หนูเข้าใจได้อ่ะค่ะ)

แต่ทำไงได้มาถึงขั้นนี้ เดินก็เดินฟ่ะ
ผ่านป้ายรถเมล์ขากลับ ใครอยากกลับดูเวลาได้ แต่ขามาหากันเอาเองน่ะเจ้าค่ะ

มีกลุ่ม ป้า 3 คนเดินนำ แอบเห็นป้าๆคุยกับลุงคนโปกรถ ดูแล้วป้าไปน้ำตกเหมือนกัน ค่อยมั่นใจหน่อย มีผู้ร่วมชะตากรรม

เดินมันกันริมถนนอย่างงี้แหละ แต่ดีตรงที่ว่า รถที่นี้กลัวคนอ่ะ หลบให้ตลอด ถ้าเป็นเมืองไทย สงสัยเดินเสยตกเขาไปแล้ว

เดินมาสักพัก ตอนนั้นคิดว่า 30 นาทีคนญี่ปุ่น น่าจะประมาณ 1 ชั่วโมงคนไทย
เดินไปสักพัก เจอป้ายพอให้มั่นใจว่ามาถูกทาง แต่แบบว่า อืมมมม

เดิน เดิน และเดิน แรกๆไม่ร้อนน่ะชิว แต่เดินไปเดินมาร้อนอ่ะ ดูอุณหภูมิ  9 องศา แต่รู้สึกเหมือน 20

ยังคงตามป้าๆอยู่ ระหว่างทางมีคนเดินสวนขึ้นมาบ้างเหมือนกัน แถมสภาพแบบว่าโทรมสุดๆ
ไอ้เราเห็นแล้วกลัวเลย มันต้องเดินกันอีกไกลมั้ยฟ่ะ

ป้าเริ่มทิ้งห่าง ป้าเดินเร็วหรือหนูเดินช้าหว่า
ระหว่างทางเริ่มมีกรวยว่า และมีเจ้าหน้าที่ประจำเป็นจุดๆ ห่างๆ  ทำไมหว่า???

Big Bag ยังอุตสาห์ตามมาหลอกหลอน -_-“

อ้อเริ่มเข้าใจแล้ว กรวยไว้กั้นถนนให้รถจอด อืมม เพราะอย่างงี้มันถึงวันเวย์สิน่ะ กรรมเลยตกที่เรา
ก็เดินกันต่อไป

เดินเรื่อยๆ มา 2 โลแหละ เมื่อไรจะถึงอ่ะ

ตรงจุดนี้มี info สำหรับคนที่สนใจจะเดิน trekking

แผนที่น่ารักๆ แต่ดูไม่รู้เรื่อง T_T

แวะพักกินน้ำกินขนมกันหน่อย  
ตรงจุดเป็นเหมือนจุดพักหรือจุดเริ่มต้นในการ trekking มีที่จอดรถ มีห้องน้ำ มีจุดปิกนิก ลานให้ทำ BBQ ด้วย (หอมมาก) แล้วก็มีจุดที่คล้ายๆกับแนวสันเขือนด้วย (เดาจากรูป เพราะมันญี่ปุ่นล้วน)

เดินกันต่อไป ระหว่างทางเจอน้ำตก เล็ก

มาติดตารมชมรีวิวด้วยคนครับ
ใบไม้เปลี่ยนสีไม่ว่าที่ไหนก็สวยไปหมดเ้ลยครับ

เดินต่อ ความจริงก็เดินเหนื่อยน่ะ แต่วิวสวยมาก ทำเอาหายเหนื่อย

แล้วเราว่าวิวสวยกว่าตอนเดินช่วงน้ำตกไปสถานีรถไฟอีก เพราะอันนี้เป็นวิวมุมสูง มุมไกล

เจออีกป้าย บอกได้ว่าเดินมา 3.2 โล แล้ว
เฮ้ยยย เมื่อไรจะถึงฟ่ะ ไหนลุงบอก 30 นาที นี้เดินมาจะ 2 ชั่วโมงแล้วน่ะ

แต่ก็คงจวนแล้ว ผ่านจุดจอดรถ คนเริ่มเยอะแล้วด้วย

แดงกันงามจริงๆ เสียดายฟ้าปิดไปหน่อย

โอ้วววว เห็นป้ายนี้ดีใจมาก จะถึงแล้ว เย้ เย้

มาชมใบไม้แดงด้วยครับ ดารุมะเพียบเลย ^^

ผ่านวิวสวยๆ จุดนี้ ถ้าใครมาจากน้ำตก ต้องเดินขึ้นเขามาเลย
แต่เราเดินลง หุ หุ

คุณ Destiny-Boy  - ใช่เลยค่ะ ไม่ว่าที่ไหนก็สวยจริงๆ

คุณ ไผ่พริ้ว (PyDE) ตามมาเลยค่ะ

-----------------------


จากนั้นก็เดินลงทางชันๆ ไปหาน้ำตก
เย้ เย้ อะไรอยู่ลิบๆ

แต่ก่อนอื่น ขอพักกินโอเด้งหน่อย แบบว่าเหนื่อยมากกว่าจะมาถึง ต้องเติมพลัง

คือต้องเข้าใจว่า เราสาว(เหลือ)น้อยแบบเรา นั่งทำงานออฟฟิตทุกวัน กลับบ้านก็นอนตีพุงดูทีวี มาเดินแบบนี้ก็แทบแย่เหมือนกัน

แล้วก็เผยโฉม น้ำตก Minoh อืมมมมม คนอย่างเยอะ

น้ำตกก็สวยน่ะ แต่ดูแล้วทำไมอยากไป Nikko หว่า

คนเยอะมาก เพราะเป็นวันอาทิตย์ มีหมดทั้งครบครัว เพื่อน คู่รัก และนักท่องเที่ยวอย่างเรา

ว่าแล้วเดินไปสถานีรถไฟ แล้วกลับไปโอซาก้าดีกว่า
ระหว่างทางซื้อใบไม้ทอดมากิน กินแล้วก็แบบว่า เหมือนถั่วทอดบ้านเรามากกก -_-“

เดินมาเจอป้ายนี้ แอบอึ้งนิดๆ นี้ชั้นเดินมา 3.5 โลแล้วหรอ แล้วจากตรงนี้ไป Mino sta. น่าจะอีกประมาณ 2 โล  สรุปวันนี้เดินไป 5 โลกว่า -_-“ ถ้าอยู่เมืองไทยไม่มีทางแน่นอนที่จะเดินขนาดนี้

ใบไม้สีสวยมากๆเลยครับบบ ตามไปเที่ยวด้วยครับบ

ระหว่างทางเดิน มีคนเดินมาเรื่อยๆ เยอะมากกก
แต่เราว่าทริปนี้เราวางแผนถูกน่ะ เพราะระยะทางที่เราดินจากวัด วัด Katsuo-ji มาน้ำตก Minoh เป็นทางลงเขาตลอด (มีแอบขึ้นเขาช่วงแรกๆนิดนุง แล้วเดินลงยาวเลย) เรายังคิดเลยว่าถ้ากลับกันเนี้ย เราคงจะหมดสภาพแหงๆ

คุณ สายลมแห่งวิงค์  - เชิญเลยค่า ขอบคุณมากค่ะ

---------------------------

ในที่สุดก็มาถึงสถานี เวลาตอนที่ไปถึงก็บ่ายกว่าๆ เกือบบ่าย 2 สรุปใช้เวลาเดินจากวัด Katsuo-ji มา ณ จุดนี้ประมาณ 4 hr. กว่าๆ แต่ถ้าใครชอบแวะถ่ายรูป ดูโน้นนี้ อาจจะใช้เวลานานกว่านี้ เพราะช่วงหลังๆเราเดินยาวไม่แวะเลย

มาถึงตรงนี้ กะว่าจะไปกินหมูทอดตามรอยชูชกซะหน่อย แต่ไปถึงหน้าร้าน คิวยาวอ่ะ ขี้เกียจต่อซะงั้น
แต่มาตอนนี้แอบเสียดายอ่ะ น่าจะยอมๆต่อไป  พลาดอีกแล้ว -*-

เลยมากินเจ้านี้แทน เพราะตอนผ่านไปรอบแรกคนตรึม แต่ตอนขากลับไม่มีคน เลยอยากรู้ว่าจะอร่อยมั้ย สรุปก็อร่อยดี อิอิ

จากนั้นก็ขึ้นรถไฟกลับมาเอากระเป๋าที่โรงแรม แล้วไปที่ Namba ฝากกระเป๋าไว้ที่ locker เพราะขากลับไปสนามบินเราจะขึ้น Nankai Ltd.Exp วันนี้นอกจากค่าแท็กซี่แล้วไม่ได้เสียเงินค่าเดินทางอีกเลย เพราะสามารถใช้ Kansai Thru pass ได้หมด หุ หุ

ฝากกระเป๋าเรียบร้อย แวะกินไรร้อนๆหน่อย หิวมากกกก

เดินเล่นแถบนั้น คนเยอะมากกกกกกกกกกกกก แทบไหลตามกันไป

สุดท้ายสู้คนไม่ไหว เลยหาไรกินปิดท้าย
ตอนแรกว่าจะหาไอติมฟาเฟย์กิน แต่ไหนได้ข้าวห่อไข่นุ่มๆมาแทนก็ไม่รู้ จัดหนักอีกแล้วชั้น  อิ่มแล้วก็กลิ้งขึ้นรถไฟไปสนามบินเลย

แต่เนื่องจากไปถึงสนามบินเร็วก่อนเวลา check in ประมาณ 1 hr. เดินไป เดินมา เจอเหมือนเลาท์ที่ให้จ่ายเงินเข้าไปพักได้ ข้างในมีที่นั่ง มีน้ำ มีขนม มีเน็ต แล้วก็มีการ์ตูนให้อ่านเยอะมาก แต่พอดีจำราคาไม่ได้อ่ะ ไม่แพงมาก
และถ้าอาบน้ำอย่างเดียว 500 เยน สามารถใช้น้ำอาบได้ 15 นาที ก็เลยขออาบซะเลย คิดไม่ผิดจริง เดินเหนื่อยมาทั้งวัน ได้อาบน้ำร้อนๆนี้สบายตัวสุดๆ อ้อ ข้างในห้องอาบน้ำจะเป็นเหมือนห้องส่วนตัวเล็กๆ 2 ห้อง คือห้องหนึ่งไว้แต่งตัว อีกห้องเป็นที่อาบน้ำ

อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็ไป check in ไฟล์กลับกรุงเทพของ TG แทบจะเรียกได้ว่าเป็นไฟล์สุดท้ายของสนามบินเลย พวกร้านค้าอะไรปิดเกือบหมด แต่ก็ดีไม่ต้องเสียเงิน 555

ปล. รูปนี้ถ่ายที่วัดน้ำใส ค่ะ

ก็จบแล้วค่ะ ทริปของคนบ้าๆ โง่ๆ แต่ถึงจะบ้าจะโง่ ก็เพราะรักเธอน่า ฮิ้ววววววว

มีคนหลายคนบอกว่าเราน่าจะไปอยู่ญี่ปุ่นซะเลยเพราะชอบไปมากไปบ่อยด้วย แต่เราบอกได้เต็มปากว่าไม่เอา เพราะเมืองไทยคือบ้าน  ต่อให้ไปที่ไหน ก็ไม่มีที่ไหนที่ดีเท่าบ้านเรา ประเทศไทยอีกแล้ว ….

แต่สำหรับญี่ปุ่นคือที่พักผ่อน ไว้ชาร์ทแบตเวลาเหนื่อยงาน เหนื่อยใจ ไปเที่ยวนี้แม้ว่าเวลาจะน้อย จะใช้เงินก็ไม่น้อย แต่สำหรับเรามันคุ้มค่าจริงๆ

......ขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ......

ปล. จากประสบการณ์ที่เดินทางมาก็ไม่น้อย  ไม่ว่าที่ไหนสุดท้ายก็ต้องกลับมาตายรังที่ ส้มตำ น้ำตก หน้าปากซอย และเป็ดย่าง MK ทุกทีสิน่ะ 555

หืม... กินเกินมื้อป่าวเนี่ย? ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ทำไมกินได้เยอะมากๆ

เีดี๋ยวนี้ถ่ายรุปสวยนะ... ปั๊ตตะนาขึ้นมากๆ เลย ไงก็... ที่ฝากไปดูอ่ะ ถ่ายกลับมางามๆ เนะ

มังจัง - thank ja วิวมันสวย ที่ฝากถ่ายอ่ะมัน indoor ไม่รู้จะไหวป่าวอ่ะ แต่จะพยายาม อิอิ

ไปญี่ปุ่น 3 วัน 2 !!! โห..ถ้าไม่ใจรักญี่ปุ่นจริงๆ นี่ไปไม่ได้นะคร้าบ...
เอาน่า... ไปสามวันเก็บภาพสวยๆ มาได้เยอะขนาดนี้ คุ้มแล้วครับ

ใบไม้สีสวย ภาพใสเคลียร์ดีจังครับ

แวะมาเที่ยวคันไซด้วยคนครับ .... ผมก็วิ่งเที่ยวผ่านไม่ได้เจาะไรเหมือนกัน

รูปสวยมากค่ะ
และคิดว่าสักครั้งสองครั้ง...สามครั้งในชีวิต
คนเราควรได้ทำอะไรที่ เอ่อ...บ้าๆ...หรือ...โง่ๆ บ้างเพื่อความสะใจในชีวิต

อิจฉาเจ้าของกระทู้จัง
อยากมีตังค์บ้างงง อ้ากกกก

คุณ cold river  - ขอบคุณค่า ใจรักอย่างเดียวไม่พอต้องบ้าด้วยค่า

คุณ ติวเตอร์ตู่  -  เห็นรีวิวจารย์แล้วอยากตามรอยมากเลยอ่ะค่ะ

คุณ ดอยสูง - แฮะ แฮะ ชีวิตนี้เราทำอะไรที่ บ้าๆโง่ๆ มาหลายรอบแล้ว แต่คุ้มค่าสะใจทุกครั้งจริงๆ 555

ตามมาดูใบไม้สวยๆ และผู้คนมากมาย
อาหารก็น่ากินทั้งน้าน...

ไม่มีตังค์ทำไม่ได้นะคะเนี่ย อิอิ

ได้รูปสวยซะขนาดนี้ คุ้มแล้วจ้า...

มาแว้ววว บินไปเที่ยวยังกะแอร์โฮสเตสบิน Lay over แหนะ เที่ยวน้อยวันมากกกก แต่ก็เข้าใจนะครับ ถ้างานยุ่งวุ่นมาก ขอให้ได้ไปพัก ไปเที่ยวในที่ๆเราพอใจ ได้ชาร์ตแบตเท่านี้ก็โอเคแล้วเนอะ


ใบไม้แดงที่คันไซ มันช่างยั่วยวนจริงๆ แต่คนเยอะยั้วะเยี้ยะมากๆๆๆ เห็นแล้วแอบถอนหายใจ เง้อออ อยากชมใบไม้แดงแบบคนไม่เยอะต้องทำไงเนี่ยะ

หุ หุ บ้าแบบนี้คุ้มค่ะ รูปสวยมาก ใบไม้แดงต้องไปเห็นของจริงเนอะ มันงามบอกไม่ถูก

ยิ่งมีแสงแดดกระทบ สวยที่สุดอย่างคุณ ohhioh บอกค่ะ ขอบคุณสำหรับกระทู้สวยๆ

สุดยอดอ่ะค่ะ อยากคิดแล้วทำได้ดังใจแบบนี้มั่ง ขอบอกว่าสะใจบีมากเลยค่ะทริปนี้ อ้อ รูปสวยมากนะคะ

เคยคิดจะทำแบบนี้เหมือนกันเมื่อตอนวันหยุดรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา
กะจะไปสัก 3 วัน 2 คืน เหมือนๆกัน ลามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

เห็นโปรการบินไทย หมื่นหกกว่าๆ แล้ว มันยั่วกิเลสมากมาก
(ราคาแบบนี้ไม่รู้จะได้เห็นอีกเมื่อไร)

ทั้งๆที่เพิ่งกลับจากญี่ปุ่นเมื่อตอนปลายเดือนตุลา
สองจิตสองใจ ลังเล ลังเลอยู่

สุดท้าย ก็ปล่อยให้มันผ่านไป เด๋วเค้าจะหาว่าบ้า

รูปสวยมากกกกก

ภาพสวยบาดใจมากครับ ผมก็ไปช่วงๆนั้นล่ะ แต่อยู่เกียวโต 6 วัน
ใบไม้แดงสวยมาจริงๆ

... เป็นทริปสั้นๆ ที่แสนจะคุ้มเลยค่ะ

รูปถ่ายสวยจังเลย อาหารก็น่ากิน

วัด Katsuo-ji สวยมากๆเลยค่ะ ...

             
             

ไม่บอกว่าไปมาจะแบ่งที่ให้ไปนอนเบียดที่เกียวโต 1 คืน 555

ชอบสีแดงกับแสงแดดเหมือนกันเลยค่ะ

ว่าแต่ไม่หลอนดารุมะแย่เหรอ ปกติเราก็ชอบดารุมะน่ะแต่เจอยกพวกมาแบบนี้ไม่ไหวค่ะ

รูปใหญ่ไปเอาใหม่

ขอบคุณที่พาชมใบไม้แดงแสนสวย
กะว่าจะไปตามหาตุ๊กตาดารุมะบ้าง
ภาพสวยจังเลยค่ะ

ภาพสวยจัง ต้นไม้สีสวย ดูแล้วเคลิ้มเลย

ความสุข ไม่สามารถวัดได้ด้วยค่าของเงิน
และความสุขของแต่ละคน ก็รู้สึกได้ ไม่เหมือนกัน

ขอบคุณที่ตัดสินใจมีทริปนี้ ทำให้ได้เห็นภาพสวยๆ น่ารักๆ ขอบคุณค่ะ

สวยงามมากเลยครับ  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมค่า วันนี้งานตรึม ดึกๆจะมาตอบคอมเมนท์น่ะเจ้าค่ะ

ขนาดไปแป๊บเดียวยังเก็บภาพงามๆมาฝากตั้งมากมาย ขยันจริงๆค่ะ

ตุ๊กตาดารุมะน่ารักจังครับ
รูปสวยมากๆใบไม้สีแดง สวยจริงๆ
หนึ่งเส้นทางในฝันของลุง

รูปสวยมากคะ ขอบคุณรีวิวดีๆ ที่
มาแบ่งปันคะ

นั่งดูรีวิว เหมือนไปเที่ยวเอง งัยไม่รู้
อิอิ

กล้องไรอะคับ lens ไรอะคับ

Flaminio – ขอบคุณคมากๆค่า

[หัวโต แก้มป่อง หน้าใส ใจร้าย] – แฮะ แฮะ บอกตรงๆว่าตังส์ก็ไม่ค่อยมีเหมือนกัน แต่ลูกบ้ามันเยอะ 55

Coffee Blended – ก็ยังงงๆกับตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไปได้ไง แต่ไม่เสียดายเลยแม้แต่น้อย เพราะกลับมาแล้วรู้สึกดีๆมากกกก    คนเยอะจริงๆค่ะ แต่ถ้าอยากเจอคนไม่เยอะ ต้องเน้นตื่นเช้าๆมากๆ ไปที่เป้าหมายก่อนเลย เพราะพอสายแล้วคนเยอะจริงๆ  อ้อ หรือไม่ก็ต้องไปที่ที่ไม่ใช้ที่ท่องเที่ยวอ่ะ

la liga fan – ขอบคุณค่ะ ปกติเราไม่ชอบแดด แต่ทริปนี้อยากให้แดดออกตลอดเลย

Bambie – สะใจเราเหมือนกันค่า อิอิ

พริกดอง พริกน้ำส้ม – แหมมไม่อยากจะยุเลย แต่ของแบบนี้ต้องลองสักครั้ง  เราคิดว่า มันเงินของเรา เวลาของเรา ถ้าเราเต็มใจจ่าย โดยไม่เดือดร้อนกับชีวิตด้านอื่นๆก็ไม่น่าจะเป็นไร (แต่ถ้าต้องกู้ยืมเงินไปเที่ยวเนี้ย เราไม่เอาเลยเหมื่อนกัน)

แป้งสีฝุ่น – ขอบคุณค่ะ

Aryan – ช่วงนั้น ใบไม้สวยจริงๆ อยากอยู่เกียวโต 6 วันบ้างจังเลย

Kungtalay – ขอบคุณค่ะ สำหรับเราคุ้มเกินคุ้มเลย

เจ้าแก้วพิสดาร ณ เมืองปาย – อ้าว ไม่รู้ว่าอยู่เกียวโตเหมือนกัน ไม่งั้นจะไปของนอนด้วย ประหยัดดี 5555  เราว่าดารุมะอยู่รวมกันเยอะๆ ก็น่ารักดีน่า

Ma Ma Pim – ขอบคุณค่ะ ถ้าไปตามหาดารุมะ ยังไงรบกวนมารีวิวรถบัสขาไปให้ด้วยน่ะค่ะ แบบว่าอยากกลับไปอีกเหมือนกัน

ชานมชงเอง – แฮะ แฮะ ขอบคุณค่ะ

teddy bear in the box  -  ขอบคุณสำหรับ comment ซึ้งๆเหมือนกันค่ะ ใช่เลย ความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน  ตราบใดที่ความสุขเราไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็ทำต่อไป

เล็กทาโร่ – ขอบคุณที่แวะมาเช่นกันค่ะ

Tree Rose – ขอบคุณค่ะ พอดีบ้าถ่ายรูป อิอิ

ลุงแบกเป้ – ขอให้ฝันลุงเป็นจริงไวๆน่ะค่ะ

de janeiro – ขอบคุณค่ะ เวลาเราดูริวิวคนอื่นก็รู้สึกอย่างงั้นเหมือนกันค่ะ

Neung (pamper) – กล้องผสมกัน 2 ตัวค่ะ DSLR กับ compact แต่ของ sony ทั้งคู่ เพราะเราชอบสีของรูปที่ออกมาจากยี่ห้อนี้อ่ะ  เป็น อัลฟ่า A330 กับ compact  w300 ตกรุ่นแล้วทั้งคู่

เข้ามาชม..ใบไม้เหลืองแดงท่ามกลางฝูงชน


โชคดีที่ตอนไปแต่ละที่ คนไม่เยอะเท่านี้

ไปหาดารูมะได้สำเร็จ ^_^

พลาดร้านหมูทอดได้อย่างไร แค่เห็นคิวก็น่าจะรู้แล้วว่าไม่ธรรมดาๆ


เฮ้อเห็นรูปแล้วก็คิดถึงใบไม้แดงเกียวโต ปีนี้สารพัดเรื่องเลยอดไปแดงๆ ทีเกียวโต -_-'

areewan - ขอบคุณมากค่ะ คนเยอะจริงๆ แบบว่าเมาคนไปเลย

พี่ฟ้า - แบบว่าตอนนั้นก็ไม่รู้ทำไมไม่ยอมต่อคิว แถมไม่อยากกินแซนวิธหมูทอดด้วย เลยอดเลยอ่ะ T_T

ภาพสวยจังนะคะ สีสันของต้นไม้ ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ^^

สวยมากๆค่ะ   ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

..

ดีนะ ที่ไปแปะ Red Kansai ไว้ในกระทู้ผม

งานยุ่งๆหลังๆถ้าไม่ได้แปะ link หรือส่งมาให้ ผมก็พลาดกระทู้ไปเยอะเลย

ชอบจัง เที่ยว 3วัน2คืนเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

รูปสวย แดงได้ใจ จนคิดถึงบรรยากาศแบบนั้น  อยากไปอีก  อ๊ากกกกกก....

..