สวัสดีค่ะ ^_^

วันนี้ Kungtalay จะพาไปเที่ยวหมู่บ้านโบราณ Miyama-Cho ที่คนญี่ปุ่นบางคนก็ยังไม่รู้จักเลย

สำหรับ Miyama-cho นี่เป็นอะไรที่เกินจากที่ Kungtalay คาดหวังไว้มาก

โดยเฉพาะซากุระตลอดเส้นทาง ที่พูดได้คำเดียวว่า “งดงามเกินบรรยาย”

ไปดูกันค่ะ ……ว่าเส้นทางซากุระงดงามแค่ไหน ^_^

เรื่องราวก่อนหน้านี้ :

Sakura @ Kansai ในวันที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10469577/E10469577.html

+.+.+ Kyoto : Arashiyama & Sagano Area +.+.+
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10478371/E10478371.html

+.+.+ Kyoto : Shirakawa canal & Chion-in Temple & Maruyama park & Gion District +.+.+
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10489412/E10489412.html

+.+.+ Kyoto...Toji Temple & Daigoji Temple +.+.+
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10505599/E10505599.html

+.+.+ Kyoto : Ginkakuji Temple & Path of Philosophy & Nanzenji Temple & Keage Incline +.+.+
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10536398/E10536398.html

+.+. + Kyoto : Ryoanji Temple & Ninnaji Temple & Daikakuji Temple & Hirano Shrine +.+.+
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11450167/E11450167.html

+.+.+ Kyoto ขี่จักรยานชมซากุระริมแม่น้ำ Kamo ลองซักครั้งแล้วจะติดใจ +.+.+
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11457857/E11457857.html

+.+.+ Kyoto : รีวิวเลือกที่พักในเกียวโต >>>>>> Kyotokko Hostel และ Guest House Bon +.+.+

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11465251/E11465251.html

Day 7 (14 April 2011) 

เช้านี้พวกเราต้อง Check out ออกจาก Guest House Bon แล้ว 

คุณ Bon ช่วยจัดการเรื่องส่งกระเป๋าใบใหญ่ 3 ใบ ไปที่ Osaka

และอีก 1 ใบ ไปที่สนามบิน ทั้งๆที่คุณ Bon ไม่ได้ทำธุรกิจบริการส่งกระเป๋าระหว่างเมือง

แต่แค่เราถาม เค้าก็ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ

ก่อนออกจากที่พัก คุณ Bon ถามพวกเราว่าวันนี้จะไปไหน ?

นี่ถ้าเป็นบางคนที่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวาย คงจะรำคาญ

แต่สำหรับ Kung ทุกครั้งที่ คุณ Bon ถามว่าเราจะไปไหน ก็เป็นเพราะเค้าอยากจะช่วยเหลือมากกว่า

หลังจากรู้ว่าพวกเราจะไป Kyoto Imperial Palace เค้าเลยแนะนำให้พวกเรานั่ง Taxi ไป

เพราะจากที่พักไปพระราชวังนั้นใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก …

ยังไม่เก้าโมงเช้าพวกเราก็มาถึง Kyoto Imperial Palace

ค่า Taxi ไป 1,200 yen หาร 4 คน แล้วเหลือคนละ 300 yen

นึกแล้วต้องขอบคุณ คุณ Bon เพราะทำให้เรามาถึงพระราชวังเร็วกว่าที่คาด

และเสียเงินน้อยกว่าที่คิดไว้ เพราะเดิมกะว่าจะนั่งรถเมล์ ไปต่อรถไฟ ซึ่งต้องเสียค่ารถคนละ 430 yen

พอไปถึงประตู Seisho-mon เจ้าหน้าที่ก็ออกมาควักมือเรียกพวกเรา

จากนั้นขอดูเอกสารที่ลงทะเบียน  พอเห็นว่าเป็นรอบ 10.00 น. เลยบอกให้พวกเราออกไปรอข้างนอกเหมือนเดิม

… แหม นึกว่าจะให้เข้าชมก่อนเวลาซะแล้ว


ใครสนใจเข้าชม เข้ามากรอกแบบฟอร์มล่วงหน้าได้ที่นี่เลยค่ะ

http://sankan.kunaicho.go.jp/english/guide/kyoto.html

Kyoto Imperial Palace จะถูกล้อมรอบไปด้วยสวน ที่มีชื่อว่า Kyoto Gyoen

ถ้ามองจากด้านนอกจะเห็นต้นไม้ตั้งเรียงรายเป็นแนวยาวเหมือนแนวรั้ว

ส่วนด้านในก็ร่มรื่น เดินแล้วเพลินตาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงที่ซากุระออกดอก

Kyoto Gyoen          

http://www.env.go.jp/garden/kyotogyoen/english/

Blog ที่น่าสนใจ       

http://www.fng.blog.ocn.ne.jp/kyotogyoen/

พวกเราเดินช้าลง เพราะหินก้อนเล็กๆ ที่โรยอยู่รอบพระราชวัง

ทุกครั้งที่เราก้าวเดิน เสียงบดของหินก้อนเล็กๆ ดังอยู่ตลอดเวลา

จนทำให้หลายคนแอบคิดกันว่านี่คงเป็นการป้องกันภัยสำหรับคนที่อยู่ในวังในอดีต

…การที่เราเดินช้าลง ทำให้เราเห็นความงามรอบตัว

ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ที่ต้นใหญ่ซะเหลือเกิน  บางต้นแม้ใกล้ตาย ก็มีการเอาไม้มาค้ำ

ไม่น่าเชื่อแค่ภาพการดูแล แต่มันช่างตรึงใจ

ใกล้สิบโมงเช้าก็มายืนรอที่ประตู Seisho-mon อีกเช่นเคย

คราวนี้เค้าให้เข้าไปด้านในได้แล้ว พวกเรายื่น Passport พร้อมทั้ง Permit

จากนั้นก็เข้าไปนั่งในห้องๆหนึ่งก่อน เพราะยังไม่ถึงเวลา

อ้อ ที่ห้องนี้มี Locker เล็กๆ สำหรับฝากกระเป๋าด้วย ที่สำคัญ ฟรี

นี่ค่ะ คุณไกด์ ที่จะพาเราชมวัง คุณสามีบอกว่าสำเนียงเค้าดีใช้ได้เลย

ส่วน Kung น่ะเหรอ ฟังรู้เรื่องมั่ง ไม่รู้เรื่องมั่ง

1 ชั่วโมง ที่อยู่ในนี้เลยเป็นประเภท ชมความงามของวังซะมากกว่า แต่ไม่ได้สาระ 555+

แนะนำให้อ่านกระทู้คุณหนุ่มเมืองกรุงก่อนไป รับรองจะทำให้การเข้าชมสนุกยิ่งขึ้นค่ะ
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2010/01/K8762988/K8762988.html

ทางเดินภายในพระราชวังก็โรยด้วยหินก้อนเล็กๆอีกเหมือนกัน

Kung ชอบวิธีการสร้างหลังคา (ขอเรียกง่ายๆนะคะ จำไม่ได้แล้วว่าเรียกว่าอะไร)

ที่ใช้ไม้กลัดเชื่อมยึด กว่าจะทำเสร็จแต่ละอันใช้เวลานาน จำไม่ได้แล้วว่า 5 ปี หรือ 25 ปี หรือ …

ซึ่งก็ตรงกับระยะเวลาที่ต้องเปลี่ยนหลังคา คิดแล้วก็ดีทำให้คนที่ทำงานฝีมือยังมีงานให้ทำอยู่ต่อไป

ระหว่างเดินชม เพื่อนมาสะกิดบอก “ Kung มีคนไทยด้วยสองคน”

Kung หันไปมองแต่ก็ยังไม่เห็น …

แล้วก็เดินต่อไปเรื่อยๆ

สวนที่นี่เค้าสวยดีเนอะ

ระหว่างที่ถ่ายรูปที่ประตูไม้บานใหญ่ ก็ได้ยิน “พี่คะ ช่วยถ่ายรูปให้หน่อยค่ะ”

อยากขำ เดินจนจะครบชั่วโมง เพิ่งรู้ว่าน้องเค้าเป็นคนไทย

ส่วนตรงนี้มีทางลงไปชั้นใต้ดินด้วย …แอบสงสัยห้องอะไร ?

หลังจบทัวร์ชมวัง Kung หยิบที่ห้อยมือถือชิ้นเล็กๆที่ซื้อมาจากตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ไปให้คุณไกด์

ขอบคุณสำหรับ 1 ชั่วโมงที่พาเราเข้าชม อดเสียดายไม่ได้ เพราะถุงของฝากชิ้นใหญ่ๆ ลืมไว้ที่กระเป๋าใบโต

ยังมีอีกนิด ระหว่างเดินชม จะมีชายใส่สูท คอยเดินคุม ไม่ให้มีนักท่องเที่ยวหลงเหลือ

ไม่เชื่อ ลองแกล้งเดินออกนอกเส้นทางสิ รับรองเดี๋ยวเค้าจะเดินมาหาเลย

ข้อมูลเพิ่มเติม :

http://en.wikipedia.org/wiki/Kyoto_Imperial_Palace

http://www.khiart.com/travelphotos/japan_kyoto_imperial-palace.html

สำหรับคนที่อยากขี่จักรยาน Kung ว่าที่สวน Kyoto Gyoen น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

เดินๆ แล้วนึกเสียดายที่แทบไม่มีเวลาชมสวนแห่งนี้เลย

เพราะวันนี้เรามีโปรแกรมไปเที่ยวแถบตอนกลางของเกียวโตกันต่อค่ะ

แต่ก่อนไปแล้วต้องไปหาอะไรกินกันก่อน เพราะนี่ใกล้เที่ยงแล้ว

…จากประตู Inui-gomon เราข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม

เพื่อไปขึ้น Subway Karasuma line ที่สถานี Imadegawa [K06] ไปที่สถานีเกียวโต

จากภาพ : สถานี Imadegawa - exit 6

11.45 น. พวกเราก็มาถึงสถานีเกียวโตแล้วค่ะ ระหว่างเดินเห็นบริการส่งกระเป๋าเจ้าแมวดำด้วย

มื้อเที่ยงนี้จะไปกินราเมง “Ramen-Koji (street) " ซึ่งอยู่ชั้น 10 สถานีเกียวโต

ส่วนพวก Kung ก็ยังงงๆ กับที่สถานีเกียวโตแห่งนี้ เดินไปเดินมาไปทะลุ Skyway ซะนี่

ทางที่ดีให้เดินขึ้นลิฟท์ข้างๆ Isetan จะดีที่สุดค่ะ

ใกล้เที่ยง ก็ถึงราเมงที่ตามหาแล้วค่ะ ที่นี่จะมีราเมงเจ้าดังจากที่ต่างๆ จำนวน 7 ร้าน เลยค่ะ

http://www.kyoto-ramen-koji.com/

http://www.herecomesthefood.com.au/uncategorized/kyoto-ramen-alley-kyoto-station-kyoto.html

เพื่อนๆ และคุณสามีเลือกกินร้านนี้ค่ะ เพราะเห็นว่าคนเยอะดี

ส่วน Kung เลือกร้านนี้ เพราะตัวเอง ไม่กินหมู ไม่กินไก่

ตอนไปสั่งเค้าบอกรอนานนะ Kung ก็บอกไม่เป็นไร เพราะขี้เกียจหาร้านอื่นแล้ว

อีกอย่างกลัวคนอื่นกินเสร็จจะหาตัวเราไม่เจอ เลยเลือกร้านนี้นี่แหล่ะ

เค้าบอกให้มานั่งรอตรงใกล้ๆที่ร้านนั่นแหล่ะ

พอได้อาหารมา เห็นแล้วดูไม่น่ากินเลย ที่สำคัญกินแล้วไม่อร่อยอีกต่างหาก

เวลากินอาหารไม่อร่อยมันเหมือนยังไม่ได้กินอะไร

ระหว่างทาง Kung พอเห็นเค้กชาเขียว ดูน่ากิ๊น น่ากิน เลยสั่งมา 1 ชิ้น

อร่อยจังเลย แต่เสียดายเวลาหมดแล้ว …

หลังจากอิ่มแล้วพวกเราก็มาที่สถานี JR เพื่อนั่งรถไฟไป Miyama-cho

ก่อนไปเราไม่ลืมที่จะโทรไปแจ้ง Miyama Heimat  Youth hostel

ว่าเราจะไปรถรอบอะไร เนื่องจากเค้าให้แจ้งก่อนไป เพราะทางที่พักจะเอารถมารับที่สถานีรถไฟ

ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่เกิดสึนามิที่ญี่ปุ่น ส่งผลให้รถไฟ JR บางสายหยุดดำเนินการ

ระหว่างที่มีการโต้ตอบ mail กับ Miyama Heimat  Youth hostel เค้าแจ้งว่า

รถไฟจาก Kyoto ไป Sonobe บางรอบมีการยกเลิกเวลาเดินทาง

พร้อมทั้งแนะนำว่าควรนั่งรถรอบอะไรมาที่พักบ้าง

วิธีการไป Miyama-cho ตามที่ Miyama Heimat  Youth hostel แนะนำ คือ

ให้นั่งรถไฟ JR Sagano line ไปลงที่  สถานี Sonobe

จากนั้นนั่งรถไฟ JR San-in line ไปลงที่สถานี Wachi

และเมื่อถึงสถานี Wachi  ทาง Miyama Heimat  Youth hostel จะมารับพวกเราไปที่พัก

จากภาพ : สถานี Sonobe

Kung นั่งรถรอบ 13.37 น. จากสถานีเกียวโต กว่าจะไปถึงสถานี Sonobe ก็ 14.20 น.

รถเที่ยวนี้เป็นรถที่แวะทุกสถานี แต่ถ้าเราเลือกนั่งรถประเภท Rapid จะช่วยประหยัดเวลาไปเกือบ 10 นาที

พอก้าวออกจากรถก็เห็นรถไฟสีส้มๆเขียว คันนั้นจะไป Wachi ค่ะ แต่ต้องเดินไปอีกฝั่ง เพราะต้องไปขึ้นที่ Track 3

สำหรับใครที่ช่วงเช้าไปเที่ยวรถไฟสายโรแมนติก และช่วยบ่ายไป Miyama-cho

สามารถเดินจากสถานี Kameoka Torokko ไปขึ้นรถไฟ JR ที่สถานี Umahori ได้เลยค่ะ

อันนี้รีวิวของ Kung ตอนไปเที่ยวรถไฟสายโรแมนติกค่ะ มีพูดถึงสถานี Umahori นิดๆค่ะ

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10478371/E10478371.html

ตอนนี้มีเวลาเหลืออีกตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง เพราะรถไฟที่จะไป Wachi คือรอบ 14.46 น.

ตั้งแต่ขึ้นรถไฟจากสถานีเกียวโตมา เพื่อนๆ ของ Kung นั่งหลับกันทุกคน

ส่วน Kung หลับไม่ลง เพราะวิวตามเส้นทางที่รถไฟแล่นผ่านมันสวย

จนต้องค่อยๆเอามือถ่างลูกตา เพราะจริงๆแล้วก็ง่วงเหมือนกัน 555+

...ก่อนไปคิดว่า Miyama-cho อยู่ทางตอนกลางของเกียวโต

อากาศน่าจะหนาว เลยใส่เสื้ออย่างหนา ปรากฏว่าอากาศเย็นสบายๆ

เราเลยต้องนั่งร้อน พร้อมเจ็บใจตัวเอง ทำไมไม่ดูพยากรณ์อากาศที่นั่นก่อนไป

ตลอดเส้นทางที่รถไฟแล่นผ่าน จะมีซากุระให้เห็นเป็นระยะๆ

เมื่อปีที่แล้ว ตอนหาข้อมูลมาเที่ยวญี่ปุ่น Kung ไปขอหนังสือท่องเที่ยวเกียวโตจากการท่องเที่ยว

ได้หนังสือเล่มเล็กๆมาเล่มหนึ่ง ชื่อ “Kyoto & Vicinity Walking Guide”

หลังจากเปิดไปที่หน้า 45 เห็นภาพๆหนึ่งแล้วติดตามากเลย

เป็นภาพหมู่บ้านโบราณที่หลังคามุงด้วยฟาง บรรยากาศตอนนั้นดูสงบมาก

ถนนดูสะอาด สะอ้าน หมู่บ้านถูกโอบล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียว

ทันทีที่เห็น Kung จินตนาการเลยว่าตัวเองได้ไปเดินที่หมู่บ้านนี้

ตามคุณกุ้งไปหมู่บ้านโบราณด้วยนะครับ เค้กชาเขียวน่าหม่ำมากๆอะ

จากนั้นก็หาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ แต่ปรากฏว่าที่นี่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมไปนัก

Kung เลยตัดใจ เพราะหนนั้นเป็นครั้งแรกที่ Kung ไปเที่ยวญี่ปุ่น

หลายอย่างยังงงๆ อยู่เลย โดยเฉพาะการเดินทาง ที่อ่านแล้วปวดหัวเอามากๆ

ปีนี้ เดิมที Kung ตั้งใจไปแชงกรีล่า แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรง เลยต้องยกเลิกโปรแกรมนี้ไป

ทำให้เพื่อนที่ไปด้วยบอกว่า "แล้วฉันจะทำยังไง นี่หยุดยาวทั้งที ไม่ได้ไปไหนเลย"

จากนั้นเพื่อนเลยชวนไปญี่ปุ่น Kung เลยตอบตกลง เหตุผลหนึ่งเพราะความรับผิดชอบ อีกเหตุผลคือชอบ

Coffee Blended ... ตามมาเลยค่ะคุณกาแฟ ตอนนี้ใกล้จะถึงแล้ว ^_^

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Kayabukino Sato หรือเจ้าหมู่บ้านโบราณที่ยังค้างคาใจอยู่ตั้งแต่ปีที่แล้ว ถูกปัดฝุ่นเอากลับมาใหม่

ในระหว่างที่หาที่พักในเกียวโต Kung เห็นที่พักของ Youth Hostels ชื่อ Miyama-Heimat

เห็นครั้งแรกชอบมาก คิดในว่า “ Youth Hostels อะไรกัน ทำไมน่ารักเหลือเกิน”

จากนั้นก็ตั้งใจว่าจะไปนอนพักที่นี่ให้ได้ ส่วนที่เที่ยวเดี๋ยวค่อยหาเพิ่มว่าที่นี่ใกล้อะไร

ฟังแล้วก็น่าเกลียดจริงๆ คนอะไร เน้นที่พักมากกว่าที่เที่ยว

http://www.jyh.or.jp/english/kinki/miyama/index.html

หลังจากที่อ่านข้อมูลไปมา เพิ่งมารู้ที่หลังว่า

Miyama-Heimat กับ  Kayabukino Sato อยู่ Miyama-cho เหมือนกัน

5555+ ตาถั่วซะตั้งนาน

นั่งเพ้อเจ้ออยู่ตั้งนาน ตอนนี้สามโมงครึ่งแล้ว

รถไฟกำลังแล่นช้าๆ เข้าสู่ชานชาลา ขณะนั้นเราเห็นผู้หญิง หน้ากลมๆ มองดูแล้วเหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่น

มองมาที่พวกเรา แล้วทำท่าว่าให้ออกประตูไหน ในใจคิดว่า

“โห หมู่บ้านนี้คนใจดีจังวุ้ย อุตส่าห์มาบอกด้วยว่าประตูทางออกอยู่ไหน”

แต่พอก้าวลงจากรถไฟไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นเค้ามาทักทายพวกเรา ถามว่า

พวกเราคือ คนที่จะมาพักที่ Miyama-Heimat ใช่หรือไม่ ?

พร้อมแนะนำตัวว่า เธอชื่อ Michie เป็นเจ้าหน้าที่ที่มารับเราไปยังที่พัก

จากภาพ : หน้าสถานี Wachi

รถแล่นออกจากสถานีรถไฟ ไปได้ไม่นาน พวกเราก็ส่งเสียง กรี๊ดกร๊าด กันตลอดเส้นทาง

เพราะระหว่างทางมีซากุระงามๆให้เห็นเป็นระยะๆ

ผ่านไปได้สิบนาที คราวนี้พวกเราเห็นซากุระเป็นแนวยาวตั้งอยู่ริมเขื่อน

 “ว้ายอยากไปลงไปดูจังเลย …อุ้ย ทำไมสวยอย่างนี้นะ” กรี๊ดๆๆๆ

เสียงที่ดังลั่นรถทำให้ Miss Michie ซึ่งแม้จะฟังภาษาไทยไม่ออก คงพอคาดเดาได้ว่ายัยพวกนี้ต้องการอะไร

เธอเลยหันมาบอกว่า เดี๋ยวจะจอดรถให้ชมซากุระ นั่นแหล่ะบรรยากาศในรถจึงค่อยสงบลง

ก่อนมาที่นี่ ตอนหาข้อมูล Kung เห็นว่าช่วง วันที่ 3-11 เม.ย. ที่ Oono dam park

มีการจัดงานเทศกาลออกร้าน ตั้งแต่เวลา 9.00-21.00 น.

Kung ยัง mail ไปสอบถาม Miss Michie ว่าช่วงที่เราไปยังมีการเปิด light up หรือไม่

พอได้รับคำตอบว่าไม่มี Kung จึงไม่สนใจ Oono dam park ตั้งแต่นั้นมา

ปล. สำหรับรูปที่ Oono dam park ขอลงรูปเล็กๆก่อนนะคะ ไว้ตอนหน้าจะลงรูปใหญ่ๆให้ดูอีกครั้ง

http://www.japantravelinfo.com/partners/features_item.php?featuresid=235&news=

Oono dam park เป็นอะไรที่ Kung ไม่ใส่ใจ แต่ตอนกลายเป็นสิ่งที่เกินจากที่คาดหวัง

ก็ที่ Kung มาที่นี่ ไม่ได้หวังจะเห็นซากุระเลย แค่อยากเห็นบ้านโบราณเท่านั้น

แต่กลับได้เห็นซากุระแบบเต็มๆ บอกได้คำเดียว “ชื่นใจมากค่ะ”

ทั้งคุณเพื่อนกับคุณสามี อดไม่ไหว เข้าไปเล่นเครื่องเล่นที่ตอนนี้ถูกโอบล้อมไปด้วยต้นซากุระ

พวกเราเริงร่ากันอยู่ประมาณสิบกว่านาที รุ่นพี่ก็มากระซิบบอก “ Kung ไปที่พักเถอะ เกรงใจเค้า”

16.08 น. พวกเราเริ่มต้นเดินทางไปยังที่พักอีกครั้ง

.. ยังไม่เคยแวะไปทานราเมงแถวนั้นเลยครับคุณกุ้ง .. รอตามชมหมู่บ้านใจจดใจจ่อเลยครับ .. แต่ขอปาดก่อน..

ซากุระมีให้เห็นทางซ้ายบ้าง ขวาบ้าง มองกันให้คอเอียงไปเลย

ซากุระสวยมากครับบ ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆครับบ

เพลินจริงๆ

ระหว่างทางซากุระเยอะมาก เรียกง่ายๆว่ามีให้เห็นจนกลับไปเบื่อซากุระไปเลย

คุณ MRBIG173 ... ที่ชั้น 10 และ 11 ของสถานีเกียวโต นี่ของกินเยอะมากเลยค่ะ คุณบิ๊ก

ถ้าคิดไม่ออกว่าจะกินอะไรแวะมาสองชั้นนี่้ รับรองเลือกไม่ถูก ^_^

วันนี้ยังไม่ไปหมู่บ้านโบราณค่ะ เพราะต้องวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะอยู่ตอนต่อไปค่ะ รอนิดนะคะ ^_^

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Kung แปลกใจเหมือนกัน ทั้งๆที่นี่ออกจะสวย แต่ไม่ค่อยเห็นการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นเค้าแนะนำให้ไปเลย

ระหว่างทางคุณ Miss Michie ก็ชวนพวกเราคุยโน่ นี่ ไปเรื่อย

Miyama-Heimat YH นี้ดีจังเลย อยู่ใกล้ทะเลสาบด้วย เห็น Miss Michie เล่าให้ฟังว่าแถวๆเขื่อนมีน้ำแร่ด้วย

คุณสายลมแห่งวิงค์ ... ขอบคุณค๊า ดีใจที่แวะทักทายกันนะคะ  ^_^

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ใกล้ถึงที่พักแล้วค่ะ

ประมาณ 6 นาที จากเขื่อนก็ถึงที่พักแล้ว

แต่เรื่องราวยังไม่จบนะคะ เดี๋ยวเก็บของเสร็จแล้วเราจะไปเดินเล่นกันต่อค่ะ ^_^

แอบหวังอยู่ค่ะว่าสักวันจะมีโอกาสจัดเกียวโตเพียวๆสักทริป  มิยามะโจอยุ่ในลิสค์ด้วยแน่ๆ   ตอนนี้ขอชมมิยามะกับดอกซากุระำของคุณกุ้งตาละห้อยไปก่อน ^^

สวยครับ  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ

คุณ ลอร่า อิงกัลส์ ~* ...... ไป Miyama ช่วงซากุระ จะได้เห็นดอกไม้งามๆเป็นของแถม ไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็งามไปอีกแบบ

ที่แน่ๆ ให้เวลากับเค้านานๆก็ดีนะคะ โดยเฉพาะถ้าชอบ Trekking ที่นี่เหมาะมากเลยค่ะ

ถ้าขับรถไปเองได้ แนะนำให้ขับไปเลยค่ะ จาก Kyoto แค่ชั่วโมงกว่า ๆ เอง อยากหยุดอยากแวะตรงไหน ได้ตามใจปรารถนา

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

พอเข้ามาถึงที่พัก Kung ถาม คุณ Michie ว่ารถเมล์ที่จะไป Kayabukino Sato มีรอบอะไรบ้าง ?

คุณ Michie บอกว่ารถเมล์นานๆจะมาซักคัน แนะนำให้ไปพรุ่งนี้ดีกว่า

Kung เลยคอตกเดินเข้าที่พัก และถึงบางอ้อ เอาตอนที่มาถึงที่พักนี้เอง

เพราะตอนแรกที่จองที่พัก Kung คิดว่า Miyama Heimat คงอยู่ไม่ไกลจาก Kayabukino Sato 

แต่ที่ไหนได้อยู่ไกลจากกันไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง

จากภาพ : ห้องพัก ชื่อ  Ashiu

… หลังจากเดินเข้าที่พักแล้ว พอเลี้ยวซ้ายก็จะเจอห้องพักชื่อ Sasari

พอรุ่นพี่เห็น ก็บอกว่า “พี่เอาห้องนี้”

Kung กับสามีเลยเดินไปห้องถัดไปที่อยู่ติดกัน ชื่อว่า Ashiu

และ Kung เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าห้องพักที่ Kung นอน เป็นห้องพักที่ราคาแพงที่สุดของที่นี่

เพราะว่าภายในห้องมีมีมุมอยู่มุมหนึ่ง ประมาณว่าใช้ในพิธีชงชาหรืออะไรนี่แหล่ะ

ตอนนี้จำไม่ค่อยได้แล้ว …. นี่ไงมุมนี้ ที่ทำให้ห้องนี่ราคาแพงที่สุด

คุณ เล็กทาโร่ ... ขอบคุณค่ะคุณเล็ก เข้ามาดูห้องพักกันค่ะ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ใกล้ๆกันจะเป็นตู้เก็บที่นอน ชุดใหญ่เลยค่ะ

ตรงประตู พอเปิดออกไปจะมีอ่างล่างหน้าด้วย

จากห้องนอนมองตรงไปที่ประตู ก็จะเห็นวิวแบบนี้

แค่เปิดประตูออกไป ก็ได้เห็นภูเขาอยู่ตรงหน้า

รุ่นพี่ถูกใจใหญ่ บอกว่า บรรยากาศแบบนี้พี่ชอบ

Miyama Heimat เป็นที่พักที่ตั้งอยู่ติดกับริมถนนเลย แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ นานๆๆๆ จะเห็นรถวิ่งผ่านซักคัน

วันนี้ที่นี่มีพวกเราเท่านั้นที่เป็นลูกค้า ดังนั้นเค้าเลยให้เราเลือกห้องพักว่าจะเอาห้องไหน

Kung จองห้องพักแบบ Private Room 9,000 Yen / room ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นห้องที่รุ่นพี่และเพื่อนพัก

ส่วนของรุ่นพี่และเพี่อนจองห้อง Private Room 10,000 Yen / ห้อง ซึ่งเป็นเตียงนอนธรรมดา

มีเตียงนอน 3 เตียง ตอนจองระบุขอนอน 2 คน เลยต้องจ่ายแพงหน่อย คือ 10,000 yen

...... สำหรับการจองห้องพักจะจองโดยตรงกับ Miyama Heimat เลยก็ได้

แต่เนื่องจากตอนแรกยังกลัวๆ เพื่อความมั่นใจเลยจองผ่าน YH

เสียค่ามัดจำไป 5% และค่าธรรมเนียมการจองห้องละ 2.44 USD

ที่นี่ถ้าใครเป็นสมาชิก YH จะได้ส่วนลดอีกต่างหาก

ลองเทียบๆดูนะคะ ว่าจองกับใครแล้วถูกสุดก็จองกับคนนั้นเลยค่ะ

จองผ่าน YH
http://www.jyh.or.jp/english/kinki/miyama/index.html

จองกับที่พักโดยตรง
http://www.miyamanavi.net/yado/eheimat.htm

เข้าไปดูรายละเอียดที่พักได้ที่นี่เลยค่ะ
 http://www.cans.zaq.ne.jp/miyama-heimat/09room.html

17.18 น. พวกเราตกลงใจออกไปเดินเล่นแถวๆที่พักกันค่ะ

จากที่พักพอเดินออกมาแล้ว ก็เลี้ยวซ้ายเลยค่ะ

เดินไปได้หน่อยเดียวก็เจอป้ายรถเมล์ค่ะ (อยู่ฝั่งเดียวกับที่พัก)

เดินเข้ามาดูตารางเวลาที่รถวิ่ง มีประมาณชั่วโมงละ 1 คัน

ไม่ไกลจากป้ายรถเมล์จะมีอู่รถบัส เห็นรถจอดอยู่หลายคันเหมือนกัน

ซากุระสวยจังครับ เห็นแล้วคิดถึงญี่ปุ่นมากๆ

เก็บไว้ใน ลิสท์ สำหรับตามรอยเรียบร้อยแล้วครับ คุณกุ้ง

คุณ Koon Shy_Tour Dee ... ขอบคุณค่ะ ^_^  ที่นี่ไม่ใช่ซากุระงาม แต่ยังบ้านสวย และเขาเด่น อีกค่ะ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ก่อนออกจากที่พัก ด้วยความที่กลัวจะหิว เลยหิ้วขนมไปถุงใหญ่

คุณสามีเป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่ม เลยรับหน้าที่หิ้วขนมให้สาวๆไป

ระหว่างทางผ่านโรงไม้ …แหมสงสัยกันใหญ่ ว่าเค้าทำอะไร

คุณ Chris Evert ... ไปเดือนไหนดีค่ะคุณจิโร่ ^_^ 

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ดอกไม้สวยๆ บ้านน่ารัก มองแล้วเหมือนภาพในหนังการ์ตูนเลย

นึกแล้ว ... คิดไม่ผิดที่เดินออกมาจากบ้าน

อากาศตอนนี้ดีมากๆ จนแทบอยากมีจักรยานซักคันมาขี่ชมเมือง

แต่ … เดินชมเมือง ก็ดีเหมือนกัน

พอถึงตรงสะพานสีฟ้า แต่ละคนก็ไปยืนตรงกลางเพื่อถ่ายรูป

คนที่อยู่เฉยๆ ก็ต้องช่วยกันมองรถ ว่ามาแล้วหรือยัง

น้ำที่นี่ก็ใสแจ๋ว เห็นแล้วแทบอยากจะกระโดดลงไปว่ายน้ำเลย

มองไปมองมา มีเรือ ซักลำ ก็คงจะดี ...

ตรงสะพานนี้ ทุกคนเก็กท่าถ่ายรูปอย่างไม่อาย เห็นรูปแล้วแล้วต้องยิ้ม

5555+ บรรยากาศมันพาไป

เห็นป้ายรถเมล์ ตรงนี้ ต้องยกนิ้วให้

ไม่มีอะไร แต่สวยได้ใจจริงๆ

จริงๆแล้วป้ายรถเมล์ไม่เท่าไหร่ แต่วิวแถวๆป้ายรถเมล์นี่สิ ง๊ามงาม

วิวงามๆ ให้รอนานๆ คงไม่เป็นไร

มาชมบรรยากาศของซากุระด้วยคนครับ

ซากุระเยอะสะใจมากค่ะ
ว่าแต่อารมณ์เดียวกันเลยค่ะไม่กินหมู ไม่กินไก่ ^^
หาของทานยากพอควร เค้กชาเขียวนี่น่าทานสุดๆ ไปเลยค่ะ

คุณ Destiny-Boy ... ด้วยความยินดีเลยค่ะ แต่ตอนนี้เปลี่ยนบรรยากาศมาชมท้องทุ่งกันดีกว่าค่ะ ^_^

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

โอ๊ว น้ำเขียวใส ภูเขาลูกใหญ่ ช่างงามตากระไรเนี่ย

แต่เห็นแล้วแอบเคือง   ดูสายไฟซิ ทำให้ภาพงามๆของเราดูหมองลงไป

คุณ Bpearl ... ว้าว ดีใจจัง ^_^ จริงๆ kung ไปอ่านกระทู้ Taiwan ของคุณเปิ้ลแล้วชอบมากๆเลย ปกติจำชื่อคน post ไม่ค่อยได้

มีกระทู้ Taiwan อ่านครั้งเดียว จำชื่อได้เลย เพราะกระทู้นั้นพูดถึงแต่อาหารล้วนๆ

ไว้วันหลัง ถ้า Kung จะไปไหน ถ้าเป็นที่คุณเปิ้ล ไปมาแล้วจะขอคำปรึกษาเรื่องอาหารนะคะ ^_^

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ระหว่างยืนถ่ายรูป มีคุณลุงเดินผ่าน แกก็ทำท่าชวนคุย

พวกเราเหมากันเอง ว่าแกชวนไปเที่ยวบ้าน

เราทำท่าว่าเดี๋ยวตามไป เพราะขอถ่ายรูปตรงนี้อีกสักหน่อย

พอคุณลุงเดินผ่านไป ก็เห็นเด็กนักเรียนสามคนกำลังเดินมา

พวกเราไม่ช้า รีบกวักมือเรียก น้องจ๊ะ น้องจ๋า มานี่เร็ว

แม้พูดคนละภาษา แต่ท่ากวักมือมันเป็นภาษามาตรฐาน

เด็กๆเห็นแล้วต้องเดินมา พวกเราไม่รอช้า จับน้องถ่ายรูป

ก็เด็กหน้าใสๆ แก้มแดงๆ เห็นแล้วมันอดไม่ได้

แต่เจ้าหนูคนข้างๆ นี่สิไม่รู้เป็นไร ถ่ายกี่ใบๆ แกก็ทำหน้าอย่างนั้น

ถ้าท่าจะเบื่อป้าๆ พวกนี้ มายุ่งกับฉันทำไม

หมายเหตุ : ขออนุญาตลงรูปน้องๆเค้านะคะ เพราะเห็นว่าหน้าตาน้องเค้าใสๆน่ารักดี

เจ้าหนูพวกนี้เดินไวมาก เผลอแค่หน่อยเดียว เดินไกลตั้งนู่

หันหลังมองกลับไปตรงทางที่เดินมา ไม่มีใครอีกเลย แหม ช่างเงียบซะจริงๆ

เห็นขอนไม้ ทำเป็นบันได พวกเราอดใจไม่ไหว ขออีกสักรูป

ไร่นาแถวนี้ วิวสวยจริงๆ

ถ้ามาช่วงที่ต้นข้าวกำลังโตคงสวยน่าดู

พูดไปอย่างนั้น ไม่รู้ว่าตรงนี้ที่นาหรือเปล่า 555+

ตอนนี้เดินหาคุณลุง

คุณลุง อยู่ไหน  …… พวกหนูมาแย้ว

นึกแล้วเสียดาย ตอนลุงชวนมาเที่ยวบ้านทำหยิ่ง เป็นไงล่ะทีนี้

…ไม่เอาแล้วขี้เกียจหา เดินเล่นต่อดีกว่า

นึกแล้วอยากให้บ้านเรา ชาวนารวยๆแบบนี้

บ้านแต่ละหลังดูสวยงามภูมิฐาน สมกับเป็นชาวนาญี่ปุ่น

เชื่อมั้ย ? เดินวนอยู่ตั้งนาน ไม่มีใครเดินออกมาเลย

มองไปไกลๆ อุ้ย หลังคาบ้านใคร น่ารักเสียจริง

ตอนนี้หกโมงแล้ว คุณสามีบอก …เตรียมตัวกลับบ้าน

เห็นคนอยู่ไกลๆ ใช่คุณลุงหรือเปล่า ?

มองไปมองมา ไม่น่าจะใช่

เลยเดินต่อไป

หนูอยากเบ่งบาน… ภาพที่เห็นบอกได้คำเดียว ว่าน่ารักเหลือเกิน

มิใช่อะไร ซากุระอยากออกดอก ที่เห็นไม่ใช่กิ่ง แต่เป็น ใต้ต้นซากุระ

ต้องก้มหน้ามองพื้น ถึงจะเห็นเจ้านี่

ถนนเส้นนี้มีเราเพียงสี่คน …

ตอนนี้หกโมงครึ่ง คุณสามีกับรุ่นพี่ เดินตรงเข้าที่พัก

ส่วนเรากับเพื่อนยังมีแรงอยู่ เลยขอเดินต่อไป ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่แถวๆนี้เอง

จากฝั่งตรงข้ามมองมาที่พัก

เสียดายตอนนี้เริ่มมืด มองอะไรไม่ค่อยเห็นแล้ว เดินได้หน่อยเดียวก็กลับที่พัก

ระหว่างรอมื้อค่ำ ซึ่งเริ่มตอนหนึ่งทุ่ม คุณ Michie และสามี ซึ่งต่อมาเรารู้ว่าเค้าเป็นเจ้าของที่พัก

ได้ชวนพวกเราไปเตรียมปูที่นอน เค้ามาแค่แนะนำให้ว่าทำอย่างไร

แต่คนลงมือ คือ เราสี่คน …… เฮ้อ คิดถึงคุณ Bon

ราคาที่พักที่เราจ่ายนั้นนั้นไม่รวมอาหาร ดังนั้นเราจึงสั่งอาหารเย็นเพิ่มเติม ตั้งแต่ตอนจองห้องพัก โดย

คุณสามีและเพื่อน เลือกอาหารชุดนี้ ราคา 1,700 yen  (ตามรูป)

ในชุดนี้มีอาหารหลายอย่างใครกินเยอะแนะนำ Set นี้ เลยค่ะ

ส่วนของเรากับรุ่นพี่เลือกอาหาร ที่ทำจากปลา ราคาชุดละ 1,200 yen

เสริฟมาพร้อมผัดผักหนึ่งจาน ถ้าใครกินน้อยเลือกชุดนี้กำลังดี เพราะไม่อิ่มจนเกินไป

นี่ไง ผัดผักอร่อยทีเดียว

อ้อ ลืมไปเค้าเสริฟข้าวแบบเติมไม่อั้น อันนี้ไม่ต้องห่วงนะคะ

ส่วนจานนี้ ได้มาทุกคน แต่ Kung ขอผ่าน เพราะจานนี้เป็นไก่

ซุปนี่ก็เป็นอีกอย่างที่แจกมาให้ทุกคน

ถามว่าอาหารเป็นอย่างไร “อร่อยดีค่ะ”

ถ้ามาพักที่นี่แนะนำให้ทานอาหารกับที่นี่เลยค่ะ ทั้งเช้าและเย็น เพราะแถวนี้หาไม่มีร้านอาหาร หรือถ้ามีก็เดินอีกไกล

อีกอย่างถ้าเราไม่มีรถ เวลาจะไปไหนมาไหนลำบากค่ะ ฝากท้องกับที่นี่ไปเลย สะดวกดี ...

อร่อยแค่ไหน ต้องดูตอนกินเสร็จ ...

สวัสดีค่ะ...คุณkung

ตามมาชมรีวิวต่อค่ะ...ชอบบรรยากาศของเมืองนี้จังเลย ชอบมากๆ จนอยากไปสัมผัสบรรยากาศของเมืองนี้ด้วยตัวเอง...

สวยมากๆ เลยครับ มีโอกาสเด๋วจะลองไปเมืองนี้ดู  

หลังจากอิ่มแล้ว Kung ก็ขออนุญาต คุณ Michie ถ่ายรูปห้องต่างๆ

ภาพแรก :  เป็นรูปบริเวณทางเดินค่ะ พอเดินเข้ามาก็จะมี ตู้สำหรับเก็บรองเท้าอยู่ทางขวามือ

รุ่นพี่เล่าให้ฟังว่า แรกๆที่เจอสามีของคุณ Michie ตอนนั้นรุ่นพี่เดินเท้าเปล่าอยู่หน้าบ้าน

แต่สามีคุณ Michie แกบอกให้รุ่นพี่เอารองเท้ามาใส่ค่ะ

ฟังแล้วแปลกๆใช่มั้ยค่ะ เท่าที่สัมผัส Kung คิดว่าสามีคุณ Michie แกกลัวบ้านสกปรกค่ะ

เดินเข้ามาหน่อยเดียว ก็เจอเค้าเตอร์สำหรับผู้ที่เข้าพักติดต่อค่ะ

ด้านหลังตรงไม้นั่น จะเป็นห้องครัว สำหรับทำอาหารนั่นเองค่ะ

แต่เค้าห้ามลูกค้าเข้าไปนะคะ เพราะเค้าบอกว่าตั้งแต่จองเลยว่าที่นี่ห้ามทำอาหารค่ะ

เป็น Youth Hostel ที่แปลกมากๆเลยใช่มั้ยค่ะ

แต่พอมาได้สัมผัสจึงเข้าใจ เพราะที่นี่ดูๆแล้วก็เหมือนบ้านพักที่เจ้าของเค้าให้เช่านอน ส่วนห้องครัวยังเป็นของเจ้าของบ้าน 

ด้านขวามือของเค้าเตอร์ จะมีห้องพัก 2 ห้องค่ะ

ห้องแรกชื่อ Izumi

ภายในห้องมีอ่างล่างหน้าค่ะ ว่าไปแล้ว Kung ก็ชอบอุปกรณ์ของเค้านะคะ เพราะดูแล้วยังใหม่ๆเลยค่ะ

ในห้องนี้มีเตียงทั้งหมด 3 เตียง คาดว่าตอนแรกที่จองห้องพักให้เพื่อนกับรุ่นพี่ น่าจะเป็นห้องนี้ หรือไม่ก็ห้อง OH NO

ห้องที่อยู่ติดๆกับ Izumi ชื่อว่า OH NO

เข้าไปเจอที่ล่างหน้าอีกแล้วค่ะ

ภายในห้องมีสามเตียงอีกเช่นกันค่ะ

Kung ว่าที่นี่เป็น Youth Hostel ที่ค่อนข้างสบายๆ

ดูๆแล้ว ก็ไม่แพง หรอกค่ะ ถ้าเทียบกับอุปกรณ์ที่เค้าจัดหาให้

จากเค้าเตอร์เดินไปหน่อย ทางซ้ายมือก็เจอห้อง Sasari ซึ่งเป็นห้องพักประเภท Private

ที่ตอนนี้เพื่อนๆของ Kung เค้านอนกันอยู่ค่ะ

นี่ไง บรรยากาศหลังปูที่นอนแล้ว

แล้วก็มาห้องสุดท้าย ซึ่งเป็นห้องพักที่ Kung นอนค่ะ ชื่อว่าห้อง Ashiu

ตั้งแต่ดูมาทุกห้อง ห้องนี้ดีที่สุดเลยค่ะ

คุณ ดอกโสนบานเช้า ... ขอบคุณที่ตามมาเที่ยว Miyama-cho ด้วยกันอีกค่ะ ^_^

เมืองนี้บรรยากาศดีมากๆค่ะ ถ้าไม่ได้เน้นเที่ยวเยอะ มาพักผ่อนที่นี่สัก 2 คืน ก็ดีนะคะ ไม่ไกลจากที่นี่มี onsen ด้วยค่ะ

คุณ  i_like_reading ... ขอบคุณค่ะ ^_^ เมืองนี้ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ

ถ้าอยากลองแค่ไปเที่ยวชมใช้บริการทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับก็ได้ ราคาก็ไม่แพง ประมาณ 3,000 yen

ในระหว่างที่ Kung เดินถ่ายรูป เพื่อนๆกับสามี ได้คุยกับคุณ Michie เกี่ยวกับพรุ่งนี้

โดยเสนอบริการทัวร์ครึ่งวันเช้า 1,400 yen / คน ทัวร์เริ่มตั้งแต่แปดโมงครึ่ง

เส้นทางที่ไปมี ตลาดเช้า - หมู่บ้านโบราณ (Kayabukino Sato) – Oono dam park และไปส่งที่สถานี Wachi

จากภาพ : ห้อง Ashiu

ในตอนที่ Kung เข้ามาที่พักใหม่ๆ คุณ Michie ถามว่า “คุณรู้จักที่นี่ได้ยังไง”

เรายิ้มพร้อมกับตอบว่า “ ก็เห็นในคู่มือท่องเที่ยว Kyoto ที่แจกที่ประเทศไทยไง”

คุณ Michie “คุณรู้มั้ย แม้แต่คนญี่ปุ่นเอง บางคนก็ยังไม่รู้จักที่นี่เลย”

เราหัวเราะพร้อมกับแสดงสีหน้าไม่เชื่อ

 คุณ Michie เลยพูดย้ำกับเราอีกครั้งว่า

“คุณลองไปในตัวเมืองเกียวโต หรือโอซาก้า แล้วลองถามสิ รับรองบางคนไม่รู้จักจริงๆ”

จากนั้นคุณ Michie ก็บอกว่า ที่นี่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนญี่ปุ่นมาเที่ยว แต่ก็มีไม่มาก

และพวกเราก็เป็นคนไทยคนแรก ที่มาพักที่นี่

จากภาพ : บริเวณประตูของห้อง Ashiu จะมีม่านกั้น 2 ชั้น

จากบริเวณที่พักเดินไปอีกหน่อยก็จะเจอห้องสุขาอีก 3 ห้อง

บริเวณหน้าห้องมีป้ายบอกว่าเป็นห้องน้ำสำหรับหญิงหรือชาย

ข้างในสะอาดใช้ได้เลย อ้อ...ภายในห้องยังมีรองเท้ายางให้อีกด้วย

คราวนี้ก็มาถึงห้องอาบน้ำ มีห้องเดียวค่ะ ฟังไม่ผิด มีห้องเดียวจริงๆ

ห้องอาบน้ำนี้อยู่ใกล้ๆกับห้องสุขานั่นแหล่ะค่ะ

เห็นป้ายที่แปะไว้มั้ยค่ะ ?

ถ้าผู้หญิงเข้าไปใช้ ก็ใช้ป้ายที่เป็นรูปผู้หญิงแปะไว้ที่หน้าห้องน้ำ

แต่ถ้าเป็นผู้ชาย ให้เปลี่ยนป้ายจากรูปผู้หญิง มาเป็นรูปผู้ชาย

ถ้าพักกันหลายๆคน หวาดเสียวเหมือนกันนะเนี่ย  ^_^

เดินเข้ามาก็จะมีตะกร้าสำหรับใส่ชุด และมีผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆให้ด้วย

ว่าไปแล้วที่นี่เค้าก็มีที่ล้างหน้าเต็มไปหมดเลย แม้กระทั่งที่ห้องอาบน้ำก็ยังมี

พูดถึงเรื่อง ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆ ในวันรุ่งขึ้นตอนเข้าไปใช้ห้องน้ำเราไม่เห็นผ้าเช็ดตัวอีกเลยค่ะ

คาดกันว่านะจะเป็นความขี้เหนียวของสามีคุณ Michie

เข้ามาแล้วก็จะมีฝักบัวสำหรับอาบน้ำ 2 อันค่ะ ในนี้จะมีสบู่และยาสระผมให้ฟรี

ที่ขาดไม่ได้ เก้าอี้พลาสติกนั่งเล็กๆสีดำ  มีให้หลายตัวเลย

เก้าอี้ 6 ตัว ฮืม…ที่นี่รองรับคนได้ทีละ 6 คน เลยเชียว

มองแล้วคล้ายๆ ที่อาบน้ำสาธารณะเลย

ก็บอกแล้วไง ที่นี่ส่วนใหญ่มีแต่คนญี่ปุ่นมาเข้าพัก

สลัดความอาย แล้วเข้าไปเลยค่ะ

แล้วก็มีบ่อน้ำแร่เล็กๆ (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) สำหรับแช่ตัว

งานนี้คนขี้อายอย่างเราๆ เจอห้องน้ำแบบนี้คงเครียดไปเลย

ตอนที่กินมื้อค่ำเสร็จคุณ Michie บอกพวกเราว่าเค้ามีกิจกรรมพิเศษ 4 อย่างให้เราเลือกคือ

1. การเขียนด้วยพู่กัน

2. พิธีชงชา

3. พับกระดาษ

4. เกมส์เล่นเชือก

ฟังแล้วพวกเราเลือก เรียน ชงชาค่ะ เค้าเลยนัดเจอกันตอนสามทุ่ม

ระหว่างที่ คุณ Michie สอนพวกเราชงชา เป็นอะไรที่สนุกมาก เรียกง่ายๆว่าแทบจะเป็นหนึ่งชั่วโมงแห่งความหรรษา

ที่พวกเราหัวเราะกันแทบไม่หยุด ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ

แค่กิจกรรมเล็กๆ แต่กลับเติมเต็มความสุขให้พวกเราก่อนนอนได้อย่างวิเศษ

ส่วนหนึ่งเป็นคุณ Michie เป็นคนร่าเริงแจ่มใส่ คุยสนุกสนาน ทุกคนที่ไปชอบคุณ Michie มาก

......หลังอาบน้ำเสร็จแล้ว สามีคุณ Michie ก็เอาไดอารี่ มาให้พวกเราเขียน

พวกเราเขียนกันไปเรื่อยๆ แต่สามีคุณ Michie ก็ไม่ยอมไปไหนสักที

ท้ายสุดแกบอกให้เรารีบเขียน เพราะจริงๆ แกรอปิดไฟ …

จากภาพ : คุณ Michie และสามี

ความเห็นเพิ่มเติมสำหรับท่านที่จะมาเข้าพักที่นี่

ข้อด้อย : 

1. ที่นี่ไม่เหมาะสำหรับคนที่จะมาชมหมู่บ้านโบราณ (Kayabukino Sato) เพราะอยู่ไกลกันไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงโดยประมาณ

2. สามีคุณ Michie เป็นคนเจ้าระเบียบ และค่อนข้างขี้เหนียว บางครั้งจะทำให้คนเข้าพักอึดอัด

3. พักที่นี่ต้องสั่งอาหารทาน เพราะร้านอาหารอยู่ไกล โดยเฉพาะมื้อเช้า เนื่องจากเค้าไม่ให้ใช้ห้องครัว

แม้กระทั่งน้ำร้อน ยังต้องรอให้เจ้าของบ้านมาต้มให้ มากัน 4 คน ให้น้ำร้อนแค่กระติกเดียว จากนั้นก็หายไปเลย

4. ต้องปูและเก็บที่นอนเอง

5. ห้องอาบน้ำรวม ไม่เหมาะสำหรับคนต้องการความเป็นส่วนตัว

6. เดินทางไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวก เพราะนานๆ รถจะมาสักคัน

7. รอบๆที่พัก จะเป็นบ้านคนอยู่อาศัย มิใช่แหล่งท่องเที่ยว ไม่มีอะไรให้ทำ ยกเว้นแต่ว่าชอบอากาศๆดี

ข้อดี :

1. ราคาถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้รับถือว่าถูก อย่างถ้านอนห้องรวม  ค่าใช้จ่ายต่อคน = 3,950 yen

สำหรับสมาชิก youth hostel จะลดให้อีกคนละ 600 yen เหลือเพียง 3,350 yen ถือว่าถูกมากๆเลยค่ะ

2. สำหรับคนที่มาชมซากุระที่นี่เหมาะมากๆ เพราะแค่นั่งรถไปประมาณ 5 นาที ก็ถึงแล้ว

3. อุปกรณ์สำหรับนอนไม่ว่าจะเป็นที่นอน หมอน หรือผ้าห่ม อยู่ในขั้นดี นอนแล้วสบายตัวมากๆ

4. ที่พักค่อนข้างสะอาด แม้ว่าอุปกรณ์บางอย่างเช่น ก๊อกน้ำมีคราบเล็กๆ แต่ก็ถือว่าใช้ได้

5. บรรยากาศดี มีบริเวณหน้าบ้านสำหรับนั่งเล่น ที่นี่เหมาะสำหรับมาพักผ่อน

6. มีชา กาแฟ บริการฟรี  และอาหารก็อร่อย

7. เจ้าของที่พัก คุณ Michie น่ารักมาก

8. มีบริการไปรับที่สถานีรถไฟ “wachi” ฟรี แต่ตอนขากลับไม่ได้บอกว่าบริการฟรีหรือไม่

ท้ายนี้ขอขอบคุณเพื่อนๆที่แวะเข้ามาอ่าน เข้ามาทักทาย หรือให้ Give ทุกท่าน ค่ะ

ถ้าเพื่อนๆเห็นว่ากระทู้นี้มีประโยชน์กับเพื่อนๆท่านอื่น รบกวนช่วยกดเข้าคลังกระทู้ด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ ^_^

ตามมาทัวร์เมืองเล็กๆ แต่ซากุระสวยชะมัดเลยค่า

ถ้าจาให้ดี สงสัยต้องขับรถไปลุยเองนะคะ ถึงจาได้ เที่ยวแบบจุใจ อิอิ

เก็บข้อมูลไว้แล้วค่า คุณกุ้ง

เห็นภาพทริปนี้แล้วอิจฉามาก ซากุระบานเยอะมากจริงๆ เลย

ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆนะคะ^^

มาชมซากุระงามๆต่อครับ

คุณ hollaneung ... ขอบคุณค่ะคุณหนึ่ง ถ้าจะขับรถไปเที่ยว miyama-cho จริงๆ บอกได้นะคะ

kung มีแผนที่ (ภาษาญี่ปุ่น) ของที่นี่ ที่หยิบมาระหว่างท่องเที่ยว ไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ แต่มันช่วยเหลือได้นะคะ ^_^

คุณ สามแซ่ ... ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันค่ะ ^_^

คุณ ฟองสบู่ ... ขอบคุณค่ะ ^_^

ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยมาก พร้อมรายะเอียดด้วยค่ะ

... ขอบคุณค่ะ คุณสาวหน้าใส ^_^

เรื่องราวตอนต่อไป ...

 +.+.+ Kyoto : เส้นทางสายซากุระ สู่หมู่บ้านโบราณ Miyama-Cho ……เจอซักทีหมู่บ้านในฝัน +.+.+

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11500987/E11500987.html#142