วันนี้พวกเราตีรถเข้าสู่เมืองฟุสเซ่น (Fussen) ครับ ค้างที่ฟุสเซ่น 2 คืนเพื่อเตรียมตัวเที่ยวปราสาทปราสาทนอยชวานสไตน์ ปราสาทลินเดอร์โฮฟ และโบสถ์ที่มีชื่อเสียงในแคว้นบาวาเรียในวันรุ่งขึ้นครับ

ภาพเปิดกระทู้ ภาพสำนักสงฆ์เอ็ททาล (Ettal Abbey) ยามเมื่อใบไม้เปลี่ยนสี

รวมลิ้งค์รีวีวิวทริป GERMAN AUTUMN LEAVES

R I Q U E W I H R : หมู่บ้านมรดกโลก เมืองแห่งไร่องุ่น เมืองริค-เวีย
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11455252/E11455252.html

C O L M A R : ลิตเติ้ลเวนิซ เมืองน่ารัก เมืองโกลม่าร์
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11460817/E11460817.html

N E U S C H W A N S T E I N : ปราสาทเทพนิยายนอยชวานสไตน์
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11470665/E11470665.html

F R A N K F U R T : เมืองหลวงทางการค้าของเยอรมัน
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11475687/E11475687.html

H E I D E L B E R G : เสน่ห์เมืองโรแมนติค เสน่ห์เมืองไฮเดลแบร์ก
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11479143/E11479143.html

F R E I B U R G : เดินละเลียดชมเมืองน่ารัก เมืองไฟรบวร์ก
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11486344/E11486344.html

BLACK FOREST : ล่องเรือในทะเลสาบ Titisee, แวะชมทุ่งดอกเรปส์
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11490877/E11490877.html

ETTAL ABBEY : เยี่ยมสำนักสงฆ์เอ็ททาล, พาชมโบสถ์แสวงบุญมรดกโลก โบสถ์วีส์
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11495019/E11495019.html

O B E R A M M E R G A U  : เดินละเลียดชมหมู่บ้านกำแพงสวย, แวะเยี่ยมปราสาทลินเดอร์โฮฟ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11499685/E11499685.html

MUNICH LOVES YOU : เสน่ห์เมืองมิวนิก เมืองที่เคยได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในเยอรมัน
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11501929/E11501929.html

N Y M P H E N B U R G Palace : พระราชวัง นึ้มเฟ่นบวร์ก, เดินเที่ยวชมตลาดฟิคทูอาเลี่ยนมาร์คท
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11504803/E11504803.html

RESIDENZ MUNCHEN : พระราชวังเรซิเด้นซ์มุ้นเช่น ชมขุมทรัพย์อันล้ำค่าแห่งบาเยิร์น
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11508829/E11508829.html


ภาพหอคอยโบสถ์วีส์ (Wieskirche) โบสถ์มรดกโลกที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดชมเมื่อมาเที่ยวแคว้นบาวาเรีย

ไปเยอรมันครั้งนี้ นอกจากจะได้ชมปราสาทที่มีชื่อเสียงในแคว้นบาวาเรียแล้ว ผมได้แวะเที่ยวสำนักสงฆ์เอ็ททาล (Ettal Abbey) ด้วยครับ ซึ่งสำนักสงฆ์เอ็ททาล เป็นวัดเบ็นเนดิคตินที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในบริเวณเชิงเทือกเขาแอลป์ หนึ่งในไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดชมเมื่อมีโอกาสมาเยือนดินแดนในแถบบาวาเรีย

สำนักสงฆ์เอ็ททาล (Ettal Abbey) เป็นวัดลัทธิเบ็นนาดิคติน ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านชื่อเดียวกันใกล้กับเมืองโอเบอร์อัมเมอร์เกา (Oberammergau) และเมือง การ์มิช-พาร์เทนเคิร์ทเช็น (Garmisch-Partenkirchen) ในบริเวณบาวาเรีย (Bavaria) ประเทศเยอรมนี

สำนักสงฆ์แห่งนี้ ก่อตั้งเมื่อขึ้นวันที่ 28 เมษายน ปี ค.ศ. 1330 ตรงกับวันสมโภชประจำปีของนักบุญวิทาลลิสแห่งมิลาน (Vitalis of Milan) โดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 4 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ หรือลุดวิกบาวาเรียน (Ludwig the Bavarian) ที่หุบเขากราสแวง (Graswang valley) ตามที่พระองค์ได้ให้คำปฏิญาณไว้หลังจากกลับมาจากประเทศอิตาลี ตรงจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางการค้าขายระหว่างประเทศอิตาลีและเมืองออกสเบิร์ก ประเทศเยอรมนี (ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือเที่ยวไม่ง้อทัวร์)

ตามตำนานกล่าวว่าม้าของพระเจ้าลุดวิกผงกหัวสามครั้งตรงที่ที่ต่อมาเป็นที่สร้างวัดเดิม ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่ตั้งรูปปั้นของ พระแม่มารี ที่เรียกกันว่า “Frau Stifterin” หรือ “Ettal Madonna” (เอ็ททาลมาดอนนา) เป็นศิลปะตระกูลปิซาโน (Pisano) ซึ่งเป็นของขวัญที่พระเจ้าลุดวิกทรงมอบให้แก่วัด รูปปั้นนี้กลายมาเป็นวัตถุมงคล ที่นักแสวงบุญนิยมกันมาสักการะ วัดนี้อุทิศให้แก่การอัสสัมชัญของพระแม่มารี

แรกเริ่มเดิมทีตัวโบสถ์สร้างเป็นแบบโกธิก สร้างระหว่างปี ค.ศ. 1330 ถึงปี ค.ศ. 1370 เป็นสิ่งก่อสร้างที่ไม่ใหญ่นักเมื่อเทียบกับวัดระดับเดียวกันในยุคกลางในบริเวณบาวาเรีย

กระทั่งช่วงปี คศ 1710 - 1726 จึงได้ทำการบูรณะและเปลี่ยนไปใช้สไตล์บาร็อกแทน ทว่าสำนักสงฆ์แห่งนี้ก็ถูกไฟไหม้เสียหายเกือบทั้งหมดในปี คศ 1744 เลยมีการสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นมาใหม่ด้วยสไตล์บาร็อกที่ดูโอ่อ่าโอฬารตระการตา

ความใหญ่โตหรูหราของวัดทำให้วัดเพิ่มความสำคัญขึ้นและกลายมาเป็นสำนักสงฆ์ที่สำคัญที่สุดในบริเวณเชิงเทือกเขาแอลป์

แต่เนื่องจากช่วงระหว่างการปฏิรูป สถาบันคริสต์ศาสนาได้ถูกยุบเมื่อปี ค.ศ. 1803 หลังจากนั้นวัดได้ถูกขายต่อไปเป็นสมบัติส่วนตัวของผู้มีฐานะ โจเซฟ ฟอน เอลบิง (Josef von Elbing) เมื่อปี ค.ศ. 1809 ต่อมาลูกหลานของ โจเซฟ ฟอน เอลบิง ก็ขายให้กับเคาท์ แพพเพ็นไฮม์ (Count Pappenheim) ระหว่างศตวรรษที่ 19 มีการบูรณะสิ่งก่อสร้างย่อยๆ ของวัดโดยเฉพาะด้านหน้าของวัดและหอระฆัง

กว่าจะกลับคืนเป็นสำนักสงฆ์ตามเดิมก็ต้องรอถึงปี คศ 1900 โน่น เหตุก็เพราะ บารอน ทีโอดอร์ ฟอน เครเมอร์-เคล็ต (Baron Theodor von Cramer-Klett) เป็นผู้ยกวัดนี้คืนให้กับพระเบ็นนาดิคตินนั่นเอง

เมื่อได้สำนักสงฆ์คืนมา ผู้ดูแลจึงได้สร้างโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำ (Gymnasium) เชี่ยวชาญทางมนุษยศาสตร์ และภาษาสมัยใหม่ (modern languages) ขึ้น ก่อนสร้างโรงงานกลั่นเหล้าและทำเบียร์ ร้านขายหนังสือ โรงพิมพ์ โรงแรม โรงงานทำเนยแข็ง และมีโครงร่วมกับธุรกิจอื่นๆด้วย จนปัจจุบันถือเป็นสำนักสงฆ์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งแห่งเทือกเขาแอลป์ อีกทั้งยังเป็นสำนักสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุดของนิกายเบ็นนาดิคอีกด้วย

เมื่อผ่านประตูรั้วเข้ามาด้านในเราจะพบกับอารามที่เป็นโดมสองชั้นที่มีหอคอยคู่ทั้งซ้ายและขวา ซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลี่ยนนามว่า เอ็นริโค ซูคคาลลี (Enrico Zuccalli) ผู้เป็นลูกศิษย์ของจานลอเรนโซ เบร์นินี สถาปนิกสไตล์บาร็อกที่มีชื่อเสียงแห่งกรุงโรมช่วงคริสต์ศวรรษที่ 17 โดยมีรูปปั้นนักบุญ 12 องค์ประทับอยู่ด้านหน้า

ทั้งนี้หากมองดูหอคอยคู่ อาจสงสัยว่าทำไมไม่เหมือนกัน เหตุก็เนื่องมาจากหอคอยทั้งสองนี้สร้างคนละสไตล์และคนละช่วงเวลากันนั่นเอง

ภายในโดมสองชั้น ถึงแม้ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก แต่ก็โดดเด่นไปด้วยภาพ ผลงานของ โจเซฟ ชมุทเซอร์ (Josef Schmutzer) ช่างปั้นปูนแบบร็อกโคโค ที่ใช้เทคนิคปูนเปียกเฟรสโกสร้างภาพบุคคล 431 คนบนเพดาน ผสมผสานกับการพอกปูนแบบสูงต่ำรอบๆ เน้นความอลังการและความสว่างของสีขาว โดยมีรูปปั้นเทพต่างๆ ตกแต่งเป็นส่วนประกอบได้อย่างกลมกลืน

ส่วนการตกแต่งแท่นบูชาและบริเวณที่ทำพิธีรอบแท่นบูชา เป็นผลงานของโยฮันน์ แบ็พทิสต์ สตรอบ (Johann Baptist Straub) เรียกได้ว่าเป็นไปตามคอนเซ็ปของศิลปะแบบบาร็อก ใครได้มาเห็นรับรองต้องตะลึงทุกคนอย่างแน่นอน

สำนักสงฆ์แห่งนี้ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 - 18.00 น. ยกเว้นช่วงประกอบพิธีกรรมจะห้ามเข้า และไม่เสียค่าเข้าชมแต่อย่างใด

เวปไซท์ของสำนักสงห์เอ็ททาล http://abtei.kloster-ettal.de/

ซุ้มประตูทางเข้าสำนักสงฆ์

หอคอยคู่ทั้งซ้ายและขวา ถูกสร้างคนละสไตล์และคนละช่วงเวลากัน จึงทำให้มีลักษณะต่างกัน

วัดได้รับความเสียหายมากระหว่างการปฏิรูปศาสนา แต่รอดจากการถูกทำลายระหว่างสงคราม 30 ปี (Thirty Years' War)

สำนักสงฆ์เอ็ททาล (Ettal Abbey) วัดเบ็นเนดิคตินที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในบริเวณเชิงเทือกเขาแอลป์ ในแถบบาวาเรีย

ตามไปเที่ยวชมโบสถ์ต่อครับบบ สวยมากเลย......

ลักษณะเด่นของภาพเขียนภายในโดมสองชั้น ผลงานของ โจเซฟ ชมุทเซอร์ (Josef Schmutzer)

ภาพเขียนบนเพดาน

แท่นบูชาภายในโดมอันโอ่อ่า

ยืนตะลึงไปชั่วขณะทุกครั้งเมื่อเข้ามาชมโบสถ์ในยุโรป

ตกแต่งได้สวยงามเกินคำบรรยาย

cc7

cc8

cc9

dd1

dd2

dd3

dd4

dd5

dd6

dd7

dd8

ออกจากสำนักสงฆ์เอ็ททาล พวกเราไปเที่ยวต่อกันที่โบสถ์วีส์ (Wieskirche) ครับ

ภาพตัวโบสถ์วีส์ ถ่ายจากทุ่งนาทางด้านหลัง (ด้านหน้าย้อนแสงครับ)

โบสถ์วีส์ หรือ โบสถ์แสวงบุญวีส์ (ภาษาอังกฤษ: Wies church หรือ Pilgrimage Church of Wies; ภาษาเยอรมนี: Wieskirche หรือ Pfaffenwinkel) ตั้งอยู่ในเมืองโชนเกา อยู่บริเวณเชิงเทือกเขาแอลป์ ใกล้เมืองชไตนการ์เด็น (Steingaden) ในสหพันธรัฐบาเยิร์น ทางใต้ของประเทศเยอรมนี

ภาพหอคอยประจำโบสถ์วีส์ (Wieskirche) กับใบไม้เลี่ยนสีสีเหลืองทอง บรรยากาสเข้ากันอย่างลงตัว

ประวัติ
วันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 1783 เป็นวันแรก ที่มีคำกล่าวอ้างว่า ประชาชนได้เห็นน้ำพระเนตร หลั่งจากพระเนตรของรูปไม้กางเขนแกะสลักไม้ของพระเยซู หรือที่เรียกกันว่าพระมหาไถ่ถูกเฆี่ยน (Scourged Saviour) เรื่องเล่าแห่งปาฏิหาริย์ในครั้งนั้น เป็นเหตุให้มีนักแสวงบุญเดินทางไปจารึกบุญ เยี่ยมชม และอธิษฐานขอพรจากรูปแกะสลักพระเยซูอย่างมากมาย ด้วยความเชื่อที่ว่ารูปแกะสลักนี้สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ในปีค.ศ. 1740 ได้จัดสร้างชาเปลขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานรูปแกะสลักนี้โดยเฉพาะ แต่เนื่องด้วยขนาดของอาคารที่เล็กเกินกว่าที่จะรองรับจำนวนของนักแสวงบุญที่เดินทางมาจารึกบุญ จึงได้มีการตัดสินใจสร้างโบสถ์วีส์แห่งนี้ขึ้น (ข้อมูลอ้างอิงจาก Wikipedia ครับ)

ภาพบรรยากาศภายในตัวโบสถ์

รู้สึกประทับใจโบสถ์วีส์มากๆครับ เพราะโบสถ์นี้อยู่กลางทุ่งนาเลย วิวด้านหลังโบสถ์สวยงามเชียวครับ เป็นบ้านชาวไร่ มีทุ่งหญ้าเลี้ยงวัว และเทือกเขา

โบสถ์วีส์ ได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในปีค.ศ. 1983 จากนั้นได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในช่วงระหว่าง ค.ศ. 1985 - ค.ศ. 1991

การตกแต่งภายในออกแบบโดย โดมินิคุส ซิมเมอร์มันน์ ผู้เป็นศิลปินสำคัญของสมัยศิลปะโรโคโค และถือกันว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปินท่านนี้ โดมินิคุส ซิมเมอร์มันน์ได้ทุ่มเทสร้างโบสถ์แห่งนี้ เป็นเวลา 11 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ 1745 จนถึงปี ค.ศ. 1754 ก่อนที่จะเสียชีวิตลง

ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ก็มีข่าวลือว่าทางรัฐบาวาเรียจะขายหรือทุบวัดทิ้งระหว่างสมัยการปฏิรูปที่ดิน ที่โบสถ์รอดมาได้ก็เพราะการประท้วงจากชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนั้น แต่หลักฐานเท่าที่หลงเหลืออยู่พบว่าคณะกรรมการผู้พิจารณาการยุบอารามตั้งใจจะรักษาเอาวัดแสวงบุญนี้ไว้แม้ว่าแอบบอตของแอบบีไสตน์การ์เดนจะประท้วงเรื่องค่าใช้จ่ายก็ตาม

ในช่วงเดือนพฤษภาคม - เดือนกันยายน ของทุกปี จะมีการจัดแสดงดนตรีคลาสสิก ที่โบสถ์วีส์ เป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการเยี่ยมชนโบสถ์แห่งนี้

แท่นบูชา

ศิลปะการตกแต่งของเค้าทำได้งามจริงๆ

ไม้กางเขนที่ห้อยลงมาจากเพดานด้านบนงดงามมากๆครับ

เพื่อนๆที่ไปเที่ยวแคว้นบาวาเรีย อย่าลืมแวะเที่ยวโบสถ์มรดกโลกแห่งนี้ร่ะครับ

ff5

ff6

ff7

ff8

ff9

gg1

gg2

gg3

gg4

ขอปิดท้ายรีวิวด้วยภาพ ใบไม้สีเหลืองทองกับยอดหอคอยโบสถ์วีส์ครับ  

ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่เข้ามาและชมรีวิว และแสดงความคิดเห็นครับ

คุณ สายลมแห่งวิงค์ ................. ขอบคุณครับที่เข้ามาเที่ยวเป็นเพื่อน

งดงามมากเลยครับ ดีใจที่ได้ดูพรีวิวก่อนไปเที่ยวจริง แต่ฝีมือถ่ายรูปคงทาบไม่ติดอ่ะครับ  สงสัยนิดนึงครับ ว่าภาพเหล่านี้HDRมารึเปล่าครับ หรือเป็นสีธรรมชาติจากกล้องครับ

อากาศดี. ภาพงามมาก
ในโบสถ์อลังการมาก. เสียดายไม่ได้แวะชม

คุณช้างน้อย mordek1.  ย้ายค่ายมาเล่นหนอนเถอะ
เห็นภาพพี่จิโร่แล้ว กิเลสจับจริงๆ

ขอติดตามแก้งค์นี้ เที่ยวด้วยคน


วัยเกือบๆทันรุ่นๆกัน...แหะ แหะ


ถ่ายภาพชัด+สวยมากๆคะ

สวยมาก ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ  แอบไปติดตามกระทู้เดิมมาด้วย ละเอียดยิบเลย  ภาพปราสาทนอยส์จากกระทู้ก่อนนั้นเป็นปราสาทนอยส์ที่สวยที่สุดเท่าเคยเห็นภาพถ่ายมาเลยค่ะ

ไว้ปีหน้าจะไปเที่ยวตามรอยค่ะ

แวะมาชมครับ ขอตามไปเที่ยวด้วยคน

ภาพสวยมากๆ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

สวยมากๆ ค่ะ ประเทศนี้เห็นอยากไปทุกที 

คุณพี่ฟองสบู่ครับ  ผมไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนค่ายแล้วจะสวยเหมือนของคุณพี่จิโร่สิครับ มันอยู่ที่ฝีมือด้วยครับ อิอิ  
แต่ดูรีวิวของคุณพี่แล้วทำให้เกิดความลังเลว่าเราไปถูกฤดูกาลรึเปล่า คงไม่ได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆเหมือนของพี่เค้าอ่ะครับ

คุณ mordek1 สวัสดีตอนเช้าครับ

แหมรูปของคุณ mordek1 ก็สวยครับ ได้เข้าไปชมกระทู้เขาใหญ่มาแล้ว คุณ mordek1 ใช้นิคอนใช่ไหมครับ สีสรรจะสดใสกว่าหนอนน่ะครับ ของผมเวลาถ่ายภาพวิวเลยต้องปรับเป็นโหมด Landscape อ่ะครับ และถ้าเจอฟ้าเปิดเมื่อไหร่ก็จะใส่ CPL ฟิลเตอร์ช่วยด้วย ไม่งั้นสีสู้นิคอนไม่ได้ครับ รวมถึงถ่ายคนด้วยผมก็ใช้โหมด Landscape เหมือนกัน เพราะขี้เกิยจปรับกลับไปมาครับ

เกี่ยวกับเรื่อง HDR ไม่ทราบว่าหมายถึงว่า เราถ่ายมาหลายๆรูปด้วยความไวซัตเตอร์ที่ที่แตกต่างกัน แล้วนำมาให้ คอมพิวเตอร์รวมเป็นรูปเดียวให้ใช่ไหมครับ บอกตามตรงว่าเวลาไปเที่ยวไม่มีเวลามานั่งคิดหรือว่าทำแบบนั้นได้อ่ะครับ เพราะต้องรีบถ่ายรูปให้เพื่อนๆด้วย คือไม่มีสมาธิมานั่งทำแบบนั้นได้อ่ะครับ ขนาดถ่ายมาหลายๆรูปเพื่อมาทำเป็นภาพพาโนราม่ายังขี้เกียจทำเลยครับ

การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยก็ทำบ้างครับ เช่นรูปที่ถ่ายมาแล้วมันมืดไปเราก็ปรับส่วนมืดให้สว่างขึ้น หรือว่ารูปที่ถ่ายมามันมีส่วนที่รกรุงรัง เราก็นำมา ครอป ส่วนที่ไม่ต้องการออกไปน่ะครับ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ทำกันอยู่ครับ

ขอบคุณมากครับที่เข้ามาเที่ยวและแชร์ประสบการณ์

คุณ ฟองสบู่ ..............ไม่ได้แวะท้งสองโบสถ์เลยเหรอครับ เสียดายแทนเหมือนกัน ผมเองตั้งใจไปแวะแค่สำนักสงฆ์เอ็ททาลที่เดียว ส่วนโบสถ์วีส์ ไกด์พาไปแวะครับ

คุณแมงซุ่มมืด......................  ขอบคุณและยินดีรับเข้าแกงค์ สว ครับ ขาชอบเที่ยวเหมือนกัน อิอิ

คุณ ฮิวเยียก ..................ขอบคุณมากครับที่คอยติดตามรีวิวครับ ยินดีครับตามรอยได้เลย เยอรมันน่าเที่ยวมากๆครับ

คุณ กัปตันลูกชุบ.................... ยินดีเช่นกันครับ

คุณ.Bpearl.............. ยืนยันว่าเยอรมันน่าเที่ยวมากๆครับ ยิ่งออกไปตามชนบทเมืองน่ารักเยอะมากครับ

วิวด้านหลังโบสถ์สวยงามมาก อยากมีบ้านอยู่กลางทุ่งนาแบบนี้สักหลังไว้อยู่ตอนแก่

ดูสวยอลังการณ์มากเลยครับ

ทั้งธรรมชาติและงานประดิษฐ์จากฝีมือมนุษย์สวยงามมากจริงๆ
ขอบคุณอีกครั้งเลยค่า

สวยงามมากเลยครับ  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ

งดงามมากครับ  
ขอเก็บไปฝันนะครับสำหรับทริปสวยๆแบบนี้
นายแบบนางแบบลัลล้ากันมากๆ

งดงามอลังการมากครับ สุดยอดเลย ^^

สวยสุดๆเลยครับ

คุณCoffee Blended ............ คิดเหมือนกันเลยครับ คงมีความสุขไม่น้อยถ้าได้มีบ้านแบบนี้สักหลังน่ะครับ

คุณ Destiny-Boy ..............โบสถ์ทั้งสองสวยมีเสน่ห์มากๆครับ ถ้ามีโอกาสไปแถวนั้นอย่าลืมแวะเข้าไปเที่ยวน่ะครับ

คุณ teddy bear in the box ................เป็นความงดงามที่ลงตัวของธรรมชาติกับสิ่งก่อสร้างน่ะครับ ขอบคุณที่เข้ามาเที่ยวครับ

คุณ เล็กทาโร่ ...............ยินดีครับ

คุณ ลุงแบกเป้................ ขอบคุณครับที่มาให้กำลังใจ

คุณ แมลงภู่บนหูกระต่าย .................ขอบคุณครับที่เข้ามาเที่ยวด้วยกัน

คุณพญาปลวก ..................ขอบคุณที่เข้ามาเที่ยวครับ

สวยมากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^

ชอบภาพเขียนในโบสถ์จังค่ะคุณจิโร่ ^_^

คุณ สามแซ่ ..............ขอบคุณเช่นกันครับที่แวะมาเที่ยว

คุณ kungtalay ............... เข้าโบสถ์ในยุโรปเมื่อไหร่ จะเกิดความรู้สึกตะลึงไปกับความงดงามวิจิตรบรรจงของศิลปะแบบนี้ครับ ชมได้แบบไม่มีเบื่อ ขอบคุณครับที่มาให้กำลังใจ

รูปสวยจริงๆ ค่ะ เมืองก็น่าไป ที่สำคัญนางแบบทริปนี้สวยมากเหมือนเดินอยู่บนแคทวอล์คเลยค่ะ อิอิ

ตามมาเที่ยวช้าอีกแล้ว
นางแบบสวยมากๆ ค่ะ

ใบไม้เปลี่ยนสี ชมกี่ทีไม่มีเบื่อเลยค่ะ

ตามมาเที่ยวช้าไปหน่อยนะครับ

สวยงามเช่นเคยเลย

สวัสดีปีใหม่ครับ เพื่อนๆทุกคน

คุณ KanYn............ ขอบคุณแทนนางแบบด้วยครับ

คุณ สาวหน้าใส ........... ไม่ช้าหรอกครับ ยินดีครับ

คุณ SOYU_K ............. เป็นฤดูที่พวกเราชื่นชอบกัน

คุณ Koon Shy_Tour Dee .............. ขอบคุณมากครับที่มาเที่ยว