ตอนที่ 6 จะรีวิวจนจบทริปเลยค่ะ
วันที่ 8 ธันวาคม 2554
วันนี้ออกกันแต่เช้า เพราะเมื่อวานได้ให้เจ้าหน้าที่ของนัมซาน 2 (คุณ John)
ติดต่อเรื่อง free shuttle bus เพื่อไป Jisan forest ski resort ซึ่งคุณจอห์น
ได้ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีด้วยความเต็มใจ โดยโทรไปจองที่นั่งให้ ซึ่งใน Web site ได้บอกไว้ว่าต้องให้คนเกาหลีเป็นผู้จองให้ค่ะ เราขึ้นาสาย 4
ไปลงที่ Dongdaemun history & culture park เปลี่ยนเป็นสาย 5 สีม่วง
ไปลงที่ Gwanghwamun Exit 7 จุดขึ้นรถอยู่ที่หน้า Sejong Museum of Art

กระทู้ตอนแรก...การเดินทาง
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11494208/E11494208.html
กระทู้ตอน 2...suwon
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11497902/E11497902.html
กระทู้ตอน 3...นามิ-ชุนชอน-ซกโช
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11504000/E11504000.html
กระทู้ตอน 4...ซกโช-ซอรัคซาน
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11508619/E11508619.html
กระทู้ตอน 5...ซกโซ-N seoul tower
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11512162/E11512162.html

ออกจากสถานียังมืดๆอยู่เลย อากาศก็เย็นเอาเรื่อง รถมารับเกือบ 8 โมงค่ะ ไม่ค่อยมีคนขึ้นเลย...

เกือบ 10 โมง รถก็มาจอดที่ Jisan ski resort ยังไม่ค่อยมีคนมาเล่นสกีเท่าำไหร่ หรือยังเช้าอยู่ ที่นี่เพิ่งเปิดฤดูการเล่นสกีเมื่ออาทิตย์ก่อน

สวัสดีครับ  ตามไปเที่ยวต่อครับ

ด้านหน้าเป็นที่ขายตั๋ว สำหรับกลุ่มเราไม่ได้เล่นสกีค่ะ ไปเดินเล่นอย่างเดียว

@คุณเล็กทาโร่ : ไม่ไปส่งท้ายปีเก่าเหรอคะ
<-->
ราคาต่างๆที่ติดไว้บริเวณที่ขายตั๋ว

เราเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปด้านบน จะเป็นลานสกี ที่มีหิมะไม่มาก คงใช้เครื่องทำหิมะเทียมพ่น เพราะหิมะจริงยังตกไม่มาก แต่อากาศก็เย็นจริงๆค่ะ

ดูเค้าสอนพื้นฐานการเล่นสกีอยู่พักนึง อากาศหนาวเลยต้องหลบเข้าไปในอาคาร ซึ่งมีสัญญาน Wifi ให้ใช้ฟรีด้วยค่ะ

นั่งเล่นเน็ตกันอยู่พักนึง ไปดูอะไรข้างนอกดีกว่าก็เลยชวนกันเดินออกนอกอาคาร ฝั่งตรงข้ามจะเป็นโรงแรมสำหรับผู้ที่มาพัก เราเดินออกไปทางด้านขวา จะมีร้านให้เช่า-ขายอุปกรณ์การเล่นสกีหลายร้าน

เดินออกมาพักใหญ่ผ่านร้านและบ้านคน ก็ไม่มีอะไรให้ดูเห็นร้าน Family mart เลยเข้าไปซื้อบะหมี่ถ้วยร้อนๆกินกันดีกว่า

ได้บะหมี่ร้อนๆกันคนละถ้วย แถมคิมบับอีกแท่ง อิ่มแบบประหยัดอีกแล้วไม่เน้นสารอาหาร

ออกจาก family mart ก็ไม่รู้จะไปไหนกัน เพราะไม่มีข้อมูลของที่นี่เลย (ตอนแรกคิดว่าที่สกีนี้จะเหมือนที่ยงเพียงสกีรีสอร์ท ซึ่งเราสามารถขึ้น Gondola ไปเดินเที่ยวด้านบนได้) เลยเดินกลับไปที่ตัวอาคารอีกครั้งเพื่อไปถามเรื่องรถกลับโซล เพราะคันทีีมาเมื่อเช้าจะกลับเข้าโซลตอน 5 โมงเย็น

ตามมาเที่ยวด้วยครับ

..มาลงชื่อด้วยคนครับ..

เดินเข้ามาถาม Information ว่ามีรถกลับโซลตอนนี้มั๊ย เจ้าหน้าที่สาวใจดี เดินจูงมือเราลงบันไดเลื่อนมาที่จุดจอดรถ ซึ่งจะมี Free shuttle bus ไปส่งที่ย่ายกังนัม รถจะออกบ่ายโมงตรง
แล้วยังฝากฝังกับเจ้าหน้าที่ให้ดูและเราตอนขึ้นรถด้วย ให้คะแนนเต็ม 100 ไปเลยค่ะ

@คุณCivict2003 : ขอบคุณค่ะ
@คุณMRBIG173 : ไปเที่ยวกันค่ะ
<--> <-->
จุดจอดรถ นั่งรอด้านในได้ค่ะ

เจ้าหน้าที่แจกใบนี้กับเราก่อนขึ้นรถ ระบุที่นั่งด้วยค่ะ

ขึ้นรถคันนี้ จะไปลงกันที่กังนัมค่ะ

บ่าย 2 โมงกว่าๆ เราก็ถึงย่านกังนัม เราลงใต้ดินที่สถานีกังนัมเพื่อจะไป ฺBongeunsa temple

สถานีกังนัม มีแหล่งช็อปปิ้งใต้ดินด้วย มีเสื้อผ้าขายอยู่พอสมควร

ขอโทษที เน็ตเดี้ยงไปพักใหญ่เลยค่ะ
...............................................
จากสถานี Gangnam เราจะนั่งไปทาง Yeoksam ไปอีก 3 สถานี ลงที่สถานี Samseong

ถึงสถานี Samseong แล้วออกทาง Exit 6

ขึ้นมาจากสถานีก็เดินไปทางซ้ายมือ จะผ่าน Coex mall

เดินผ่าน Coex ไปจนสุดอาคาร เลี้ยวซ้ายไปอีกนิดจะเจอทางข้าม อีกฝั่งก็คือวัดพงอึนซาแล้วค่ะ

วัดนี้เข้าฟรีค่ะ ไม่ต้องเสียค่าเข้าชมค่ะ
วัดพงอึนซา ( Bongeunsa Temple ) เป็นอีกหนึ่งวัดพุทธที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ท่ามกลางตึกสูงของเขตคังนัม ย่านที่ทันสมัยที่สุดของกรุงโซล อยู่ใกล้ๆตีก World Trade Center เเละ COEX Mall ที่โดดเด่นเเละเป็นสัญลักษณ์ของวัดนี้ คือพระพุทธรูปเเกะสลักด้วยหินอ่อนองค์ใหญ่ยืนหันหลังให้ภูเขา หันพระพักตร์หาเหล่าบรรดาอาคารสูง

เดินเข้าไปด้านใน ยังมีต้นไม้ที่ใบยังไม่ร่วงอยู่บ้าง

ด้านในประดับด้วยโคมไฟสีสรรสวยงาม

ตรงนี้มีบันไดเดินขึ้นไปชมอาคารด้านบน และด้านหลังเป็นเหมือนป่าย่อมๆ มีใบไม้เปลี่ยนสีอยู่หลายต้นเลยค่ะ

ตามไปเที่ยวด้วยครับบบ........

ป้วนเปี้ยนอยู่กับต้นเมเปิลกันอยู่นาน เิิดินเลยเข้าไปด้านในเพื่อไปไหว้พระพุทธรูปหินอ่อน

@คุณสายลมแห่งวิงค์ : ขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ
<--> <-->
ออกจากวัดข้ามถนนมาทาง Coex mall แล้วเข้าไปเดินเที่ยวกันหน่อยค่ะ ผ่านร้านขนมเค็ก น่ากินมาก

เพื่อนบอกอยากกินจาจางเหมี่ยน (หมี่ราดซ๊อสดำ) ก็เลยจะไปกินกันที่ Lotte world จาก Coex mall เดินหาทางไป Subway เราจะนั่งสาย 2 สีเขียว ไปลงที่สถานี Jamsil

ลงรถไฟแล้วก็งงๆว่าจะไปทางไหน ถามสาวเกาหลีที่ยืนอยู่รอรถอยู่ น้องเค้าใจดีมาก เดินออกมาส่งเราถึงหน้าทางเข้า Lotte world เลยค่ะ น่ารักจริงๆ ลืมถ่ายรูปมาด้วย ด้านหน้าจะมีน้ำพุเทรวี่จำลองมาจากอิตาลี

เดินเข้าไปทาง Lotte mart เพื่อเข้าไปที่ Food plaza ซึ่งมีอาหารหลายอย่างให้เลือกกิน

เราเข้าไปสั่งจาจางเหมี่ยนคนละชาม โดยเดินไปดูที่หน้าร้าน แล้วให้คนขายเขียนให้ แล้วไปยื่นที่เค้าท์เตอร์พร้อมทั้งจ่ายเงิน แล้วมารอดูคิวที่หน้าร้าน

แล้วก็สั่งกิมจิชิเก มาอีก 1 ชุด รวมเบ็ดเสร็จ 25,200 วอน กินกันไม่หมดอ่ะ

อิ่มแล้วก็ไปเดินที่ Lotte mart ซื้อมาม่าเกาหลีกลับมาฝากที่้บ้านหน่อย มีนมรสกล้วยขายเป็นแพ็ค ซึ่งถูกกว่าไปซื้อเป็นขวด (ตามร้าน mart ขวดละ 1,200 วอน) ที่นี่ไม่มีถุงให้ แต่มีขายค่ะ ถุงพลาสติกขายใบละ 800 วอน

แล้วก็กลับที่พัก พรุ่งนี้จะไปเที่ยวที่ Jeonju กันค่ะ
...........................................
วันที่ 9 ธันวาคม 2554
เราได้จอง Free shuttle bus จาก website การท่องเที่ยวเกาหลีไว้แล้ว
http://english.visitkorea.or.kr/enu/index.kto
โดยจุดขึ้นรถที่ Gwanghwamun ด้านข้าง Dongwha duty free วันนี้อากาศเย็นมากกว่าปกติ เช็คอุณหภูมิได้ -2 เดินออกมาจากสถานีก็พบกับหิมะโปรยนิดๆ ดีใจกันมากเลย

รถออกเวลา 8.00 น. ก่อนขึ้นจะมีเจ้าหน้าที่คอยเช็คพาสปอร์ตกับชื่อที่เค้า Print ไว้ รถคันนี้นั่งสบายมากเลย ที่นั่งกว้างดีค่ะ วันนี้คนขึ้นเต็มค่ะ เจ้าหน้าที่ที่จะไปกับเรา อัธยาศัยดีมากค่ะ แนะนำตัวเองแล้วก็เดินแจกโบชัวร์ และท๊อฟฟี่โสม

จะแวะที่จุดพักรถเพื่อให้เข้าห้องน้ำ 15 นาที เราก็ลงไปซื้อขนมไข่ใส้ถั่วร้อนๆกิน ถุงละ 3,000 วอนค่ะ

11 โมงก็ถึง จอนจู ลงจากรถหิมะตกแรงขึ้นจากเมื่อเช้า ถูกใจกันใหญ่
เจ้าหน้าที่นัดแนะว่าจะต้องขึ้นรถกลับตอนกี่โมง และอธิบายแผนที่สำหรับ
เดินเที่ยว Jeonju Hanok Village

ท่ามกลางหิมะโปรยปราย เค้าอธิบายเป็นภาษาอังกฤษค่ะ รู้บ้างไม่รู้บ้าง มีแผนที่แล้วไม่ต้องกลัว หลงเป็นหลง

ไปรอถ่ายรูปที่ป้ายหน้าทางเข้า เสร็จแล้วหัวหน้าทัวร์หายไปไหนกันแล้ว เลย
ต้องเดินตามแผนที่กันไปเอง

Jeonju Hanok Village
เป็นหมู่บ้านพื้นเมืองที่มีบ้านมากกว่า 800 หลังคาเรือนกระจัดกระจายอยู่ทาง
ตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองจอนจู สถานที่โบราณที่น่าจะแวะเยี่ยมชมนั้น
เช่น Gyeonggijeon, Pungnammun Gate, Omokdae, Jeondong Abbey,
Hanbyeokdang, Jeonju Hyanggyo เป็นต้น นอกจากนี้ภายในหมู่บ้านยังมี
แหล่งการแสดงศิลปและวัฒนธรรมต่างๆ เช่น Jeonju Korean Traditional
Wire Museum, Jeonju Culture Center for Oriental Medicine, Jeonju
Traditional Craftworks Exhibition Hall ทั้งหมดก็อยู่ติดๆ กัน

ลองชิมหิมะที่ตกใหม่ๆค่ะ ว่ารสชาดเป็นไง

ไม่รู้ต้นอะไร คุ้นๆว่าที่เมืองไทยก็มีนะคะ ลูกแดงดีจัง กินได้หรือเปล่าไม่รู้ค่ะ

เดินชมบ้านเก่ากันพอหอมปากหอมคอ เราจะขึ้นที่สูงไปจุดชมวิวเมืองจอนจู
กันค่ะ ไปหาทางขึ้นไปที่ Omokdae  กันดีกว่า

หันหลังกลับไปดูก็จะเป็นหลังคาบ้านสไตล์โบราณ ถ้าหิมะตกเยอะๆคงจะสวยกว่านี้นะคะ

เดินขึ้นมาถึงด้านบน มีศาลาเรียกว่า Omokdae  โอ ม๊ก แด  เป็นสถานที่ที่กษัตริย์ Yi Seong-gye มาพักชั่วคราวระหว่างการรบกับญี่ปุ่น

อยากไปแบบนี้มั่งจัง โชคดีนะคะ ที่เจอหิมะ

สวยดีค่ะ

@คุณ chaii_latte : ถ้ามีโอกาสจะไปอีกค่ะ อยากไปเจอแบบเยอะๆกว่านี้ค่ะ
<--> <-->
ลงมาจากจุดชมวิว เราจะไปหาบิบิมบัพ อาหารที่ขึ้นชื่อของเมืองจอนจู ...
ร้านจะอยู่ในซอย ตรงข้ามกับโบสถ์ ชื่อร้านคือ โจ โร เอ กวัน (종로회관)
ก่อนอื่นต้องเดินหาโบสถ์ให้เจอก่อน

ร้านจะอยู่ซอยตรงข้ามกับโบสถ์ หาไม่ยาก มีป้ายอันใหญ่เห็นเด่นชัด

เราเลือกนั่งกินบนพื้น แล้วสั่งบิบิมบัพกันคนละชาม อนนี่ยกบรรดากิมจิมาก่อน
น่ากินทั้งนั้นเลยค่ะ

ตามด้วยบิบิมบัพในชามทองเหลือง สีสรรสวยงาม

Before...

After....

ดูจากรูปถ่าย คุ้นๆกับดาราอาวุโสคนนี้ค่ะ เห็นในซีรี่ส์บ่อยๆ
สำหรับกิมจิ หมดแล้วขอใหม่ได้ไม่อั้น เราขอโสมแช่อิ่มมาอีกหลายถ้วยเลย
อิ่มและอร่อยมากๆเลย ค่าบิบิมบัพ ชามละ 10,000 วอนค่ะ

ออกจากร้าน เราก็ไปเดินย่อยอาหาร และหากาแฟดื่มตบท้ายกัน เดินผ่าน
บ้านหลังนี้ ปลูกลูกพลับด้วย น่าเข้าไปเด็ดกิน

เราเดินออกจาก zone บ้านเก่า เพื่อไป zone ด้านนอกซึ่งจะเป็นร้านขายของ ซึ่งอยู่ข้างๆ Pungnammun Gate

รอบๆมีต้นแปะก๊วยที่ปลูกเป็นแถวตามทางเดินและริมถนน ต้นแปะก๊วยนี้มี
ประวัติว่าเกี่ยวข้องกับความเคารพที่ชาวเมืองมีต่อท่านขงจื้อ เพราะว่าขงจื้อ
มักจะสัมผัสต้นแปะก๊วยด้วยความรัก  และหวังว่าลูกศิษย์ของเขาจะมีความ
ซื่อตรงเหมือนลำต้นของต้นแปะก๊วย และทำประโยชน์ให้แผ่นดินเหมือนเม็ด
แปะก๊วยที่นำไปทำสมุนไพรได้  ยิ่งช่วงฤดูใบไม้ร่วง สีเหลืองทองสดใสของ
ใบไม้จะสวยงามมาก เสียดายเรามาเห็นเมื่อใบมันร่วงหมดแล้ว

เดินดูของกันสักพัก แล้วจึงเดินกลับไปเตร่ๆแถวที่นัดกันจะขึ้นรถกลับ
แต่ยังเหลือเวลาอีกเยอะ นัดกันขึ้นรถ 4 โมง 40 นาทีค่ะ เลยขอเดินออกมาด้าน
นอก มาเจออาจุมม่าริมถนน ทักทายกันไปมา อาจุมม่าเลยชวนไปกินกาแฟ
ที่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกล เลยเดินตามกันไป

ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก มิตรภาพก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆเพียงยิ้มให้กัน และแค่ส่ง
คำทักทายท่านว่า อันยองฮาเซโย อาจุมม่า  ท่านอยู่กับสามีที่บ้านเพียง
2 คน นานๆลูกจะกลับจากโซลมาเยี่ยมสักครั้ง
(ใส่เสื้อเหมือนกันอีกนะเนี่ย)

บ้านอาจุมม่า ต้องเดินขึ้นเนินไปอีกหน่อย ดูจะมีฐานะ สังเกตจากภายในบ้าน
พอถึงบ้านท่านจะต้มน้ำชงกาแฟ เราเกรงใจเลยบอกไม่ต้องแค่อยากมา
เยี่ยมที่บ้านเท่านั้นค่ะ คุยกันด้วยภาษามือกันเล็กน้อยก็ต้องอำลากันค่ะท่าน
ก็ออกมาส่งที่หน้าบ้าน ส่วนคุณลุงคงไม่ชอบสังสรรกับใคร นั่งอยู่แต่ในห้อง
คนนี้แหล่ะค่ะ อาจุมม่าใจดี

อยากขออยู่กับอาจุมม่าด้วยจัง 555
ได้เวลาเดินกลับไปที่จุดนัดพบ เพื่อขึ้นรถกลับโซล หิมะหยุดตกไปแล้วค่ะ

รถคันที่มาเมื่อเช้าค่ะ ยังไม่มีใครมา เลยเดินเล่นรอบๆอีกนิดหน่อยระหว่างรอ
ถึงโซลก็ประมาณ 2 ทุ่ม ในโซลรถติดมากเลยค่ะ เราก็กลับที่พักกันเลย
เพราะคืนนี้ต้องเก็บกระเป๋ากันแล้วค่ะ

ลงชื่อลูกทัวร์ค่ะ ^^

รีวิว...เกาหลีครั้งที่ 3 แต่ครั้งแรกกับ Cebu pacific ตอนจบค่ะ...โซล-นอนสนามบิน

ดีจังเลยมี free shuttle bus ด้วย ^_^