สวัสดีทุกคนอีกครั้ง กระทู้นี้เป็นภาคสุดท้ายของรีวิวเที่ยวเกาหลีใต้ของเราแล้วค่ะ เราไปเที่ยวคนเดียวทั้งหมด 9 วัน ระหว่าง 19-27 พ.ย. 2554 ถ้าใครยังไม่ได้ไปเยี่ยมสองกระทู้แรก เชิญทางนี้ค่ะ

[CR] Nine Days in South Korea_Part 1
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11424599/E11424599.html

Nine Days in South Korea_Part 2 [Gyeongju & Suwon]
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11441511/E11441511.html

กระทู้สุดท้ายนี้จะเล่าเรื่องในช่วง 3 วันสุดท้ายของการเดินทาง ซึ่งเราจะกลับมาพักที่โซลอีกครั้ง บรรยากาศโดยรวมสบายเนื้อสบายตัวขึ้นค่ะ เพราะถือเป็นช่วงที่อุณหภูมิสูงสุดของทั้งทริป เฉลี่ยๆ น่าจะอยู่ที่ 8-12 ค่ะ แม้ท้องฟ้าจะอึมครึมไปบ้าง (บางวันก็ครึ้มไปมากเลยค่ะ 55) แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเราค่ะ

เราเน้นพาไป 3 ที่นะคะ Secret Garden, DMZ, Cheonggyecheon ค่ะ จะมั่วมากมั่วน้อยแค่ไหน ไปดูกันเลยค่ะ

เช้าของวันที่ 7
เฮ้ย... อยู่มาครบอาทิตย์ละ เริ่มต้นที่โกโก้ร้อนยามสาย ในร้านน่ารักๆ แบบนี้

อยากอยู่ในนี้ทั้งวัน...
ร้านนี้อยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์อาหารพื้นบ้านเกาหลี หรือที่นักท่องเที่ยวมักจะรู้จักในชื่อ พิพิธภัณฑ์ต๊อก นะคะ

หน้าตาสมราคา กล่องใหญ่สุดนั่นประมาณ 1500 บาท

ได้เวลาเข้าวัง วังนี้ชื่อ ชางด็อกกุง

ภายในพระราชวังอันกว้างใหญ่
มีพร๊อพเป็นถ้วยจากร้านเมื่อเช้า Chocolate Museum

เป้าหมายเราคือ Secret garden

...

คุณไกด์ ถือเป็นชาวเกาหลีที่ภาษาอังกฤษฟังเข้าหูเราที่สุดตลอด 9 วันที่นู่น มั่นใจว่าอยู่เมกาตอนเด็กมาอย่างต่ำ 5 ปี

เข้ามาในส่วนของ Secret garden / Forbidden garden / สวนแห่งความลับ / สวนต้องห้าม แล้วแต่ว่าอยากเรียกแบบไหนค่ะ

หอสมุด
ตอนแรกเราเข้าใจว่า พระราชาคงต้องอยากอ่านหนังสือต้องห้ามอะไรบ้าง แต่ที่จริงคือ งานมันเครียดมากจนไม่มีเวลาได้พักผ่อนหย่อนใจ อยากอ่านหนังสือก็ต้องเข้ามาอ่านในสวนลับของตัวเองนี่แหละ

อาคารนี้ซ่อมอยู่ แต่เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวขาดทุน พี่เกาหลีเค้าก็เลยติดรูปขนาดเท่าของจริงไว้ให้ดูเลย

บ่อน้ำ ใช้รับน้ำที่ไหลมาจากบนเขานู่น

ดูปากท่อก็รู้แล้วว่ามีแต่พระราชาเท่านั้นที่ใช้ได้

ลานพักภายในสวนต้องห้าม

ดูความสูงช่องประตูจะรู้ว่าคนสมัยก่อนตัวเล็กกว่าเราเยอะ

อันนี้เค้าบอกว่า เป็นความชาญฉลาดในการทำบานชักกันแสงให้ห้องอ่านหนังสือ เราดูแล้วก็ว่าธรรมดานะ บ้านเรามีอะไรที่วิจิตรพิสดารกว่านี้

จากภาพในคห.16 จะเห็นว่าลักษณะอาคารดูธรรมดามาก แต่มันไม่ธรรมดาเลย เพราะมันคืออาคารเดียวในพระราชวังที่สร้างตามแบบของบ้านคนธรรมดา ลองคิดถึงพระราชวังอื่นๆ ในเกาหลี จะใช้สีสันสดใสทา กฎในสมัยก่อนมีอยู่ว่า พระราชวังเท่านั้นที่ทาสีได้ บ้านคนธรรมดา พ่อค้า หรือขุนนาง ทาสีไม่ได้ ต้องปล่อยให้เป็นสีตุ่นๆ ไว้อย่างงั้น

แต่เนื่องจากนี่คือ Secret Garden พระราชาก็อยากสร้างอาคารที่มันเหมือนของคนธรรมดาไว้บ้าง แถมประโยชน์ใช้สอยก็ เอาไว้ใช้ต้อนรับเพื่อนฝูงที่เป็นขุนนางหรือพ่อค้า ใช้อ่านหนังสือ พูดคุย สังสรรค์กัน

นี่แหละน้า... คนเรามักจะไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตนเองมีหรอก

...

อาคารเอนกประสงค์

หินศักดิ์สิทธิ์ ว่ากันว่ารูปร่างเหมือนภูเขาในตำนานโบราณของเกาหลี

สีสันธรรมชาติใช้ได้เลย

เห็นหน้าตาสิ่งก่อสร้างทั้งหมดแล้วสรุปได้ว่า สวนต้องห้ามนี้มีไว้เข้ามาพักจริงๆ
ไกด์บอกว่าอายุเฉลี่ยของกษัตริย์ (รวมทั้งที่โดนลอบฆ่าด้วย) อยู่ที่เกือบๆ 40 งานเครียด ป่วยๆ ตายดีกว่า
ก็เลยต้องมีสวนลับนี้เอาไว้พักผ่อนแบบที่ไม่มีใครเข้ามากวนใจได้

หลังคานี้พิเศษมาก เพราะเป็นอันเดียวที่ใช้ฟางมุง

เหตุผลเพราะ บริเวณเล็กๆ นี้เป็นที่ทดลองพันธุ์พืชของกษัตริย์ ทดลองก่อนแล้วเอาแจกจ่ายให้ประชาชนเอาไปปลูก

สวย  ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

ขาออกจากสวนต้องห้าม

คุณเล็กทาโร่ เชิญเลยค่า ^^
--------------------------------
บ่ายแก่ๆ วันนั้นไปดูละครเวทีมิวสิคัลซักหน่อย อยู่บ้านเรายังดูอยู่ปีละไม่น้อย ไปถึงนู่นก็จัดไปอย่าให้เสีย เรื่องนี้ชื่อ The Three Musketeers ค่ะ

มาให้กำลังใจน้องคนนี้
ที่เห็นกองอยู่ข้างล่างนั่นคือกระสอบข้าวค่ะ เป็นธรรมเนียมของแฟนคลับที่จะเอาข้าวไปให้ศิลปินเพื่อเป็นการแสดงความยินดี พอเสร็จงาน ศิลปินก็รวบรวมแล้วเอาบริจาคต่ออีกที

วงการบันเทิงเกาหลี รวมถึงละครเวทีมีทรัพยากรที่ล้นเหลือมาก ทั้งในแง่บุคลากรและงบประมาณ
ขนาดเราไปดู ฟังเกาหลีไม่ออก ยังสนุกมากเลย
ตัวประกอบร้องและเล่นดีกว่านักแสดงมิวสิคัลตัวหลักบ้านเราหลายเท่า
ตัวหลักไม่ต้องพูดถึง ฟังแล้วอ้าปากค้างเลย

เย็นวันนั้นมาซื้อรองเท้าที่ตลาดนัมแดมุน
ตลาดนี้มาเป็นรอบที่สองละ รอบแรกมาเดินเล่น
รอบนี้มาหารองเท้าแทนคู่ที่ใส่ไปจากไทยแต่ดันทรยศสละร่างที่ต่างแดนซะได้ 55+
ซื้อรองเท้าเสร็จก็ตรงดิ่งเข้าร้านอาจุมม่าคนนี้ หิวๆๆ

ฮีทเตอร์แบบบ้านๆ ข้างบนนั่นถ้วยใส่น้ำ

พัดลมฮีทเตอร์

จานแรก พาจอนหมึก ขนาดทำเอาไว้นานแล้ว เอามาอุ่นนิดเดียว ยังอร่อยมากค่ะ

อันนี้ จับแช (ผัดวุ้นเส้นเกาหลี)
หน้าตาธรรมดาแบบนี้ ขอบอกว่าเกือบเป็นจานที่อร่อยที่สุดตลอดทริป
แน่นอนว่าราคามันไม่ธรรมดาไปด้วย ทั้งมื้อนี้เจออาจุมม่าฟันไป 500 กว่าบาท ถือเป็นเรื่องเสียเส้นไม่กี่เรื่องของเราในเกาหลี ตอนคุยแนะนำอาหารเป็นป้าิอีกคนที่พูดอังกฤษได้ แต่พอเก็บตังค์เป็นอีกคนซึ่งพูดอังกฤษไม่ได้ แต่เราไม่ติดใจค่ะ เพราะถือว่าอาหารอร่อยมากกก (ในอารมณ์หิวๆ ตอนนั้น)

เช้าวันที่ 8 ซื้อทัวร์ไป DMZ ซึ่งเป็นเขตปลอดทหาร(?) รอยต่อพรมแดนของเกาหลีเหนือและใต้

จุดนี้เป็นสวนสาธารณะชื่อ Imjingak Park มีสิ่งก่อสร้างเ้ป็นอนุสรณ์หลายอย่าง ระฆังนี้เค้าว่าเป็นระฆังแห่งสันติภาพ

เห็นรั้วลวดหนามนั่นมั้ยคะ เข้าไปในนั้นก็ DMZ แล้ว สะพานที่อยู่ไกลๆ นั่นเรียก Freedom Bridge
ก็ไม่รู้ว่า freedom ของใครกันแน่...

ฝั่งซ้ายนี่ ทางรถไฟ ที่สร้างไว้แต่ยังไม่มีรถไฟเคยได้วิ่งจริงเลย

...

ตรงเสานั่นมีสลักชื่อผู้เสียชีวิตในช่วงสงครามเกาหลีไว้

หลังจากออกมาจากสวนนั้น ก็มาต่อกันที่ตัวสำนักงาน DMZ

...

จากนั้นก็มาต่อที่หอสังเกตการณ์
เส้นสีเหลืองๆ นั่นคือระยะที่ไกลที่สุดที่เราจะถ่่ายรูปได้ ถ้าข้ามเส้นนั้นไปมีแค่กล้องส่องทางไกลหยอดเหรียญไว้ให้ดู วันที่ไปทัศนวิสัยแย่จัด หมอกหนามาก

อาคารในบริเวณใกล้ๆ กัน
โปรดพิจารณาม็อตโต "End of Separation. Beginning of Unification."

มากันต่อที่สถานีรถไฟ Dorasan ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายที่สร้างแล้วเสร็จ ก่อนที่คิมจองอิลจะเปลี่ยนใจไม่ร่วมสร้างทางรถไฟเชื่อมเกาหลีเหนือกับใต้

ชอบป้ายนี้

ปลายทาง (ที่ยังไม่มีอนาคตว่าจะได้วิ่งไป) คือ เปียงยาง

สถานีในเกาหลีเหนือที่ตั้งใจจะสร้างคือที่เมือง เกซอง

นอกจากที่ที่มีรูปให้ดูแล้ว เรายังได้ไป อุโมงค์ที่สาม
ซึ่งเป็นอุโมงค์ใต้ดินที่เกาหลีเหนือขุดเข้ามาในเขตเกาหลีใต้ ตอนนี้เกาหลีใต้เจอแล้วประมาณ 3-4 อุโมงค์ แต่คาดว่าทั้งหมดมีประมาณ 20 อุโมงค์ ทุกวันนี้ก็ยังมีหน่วยหาอุโมงค์กันต่อไปเรื่อยๆ

ข้างล่างนั้นห้ามถ่ายรูป แต่ถึงให้ถ่าย เราก็คงไม่มีแรงยกกล้อง เพราะอากาศชื้น อึดอัดมาก ทางชัน เดินลงไปเกือบๆ กิโล แล้วเดินกลับทางเดิม คนที่ไปกับทัวร์เราเปลี่ยนใจเดินกลับกันกว่าครึ่ง

พอเดินลงไปสุดทาง จะเจอประตูเหล็กที่เกาหลีใต้สร้างขึ้นมากั้นอุโมงไว้ เค้าบอกว่ากั้นไว้ทั้งหมด 3 ชั้น ทุกครั้งที่เจออุโมงค์ก็จะทำแบบนี้

เย็นวันนั้นกลับไปเก็บตกช้อปปิ้งที่เมียงดง
เดินมั่วๆ หาร้านนี้จนเจอ O'sulloc ร้านชาเขียวชื่อดัง
ถ้วยนี้ กรีนที ลาเต้ - นิ่มนวล ไร้ที่ติ (อาจจะบรรยายเวอร์ไปบ้าง เพราะเราบ้าชาเขียวค่ะ)

กรีนที ทีรามิสุ อร่อยมาก สมคำร่ำลือจริงๆ

คืนนี้ยังเยาว์นัก หาเรื่องเดินเที่ยวคลองดีกว่า
ระหว่างทางเดินตามหาคลอง เจอนิทรรศการของยูเอ็น ถ่ายรูปธงประเทศเราไว้ซะหน่อย

ถึงแล้ววว...
ชองกเยชอน คลองขุดกลางเมืองโซลที่ตั้งใจให้เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ

เค้ามาเป็นคู่กันทั้งนั้นแหละ

บรรยากาศดีมาก คืนนั้นหนาวนะ แต่เจอคนแล้วอุ่นทันที

...

เลเซอร์ 3 มิติ แสดงเป็นรอบๆ น่าจะรอบละครึ่งชม. วันละ 2-3 รอบ

เรานั่งแช่ตรงนี้เกินครึ่งชม ดูเลเซอร์ไป ดูคนไป เพลินมาก

บ้านนี้ 4 คน

คู่นี้นั่งคุยกันจริงจังอยู่พักใหญ่

เครื่องฉายเลเซอร์

...

ผิดรูปค่ะ

สุดท้าย เจอน้องคนนี้ มากะคุณแม่และเพื่อนแม่มั้ง กำลังช่างพูดเลย
แม่พอพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย เราเลยขอเล่นกะลูกเค้า
ก่อนกลับแม่สั่งให้ลาเรา น้องตะโกนเสียงดัง "นูน่า อันยองงงง"
เราอยากลักลูกเค้ากลับบ้านเดี๋ยวนั้นเลย 55+

คนเล่นดนตรีเปิดหมวก ตอนแรกนึกว่าไม่ค่อยมีคนสนใจฟัง แต่พอพี่แกเล่นเพลงประกอบ The Classic เท่านั้น จบปั๊บ คนปรบมือกันดังลั่นคลองเลย

เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนกลับ นั่งกินข้าวที่ร้านใกล้ที่พัก
ขอแนะนำบัตรที่เรารักมาก T-money ใช้จ่ายค่ารถโดยสารได้เกือบทุกอย่่าง รถไฟ รถเมล์ รถแท็กซี่ ทั้งในโซลและต่างจังหวัด แถมจ่ายค่าของตามมินิมาร์ทได้ด้วย

ข้าวผัดห่อไข่ราดไก่อะไรซักอย่าง แซ่บเวอร์

มันจะไม่อร่อยได้ยังไง ดูเครื่องเคียงสิ

ไอ้นี่ไม่รู้ชื่อจริงๆ มันเรียกอะไร แต่เอาไว้ใช้ตามลูกค้าให้ไปรับของที่สั่งไว้อ่ะค่ะ
ถ้าถึงคิวเราได้ เครื่องก็จะดัง แต่ที่ถ่ายอันนี้เพราะตั้งแต่เห็นๆ มาในหลายประเทศ
เพิ่งเคยเจอที่นี่ที่เป็นจอให้ดูโฆษณา ดูเอ็มวีฆ่าเวลาไปได้

กาแฟแก้วสุดท้ายบนแผ่นดินเกาหลีใต้ ชอบชื่อร้านด้วย "Angelinus"

ขอลาไปแบบมึนๆ ตามสไตล์เรานะคะ ถ้าใครสงสัยอะไรถามทิ้งไว้ได้ค่ะ

สรุปทั้งทริป เราใช้เงินไปประมาณ 50,000 บาท รวมตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่รวมช้อปปิ้งค่ะ

ประสบการณ์ที่ได้กลับมาประเมินค่าไม่ได้เลย กลับมาได้แค่เดือนเดียว แต่อยากออกเที่ยวคนเดียวอีกแล้ว เราว่าเราโชคดีที่เลือกไปต่างประเทศคนเดียวครั้งแรกที่เกาหลีใต้ เพราะประเทศนี้ปลอดภัยมากเหลือเกินค่ะ เหตุการณ์ที่น่ากลัวที่สุดที่นู่นยังเทียบไม่ได้กับเหตุการณ์ที่ต้องเจออยู่เกือบทุกวี่วันในเมืองหลวงประเทศไทยเลย เพราะฉะนั้น ถ้าคุณกำลังมองหาที่เที่ยวคนเดียว โดยเฉพาะผู้หญิงนะคะ เราแนะนำเกาหลีใต้ ให้ 5 ดาวเลยค่ะ ^^

อยากให้ gift จังแต่หมดแล้ว -_-'

อยากออกเที่ยวคนเดียวบ้าง แต่ชอบเม้าส์ 555 กลัวจะเฉาซะก่อน เดือนมีนานี่ว่าจะหนีบคุณแม่ไปเป็นเพื่อน

จขกท. ลองไปญี่ปุ่นสิคะ ปลอดภัยมากเหมือนกัน ที่เที่ยวเยอะมากกกก ของช้อปปิ้งเยอะมากกก จะได้เป็นประเทศในดวงใจเหมือนกัน เราไปประมาณปีละครั้ง แต่ตอนนี้อยากไปช้อปที่เกาหลี สิ้นปีค่อยไปญี่ปุ่นอีกรอบ 555

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ  

อยากให้กิฟแต่กิฟหมด ^^

ไป secret garden มาเหมือนกัน โครตเสียดายตังค์ค่าเข้า ถึงมันจะแค่ร้อยกว่าบาทก็เหอะ เสียเวลามาก ไม่มีอะไรเลย อยู่ประมาณ 15 นาทีออกมาเลย อย่างเซ็ง บ่นกับเพื่อนตลอดทาง 555


ร้านอาจุมมาก็โดนไปเยอะเหมือนกัน ไปกันสามคน หมดไปคนละเจ็ดร้อยกว่า อร่อยดี แต่แพง เล่นสั่งไปซะ 5 จาน แต่โต๊ะคนอื่นสั่งจานเดียวมาเป็นกับแกล้มกินกับโซจู

คุณ[หัวโต แก้มป่อง หน้าใส ใจร้าย] ขอบคุณมากเลยค่ะที่แนะนำญี่ปุ่นให้เรา คิดๆ ไว้เหมือนกัน แต่รอบหน้า(ที่ออกคนเดียว)อาจจะสลับไปยุโรปก่อน ส่วนญี่ปุ่นไม่น่าได้ไปคนเดียว คนรอบตัวอยากไปกันทั้งนั้นเลย เรื่องช้อปปิ้งนี่ เกาหลีใช่เลยค่ะ ก่อนไปเราไม่เชื่อเพื่อนที่บอกว่า ถ้าไม่อยากเสียตังค์อย่าไปเมียงดง ไปกี่รอบตังค์ออกทุกรอบ สุดท้ายตายสนิทค่ะ นี่ตัวเองไม่ใช้ คสอ เกาหลีนะคะ ของมันน่าซื้อไปหมดจริงๆ 55+

คุณSoMeDay..SoMeOnE ด้วยความยินดีค่า

คุณRachkhun แต่เราว่า ตังค์ที่เสียไปมันคือค่่าเข้าไปเรียนรู้เรื่องราวข้างในอ่ะค่ะ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเยอะมาก เราชอบมากเลย ได้แง่คิดอะไรอีกเพียบ
ส่วนร้านอาจุมม่า ก็ตามนั้นค่ะ แปลว่าเราโดนไป 500 นี่จิ๊บๆ แล้วใช่มั้ย 55+ ชอบใจตรงที่ถ้าไม่กินโซจู ก็อย่าหวังว่าจะมีน้ำธรรมดาให้กินนี่แหละ ทั้งๆ ที่ร้านอาหารเกือบทุกร้านในประเทศให้น้ำดื่มฟรีแท้ๆ

ชางด็อกกุง นี่สวยมากเลยครับ
บรรยากาศตอนกลางคืนก็ดูสวยดีเหมือนกัน

คิดถึงชาเขียวร้าน O'Sulloc ผมว่าเค้าทำได้อร่อยจริงๆครับ โดยเฉพาะ Green Tea Latte ถึงแม้จะแพงไปนิด แต่ยอมจ่ายคับ


ปล ยังไม่เคยไป DMZ เลย อ่านแล้วดูเศร้าๆจัง

ตามไปเที่ยวเกาหลีค่ะ

อุอุ บ้าชาเขียวเหมือนกันค่ะ  ขนาดเอามาตั้งชื่อล็อกอินเลย

คุณDestiny-Boy สวยมากจริงค่ะ เสียดายเราไปช่วงหนาวมาก เลยไม่ค่อยได้ชื่นชมบรรยากาศยามค่ำคืนของโซลซักเท่าไหร่

คุณCoffee Blended เราว่าถ้าดูราคาประกอบกับคุณภาพ บริการ ที่ตั้ง และชื่อเสียงของร้าน นั่นยังถูกไปค่ะ ของเค้าดีจริงๆ
ส่วนเรื่อง DMZ สงสัยเราทำคุณกาแฟเศร้าแน่เลย พอดีเราค่อนข้างอินเรื่องพวกนี้อยู่แล้วค่ะ ฟังๆไกด์ไปยังไม่อิ่ม ขอคุยกะเค้านอกรอบอีก บวกกับที่คุยๆ กับคนเกาหลีใต้คนอื่นเรื่อง 2 ประเทศแล้ว เราหดหู่ค่ะ
ตามมุมมองเรานะคะ เบื้องหน้าระดับประเทศก็พูดกันไปเรื่องรวมประเทศ แต่เบื้องหลังจริงๆ แล้วประชาชนไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย คนช่วงอายุต่ำกว่า 40 ปีส่วนมากจะรู้สึกว่าเกาหลีเหนือเป็นคู่แข่ง เป็นศัตรู ไม่ได้นึกอยากรวมกันเป็นประเทศเดียว เพราะไม่อยากให้เค้ามาแย่งความเจริญหรือทรัพยากรอะไรก็ตามที่คิดว่าตัวเองมี ตอนคิมจองอิลตาย เพื่อนเราอยู่ที่นู่นเล่าว่า เด็กๆนี่ร้องไห้ดีใจกันใหญ่เลย... มันน่าเศร้านะคะ

คุณกรีน..ที ร้านนี้ต้องไปชิมให้ได้นะคะ ในบ้านเรายังไม่เคยเจอร้านไหนที่เทียบชั้นได้เลยค่ะ

... รีวิวอ่านง่ายสบายๆ ชอบจังเลยค่ะ ^_^

ขอบคุณที่นำภาพสวยๆมาฝากครับบ........

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะจ๊ะ
อยากให้กิฟท์กะ คห 28 หมดตัวเลยยย อิอิ
ถ้ามีโอกาสมาเยี่ยมพี่ที่ญี่ปุ่นนะค่ะ  
มาลองชาเขียวออริจินอลที่นี้รับรองแซ่บไม่แพ้เกาหลีแน่นอน ^^~~

คุณkungtalay ขอบคุณนะคะ ดีใจค่ะที่ทำให้คนอ่านรู้สึกเหมือนตอนเราอยู่ที่นู่นได้

คุณสายลมแห่งวิงค์ ด้วยความยินดีค่ะ ขอบคุณที่ตามดูทุกกระทู้นะคะ

คุณพี่Whatever... คห 28 ให้มากกว่ากิฟต์ก็ได้มั้งคะ น้องเค้ารับไหวอยู่ละ 55
กระตุ้นน้องไปญี่ปุ่นตลอดอ่ะ เอาเป็นว่าก่อนคุณพี่กลับ หนูไปแน่ค่ะ ^^