สวัสดีครับเพื่อนๆชาว BP ทุกท่าน

รีวิวสองตอนก่อนหน้านี้ ผมพาเพื่อนๆไปเที่ยวหมู่บ้านมรดกโลกที่เมืองริค-เวีย (Riquewihr) และเมืองน่ารักเมืองโกลท่าร์ (Colmar) มาแล้ว

วันนี้ขออนุญาตกระโดดข้ามพาเพื่อนๆไปเที่ยวชมปราสาทกันบ้างครับ ปราสาทที่หลายๆคนใฝ่ฝันว่าต้องไปเห็นด้วยตาให้ได้สักครั้งเมื่อไปเที่ยวเยอรมัน ปราสาทนอยชวานสไตน์ หรือปราสาทเทพนิยายครับ

รวมลิ้งค์รีวีวิวทริป GERMAN AUTUMN LEAVES

R I Q U E W I H R : หมู่บ้านมรดกโลก เมืองแห่งไร่องุ่น เมืองริค-เวีย
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11455252/E11455252.html

C O L M A R : ลิตเติ้ลเวนิซ เมืองน่ารัก เมืองโกลม่าร์
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11460817/E11460817.html

N E U S C H W A N S T E I N : ปราสาทเทพนิยายนอยชวานสไตน์
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11470665/E11470665.html

F R A N K F U R T : เมืองหลวงทางการค้าของเยอรมัน
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11475687/E11475687.html

H E I D E L B E R G : เสน่ห์เมืองโรแมนติค เสน่ห์เมืองไฮเดลแบร์ก
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11479143/E11479143.html

F R E I B U R G : เดินละเลียดชมเมืองน่ารัก เมืองไฟรบวร์ก
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11486344/E11486344.html

BLACK FOREST : ล่องเรือในทะเลสาบ Titisee, แวะชมทุ่งดอกเรปส์
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11490877/E11490877.html

ETTAL ABBEY : เยี่ยมสำนักสงฆ์เอ็ททาล, พาชมโบสถ์แสวงบุญมรดกโลก โบสถ์วีส์
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11495019/E11495019.html

O B E R A M M E R G A U  : เดินละเลียดชมหมู่บ้านกำแพงสวย, แวะเยี่ยมปราสาทลินเดอร์โฮฟ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11499685/E11499685.html

MUNICH LOVES YOU : เสน่ห์เมืองมิวนิก เมืองที่เคยได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในเยอรมัน
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11501929/E11501929.html

N Y M P H E N B U R G Palace : พระราชวัง นึ้มเฟ่นบวร์ก, เดินเที่ยวชมตลาดฟิคทูอาเลี่ยนมาร์คท
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11504803/E11504803.html

RESIDENZ MUNCHEN : พระราชวังเรซิเด้นซ์มุ้นเช่น ชมขุมทรัพย์อันล้ำค่าแห่งบาเยิร์น
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11508829/E11508829.html


ภาพเปิดกระทู้ ปราสาทเทพนิยายนอยชวานสไตน์ ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีปลายเดือนตุลาคมครับ

ทริปยุโรปครั้งนี้ พวกเราเที่ยวเยอรมันประเทศเดียวครับ โดยตั้งใจไปชมใบไม้เปลี่ยนสีซึ่งเป็นฤดูที่ผมชื่นชอบมากที่สุด หลังจากที่ได้ไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น และจิ่วจ้ายโกวที่เมืองจีนมาแล้ว เลยอยากไปลองดูว่าใบไม้เปลี่ยนสีที่ยุโรปบรรยากาศจะเหมือนหรือต่างกับทางเอเซียหรือไม่อย่างไร

ผมใช้บริการทัวร์คนไทยเจ้าเดิมที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ยุโรป เป็นไกด์และคนขับรถพาเที่ยวครับ ช่วงเวลา 10 วันระหว่างวันที่ 22 - 31 ตุลาคม 2011

เมืองที่ไปเที่ยวมา เริ่มตั้งแต่ Frankfurt, Heidelberg, Freiburg, Colmar, Riquewihr, Fussen, Bavaria, Munich ครับ

ก่อนบินไปเที่ยวได้ซื้อหนังสือ เที่ยวไม่ง้อทัวร์ตีตั๋วลุยเยอรมัน มาอ่านครับ หนังสือเล่มนี้ให้ข้อมูลการท่องเที่ยวเกี่ยวกับเยอรมัน(แม้จะไม่ครบทุกเมืองที่เราวางแผนไว้)อย่างละเอียดดีเชียวครับ ประกอบกับได้อ่านข้อมูลของเพื่อนๆสมาชิกที่กรุณาทำรีวิวไว้ในเวปบอร์ด BP แห่งนี้ ทำให้ทริปเยอรมันของพวกเราในครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณเพื่อนๆชาว BP ไว้ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

ข้อมูลอ้างอิงประกอบคำบรรยายใต้รูปภาพ ส่วนใหญ่นำมาจากหนังสือ เที่ยวไม่ง้อทัวร์ตีตั๋วลุยเยอรมัน และบางส่วนนำมาจาก Wikipedia ครับ ถ้างั้นผมขอเริ่มรีวิวพร้อมนำเสนอรูปภาพความประทับใจที่นำกลับมาให้เพื่อนๆชมครับ

ทริปนี้ผมค่อนข้างกังวลใจอยู่ไม่น้อยว่าจะเห็นใบไม้เปลี่ยนสีหรือไม่ เนื่องจากเป็นการเที่ยวยุโรปในฤดูนี้เป็นครั้งแรก ข้อมูลการเปลี่ยนสีของใบไม้ของสถานที่ที่จะไปเที่ยวก็รู้น้อยมาก ทำได้เพียงแต่สอบถามจากเพื่อนๆที่ไปมาแล้วหรือหาอ่านจากหนังสือ ซึ่งต่างกับการเที่ยวประเทศที่คุ้นเคยอย่างญี่ปุ่น

แต่อย่างไรก็ตามพวกเรายังพอมีโชคอยู่บ้าง ที่ใบไม้เปลี่ยนสียังมีหลงเหลือให้ชม ยังไม่ร่วงหล่นโกรนเหลือแต่กิ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงปลายแล้ว เพราะถ้ามาช้ากว่านี้เพียงอาทิตย์เดียว ต้นไม้คงทิ้งใบจนหมดเหลือแต่กิ่งเพื่อต้อนรับฤดูหิมะ

คุ้นเคยกับสีฉูดฉาดของป่าเปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น แต่บรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีที่เยอรมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ที่ญี่ปุ่นโทนสีจะออกไปทางแดง โดยเฉพาะใบไม้ทางแถบคันไซ นั่นเป็นเพราะว่าญี่ปุ่นมีต้นเมเปิ้ลอยู่มากมาย ใบเมเปิ้ลจึงเปลี่ยนสีเป็นสีแดงสด แต่ที่เยอรมัน(ไม่เห็นมีเมเปิ้ลสักต้น) โทนสีจะออกไปทางเหลืองอมส้ม + น้ำตาล ให้ความรู้สึกหวานเย็นตาดีครับ

กล่าวกันว่าใครมาเยอรมันแล้วไม่ได้ไปชมปราสาทนอยชวานสไตน์ ถือว่ามาไม่ถึงเยอรมัน

....... คำกล่าวนี้จริงหรือไม่ แล้วปราสาทที่ว่านี้มีดีอะไร ทำให้ผู้คนมักกล่าวขานกันเสมอเมื่อไปเที่ยวประเทศเยอรมันว่าได้ไปชมปราสาทเทพนิยายมาหรือเปล่า วันนี้เราจะไปพิสูจน์กันครับ

ปราสาทนอยชวานสไตน์ เป็นปราสาทแสนสวยโด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งในโลกและยังเป็นต้นแบบของปราสาทในดิสนีย์แลนด์ ปราสาทนี้ตั้งอยู่ในประเทศเยอรมนี ในแคว้นบาวาเรียทางตอนใต้ของประเทศ ติดเทือกเขาแอลป์

ปราสาทนอยชวานสไตน์สร้างขึ้นบนยอดเขา ที่รายล้อมด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงามของเทือกเขาแอลป์และทะเลสาบด้านล่าง

จุดประสงค์ของการสร้างปราสาทนี้เพื่อให้ผสานกลมกลืนไปกับธรรมชาติอันงดงามรอบด้าน ปกติการสร้างปราสาทจะต้องมีสวนที่สวยงามเป็นบริเวณกว้าง มีการสร้างบ่อน้ำพุในสวน แต่นอยชวานสไตน์ไม่จำเป็นต้องมีสวน เพราะมีธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์รายล้อมอยู่แล้ว ไม่ต้องมีน้ำพุเพราะมีน้ำตกทางธรรมชาติอยู่ใกล้ ๆ

กล่าวกันว่าการมาเที่ยวปราสาทเทพนิยายแห่งนี้ควรมาให้ครบ 4 ฤดู เพราะแต่ละฤดูจะมีความงดงามแตกต่างกันไป แต่คนส่วนใหญ่มักลงความเห็นว่าฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเป็นช่วงที่สวยที่สุดของปราสาทนอยชวานสไตน์

ส่วนตัวผมที่ชื่นชอบฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเอามากๆ จึงเลือกมาชมปราสาทในช่วงนี้ตอนเดือนตุลาคม ซึ่งก็ไม่ผิดหวังที่ได้ชมทั้งความงามของตัวปราสาทและป่าเปลี่ยนสีอันสวยงามไปพร้อมๆกัน ส่วนฤดูอื่นยังไม่เคยไปครับ

ปราสาทนี้สร้างขึ้นโดยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งรัฐบาวาเรีย ในสมัยนั้นเยอรมันยังไม่ได้รวมกันเป็นประเทศอย่างในปัจจุบัน แคว้นเล็กๆต่างปกครองกันเอง มีกษัตริย์ของตัวเอง กษัตริย์ลุดวิกทรงขึ้นครองราชย์ตั้งแต่พระชนมายุเพียง 18 ชันษา เป็นกษัตริย์อารมณ์ศิลป์ สนใจศิลปะ ดนตรี และวรรณกรรม มากกว่าจะสนใจปกครองบ้านเมือง  

ทรงนิยมสร้างปราสาท หลงไหลในตำนานพื้นบ้านเกี่ยวกับเทพของเยอรมันและพวกไวกิ้ง และชื่นชอบอุปรากรของริชาร์ด วากเนอร์ (Richard Wagner) เป็นชีวิตจิตใจ จนพวกขุนนางทนไม่ไหว ตั้งข้อหาสติวิปลาส  แล้วปลดพระองค์ลงจากตำแหน่ง หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีคนพบพระศพจมน้ำตายอย่างปริศนา

นับตั้งแต่วันที่เริ่มสร้างจนถึงปัจจุบัน ปราสาทแห่งนี้มีอายุราว 140 ปี ผู้ที่ออกแบบปราสาทแห่งนี้ไม่ใช่สถาปนิก แต่กลับเป็นคนออกแบบฉากละคร ทำให้ปราสาทแห่งนี้เหมือนปราสาทในจินตนาการมากกว่าปราสาทแห่งอื่น

ภายนอกสร้างให้ดูเหมือนปราสาทในยุคกลาง แต่ภายในเต็มไปด้วยศิลปะในยุคต่างๆ ไบแซนไทน์ โรมันเนสก์ โกธิก แถมพระองค์ยังมีหัวก้าวหน้าในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สุดมาใช้ในปราสาทแห่งนี้ ทั้งระบบไฟฟ้า ประปา แถมยังมีโทรศัพท์ในปราสาทอีกด้วย มีระบบทำน้ำร้อนน้ำเย็นพร้อมเสร็จ

#6 เม.ย.ไปถึงเยอรมันแล้วได้เที่ยวแค่มิวนิค เสียดายไม่ได้ไปนอยฯ
เพราะไปใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ออสเตรีย แต่ก็รู้สึกว่าถึงเยอรมันเหมือนกันนะคะ อิอิ

ต่อเลยค่ะ อยากดูรูปอีก จัดหนักมาค่ะ ชอบๆๆ เหมือนเทพนิยายเลย

ปราสาทนอยชวานสไตน์เป็นปราสาทที่ยังสร้างไม่เสร็จ เมื่อพระเจ้าลุดวิกที่ 2 สิ้นพระชนม์ปราสาทนี้ได้ถูกสร้างไปเพียง 1 ใน 3 ของแผนที่วางไว้แล้ว

พระเจ้าลุดวิกที่ 2 เองก็เสด็จมาประทับที่ปราสาทแห่งนี้เพียง 170 วันเท่านั้น หลังจากสิ้นพระชนม์เชื้อสายของพระองค์ได้เปิดให้ประชาชนได้ชื่นชมภายในบางส่วน โดยเก็บค่าเข้าชมเป็นค่าทะนุบำรุงซ่อมแซม

มาทันถ่ายทอดสดด้วย เย้ๆ

คุณ ตัวกลมแก้มป่อง

สวัสดีและขอบคุณครับ ผมมีเพื่อนเที่ยวปราสาทยามดึกแล้ว นึกว่าจะต้องเดินเที่ยวคนเดียวซ๊ะอีก

ไปเยอรมันครั้งเดียวไม่พอแน่ๆครับ ประเทศนี้เป็นประเทศที่น่าเที่ยวที่สุดมากกว่าประเทศอื่นๆในยุโรป ตามความคิดเห็นส่วนตัวผมน่ะครับ

ไม่เป็นไรครับ เอาไว้คราวหน้า คุณ ตัวกลมแก้มป่อง ค่อยวางแผนไปเที่ยวปราสาทเทพนิยายใหม่ก็ได้ครับ

นับว่าเป็นความโขคดีของชาวเยอรมัน ที่พระเจ้าลุดวิกที่ 2 ได้ทรงสร้างปราสาทเทพนิยายแห่งนี้ขึ้นมา

เพราะปัจจุบันสามารถทำรายได้มหาศาลให้กับรัฐ ถ้าเป็นช่วงหน้าร้อนของยุโรปนักท่องเที่ยวจะแน่นขนัด มีทั้งคนเยอรมันเองและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต้องการมาชมปราสาทในเทพนิยายแห่งนี้ซักครั้งเป็นบุญตา

หน้าตาของเจ้าของปราสาทเทพนิยายแห่งนี้ พระเจ้าลุดวิกที่ 2

ชื่อของปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein) มีความหมาย ปราสาทหินหงส์ใหม่ ( neu = new, schwan = swan, stein = stone)

ไม่ไกลจากปราสาทนอยชวานสไตน์ เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงจะมองเห็นปราสาทแรกก่อน มีสีเหลือง ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ มีชื่อว่าปราสาทโฮนชวานเกา (Hohenschwangau)

ซึ่งโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อนโดยพระเจ้าแม็กซิมิเลียนที่สอง (Maximilian II) พระบิดาของพระเจ้าลุดวิกนั่นเอง  เจ้าชายลุดวิกในวัยเยาว์ทรงประทับอยู่ที่ปราสาทนี้อย่างมีความสุข และเป็นแรงบันดาลใจที่จะสร้างปราสาทของพระองค์เองขึ้นบ้าง

พูดง่าย ๆ คือโฮนชวานเกาคือปราสาทของผู้พ่อ ส่วนนอยชวานสไตน์คือปราสาทของผู้ลูก ปราสาทโฮนชวานเกาอยู่ไม่ห่างกันนักจากปราสาทนอยชวานสไตน์ สามารถเดินถึงกันได้ใน 20 นาที และสามารถซื้อทัวร์เข้าไปชมทั้งสองปราสาทได้ในวันเดียวกัน

บริเวณลานกว้างเป็นจุดศูนย์รวม ทั้งที่จอดรถ ที่จำหน่ายบัตรเข้าชมปราสาท ร้านอาหาร โรงแรมและศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

การเดินทางขึ้นไปชมปราสาท สามารถเลือกได้ 3 วิธีคือ เดิน นั่งรถม้า นั่งรถบัส

การเดินขึ้นใช้เวลาประมาณ 30 นาที (เดินขึ้นเขา ไม่รวมเวลาที่เสียไปในการถ่ายภาพระหว่างทาง) เหมาะสำหรับคนที่ชอบ Trekking เพราะการเดินขึ้นค่อนข้างเหนื่อย แต่ได้ชมวิวสวยๆสองฟากทาง

การใช้บริการรถม้า เหมาะสำหรับคนที่ไม่เร่งรีบ เนื่องจากรถม้าค่อนข้างช้าต้องรอนาน และที่สำคัญเวลานั่งจะได้กลิ่นขี้ม้าโชยอ่อนๆเป็นระยะด้วย วิธีนี้ใช้เวลาประมาณ 10 นาที

วิธีสุดท้ายคือการนั่งรถบัส พวกเราเลือกวิธีนี้เพราะค่อนข้างสะดวก เนื่องจากการเดินขึ้นใช้เวลาค่อนข้างมาก รถม้าก็ต้องรอนานเกินไป ส่วนขาลงพวกเราเลือกวิธีเดินลงครับเนื่องจากต้องการเดินชมป่าเปลี่ยนสี

ก่อนขึ้นรถบัสยังมีเวลาเหลือนิดหน่อย พวกเราเลยแวะไปทานไส้กรอกซอสแกง หรือที่เรียกว่าเคอรี่ววร์ซท์ (Curry Wurst) ครับ รูปนี้ยืนถ่ายที่ที่หน้าร้านมองเห็นปราสาทได้ในระยะไกล

จุดถ่ายภาพความประทับใจของตัวปราสาท ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด คือจุดชมวิวจากสะพาน Marienbrucke (Mary's Bridge) ที่ทอดข้ามหน้าผาสูง 90 เมตร มีน้ำตกสูง 45 เมตร ไหลผ่านด้านล่าง

นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูปปราสาทกันที่จุดนี้ ซึ่งเป็นจุดเดียวที่สามารถเห็นตัวปราสาทในแนวยาวด้านข้างได้สวยงามที่สุด

ภาพนี้เป็นบริเวณลานกว้างที่จอดรถบัส นักท่องเที่ยวที่นั่งรถบัสมาจะถูกนำมาส่งที่นี่ เดินตามป้ายไปทางด้านขวามือสักครู่จะพบสะพาน Marienbrücke (Mary's Bridge) ซึ่งเป็นจุดชมวิวสามารถเห็นตัวปราสาทได้ชัดเจนที่สุด

สะพาน Marienbrucke (Mary's Bridge)

แต่ทว่าสะพาน Marienbrucke (Mary's Bridge) จะเป็นบริเวณที่มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างหนาแน่นถึงแน่นมากๆโดยเฉพาะเมื่อเวลารถบัสนำนักท่องเที่ยวมาส่ง ขนาดจะถ่ายภาพไม่ให้ติดคนอื่นยากมากๆ ต้องอดทนรอจังหวะสักหน่อย

มุมมหาชนที่สะพาน Marienbrucke (Mary's Bridge)

เนื่องจากผมไม่ได้เข้าชมปราสาทเลยมีเวลาอยู่บนสะพานมากพอสมควร (ปล่อยให้เพื่อนๆเดินล่วงหน้าไปชมภายในปราสาทก่อน)

บนสะพาน Marienbrucke ผู้คนค่อนข้างแน่นมากๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่รถบัสพาผู้โดยสารมาส่ง ส่วนใหญ่หลังจากลงจากรถบัสนักท่องเที่ยวจะเดินไปชมวิวที่สะพานก่อนเพราะสะพานอยู่ใกล้กับที่จอดรถบัส และหลังจากชมวิวที่สะพานแล้วก็จะเดินไปชมปราสาทครับ

ช่วงนี้แหละครับเป็นช่วงที่บนสะพานคนจะน้อยลง ทำให้สามารถเลือกมุมถ่ายภาพได้ตามสะดวกครับ เพื่อนๆถ้ามีเวลามากพอและไม่เร่งรีบ ผมแนะนำให้รอสักพักจนกว่าคนบนสะพานแยกย้ายเดินไปชมปราสาทกันก่อน ทำให้บนสะพานคนน้อยลงจนกว่ารถบัสคันถัดไปจะขึ้นมาครับ

ที่จริงตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะเดิน Trekking โดยนั่งกระเช้าขึ้นไปบนเขา Tegelberg ก่อนแล้วค่อยเดินจากบนเขาลงมาที่สะพาน Marienbrucke

เนื่องจากระหว่างทางเดินลงเขาจะสามารถเห็นตัวปราสาทจากด้านบน เมื่อถ่ายรูปออกมาแล้วจะได้ภาพปราสาทที่สวยงามเหมือนภาพในโปสการ์ด แต่ผมกลัวเพื่อนๆในกลุ่มจะรอนานเกินไปก็เลยไม่ได้เดินลงเขาครับ ยังรู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกัน


ตอนยืนชมวิวอยู่ที่สะพาน Marienbrucke เห็นคนเดินลงมาจากยอดเขา Tegelberg เลยลองถามดูว่า ถ้าอยากจะเดินย้อนขึ้นไปข้างบน ต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่กว่าจะถึงจุดชมวิวที่สวยที่สุด ผู้ชายที่เดินลงมาบอกว่าน่าจะประมาณ 30 นาที ผมคิดแล้วว่าคงเหนื่อยเอาเรื่องเพราะเป็นการเดินขึ้นเขา ก็เลยเปลี่ยนใจไม่เดินขึ้นไปครับ

ได้เวลาเดินไปชมปราสาทแล้วครับ จากสะพาน Marienbrucke (Mary's Bridge) ต้องเดินอีกประมาณ 15 - 30 นาทีโดยประมาณ แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วยครับ

คนที่มีเวลาเหลือมากพอก็สามารถเดินละเลียดชมวิวข้างทางได้อย่างไม่ต้องเร่งรีบ เพราะตลอดระยะทางจะเต็มไปด้วยป่่าเปลี่ยนสีที่สวยงามเป็นด่านปราการกั้นไม่ให้เราเดินไปถึงตัวปราสาทได้ง่ายๆ

ส่วนใครที่มีเวลาไม่มาก หรือคนที่ต้องรีบเดินไปปราสาทเพื่อให้ทันรอบเวลาที่กำหนดให้เข้าชมปราสาท ก็อาจพลาดโอกาสชมวิวช่วงนี้ไป หรืออาจจะเดินย้อนกลับมาใหม่(หลังจากชมภายในตัวปราสาทเสร็จแล้ว) ตอนขาลงที่จะมาขึ้นรถบัสก็ได้ครับ

ผมไม่ได้เข้าชมข้างในปราสาท เพราะเขาห้ามถ่ายภาพภายใน เลยมีเวลาเดินชมวิวป่าเปลี่ยนสีได้อย่างไม่เร่งรีบ

แหมก็วิวป่่าเปลี่ยนสีมันสวยงามมากเกินคำบรรยายนี่นา จะให้เดินแบบจ้ำอ้าวก็ดูจะเป็นการทำร้ายธรรมชาติมากจนเกินไป

ใครที่ชื่นชอบเดินชมธรรมชาติเป็นพิเศษ ตอนซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทควรเผื่อเวลาเดินชมธรรมชาติระหว่างทางเดินนี้ไว้ด้วย

ส่วนคนที่มีเวลาไม่มาก ควรคำนวณเวลาเดินให้ดีเพราะถ้ามัวแต่เดินอ้อยอิ่งท่านอาจพลาดการเข้าชมภายในปราสาทตามเวลาที่กำหนดไว้ในตั๋วก็เป็นได้

บริเวณทางเดินจุดนี้ สามารถมองเห็นวิวมุมกว้างเบิ้องล่างได้อย่างชัดเจน ป่าไม้กำลังสลัดทิ้งใบเปลี่ยนสีสวยงามเชียวครับ จะสังเกตุเห็นปราสาทโฮนชวานเกาอยู่เบื้องล่างทางมุมซ้ายมือด้วยครับ

คุณ aeewil
ขอบคุณมากครับที่อยู่เป็นเพื่อนชมถ่ายทอดสด

แต่ว่าคืนนี้คนโพสรู้สึกง่วงแล้ว ขอมาต่อพรุ่งนี้น่ะครับ

ใบไม้เปลี่ยนสี ปราสาทสวย บวกฝีมือตากล้อง
เราจึงโชคดีที่ได้เห็นภาพสวยๆจากทริปนี้

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

สวยน่าไปมากๆ เลยค่ะ ปกติอยากไปที่นี่อยู่แล้ว ยิ่งเห็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ยิ่งทำให้อยากไปเยือนมากกว่าเดิมอีก ^^ ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ และรีวิวนะคะ

ป่าเยอรมันหน้า Fall นี่สวยงามจริง ๆ ครับ ยิ่งผ่านการถ่ายทอดจากมุมกล้องของ จขกท แล้วยิ่งงามเข้าไปใหญ่

ความคิดเห็นที่ 29 เพิ่งทราบว่ามีมุมที่ถ่ายรูปมุมโปสการ์ดได้ด้วย ตอนที่ผมไปก็พยายามถามคนขายโปสการ์ดทุกร้านว่ามุมนี้ถ่ายจากจุดไหน
ทุกคนพร้อมใจกันตอบว่าต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ไป ไม่อย่างนั้นผมจะเผื่อเวลาเดิน trekking ไปจุดนั้นซะหน่อย ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

ภาพสวยมากๆ ใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามจริงๆ แวะไปดูกระทู้ก่อนหน้านี้แล้ว ต้องบอกว่าเห็นแล้วอยากจะตามรอยทริปนี้ในเร็ววันค่ะ ภาพสวยมากๆค่ะ :))



ขอถามนิดนึงนะคะว่าเจ้าของกระทู้ใช้เลนส์ตัวใหนค่ะเก็บภาพ สวยงามมากๆค่ะ


ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยค่ะ

งดงามจริงๆครับใบไม้เปลี่ยนสี

ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ในฝันที่อยากจะไปให้ได้เลยครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวด้วยครับ

สวยมากๆเลยค่ะ

ภาพสวยมากๆ ค่ะ อากาศก็เป็นใจจริงๆ ทั้งฟ้าใสๆ กับใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ

เพิ่งทราบว่าแถวนั้นมี Tegelberg cablecar ด้วย ไม่งั้นคงได้ขึ้นไปเก็บภาพมุมสูงบ้าง ^^

เก็บภาพมาได้งดงามมากๆครับ
ขอบคุณที่แชร์ให้ชมครับ

สวยมากครับ

สวัสดีครับคุณ Cherokee1

แรงบันดาลใจทริปนี้เกิดจากการได้ชม รีวิวโปสการ์ด ของคุณ Cherokee1 น่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นมิวนิค หรือปราสาทเทพนิยาย ที่พอได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีกับปราสาท ทำให้มือไม้สั่น เพราะว่ามันสวยมากๆ ทำให้ผมใส่ไว้ในโปรแกรมเที่ยวทันทีเลยครับ

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เคเบิ้ลคาร์ขึ้นเขา tegelberg ครับ

เวปไซท์ ภาษาเยอรมัน http://www.tegelbergbahn.de/
ภาษาอังกฤษ http://www.schwangau.de/tegelberg-cablecar-626.html

สถานีเคเบิ้ลคาร์ tegelbergbahn ก็อยู่ไม่ไกลจากบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวครับ เมื่อนั่งเคเบิ้ลคาร์ไปถึงบนยอดเขา tegelberg แล้ว จะมีเส้นทางTrekking จากยอดเขาลงมาที่สะพาน Marienbrucke ครับ ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง

หรือถ้าถ้าไม่อยากขึ้นเคเบิ้ลคาร์ไปบนยอดเขา tegelberg เราจะเดินย้อนทางจากสะพาน Marienbrucke ขึ้นไปยังจุดชมวิวก็ได้ครับ แต่คงเหนื่อหน่อยเพราะต้องเดินขึ้นเขา

จากเส้นทาง Trekking เมื่อมองลงมายังตัวปราสาทก็น่าจะเห็นวิวปราสาทจากมุมสูงออกมาประมาณนี้อ่ะครับ คราวหน้าถ้าได้มีโอกาสไปเที่ยวปราสาทนี้อีกผมคงไม่พลาดนั่งเคเบิ้ลคาร์แน่นอนครับ

ขอบคุณคุณ Cherokee1 น่ะครับที่แวะเข้ามาชมปราสาทเทพนิยายด้วยกัน

งดงามจริง ๆ ครับ

สวัสดีครับคุณ กาแฟขม

ข้อมูลเคเบิ้ลคาร์เพิ่มเติมอยู่ที่คำตอบด้านบนน่ะครับ ^^^

ผมเป็นแฟนคลับ คุณ กาแฟขม เช่นกันครับ ขอบคุณมากๆสำหรับข้อมูลพร้อมภาพสวยๆในการขับรถเที่ยวครับ ไม่ว่าจะเป็นรีวิวเส้นทาง ออสเตรีย ปราก เยอรมัน ที่ทำรีวิวไว้ดีมากๆ เป็นประโยชน์ให้กับผมในการตามรอยครับ

ขอบคุณมากครับที่เข้ามาเที่ยว และยินดีที่ได้รู้จักครับ

ปราสาทนอยในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เป็นอะไรที่ใฝ่ฝันมานานแล้วค่ะ คงต้องหาโอกาสไปให้ได้สักครั้งหนึ่ง ขอบคุณคุณ Chris Evert  มากค่ะที่นำภาพสวยๆมาให้ชมกัน

ฟ้าใส รูปสวยสุดๆไปเลยครับ
เคยแว้บๆผ่านเยอรมัน แต่ที่ที่อยากไปสุดก็ปราสาทนี่ละครับ แต่พลาดไป
ยิ่งเห็นรีวิวนี้แล้ว ยิ่งรู้สึกคราวโน้นนน.. พลาดมากๆ
ขอบคุณรีวิวสวยๆนะครับ

คุณ Naddh .......... ขอบคุณเช่นกันครับที่เข้ามาให้กำลังใจ

คุณ Blue Whale.......... เขาบอกกันว่าปราสาทเทพนิยายสวยทุกฤดูเลยครับ แต่ฤดูที่สวยที่สุดน่าจะเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสีครับ

คุณ LoveParadise ..........ขอบคุณที่แวะมาเที่ยวครับ เรื่องกล้องและเลนส์ที่ใช้ ผมเป็นสาวกหนอนน่ะครับ ใช้เลนส์ Canon 24-105L กับ 16-35 ครับ

คุณ Koon Shy_Tour Dee.......... ขอบคุณเช่นกันครับ ผมไปมาแล้วก็ยังอยากไปอีกครั คราวหน้าถ้ามีโอกาส อยากไปเห็นตอนหิมะลงน่ะครับ

คุณ bremstrahlung .........ยินดีครับ

คุณ กาแฟขม .........ตอนแรกที่ยืนอยู่ที่สะพานมาเรียน ก็ใจเสียเหมือนกันครับ เพราะท้องฟ้ามีแต่เมฆสีขาวเต็มไปหมดเลยครับ แต่พอยืนรอได้สักพักท้องฟ้าก็เริ่มเปิดครับ ถือว่ายังโชคดีครับ

คุณ ฟองสบู่ ..........ขอบคุณเช่นกันครับ ที่แวะเข้ามาเที่ยวด้วยกัน

คุณ Rachkhun ..........ขอบคุณครับ

คุณ Civict2003 ..........ยินดีและดีใจที่ชอบครับ

ขออนุญาตรีวิวต่อจากเมื่อคืนครับ

เนื่องจากป่าส่วนใหญ่ไม่มีต้นเมเปิ้ลเหมือนที่ญี่ปุ่น ใบไม้เลยไม่เปลี่ยนเป็นสีแดง

แต่สีจะออกไปทางโทนเหลืองอมส้ม และน้ำตาลครับ ให้ความรู้สึกแบบเย็นตา

เงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนจะเจอแบบนี้ครับ

ที่นั่งพักระหว่างทาง

ป้ายบอกทางเดินไปปราสาท

มากันเป็นกลุ่ม

โค้งนี้งามเชียวครับ

ใกล้จะถึงปราสาทแล้วครับ

เมื่อเดินมาถึงด้านหน้าปราสาท ซึ่งตรงนี้จะเห็นวิวมุมกว้างของปราสาท แต่อาจถ่ายภาพลำบากสักหน่อยในการที่จะเก็บตัวปราสาทให้ได้ทั้งหมดในหนึ่งเฟรม

มุมด้านนี้ใบไม้เปลี่ยนสีด้านหน้าตัวปราสาทยังเปลี่ยนสีไม่เต็มที่ถ้าเที่ยบกับป่าเปลี่ยนสีที่เดินผ่านมา

เดินตรงไปแล้วเลี้ยวอ้อมไปทางขวาก็จะพบประตูทางเข้าปราสาท

เดินตามขึ้นมาเลยครับ

พากันมาเป็นครอบครัว

ด้านหน้าประตูทางเข้า เป็นประตูไม้โค้งแบบยุคกลาง ซึ่งจะมีตราประจำตระกูล (Coat of Arms) อยู่ด้านบน

การเข้าชมภายในปราสาทต้องซื้อทัวร์เพื่อเข้าชมเท่านั้น โดยมีไกด์พาเดินชมเป็นเวลาประมาณ 35 นาที และเปิดให้เข้าชมทั้งหมด 14 ห้อง ห้องส่วนใหญ่จะประดับประดาด้วยภาพวาดเกี่ยวกับตำนานและนิทานพื้นบ้าน โดยเฉพาะเรื่องที่มาจากอุปรากรของวากเนอร์

ข้างในห้ามถ่ายรูปอย่างเด็ดขาดครับ

ตามมาเที่ยว ปราสาทเทพนิยาย ด้วยคนค่ะ

เมื่อวาน ดูรีวิว เมืองโกลท่าร์ ประทับใจมากๆ เมืองอะไร๊ น่ารักสุดๆ

คุณ NuL+ .......... ขอบคุณเช่นกันครับ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีกับปราสาท เขาบอกกันว่าเป็นฤดูที่สวยที่สุดในการชมปราสาทครับ

คุณ cold river ......... งั้นคราวหน้าต้องไปแก้มือแล้วละครับ การไม่ได้ชมปราสาทนี้เขาบอกว่ายังไปไม่ถึงเยอรมันน่ะครับ ขอบคุณมากครับที่แวะมาเที่ยว

วิวสวยสุดๆ เลยครับ

คุณ SuPerHyPerOverUltraGLUE ......... ขอบคุณมากครับ ถ้าชอบเมืองโกลม่าร์ อย่าลืมคลิ๊กเข้าไปชมเมือง ริคเวีย ด้วยน่ะครับ สวยไม่แพ้กัน กินกันไม่ลงเลยครับ

คุณ One Light One Shadow .......... ขอบคุณมากครับ ที่เข้ามาให้กำลังใจ ภาพรีวิวนิวซีแลนด์ ยังติดตาตรึงใจผมอยู่เลยครับ เป็นอีกหนึ่งปรเทศที่อยากไปขับรถเที่ยวน่ะครับ ขอบคุณมากๆสำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และภาพสวยๆ (เห็นแล้วตาลุกวาวเลย)

... แหมตอนนี้กำลังเจ็บตา พอดูสีส้มๆ ยิ่งทำให้หาปวดตาเข้าไปใหญ่

ว่าแต่ ไปช่วงวันที่เท่าไหร่ถึงจะสวยค่ะ คุณจิโร่ ^_^

สวยสุดยอดจริงๆครับ...ขอบคุณนะครับ

สวยมากเลยค่ะ
กระทู้นี้ทำให้อยากไปยุโรปในฤดูใบไม้ร่วงบ้าง

ราวกับภาพวาด ถ่ายทอดได้หมดจด

เห็น file ภาพของคุณจิโร่ แล้วอยากย้ายค่ายมาเล่นหนอนเลยครับ
ff : 5d mark II น่าสนมากครับ

สวยมากเลยครับ  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ

สวรรค์รึเปล่าหนะ????

สวยครับ


อยากไปบ้าง

สวยเว่อร์ ยังกะในเทพนิยายแน่ะค่ะ

คุณกุ้ง .............. ไม่แน่ใจซักเท่าไหร่อะครับ ผมเข้าไปวันที่ 27 ตค สภาพใบไม้เปลี่ยนสียังสวยอยู่ แต่ก็เป็นช่วงสุดท้ายแล้วครับ ถ้าช้ากว่านี้หนึ่งอาทิตย์คงเหลือแต่กิ่ง แต่เห็นน้องยุ เข้าไปก่อนหน้าผม น้องยุบอกว่าใบไม้ยังไม่ พีค น่ะครับ แต่ผมว่าไปช่วงประมาณกลางเดือน ถึง ปลายเดือน ตค ไม่น่าพลาดน่ะครับ

คุณ mordek1 ขอบคุณเช่นกันครับ

คุณ adenium ยินดีครับ ผมเองเคยเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีแบบฉูดฉาดแดงแปร๋นที่ญี่ปุ่นมาแล้วสองสามครั้ง คราวนี้เลยอยากเปลี่ยนบรรยากาสมาชมแบบเย็นตาที่ยุโรปบ้างอ่ะครับ

คุณ น้าโต๋ ขอบคุณมากครับที่เข้ามาให้กำลังใจ

คณ ฟองสบู่ ถ้าจะให้เดาท่าทางน่าจะใช้ นิคอน ใช่ไหมครับ แต่ว่าย้ายค่ายเนี่ยคงต้องคิดหนัก ทั้งกล้อง เลนส์ อุุปกรณ์เสริมต่างๆ โอ้ยจิปาถะ ไม่สบายกระเป๋าแน่นอน แต่ว่า ff : 5d mark II ราคาก็ลดลงมากแล้วน่ะครับ ผมก็ใช้อยู่เหมือนกัน

คุณ  เล็กทาโร่ ยินดีครับ

คุณ NUT_SURViVOR '_< สวรรค์บนดินน่ะครับ อย่าลืมแวะไปเที่ยวปราสาทนี้ให้ได้น๊ะครับ

คุณ SC25_KU50 ขอบคุณครับ ที่แวะมาเที่ยว  KU50 เหรอครับ ผมก็ KU เหมือนกัน อิอิ

คุณ นางมารชุดส้ม  ขอบคุณครับที่แวะเข้ามาเที่ยวด้วยกัน

ห้องที่เห็นเรียกว่า Throne Hall หรือห้องราชบังลังก์ ดูยิ่งใหญ่อลังการ สีเหลืองทองอร่ามในศิลปะแบบไบแซนไทน์ แต่ห้องนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เพราะขาดสิ่งสำคัญที่สุดของห้อง ก็คือบัลลังก์นั่นเอง

โคมระย้าที่ตั้งอยู่กลางห้องมีน้ำหนักถึง 900 กิโลกรัม สามารถชักรอกลงมาได้เพื่อทำความสะอาดหรือเปลี่ยนเทียนเล่มใหม่ (ภาพจากวิกิพีเดียครับ)

ลืมใส่ภาพครับ

ห้องที่เห็นเรียกว่า Throne Hall หรือห้องราชบังลังก์ ดูยิ่งใหญ่อลังการ สีเหลืองทองอร่ามในศิลปะแบบไบแซนไทน์ แต่ห้องนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เพราะขาดสิ่งสำคัญที่สุดของห้อง ก็คือบัลลังก์นั่นเอง

โคมระย้าที่ตั้งอยู่กลางห้องมีน้ำหนักถึง 900 กิโลกรัม สามารถชักรอกลงมาได้เพื่อทำความสะอาดหรือเปลี่ยนเทียนเล่มใหม่ (ภาพจากวิกิพีเดียครับ)

ห้องบรรทมของพระเจ้าลุดวิก ได้สร้างขึ้นในศิลปะแบบโกธิก มีงานแกะสลักไม้อย่างวิจิตรบรรจง ภาพวาดในห้องนี้มาจากอุปรากรเรื่อง Tristan and Isolde ของวากเนอร์

ข้างๆพระเก้าอี้สีน้ำเงินเป็นโต๊ะสำหรับล้างพระพักตร์ ใช้เทคโนโลยีน้ำประปายุคปัจจุบันให้น้ำไหลผ่านคอหงส์เงิน (ภาพจากวิกิพีเดียครับ)

Study Room (ภาพจากวิกิพีเดียครับ)

Drawing Room (ภาพจากวิกิพีเดียครับ)

Dining Room (ภาพจากวิกิพีเดียครับ)

ห้องชั้นบนสุดของปราสาท เรียกว่า Singers Hall เป็นห้องที่ใช้สำหรับจัดแสดงอุปรากรของวากเนอร์โดยเฉพาะ มีการออกแบบระบบอคูสติกของห้องเป็นอย่างดี และแน่นอน ภาพวาดที่ประดับห้องนี้มาจากอุปรากรเรื่อง Parsifal ของวากเนอร์

กษัตริย์ลุดวิกไม่มีโอกาสได้ทอดพระเนตรการแสดงในห้องนี้ขณะที่ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ (ภาพจากวิกิพีเดียครับ)

จุดชมวิว(นอกจากที่สะพาน Marienbr&uuml;cke) ยังมีอีกที่ที่ทางปราสาทจัดไว้ให้ โดยทำเป็นแท่นยื่นออกจากหน้าผา จุดนี้สามารถมองเห็นตัวปราสาทด้านหน้า แต่ไม่สวยเท่ามองจากสะพาน Marienbr&uuml;cke

แท่นดังกล่าวเขาทำเป็นพื้นกระจกยื่นออกไปจากหน้าผา ใครที่เป็นโรคกลัวความสูงเวลาเดินออกไปถ่ายรูปต้องพยายามอย่ามองลงไปข้างล่าง

จากลานกว้างหน้าปราสาทอีกด้านหนึ่ง สามารถมองเห็นวิวตัวเมืองและทะเลสาบสวยๆด้านล่าง

ใบไม้เปลี่ยนสีบริเวณลานกว้างหน้าปราสาท กำลังเปลี่ยนสีสวยงามเชียวครับ

ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองอมส้ม ให้ความรู้สึกที่อบอุ่น

ได้เวลาเดินลงข้างล่างแล้วครับ มีป้ายกำกับบอกทิศทางเป็นระยะๆ

การเดินลงใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง(ไม่รวมเวลาที่เสียไปกับการถ่ายภาพ) ไม่เหนื่อยมากจนเกินไปเพราะเป็นการเดินลงเขา ที่สำคัญตลอดสองฟากทางจะห้อมล้อมไปด้วยป่าเปลี่ยนสีที่สวยงาม

ถ้าใครไม่อยากเดินลงแต่ต้องการนั่งรถบัสกลับ ก็ต้องเดินย้อนกลับทางเติมไปยังจุดจอดรถบัส จุดเดิมตอนที่นั่งขึ้นมาครับ

แต่ถ้ามีเวลาเหลือพอ ผมขอแนะนำว่าให้เดินลงครับ รับรองว่าไม่ผิดหวัง เนื่องจากบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีสองฟากทางสวยงามมากๆ

โค้งแรกบริเวณทางลงสามารถมองเห็นยอดแหลมของตัวปราสาทได้อย่างชัดเจน

ๅ

ป้ายบอกทิศทางสีเหลืองเข้ากันกับบรรยากาศป่าเปลี่ยนสี

ป้ายนี้สีเขียว

/

-

ภ

ขอปิดท้ายกระทู้ด้วยภาพปราสาทนอยชวานสไตน์ ในบรรยากาศฤดูต่างๆ ผมถ่ายมาจากโปสเตอร์ที่ร้านค้าติดไว้ให้นักท่องเที่ยวชมครับ

ชอบปราสาทในฤดูไหน ลองพิจาราณาดูกันเอาเอง

ช

จ

ต

ค

ึ

บรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีสดใส สวยงามมากๆเลย
ขอบคุณที่รีวิวนะคะ

ขอบคุณคุณ +G@To+ เช่นกันครับ ที่แวะเข้ามาชมรีวิวครับ

ปราสาทเทพนิยายนี่สุดยอดมากเลยครับยิ่งกว่าในนิยายตามจินตนาการต่างๆอีกครับ สวยมาก

เป็นสถานที่ในฝันอีก 1 แห่ง ที่คิดว่าชาตินี้ต้องไปให้ได้เลยค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวภาพสวยๆ นะคะ

เป็นปราสาทนอยช์ที่เจิดจ้าทึ่สุดที่เคยเห็นมาเลยค่ะ  เห็นรีวิวยุโรปเดือนตุลาฯของพี่จิโร่ ของคุณsoyu แล้ว .. ฝันถึงแต่ใบไม้สวยๆของยุโรปเป็นคำตอบสุดท้ายไปเลยค่ะ

คุณ ............... Destiny-Boy ขอบคุณครับที่เข้ามาเที่ยวด้วยกัน

คุณ GeD^_^GeD ............... ยินดีครับ ถ้ามีโอกาสแวะไปชมปราสาทนี้ให้ได้น่ะครับ

น้องอุ้ม ............... แสดงว่าน้องอุ้มตัดสินใจได้แล้วว่าชอบ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีใช่เปล่า แต่ละฤดูก็จะแตกต่างกันไป ฤดูใบไม้ผลิดอกไม้บานสะพรั่ง ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็สวยแบบเหงาๆดีครับ

ภาพสวยมากๆค่ะ   เห็นแล้วอยากไปเที่ยวจัง  ^_^

ภาพสวยยอดเยี่ยมครับ ผมไปใบไม้แดงแล้ว แต่เก็บภาพไม่ได้สวยเท่านี้เลยครับ

บรรยากาศปราสาท Neuschwanstein ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี

สวยมากเลยค่า มีเสน่ห์ สุดๆ

เป็นปราสาทนอยส์เวอร์ชั่นที่สวยที่สุดเลยค่ะ  




ปล.กิฟท์หมด อยากจะให้ like ให้ทุกภาพเลยค่ะ

คุณ สาวหน้าใส ............... ขอบคุณเช่นกันที่แวะมาเที่ยวครับ

คุณ amrit ................ ขอบคุณครับ ช่วงที่ผมเข้าไปเป็นช่วงปลายใบไม้เปลี่ยนสีแล้วอ่ะครับ ใบไม้ร่วงไปมากแล้ว สีสรรเลยออกโทนเข้มน่ะครับ ถ้าช้ากว่านี้อีกหนึ่งอาทิตย์คงเหลือแต่กิ่ง

คุณ hollaneung ............. ใช่ครับ เขาบอกว่าปราสาทนี้สวยที่สุดในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีครับ

น้องยุ .............. ขอบคุณมากครับ ที่เข้ามาให้กำลังใจ

เสียดายไม่มีโอกาสได้ไปเยอรมันตอนฤดูใบไม้ร่วงค่ะ
กำลังวางแผนจะไปในเดือนเมษานี้ ใช้บริการรถไฟยูเรลพาสเลยอยากทราบว่าจากสถานีรถไฟเมืองFussenไปปราสาทนอยส์มีรถอะไรบ้างคะ ยังไม่มีข้อมูลเลยค่ะ

คุณ อารีดอย ................. จากฟุสเซ่น ให้นั่งรถบัสสาย 78 มาลงที่ป้ายหน้าปราสาท Hohenschwangau ครับ

ที่นี่เป็นปราสาทในฝันเลยค่ะ เห็นมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ยังไม่รู้จักชื่อ ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน

คิดฝันไว้ว่าต้องหาโอกาสไปถึงให้ได้สักครั้งหนึ่ง จนบัดนี้ก็ยังไม่มีวันนั้นเลยค่ะ

คุณคริสถ่ายทอดปราสาทในฝันเค้าได้สวยงามมากๆ ใบไม้เปลี่ยนสีก็งามเหลือเกิน เห็นแล้วใจละลายเลยค่ะ

ชอบปราสาทนอยชวานสไตน์ทุกฤดูจริงๆ ค่ะ ฝันต่อไปว่าจะได้ไปเยือนสักครั้ง

ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆ นะคะ ประทับใจมากจริงๆ ค่ะ

คุณ Yai Klong_Tour Rai

ยินดีครับ และหวังว่าคุณ Yai Klong_Tour Rai จะได้ไปชมปราสาทนี้ตามที่ตั้งใจไว้ครับ

สวยมากกกกกกกกกกกกกกก ขอบคุณสำหรับพาเที่ยว ขอเก็บเกี่ยวข้อมูลนะคะ