ไลฟ์วิว >> The next voyage:จากกำแพงเบอลิน ถึงประตูไชยเวียงจันทน์ ภาค ๑/๒ ค่ายกักกันนาซีโอเรียลนินเบิรก

ต่อจากระทู้ที่แล้ว คริตสมาสในเบอลิน และได้ทิ้งท้ายไว้ถึงเรื่องความโหดร้ายก่อนจะมาเป็นกำแพงเบอลิน
.....................................................
สำหรับผู้ร่วมเดินทางใหม่ ที่หลงเข้ามา ก็ย้อนไปดู จากที่ได้พรีวิวหลักในกระทู้ E11457136 นะครับ
หรือสามารถติดตามเพิ่มเติมได้จาก เฟสบุค facebook.com/lonelysurvey สำหรับบางรูปและบางเรื่องซึ่งไม่เหมาะสำหรับกระทู้สาธารณะครับ
.................................................... 
มาว่ากันเลย...ค่ายกักกันที่จะพาไปชมนี้ เป็นต้นแบบค่ายกักกันอื่นๆทั่วยุโรปของนาซี ซึ่งใช้ควบคุมนักโทษการเมือง ในช่วงแห่งการสถาปนาและสืบทอดอาณาจักรไรซ์ที่สาม
แนวคิดสุดโต่งของนาซีนั้นมองเห็นชนชาติอื่นต้อยต่ำ น่ารังเกียจ จำเป็นต้องถูกกำจัดหรือกดให้ต่ำ โดยเฉพาะชาวยิว นาซีได้ดำเนินการแนวคิดที่ว่าผ่านทางแนวคิด รวมถึงใช้กำลังทหาร
ใครที่ขัดแย้ง หรือต่อต้านก็จะถูกจัดการ แต่ชาวยิวนั้นอยู่เหนือข้อยกเว้นใดๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องถูกจัดการครับ การจัดการที่ว่าก็มีทั้งเก็บไปเลย หรือกวาดต้อนมาที่ค่ายกักกัน ซึ่งในช่วงแรกๆก็มีที่โอเรียลเบิก ที่เราจะไปชมกัน
และความโหดร้ายที่ว่านี้เอง ก็เป็นเหตุผลที่เยอรมันถูกมหาอำนาจหลังสงคราโลก ๒ ใช้เป็นข้ออ้าง รุมทึ้งรุมแบ่ง แข่งอำนาจกัน ที่จริงก็สมเหตุสมผล เพราะในยุคหนึ่งนั้น แนวคิดนาซีได้แผ่ขยายหยั่งรากในเยอรมันชนที่ภักดีต่อฮิตเลอร์
แม้จะมีความพยายามต่อต้านโดยทหารบางกลุ่มในเยอรมัน แต่ก็ไม่อาจต้านทานกลุ่มที่สนับสนุนได้...ลองไปดูหนังเรื่อง วัลคลี่ดูนะครับ
....................................................
ปัจจุบัน ค่ายดังกล่าวได้ถูกดัดแปลงให้เป็นสถานที่แห่งความทรงจำ เปิดให้คนเข้าชม โดยคงสภาพบางส่วนไว้ รวมถึงจัดนิทรรศการเพื่อย้ำเตือนให้ระลึกถึงความโหดร้ายและการสุญเสียอีกด้วย
ในการเข้าชม ฟรีครับ แต่สามารถเช่า ออดิโอไกด์ เอาไว้ฟังคำบรรยายได้ในราคา ๓ ยูโร
..................................................
การเดินทาง นั่งรถสาย S2 ปลายทาง Orieninburg (เป็นโซน ซ๊ สำหรับระบบขนส่งในเบอลิน) ลงที่ป้ายปลายทาง แล้วเดินต่ออีกซักยี่สิบนาที หรือจะนั่งรถบัสก็มีครับ ถามคนแถวนั้นไม่ยาก แต่มันจะยากถ้าหากไม่ถาม
ใช้เวลาประมาณหนึ่งชม. ตั้งแต่นั่งรถยันเดิน...สั้นกว่าขับรถไปทำงานในกทม.อีกนะครับ
...................................................
 
 
 

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 04:01:47 ]
ความเห็นที่ 1

จากภาพข้างบน
Arbeit Macht Frei  เป็นภาษาเยอรมัน หรือแปลง่ายๆว่า งานทำให้คุณเป็นอิสระ (work make (you) free)

มอตโต้นี้ถูกติดไว้ประตูค่ายเพื่อนเตือนใจเชลย (ที่ออสวิชเช่นกัน)

ส่วนภาพนี้ เป็นแนวรั้นหน้าค่ายกักกัน ตอนเดินผ่าน ผมยอมรับว่าขนลุกจริงๆครับ บรรยากาศวังเวงมาก

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 04:12:15 ]
ความเห็นที่ 2

ออดิโอไกด์ ที่เช่ามาจากสำนักงานท่องเที่ยวหน้าค่าย พร้อมแผนที่
เมื่อเราเดินผ่านจุดสำคัญ ก็ไปหาดูป้าย จะมีเลขกำกับ เราก็กดเลขในไกด์มือถือนี้ ก็จะมีเสียงเล่าออกมา

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 04:14:38 ]
ความเห็นที่ 3

อาคารร้างหน้าทางเข้าค่ายกักกัน ในอดีตเคยเป็นที่ทำการของหน่วย ss อันเป็นกองกำลังพิทักษ์ฮิตเลอร์ ( แม้จะมีอำนาจในเยอรมัน แต่ฮิตเลอร์ก็ไม่ไว้ใจกำลังทั้งหมด) หน่วยนี้เป็นแขนขาของฮิตเลอร์และพรรคนาซีในการดำเนินการทางการเมืองต่างๆ

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 04:57:58 ]
ความเห็นที่ 4

รูปสลักเพื่อระลึกถึงเหยื่อแห่งค่ายกักกัน

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:00:22 ]
ความเห็นที่ 5

กองรักษาการณ์ปากทางเข้า ซึ่งอยู่เลยกองบัญชาการค่ายเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง
พ้นไปจากประตูที่เห็น คือดินแดนแห่งการคุมขังและพันธนาการ ในยุคก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:04:22 ]
ความเห็นที่ 6

แนวรั้วค่ายกักกัน เจ้าหน้าที่สามารถสันนิษฐานว่าจะเป็นการหลบหนี และยิงได้ทันทีเมื่อมีเชลยเข้าใกล้แนวลวดหนาม

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:09:07 ]
ความเห็นที่ 7

พื้นที่ในค่าย

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:12:26 ]
ความเห็นที่ 8

ลูกกลิ้งหินสำหรับบดทาง คงไม่ต้องบรรยายว่าใครเป็นคนลากนะครับ

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:17:24 ]
ความเห็นที่ 9

โรงนอนสำหรับเชลยถูกปลูกเรียงต่อกันไป

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:19:37 ]
ความเห็นที่ 10

เข้าไปดูภายในโรงนอน
เตียงสามชั้น นอนชั้นละหกคนต้องยัดกันนอนให้ได้

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:22:23 ]
ความเห็นที่ 11

สุขาสำหรับเฉลย ให้ใช้ได้วันละสองครั้ง นอกนั้นไม่มีสิทธิ
เชลยบางคนเลยต้องขับถ่ายในที่นอน (ภาพก่อนหน้า) ซึ่งก็เรี่ยราดลงมาใส่คนอื่นๆ

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:24:21 ]
ความเห็นที่ 12

ที่อาบน้ำและซักล้าง สำหรับเชลยหลายร้อยคน

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:26:10 ]
ความเห็นที่ 13

มองจากในโรงนอน ค่ายกักกันยามเย็น น่าหดหู่ใจจริงๆครับ

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:27:11 ]
ความเห็นที่ 14

เคยอยู่ที่เบอร์ลินประมาณ 4 ปี ช่วงที่กำแพงทะลาย
ยังจำบรรยากาศช่วงนั้นได้เลย ฝั่งเบอร์ลินตะวันออกดูเศร้าๆ
เวลาขับรถเข้าไปทางโน้น เห็นผู้คนก็ยังมีแววตาที่ดูแล้วก็บรรยายไม่ถูกเหมือนกัน
ไม่เคยเข้าไปดูพวกสถานที่กักกันทั้งหลาย ทำใจไม่ได้ หดหู่ค่ะ

จากคุณ : Flaminio [27 ธ.ค. 54 05:28:13 ]
ความเห็นที่ 15

ระฆังและนาฬิกาแคมป์ บอกให้รู้ถึงเวลาที่หมุนผ่าน

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:32:43 ]
ความเห็นที่ 17

เมื่อเพื่อนจากไป เชลยที่เหลือก็มีหน้าที่จัดการกับร่างไร้วิญญาณ

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:38:31 ]
ความเห็นที่ 18

ภาพสเกตอันจากความทรงจำเชลยที่รอดชีวิต

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:39:25 ]
ความเห็นที่ 19

เชลยบางส่วนที่ไม่ถูกนำไปใช้แรงงาน จะถูกนำมาแยกและกดดันเพื่อหาข้อมูลหรือโน้มน้าว

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:41:11 ]
ความเห็นที่ 20

ห้องนอนแยก เหมือนจะได้สิทธิพิเศษ แต่หาเป็นเช่นนนั้นไม่

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:42:16 ]
ความเห็นที่ 21

เพราะเมื่อเค้นแล้วไม่ตอบ
โน้มน้าวแล้วไม่ทำตาม
สิทธิพิเศษก็จะเปลี่ยนไปเป็นเสาที่เห็น

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:43:41 ]
ความเห็นที่ 22

ค่ายกักกันยามเย็น บรรยากาศวังเวงยิ่งนัก

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:45:40 ]
ความเห็นที่ 23

อีกฟากหนึ่งของโรงนอน เป็นเขตอุตสาหกรรมของค่าย เป็นแหล่งให้เชลยมาทำงานตามมอตโต งานจะปลดปล่อยท่าน

ใกล้ๆกันเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ไม่นึกว่าจะมีมนุษย์คิดสร้างขึ้นเพื่อฆ่าล้างกัน

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:47:33 ]
ความเห็นที่ 24

ที่เห็นคือเศษซากเตาเผา...

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:48:39 ]
ความเห็นที่ 25

บางส่วนของพื้นที่รมแกสยังคงอยู่

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:49:56 ]
ความเห็นที่ 26

แนวคิดเหล่านี้ตกทอดให้ชาวยุโรปขยาดสงครามจนปัจจุบัน
(แม้จะไปก่อสงครามในภูมิภาคอื่น)

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:51:47 ]
ความเห็นที่ 27

เลยออกจากพื้นที่สังหาร
หอตรวจการที่เคยเป็นจุดตรวจรอบค่ายยังคงอยู่เช่นกัน

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:53:29 ]
ความเห็นที่ 28

อนุสรณ์สำหรับผู้สูญเสียและกำลังทหารจากโซเวียตซึ่งมาปลดปล่อย

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:54:54 ]
ความเห็นที่ 29

พื้นที่ชั้นใต้ดินโรงพยาบาลในค่าย ซึ่งที่จริงเอาไว้ใช้ทดลองยาต่างๆโดยใช้เฉลยด้วยเช่นกัน

ภายหลังนาซีถอนกำลัง ทหารโซเวียตพบศพจำนวนหนึ่ง ในสภาพถูกละทิ้ง ไม่สามารถช่วยตัวเองได้

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 05:57:20 ]
ความเห็นที่ 30

แท่นหินที่เป็นอนุสรณ์สำหรับผู้ที่ถูกนาซีทอดทิ้งให้ตาย

ทั้งนี้ ในระหว่างที่กำลังทหารโซเวียตบุกประชิตเบอลิน นาซีได้อพยพเชลยขึ้นไปทางเหนือ โดยเลือกเฉพาะเชลยที่สามารถเดินทางได้ ส่วนที่เหลือซึ่งเป็นเชลยที่ป่วยหนัก ก็ทิ้งไว้

เชลยบางส่วนที่อพยพไปก็ตายระหว่างทาง พวกที่ถูกทิ้งไว้ซึ่งป่วยหนัก ก็รอดในจำนวนน้อยมาก

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 06:00:39 ]
ความเห็นที่ 31

โซเวียตนำกองทัพแดงเข้าพิชิตเบอลิน ขนาบด้วยทัพอเมริกาและสัมพันธมิตรมาทางตะวันตก

หลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติ โซเวียตควบคุมเยอรมันตะวันออก ได้ใช้ค่ายกักกันแห่งนี้เป็นค่ายกักกันนักโทษการเมืองที่ต่อต้านการปกครองของโซเวียตในยุโรปตะวันออกด้วยเช่นกัน โดยคงรูปแบบเดิมๆไว้ และเพิ่มเติมค่ายทางด้านท้าย

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 06:03:55 ]
ความเห็นที่ 32

รูปปั้นจำลองนักโทษในค่ายกักกัน ซึ่งถูกแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ๆคือ ส่งให้ไปจากโลกนี้ และ เก็บไว้เพื่อเป็นแรงงาน หรือใช้ในการทดลอง

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 06:05:24 ]
ความเห็นที่ 33

ปัจจุบันค่ายกักกัน ได้ถูกพัฒนาให้เป็นพื้นที่ศึกษา และระลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น  รัฐบาลและชาวเยอรมัน ยินดีที่จะยอมรับและเก็บมันไว้เป็นสิ่งเตือนใจ

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 06:07:26 ]
ความเห็นที่ 34

หายไปไหนแล้ว

จากคุณ : ใสบัว [27 ธ.ค. 54 08:54:16 ]
ความเห็นที่ 35

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ

จากคุณ : SuPerHyPerOverUltraGLUE [27 ธ.ค. 54 09:22:55 ]
ความเห็นที่ 36

ต่อไปจะหาโอกาสมาต่อค่ายกักกัน Auswitch ในโปแลนด์ ถือเป็นค่ายที่ใหญ่และโหดร้ายที่สุด กว่าล้านชีวิตต้องทุกข์ทรมารในค่ายแห่งนั้นภายใต้พื้นที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา  

คุณ Flaminio ถ้ามีอะไรเล่าในยุคนั้น จะยินดีมากครับ ผมพยายามคุยกับคนรุ่นๆนั้นในเยอรมัน แต่ก็คงไม่ค่อยอยากพูดถึงกัน แต่ก็มีคนนึงเล่าเรื่องชีวิตตอนเด็กๆหลังกำแพงฝั่งตะวันออกไว้น่าสนใจมากครับ...ไว้จะมาต่อ

ตอนนี้ผมอยู่ในลิทธัวเนีย แต่ต้องออกเดินทางไปลัตเวียแล้วครับ ไลฟ์วิวอาจไม่ราบรื่นนัก ไว้ท้ายรีวิวจะมาสรุปรื่นๆอีกทีนะครับ

จากคุณ : เซอร์เวย [27 ธ.ค. 54 10:25:13 ]
ความเห็นที่ 37

ติดตามชมอย่างใจจดใจจ่อ
ความรู้สึกเหมือนตอนลุงไปดูคุกโตนสเลง ที่กัมพูชาเลยครับ

จากคุณ : ลุงแบกเป้ [27 ธ.ค. 54 10:27:30 ]
ความเห็นที่ 38

ดูน่ากัวนะครับ

จากคุณ : ชานมชงเอง [27 ธ.ค. 54 10:53:25 ]
ความเห็นที่ 39

มาติดตามดูครับ เห็นแล้วน่ากลัวหดหู่จริงๆ

จากคุณ : boy next door [27 ธ.ค. 54 13:49:24 ]
ความเห็นที่ 40

เห็นแล้วรู้สึกสลดมากเลยครับ ดูเป็นที่ที่น่ากลัวมาก

จากคุณ : Destiny-Boy [27 ธ.ค. 54 20:28:16 ]
ความเห็นที่ 41

วันนี้ผมอยู่ที่ลัตเวีย ประเทศเล็กๆในกลุ่มบอลติค ซึ่งได้รับผลกระทบจากการกวาดล้างของนาซีเช่นกัน แต่สิ่งที่พบใหม่คือ ประเทศเหล่านี้น่าสงสารกว่า คือ ก่อนนาซีจะเข้าครอง ก็โดนโซเวียตเข้ามาก่อน เรื่องการฆ่าล้างไม่ต้องพูดถึงครับ โซเวียตทำแบบเดียวกับนาซี แต่ไม่ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ เน้นไปที่เกณฑ์กำลังคนไปใช้แรงงานในดินแดนไกลโพ้นของรัสเซีย รถไฟสายทรานไซบีเลียซึ่งผมกำลังจะโดยสาร ก็เป็นเส้นทางลำเลียงเชลยจากกลุ่มบอลติคนี้ไปยังรัสเซียตะวันออก เกือบๆเกาหลีเหนือด้วยเช่นกัน

จากคุณ : เซอร์เวย [28 ธ.ค. 54 00:26:01 ]
ความเห็นที่ 42

หดหู่มากเลยครับ  ขอบคุณครับ

จากคุณ : เล็กทาโร่ [28 ธ.ค. 54 12:05:39 ]
ความเห็นที่ 43

ขอบคุณสำหรับกระทู้นี้ค่ะ เราว่าที่นี่ก้อน่าสนใจไม่น้อยไปกว่า Auschwitz นะคะ

อย่าว่าแต่คนรุ่นเก่าเลยค่ะ คนรุ่นใหม่ที่มาจากโปแลนด์หรือสืบเชื้อมาจากคนที่ถูกกักกัน เค้ายังไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เลยค่ะ >_<

จากคุณ : mYsTeRiOuS gIrL [28 ธ.ค. 54 18:46:42 ]
ความเห็นที่ 44

เศร้าใจ เกลียดสงครามสุดๆ โหวต

จากคุณ : enduresexy [28 ธ.ค. 54 21:04:14 ]
ความเห็นที่ 45

อยากคุยกับทหารในค่ายกักกัน หรือหมอที่เอานักโทษมาทดลองงี่เง่าๆ
ว่าทำร้ายมนุษย์ด้วยกันลงได้ยังไง ไม่รู้แก่ตายไปกันหมดหรือยัง

จากคุณ : snowpok [29 ธ.ค. 54 09:56:19 ]
ความเห็นที่ 46

น่าเศร้าใจครับบ.........

จากคุณ : สายลมแห่งวิงค์ [29 ธ.ค. 54 11:55:59 ]
ความเห็นที่ 47

สามีเราเป็นคนเยอรมัน เค้าก็ไม่ชอบคุยเรื่องนี้เลย หนังที่เกียวกับนาซีไม่ว่าจะเสนอในมุมไหนดีแค่ไหนเค้าไม่ดูเลย

 แต่เค้าเคยเล่าให้ฟังว่า ในสมัยนั้นไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับฮิตเลอร์ แต่ที่เค้าไม่กล้าต่อต้านเพราะกลัวตาย เพราะสมัยนั้นใครที่อยู่คนละฝังกับฮิตเลอร์ โดนเก็บหมด

จากคุณ : ทะเลดาวอาบแสงจันทร์ [30 ธ.ค. 54 23:14:49 ]
ความเห็นที่ 48

เห็นแล้วเศร้าใจค่ะ

จากคุณ : สาวหน้าใส [วันสิ้นปี 54 08:20:52 ]