ความคิดเห็นที่ 1 ซานส์ สคันส์ วันฟ้าหม่น จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 20:50:07

ความคิดเห็นที่ 2 เราลงรถไฟแล้วแวะหยิบแผนที่จากตู้ข้างทาง เดินตามแผนที่ไปเรื่อยๆ  แวะเกาะรั้วดูบ้านชาวบ้านข้างทางบ้าง จนเข้ามาถึงหมู่บ้าน ซานส์ สคันส์ วันนี้ฟ้าฝนไม่เป็นใจเท่าไหร่ ฟ้าครึ้มและมีฝนปรอยๆ เป็นระยะ  ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำซานส์แล้ว ก็จะเห็นตัวหมู่บ้าน จุดแรกจะเป็นพิพิธภัณท์นาฬิกาและร้านขายของกระจุกกระจิก แต่ปรากฎว่าเค้าปิดวันจันทร์ค่ะพี่น้อง (ช่างเลือกวันมากันได้ดีจิงๆ) พิพิธภัณท์และร้านขายของนี่เป็นบ้านไม้เก่าแก่สไตล์ดัตช์ค่ะ สังเกตจากหน้าจั่วไม้หลายรูปแบบ ประดับประดาสวยงาม บ้านหลังเล็กๆทาสีเขียวเข้ม ปลูกต้นไม้ดอกไม้ประดับ น่ารักน่าชังมากมาย จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 20:54:45

ความคิดเห็นที่ 3 เราเดินดูบ้านไม้หลังเล็กหลังน้อยไปเรื่อยๆ คิดอยู่ในใจว่านี่มันเป็นบ้านคนหรือบ้านตุ๊กตากันแน่นะเนี่ย จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 20:55:59

ความคิดเห็นที่ 4 ท้องฟ้ายังไม่เปิดค่ะ ก็เลยคิดว่าไปดูร้านขายรองเท้าไม้ก่อนดีกว่า  เดินผ่านสวนหลังบ้านหลังนึง ตาเหลือบไปเห็นของแต่งสวน ทำเอาเราตะลึงตึงๆ ยืนทำใจอยู่พักนึงว่าฝรั่งเค้าคงคิดว่าพระพุทธรูปก็เป็นสิ่งของประดับตกแต่งอย่างนึง แต่สำหรับเราชาวพุทธ ทำใจยากเหมือนกันนะ ชะเง้อคอมองเข้าไปในรั้วบ้าน เผื่อจะเจอเจ้าของบ้าน แต่ก็ไม่เห็นใคร เราก็เลยต้องละความพยายาม มุ่งหน้าไปร้านรองเท้าไม้ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 20:57:37

ความคิดเห็นที่ 5 เดินมาถึงร้านรองเท้าไม้ แต่ท้องเจ้ากรรมเริ่มร้องครวญคราง ก็เลยต้องแวะหาอะไรกินกันก่อน ในนี้มีร้านขายแพนเค้กด้วยค่ะ มาลองชิมดูว่ารสชาติเป็นไง ใกล้โต๊ะเรา เป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ สงสัยว่าน่าจะเป็นนักศึกษามาทัศนศึกษากัน เพราะเห็นมีผู้ใหญ่สองคนมาคุม อธิบายนู่น นั่น นี่ อยู่ ดูแล้วทำให้คิดถึงอดีตสมัยวัยรุ่น เวลาเราไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ แล้วแอบทำเปรี้ยว ให้อาจารย์แอบปวดหัว นี่ค่ะหน้าตาน้องแพน (เค้ก) แป้งเค้าบางๆ และเหนียวๆ ดีค่ะ เราสามารถสั่งได้ว่าจะให้ใส่อะไร คล้ายๆพิซซา เราสั่งเป็นแบบธรรมดามาลองชิม เออรู้สึกว่าตัดสินใจผิด เพราะมันเหมือนกินขนมหวานก่อนกินข้าว ยังไงยังงั้นเลย จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 20:59:14

ความคิดเห็นที่ 6 เสร็จจากกินข้าว เราก็เร่ไปชอปปิ้ง (ด้วยสายตากันค่ะ) ของที่ระลึกที่นี่มีให้เลือกหลากหลายดี แต่ราคาก็ไม่เบาทีเดียว หลังจากนั้นก็มุ่งหน้ามาที่ร้านรองเท้าไม้ รับรองไม่มีหลงค่ะ เพราะมีรองเท้ายักษ์ตั้งอยู่ เป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี (รวมทั้งเราด้วย อิอิ) ในร้านจะมีประวัติของรองเท้าไม้ ส่วนสาธิตการทำรองเท้าไม้ด้วยเครื่องจักร และแน่นอนค่ะ ของที่ระลึกที่เกี่ยวกับรองเท้าไม้ทั้งหลายแหล่ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:00:15

ความคิดเห็นที่ 7 เดินอ่านประวัติรองเท้าไม้ค่ะ  ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่ารองเท้าไม้ในยุโรปมีต้นกำเนิดมาจากไหน (คงผุพังไปตามการเวลา) รองเท้าไม้ที่เก่าสุดประมาณอายุได้ช่วงศตวรรษที่ 12 ค้นพบในอัมสเตอร์ดัมและรอตเทอร์ดามค่ะ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุนี้หรือป่าว รองเท้าไม้จึงยังไม่ล้มหายตายจาก แต่กลับกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศนี้ไปโดยปริยาย ----------- ชอบคู่นี้ค่ะ รองเท้าไม้ใส่ล้อ น่ารักน่าชัง จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:01:13

ความคิดเห็นที่ 8 ออกจากร้านรองเท้าไม้ เราเดินเลียบริมคลองไปเรื่อยๆ แล้วแวะที่ ชีสฟาร์มค่ะ เราเข้าไปไม่ทันดูการสาธิตการทำชีสและขี้เกียจรอรอบถัดไป ก็เลยเดินดูของเล่นๆ แวะซื้อโยเกิร์ตปั่นมาชิมหนึ่งถ้วย ออกมานั่งกินอยู่ข้างสนามหญ้า มีเป็ดฝูงใหญ่เดินมาทักทาย คงมีนักท่องเที่ยวให้อาหารเค้าจนชินค่ะ นั่งดูผู้คนเดินไปมาเพลินๆ ส่วนใหญ่มาเป็นครอบครัว หอบลูกจูงหลานมา มีทัวร์จีนมาลงเยอะค่ะ เห็นหัวหน้าทัวร์เดินถือธงนำลูกทัวร์อยู่หลายกลุ่ม คุณแฟนเดินไปห้องน้ำ พร้อมกับตามหาร้านให้เช่าจักรยาน เดินกลับมาทำหน้าผิดหวังเพราะร้านปิดค่ะ กำลังคิดว่าจะกลับไปดูพิพิธภัณท์ดีหรือป่าว ปรากฏว่า ท้องฟ้าเริ่มเปิด  เราก็เลยคว้ากล้องวิ่งไปถ่ายรูปกังหันลมค่ะ ลืมเรื่องพิพิธภัณท์ซะสนิท ------------ ชีสฟาร์ม จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:02:39

ความคิดเห็นที่ 9 ดูจากแผนที่ ที่นี่จะมีกังหันลมอยู่ 6 ตัวตั้งเรียงรายไปตามฝั่งแม่น้ำ แต่ละตัวมีชื่อเรียกเฉพาะซะด้วย เดินอ่านประวัติไปเรื่อยๆ ได้ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาอีกเยอะ ความจริงกังหันลมที่เราเรียกกันติดปาก มันคือโรงสีหรือโรงโม่ดีๆ นี่เอง ตัวกังหันที่หมุนอยู่ข้างบนเป็นส่วนหนึ่งของกลใกในการแปลงพลังลมมาใช้ในการผลิต ซึ่งก็แล้วแต่ว่าเจ้าของมีจุดประสงค์ว่าจะนำไปใช้อะไร  กังหันลมตัวใหญ่ๆ ก็มักจะสร้างให้อยู่ติดกับโกดังหรือที่อยู่อาศัย กังหันลมมีหลายชนิดค่ะ ถ้าย้อนหลังไปสมัยโบราณมากๆ ก็จะแบ่งเป็น แบบแนวนอน (Horizontal windmills) กับแบบแนวตั้ง (Vertical windmills) ส่วนหน้าตาของจริงทั้งสองแบบจะน่ารักน่าชังยังงัย เราก็ไม่สามารถจะบอกได้ เพราะเค้าเหลือแต่รูปสเกตให้ดู --------- กังหันลมกับดงดอกไม้ (แอบโรแมนติค) แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 55 21:05:01 จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:04:21

ความคิดเห็นที่ 10 กังหันลมแบบสมัยใหม่ขึ้นมาอีกนิดก็จะแบ่งเป็น Post mill เพราะใบพัดตั้งอยู่บนเสาสูงๆ พัฒนาขึ้นมาอีกนิดก็เป็น Hollow-post mill  ซึ่งเค้าจะทำเสาให้กลวงๆ เพื่อให้สามารถเดินเข้าไปทำงานตอนกังหันหมุนได้ ใหม่กว่านั้นก็เป็น Tower mill และ Smock mill ซึ่งยังคงเหลือให้เราเห็นมากกว่าแบบแรกๆ อ่านดูแล้วรู้สึกเหมือนกลับไปเข้าชั้นเรียนอีกรอบนึงเลยนะเนี่ย เราเริ่มเดินดูจากหมายเลข 1 ชื่อ De Huisman (The houseman) สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ 1243 ในเมืองซานส์ดัม เดิมทีใช้บดยาสูบ เปลี่ยนไปบดมัสตาร์ด และเปลี่ยนไปเป็นโรงเลื่อย พอโดนโยกย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านนี้ (พ.ศ 2498) ก็เปลี่ยนกลับไปบดมัสตาร์ดเหมือนเดิม ตามคำบรรยายบอกว่าเป็น รูปแปดเหลี่ยม เดินนับยังไงก็ไม่ได้แปดเหลี่ยม (มึนค่ะ) ตอนที่เราไปไม่เปิดให้เข้าชมภายในค่ะ แต่เห็นมีเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ข้างใน พอเราเดินไปด้อมๆ มองๆ เค้าก็โบกมือทักทายให้ ----------- De Huisman บ้านเขียว หน้าต่างแดง ได้ใจจริงๆค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:07:18

ความคิดเห็นที่ 11 ถัดไปเป็นกังหันลมตัวที่ 2 ชื่อ De Gekroonde Poelenburg (The Crowned Poelenburg) (ชื่อยาวไปไม๊เนี่ย) ถือเป็นหนึ่งใน post mill ที่เหลืออยู่น้อยนิดในเขตนี้คะ อ่านประวัติของเค้าแล้ว แอบเรียกว่าคุณปู่กังหันแล้วกัน เดิมทีถูกสร้างขึ้นที่ Koog aan de Zaan เมื่อ พ.ศ 2412 แทนตัวเก่าที่ถูกรื้อออกไป เพื่อเปิดทางให้กับทางรถไฟสาย อัมสเตอร์ดัม อัคมาร์ เปรียบเป็นคนนี่ต้องถือว่าโชกโชนไม่น้อย หลังจากนั้นในปี พ.ศ 2447 ก็โดนย้ายมาอยู่ ซานส์ดัม เพื่อแทนกังหันลมตัวนึงที่โดนไฟไหม้ แล้วก็โดนย้ายอีกรอบมาอยู่ที่ซานส์ สคันส์ คุณปู่ Poelenburg นี่ถือว่าเป็นกังหันดาวเด่นของที่นี่ ด้วยว่าสูงและสีสันสะดุดตา นักท่องเที่ยวมาด้อมๆ มองๆ ถ่ายรูปกันเยอะค่ะ ------------ De gekroonde Poelenburg   หน้าตาเหมือนคุณปู่ใจดี กำลังยิ้มให้เด็กๆที่มารุมล้อม (ฟุ้งซ่านได้อีก) จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:08:36

ความคิดเห็นที่ 12 เดินมาอีกนิดจะเจอกังหันตัวที่ 3 ชื่อ De Kat หรือ The Cat อ่ะคะ ตั้งชื่อเล่นให้ว่าน้องแคทแล้วกัน  น้องแคทนี่ดูจะอยู่ติดที่ เพราะว่าถูกสร้างขึ้นในเขต ซานส์ สคันส์นี้เอง แต่ก็โดนไฟไหม้ และก็มีการสร้างใหม่ รื้อบางส่วนออกไป และนำกลับมาต่อเติม หลายอย่าง สุดท้ายก็อย่างที่เห็นคือ ตัวกังหันจะอยู่บนโกดังเก็บของที่ชื่อ De Kat ก็เลยกลายเป็นชื่อเรียกกังหันไปด้วย ปัจจุบันน้องแคทมีหน้าที่บดวัตถุดิบสำหรับใช้ทำสี เชื่อกันว่าน่าจะเป็นกังหันลมตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ในบรรดากังหันลมกลุ่มนี้ ---------- De Kat มองจากด้านข้าง ถ้าถ่ายจากด้านหน้ารูปออกมาไม่สวยเลยค่ะ เพราะเราดันมาตอนบ่าย ต้องถ่ายรูปย้อนแสง จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:09:33

ความคิดเห็นที่ 13 มาเข้าห้องเลคเชอร์กันต่อกับกังหันตัวที่ 4 ชื่อ De Zoeker (The Seeker) กังหันตัวนี้อายุอานามก็ไม่มากไม่น้อย แค่340 ปีค่ะ (สร้างเมื่อ พ.ศ 2215 ในเขต Zaandijk) ส่วนประวัติการรับใช้ชาติก็ยาวนานไม่แพ้กัน  ก็เริ่มจากเป็นกังหันวิดน้ำในท้องทุ่ง เปลี่ยนไปเป็นบดเมล็ดพืชเพื่อทำน้ำมัน หลังจากนั้นก็ไปทาสี เอ๊ะไม่ใช่ซิ บดวัตถุดิบเพื่อใช้ทำสี  เปลี่ยนกลับมาทำน้ำมันอีก ประมาณ พ.ศ 2511 คุณ The Seeker ก็ได้รับเทียบเชิญเข้าสังกัดดาวรุ่ง หมู่บ้านอนุรักษ์กังหันลมซาน สคันส์ เล่ากันว่า (ไม่รู้ใครเล่า) ว่าการขนย้ายต้องใช้รถเครนยกตัวกังหัน ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 18 ตัน ขึ้นรถไฟมาต่อเรือล่องมาตามแม่น้ำซานส์ หนึ่งวันหนึ่งคืน หลังจากได้รับการซ่อมแซม ตกแต่ง ทาสี เจ้าเดอะซีกเกอร์ก็กลับมาให้บริการบดเมล็ดพืชเพื่อทำน้ำมันได้อีกครั้ง ถือว่าเป็นกังหันตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ในกลุ่มกังหันลมทำน้ำมัน ที่ยังสามารถทำงานผลิตน้ำมันด้วยวิธีดั้งเดิม ในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่น ก็ปลดประจำการกันไปหมดแล้ว -------- De Zoeker จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:11:04

ความคิดเห็นที่ 14 พิเศษกว่ากังหันลมตัวอื่น เพราะทางหมู่บ้านเปิดให้เข้าชมภายในตัวกังหัน  ได้เห็นกลไกการทำงานอย่างชัดเจน ค่าเข้าชม 3 ยูโรค่ะ -------- มีการบดเมล็ดพืช โชว์นักท่องเที่ยว จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:13:08

ความคิดเห็นที่ 15 ถัดมาอีกนิด จะเห็นท่อนไม้ลอยระเกะระกะอยู่ในน้ำใกล้ๆกังหันลมตัวนึง  เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าเนี่ยมีไว้เลื่อยไม้แน่นอน เค้ามีชื่อเสียงเรียงนามว่า Het Jonge Schaap หรือ The Young Sheep ซึ่งเราก็แอบเรียกของเราเองว่าเจ้าแกะน้อย กังหันลมตัวนี้ ต้นฉบับจริงๆ ถูกสร้างขึ้นประมาณ พ.ศ 2223 แล้วก็ถูกรื้อไปเมื่อ พ.ศ 2485 (ไม่มีข้อมูลว่าถูกรื้อเพราะอะไร อาจจะเก่าและผุพัง ก็เป็นได้) แต่ก่อนโดนรื้อนี่ ก็มีการวัดสัดส่วน เก็บข้อมูลไว้อย่างละเอียด ทำให้สามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้สร้างเจ้าแกะน้อยขึ้นมาอีกครั้ง การก่อสร้างเริ่มดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ 2547 ในที่สุดเจ้าแกะน้อยก็ฟื้นคืนชีพ มาประจำการ ให้บริการเลื่อยไม้ โชว์นักท่องเที่ยวได้ เมื่อปี พ.ศ 2550 ใช้งบก่อสร้างไปประมาณ 1.8 ล้านยูโร แอบแพงนะเนี่ย ------ Het Jonge Schaap จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:15:08

ความคิดเห็นที่ 16 ผ่านเจ้า The Young Sheep มาแล้ว เราก็ยังคงเดินเลียบฝั่งแม่น้ำซานส์ไปเรื่อยๆ ผ่านกังหันลมอีกตัวชื่อ De Os (The Ox) ซึ่งตอนนี้ปลดประจำการเรียบร้อย สังเกตุได้ว่าตัวกังหันลมได้ถูกถอดออกไป ส่วนฐานก็ปรับเปลี่ยนไปเป็นที่เก็บของ สุดท้ายและท้ายสุดเราก็เดินมาถึงกังหันลมตัวสุดท้ายในบริเวณนี้ชื่อว่า De Bonte Hen (The Motley Crew)  กังหันลมตัวนี้ดูจะไม่ค่อยถูกโฉลกกับฝนฟ้านัก เพราะตั้งแต่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ 2236 ก็โดนฟ้าผ่าและไฟไหม้และก็ผ่านการซ่อมแซมกันไปหลายรอบ จนพ.ศ 2516 ก็ได้รับการซ่อมแซมใหญ่อีกครั้ง ทำให้กังหันลมตัวนี้สามารถกลับมาใช้งานในการบดเมล็ดพืชเพื่อทำน้ำมันได้อีก ติดกันก็เป็นโกดังสำหรับเก็บน้ำมัน ---------- De Bonte Hen กับฟ้าใสๆ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:16:54

ความคิดเห็นที่ 17 ติดกับกังหันลมตัวนี้  จะมีเรือสำหรับข้ามฟากไปฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ชื่อ Oud Zaandijk เรือข้ามฟากให้บริการโดยอาสาสมัคร เก็บค่าบริการคนละ 1 ยูโรค่ะ พอขึ้นเรือ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะแจกแผนที่มาให้หนึ่งแผ่น พร้อมกับแนะนำเราว่ามีอะไรน่าสนใจอยู่ตรงไหน พอเรือออกจากฟาก เพิ่งนึกได้ว่า อ้าวช้านยังไม่ได้ดูพิพิธภัณท์ซาน สคันส์เลยอ่ะ จะเปลี่ยนใจตอนนี้ก็กระไรอยู่ สงกะสัยต้องว่ายน้ำกลับไป ก็เลยตามเลยแล้วกันนะ ------ ลงเรือไปเที่ยว Oud Zaandijk กันค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:17:55

ความคิดเห็นที่ 18 ตามมาชมด้วยคนค่ะ เพิ่งไปมาเมื่อเมษานิเอง จากคุณ : apple.007 เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:18:18

ความคิดเห็นที่ 19 ขึ้นจากเรือแล้ว เราก็กางแผนที่เดินหาบ้านไม้เก่าแก่ในแถบนี้ที่เรียกว่า Zaandiji Lock บ้านไม้เหล่านี้มีเอกลักษณ์คือ จะทาสีเขียวเข้ม วงกบประตูหน้าต่างส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว หลังเล็กๆ ไม่ใหญ่มากนัก ดูโดดเด่นเด้ง ต่างจากเพื่อนบ้านรอบๆ ซึ่งเป็นตึกก่ออิญถือปูน เราเดินดูรอบๆ เห็นบางหลังก็มีป้ายประกาศขาย แต่บางหลังก็เหมือนจะยังมีคนอยู่ คิดอยู่ในใจว่ามันเป็นบ้านคนหรือบ้านตุ๊กตากันแน่นะเนี่ย น่ารักเกินเหตุ ยิ่งพอก้มหน้ามาอ่านโพยในมือว่าบ้านส่วนใหญ่สร้างขึ้นมาตั้งแต่พ.ศ 2270 ถึงจะผ่านการซ่อมแซมมาบ้างแต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างดี แล้วก็ยิ่งอิ้งและทึ่งกับการใส่ใจอนุรักษ์ สิ่งก่อสร้างของคนที่นี่ ------------ เล็กๆ แต่น่ารัก จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:19:41

ความคิดเห็นที่ 20 apple.007 -----ตามมาเลยค่า จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:20:27

ความคิดเห็นที่ 21 ไปเมื่อปีที่แล้ว คิดถึงเนเธอแลนด์จังค่ะ จากคุณ : คนดีผีคุ้ม เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:21:52

ความคิดเห็นที่ 22 ตามแผ่นพับที่ได้มาจากเจ้าหน้าที่ จะมีคำแนะนำว่าให้แวะดูบ้านเก่าๆ ที่สำคัญอย่างเช่น บ้านเลขที่ 104 ซึ่งเคยเป็นศาลากลางจังหวัดเก่า (Zaandijk’s former town hall) บ้านเลขที่ 134 ซึ่งเดิมเป็นโรงงานทำชอคโกแล็ต แต่ตอนนี้กลายเป็นแฟลตที่พักอาศัยไปแล้ว แต่พอเดินดูไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเพลิดเพลินกับการถ่ายรูป จนลืมแวะไปซะสนิท ---------- เห็นป้ายแว้บๆ ว่าเป็นบ้านเลขที่ 104 ซึ่งเคยเป็นศาลากลางจังหวัดเก่า จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:22:23

ความคิดเห็นที่ 23 ตามชมภาพสวยๆ เรื่องราวดีๆครับ จากคุณ : jiwyeefun เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:23:00

ความคิดเห็นที่ 24 คนดีผีคุ้ม -----ปะ ไปเที่ยวกันอีกรอบ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:23:09

ความคิดเห็นที่ 25 ระหว่างทางเดินชมบ้านเล็กบ้านน้อย เราก็สวนทางกับชาวบ้าน เค้าก็ยิ้มแย้ม ส่งเสียงทักทายมาว่า ‘Japan’ เราก็เซย์โนไปอย่างรวดเร็ว ‘No, Thailand’ เลือดคนไทยเข้มข้นค่ะ แต่ไม่รู้เค้าจะรู้จักประเทศเราหรือป่าวเนอะ เห็นเดินตัวปลิวไปเลย ------- บ้านแต่ละหลังจะทำหน้าจั่วมีลวดลายประดับประดาสวยงาม จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:24:46

ความคิดเห็นที่ 26 jiwyeefun -----ขอบคุณค่ะ ช้าหน่อยนะคะ ดูโอลิมปิคไปด้วย โพสไปด้วย จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:25:52

ความคิดเห็นที่ 27 น่ารักคูณสอง บ้านหลังซ้ายเป็นหน้าจั่วแบบ funnel-shaped เรียบๆแต่ก็ดูดี ส่วนหลังขวามือนี่ ข้อมูลไม่ค่อยชัดเจน แต่คิดว่าเป็น Bell-shaped ที่ตกแต่งได้เลิศหรูอลังการงานสร้างมากๆ ใครชอบดูบ้านเก่า มาเดินที่นี่ไม่ผิดหวัง จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:28:25

ความคิดเห็นที่ 28 เดินกินลมชมวิวกันมาเรื่อยๆ จนวนกลับมาถึงทางเข้าที่เรามาเมื่อเช้า ถึงตอนนี้ท้องเริ่มร้องเตือนค่ะ เราก็เลยแวะกินแซนวิช กะกาแฟ ได้เวลาโรงเรียนเลิกพอดี เห็นเด็กๆ ขี่จักรยานกลับบ้านกันเป็นแถว เห็นแล้วอดคิดถึงสมัยเราเป็นเด็กๆ ไม่ได้ --------- รูปนี้ไม่ได้มีปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติอะไรนะคะ แค่ลองเล่นกับความเร็วชัตเตอร์ดูค่ะ ก็เลยได้รูปไหวๆ แบบนี้มาแทน แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 55 21:37:00 จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:30:51

ความคิดเห็นที่ 29 เติมพลังกันได้พอสมควร ก็ถึงเวลาเดินกลับไปขึ้นรถไฟเพื่อกลับที่พักค่ะ ถึงที่พักก็เกือบทุ่มแต่ฟ้าก็ยังสว่างอยู่ เรารื้อเอาเสบียงที่ซื้อไว้เมื่อวานออกมาทำกับข้าว (จริงๆคือแฟนทำ ส่วนเรานั่งให้กำลังใจ) กินเสร็จก็นั่งปรึกษาหารือกันว่าคงต้องพักที่นี่ต่ออีกซักสองคืน เพราะขี้เกียจหาที่พักใหม่ เราเข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่เสร็จแล้วก็เข้านอน เก็บแรงไว้พรุ่งนี้ ------- ห้องครัวกลางแจ้งที่สุดแสนโรแมนติค เพราะคลุมไปด้วยเถาของต้น Wisteria  วันที่ไปวันแรกดอกยังตูมๆ อยู่เลยค่ะ แต่วันกลับเริ่มบาน อีกสองสามวันคงจะบานสะพรั่งแน่ๆ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:33:41

ความคิดเห็นที่ 30 วันนี้เราตื่นแต่เช้า เพราะตั้งใจจะไปเที่ยวสวน เคอเคนฮอฟกันค่ะ  ออกจากที่พักตอนแปดโมงเช้า พอถึงสถานีรถไฟก็ก้มหน้าควานหาเหรียญเพื่อหยอดตู้ซื้อบัตร ค่าตั๋วจากสถานี อัมสเตอดัม ฮอล์แลนด์เดร็ค ถึงเลเดน คนละ 8 ยูโรค่ะ นับไปนับมา งานเข้าแล้วค่ะพี่น้องเพราะมีเหรียญอยู่ในกระเป๋าแค่ 10 ยูโร ยังขาดอีกตั้ง 6 ยูโร หันซ้ายหันขวา สถานีนี้ตอนเช้าเงียบมาก ไม่มีร้านค้าเลย จะไปแลกเหรียญที่ไหนละเนี่ย เราเดินไปถามคุณผู้หญิงที่ยืนแจกหนังสือพิมพ์อยู่แถวนั้น แต่คุณพี่ก็พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ก็บอกแต่ว่าไม่มีเหรียญให้แลก สุดท้ายเราก็เลยต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยกันนั่งเมโทรย้อนเข้าไปในเมือง มาลงแถว Amstelstation เพราะตรงนี้เป็นสถานีใหญ่ มีร้านกาแฟที่เปิดแต่เช้า เราก็เลยถือโอกาส ซื้อกาแฟร้อนกับขนมปังกินรองท้องกันก่อน ยืนนับเหรียญกันอีกรอบ จนแน่ใจว่าครบแล้วก็จัดแจงซื้อตั๋ว มุ่งหน้าไปไลเดนกันค่ะ ---------- จักรยานคันน้อย หน้าตึกหลังนึงในเลเดน จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:36:36

ความคิดเห็นที่ 31 เรามาลงรถไฟที่เลเดนเพื่อต่อรถบัสไปสวนเคอเคนฮอฟ แต่สงกะสัยเมื่อเช้าจะลืมดูฤกษดูยามก่อนออกจากที่พักรึไงเนี่ย เพราะตั้งกะขึ้นรถไฟจนถึงเลเดน ฝนตกตลอดทาง ยิ่งเดินออกมานอกสถานีลมก็ยิ่งแรงขึ้น พอดีเห็นป้ายศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว ก็เลยแวะเข้าไปดู ได้โบรชัวร์แนะนำเลเดนมาหนึ่งแผ่นค่ะ นอกกะนั้นขายค่ะขาย ไม่แจกฟรี มีตั๋วรถบัสขายพร้อมตั๋วเข้าสวนเคอเคนฮอฟเป็นเซ็ตราคา 21 ยูโรด้วยค่ะ เราเดินวนไปวนมา เห็นสภาพอากาศแล้วก้มลงมองกระเป๋ากล้อง อุตส่าห์ลงทุนแบกเลนส์ถ่ายรูปมาโครมา แต่ฝนฟ้าไม่เป็นใจ สุดท้ายก็เลยถอดใจค่ะ ชวนคุณแฟนไปหาข้าวกินและเดินเที่ยวเลเดนกันดีกว่า ก่อนออกมาข้างนอกก็เดินสวนกับสองสาวใหญ่ คงเห็นเราเป็นคนเอเชียเหมือนกันก็เลยเดินมาทักทาย ได้ความว่ามาจากสิงคโปร์ และมาพักกับญาติที่นี่ กำลังจะเข้าไปเที่ยวอัมสเตอดัม เธอก็ถามเราว่าซื้อแผนที่อัมสเตอดัมแบบไหนดี เพราะมีหลายแบบ (และแพงด้วย อันนี้เราแอบคิดในใจเอานะ)  เราก็เลยยกแผนที่ที่เราปรินท์มาจากเมืองไทยให้เธอไป บอกว่าให้ลองดูก่อน ถ้ายังไม่ละเอียด ไปถึงอัมสเตอดัมแล้วค่อยเข้าไปซื้อที่ศูนย์นักท่องเที่ยวก็ได้ เธอก็ขอบอกขอบใจเราใหญ่ แถมแนะนำที่ท่องเที่ยวในไลเดนให้เรา เป็นมิตรภาพดีๆที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางค่ะ -------- ริมฝั่งแม่น้ำไรส์ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:38:47

ความคิดเห็นที่ 32 สายฝนยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด เราหลบเข้าไปในร้านแม็คโดนัล นั่งกินอาหารเช้า จิบกาแฟกันไปเรื่อยเปื่อย พอฝนเริ่มซา ก็เริ่มเดินชมเมืองกัน สิ่งแรกที่สะดุดตาเราก็คงจะเป็นกังหันตัวโตที่ตั้งอยู่ริมคลอง (ไม่รู้จะติดอกติดใจอะไรกันนักหนาเนี่ย) อ่านในโบรชัวร์บอกว่า นี่เป็นกังหันลมตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ในบริเวณนี้ อ่ะฮ่า จะพลาดได้ยังไง เราสองคนก็รีบเดินลิ่วเข้าไป (จริงๆ คือ ต้องการหลบฝนเพราะฝนตก ลมแรง และหนาวมาก) เราพาตัวเองมายืนแหงนคอตั้งบ่าอยู่หน้ากังหันหันลมที่มีชื่อว่า De Valk (The Falcon) เจ้า De Valk นี่จัดเป็น ทาวเวอร์ มิลล์ ตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ในบรรดาทาวเวอร์ มิลล์ 19 ตัวที่สร้างไว้บนกำแพงเมืองไลเด็น ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 มีทั้งหมด 7 ชั้น ซึ่งเปิดให้ชมได้ทั้งหมด โชคไม่ค่อยดีอีกเรื่อง คือกังหันตัวนี้กำลังอยู่ในระหว่างการซ่อมแซม ถึงแม้จะเปิดให้เข้าชมแต่เราไม่สามารถเดินออกมาชมวิวตรงระเบียงด้านนอกค่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เราก็ตัดสินใจซื้อตั๋วเข้าไปชมด้านใน ค่าตั๋วคนละ 3 ยูโร ------- De Valk แบบขาวดำค่ะ แบบว่าวันนี้ฟ้าหม่นหมองมากมาย จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:42:20

ความคิดเห็นที่ 33 เข้ามาชมด้านในกัน จากประตูทางเข้าเราจะเดินผ่านแผ่นหินขนาดใหญ่ น้ำหนักหลายตัน ซึ่งเคยเป็นส่วนประกอบหนึ่งของกลไกในการทำงานบดวัตถุดิบเพื่อทำแป้ง เดินเข้ามาข้างในจะเป็นส่วนที่พักอาศัย มีทั้งครัว ห้องพักผ่อน เฟอร์นิเจอร์ ส่วนใหญ่ได้รับการรักษาไว้และยังอยู่ในสภาพดี -------- ส่วนที่พักอาศัย ประตูสีน้ำเงินสด ได้ใจจิงๆ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:44:20

ความคิดเห็นที่ 34 บ้านน่ารักมากค่ะ ..ขอตามไปเที่ยวต่อด้วยนะคะ จากคุณ : เถาไอวี่ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:45:06

ความคิดเห็นที่ 35 ขึ้นบันไดมาชมชั้นหนึ่งและชั้นสอง จะเป็นส่วนนิทรรศการ จัดแสดงเครื่องไม้เครื่องมือเก่าๆ การเดินอ่านประวัติของเจ้า ดิ โวค เนี่ยทำให้เราได้ความรู้รอบตัวมาใส่หัวได้อีกมากโข ว่าแท้จริงแล้ว ต้นฉบับกังหันลมไม่ได้เกิดในเนเธอร์แลนด์แต่ประการใด (ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าใครเป็นคนต้นคิด) เพียงแต่มีการนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายในประเทศ และมีการเก็บรักษาของเก่าไว้ได้เป็นอย่างดีทำให้เหลือตกทอดมาให้ชนรุ่นหลังเห็นมากกว่าในประเทศอื่น เดินขึ้นมาชั้นสาม ยังเป็นส่วนของนิทรรศการอยู่ แต่ที่เราชอบมากคือ จะมีแผนที่อยู่แผ่นนึงจะมีรูปกังหันลมเป็นจุดๆ อยู่ พอกดปุ่มหนึ่งจะแสดงให้เห็นจำนวนกังหันลมที่มีในเขตเลเดน พอเรากดปุ่มถัดไปเรื่อย จำนวนกังหันลมก็จะเริ่มลดลงไปเรื่อย สุดท้ายก็เหลือ เจ้าดิ โวค  ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ตัวเดียว แอบคิดในใจว่าถ้าเค้าเป็นคน คงเป็นผู้สุงอายุ ที่ยืนเฝ้ามองความเป็นไปของบ้านเมือง ผ่านร้อนผ่านหนาว เพื่อนฝูงต่างล้มหายตายจากไปกันหมด ไม่รู้เค้าจะรู้สึกเหงาบ้างรึป่าว ฮ่าๆ ฟุ้งซ่านซะงั้น -------- เห็นภาพนี้แล้ว แอบคิดถึงโม่คุณยาย เก่าๆ สมัยเราเป็นเด็ก (เผยอายุอีกแล้ว) จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:46:22

ความคิดเห็นที่ 36 เถาไอวี่ ---ตามมาเลยค่าา จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:47:01

ความคิดเห็นที่ 37 จากชั้นสี่ถึงชั้นเจ็ด เริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ เราต้องปีนกระไดขึ้นไป เล่นเอาหอบไปสามแฮกมั้ง สามชั้นนี้จะเป็นพื้นที่ทำงานค่ะ เป็นส่วนควบคุมกลไกของกังหัน บรรจุแป้งลงกระสอบ แอบคิดในใจทำมัยต้องขึ้นมาทำงานสูงแท้ว้า แต่คนโบราณเค้าก็มีเหตุผลของเค้าเนอะ  เพราะว่ากังหันตัวนี้ตั้งอยู่ในเชตชุมชน จึงต้องสร้างให้สูงกว่าบ้านที่อยู่อาศัยรอบๆ ตัวกังหันจะได้รับลมได้ทุกทิศทาง อือ มีเหตุมีผลนะ วันที่เราไป มีช่างกำลังซ่อมแซมพื้นที่บางส่วนอยู่  โดยเฉพาะตรงระเบียง เราก็เดินดูข้างในอยู่อย่างเงียบๆ แล้วก็ปีนกระไดกลับลงมาอย่างเงียบๆ และก็แอบหอบอยู่อย่างเงียบๆ --------- เป็นหินที่ใช้บดแป้ง หนักหลายตันอยู่ เค้าขนกันขึ้นมายังไง จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:49:49

ความคิดเห็นที่ 38 แวะดูร้านขายของที่ระลึก แต่เห็นราคาแล้วระทึกไปนิด พอฝนซาก็เริ่มออกมากางแผนที่เดินชมเมืองกันต่อ ดูจากประวัติแล้วเลเดนเป็นเมืองเก่าแก่ไม่ใช่น้อยเลยค่ะ  เพราะรุ่งเรืองมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เนื่องจากตั้งอยู่ในทำเลทองเป็นจุดเชื่อมการจราจรทั้งทางน้ำและทางบก  ผ่านยุครุ่งเรืองและตกต่ำเฉกเช่นเมืองอื่นๆ ปัจจุบันนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้จักเมืองนี้ในภาพของเมืองแห่งมหาลัย บ้านของจิตรกรชื่อดัง แรมแบรน แวน ไรท์ (Rambrandt van Rijn) เจ้าของเทคนิค ภาพพิมพ์กัดกรด (etching) อันลือชื่อ เรากางแผนที่เมืองดูแล้ว แอบคิดถึงอยุธยาบ้านเราตะหงิด เพราะไลเดนก็มีสภาพเป็นเกาะอยู่กลายๆ เพราะมีคลองล้อมรอบ แต่เค้าใหญ่กว่ามากๆๆ ตามแผนที่แนะนำให้นักท่องเที่ยวที่มีเวลาน้อย (เช่นเราเป็นต้น) เดินเที่ยวตามธีมที่สนใจ เช่น Rambrandt trail ก็จะผ่านสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับ แรมแบรน  ถ้าเป็น Almshouses walk ก็จะผ่านบ้านสไตล์เลเดน ที่เรียกว่า Almshouses ซึ่งเค้าภาคภูมิใจเป็นนักหนาว่ายังรักษาไว้ในสภาพเดิม ชนิดที่ว่าเวลาก็ทำอะไรไม่ได้ ว่างั้นเถอะ (time seems to stand still) ยังงี้ก็ต้องพิสูจน์กันหน่อยแล้ว ------- ฟ้าเริ่มเปิดแล้ว เย้ๆ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:53:00

ความคิดเห็นที่ 39 ถึงแม้ฝนจะหยุดแล้ว แต่อากาสกลับเย็นลงเรื่อยๆ สุดท้ายคุณแฟนทนหนาวไม่ไหว เนื่องด้วยใส่เสื้อเสวตเตอร์บางๆ มาตัวเดียว ต้องแวะซื้อเสื้อกันหนาวเพิ่ม พระเจ้าไม่เข้าข้าง ช่วงนี้เป็นช่วงใบไม้ผลิ ในร้านก็มีแต่เสื้อคลุมบางๆ (ช่างไม่เห็นใจคนไทยขี้หนาวอย่างเรามั่งเลยนิ) ก้มๆ เงยๆ เลือกกันอยู่พักใหญ่ก็ได้เสื้อแจคเก็ตมาหนึ่งตัว แต่เห็นราคาแล้วก็แอบหนาวกว่าเดิม จ่ายไป ร้อยกว่ายูโร เดินตัวปลิวออกจากร้านมา มายืนกินลม ชมวิวอยู่หน้าร้าน ลังเลว่าจะไปซ้ายหรือขวาดี เหลือบไปเห็นป้ายร้านอาหารร้านนี้ อือ ทำเอาเรามึนไปกว่าเดิม ชื่อร้านช่างทำร้ายจิตใจเราชาวพุทธเหลือเกิน ก็ได้แต่ท่องไว้ในใจ อย่ายึดติด ------ ภาพนี้ ไร้คำบรรยายค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:55:18

ความคิดเห็นที่ 40 ตั้งใจว่าจะเดินตาม Almshouses walk ค่ะ แต่เดินไปเดินมาก็มั่ว (ตามเคย) มาโผล่ตรงริมคลอง เห็นตึกประตูแดงๆ ก็เดินรี่เข้าไปดู รู้สึกมาเมืองนี้เราจะเป็นโรคแพ้สีแดงไปซะและ  หลังจากเดินวนเป็นหนูติดจั่นอยู่หน้าประตู หาประวัติอ่านมาได้น้อยนิดว่าตึกนี้คือ Stadsgehoorzaal ซึ่งเป็นโรงละครเก่าแก่มั่กๆ ของเมืองนี้ เป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบ นีโอ เรเนซอง ซึ่งปัจจุปันในเนเธอร์แลนด์หาดูได้ยากมาก  โรงละครนี้ยังเปิดให้บริการอยู่ มีการจัดแสดงคอนเสริต และการบันทึกแผ่นซีดีออกมาจำหน่าย เสียดายที่เราไม่สามารถเข้าไปดูข้างในได้ ได้แต่ชะเง้อชะแง้ ชื่นชมความงามอยู่ข้างนอก -------- ประตูแดง เสื้อเขียว นายแบบหนูเท่ไม๊ค๊า จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:57:08

ความคิดเห็นที่ 41 หน้าโรงละครนี้จะเป็นสะพานไม้เก่าแก่ ซึ่งเคยเป็นท่าเรือเก่า ไว้ใช้ขนถ่ายสินค้า ตรงนี้เป็นแม่น้ำไรน์นะคะ แต่พอเลยหน้าโรงละครไปแล้ว ลำน้ำก็แยกเป็นสองสาขา เรียกว่า Oude (old) Rijn)กับ Nieuwe (new) Rijn เราเห็นมันเล็กๆ ก็แอบเรียกอยู่ในใจว่าคลอง เราเดินเลียบริมคลองมาอีกติ๊ดนึง แวะนั่งพักเหนื่อยหน้าร้านไอติม ข้างๆ เป็นเหมือนโบสถ์เก่า แต่เห็นคนเดินเข้าออกบ่อยๆ ก็เลยอดแวะไปดูไม่ได้ กลายเป็นว่า ตึกนี้คือ Stadhuis Leiden หรือ town hall ค่ะ เป็นตึกที่มีรูปทรงเป็นเอกลักณ์และมีประวัติยาวนานย้อนหลังไปถึงศตวรรษที่ 15 บางส่วนโดนไฟไหม้ไปช่วงศตวรรษที่ 19 อีก 10 ปีหลังจากไฟไหม้ ก็มีการซ่อมแซมกลับขึ้นมาใหม่ --------- Town hall – ด้านหน้ายังมีรูปเหตุการณ์ไฟไหม้และการดับไฟไว้ให้ดู จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 22:00:03

ความคิดเห็นที่ 42 เริ่มเหนื่อยแล้วค่ะ ก็เลยเดินกลับมาทางด้านตะวันตกเพื่อกลับไปสถานีรถไฟ ระหว่างทางเดิน สายตาเหลือบไปเห็นป้ายมหาวิทยาลัยเวบสเตอร์ (Webster University) เข้า ไม่ได้การและ ขอแวะถ่ายรูปหน่อยละกัน แต่พอเดินมาใกล้ๆ สายตาสะดุดเข้ากับประตูแดง (อีกแล้ว เป็นอะไรกับสีแดงมากไม๊เนี่ย) ก็เลยลืมเรื่องมหาวิทยาลัยซะสนิท ตึกเก่าแก่หลังนี้คือ Stadstimmerwerf  อ่านประวัติและจับใจความอย่างกระท่อนกระแท่นได้ว่า เป็นตึกที่ออกแบบและสร้างโดยสถาปนิกชื่อดังชาวดัชท์ชื่อ ลิเวน เดอ คี (Lieven de Key) ตัวตึกและบริเวณลานด้านหน้า (ซึ่งตอนนี้กลายสภาพเป็นถนนไปเรียบร้อย) เคยเป็นที่ทำงานเก่าเกี่ยวกับงานช่างไม้ การซ่อมบำรุง และโกดังเก็บของทางเทศบาลเมืองเลเดน  หลังจากปลดระวางแล้ว ก็ได้รับการดัดแปลงเป็นบ้านพักคนชรา --------- Stadstimmerwerf เป็นตึกสไตล์ดัตช์ หน้าจั่วแบบ step gable เก่าแก่แต่ก็น่าอยู่มั่กๆ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 22:03:54

ความคิดเห็นที่ 43 แถมนิดนึงค่ะ คุณเวน เดอ คีเนี่ย เป็นสถาปนิกซึ่งถนัดทางด้านสถาปัตยกรรมแนวเรเนซองมาก นอกจากตึกหลังนี้แล้ว เจ้าตึก town hall ที่เราเพิ่งเดินผ่านมาก็เป็นผลงานของคุณเค้าค่ะ ผลงานมีชื่อส่วนใหญ่จะอยู่ที่ Haarlem ถ้าใครไปเที่ยวแถวนั้น อาจจะได้เห็นตึกแบบนี้เยอะ อิอิ อยากสมัครเป็นแฟนขับจริง ไรจริง แบบว่าชอบบ้านหน้าจั่วแหลมๆ แบบนี้มว๊ากกค่ะ ------- ถึงจะเก่า แต่ก็ยังดูดี จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 22:06:36

ความคิดเห็นที่ 44 ตรงนี้เรียกว่าถนน Kort Galgewater ค่ะ เดินตรงไปเรื่อยๆ เรามาเจอเจ้านี่  วินมิลท์ เดอ พุท (Windmill de Put) และสะพานสีขาว ซึ่งพาข้ามไปยังถนนแรมแบรน ทั้งกังหันลมและสะพานนี้ถูกสร้างขึ้นมาทดแทนของเก่าในยุคศิลปินแรมแบรน ประมาณศตวรรษที่ 17 สะพานนี้สามารถยกขึ้นให้เรือแล่นผ่านไปมาได้ เราเดินเล่นดูผู้คนขี่จักรยานผ่านไปมา แอบคิดในใจว่าถ้าเป็นเมืองไทย คงได้เห็นคนมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งบนสะพานนี้เป็นแน่แท้ ด้วยบรรยากาศดูโรแมนติคเหลือเกิน แอบเห็นตรงหน้ากังหัน ก็มีการจัดโต๊ะกินเลี้ยงกันอยู่ นี่ถ้าเราทำเนียนเดินเข้าไปแบบไม่รู้ไม่ชี้ คงฮาดีพิลึก ---------- Windmill de Put ถ้าวันฟ้าใส คงสวยไม่ใช่ย่อย จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 22:10:19

ความคิดเห็นที่ 45 ใจนึงอยากเดินไปถนนแรมแบรนต่อ แต่ท้องก็เริ่มร้องอุทธรณ์ สุดท้ายก็ตกลงกันว่ากลับบ้านกันเถอะ ก้มลงดูแผนที่ เพิ่งจะเดินมาได้ไม่ถึงครึ่งเมืองเลยอ่ะ ตอนเดินกลับไปสถานีรถไฟ ท้องฟ้าเริ่มสว่าง สดใส เฮ้อ วันนี้พระเจ้าไม่เข้าข้างเราจริงๆ ส่วนตัวแล้ว ชอบเมืองนี้มากกว่าอัมสเตอดัมนะ เพราะมีอะไรหลายอย่างให้ดู แต่ไม่พลุกพล่านมาก เสียดายมีเวลาที่นี่น้อยไปนิดนึง ------- ปิดท้ายด้วยรูปนี้ เลเดน วันที่ฟ้าเกือบจะใส แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 07:11:26 จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 22:12:18

ความคิดเห็นที่ 46 ถึงที่พัก ทำกับข้าวกินเสร็จ สิ่งหนึ่งที่ไม่ลืม คือแลกเหรียญไว้หยอดตู้ซื้อตั๋วรถไฟ ตอนหน้าจะพาไปเที่ยวอูเทร็คค่ะ --------- ลากันไปด้วยภาพบ้านน้อยสีสด จากโฮสเทลที่พักค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 22:15:01

ความคิดเห็นที่ 47 แหล่งข้อมูลของเลเดนค่ะ http://molendevalk.leiden.nl/en/homepage/ http://portal.leiden.nl/en/homepage แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 55 22:18:06 จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 22:17:51

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 22:38:38

ความคิดเห็นที่ 49 ภาพดูสวย สบายตาจริงๆครับ ดูแล้วมีความสุข จากคุณ : องค์ประกอบศิลป์ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 01:26:47

ความคิดเห็นที่ 50 เล็กทาโร่ ---ขอบคุณที่ติดตามค่ะ องค์ประกอบศิลป์ ----- ขอบคุณค่ะไปเดิินเที่ยวที่นี่ ถ่ายรูปเพลินมากเลยค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 07:28:42

ความคิดเห็นที่ 51 น่าสนใจมากครับ กังหันลม บ้านเรือน แปลกตา สวยงามดีครับ จากคุณ : Biocalm เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 08:03:37

ความคิดเห็นที่ 52 สวยจังค่ะ จากคุณ : armearn เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 09:15:10

ความคิดเห็นที่ 53 เราไปหมู่บ้านซานส์ สคันส์ กับทัวร์ ต้องทำใจอย่างแรงให้เวลาน้อยมาก อยากไปเดินเลียบริมน้ำแบบคุณเรือนขวัญบ้าง เดินสบาย ๆ หามุมถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบ   อ่านทุกตัวอักษรของคุณเรือนขวัญ ได้ความรู้มากค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวดี ๆ รอชมตอนต่อไปนะคะ จากคุณ : สวยด้วยแสง-แรงด้วยสี เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 10:46:26

ความคิดเห็นที่ 54 Biocalm --- บ้านเรือนเค้ามีเอกลัษณ์ดี และเค้าก็ดูแล อนุรักษ์ไว้ได้อย่างดีด้วยค่ะ armearn --- ขอบคุณค่ะ สวยด้วยแสง-แรงด้วยสี ---- ไปกับทัวร์กีดีตรงที่ได้ไปหลายที่อะค่ะ แต่อาจจะโดนจำกัดเวลาไปนิดนึง ส่วนเราไปเองก็เรื่อยเปือย วันนึงไปได้ที่เดียวเองค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 12:19:02

ความคิดเห็นที่ 55 ไลเดน สวยจัง ตอนที่เราไปเวลาไม่พอ อดไปเลย จากคุณ : เขียนบน iPhone (@มะตูม@) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 16:15:06

ความคิดเห็นที่ 56 @มะตูม@ -----เราก็เกือบพลาดเหมือนกัน เพราะมุ่งหน้าจะไปเคอเคนฮอฟอย่างเดียว จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 18:37:39

ความคิดเห็นที่ 57 บ้านลูกกวาดหลังเล็กน่ารักจัง^^ ได้ทั้งเที่ยว ได้ทั้งความรู้ ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆนะคะ จากคุณ : สามแซ่ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 21:49:08

ความคิดเห็นที่ 58 ชอบๆๆ ค่ะ มองแล้วเหมือนต้องมนต์ได้อีกเลยค่ะ ^^ จากคุณ : Sweety-around-the-world เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 22:41:25

ความคิดเห็นที่ 59 สามแซ่ ---ขอบคุณค่ะ จะพยายามเขียนให้จบ ยังได้ไม่ถึงครึ่งทริปเลยค่ะ เฮือก Sweety-around-the-world ---- แอร๊ย เพิ่งแอบไปดูน้องนกเพนกวินมาหมาดหมาด ไว้จะหาโอกาสไปตามรอยนะคะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 22:57:52

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณที่พาเที่ยวนะคะ จากคุณ : ข้าวปุ้นจอมยุ่ง เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 21:40:44

ความคิดเห็นที่ 61 ข้าวปุ้นจอมยุ่ง --- ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยือนค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 55 12:59:24

ความคิดเห็นที่ 62 อ่านตอน 3 อูเทรคต์ (Utrecht) เฮก (The Hague) และ แอพเคาท์ (Abcoude) ได้ที่กระทู้นี้ค่ะ ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้ E12550189 จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 19:32:40