สวัสดีค่ะ ^_^

คราวที่แล้ว Kungtalay มาถึง Miyama-cho แต่พวกเรายังไม่ได้แวะมาที่หมู่บ้านโบราณกันเลย

เพราะที่พักที่เราพักอยู่แถว Ono Dam ซึ่งค่อนข้างไกลจากหมู่บ้านโบราณพอสมควร

ตอนนี้รู้สึกตื่นเต้นจังค่ะ เพราะจะได้เห็นหมู่บ้านในฝันซักที ^_^

>o>0> โปรแกรมวันนี้ เริ่มต้นด้วยการเที่ยวชมตลาดเช้า จากนั้นก็ไปหมู่บ้านโบราณ ต่อด้วยเขื่อน Ono Dam Park

ท้ายสุดเราจะแวะหาของอร่อยกินที่ตลาด Nishiki กันค่ะ >o>0>

หมายเหตุ : Oono Dam Park กับ Ono Dam Park  คือ เที่ยวเดียวกันค่ะ แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมจึงเขียนต่างกัน

เรื่องราวก่อนหน้านี้ :

Sakura @ Kansai ในวันที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10469577/E10469577.html

+.+.+ Kyoto : Arashiyama & Sagano Area +.+.+
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10478371/E10478371.html

+.+.+ Kyoto : Shirakawa canal & Chion-in Temple & Maruyama park & Gion District +.+.+
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10489412/E10489412.html

+.+.+ Kyoto...Toji Temple & Daigoji Temple +.+.+
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10505599/E10505599.html

+.+.+ Kyoto : Ginkakuji Temple & Path of Philosophy & Nanzenji Temple & Keage Incline +.+.+
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10536398/E10536398.html

+.+. + Kyoto : Ryoanji Temple & Ninnaji Temple & Daikakuji Temple & Hirano Shrine +.+.+
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11450167/E11450167.html

+.+.+ Kyoto ขี่จักรยานชมซากุระริมแม่น้ำ Kamo ลองซักครั้งแล้วจะติดใจ +.+.+
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11457857/E11457857.html

+.+.+ Kyoto : รีวิวเลือกที่พักในเกียวโต >>>>>> Kyotokko Hostel และ Guest House Bon +.+.+
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11465251/E11465251.html

+.+.+ Kyoto : เส้นทางสายซากุระ สู่หมู่บ้านโบราณ Miyama-Cho ……ตอน เมื่อจุดหมายมิใช่ปลายทาง +.+.+
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11476017/E11476017.html

ก่อนไปเที่ยวหมู่บ้านโบราณ เรามาทำความรู้จัก Miyama-cho กันซักนิดนะคะ เพราะตอนที่แล้ว Kung ไม่ได้กล่าวถึงเลย

เกียวโต แบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ Tango, Tamba, Kyoto City และ Yamashiro

โดยพื้นที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่คนรู้จักจะอยู่ในส่วนที่เรียกว่า Kyoto City

สำหรับ Miyama-cho นั้นตั้งอยู่ในส่วนที่เรียกว่า Tamba ซึ่งเป็นพื้นที่ตอนกลางของเกียวโต

http://www.kyoto-kankou.or.jp/english/

ถ้ามองกันให้ละเอียดลงไปอีกจะเห็นว่าในส่วนของ Tamba ยังแบ่งย่อยๆ ออกเป็น 5 ส่วน

โดย Miyama-cho จะอยู่ในส่วนที่เรียกว่า Nantan City

จาก Kyoto City มา Miyama-cho ถ้านั่งรถไฟก็ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

สำหรับชื่อเรียกหน่วยย่อยของพื้นที่ต่างๆในภาษาไทย Kung เองก็ไม่รู้ว่าเค้าเรียกว่าอะไร

ถ้าเพื่อนๆท่านใดพอมีความรู้เสริมได้เลยนะคะ  ^_^

http://www.kyoto-kankou.or.jp/english/tamba/

Kayabukino Sato คือ ชื่อเรียกหมู่บ้านโบราณ ในคู่มือท่องเที่ยวเกียวโตที่แจกในกรุงเทพ

ขณะที่เมื่อไปถึงหมู่บ้านนี้เค้าเรียกว่า หมู่บ้าน Kitamura

แต่ยังไงก็ตามสองชื่อนี้ก็คือ สถานที่เดียวกัน และเท่าที่พอทราบ

Kayabuki หมายถึง มุงหลังคา และ  sato คือ หมู่บ้าน ค่ะ ^_^

Kayabukino Sato จะอยู่ตรงหมายเลข 25

ส่วนที่พักของเรา Miyama Himat YH จะอยู่ตรงหมายเลข 20

จากภาพ : แผนที่ของ Miyama-cho

http://www.miyamanavi.net/access/mapmiyamaen.html

พอเห็นภาพกันคร่าวๆ แล้วใช่มั้ยค่ะ ว่า

Kayabukino Sato หรือหมู่บ้าน Kitamura ที่เรากำลังจะไปนั้นอยู่ส่วนไหนของเกียวโต ^_^

Day 8 (15 April 2011) 

ก่อนถึงเวลานัดกับสามีคุณ Michie เรายังพอมีเวลาเดินเล่นรอบๆ บ้าน

Kung เพิ่งเห็นว่าตรงรั้วเล็กๆ มีกระถางไม้ดอก ต้นเล็ก อยู่หลายต้น

ทำให้บรรยากาศของที่นี่ดูเหมือนบ้านมากกว่า Youth Hostel

หลังจากเพื่อนสาวของ Kung เดินไปที่ข้างๆบ้าน ซึ่งเป็นที่พักของคุณ Michie

เธอหันมาสะกิดแล้วพูดว่า “ Kung มาดูหัวหอมของที่นี่สิ หัวใหญ่มากเลย”

Kung จึงสอบถามคุณ Michie เธอบอกว่านี่เป็นวิธีการถนอมอาหารให้อยู่นานๆ

เช้านี้เราไม่ได้สั่งอาหารกับที่พัก เพราะเอาของมากินเอง มีทั้งขนมปัง และก็มาม่า

กะว่าจะลวกกินร้อนๆ แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะที่นี่ไม่ให้ใช้อุปกรณ์เครื่องครัวเลย

ก็แค่น้ำร้อนที่จะชงกินกับกาแฟในตอนเช้ายังต้องไปขอกับสามี คุณ Michie

 ซึ่งก็ทำให้พวกเราอึดอัดเหมือนกัน

ตอนตกลงกับสามีคุณ Michie เราขอให้พาไป Morigni Market 

แต่คงจะสื่อสารกันผิดหรือว่าตลาดนี้ไม่เปิดก็ไม่รู้

สามีคุณ Michie จึงพาพวกเราไปร้านขายของชำ

Morigni Market  http://www.miyamanavi.net/eventy/eventyearen.html

นี่ไง …

มองไปมองมาเลยได้สาเกมา 1 ขวด (400 yen)

พวกเราใช้เวลาอยู่ในร้านขายของชำ 10 กว่านาที

จากนั้นจึงเดินทางต่อไป  เส้นทางในช่วงนี้มีซากุระน้อยกว่าแถวๆเขื่อนอย่างเห็นได้ชัด

ถนนที่รถวิ่งผ่านเริ่มสูงขึ้น คล้ายๆกับการขับรถขึ้นเขา ช่วงนี้เองที่เราเริ่มเห็นต้นสนมากขึ้น

จำได้ว่าตอนที่หาข้อมูลเที่ยว Miyama-cho มีเพียงพี่เม๋อ (TKT) เท่านั้นที่ Post ข้อมูลหมู่บ้านโบราณแห่งนี้

เส้นทางการเดินทางของพี่เม๋อ จะค่อนข้างแตกต่างกับที่เราเดินทางมา

จนทำให้ในตอนที่คุณ Michie บอกวิธีเดินทางมายังที่พัก เราต้องย้ำกับเค้าหลายๆครั้ง

คราวนี้เราเลยเพิ่งเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง เพราะที่พักเราไม่ได้อยู่ใน Kayabukino Sato (หมู่บ้าน Kitamura)

สามีคุณ Michie ถึงแม้จะเป็นคนค่อนข้างขี้เหนียว แต่แกก็มีใจบริการ

ระหว่างทางที่ขับรถ จะพยายามอธิบายข้อมูลต่างๆให้เราฟังอยู่ตลอดเวลา

พอถึงจุดสำคัญสามีคุณ Michie ก็จอดรถให้พวกเราถ่ายรูปกับเจ้าตัวการ์ตูน

ซึ่งจัดทำขึ้นในงานอะไรซักอย่าง ซึ่งตอนนี้ Kung ก็จำไม่ได้แล้วแล้วซิ >_<

ขับรถมาได้หน่อย คุณ Michie ก็แวะจอดที่ ร้าน Furatto Miyama

http://www.cans.zaq.ne.jp/fmiyama/

ภายในร้านมีอาหารสด อาหารแห้ง และของฝาก

อาหารที่ทำขายเป็นกล่องๆก็ดูน่ากินทีเดียว อาจเป็นเพราะว่าตอนนี้ยังเช้าอยู่ก็ได้

ตอนแรกกะจะซื้อไปกินเป็นมื้อเที่ยง  แต่นึกยังไงก็ไม่รู้ไม่ยอมซื้อ

เพราะคิดว่า เดี๋ยวขากลับค่อยแวะมาใหม่ก็ได้

ที่นี่มีงานที่ทำจากฝีมือเยอะเหมือนกัน ของฝากแต่ละชิ้นราคาก็ไม่สูงนัก
บางชิ้นแค่ 120 yen ก็ซื้อได้แล้ว

ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่คาดว่าเป็นของสดๆที่มาจากฟาร์มโดยตรง เพราะเท่าที่อ่านข้อมูล  แถวนี้มีฟาร์มอยู่หลายที่เหมือนกัน

ที่ญี่ปุ่นนี่อะไรก็น่ารัก ดูสิแม้กระทั้งที่แผงที่วางกั้นบนถนนยังเคโระ เลย

9.44 น. ก็มาถึง Kayabukino Sato (หมู่บ้าน Kitamura)ที่เราฝันซะที

ครั้งแรกที่เห็นไกลๆ มันสวยน้อยกว่าที่คิด

ส่วนหนึ่งเพราะภูเขาที่อยู่โอบล้อมหมู่บ้านมันดูโล้นๆ  ต้นไม้ไม่เขียวชอุ่ม อย่างที่คิด

มองดูแล้วตอนนี้ภูเขาที่อยู่ตรงหน้า มันช่างตรงกันข้ามกับ คำว่า miyama ซึ่งหมายถึง “ภูเขาสวย”  ซะจริง

http://www.kayabukinosato.com/

จากที่จุดจอดรถเดินมาหน่อยเดียวก็เห็นแผนที่ไม้อันใหญ่ แม้จะอ่านไม่ออก แต่ก็ชอบวิธีที่เค้าทำแผนที่นี้

นำไม้มาทำประกอบเป็นบ้านหลังเล็กๆ แล้วนำมาวางบนกระดานไม้ผืนใหญ่ เพื่อแสดงตำแหน่งของบ้าน

มองกี่ที ก็น่ารัก เห็นอย่างนี้ อดชื่นชมไม้ได้ เพราะมันดูดีจริงๆเลย

ส่วนเก้าอี้นั่งซึ่งตั้งอยู่ริมถนน ก็ทำได้ดีไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน

แค่เอาขอนไม้มาวางหัวท้าย แล้วเอาไม้แผ่นยาวๆมาวางทาบไว้

เท่านี้ก็นั่งได้แล้ว ไม่ต้องซื้อเก้าอี้มาจัดวางให้สิ้นเปลือง

แถมยังดูดีอีกต่างหาก ว่ามั้ย ?

ป้ายรถเมล์หน้า Kayabukino Sato (หมู่บ้าน Kitamura)

คิดว่าป้ายรถเมล์นี้น่าจะชื่อว่า Kita Bus Stop นะคะ

ตอนนี้หน้าหมู่บ้านมีฟางข้าวมัดเป็นท่อนๆ คล้ายๆไม้กวาดแข็งที่บ้านเรา

จากนั้นก็เอามาตั้งสุมกันเป็นทรงสามเหลี่ยม ตั้งอยู่หน้าหมู่บ้านบริเวณทางเข้า

Kung จำได้ว่าเคยเห็นบริเวณนี้ตอนเป็นต้นข้าวสีเขียว สวยอย่าบอกใคร

บริเวณทางเข้าหมู่บ้านมีแผนที่แสดงสถานที่สำคัญภายในหมู่บ้าน เท่าที่เห็นที่นี่ก็มีแผนที่อยู่ค่อนข้างเยอะ

แต่ยังไม่มีแผนที่อันไหนที่มีภาษาอังกฤษเลย

Miyama-cho มีบ้านที่หลังคาทำจากฟาง ถึง 250 หลัง ซึ่งถือว่ามากที่สุดในญี่ปุ่น

แต่คนส่วนใหญ่พอพูดถึงหลังคาบ้านแบบนี้ก็จะนึกถึง Shirakawa-go

http://www.pref.kyoto.jp/visitkyoto/en/theme/sites/traditional_buil/kayabuki/

หลังคาบ้านที่ทำจากฟางของหมู่บ้านนี้ได้ขึ้นทะเบียน Important Architectural Heritage Site

นี่ไง ภาพแบบที่ kung เห็นในคู่มือแนะนำท่องเที่ยวของเกียวโต ที่เป็นแรงบันดาลใจให้มาที่นี่

ตู้ไปรษณีย์สีแดง ช่วยเพิ่มสีสันให้กับบ้านสีทึมๆให้ดูเด่นสะดุดตา

ถ้าถามว่ามุมไหนของหมู่บ้านนี้สวยสุด  Kung ขอยกนิ้วให้มุมนี้เลยค่ะ

สวยมากเลยครับบบบ..................

หมู่บ้านในฝันจริงๆ ^^b

สวยมากกกกกก  ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

.. ตามมาชมครับ  .. หมู่บ้านนี้น่ารักน่าชมมากเลยครับ .. เมอร์รี่คริสมาสต์และสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าครับคุณกุ้ง ..

หมู่บ้านแห่งเทพนิยายเลยครับแบบนี้

ตามมาเที่ยวด้วยคนครับ ข้อมุลดีมากเลย  ตามลอยได้เลยนะครับ

ตามไปเที่ยวด้วยคนจ้า

น่าไปท่องเที่ยวมากเลยค่ะ ขอตามไปด้วยค่ะ

หมู่บ้าน Kitamura น่ารักเหมือนบ้านตุ๊กตาเลยนะครับ
ลุงเคยเห็นภาพที่เป็นช่วงมีหิมะปกคลุมสวยงามมากๆ
คิดว่าอยากมีโอกาสไปเยือนสักครั้งครับ

ตามมาเที่ยวต่อค่ะ ช่วงนี้กิ๊ฟหมดแจกเป็น  แทนนะคะ

บรรยากาศดีมากครับ ชนบทญี่ปุ่นสุดยอด !

น่าไปเที่ยวมากครับ ผมละชอบบรรยากาศแบบนี้จริง อยากไปปั่่นจักรยานเที่ยวให้ทั่วหมู่บ้านเลย

สวยจังค่ะ ชอบที่กันทางเคโร๊ะ จังเห็นแล้วรีบแค่ไหนก็คงอดยิ้มอารมณ์ดีตามไปด้วยไม่ได้
รอชมต่อนะคะ เป็นหมู่บ้านที่น่าสนใจ ยังไม่เคยเห็นรีวิว หมู่บ้านนี้เลยน่ะค่ะ

ยิ่งเดินก็ยิ่งเงียบ ตอนนี้แทบไม่มีนักท่องเที่ยวให้เห็นเลย

หรือเพราะว่าวันนี้เป็นวันธรรมดา (วันศุกร์)

จากภาพ : Jizo-bon

ในหมู่บ้านแห่งจะมีบ้านเล็กๆ ขนาดย่อส่วน เหมือนบ้านตุ๊กตา

ตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ ตั้งแต่หน้าหมู่บ้าน บางทีก็ตั้งอยู่หน้าบ้าน หรือบางทีก็ตั้งไว้มุมถนน

คาดว่าคงทำเป็นสัญลักษณ์อะไรสักอย่าง แต่ดูแล้วน่ารักดี

Kayabukino Sato (หมู่บ้าน Kitamura) มีบ้านทั้งหมด 50 หลัง

โดยมีเพียง 32 หลัง (บางแห่งก็บอกว่า 38 หลัง) เป็นที่หลังคาบ้านทำจากฟาง

เคยอ่านเจอว่าบ้านหลังที่เก่าแก่ที่สุดสร้างขึ้นในปี 1796 แต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนเหมือนกัน

บนหลังคาบ้านที่ Kayabukino Sato (หมู่บ้าน Kitamura)

จะนำไม้มาประดับเพิ่มเติม ทำให้หลังคาบ้านที่นี่ดูอ่อนหวาน

ซึ่งแตกต่างจาก shirakawa-go ที่บนหลังคาบ้านไม่มีลวดลายอะไรเลย

ถ้าจะเปรียบความงดงามของหลังคาหมู่บ้าน

Kayabukino Sato เหมือนดังผู้หญิง ขณะที่ Shirakawa-go ก็เหมือนผู้ชาย

ส่วนทางเดินของหมู่บ้านนี้บางช่วงก็จะค่อยๆสูงขึ้น  จนบางครั้งรู้สึกเหมือนกำลังเดินขึ้นเขา

คาดว่าคนอยู่หมู่บ้านนี้คงหุ่นดี เพราะต้องเดินขึ้น เดินลง อยู่ทุกวัน ^_^

กว่าจะสร้างหลังคาแบบนี้ก็ค่อนข้างสิ้นเปลือง ต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก 

จึงต้องมีการดูแลอย่างดี ระบบป้องกันอัคคีภัยจึงค่อนข้างจำเป็น

เพราะหลังคาที่ทำจากวัสดุธรรมชาติค่อนข้างเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี

ในฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง จึงมี Kayabuki Hosuiju Kunren

คือ การฉีดน้ำไปทั่วทั้งหมู่บ้าน เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัย ใครมาช่วงนี้คงสวยน่าดู

สำหรับปีนี้ที่อ่านข่าวเจอ เค้าบอกว่าในฤดูใบไม้ผลิ มีงานในวันที่ 23 พ.ค.

http://www.japantravelinfo.com/partners/features_item.php?featuresid=235&news

http://www.kyoto-kankou.or.jp/english/tamba/spot07.html

พวกเราเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอพิพิธภัณฑ์ Indigo

อยากไปเข้าไปดู แต่ทำไม่ได้ เพราะวันนี้เค้าปิด (ปิดวันพฤหัสบดี และวันศุกร์)

เวลาทำการ http://www.kyoto-kankou.or.jp/english/tamba/spot04.html

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.wabei-mono.com/blog/2010/03/09/the-little-indigo-museum/

ตอนนี้ทำได้อย่างเดียว คือ ยืนดูป้ายบริเวณทางเข้า

ในหมู่บ้านยังมีพิพิธภัณฑ์ อายุ 200 ปี ชื่อ Folklore Museum

ใครสนใจอย่าไปวันจันทร์ เพราะเค้าปิด

ส่วนเราตอนไปเดินไปเรื่อยๆ ไม่ได้ดูแผนที่ เลยพลาดอย่างแรง

ภายในหมู่บ้านมีท่อน้ำทิ้งอยู่เป็นระยะ แต่แหม …

ด้วยความสูงต่ำของพื้นที่ ทำให้บางครั้งเหมือนเราเดินอยู่บนหลังคาบ้านเลย
ถูกใจจริงๆ ที่ได้เห็นคลังคาบ้านแบบใกล้ชิด

เห็นเป็นหมู่บ้านโบราณ แต่ก็มีกระจกตั้งไว้ตามแยก เพราะที่นี่เค้าก็มีรถเหมือนกัน

ไม่น่าเชื่อหมู่บ้านเล็กๆ แต่มีศาลเจ้า 3 แห่ง และวัดอีก 1 แห่ง

Kung ว่าถ้าอยากไปเที่ยว Shirakawa-go แต่มีงบน้อย หมู่บ้านแห่งนี้ก็น่าสนใจ

อยากเที่ยวแบบไปกลับก็มีทัวร์ราคาถูก แค่ 2,000 yen (ไม่รวมอาหาร) ก็ไปได้แล้ว ใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมง ครึ่ง

แต่ก่อนไปเช็คข้อมูลก่อนนะคะ ว่าทัวร์จัดช่วงใดบ้าง อีกอย่างราคาแต่ละช่วงก็ไม่เท่ากัน

ที่สำคัญบางแห่งถ้าคนไม่ถึง 10 คน ก็งดโปรแกรมในวันนั้น

Keihan Kyoto Kotsu Bus  

http://www.greentour-kyoto.net/kyoto/close-to-nature-miyama/

http://www.keihankyotokotsu.jp/

ท่านใดอ่านภาษาญี่ปุ่นได้ web นี้เลยค่ะ 

http://www.kyoto-okoshiyasu.com/play/PlanIntroduce06.aspx?supid=03K002&introid=00570

สำหรับ Kung ช่วงที่น่าไปเที่ยว Kayabukino Sato (หมู่บ้าน Kitamura) ที่สุด

คือช่วงปลายเดือน ม.ค. ถึง ต้นเดือน ก.พ. เพราะช่วงนั้นมีงาน  Thatched village candle lighting Festival

มีการจุดเทียน และโคมไฟ ท่ามกลางหิมะ ไม่อยากบอกเลยว่ามันสวยมากๆ

http://www.kyoto-kankou.or.jp/english/tamba/spot03.html

ถ้าอยากเห็นวิว Kayabukino Sato (หมู่บ้าน Kitamura)แบบงามๆ ต้องมายืนดูบริเวณสะพานซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหมู่บ้านค่ะ

ไปกันค่ะ ^_^

นี่ไง …

ตรงสะพานที่เราเดินจะมีแม่น้ำ Yura ไหลผ่าน

ก่อนจะกลับก็เพิ่งเห็นนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันค่ะ ท่าทางคงจะมานอนพักที่นี่

รวมแล้วพวกเราเดินที่ Kayabukino Sato (หมู่บ้าน Kitamura) แค่สี่สิบนาทีเอง เร็วกว่าที่คาดไว้ซะอีก

ก่อนกลับก็แวะ Restaurant Kitamura ภายในมีร้านอาหารและของฝาก

ใจจริงก็อยากลองกินอาหารที่นี่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่ว่าตอนนี้เพิ่ง 10.32 น. เอง

อีกอย่าง Kung อยากไปนั่งกินข้าวท่ามกลางซากุระที่ Ono Dam Park มากกว่า ^_^

ของฝากที่นี่ราคาไม่แพง Kung ได้ของชิ้นเล็กชิ้นน้อยติดมือมาหลายชิ้น เหมือนกัน

แต่ที่ Kung ติดใจมากที่สุด เห็นจะเป็นไอศกรีม ที่นี่ เพราะกินคนเดียวตั้ง 2 แท่ง

ขนาดกลับไปนั่งที่รถเตรียมตัวจะเดินทางแล้ว ยังต้องวิ่งกลับไปซื้อใหม่เลย

11 โมง พวกเราก็เดินทางออกจาก Kayabukino Sato ทั้งๆที่ยังไม่อยากไปนัก

Kung ลองต่อลองกับสามีคุณ Michie ว่าขออยู่ต่อโดยจะเพิ่มเงินให้

แต่สามีคุณ Michie บอกว่าเค้าติดธุระ … นึกแล้วก็เสียดาย

เพราะยังไม่ได้ไป Miyamacho Municipal Nature and Culture Village เลย

ก็เมื่อวานกะจะมาแช่ onsen ที่นี่ซะหน่อย แต่ไม่ได้มา 

http://www.pref.kyoto.jp/visitkyoto/en/theme/activities/cultural/crafts/kajikaso/

ระหว่างทางไป Ono Dam Park พวกเราบอกสามีคุณ Michie ช่วยแวะร้านอาหารที่อร่อยๆ เพื่อจะซื้อไปกินที่เขื่อน

สามีคุณ Michie จึงแวะที่ร้านคล้ายๆร้านสะดวกซื้อที่บ้านเรา แต่ของในร้านสู้ที่ร้าน Furatto Miyama ไม่ได้ นึกแล้วก็เสียดายเหมือนกัน

จากภาพ : เยื้องๆฝั่งตรงข้ามร้านสะดวกซื้อ

หลังจากได้ของกินกันมาคนละกล่อง พวกเราก็นั่งรถตรงไปที่เขื่อนทันที

ระหว่างทาง พอมองออกไปแทบอยากจะให้เค้าหยุดจอดรถ เพราะวิวสวยมากๆ โดยเฉพาะน้ำในทะเลสาบสีสวยจริงๆ

นี่ล่ะ มั้งที่ทำให้ Ono Dam Park มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าทะเลสาบสายรุ้ง

ช่วงที่ใกล้ถึง Ono Dam Park จะสวยเป็นพิเศษ เพราะมีซากุระให้เห็นตลอดทาง

เพราะที่นี่มีซากุระถึง 1,000 ต้น

http://www.ohnodam.com/asobu_park.html

Miyama-Cho ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยครับคุณกุ้ง น่าสนใจทีเดียว ขอบคุณมากครับที่พาเที่ยว

ตอนนี้ Give หมดแล้ว ขอขอบคุณเพื่อนๆที่แวะมาทักทายด้วย   นะคะ

คุณสายลมแห่งวิงค์ ... ดูไปเรื่อยๆนะคะ วันนี้สวยทั้งวันเลยค่ะ ^_^

คุณz3th05 ... หมู่บ้านนี้จะสวยสุดๆ ช่วงปลายม.ค. ต้น ก.พ. ค่ะ ถ้าอยากเจอหิมะ มาช่วงนี้เลยค่ะ ^_^

คุณเล็กทาโร่  ... ขอบคุณค่ะ ^_^ แต่ภูกระดึง ของคุณเล็ก ก็งามไม่แพ้กันเลยนะคะ

คุณMRBIG173  ... ขอบคุณค่ะ คุณบิ๊ก ^_^ เมอร์รี่คริสมาสต์และสวัสดีปีใหม่ เช่นเดียวกันค่ะ

หวังว่าปี 55 คุณบิ๊ก จะได้ท่องเที่ยวทั้งปีแบบมีความสุขนะคะ ^_^

คุณDestiny-Boy  ... Kung ว่าที่นี่ถ้ามาถูกเวลา ก็งดงามดังเทพนิยายเลยล่ะค่ะ ^_^

คุณชานมชงเอง ... ขอบคุณที่ตามมาเที่ยวด้วยกันค่ะ ^_^ ยินดีเลยนะคะที่จะตามรอย

แต่ของ Kung อาจจะพลาดหลายแห่ง ถ้าให้ดีลองดูข้อมูลที่แนบมานะคะ

คุณyuechan  ... เชิญเลยจ๊ะ ตอนนี้จะไปเที่ยวเขื่อนต่อแล้ว ^_^

คุณ บัวดินกับกลิ่นขจร ... ใช่ค่ะ ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน ก็มีอะไรให้ดูอยู่เสมอ โดยเฉพาะช่วงซากุระและใบไม้เปลี่ยนสี ^_^

คุณลุงแบกเป้  ... ใช่ค่ะ เหมือนบ้านตุ๊กตาจริงๆ ^_^ เห็นด้วยกับคุณลุงนะคะ ว่าช่วงหิมะปกคลุมที่นี่สวยจริงๆ ^_^

คุณBpearl  ... ขอบคุณค่ะ ^_^ ตอนนี้ Give หมดเหมือนกันให้ แทนเช่นกันค่ะ

คุณrealp**  ... จริงค่ะ ชนบทญี่ปุ่นนี่สุดยอด ถ้าให้ดีหาจักรยานขี่สักคัน เยี่ยมไปเลยค่ะ ^_^

คุณaryan ... เห็นด้วยค่ะ ยังเคยเห็นนักท่องเที่ยวบางคนขี่จักรยานเที่ยวที่ Miyama-cho เลย แต่คนนั้นคงเหนื่อยหน่อย เพราะหนทางที่นี่เป็นทางขึ้นเขา จึงมีขึ้นและมีลง 

คุณลุงหนวด & ต้นอ้อ  ... ชอบเคโร๊ะเหมือนกันเลยค่ะ ขากลับนี่ตั้งใจมองเลยนะคะ เพราะเห็นทีไร ก็ยิ้มทุกที ^_^

 หมู่บ้านนี้น่าสนใจค่ะ เพราะอยู่ไม่ไกลจากเกียวโต แถมมีอะไรให้ทำหลายอย่าง ขนาดตีกอล์ฟ ก็ยังมีเลย

คุณChris Evert  ... ใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ก็สวยนะคะคุณจิโร่ ^_^

Kung ว่าถ้าจะมาชมซากุระที่เขื่อนนี้ นอนพักที่ Miyama-Heimat ก็ดีเหมือนกัน

เพราะอยู่ใกล้ อีกทั้งตอนขามาที่พักนี้ยังมีบริการรับที่สถานี Wachi ฟรีอีกด้วย

แต่ไม่รู้ขากลับ จะต้องนั่งรถเมล์กลับเองหรือเปล่า ? เพราะเค้าไม่ได้บอกไว้

Ono Dam Park นอกจากจะมีซากุระที่ออกดอกงดงามช่วงต้นเดือน เม.ย. ให้ชื่นชมแล้ว

ในฤดูใบไม้ร่วงยังสามารถชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีได้อีกด้วย เพราะที่นี่มีต้นเมเปิ้ลประมาณ 500 ต้น

แต่เท่าที่ดูจากภาพ Kung ว่าที่นี่งดงามที่สุดในยามที่ซากุระผลิบาน

สิ่งที่ kung ชอบเมื่อมาถึง Miyama-cho คือ

ทั้งโต๊ะและเก้าอี้นั่ง ล้วนทำมาจากไม้ ทำให้กลมกลืนกับธรรมชาติเป็นอย่างมาก

ตอนนี้มีเราเพียงสองคน เธอกับฉัน

แม้ว่าเมื่อวานมาเดินแล้ว แต่ความสวยของที่นี่ก็ไม่ได้ลดลง

เพราะซากุระสีขาว สีชมพู ที่ตั้งเรียงรายอยู่อีกฝั่งของทะเลสาบ มันช่างสวยตรึงใจ

เขื่อนกับซากุระก็ว่าสวยแล้ว แต่พอมีศิลปินมานั่งวาดรูป ก็ยิ่งเสริมให้ที่นี่ดูงดงามยิ่งขึ้น

ที่นี่มีเรือพาย และเรือถีบ ให้เช่า หรือกิจกรรมล่องเรือ สำหรับชมความงามภายในเขื่อน

สีของน้ำแถวๆเขื่อนออกสีเขียวเข้ม … Kung ชอบมากเลย ^_^

ยืนๆอยู่แทบกรี๊ด … เพราะซากุระที่ล่วงอยู่ข้างหน้า ช่างงดงามราวกับหิมะตก

*

*

ที่นี่ยังมีเครื่องเล่น ใครที่มากับลูกหรือหลาน คงได้ใช้บริการ

คุณสามี แม้จะไม่ใช่เด็ก แต่ก็อดไม้ได้ ขอเล่นด้วยคน

เป็นเครื่องเล่นที่วิวสวยสุดๆ

หลายคนนิยมมา Hanami กันที่นี่

เสียดายมาช้าไปนิด เลยไม่ได้เห็นงานออกร้าน

http://www.ohnodam.com/miru_sakura.html

http://www.kyoto-kankou.or.jp/english/tamba/spot02.html

http://www.japantravelinfo.com/partners/features_item.php?featuresid=235&news=

ไม่ว่าจะมองไปมุมไหน บอกได้คำเดียว “สวยจริงๆ”

Kung ชอบมากเลย กับการเดินชมซากุระที่เขื่อนแห่งนี้

ชอบบันไดที่ทำมาจากธรรมชาติ

นึกแล้วเสียดายที่มีเวลากับที่นี่น้อยเกินไป

แต่ก็เป็น 23 นาทีแห่งความทรงจำ นึกถึงทีไร สุขใจทุกที ^_^

ต้องกลับแล้วล่ะ เพราะนี่ได้เวลานัดแล้ว

เดินกลับมาที่จุดนัดหมาย เห็นรุ่นพี่กับเพื่อนนั่งรออยู่แล้ว

สถานี Wachi แม้จะเป็นสถานีเล็กๆ แต่ก็มีร้านกาแฟภายในสถานี เห็นแล้วก็อยากจะนั่ง

แต่เวลาเราเหลือไม่มากพอ เพราะอีก 10 นาที รถก็จะมาแล้ว

พวกเราล่ำลาสามี คุณ Michie ด้วยรอยยิ้ม พร้อมขอบคุณ

ตอนนี้รถไฟค่อยๆเคลื่อนออกจากสถานี ……12.33 น. แล้วซินะ

13.51 น. พวกเราก็มาถึงสถานีเกียวโต

จากนั้นก็นั่งรถไฟใต้ดินสาย Kurasum ไปยังสถานี Shijo โดยเดินออกที่ประตูที่ 6

และเท่าที่ดูจากแผนที่ประตู  5 จะใกล้ตลาด Nishiki มากที่สุด

หลังจากขึ้นมาที่บริเวณถนนแล้ว ก็เห็นสี่แยก ยืนมองกันสักครู่ว่าจะไปทางไหนดี

คุณเพื่อนตาดี บอกว่าข้ามไปตรงตึกที่มีกันสาดออกมาซิ

เพราะดูแล้วคล้ายในรูป(จากการใช้ Google map)ที่เรานำติดตัวมามากที่สุด

ตอนนี้ฝนตกนิดๆ ดีที่แต่ละคนพกร่มมาด้วย

จากตึกที่มีกันสาดยื่นออกมา เดินไปสักครู่จะเห็นถนนทางซ้ายมือ ให้เข้าไปทางนั้นเลยค่ะ

แล้วเดินจนถึงสี่แยกจึงเลี้ยวขวา ก็จะเห็นตลาด Nishiki

การเดินทางไปตลาด Nishiki

ลูกศรสีน้ำเงิน คือ เส้นทางที่เราเดินจากถนนใหญ่  ไปตลาด Nishiki

ลูกศรสีแดง คือ ตลาด Nishiki

ลูกศรสีม่วง คือ ทางเดินไปสถานี Kawaramachi ของรถไฟสาย Hankyu

http://www.kyoto-nishiki.or.jp/english/

ระหว่างทางมีร้านค้าตลอดเส้นทาง ไม่ว่าร้านอาหาร หรือที่ทำการไปรษณีย์

คุณเพื่อนขอแวะร้าน 300 yen (ถ้าจำไม่ผิด)

พอเริ่มเดินถึงบริเวณตลาด ก็จะได้ยินพ่อค้า ส่งเสียงเรียกลูกค้า

ฟังแล้วทำให้ต้องแวะเข้าไปอุดหนุนเลย นี่ไง …

ตลาดแห่งนี้ถือว่าเป็นครัวของเกียวโตเชียว

แต่สำหรับ Kung ตลาดแถวๆบ้านคุณ Bon ก็ดูน่าเดินไม่แพ้กัน

http://www.rohm.com/rohm-saijiki/nishiki/seasonview_nishiki.html

ร้านนี้ทำ package ของได้น่ารักมาก โดยเฉพาะท๊อฟฟี่ ...ซื้อไปฝากเพื่อนๆ ถูกใจกันใหญ่

แม้ว่าตลาด Nishiki จะได้ชื่อว่าเป็นตลาดที่มีอายุยาวนาน

แต่ก็ตลาดแห่งนี้ก็เป็นตลาดขนาดเล็กๆ โดยมีความยาวเพียง 390 เมตรเท่านั้น

และมีร้านค้าเพียง 126 ร้าน

น้ำพริกยี่ห้อนี้ เห็นแล้วอดหันไปมองไม่ได้ ไม่ว่าจะเจอกี่ครั้ง เพราะสัญลักษณ์ผู้หญิง สองคนนั่งอ้าปาก ดูทีไร ขำทุกที

ใครชอบชา ที่นี่ก็มีขาย

เคยอ่านเจอว่าที่ตลาดแห่งนี้มีโดนัทเต้าหู้

ลองซื้อ มาชิม 1 ถุง อร่อยดีค่ะ ^_^

*

ที่นี่มีร้านเต้าหู้ขายหลายร้านเหมือนกัน แต่ชิมแล้ว สู้แถวๆ Guest House Bon ไม่ได้

ลองชิมน้ำพริกสีแดงๆ …อร่อยดีค่ะ เลยซื้อกลับมา 1 ถุง

ระหว่างนั้นจะถ่ายรูปภายในร้าน แต่เจ้าของร้านเดินมาบอกว่า ห้ามถ่ายรูป นี่ขนาดซื้อของที่ร้านแล้วนะเนี่ย …

ร้านนี้ขายปลาไหล ดูน่ากินเชียว

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในเมนูอาหารที่เค้าแนะนำ  “Spit-roasted fish dishes”  ยืนมองตั้งนาน ท้ายสุดก็ไม่กล้า

รุ่นพี่เดินมา เรารีบเชียร์ อร่อยนะพี่ ลองดูซิ …เชียร์กันขนาดนี้ไม่ซื้อได้ไง

แต่พอกัดเข้าไปหนึ่งคำ รุ่นพี่ทำหน้ายี้ แล้วบอกว่า “เหม็นคาว ”

ผักดองเป็นอาหารยอดนิยมของเกียวโต ไปไหนก็เจอ บางร้านทำร้านซะหรู พอเดินเข้าไป อ้าว…ขายผักดอง

ข้าวปั้นร้านนี้อร่อย

ราคาขายตั้งแต่ 90 yen ถึง 160 yen ขึ้นอยู่กับว่าข้างในเป็นอะไร

พอเดินมาถึงร้านนี้ ไม่ว่าใครต้องหยุดมอง เพราะเสียงตุ๊บตั๊บ

http://mochitsukiya.shop-pro.jp/?mode=f3

ท่าทางจะเป็นร้านดัง เพราะขนาดขนมยังมีป้ายบอกเลย ว่าอันไหน อันดับหนึ่ง และอันดับสอง

จริงๆร้านนี้เค้ามีขายอาหารด้วย แต่เนื่องจากตอนนี้ยังอิ่มอยู่เลย จึงได้แต่ลองซื้อขนมมาชิม

นี่ไง …เหนียวนุ่ม อร่อยดีค่ะ และถ้าให้อร่อยต้องซื้อแล้วกินเลย

*

พวกเราใช้เวลาเดินอยู่ในตลาดแห่งนี้เพียงหนึ่งชั่วโมง

และพอเดินไปจนสุดถนนก็จะเจอศาลเจ้า Nishiki Tenmangu

http://www.rohm.com/rohm-saijiki/nishiki/event/event01.html

หลังจากแวะไหว้พระกันเรียบร้อยแล้ว พอออกมาจากศาลเจ้าก็เลี้ยวซ้าย แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ

ตลอดเส้นทางมีร้านขายของเต็มไปหมด ทั้งร้านเสื้อผ้า ร้านรองเท้า หรือแม้กระทั่งร่มพับสวยๆ ก็หาซื้อได้แถวนี้

พอเดินจนถึงถนนใหญ่ก็เลี้ยวซ้าย เดินไปหน่อยเดียวก็เจอทางไปสถานี Kawaramachi

จากนั้นพวกเราก็นั่งรถไฟไป Osaka กัน…ใช่แล้วค่ะ คืนนี้เรานอนพักกันที่นี่ ^_^

หนูน้อยน่ารักที่ศาลเจ้า Nishiki Tenmangu

สำหรับการเดินทางโดยรถจากเกียวโตไป Miyama-cho ทำได้ 2 แบบ

แบบที่ 1 นั่งรถบัสจากเกียวโตไปหมู่บ้าน Kitamura

ค่าเดินทางไปกลับ = 4,280 yen (เที่ยวละ 2,140 yen)

ที่มา : http://www.pref.kyoto.jp/visitkyoto/en/area/tamba/course/01/

แบบที่ 2 นั่งรถไฟ (JR) จากเกียวโต ไปสถานี Wachi จากนั้นต่อรถบัสไปที่หมู่บ้าน Kitamura

วิธีนี้จะสะดวกมากๆสำหรับคนที่ต้องการพักแถวๆ Ono Area 

ค่าเดินทางไปกลับ = 1,900 yen* (เที่ยวละ 950 yen)

* ราคานี้ยังไม่รวมค่ารถบัสจากสถานี Wachi ไปหมู่บ้าน Kitamura

ข้อมูล website ที่มีประโยชน์สำหรับการท่องเที่ยว Miyama-cho

Miyama-cho

http://www.miyamanavi.net/kankou/emiyama.html#

Nantan city

http://www.city.nantan.kyoto.jp/

Tamba Area

http://www.kyoto-kankou.or.jp/english/tamba/spot03.html    

The Ishida House

http://www.pref.kyoto.jp/visitkyoto/en/theme/sites/traditional_buil/Ishida%20Home/

ร้านอาหาร

http://www.miyamanavi.net/access/mapmiyamafooden.html

http://www.miyamahamu.com/

http://www.hanamizuki-miyama.com/index.html

สำหรับข้อมูลที่พักใน Miyama-cho สามารถดูได้ที่นี่เลยค่ะ

http://www.miyamanavi.net/kankou/emiyama.html#

ที่พักที่ใกล้เขื่อน Ono dam park และเดินทางสะดวก

http://www.cans.zaq.ne.jp/miyama-heimat

ที่พักที่อยู่ในหมู่บ้าน Kitamura

http://www.cans.zaq.ne.jp/tomiya

http://www.kayabukinosato.com/

http://blogs.yahoo.co.jp/mikunidake

ที่พักที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน Kitamura

http://www.cans.zaq.ne.jp/m-kajika/index.html

http://www.chinsen-miyama.jp/ 

http://www.cans.zaq.ne.jp/ewaland/

ที่พักใน Miyama-cho บางแห่งอยู่ค่อนข้างไกลจากแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ

http://www.suisen-an.com/

http://www5.famille.ne.jp/~miyama/kaiin%20folder/iori/iori.html

http://www.nande.com/syunkian/

http://www.siphontei.jp/

http://www.miyama-kayabuki.org/s01hyakujikkou.html

http://www.cans.zaq.ne.jp/m-miyama/

http://www.kigusuriya.com/

http://www.cans.zaq.ne.jp/kanbee_miyama/index.htm

http://www.cans.zaq.ne.jp/asiuyamanoie/

http://www.cans.zaq.ne.jp/harimaya

http://yaneharu.com/fb/reception-2/

http://www.cans.zaq.ne.jp/fuajs500/stay/stay.html

website จองห้องพัก (ภาษาญี่ปุ่น)

http://domestic.travel.yahoo.co.jp/bin/tifdetail?no=jtba3704390

ท้ายนี้ขอขอบคุณเพื่อนๆที่แวะเข้ามาอ่าน เข้ามาทักทาย หรือให้ Give ทุกท่าน ค่ะ

ถ้าเพื่อนๆเห็นว่ากระทู้นี้มีประโยชน์กับเพื่อนๆท่านอื่น รบกวนช่วยกดเข้าคลังกระทู้ด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ ^_^

ขอบคุณมากครับ วิวหมู่บ้าน Miyama-Cho ก็สวยดี ชอบบ้านโบราณเป็นทุนเดิม แต่ที่ชอบมากกว่าคือทิวซากุระที่ Ono Dam สวยอะ คนไม่เยอะแน่นขนัดเหมือนที่อื่นในญี่ปุ่นด้วย

...ขอบคุณคุณ Coffee Blended ที่มาเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกันจนถึงวันนี้ค่ะ ^_^

Kung เอง ก็ถูกใจ Ono Dam  Park มากเลย ส่วนนึงที่คนไม่เยอะ คงเป็นเพราะที่นี่อยู่ไกลจาก Kyoto City

เพราะส่วนใหญ่คนที่มาเที่ยวเกียวโต จะเที่ยวในแถบนั้นซะส่วนใหญ่

หากมีโอกาสมาชมซากุรแถบเกียวโต อย่าลืมนึกถึง Ono Dam Park นะคะ ^_^
(ปกติ ซากุระจะบานช่วงต้นเดือน เม.ย. ค่ะ)

มาช้าไปหน่อย
แต่ซากุระงามมากๆเลยครับ อยากไปสัมผัส

ขอบคุณครับ

สุดยอดเลยค่ะคุณกุ้ง

ข้อมูลเพียบเหมือนเคยนะคะ
ซากุระสวยจัง ชอบที่คนไม่เยอะนี่แหละค่ะ

เราเพิ่งได้มีโอกาสไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะมาเหมือนกัน
คาดว่าที่นั่นคงดังกว่าเพราะตัวบ้านมีขนาดใหญ่และสมบูรณ์กว่าแน่ๆเลย แต่เรื่องบรรยากาศนี่น่ารักพอๆกัน

อยากไปตลาดนิชิกิด้วย คราวที่แล้วไปเกียวโตยังไม่มีเวลาแวะไปชิมโดนัทเลย

ไว้ทู้หน้าจะมารีวิวที่พักกับตลาดที่ Kanazawa สู้กับเกียวโตมั่ง ^^

คุณฟองสบู่ ... ไม่ช้าหรอกค่ะ ^_^  ที่นี่ซากุระสวยจริงๆค่ะ ถ้าไปเกียวโต

              แนะนำเลยค่ะ นั่งรถแค่ 2 ชม. ก็ถึงแล้วค่ะ  ขอบคุณที่ตามมาเที่ยวเป็นเพื่อนกันอีกครั้งค่ะ ^_^

คุณลอร่า อิงกัลส์ ~* ... ขอบคุณค่ะ ^_^  รีวิวชุดนี้สำหรับคุณอุ้มเลยตะคะ ^_^

คุณpititee ... ที่ข้อมูลเยอะเพราะเผื่อคนที่อยากได้ค่ะ อีกอย่าง Kung เป็นคนขี้ลืม บางทีจะหาข้อมูลอะไรหาไม่ค่อยเจอ

              Kung  ว่าถ้าโดยรวม Shirakawa-go สวยกว่า ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะภูเขา แต่ก็ไม่แน่ค่ะ

              ถ้าไปหมู่บ้าน Kitamura ช่วงหิมะ อาจให้คะแนนกันไม่ลง ^_^  ......รอชมที่พักที่Kanazawa นะคะ เอาแบบเยอะๆ เลยนะคะ ^_^

เรื่องราวตอนต่อไป ...

+.+.+ Nara : เพลิดเพลินกับน้องกวาง กับภาพงาม ๆ แสนประทับใจ ที่บึงซะงิ +.+.+

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11511613/E11511613.html

..

เห็นกระทู้แล้วคิดถึงงงงเกียวโต

..

คุณ POGGHI ... เกียวโตนี่มีเสน่ห์เนอะ ใครไปแล้ว แค่เห็นรูปก็คิดถึง ^_^

แค่อ่านชื่อก็ชื่นใจแล้วค่ะคุณกุ้ง

ชอบหมู่บ้านโบราณมากครับ ได้บรรยากาศสมัยนั้นจริงๆ

หมู่บ้านน่ารักมากๆ ค่ะ ใฝ่ฝันอยากไปสักครั้งในชีวิตจัง

สวัสดีปีใหม่นะคะ

ตามมาเที่ยวหมู่บ้านโบราณด้วยค่ะ...

สวยงามมาก....ได้บรรยากาศญี่ปุ่นจริง ๆ ....

อยากไปบ้างจังค่ะ....