ภูกระดึง  จ.เลย

ภูสูง ที่หลายคน อยากไปทดสอบกำลังตัวเองกัน โดยเฉพาะอากาศหนาวๆอย่างนี้ ภูกระดึง เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเต็มไปหมด

ผมเองไปภูกระดึงมาแล้ว ห้ารอบ  รวมทั้งการไปร่วมแข่งวิ่งขึ้นภูกระดึงสองรอบ

รอบนี้ ลูกสาวคนเล็ก อยากไปทดสอบ ตัวเอง ด้วยการเดินพิชิตภูกระดึงบ้าง เลยหาวันว่าง จองบ้านพักบนภู แล้ว  ไปลุยกัน

สำหรับคนที่ไปพักบนภู ถ้าไปเป็นหมู่คณะ แนะนำให้จองบ้านพักผ่าน  เน็ตได้ในเว็บนี้ คับ
http://web3.dnp.go.th/parkreserve/reservation.asp?lg=1

ถ้าเป็นบ้านพักก็สะดวกดี มีผ้าห่มเครื่องนอน รวมทั้งผ้าเช็ดตัวให้

พยายาม เลือกบ้านที่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ไว้ก่อนครับเพราะว่าอากาศบนนั้นเย็นมาก จะได้อาบน้ำสบายๆ หน่อย


รอบนี้เนื่องจาก เตรียมตัวล่วงหน้า ราวๆ เดือนกว่าๆ บ้านพักเต็มเกือบหมด เลยต้องเลื่อน วันขึ้นไป เป็น ค้างบนภู คืนวันพฤหัส กับวันศุกร์  แล้วลงวันเสาร์ จึงพอจองบ้านได้

จองได้ บ้าน เอพริล 1 หลังโปรดหนึ่งวัน กับ ลำดวนดง อีกหนึ่งวัน ซึ่งทั้งสองหลับ มีเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน


ออกเดินทางจากบ้าน หกโมงเย็น วันพุธ แวะทานข้าวมื้อค่ำ ที่เพชรบูรณ์ แล้วเดินทางต่อ ไปตามเส้น 21  เพชรบูรณ์ หล่มสัก แล้วเลี้ยว ขวา เข้า สาย 12 อีกราวๆ 100 กม.ผ่านอุทยานน้ำหนาว ที่จองบ้านพักคืนวันเสาร์ไว้ ไปแยกเข้าถนน 201 ชุมแพ เลย อีก ราวๆ 40 กม. ถึงอ.ภูกระดึง แค่นั้นเอง เราไปถึง ที่อช. ประมาณ สี่ทุ่มครึ่ง ไปรับกุญแจบ้านพัก ผกากรอง บ้านพักด้านล่างภู  ที่จองไว้  เพื่อนอนพักผ่อนก่อน อาบน้ำเดินขึ้นภูตอนเช้า  บ้านนี้ก็สะดวก มีน้ำอุ่นให้อาบ และส่วนใหญ่ว่างตลอด เพราะว่าคนส่วนใหญ่เลือกเดินทางมาถึงเช้าแล้วเดินขึ้นกันเลย แทนการค้างด้านล่างก่อนขึ้น แต่มานอนก่อนก็ดี สบายๆไม่รีบเร่ง

เช้ามา  ก็แวะเอาสัมภาระที่จะให้ลูกหาบแบกขึ้นไปชั่งน้ำหนัก ค่าแบกเค้าคิดกก.ล่ะ 15 บาท ลูกหาบแต่ล่ะคนจะ หาบกันประมาณ 50-60 โล ที่ผมรู้สึกว่ามากไปหน่อย อันตรายต่อลูกหาบ (ปีก่อนก็มีลูกหาบเป็นลมเสียชีวิตบนภู) อยากให้ ลดน้ำหนักที่แบกแต่ปรับขึ้น ค่าแรงให้เค้าชดเชยแทนเหมือนกัน อยากฝากเพื่อนๆที่แวะไปเที่ยวช่วยทิป ลูกหาบ  กันด้วย ก็ดีครับ

วันพฤหัสเช้า เราเริ่มออกเดินขึ้นภูกัน ประมาณ  9:30 น.

อันนี้ถนนลาดยาง ราบเรียบ สุดท้ายก่อนส่งเรา เข้าด่านเก็บเงิน และ ผ่านขึ้นภู

ก่อนขึ้นไปก็แวะถ่ายรูปกับป้าย  ครั้งหนึ่งในชีวิต " ขอ " พิชิตภูกระดึง

ระยะทางที่ต้องเดิน  ช่วงแรก เป็นทางเดินขึ้นเขา ไต่ชันขึ้นไป ตามทางดินและหิน ระยะทางรวมจาก ตีนดอยถึง หลังแป  5.5 กม. แม้จะชัน เหนื่อยหน่อย แต่ว่า ตลอดทางมี จุดพักต่างๆ และร้านค้า ร้านอาหาร และห้องน้ำเกือบตลอดทาง ที่เรียก ว่าซำ (ถามชาวบ้าน เค้าบอกว่า ซำคือ บริเวณที่มีน้ำ ไหลซึมออกมา เค้าบอก ว่ามันคือน้ำซับ น้ำซำ ) แล้ว โบราณเลยเลือกใช้เป็นจุดพัก

ทางเดินช่วงแรกจากตีนดอย ถึงซำแฮก แค่กม.เดียว แต่ว่าทางขี้นค่อนข้างชัน และ ส่วนใหญ่ยังปรับตัวกันไม่ได้ หลายคนหอบเหนื่อย จะเป็นลมกันตรงนี้ พาถอดใจ จะถอยกลับก็มี เลยไม่รู้ว่า คำว่าซำแฮก นี่มาจาก ซำแรก หรือ ซำที่หนึ่ง หรือ ซำ ที่หอบแฮ่กๆๆ

เนื่องจากทริปนี้ เป้นทริป พาลูกสาว คนเล็ก ซึ่งปกติไม่ค่อยลุยอะไรกับใครเค้าไปด้วย เลยต้องค่อยๆไปกันเรื่อยๆ แวะกินน้ำแวะพักกลางทางกันตลอด กว่าจะไต่ขึ้นจากเชิงเขาถึงหลังแป หรือ ส่วนของของพื้นราบ บนภูกระดึง ซึ่งมีระยะทางรวม 5.5 กม. ไต่ระดับ ขึ้นไปราวๆ 1 พันเมตร) ก็ ราวๆ บ่ายสองครึ่ง หรือใช้เวลา ไป ห้า ชม.พอดีๆ ปกติแล้วคนเดินกันเฉลี่ย จากด้านล่างถึงจุดนี้ประมาณ สามถึงสี่ชม. แต่พวกแวะพักนานๆบางที ก็เข้าไป 5-6 ชม.เหมือนกัน  


หลายคนขึ้นมาถึงหลังแป ก็ต้องถ่ายรูปกับป้ายนี้กันหน่อย สังเกตุ ว่าคล้ายกับป้ายแรก แต่ต่างกัน ตรงที่เป็นป้าย ครั้งหนึ่งในชีวิต "เราคือ" ผู้พิชิตภูกระดึง

จากหลังแปจะมีทางเดิน ที่ต้องเดิน ลุยฝุ่นกันไปตามทางราบ ของป่าสน จากหลังแป ไปยัง ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อันเป็นศูนย์กลาง ของภูกระดึง ก็อีก 3.5 กม. ใช้เวลากันอีกราวๆ 40 นาที ถึงหนึ่งชม. รวมแล้วคนทั่วไป ขึ้นภูกระดึงใช้เวลาเฉลี่ยกันตั้งแต่ 3-6 ชม.  แต่ตอนแข่งวิ่งขึ้นภูกระดึง สถิติที่ทำกันไว้ ดีสุดจากด้านล่างถึง ศูนย์บริการ ระยะทาง 9 กม. นี่  แค่ 57 นาทีเท่านั้น(ปีนั้นผมก็เข้าร่วม แต่ใช้เวลาไปราวๆ 1 ชม.20 นาที)

แต่มีอีกทางเลือกสำหรับคน ต้องการไวขึ้น (แต่เหนื่อยไม่น้อยกว่าเดิน ) ก็คือการเช่ารถจักรยานขี่จากหลังแปไปยัง ศูนย์บริการ ซึ่งต้องอ้อม ไปอีกด้าน ไม่ไปร่วมกับทางเดินคน เป็นทางขี่จักรยานเลาะริมผา ระยะทาง 4 กม. ค่าเช่าจักรยาน 40-60 บาทต่อคัน รอบนี้ เด็กๆเลือกขอเป็นขี่จักรยานกัน ขาไปนี่โอเคนะ ทางลุยฝุ่นขึ้นเนินบ้าง แต่ค่อนข้างลงเนินมากกว่า ขึ้นเนิน ตรงกันข้ามกับขากลับ  ขี่จักรยานขึ้นเนิน นี่ เหนื่อยค่อดๆ อิๆ

ปั่นมาเหนื่อยได้ครึ่งทาง แวะกินน้ำที่ผาหมากดูก จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกอีกแห่งที่ห่างจากศูนย์บริการ สองโลกว่าๆ ใกล้กว่า ผาหล่มสัก จุดชมพระอาทิตย์ตกยอดนิยมที่ห่างออกไป ถึง 9.5 กม.

ขึ้นมาถึงหลังจากไปรับกระเป๋าจากลูกหาบ แล้ว ก็เข้าไปรับกุญแจบ้านพักที่ศูนย์บริการ

รอบนี้ ให้สามคน แฟนผม และลูกทั้งสองเดินตัวปล่าว ส่วนผม แบกเป้ส่วนตัวเอง ราวๆ 8 กก. ไม่ใช่เพื่อประหยัดหรอก อยากให้ลูกหาบเค้ามีรายได้ กัน แต่ อยากฝึกกำลังขา เพื่อเตรียมไปขึ้น คีลีมานจาโล ยอดเขาเดี่ยวที่สูงสุด ในโลก(ที่ไม่ได้อยู่ในหิมาลัย) ที่แทนซาเนีย อาทิตย์หน้า ซึ่งต้องเดิน เจ็ดวัน และต้องแบกเป้เอง ราวๆ 8 กก. ทุกวัน ตอนนี้เลยหาเรื่องตลุยดอยฝึกกำลังขา ไล่จากภูสอยดาว เมื่อสองเดือนก่อนแล้ว ก็ดอยหลวงเชียงดาว อาทิตย์ก่อน เตรียมพร้อมไว้ก่อน

สำหรับบ้านพัก นี่ ถ้าไปแค่ราวๆ 5-6 คน เลือกบ้านพัก เอพริล 1หรือ 2 ก็ดี เป็นบ้านสร้างใหม่กว่าบ้านอื่นๆ  แต่ล่ะหลังมีสองห้องนอนสองห้องน้ำ นอนได้ 4-6 คน ค่าเช่าถูกกว่าบ้านหลังใหญ่ๆที่พัก 8-12 คน และบ้านใหม่ อยู่ใกล้ศูนย์บริการ ด้วยมีระเบียง ออกมานอนดูดาวได้ ด้วยผมเองเลือกบ้านนี้

การจองปกติ เค้าเปิดให้จองล่วงหน้าได้ ก่อนสามเดือน ถ้าไงเข้าไปจองเนิ่นๆ เพราะว่าพอเปิดจองก็จะมีคนคอย จองเอาไปกันหมดก่อน แล้ว หาบ้านยากหน่อยโดยเฉพาะวันหยุด

แต่ถ้าชอบลุยๆ จะจองเต็นต์ก็ได้ ได้อีกบรรยากาศ แต่ การอาบน้ำจะลำบากหน่อย เพราะว่าหนาวค่อดๆ

นี่ครับ เอพริล 1 ที่เราพัก สำหรับคืนแรกบนภู หลังเล็กๆ มีสองห้องนอนสองห้องน้ำแยกกันอิสระ

วันพฤหัส เราขึ้นไป คนยังน้อยมาก เนื่องจากเป็นวันธรรมดา มีคนขึ้นมาแค่ไม่กี่ร้อยคน เต้นต์ตามสนาม ที่กางเต็มว่างไปเกือบหมด

ออกมาเดินเล่น ลานกางเต็นต์ ที่ให้คนเอาเต็นต์ไปกางเอง ยังว่าง อยู่มากทีเดียว

ร้านอาหารบนภูกระดึง อยู่ใกล้ศูนย์บริการ และ ลานกางเต็นต์ มีอาหารและของใช้จำเป็นขาย มากมายเหมือน ตลาดโต้รุ่ง เลยอาหารอร่อยราคาไม่แพง (บ้านผม ขนาดเดินกันหนักเหนื่อยๆ สามสี่วันบนภูกระดึง กับ หนึ่งวัน ที่ อช.น้ำหนาว กินกัน จนน้ำหนักตัวขึ้น เกือบ 3-4 โล ทุกคน อิๆ)

กลางคืน จะมีกวางเจ้าถิ่น สามสี่ตัวแวะเวียนมาเยี่ยมแถวร้านอาหารตลอดไปกี่รอบก็เจอทุกที

ตามสูตร ของการเที่ยวภูกระดึง แบบสบายๆ

วันแรกเดินขึ้นไปเมื่อยๆ เหนื่อยๆนอนพักเอาแรง กินยาคลายกล้ามเนื้อกันหน่อย ทานอาหารเย็น แล้วนอนพัก

เช้าวันรุ่งขึ้น ตีห้าครึ่ง  ก็เดิน ราวๆ เกือบๆสองกิโล ไปนั่งกินกาแฟร้อนๆ รับอากาศหนาวๆ สูดไอหมอกรอดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น

ไปวันที่เท่าไหร่ครับ  ผมไปวันที่ 7 ที่ผ่านมาครับ

ตามไปชมวิธีชาร์ตไฟด้วยคนครับ  บนภูมีปันหานี้ตลอดครับ

เช้าวันศุกร์ มีนักเรียนจาก โรงเรียน จ.สุรินทร์ พันกว่าคนขึ้นมากางเต็นต์นอน กัน ทำให้ สนามที่เคยโล่งๆคึกคักไปด้วยเต๊นต์เด็กๆ

ตามมาเที่ยวภูกระดึงด้วยคนค่ะ...

หวัดดีครับ คุณเล็ก

ผมไป ค้างคืนวันที่ 14 ที่ตีนภู

แล้วค้างบนภู คืนวันที่ 15 กับ 16

แล้วลงมานอน ที่ น้ำหนาว อีกคืน วันที่ 17 คับ

ส่วนปลั๊กนี่ถ้าทำแบบมีขั้วต่อหลอดด้วยอย่างที่ว่าข้างบน นี่แม้จะไม่ได้พักตามบ้าน ก็พอจะเอาไปเสียบชาร์ตามหลอดที่เค้าติดเรียงรายตามทางเดิน และ ในสนามใกล้ๆเต็นต์ เพื่อให้แสงสว่างได้ (อันนี้ชาร์ตได้ทั้งคืนอีกต่างหากนะเนียเพราะว่า จ่ายไฟตลอด ไม่ดับตอนสี่ทุ่ม แฮ่ะๆ)

หลังจากกลับจากผานกแอ่นอ กลับมานอนพักเอาแรง อีกหน่อย ก่อนจะอาบน้ำแล้วไปเปลี่ยนกุญแจ บ้านย้ายจากเอพลิล ไป ยังบ้านลำดวนดง ที่เราจองไว้ ในคืนที่สอง (เป็นบ้านเก่าหน่อยแต่ใหญ่พักได้  8-12 คน แต่มีห้องน้ำห้องเดียวผมเลยไม่ค่อยชอบ )

ทานข้าวเช้าแล้ว ก็ไปเช่าเสือภูเขาเพื่อขี่เทียวบน ภูกระดึง

ค่าบริการ 350 บาทต่อคันต่อวัน และค่าบริการของอช.อีก 10 บาท

ถ้าใครขี่จักรยานแข็งหน่อย ก็สนุก ดีครับ ทำให้เราไปได้ไวกว่า แต่เหนื่อย นี่เผลอๆเหนื่อยกว่าเดินเพราะว่าทาง มันเป็นทราย และเนินเยอะ

จุดแรกที่ขี่ไปก็จุดยอดฮิต คือน้ำตกถ้ำใหญ่

จอดรถไว้ด้านบน แล้ว ก็เดินลงไปดูน้ำตกและ เมเปิ้ล

ระหว่างทางผ่านหินใหญ่ ที่เดี๋ยวนี้ กลายเป็น ค่านิยมคนไทยไปแล้วหินลอยหินเอียงต้องเอาไม้ค้ำ อิๆ

ลงไปถึงน้ำตกถ้ำใหญ่ ใบเมเปิ้ลกำลังแดงได้ที่สวยงาม

ด้านล่าง ใบเมเปิ้ลที่ร่วงหล่นบนหินและน้ำ แดงเป็นพรมเลย

ไม่ได้เดินพรมแดง กับเค้า นอนพรมแดง ก็ได้ฟะ

แอบหวาน

จากน้ำตกถ้ำใหญ่มีทางเดิน ไปน้ำตกเพ็ญพบ  
น้ำตกเพ็ญพบใหม่
และน้ำตกโผนพบ  
ซึ่งก็มีเมเปิ้ล สวยอยู่เป็นช่วงๆ

แต่ว่าตอนนี้น้ำน้อย เด็กๆ ไม่อยากเดินไปต่อก็เลยไม่ได้ไปต่อ ย้อนกลับมาที่จักรยาน แล้ว ก็ขี่ไปที่สระอโนดาต สระน้ำใหญ่บนยอดภูกระดึง แต่หน้านี้น้ำน้อยหน่อย

จากนั้น ก็ขี่จักรยาน ย้อนไปผานาน้อยและเลาะหน้าผาต่างๆไปยังจุดหมายสุดท้ายคือ ดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก ซึ่งห่างจากที่พัก 9.5 กม.

ตรงนี้ผาเหยียบเมฆ ว่ากันว่าตอนเช้าๆ หมอกเยอะ หย่อนขาลงไปเหมือนกับเหยียบนเมฆ

ริมผา ทั้งหลายด้านทิศตะวันตก ที่เรียงราย กันตั้งแต่ผาหมากดูก จนถึง ผาหล่มสัก จะมีร้านค้า ขายอาหารและเครื่องดื่ม ตลอดทาง

มาภูกระดึงหลายๆรอบๆผม ชอบฟ้าใสๆ กับ  ต้นสน ที่ดูสวยสบายๆ ตาดี คนอื่นเป็นเหมือนผมมั้ยเนี่ย ชอบต้นสน smile

มาผาหล่มสักต้องไม่พลาดมุมนี้ มุมที่เป็น Signature ของภูกระดึง

คีอ กิ่งสนที่ยื่นออกไปกิ่งนี้กับแง่หินที่ยื่นออกมา

ถ้าพระอาทิตย์ตกก็จะเป็นฉากหลังตรงนี้พอดี คิวตอนพระอาทิตย์ตกคนจะแย่งกันถ่าย มากเนื่องจากมีเวลาแค่นาทีสองนาทีก่อนอาทิตย์ลับฟ้า

แต่ตอนไปยังมีเวลาเลยไปนั่งเก๊กซะหน่อย

ตอนแรกกะรอจนพระอาทิตย์ตก แต่ ผาหล่มสัก อยู่ห่างศูนย์บริการค่อนข้างเยอะ ต้องใช้เวลาเดินราวๆ สองชม. ถ้าขี่จักรยานก็ราวๆ ชม.กว่าๆ และพอพระอาทิตย์ตกฟ้าจะมืดอย่างรวดเร็ว เลยตัดสินใจ ออกมาก่อนพระอาทิตย์ตก  แวะถ่ายรูปเล่นกันตามริมผา ต่างๆ

ลูกสาวที่ ลุยมาทั้งวันเริ่มล้า จนไม่ค่อยไหวเหมือนกัน แต่ก็ใจสู้ลุยตามมาตลอด บางช่วย ก็วิ่งย้อนไปช่วยเค้าเข็นรถขึ้นเนิน ลุยทรายบ้าง

ไปด้วยครับ ภูกระดึง

ขี่กันมาเรื่อยๆ มาทันเห็น พระอาทิตย์ตกที่ ผานาน้อยแทน

หลังพระอาทิตย์ตก ก็เปิดไฟ ติดศรีษะที่ทางจักรยานเค้าแจกให้ แล้วขี่ลุยทรายกลับ ไปผานาน้อยแล้ว ตัดเข้าศูนย์บริการ อีกที

หมดไปอีกวันอย่างสะบักสะบอม ก้น ที่รถกระแทกกัน อิๆ

เช้าวันสุดท้าย หลายคน ไปแก้ตัว ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ ผานกแอ่นอีก

แต่สำหรับกรุ๊ปเราขอนอน เก็บแรงก่อน อิๆ เพราะว่า ดูแล้วฟ้าช่วงนี้ ค่อนข้างปิด ไม่ค่อยเห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ ไปรอบเดียว พอแล้ว

วันลง หลังจากนำของให้ลูกหาบชั่งน้ำหนัก แล้วก็ทานอาหารเช้า รองท้อง

ตอนแรกกะว่า จะเดินจากศูนย์บริการไปหลังแป แต่ลูกชาย อยากขี่จักรยานกลับ ก็เลย เอาตามนั้น แต่ว่าต้องบอกว่าคิดผิด

เดินทางราบลุยฝุ่น 3.5 โล นี่เหนื่อยน้อยกว่าปั่นลุยฝุ่นขึ้นเนินกลับหลังแป 4 โล มากมาย แถมก้นระบมๆ อยู่ ด้วย ทุกคนบอกรู้งี้เดินดีกว่า อิๆ

ลูกสาวปั่นมาถึงจุดคืนรถ บอก  " แทบตาย "

อย่างที่บอกข้างบน เนื่องจากเรา จองบ้าน วันพุธ พฤหัส ศุกร์ และลงวันเสาร์

ทำให้เรามีเวลาว่าง คืนเสาร์ และ วันอาทิตย์อีกวัน เลยจองบ้านพักที่ อช.น้ำหนาวทางผ่าน ทีผมชอบแวะไปกินไก่ทอด แสนอร่อยในอช.ประจำเวลา ออกทริป หรือมากับก๊วนมอร์เตอร์ไซค์

รอบนี้จองได้บ้านพญาลอ อยู่ใกล้ ศูนย์บริการและร้านอาหาร

ต้องบอกว่าบ้านพักที่ นี่ดีมาก สะอาดสะดวกสบาย มีเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องครัว ตู้เย็น ทีวีพร้อมจานดาวเทียม และอุปกรณ์ความสะดวกครบ ใกล้เคียง รร.เลย ดีกว่าบ้านพักอช.หลายๆ แห่งที่เคยไปมา อยากให้ ทางอช. ทุกๆแห่ง พัฒนาให้ได้อย่างนี้จังเลย

ขอตามไปคิดถึงภูกระดึงด้วยสักคนนะคะ แทนการคิดถึงใครบ้างคน - -"

เข้าที่พักแล้ว ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกดิน ก็ขับรถ ออกไป 15 กม.ไปที่เขาถ้ำผาหงษ์ จุดชมพระอาทิตย์ตกดิน

โดยแยกจากถนนสาย 12  เข้าไปสามร้อยเมตร แล้วเดินขึ้นบันได ขั้นใหญ่ๆ อีกเกือบ 300 ขั้นพอได้เหงื่อ

แต่วิวสวยครับ คนไปรอชมพระอาทิตย์ตกกันเยอะทีเดียว

จุดนี้มองไป เห็น อช. น้ำหนาว และเทือกเขารายล้อม

หลายคนจับจองโขดหิน รอพระอาทิตย์ตก

ตะวันกำลังจะลับฟ้า

มืดอีกนิด

แสงสุดท้าย

หลังไข่แดงหลบลงเขา

ก็ย้อนกลับมา ที่ พัก หาอาหารรองท้องกัน
มาน้ำหนาว แต่ก่อนจะ มีร้านอาหารร้านนึงทำไก่ทอด ได้อร่อยมากๆๆ

แต่ไปรอบนี้ ร้านนี้ปิดไปแล้ว  ได้ข่าวว่าเจ้าของเก่า ป่วยเลยเลิกกิจการเซ้งให้กับคนอื่น เข้ามาทำแทน ร้านเดิมทำ เป็นมินิมาร์ท แต่เจ้าของใหม่ เปิดร้านอาหารใกล้ๆกัน ชื่อร้านป้าแดง เค้าว่า ใช้สูตรเดิม ทอดไก่ได้อร่อยใช้ได้ แต่ผมว่ายังสู้ ป้าเก่าไมได้ แต่อาหารอื่น อร่อยใช้ได้ ราคาไม่แพง บริการดี แต่ช้าหน่อย อิๆ

กลางคืนมีบริการส่องสัตว์ เหมาคัน  600 บาทวิ่ง ออกจากอช. เลาะตามป่าและถนนไปหอส่องสัตว์ และโป่ง แล้วไปทางสวนสนภูกุ่มข้าว ค่าบริการแค่ 600 บาท คืนก่อน ผมไปมีช้างป่า กับกวางออกมาเดิน กันหลายตัว แต่วันผมไป เจอแค่บ่าง ตัวเดียว บนยอดไม้ ส่วนสัตว์ใหญ่หนีไปหมด อิๆ

เช้าวันอาทิตย์เรานอนตื่นกันสบายๆ แล้ว เช็คเอ้าท์จากน้ำหนาว 11 โมง ทานข้าวเที่ยง ที่ร้านเดิม ก่อน ขับรถเล่น มาเรื่อยๆ กลับบ้าน

แวะ ไปวัดพระธาตุผาแก้ว ที่ตอนนี้ ถนนตัดขึ้นเขา คืบหน้าไปกว่า ปีก่อนมาก ตัดถนนข้ามเขา ไปอีกหลายโล ขึ้นไปชมวิวสวยๆ ดูเหมือนปลายทาง หน้าจะ วนเป็นวงกลมทะลออกมาถนนสาย 12 หล่มสัก พิษณุโลก อีกด้าน

เส้นทางนี้ ตอนนี้ มีร้านกาแฟเปิดใหม่อีกหลายแห่ง

ผ่านร้านนี้เห็นตกแต่งสวยดี ตั้งชื่อได้เก๋ " ผู้ชายขายกาแฟ"

ล้อเลียน อะไรหรือป่าวเนี่ย

ส่วน เจ้านี้เจ้าเก่า Khor In Love ที่ตกแต่ง คล้ายๆ Coffee in Love ที่ปาย แต่ภายในเลี้ยงแกะ เหมือน Scenery สวนผึ้ง

ร้านนี้  น้องชายรูปหล่อ เจ้าของ Coffee Hill กาแฟดังเขาค้อ มาเปิดมุมกาแฟ  ช่วยเพื่อนทีนี่

แต่ปีนี้ดูเหมือนไม่ค่อยได้ตกแต่งๆ เท่าไรดูโรยๆไป ไม่คึกคัก

แต่ที่ยังคึกคัก และ ดูเหมือนคึกคักขึ้นกว่าเดิม คือ Rout 12 ร้านกาแฟดังที่ตกแต่งไสตล์ ร้านค้า และ ปั๊มป์น้ำมัน ริมถนนแถว เท็กซํส

อ้าววววว ข้างบนรูปผิด อิๆ

วิวเขาสวยๆ ระเบียงหลังร้าน ที่ พวกก๊วนแมงกาไซค์ผม ชอบมานั่งพัก กันเวลาผ่าน

จาก Route 12 ขับรถขึ้นเขาค้อ ทางด้านแค้มป์สน แวะชมวิว และซื้อ ผลไม้ กับ ผักแม้ว แล้ว ลง ทางนางั่ว วิ่ง กลับบ้าน

ปิดท้ายทริป ด้วย Capucino ดอยช้างหอมๆ แก้วนี้ จากร้าน Mr Tank ที่ บึงสามพัน กาแฟอร่อย พร้อมอาหาร ว่าง ใครผ่านไป แวะชิมได้ครับ

ผมเองมักใช้จุดนี้เป็นจุดพักสุดท้ายก่อนเข้าบ้าน

ขอบคุณ ที่ติดตาม ครับ อิๆ

สุดยอดครับ ไปภูกระดึง เดินขึ้นภู เดินช้าๆ ก็ดีครับ ชมวิว ชมนกชมไม้ระหว่าง ทาง เดิน ก็ได้บรรยากาศดีมาก คนส่วนมากก็จะรีบเดิน รีบถึง
พลาดโอกาสชม ธรรมชาติที่สวยงามระหว่างทาง
เยี่ยมครับ ไอเดียปลั๊กไฟ สุดยอด

เมเปิ้ลสีแดงสวยมากเลยค่ะ....
ขอบคุณสำหรับรีวิวและข้อมูลดีๆนะคะ

ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆที่มารีวิวให้ชมครับ

เคยไปภูกระดึงนานมากแล้ว เห็นกระทู้นี้แล้วอยากกลับไปที่นั่นมากเลยครับ

ตามไปเที่ยวด้วย... ตนยังไม่เคยไปภูกระดึง  สวยทุกทีที่มอง

ชอบใบเมเปิ้ลสีแดงจัง ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^

เรื่องปลั๊กไฟโดนอุ้ม ในหวากอก็หายไปแล้ว - -'

ยังไม่ได้ไปชมยามเมเปิลแดงเลย ต้องไปสักครั้ง

สุดยอดมากๆครับบ ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับบบ

ขอบคุณมากครับ

อยากกลับไปภูกระดึงอีกสักครั้ง...

ดูจากบรรยากาศ ถ้าช่วงฤดูร้อนคงจะร้อนน่าดูเลย

ขอบคุณครับหมอเจ ว่าแต่ทำไมผมหากระทู้ DIY อุปกรณ์ช่วยแก้ปัญหาไม่มีปลั๊กไฟ ไม่เจอแล้วครับ =_='

แข็งแรงกันทั้งครอบครัวเลยค่ะ   ของเราลงจากภูกระดึง ตรงดิ่งกลับบ้านเลย เพื่อน ๆ แต่ละคน ท่าเดินยังยังกะถูกโทรมมาเลยง่ะ  เก่งจังเลยค่ะ  ของเรารองเท้ากัดเลือดเต็มเลย ปวดขาไปหลายวันเลยค่ะ

อากาศช่วงตอนเดินขึ้นไป เป็นไงคะพี่

เมเปิ้ลแดงสวยจังเลยค่ะ น่าไปๆ

กิ๊ฟหมดเสียก่อน ไว้ตามมาแจกครับ ขออนุญาตเอากระทู้ไปแปะที่ คลับ รักษ์ภูกระดึงนะครับพี่ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/?subgroup=23

ไปช่วงไฟเดือนห้าแดงสวยมากเลย รูปที่ถ้ำใหญ่ แถวนั้นดงต้นเมเบิลต้นใหญ่ๆ