สวีเดนประเทศที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้มา แต่แล้วเราก็อยู่ที่นี่แล้วแหละ ได้ออกจากวังวนชีวิตเราแบบเดิมๆ การออกมาสำรวจโลกไม่ได้ทำให้จนลง ไม่ได้ทำให้หน้าที่การงานต้องดับวูบ
แต่หลายๆ คนอาจจะคิดว่าตัวเองไม่มีโอกาสที่จะทำตัวอย่างที่ตัวเองต้องการได้หรอก ข้ออ้างหลายอย่างที่ปิดโอกาสคนหลายคน
คนที่แสวงหาโอกาสเท่านั้นที่จะอยู่กับมันได้
หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะฟ้าลิขิตก็ได้ แต่เราไม่รู้หรอกรู้อย่างเดียวว่าชีวิตคือการออกไปเจอโลกกว้าง ออกไปเผชิญและพร้อมที่ผ่านปัญหาต่างๆไปให้ได้

SWEDEN เป็นประเทศที่ถือว่าไม่เล็กและไม่ใหญ่อยู่ทางเหนือของทวีปยุโรป เหนือติดประเทศฟินแลนด์ ด้านตะวันออกติดอ่าวบอสเนีย ทิศวันตกติดประเทศนอร์เวย์และ ทิศใต้ติประเทศเดนมารค์
สวีเดนได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่สงบ คนน้อยค่าครองชีพสูง อากาศดีและ มีธรรมชาติที่สวยงาม ผู้คนก็ใจดี พร้อมที่จะช่วยเหลือชาวต่างชาติต่างภาษาเสมอ

แล้วเราจะ เราเรื่องราวชีวิตที่แสนหนุกหนาน ในประเทศที่ขึ้นชื่อว่า Free Sex ^.^

เรามาที่นี่ในฐานะนักเรียน นักเรียนต่างชาติที่นี่ค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่ จีน อินโด มาเล แถบๆบ้านเรา ไปจนถึง เยอรมัน ฝรั่งเศส สเปน ตุรกี และ เยอะแยกมากมาย แต่ที่เยอะสุดๆ เห็นจะเป็นปากี eiei

อวดรูปซะหน่อย อันนี้ตอนไปถึงแรกๆ พยายามถ่ายคู่กับธง SWEDEN กลัวคนอื่นไม่รู้ว่ามาจริง อิอิ

ถ่ายหน้ามหาลัย Karlstad

เราว่าระบบการศึกษาที่สวีเดน แต่ละมหาลัยไม่ได้มีความแตกต่างกันมากมาย

เครื่องไม้เครื่องมือการเรียนการสอนของ Karlstad เราถือว่าโอเคเลยแหละ โทดทีที่ไม่มีภาพในห้องเรียนซักเท่าไหร่

เรามากับเพื่อนๆ จากมหาลัยเดียวกันอีก 3 คน แล้วก็มีจากมหาลัยอื่นๆ ด้วย รวมแล้วเด็กไทยประมาณ 15 คน

ออกจากสนามบินสุวรรรภูมิตีหนึ่งครึ่ง ระหว่างการเดินทางภายในเครื่องบินเที่ยวบิน TG960

ได้พูดคุยกับหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่เดินทางมาแล้วหลายประเทศ และพูดได้ 4 ภาษา เพราะจบจากประเทศฝรั่งเศสมา  และไปพักที่เมืองไทยมาหนึ่งวันเพื่อรอขึ้นเครื่องเที่ยวบินนี้แหละ

แค่วันเดียวหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ก็ได้ไปเที่ยวรอบๆ กรุงเทพฯ มาแล้วหลายที่ เพราะว่าเอารูปขึ้นมาให้ดู บางทีเราเองยังไม่รู้เลยว่ามันมีอย่างนี้อยู่ในประเทศไทยของเราด้วยหรอ
ไปถ่ายรูปสะพานอะไรมาไม่รู้ หัวสะพานเป็นรูปสุนัข แต่ชื่อสะพานเป็นภาษาไทย อ่านได้ว่าสะพานช้าง อะไรซักอย่าง เราก็งง อยู่เหมือนกันอธิบายให้หนุ่มญี่ปุ่นคนนั้นไม่ถูกเลยว่ามันคืออะไร เพราะเราเองก็ขำกับสะพานนั้นเหมือนกัน พวกเราหัวเราะกันแบบไม่เกรงใจคนข้างหลังที่กำลังหลับอยู่เลย สรุปเราก็ได้เพื่อนใหม่เป็นคนญี่ปุ่นเพิ่มมาอีกคน            

สาวน้อยคนนี้ ไทย สวีเดนค่ะ
มาตามอ่านนะคะ

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมงก็มาถึง Arlanda Norra สนามบินของประเทศสวีเดนแล้วก็ต้องนั่งรถไฟ เพื่อไปที่ Stockholm เมืองหลวงของประเทศสวีเดน อีก 20 นาที ซื้อตั๋วได้ที่ Counter ที่อยู่บริเวณที่รับกระเป๋า

ค่าตั๋วประมาณ 200 โครน อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไปเฉพาะStockholm มันราคาเท่าไหร่เพราะว่าซื้อรวมกับเที่ยวรถไฟที่จะไป Karstad เป้าหมายของการเดินทาง  
         
ค่าตั๋วรวมStockholmกับKarstad ก็อยู่ที่ 446 โครน เป็นเงินไทยก็ประมาณ 2,000 กว่าบาท

นั่งรถบัสก็ได้ บางทีราคาอาจจถูกกว่านะ แต่ว่าอาจจะใช้เวลานานกว่า

ลองเชคราคาดูในเว็บก่อนมาก็ได้

เชคราคาตั๋วรถไฟ SJ ที่นี่ http://www.sj.se/start/startpage/index.form?l=en

เชคราคาตั๋วรถ Swebus ที่นี่ http://www.swebus.se/SwebusExpress_com/

การเดินทางขึ้นรถ ลงเครื่องบินเป็นเรื่องชิวๆ แต่ที่ไม่ชิวและอึ้งคือ กระเป๋าใบใหญ่ที่ได้รับจากลานเลื่อนๆ นั่น

พระเจ้าเราต้องเอามันไปด้วยหรอเนี่ย แล้วกระเป๋าที่อยู่กับตัวเรา 4 ใบนี่อีกหล่ะ ฮือๆๆๆๆๆ

กระเป๋าทั้งหมด 5 ใบในความรับผิดชอบของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนึง

จำได้ว่า เรามีน้าชายที่บ้านยกกระเป๋าเราขึ้นรถมาให้แล้ว ต่อจากนี้หล่ะ

หญิงไทยใจอดทน ยังไงก็ต้องเอาไปให้ได้ เพราะในนั้นมีแต่ของจำเป็นทั้งนั้น ไม่ว่าจะน้ำพริกหลากรสชาติ บะหมี่ World wide ที่ไปประเทศไหนก็แล้วแต่ต้องมี ซอสปรุงรสซึ่งยังไม่รู้เลยว่าจะเอาไปทำแกงไรดี ไหนจะครีมประทินผิว โรลม้วนผม เครื่องสำอาง รองเท้าส้นสูง จำเป็นท้างน้านนนนนนนนนน

เอาเป็นว่า สู้สู้แล้วกัน จากนั้นจึงแปลงร่างเป็น หญิงถึก ยกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นรถไฟ เหมือนจะไม่ยากเพราะกระเป๋ามีล้อแต่ว่า ระหว่างสถานี กับรถไฟที่เลือนมาจอดมันดันมีช่องซึ่ง ไม่สามารถที่จะเลื่อนล้อขึ้นไปบนรถไฟได้อย่างง่ายได้ ดังนั้นยกสถานเดียว ฮึบอึ้ยยยยยย!!!!


เชคล้อกระเป๋าก่อนมาด้วย เพราะของเพื่อนเราล้อหลุดคาตา ภาระเพิ่มขึ้นไปเลย

ให้ดูกระเป๋า กับร่าง อย่างคิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ จะทำไม่ไหวนะ T.T

ใช้เวลาเดินทางถึง Stockholm ประมาณ 20 นาที ต้องยกลงอีกแล้ว แล้วที่ช็อควงการ สาวไทยร่างเล็กคือ ต้องยกกระเป๋า ลงบันได ขอย้ำบันได!

มีมากกว่า 20 ขั้น แบ่งเป็น3-4 ช่วงชั้น รวมๆ แล้ว เกือบร้อย

ไม่ใช่ว่ายกลงบันไดแล้วจะจบ!!!!

มันยังไม่ทรหดสมกับการออกมาเผชิญต้องยกขึ้นบันไดด้วยยยยยยย

เนื่องจากสถานที่ที่เราจะไปต่อที่ Karstad มันต้องลงไปก่อนแล้วค่อยขึ้นไปยังชานชาลา

ถามว่าเหนื่อยมั้ย เหนื่อย ! ถามว่าไหวมั้ย ไม่ไหว แต่ต้องไหว งงไปหมด ทำไมเราถึงยกกระเป๋าใบใหญ่ๆ หนัก 33 กิโล ทั้งลงและขึ้นบันไดได้ คำตอบไม่มี มีแต่หัวสมองที่อึนๆ อยู่ตรงชานชาลา

ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึงที่หมาย Karstad เมืองเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนัก ก็ประมาณว่าไประยองไรอย่างนี้

นี่เป็นเวลาที่เรามาถึง Karstad

เมือง Karstad เป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สวยงามมาก มีแสงแดดยาวนาน

สัญลักษณ์ของเมือง Karstad จึงเป็นพระอาทิตย์ และเป็นเมืองสงบที่มีผู้คนไม่มากนัก อยู่ใกล้กับเมือง oslo เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ อีกด้วย

เราชมบ้านเมืองวิวทิวทัศน์ของประเทศนี้อยู่ไม่นานก็ ต้องเผชิญกับการยกกระเป๋าขึ้นที่พักอีกรอบ ทีนี้เป็นบันไดวนเล็กๆ แต่มันจะอะไรนักหนากับแค่นี้เพราะเรายกขึ้นลงสถานีรถไฟมาแล้วแค่นี้หรอ เชอะ!

บรรยากาศของเมือง Karlstad ตอนเราไปถึงประมาณกลางๆ สิงหาเป็นช่วงอากาศดีของสวีเดนเลยแหละ ฤดูใบไม้ผลิ
ดอกไ้ม้สวยมากๆ อากาศเย็นกำลังดี

อันนี้เป็นบริเวณหอพักที่เราอยู่ เป็นย่านสงบ มีแต่เด็ก และคนแก่ วัยรุ่นเค้าไปอยู่ Campus ใกล้มหาลัย ใครที่อยากอยู่กับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน Party กันเกือบทุกวันให้อยู่ใกล้มหาลัย ส่วนใครที่ตั้งใจไปเรียนจริง แนะนำที่นี่เลยจร้ะ Norrstand

อันนี้ตอนกลางคืน

ตามไปชมชีวิตใน Sweden ด้วยครับ เคยมีช่วงนึงอยากสมัครเข้า Lund แต่ไปๆมาๆ มัวแต่ใช้ชีวิตชิลเกิน เวลาผ่านเลยไป ตอนนี้ขี้เกียจทำโทละ

Centrum หรือ Stora Torget คือแหล่ง กิ๊บเก๋ของคน Karlstad เค้า คล้ายอนุสาวรีย์บ้านเรา

รถเมล์เืกือบทุกสาย หรือ เรียกได้ว่าทุกสายจะมารวมตัวอันที่นี่

โดดโชว์ความเกี้ยบซะหน่อย

รถโดยสารที่นี่ ชนะเลิศ รถเมล์ที่นี่ มาตรงเวลาสุดๆ

บางคันมาเกือบถึงแร้วววววววววว แต่เพราะยังไม่ได้เวลาขาดไป 5 นาที พี่แกก็จะยังไม่มาที่ป้าย คือจะมาแล้วให้คนไปนั่งชิวบนนั้นไม่ได้ ต้องตรงเวลาสุดๆ

ขึ้นไปแล้ว ไม่มีกระเป๋ารถเมล์ ให้ รูดCardซึ่งอยู่ด้านหลังคนขับแทน คนขับสามารถมองว่าคนไหนรูดไม่รูดได้จากกระจกมองหลัง โชว์ความซื่อสัตย์ของคนที่นี่สุดยอด

สามารถหาซื้อ Buss card ได้ที่มหาลัย และร้านสะดวกซื้อใน Karlstad

การจอดที่ป้ายก็ไม่เร่งรีบ ทางขึ้นก็เกือบเป็นระนาบเดียวกันกับฟุตพาร์ท

และที่ปลื้มใจที่สุดคือ ตอนคนแก่จะลงรถพี่คนขับสละหน้าที่ แล้วจูงคุณป้าแก่ๆ ลงรถ ไม่ใช่แค่พยุงให้คนแก่ลงรถ แต่ลงรถไปด้วยเลย

เฮ้ยยยยย คนขับ มันขนาดนั้นเลยหร๋ออออออออ

ภาพตัวอย่างรถเมล์ใน Karlstad

ป.ล ถึงเพื่อนที่ปรากฎหน้าตาอยู่ในภาพนี้ ขอบคุณและขอโทษ ยืมรูปหน่อยนะ

Norrstrand เป็นเหมือนหมู่บ้านที่ผู้คนใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย สงบส่วนใหญ่จะมีคนแก่ เด็ก วัยทำงาน

ซึ่งเหมือนจะมีบ้านเราหลังเดียวที่สดใสวัยทีนที่สุด รู้สึกสงบเกินไปมั้ยเนี่ย?

มีแต่บ้านสวยๆ เรียงราย ทุกบ้านเหมือนถูกบังคับให้เข้าโครงการหน้าบ้านหน้ามอง ซึ่งจะต้องประดับประดาต้นไม้ ให้มีสีสันสวยงามแข่งกัน ลูกเบอรรี่ ที่แพงมากในเมืองไทย เราสามารถ เด็ดกินจากรั้วบ้านที่อยู่บริเวณ ที่พักได้เลย หวานมาก~ แต่ไม่รู้เค้าจะว่ารึเปล่านะ เอาเป็นว่า เค้าไม่เห็น อิอิ

และนี่แถวบ้านที่เราอยู่

ที่พักของเราเป็นบ้านทั้งหลังที่เอามาแบ่งเป็นห้องทั้งหมด 7 ห้อง เด็กไทยไปซะ 4 ที่เหลือเป็นมาเล และ เกาหลี

บ้านแบ่งเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องทานเข้า ห้องน้ำ 3 ห้อง ซึงรู้สึกว่าจะหรูเกินความจำเป็น

แบบว่าเอาห้องนั่งเล่นออกให้เราแล้วลดราคาลงหน่อยก็ได้นะ เดือน ละหมื่นกว่าเกือบสองหมื่น อันนี้ก็หนาวอยู่นะ แบบว่าอากาศก็หนาวอยู่แล้วด้วย

รู้สึกว่าคุณภาพชีวิตดีเกินไปยังงัยก็ไม่รู้สงสัยเค้ากลัวเราลำบาก มีอุปกรณ์ครัวครบครันแบบว่า สามารถเปิดเป็นสตูดิโอถ่ายทำรายการอาหารได้เลย เตาอบ อุปกรณ์ทำเค้กงี้ มีดเสต็ก  ไหวมั้ย?

วันแรกของการไป Karstad University เป็นวันปฐมนิเทศ ซึ่งเราจะได้เจอนักเรียนแลกเปลี่ยนจากหลากหลายประเทศ ซึ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่ได้เจอผู้คนเยอะขนาดนี้ เพราะบ้านพักที่เราอยู่มันช่างสงบเหลือเกิน


ว้าว~ ชีวิตนักศึกษากลับมาอีกหนึ่งครั้ง ตอนเย็นเราก็ออกไปเดินเล่นข้างนอกกับเพื่อนๆ คือเดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เพราะวิวทิวทิศน์ต่างๆ สวยมาก อากาศก็ดีหนาวนิดหน่อยใส่เสื้อกันหนาวแบบที่เอาไปจากเมืองไทยก็เอาอยู่

เดินไปเรื่อยๆ 2 กิโลใช้เวลาเกือบชั่วโมงก็ไปถึง Central City ซึ่งเป็นที่นัดหมายสำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ต้องการไปเที่ยวพบปะ สังสรรค์ กัน แต่เรากับเพื่อนรู้แต่ไม่ได้ตั้งใจจะไป แค่อยากเดินชมบรรยากาศรอบบ้านเท่านั้น

แต่แล้วก็เจอ สาวสวีเดน Hey Hey! Are you waiting for going to party? เรากับเพื่อนมองหน้ากัน แล้วก็เออ ออ ไปตามนั้นแล้วเราก็เดินไป สรุปเข้าร่วม Party ครั้งนี้

จากนั้นก็เจอเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เจอกันตอนปฐมนิเทศตอนเช้าเยอะแยะเต็มไปหมด

เจอคนที่เราชอบด้วย ว้าว~ดีใจจัง แบบว่าแอบชอบคงไม่ผิดหรอกนะ มันจะได้มีกำลังใจในการไปเรียน ส่วนหนึ่งของความสำเร็จนะจะบอกให้

แต่ก็ไม่มีไรเกิดขึ้นเพราะ คนที่ไปก็ล้วนแล้วแต่คุยกันเอง ฝรั่งเศสก็จับกลุ่มอยู่ด้วยกัน สเปนก็ส่วนสเปน มันเลยไม่เห็นจะได้สร้างสัมพันธ์ผูกมิตรไรกันขึ้นมาเลอะ

ปารตี้คุยกันเองในแต่ละประเทศ น่าเบื่อจังเลยขอตัวกลับบ้าน
รอรถเมล์ สาย 13 เพราะมันผ่านหน้าบ้านเลย พอขึ้นไปเจอคนขับรถถามว่าเรามากจากประเทศไทย พอเราตอบว่าประเทศไทย เท่านั้นแหละก็ยกมือไหว้และพูดว่าสวัสดีครับ เค้าไม่ใช่คนไทยแต่เค้ารู้จักเมืองไทยดังนั้น คนขับก็เลยให้เราขึ้นรถฟรี ไม่รู้จะขอบคุณใครดี เอาเป็นว่าเค้าคงจะรู้สึกดีกับคนไทยอยู่ไม่น้อยนะ

ตารางบอกเวลาว่ารถเมล์ที่เราคอย จะมาในอีกกี่นาที ^.^ เริ่ด

Norrstrand 17 นาทีไปรอใน Burger King หนีหนาวก่อนก็ได้

น่ารักทั๊งแก๊งค์เลยครับ..

อันนี้เป็น Party แรกของการเป็นนักเรียนไทยในสวีเดน จับตาหลังจากนี้ให้ดี

กิจกรรมเค้าเยอะ!

แขกปากี ไปเรียนสวีเดนเยอะ เพราะได้ทุนจากค่าอาวุธ ปากีซื้อเครื่องบิยตรวจการทางอากาศจาก Saab สวีเดนไป 6 ลำ พันกว่าล้านเหรียญ ทุนการศึกษาที่ให้ต่างตอบแทนกลับมา น่าจะ 500 ทุนได้ คงตกอยู่กับเส้นสายลูกหลานทหารแขกหมด
ภาพเห็นสวยๆ พอหน้าหนาว กลายเป็นหฤโหดเลย

กิจกรรม Sweden Games นักเรียนต่างชาติทุกคนมากันที่สนามตรง Centrum
ซึ่งจะมีสวนสาธาณะให้ทำกิจกรรม แล้วกิจกรรมนี้เองที่ทำให้เราเห็นทาสแท้ของชายหนุ่มที่เราแอบชอบ ว่าเค้าอาจจะมีสิทธ์เป็นเพื่อนสาวเราในอนาคตได้ ฮือๆๆๆๆ

วันนี้แต่งตัวแต่หัววันเพื่อจะไป Night Club in Sweden เปิดตัวด้วยชุดผ้าขาวม้า

ถือว่าประสบความสำเร็จเพราะ เด็กฝรั่งเศสและเยอรมันชมให้ความสนใจกับชุดผ้าขาวม้าแล้วก็ได้แนะนำ Cultural ผ่านผ้าขาวม้าให้เด็กไซปรัสสองคนได้รู้จักด้วย
555 มันอาจจะดูเสล่อๆ นิดหน่อย

ไปเจอกับ Christเสื้อฟ้า นักเรียนแลกเปลี่ยนที่เคยไปเมืองไทยแล้วปลื้มเมืองไทยของเราให้อย่างจัง คิดว่าจะไปตั้งรกรากที่นั่นด้วยในอนาคต ดีจังมีชาวต่างชาติปลื้มเมืองเราขนาดนี้ แล้วก็ได้เจอ น้อง Manuel พวกเราเรียกน้องเค้าว่าน้องมณู เป็นเด็กผู้ชายน่ารักจิ้มลิ้ม ทะเล้นหน่อย ขี้เล่นตามประสาเด็ก แต่อันที่จริงก็ 21 แล้วนะ คนสวีเดนนี่ดี ไม่แก่เร็วเกินอายุ ถือว่าสมวัย ก็ได้ไปบ้าน Christ เพื่อจะให้ Christ ช่วยหาซื้อจักรยานมือสองเพราะบางทีเจ้าของอาจเป็นคนสวีเดนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เลยต้องพึ่งสวีดิสแท้ซะหน่อย

แล้วก็ไปเจอ วัยรุ่น สวีดิช นั่งกันอยู่แถวนั้น

เด็กวัยรุ่นสวีดิช มีความเป็นตัวเองสูงงงงงงงงงงงงงม๊ากกกกกกกกกกกกก

คนที่นี่หน้าตาดี โดยเฉพาะผู้ชาย 555 แฟชั่นแบบไม่มีใครยอมใคร รู้สึกเหมือนเดินอยู่ในเมืองนายแบบ นางแบบ ขายาวๆ กันทังน้านนนนน ผู้หญิงก็หน้าเยี่ยง ขวัญ อุษามณีกันทั้งเมือง


นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของวัยรุ่นสวีดิช เห็นแต่งตัวแรงๆ อย่างนี้แต่รู้มั้ย ว่าพวกเขามารณรงค์ งดกินเนื้อสัตว์ (ขัดแย้งอ่ะ)

หลังจากนั้นก็ไปบ้าน host มี Party ขนมกันนิดหน่อยก่อนไปเจอผู้คน เรียกว่า Pre Party คือต้องเมากันไปก่อน เพราะเหล้าที่นั่นแพงมาก

และแล้วก็ถึงเวลาที่เหล่านางฟ้าจะต้องโบยบิน ด้วยชุดเกาะอกผ้าขาวม้าที่คิดเองว่าเก๋กู้ดสุดยอด เลยทำให้ระหว่างทางที่เดินไป Night club หนาวเล็กน้อยแต่โอเค

พอถึงลาน Cetrum ที่เราเคยเดินเมื่อช่วงเย็นและหลายวันก่อน มันช่างต่างกันราวฟ้ากับดิน ช่วงเย็นคนยังไม่เยอะขนาดนี้ นี้คนหรือผีจากหลุมไหนหลุดออกมา

เหล่านางฟ้า ซาตานพร้อมกันที่ Centrum เพื่อรอที่จะเข้าไปในร้าน ซึ่งเรียงรายเต็มยาวเต็มถนนสายที่เราคิดว่ามันเป็นร้านอาหารแต่เปล่ามันคือ RCA ย่อมๆ นักเรียนแลกเปลี่ยนจาก Karstad ต้องเข้าไปที่ร้าน Areana อันที่จริงต้องเสียค่าเข้าไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่เพราะนักเรียนต่างชาติเข้าฟรี น่าจะไม่เกิน 50 โครน

เยี่ยมครับ ขอติดตามไปด้วยคน

ย่ำ Areana มันไม่เหมือนผับที่บ้านเราที่จะมี โต๊ะแล้วเต้นใครเต้นมันกลุ่มใครกลุ่มมัน แต่มันจะมีลานกว้างไว้สำหรับเหวี่ยงกันให้เต็มที่โดยเฉพาะ

ดูเอาเถอะ ตอนเช้า เหมือนเมืองร้าง พอตกดึกเท่านั้น ไม่รู้มาจากไหนกันบ้างจริงๆ

ตอนไปแรกๆ มีงาน Party และออกไปเที่ยวอย่างนี้ ทุกอาทิตย์ ซึ่งหลายๆ คน เริ่มสงสัยว่ามาเรียน หรือ มาเที่ยว ละม้ายคล้ายเด็กใจแตก แต่บางทีก็มาเรียนปริญญา
โท ข้ามวัยใจแตกมาแล้วหล่ะมั้ง

เอาเป็นว่าเรามา พูดถึงเรื่องการศึกษากันบ้างดีกว่า

ตื่น 6 โมงเช้าไปเรียน คาบแรกหาห้องเรียนไม่เจอ สายอีก Introduction of Marketing แค่ Introduction เอาซะหนักเลย 4 Ps และอีกสารพัด มาแต่เช้าอาจารย์ก็พูดเร็ว Hi speed 8 แถมให้ Assignment มาทำอีกอ่ะ สอนไรยังไม่รู้เลอะให้ทำรายงานกลุ่มแระ นี่คาบแรกนะเนี่ย intensive course เกิน

10 โมงเรียนอีกวิชา อันนี้เบาหน่อยเป็นแนะนำอาคารสถานที่ต่างๆ ไม่ค่อยได้ฟังเพราะ เดี๋ยวรู้เองตอนหลงทาง เลยเปิดเอ็มคุยกะคนที่เมืองไทยซะหน่อย

11 โมงวิชาเดิมเหมือนตอนเช้าอาจารย์คนเดิม งง เป็นไก่ตาแตก He จะเร็วไปไหน ลูกกับเมียรอกินข้าวรึเปล่าหรือไง ลิ้นก็พันกันรู้ตัวยังจะเร็วเหมือนเดิมอยู่อีก


สุดท้ายเด็ดสุดให้รายงานกลุ่ม 3 คน แล้วอิงกับทฤษฎีที่สอน สอนหรืออะไรไม่รู้ไม่แน่ใจ ทฤษฎีไรหรอพูดตอนไหน บ้าแล่ว จะรอดมั้ยเนี่ย

เค้าให้เวลาคาบนี้ถึง 5 โมง heใช้เวลาแค่ 3 โมงยังไม่เยียบ 4 โมงไปแล้วปล่อยทำรายงานแล้ว สงสารนักเรียนบ้างมั้ยคาบแรกก็หนักขนาดนี้ Intensive จริงๆ

การเรียนการสอน ปริญญาโทที่นี่ จะเน้นให้ทำงานกลุ่ม ซึ่งจะต้องอิงจากทฤษฎีที่อาจารย์สอน

เหมือนจะเป็นการทำรายงานกลุ่มธรรมดา แต่ว่ามันไม่ได้ผ่านกันง่ายๆ อาจารย์จะตรวจละเอียดมาก ว่าอิงจากทฤษฎีไหน เค้าจะให้เอารายงานกลับไปแก้ได้แค่ 3 ครั้ง

แล้วจะต้องออกมา present หน้าห้องด้วย อันเนี่ยมันทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นมาก สเมือนตัวเองกำลังเป็นรัฐมนตรีจากประเทศไทย กำลังเข้าร่วมประชุมสหประชาชาติเพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับประเทศ มันไม่ใช่แค่ Present รายงาน แต่มันเป็นภาพลักษณ์ของประเทศ ภาระนี้หนักอึ้งนัก

การเรียนการสอนก็จะเข้าห้องเรียน เพื่อฟังบรรยายทฤษฎีต่างๆ จากอาจารย์ ใช้เวลาประมาณ 3 วัน หลังจากนั้นก็ให้นักเรียนไปเวียนหัวกับทฤษฎีกันเองต่อที่บ้าน
แล้วให้เวลาการทำรายงานยาวววววววววววววววว (แต่ทำกันจริงๆ อาทิตย์สุดท้าย)

เขามา confirm ว่า คนประเทศนี้ หล่อ จริงอะไรจริง
เเต่งตัวกันดีดี ทั้งนั้น ถึงไม่หล่อแต่แต่งตัวี ก็ ดูดี เเล้ว

เดินมาสิบ หล่อ สะ แปด

และ ที่นี่ ชอบ one night stand ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ เรา ขอผ่าน ทำใจไม่ได้ ถึงเรา เหมือนจะมาโตที่ยุโรป แต่ เรืองนี้ ก็ ไม่ไหว อย่างแรง

ชอบจังเลย เหมือนกำลังอ่านไดอารี่เพื่อน

5555555.... อ่านแล้วอิจฉาเด็กสมัยนี้เสียจริง   มีโอกาสทำอะไรได้ตั้งมากมาย

น่าสนุกมากค่ะ    ได้ทั้งความรู้และประสบการณ์ชีวิต....  ว่างๆ ก็มาเล่าอะไรแปลกๆ ให้เพื่อนห้องบลูฟังอีกนะคะ   ขอบคุณค่ะ

ทำไมผมไปทำงาน ที่ norway ประเทศติดกัน ดูแล้วนิสัยค่อนข้างแตกต่างกันจังเลยครับ

แต่ท่าทางสนุกดีจังนะครับ

ทั้งที่เป็นประเทศบ้านพี่เมืองน้องกัน

เราไปเที่ยว นอร์เวย์มาเหมือนกัน นิสัยไม่รู้ว่าต่างกันรึเปล่า แต่นอร์เวย์เป็นเมืองสีเทา เพราะมีหมอกมาก รู้สึกอึมครึมๆ ไงไม่รู้

สิ่่งที่อาจทำให้ Error ได้เมื่ออยู่สวีเดน

1. ที่นี่ไม่ให้ถุงเวลาไป shopping ต้องมีถุงผ้าหรือตะกร้าไปเอง (ถ้าไม่อยากซื้อ)

2. กล้วยที่นี่ใบละ 20 บาท หรือ ประมาณ 4 โครน ย้ำว่า "ใบนะ" ไม่ใช่หวี

3. ที่นีมีขโมย เพราะจักรยานเราหาย เพราะแสร้งทำเป็นล็อคเนื่องจากไม่อยากปลดล็อคตอนหนาวมันทรมานมือ โจรก็ช่างรู้ดี

4. ผู้หญิงเมืองนี้ สามารถนั่งฉี่กลางที่สาธารณะได้ ตอนเธอเมา

5. 80% ของคนสวีดิช เคยมาเมืองไทย

ุ6. ท้องฟ้ามืด ตอนบ่ายโมงในช่วงหน้าหนาว

7. รถโดยสารทุกชนิด จะออกตรงเวลาแบบสุดๆ ให้ไปถึงก่อนเวลาประมาณ 5 นาที

8. 70% คนเมืองนี้ ใส่เสื้อผ้า H&M

9. ฝากเงินที่นี่ไม่มีบอกว่าเราจะได้อัตราบอกเบี้ยเงินฝากเท่าไหร่?

10. หากเห็นคนหน้าเอเชียๆ ฟันธง 70% คือคนไทย (เพราะฉะนั้นระวังคำพูด หากนินทาเค้าเป็นภาษาไทย ระวังจะงานเข้า) และหญิงไทยกลุ่มหนึ่งจะขายเบอรรี่ในหน้าร้อนตรง Centrum

ค่าใช้จ่ายในการไปเรียนที่ เราใช้ประมาณ 200,000 อันนี้ Include ท่องเที่ยวเกือบรอบยุโรปแล้วน่ะค่ะ

1.ค่าบ้านเราจ่ายเดือนละเกือบ 20,000 ในช่วงเดือน 3 เดือนแรก ตอนหลังไม่ไหว ถึงแม้จะเซ็นสัญญาทั้งปีก็เหอะ (อันนี้ไม่ถูกต้องน่ะค่ะ) แต่ทำไงได้อยากเก็บเงินไปเที่ยวหนิ หลังๆก็เลยย้ายมาอยู่กับเพื่อน แชร์ค่าเช่ากัน

2.จักรยานให้ซื้อแชร์กันคันเดียวก็พอ แบ่งๆกันใช้ เวลาไป ซุปเปอร์มาร์เก็ต IKEA, ICA, MATT

3. ค่าเรียนที่นี่ไม่เสีย แต่จะมีค่าบำรุง ค่าบัตรอะไรนิดหน่อย ไม่น่าเกิน 3,000 บาท

4. ค่ารถเมล์จำเป็นเฉพาะช่วงหน้าหนาว ถ้าอยู่ใกล้มหาลัย แถวๆ Campus เดินไปก็ได้ นี่คือเหตุผลที่สำควรเลือกที่พักให้ใกล้มหาลัยให้มากที่สุด
แนะนะ ให้อยู่
Kronoparken จะมีร้าน MATT ซึ่งเป็นร้า่นขายสินค้าแถบเอเชีย และสามารถเดินไปมหาลัยได้อย่างง่ายดาย ที่นี่จะมี ปากี, อีรัก, อีหร่าน เยอะไปซักนิด แต่ก็ไม่เสียหายไรมากมาย

5. จัดงบสำหรับ ค่าอาหาร เพราะไม่งั้นเราจะเลอะเทอะกันแน่ๆ ข้าวสารที่นี่แพง ถ้าทนไหว ก็กินๆ สปาเก็ตตี้ไปเหอะค่ะ เก็บเงินไว้เที่ยว

ขอบคุณที่นำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ

น่าสนุกจริงๆเลย

เด็กไทยจะเป็นที่รู้กันในหมู่ชาวต่างชาติว่า ตัวเล็ก ใจดี ชอบมีปาร์ตี้เลี้ยงอาหารไทย อิอิ

อวดรูปอาหารที่พวกเรา โชว์ฝีมือให้ เด็กต่างชาติกันซะหน่อย (เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คนไทยไม่ต้องเป็นห่วงนะค่ะ พวกเราพยายามบอกชาวต่างชาติที่ได้กินเสมอ ว่านี่ไม่ใช่ Real Thai Food ถ้าคุณอยากลองไทย Food รสเลิกศแท้ๆ ให้ไปกินเองที่เมืองไทยคร่ะ ไงๆ หาเงินเข้าประเทศสุดๆ ^.^)

อย่างแรกเราเรียกมันว่า เมนูออกแขก ไม่ว่าใครจะมา เราต้อนรับด้วยไอนี่เลยคร่ะ

ข้าวคลุกกะปิ

อาจารย์ปีเตอร์ คนนี้ ที่ำทำให้เราได้มาเรียนที่นี่ขอบคุณจริงๆค่ะ

เลยคลุกกะปิสุดฝีมือไปเลย  ถ้าใครอยากมาเรียนที่นี่ก็ติดต่อ ปีเตอร์ได้เลยน่ะค่ะ

ขออวดอีกซักอัน

กระเพราแซลม่อนคร่ะ------------------------------------------------------------^.^----------------

ปารตี้ที่นี่เยอะมาก  มาดูกันดีกว่า ว่ามีไรบ้าง

อันแรก เป็นที่สนุกสนาน ฮากระจาย แท็กกัน Facebook เกือบพังคือ Bad Taste Party แบบว่าหลุดโลกกันไปเลยคร่ะแต่ละคน

ใครอยากดูความบ้าแบบเต็มๆ คลิกนี่เลยคร่ะ http://www.youtube.com/watch?v=URNZZwWfRhs

Halloween Party คร่่ะ อีฮั้น เป็น แม่นาค
แบบว่า เพื่อนต่างชาติงง ว่าใส่ชุดไรหรอ เราก็ต้องอธิบายกันยก ใหญ่ คือ she ที่ I เป็นเนี่ย เค้ามีความรักที่ยิ่งใหญ่ ต่อชายซึ่งเป็นที่รัก จึงเฝ้ารอถึงตัวจะตาย แบบว่าจะแต่งไรก็ได้เอาที่มันอธิบายง่ายๆ แล้วกันนะ เฮ้อ -.-!

Party Costume แต่งเป็นตัวการ์ตูนอ่ะค่ะ อันนี้เราไม่ได้ไป แอบเอารูปเพื่อนมาให้ดู

ป.ล ขอยืมรูปหน่อยนะคร่ะเพื่อน

ภาพนี้ Black Light Party และมี Party อีกมากมาย
เช่น ปารตี้วันเกิด เกิดกันตร๊อดๆ คิดดู เด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนกี่คน แล้ววันเกิดก็ไม่ตรงกัน ดังนั้น โย้วววววว!!!!

Lastes Goodbye Party

เอาเป็นว่า สิ่งหนึ่งที่ได้จากการมาเรียนที่นี่คือ
-----------------------------เวลา---------------------------------------------------

เรียนแบบตั้งใจ แล้ว ปาร์ตี้ให้มันส์สุดๆ

เราว่าข้อนี้เด็กต่างชาติเค้าทำได้ดีมาก ฮิฮิ คนที่ไปงาน Party เมื่อคืน กับเด็กใส่แว่นที่ตั้งใจเรียนตอนเช้า นี่มันคนเดียวกันรึเปล่าฟ่ะเนี่ย มันคนละคนกัลจิ๊งๆ

นี่เป็นภาพยืนยัน ว่าช่วงที่เราทำ Assignment พวกเราก็ตั้งใจกันสุดๆ

ดูได้จาก ยาแก้ร้อนในที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ แผลร้อนในเป็นส่วนหนึ่งของช่วงเวลาการทำรายงานไปเลย

นี่เป็นภาพในห้องเรียน (ซึ่งหายากมาก) ที่ไม่มี ก็บอกแล้วว่า เวลาตั้งใจเรียนใครจะไปนั่งถ่ายรูปเนอะ ^,*


เห็นป่ะ ปากี เยอะเกิ๊น นี่แบบรวมทุกคณะของ Business แยกเป็น Management, Marketing, และ Finance

เรามาดู ช่วง Winter in Sweden กันบ้างดีกว่า Winter ที่นี่จะเริ่มตอนประมาณกลาง Nov ตอนเราเห็นหิมะที่นี่รู้สึกตื่นเต้นมาก นั่งทำรายงานอยู่ก็ถึงกับวิ่งๆๆๆ ลงไปเล่นหิมะ กลางค่ำกลางคืน

จากนั้น Winter Actvities ก็เริ่มขึ้น  หนาวสุดที่เราเคยประสบคือ -20 องศา

กองหิมะแถวบ้าน คือวิ่งไปเรียนถึงกับลื่น เงิบไปเลย จมหิมะก็มี เกือบลุกขึ้นมาไม่ไหวอ่ะ

ก่อนเดินไปนั่งเพื่อให้ได้ภาพนี้มา หัวทิ่มหิมะไปเลยคร่ะ

ออกไปปั้น Snowman อันนี้เป็นฝีมือการตกแต่งของ น้องปี้ด (ฉายาที่เด็กไทยตั้งให้ไม่รู้ตัว) เป็นเด็ก แม็กฮิโก เราเรียกแม๊กซิโก แต่ทำไมเค้าเรียตัวเองว่า แม๊กฮิโกก้อม่ะรู้ อันนั้นคงจะถูกต้องล่ะมั้ง แม็กฮิโก ก็ด่ะ


เป็น Snowman ที่อุบาวท์มาก

อันนี้ผลงานของเรา เอง ตอนแรกว่าจะปั้นให้ใหญ่กว่า Snowman ขี้เหล้าตัวนั้นซะหน่อย แต่ทำไม่ไหวจริง เลยได้อย่างที่เห็น ^.^

น้องสโนว์ของหนู อิอิ เอ้าไปก็ไปด้วยกันนะไปคนเดียวไปเอาเหอะ

แล้วน้องสโนว์ก็ต้องจากเราไป เหตุ.....เกิดจาก ตกจักรยานตัวแตก หมอไม่รับเย็บ

Show ภาพสวยๆ ของเพื่อนซะหน่อย จมหิมะ ได้น่ะค่ะ

ลานกว้างๆ นั่น ก่อนหนาว มันคือแม่น้ำนะนั่น

อึมครึมมากๆ หน้าหนาวค่อนข้างน่าเบื่อน่ะค่ะ หาแสงแดดแถบไม่มี วันไหวมีแสง ต้องได้วิ่งเจ่นออกไปหาภาพสวยๆ กันอ่ะ

ต้องออกไปหา activities หน้าหนาวกันซะหน่อย

ที่ยืนอยู่เนี่ยเป็น ทะเลสาบ ด้านล่างคือน้ำ วิ่งๆ ไปมีร้าว น่ากลัวสุดๆ วิ่งไปวิ่งมาออกมาตรงกลางจะกลับตัวก็ไม่ได้ จะวิ่งต่อไปก้อเหนื่อยคร๊อดๆ T.T

เล่นยากนะไอเนี่ย ฮ่าๆ ล้มบ้าง ไม่เลื่อนบ้าง เบรคไม่เป็นไรงี้

http://www.facebook.com/photo.php?v=378483092934&set=t.100000212256995&type=3&theater

สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการมาใช้ชีวิตอยู่ใน สวีเดน

สิ่งที่ต้องเตรียม
1. ชุดไทย หรือ ชุดแฟนซี สำหรับ Party ต่างๆ เช่น วัน Halloween, Bad Taste หรือ แม้กระทั่งปาร์ตี้ costume มันจำเป็นมากจริงๆ เพราะหลายๆ คนไม่ได้เตรียมแล้วต้องวิ่งวุ่นกับการสรรหาชุด ทำไมถึงจำเป็น เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เราได้เพื่อน ที่จะคอยช่วยเราทำรายงานได้ง่ายขึ้น

2. ธงชาติไทย บอกแล้วว่าเราคือ ทูตสัมพันธไมตรี ที่เข้าร่วมประชุมสหประชาชาติ ดังนั้น ธงชาติจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก

3. หนังสือท่องเที่ยวยุโรป เพราะเราจะต้องได้เที่ยวแน่ๆ ศึกษาประวัติศาสตร์แต่ละประเทศในยุโรปมาก่อนก็จะดี จะไม่กระทบต่อการทำรายงาน

4. หัดทำอาหารไทยมาด้วย จะพึ่งเครื่องแกงอย่างเดียวก็อาจไม่พอ ที่สำคัญจะมีงาน International night  ซึ่งจะให้แต่ละชาติส่งอาหารประจำชาติเข้าประกวด เตรียมอุปกรณ์สำหรับความเป็นไทยมาด้วย (ครกมีขายที่ร้าน MATT ไม่ต้องหิวมาน่ะจ้ะ)

5. เสื้อผ้าเก๋ๆ แถวสยามซึ่งไม่ใช่ Brand name ขอแบบเมืองนอกต้องหาซื้อไม่ได้แน่ๆ ผู้หญิงเอารองท้าส้นสูง รองเท้าแตะและบูธเก๋ๆ มาอย่างละคู่ก็ดี ซื้อที่นี่อาจจะแพงและไม่มี size

ุ6. ครีม whitening, แป้งฝุ่น ไม่มีขายเพราะสวีดิช ไม่เน้นขาว

7. ปลอกหมอน และ ผ้าปูที่นอน เพราะถึงจะซื้อ IKEA ที่นี่ก็แพงอยู่ดี

8. Visa Dabit Card ขอวงเงินให้มากหน่อย ถ้าเป็น Credit Card ระวังกลับไปเป็นหนี้ท่วมหัวน่ะจ้ะ

9. ส่วนของใช้จำเป็นต่างๆเช่น Notebook, กล้อง อันนี้เรารู้ๆ กันอยู่แล้วเนอะ โทรศัพท์มือถือ ที่มหาลัยจะแจก Sim ให้นะตอนปฐมนิเทศ

10. Adapter หาซื้อได้ที่ Pantip น่าจะไม่เกิน 100 บาท และ ปลั๊กสามตาสายยาวๆ เพราะบางทีลากไดร์เป่าผมไปไม่ถึงหง่ะ

11. ของที่ระลึกสำหรับเพื่อนต่างชาติ และ โฮส เราเอาเสื้อยืดสกรีน คำว่า เด็ก Inter ไปคร่ะ เป็นที่สนใจมากค่ะเพื่อนต่างชาติหลายคนอยากได้ แต่เราให้เฉพาะคนพิเศษจริงๆ


ใครจะเอาอะไรมา ซึ่งมันไร้สาระมากกว่านี้ก็ไม่ว่ากัน เพราะเป็นความชอบส่วนบุคคล
ป.ล ที่หนีบผม เลอซาช่า แบบกมลๆ เอาไว้ทำเกลียวเริ่ดอ่ะ

สิ่งที่ไม่จำเป็นต้องเตรียม
1. หนังสือเรียน เพราะหาที่ห้องสมุดได้ อยากอ่านเพิ่มเติมเนื้อหาส่วนไหน ก็แค่ไปถ่ายเเอกสาร หน้าละ 1 โครน หรือประมาณ 5 บาท แต่แล้วส่วนใหญ่อาจารย์ก็ออกข้อสอบ ตามที่สอนใน Power point

2. มาม่า เครื่องแกง น้ำฟริก ซีอิ้ว น้ำปลา เพราะที่ Karlstad, Stockholm, Göteborg มีขาย ส่วนทีี่อื่นหนูม๊ายยยรู้ แบกมาให้หนักเปล่าๆ
ถ้าอยาก order ไรเป็นพิเศษให้เขียนชื่อยี่ห้อให้กับผู้จัดการร้าน MATT ไปเลย เด๋ว he จัดให้ หรือบอกกับพี่สาวพนักงานคนไทยในร้านก็ได้น่ะจ้ะ (แค่ Karlstad นะ)

ที่ Stockholm และ Göteborg จะเป็นร้านใหญ่ขายส่งให้ร้าน MATT Karlstad นี่แหละ ที่น่าเสียดายคือเจ้าของร้านขายส่งเป็นคนเวียดนาม แต่เอาของไทยไปขาย กำไรอื้อซ่า มันน่าเจ็บใจเล็กน้อยถึงปานกลาง

เก็บตก กันหน่อย เพราะเราเขียนไปเรื่อยๆ ไม่ได้ลำดับเรื่องราวไรเท่าไหร่ นึกไรได้ก็เขียนอ่ะคร่ะ



ห้องเรียนไข่ยักษ์ อยู่ในตึกวิศวะ หรือ สตูดิโอก็ไม่รู้ นายแบบเดินกัน เพ่นพ่าน เต็มไปหมด

(เป็น Hi-light ของ Karlstad University เลยแหละ)

เห็นมั้ย ถ้าเราไม่ เอาธงชาติมา จะเป็นอย่างไร

ห้องสมุดที่นี่ให้เล่นอินเตอร์เน็ตฟรีน่ะจ้ะ

สามารถ Login ได้โดยจะต้องใส่รหัสนักศึกษาเค้าจะให้ตอนวันปฐมนิเทศนั่นแหละ

ถ้าห้องพักใครไม่มี Internet ก็ไม่ต้องกังวล แต่ว่าจะไม่ค่อยสะดวกเท่านั้นเอง

อาหารสวีดิช ขนมปังธัญพืช มันถูกมากเลยนะ เคยลองซื้อมากิน เราว่ามันไม่ใช่อ่ะ หรือมันต้องกินคู่กับอะไรก็ไม่แน่ใจ แต่ใครอยากลองกินแบบดิชๆ ก็ลองดูเป็นประสบการณ์ แล้วก็ Meatball อยากกินแบบดิชๆ ไปลองได้ที่ IKEA

Meatballs ไม่เหมือนลูกชิ้นเนื้อบ้านเรา ตอนนี้อยู่เมืองไทยก็ไปลองได้ที่ IKEA ตรงบางนาอ่ะนะ  หน้าตาประมาณนี้

วัยรุ่นสวีดิช กับ H&M เป็นของคู่กัน เราเองก็เป็นสาวก H&M เหมือนกัน เพราะเด๋วก็ลดราคา เด๋วก็ลดราคา แต่ถูกสุดก็ประมาณ 400-500 บาทนะ จะลดเหลือราว 100 โครน


ไม่แปลกใจว่าทำไม คนที่นี่แต่งตัวดี แต่อยู่ๆไปก็น่าเบื่อนะ เจอแต่คนใส่ H&M กันทั้งเมือง ที่จำได้ก็เพราะเข้าไป Update Collection อยู่ในนั้นประจำ

เราเรียก H&M shop ว่าสถานทูต คือเพื่อนที่ไม่ได้นัดกันไปแต่ก็สามารถไปเจอกันที่นั้นได้

ปล สำหรับบางคนที่ไม่รู้ H&M เป็นแบรนด์ของสวีเดนค่ะ

สบายสไตล์วัยรุ่นสวีดิช แอบทำตาม เพราะถ้าเรานั่งอย่างนี้บนรถเมล์ในเมืองไทย คงโดนตีขา และจับประนามเป็นแน่

งานวันรับปริญญา จะมีประมาณเดือนกันยา ถ้าใครอยากอยู่รับปริญญา ก็ให้ขอวีซ่ามานานๆ หน่อยนะ

ไม่มีชุดครุยรับปริญญาน่ะจ้ะ

อันเนี่ยเราไม่ได้รับหรอก ถ่ายไว้ตั้งแต่มาแรกๆ มีเรียนแล้วเห็นเค้ามีงานก็เลยเข้าไปขอถ่ายรูปเฉยๆ

งานรับปริญญาก็จะเรียบๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรมากมาย เราเห็นบางคนอายุเยอะแล้วเหมือนกันน่าจะบ้านอยู่ใก้ลๆ มหาลัย คุณป้าเธอใส่ชุดราตรี ปั่นจักรยานมาคร่ะ ท่าลงและเบรคจักรยานสุดยอดมาก มืออาชีพสุดๆ ขอนับถือ

ส่วนใครที่ไม่อยู่ถึงเดือนกันยา เค้าจะส่ง ประกาศนียบัตรมาให้ที่บ้าน ที่เมืองไทยเลยคร่ะ บางคนยังไม่ถึงบ้านแต่ปริญญาส่งไปให้แม่ได้ชื่นชมเรียบร้อยแล้ว

เกือบจะได้ไปทำวิจัยที่โน่นละ ติดต่อ professor ที่ lund เรียบร้อย
ทุนมีพร้อม แต่ติดโน่น นี่นั่น ไม่รู้อะไรนักหนา ในที่สุด แห้ว เซ็ง
ขอบคุณที่รีวิวนะคะ

เห็นแล้วอยากตามไปเรียนด้วยเลยครับ
ขอบคุณมากๆ ครับ

อิอิ อยากให้มาลองประสบการณ์การเรียนที่ยุโรปดูคร่ะ สวีเดนเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ น่ะค่ะ

ให้ Facebook ของ Peter ไว้เพื่อใครสนใจจะได้ Contact  him โดยตรงเนอะ http://www.facebook.com/peter.r.bjork

แล้วจะมาเล่าเรื่องสนุกๆ กับการไปตะลอนทัวร์ยุโรป แบบ Economy สไตล์เรานะ

ส่วนเรื่องการเรียนถ้าเราพอจะหาข้อสอบเก่าๆ เพื่อเป็นแนวทางให้รุ่นหลังได้ จะรีบเอามา update ให้น่ะ

http://www.uu.se/en/?languageId=1

Professor ทาง Pharmaceutical  จาก Uppsala
เคยแวะมาเยี่ยมผมที่บ้านด้วย

ได้พาท่านไปเที่ยว ลำพูน เชียงใหม่ พะเยา
ท่านชอบมาก

ชอบมากมายประเทศนี้ ทั้งบ้านเมืองผู้คน แต่อาหารไม่แน่ใจ......ไม่อยากบอกเลยว่าตอนนี้ผมก็อยู่ที่สวีเดน มาจากโรมทำธุระสองสามวันที่สต๊อกโฮม...พรุ่งนี้กลับแระ

เป็นประเทศที่อยากไปมากเลยครับ

ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่นำมาเล่าแบ่งปันกันนะคะ

ดูแล้วอยากไปเรียนเลย แต่ติดที่ตอนนี้ ได้ที่ออสไปแล้ว เสียดายๆ

กำลังหาข้อมูลไปเรียนต่อโท ที่สวีเดนพอดีเลยคะ อยากทราบว่าจำเป็นต้องสอบ TOEIC ไหมคะ ?

ติดต่อ Peter ตาม link นี้เลยจ้ะ ไม่ต้องสอบ TOEIC แต่สอบ CUTEP จ้ะ เรื่องคะแนน ไม่รู้ว่าเปลี่ยนแปลงรึเปล่ายังไงถาม อาจารย์ปีเตอร์ดูแล้วกันนะ

Link นี้ http://www.facebook.com/peter.r.bjork

ลืมบอกไปใครที่ เรียน ABAC หรือ นานาชาติทั้งหลาย จะไปง่ายหน่อย เรื่องสอบเป็นรอง ขอต่อรองได้ถ้าคะแนนไม่ถึงจริงๆ

ขออีเมล์ FB หรืออะไรก็ได้ที่จะติดต่อคุณอาหลาชิ ได้มั้ยเอ่ย
คือเรากำลังจะสมัครไปปี 2013 อ่ะคับ
เรา ฮง นะ ^^