กระทู้นี้แตกประเด็นมาจาก E12408844
***24May jammu Delhi- Varanasi
กะเวลาไปถึงแอร์พอร์ตสามชั่วโมงก่อนเครื่องออก ริกชอว์ จอดข้างนอกให้เราเดินเข้าไป เพราะเขาเข้าไปจอดไม่ได้ และเราต้องผ่าน First security check bag และจากนั้น ก็มีอีก x ray bag again ตรวจค้นตัวโดย security หญิง
จากนั้นก็เดินเข้าไปในส่วนที่เกือบถึง check in counter แต่ยังก่อน ผ่านการตรวจค้นอีกจุด จากนั้นก็นั่งรอ เพราะต้อง scan x ray baggage โดยเจ้าหน้าที่ security ของสายการบินนั้นๆ (เขาไม่อนุญาตให้มี hand carry มารู้ตอนหลัง คิดเอาเองว่า น่าจะอนูโลมให้ถือได้ล่ะน่า แต่เปล่า hand carry ก็เลยไม่ได้ ล๊อก เพราะไม่ได้เตรียมกุญแจมา แบบว่า กรูเสี่ยงเอาว่า ของจะหายหรือเปล่า แล้วแต่เวรแต่กรรมละกัน อันนี้บิน กับ King Fisher บริการดีค่ะ ตั้งแต่ Ground to Air ของไม่หายด้วยค่ะ เป็น สายเดียวที่เสริฟอาหาร hot plate ให้เรา ฟรีด้วย เพราะปกติ low cost (Indigo/spicy jet ) จะต้องซื้อทานเองบนเครื่อง ค่าตั๋วของ King fisher ถูกด้วยนะคะ บริการดีกว่าJet Airways ที่นั่งจาก Delhi-Srinagar ด้วยค่ะ ขอบอก.
Jammu airport ห้ามถ่ายรูปเช่นเดียวกับ Srinagar แต่ Jammu สกปรกกว่ามาก ( มันคงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ไม่ให้ถ่าย เอ้ย เปล่า มันเป็น security reason เพราะอยู่ในเขตทหาร ค่ะ ) เอาเป็นว่า แอร์พอร์ตเมิงทั้งเล็กและสกปรก กรูก็ไม่อยากถ่ายหรอก แต่
ลืมโหลดกล้องถ่ายรูปน่ะค่ะ เลยถือผ่าน security check point ก่อนขึนเครื่อง ซึ่งเห็นกับตาว่า security หญิง ถอด batteryจากกล้องของผู้หญิงอินเดียน แล้วโยนลงถังขยะ หน้าตาเฉย พอมาถึงของกรู กรูเตรียมจะออดอ้อนมัน ว่าอย่าทิ้งเลย เพราะกรูต้องไปเที่ยวต่อ มันถามว่า นี่ของใคร กรูยิ้มให้ บอกว่า Its mine^-^
เอ้อ ..มันไม่ทำอะไร คืนให้หมดแฮะ โชคดีที่เป็นต่างชาตินะกรู
.อิอิ
ผ่านจุดนี้ไป ก็ต้องไป ที่ baggage identify กระเป๋าของทุกๆคน ก็จะกองไว้ เราต้องไปชี้ว่า นี่ของกรู เจ้าหน้าที่ ก็จะมากาถูกหรือผิดก็ตาม เอาเป็นว่า มีเจ้าของ หน้าตาแบบนี้ เอาขึ้นเครื่องได้ เนื่องจาก ทุกๆคน ต้องเดินไปขึ้นเครื่องที่ runway การ boarding ต้องทำ ทีละ airline ซึ่งเวลาboarding time and departure ไม่ตรงกันอยู่แล้ว แต่แอบสงสัยว่า ถ้ามีเครื่อง delay มาเจอกันจะทำอย่างไร ? เอาเป็นว่า รอต่อไปอีก พอถึงเวลา boarding ก็เดินไปเข้า ช่องๆ หนึ่ง ก่อนถึงเครื่อง ตรวจ boarding pass และตรวจตราประทับจากที่เราได้มาจาก security check point (จุดที่โยนbattery ทิ้งอ่ะน่ะ ) ถ้าใครไม่มี stamp จากจุดนี้ ต้องกลับไปตรวจใหม่ อันนี้จะ stamp ที่ boarding pass และหาง tag กระเป๋าที่(อนุโลมสำหรับกระเป๋าถือเล็กๆ แบบผู้หญิงหรือกระเป๋าตังส์) ห้ามทำหายเด็ดขาด
ถึงเดลลี airport คิดว่าจะฝากกระเป๋าไว้ แต่ ไม่มีที่ฝากกระเป๋าค่ะ เอาไปด้วยที่ Railway station เพื่อนั่งรถไฟไปพาราณสี รถออก 18:20 แต่ดิฉันเสียเวลาที่ airport นานไปหน่อย รอเข้าห้องน้ำ หาที่ฝากกระเป๋า etc. พอมาถึงสถานีรถไฟ ก็ต้อง ผ่าน x-ray baggage แล้วก็ วิ่งๆ ดูบอร์ด รถจอดที่ชานชลาไหน โอ ชานชลา 12 ไกลแต้ว่า วิ่งๆ ไปถึงอีกประมาณ 10 นาที ถึงเวลา ออก แล้วตู้กรู AC2 อยู่ไหนหว่า เพราะรู้ว่า อยู่ช่วงหัวๆ รถไฟ แต่หัวนี่ มันซ้ายหรือขวาฟะ ถามลุงเจ้าหน้าที่ดีกว่า ป๊าบ ลุงชี้ไปทางขวา หัวอยู่ ปู้น ++++ ไกลมาก บังเอิญวันนั้น คนท่าจะเยอะ เขาต่อตู้อ่ะ วิ่งๆๆๆๆ ถึงตู้เรา ตรวจดูชื่อและที่นั่ง ถูกต้อง (จองข้างบน เพื่อความปลอดภัย ของคนสวยๆ อิอิ) พอขึ้นไปนั่ง 18.20 เป๊ะ รถออกวิ่งทันที ไม่มีสัญญาณ ปู๊นๆ แฮะ
นั่งไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋ว ให้เราเซ็นต์ชื่อ แล้วก็มีตำรวจรถไฟ มายื่นเอกสารภาษาอังกฤษให้อ่านและเซ็นต์รับทราบ ประมาณว่า เป็นข้อควรระวัง สำหรับคนต่างชาติหรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยรถไฟ หากเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย ต้องติดต่อใคร เบอร์อะไร แล้วให้เราเซ็นต์รับทราบ ทำให้เห็นรายชื่อว่า นอกจากดิฉันแล้ว ยังมี ผู้ชายเกาหลีอีกสองคน ไม่ได้อยู่ในตู้เดียวกัน และฝรั่งผู้ชายอีกคน จำไม่ได้ละว่า ชาติอะไร
Class ที่จองไปคือ AC-Tire 2 คือเป็นตู้นอน ฝั่งละสองเตียง ในม่านเดียวกันจะมีสี่เตียง เลือกเตียงบนสุดเพื่อความปลอดภัย(จากอะไร ? จากขโมย จากคนที่อาจมาลวนลาม etc..) ในตู้ที่ดิฉันนั่งไป มีลุงแก่ๆ คนนึง ชายวัยกลางคน ที่หน้าตาบอกว่า อย่ามายุ่งกับกรู และชายอีกคน นั่งเล่น notebook ซึ่งเรามีปฎิสัมพันธ์อันดีกับชายคนหลังสุด เพราะเขาพูดภาษาอังกฤษได้ดี และไม่ผิดคาด ยังให้ความช่วยเหลือระหว่างทาง สั่งอาหารให้ด้วย อาหารบนรถไฟอร่อยค่ะ ทำใหม่ๆ ร้อนๆ จะมีเจ้าหน้าที่เดินมารับออร์เดอร์จากเราเองเลย จ่ายเงินตอนที่ของมาถึง แต่ผู้ชายคนนี้เขาลงก่อนสี่ชั่วโมงก่อนถึงพาราณสี รถไฟกลางคืนไปถึงเช้าค่ะ
ความผิดของการตัดสินใจไม่เด็ดขาด มันย้อนกลับมาสู่ดิฉัน เนื่องจากก่อนมา คือ กลับจากJammu Delhi แล้ว เช้าวันที่ 26th May ตีห้า คือเวลาเครื่องออกจาก Delhi BKK คือคืนที่ 24th, 25th จะไปไหนดี ตอนแรกว่าจะไปอักกรา แต่ทัชมาฮาลปิดวันศุกร์อ่ะ อดไป แล้วก็มาดูอีกหลายๆเมือง แต่เวลาไป กลับ ไม่ Match กับเวลา check in and departure ของ Indigo ที่จะกลับกรุงเทพฯ สรุปว่า ไป พาราณสี โดยรถไฟกลางคืน (นอนบนรถไฟ คืนที่ 24th ) แล้วกลับเครื่องเย็นวันที่ 25th มานอนที่ airport รอเช็คอิน ตอนตีสาม
ตั๋วรถไฟมาซื้อที่เดลลี วันที่มาถึงวันแรก รวมทั้งตั๋วเครื่องบินที่ ซื้อที่ agency ที่โรงแรม เพราะไม่กล้าซื้อผ่านเนตที่โรงแรม กลัวโดน hack ข้อมูลบัตร (อันนี้ พลาดอีก จ่ายเงินสดไป เขาซื้อตั๋วออนไลน์เป็น E-ticket โดนใช้บัตรเขาที่มีข้อมูลอยู่กับสายการบินแล้ว โอเค เสียค่า คอมมิชชั่นให้เขาแค่สองร้อยรูปี ได้ E-ticket มา แต่ดันลืมขอใบเสร็จการจ่ายเงินอ่ะ เป็นเหตุให้ใจหายใจคว่ำในเวลาต่อมา )))))))