ความคิดเห็นที่ 1 จากที่พัก เรานั่งรถไฟไปอีกห้าสถานี พอเคลิ้มๆ ก็ถึงล่ะ -------------- ป้ายบอกเวลารถไฟเจ้าปัญหา ที่ทำเอาเรามึนไปสองวันกว่าจะดูรู้เรื่อง เพราะอ่านภาษาดัชท์สามแถวแรกไม่ออก จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 19:34:59

ความคิดเห็นที่ 2 มาถึงอูเทรคต์สายโด่งเลยค่ะ เพราะว่าฝนตกพรำๆ ตั้งแต่เช้า เลยแทบไม่อยากลุกจากที่นอน แถมข้อมูลอะไรก็ไม่มีซักอย่าง หวังมาพึ่งศูนย์นักท่องเที่ยว ฮ่า ฮ่า ซึ่งก็ไม่ผิดหวังค่ะ ศูนย์นักท่องเที่ยวที่นี่ข้อมูลเพียบ เพียงแต่เค้ามีไว้ขายค่ะ ไม่แจกฟรี เราก็เลยต้องทำใจ ซื้อโบรชัวร์มาหนึ่งแผ่น ในราคา 3 ยูโร สัญลักษณ์ของเมืองนี้ คงจะเป็นอื่นไกลไม่ได้ นอกจาก Dome Tower ความสูง 112 เมตร ซึ่งมองเห็นยอดแหลมๆ ได้ในระยะไกล เราซื้อตั๋วเข้าชม Dome Tower ไว้ ได้รอบบ่ายสองโมง แล้วออกไปเดินหาข้าวกิน มาลงเอยที่ คลับแซนวิชจานยักษ์จานนี้ กินกับสลัดปลาแซลมอลและผักดอง เข้ากันดีจริงๆ -------------------- ถ่ายรูปนี้ด้วยความกดดัน เพราะคนข้างๆ เล่นถือมีดกะส้อมนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 19:36:26

ความคิดเห็นที่ 3 จากโบรชัวร์ที่ซื้อมา แนะนำให้นักท่องเที่ยวเดินเที่ยวตามซอยเล็กๆ วนเป็นวงกลม ที่เรียกว่า Alleyway round เส้นทางนี้จะผ่านตรอกซอกซอยเล็กๆ น้อยๆ เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศเก่าแก่ของเมือง  จะใช้เวลาเดินประมาณชั่วโมงครึ่งค่ะ ซอยแรกที่เราเดินเข้าไป  ก็สะดุดตากับร้านขายเสื้อผ้าร้านนี้ค่ะ สีสันสุดยอดจริงๆ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 19:37:28

ความคิดเห็นที่ 4 ถัดมาอีกซอย มีชื่อเรียกว่า Zakkendragerssteeg หรือแปลแบบตรงตัว ก็คือ Carrier bags lane เพราะซอยนี้ เคยเป็นทางวิ่งของม้า สมัยโบราณคนที่นี่เค้าใช้ม้า ขนกระสอบขึ้นลงจากเรือซึ่งจอดอยู่ในคลองใกล้ๆ กันนี้ จริงๆ ตามประวัติไม่ได้บอกว่าขนกระสอบอะไร แต่เราก็แอบตั้งชื่อเองว่า ซอยข้าวสาร (ฝรั่งเค้าจะรู้จักข้าวสารกันไม๊ล่ะนั่น) --------------------- สถาพภายในซอย ตอนนี้ก็กลายเป็นร้านอาหารไปหมดแล้วค่ะ แต่ยังแอบมีหน้าต่างแดงๆ ตามสไตล์ดัชท์เหลือให้เห็นบ้าง จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 19:39:11

ความคิดเห็นที่ 5 ทะลุออกจากซอยเมื่อกี้ เรามาเดินเลียบคลองกันบ้างค่ะ ริมคลองจะมีร้านเครื่องดื่ม ตั้งโต๊ะเล็กๆ ไว้ให้แขกมานั่งชิวๆ กันค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 19:40:05

ความคิดเห็นที่ 6 เดินเข้าซอยนู้น ออกซอยนี้กันจน มึนและ งง (เหมือนเดิม) สุดท้ายก็เลยเดินกลับมาที่ตั้งหลักที่ Dome Tower ติดกับโบสถ์ มีสวนเล็กๆ ชื่อว่า Pandhof อยู่ค่ะ ถ้าเรียกแบบไทยๆ ก็ต้องบอกว่าเป็นสวนที่อยู่ในวัด (the monastery garden) ตัวสวนล้อมรอบด้วยระเบียงสไตล์โกธิค ทางเข้าจะมีซุ้มประตูสไตล์ นีโอ โกธิค (เอ๊ะ ยังไง ทำไมคนละแบบ หรือว่ามาแอบสร้างประตูทีหลังนะ) ตรงกลางสวนมีรูปปั้นของบาทหลวง Hugo Wstinc ในท่านั่งเขียนหนังสือ รูปปั้นนี้ก็เลยได้ชื่อว่า Writing Wstinc ค่ะ ซึ่งตามประวัติกล่าวว่าท่าน Hugo เป็นบาทหลวง ซึ่งอยู่ที่โบถส์นี้ในยุคศตวรรษที่ 13 นอกจากการเทศน์สอนแล้ว ท่านเขียนตำราเก่งด้วยค่ะ ก็เลยกลายเป็นที่มาของรูปปั้นในท่านั่งเขียนหนังสือ  วันที่เราไปมีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ กำลังชื่นชมกับรูปปั้นนี้อยู่ เราก็เลยเดินเลี่ยงๆ ไปด้านข้างแทน เลยอดถ่ายรูปปั้นนี้มาด้วย จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 19:43:22

ความคิดเห็นที่ 7 Pandhof สวนที่เค้าบรรยายว่า เป็นหนึ่งในสวนปิดที่ สวยที่สุดในเนเธอร์แลนด์ ที่เรียกว่าสวนปิด (enclosed garden) เพราะมันไม่ใช่สวนเปิด (อืม เป็นคำอธิบายที่ชัดเจนมากค่ะ ฮ่า ฮ่า) แต่วันที่เราไป สภาพเค้าแอบรกๆ นะเนี่ย ถ่ายใกล้ๆ ให้เห็นตัวโบสถ์ ถึงฝนฟ้าจะไม่เป็นใจ เราก็เที่ยวได้ ไม่แคร์สื่อ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 19:44:58

ความคิดเห็นที่ 8 เดินเล่นกันเพลิน จนลืมเวลา รู้สึกตัวอีกที เกือบบ่ายสองแว้ว ต้องรีบแจ้นกลับไปที่ศูนย์นักท่องเที่ยว เพื่อพบกับไกด์ที่จะพาเราขึ้นไปชม Dome Tower ปล. ที่นี่ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปเอง ต้องมีไกด์นำทุกครั้ง ----------------- ระเบียงโบสถ์สไตล์โกธิค ที่ล้อมรอบสวน เพดานสูงโปร่งดีค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 19:47:21

ความคิดเห็นที่ 9 คุณไกด์แนะนำตัวเอง และแนะนำประวัติย่อๆ ของ Dome Tower พร้อมกับให้กำลังใจว่า จริงๆ แล้ว ไม่สูงหรอก ก็แค่บันได 465 ขั้นเอง ฮ่ะฮ่ะ มาถึงขั้นนี้ เราก็ถอยไม่ได้แล้วค่ะ ปีนกันต่อไป ช่วงแรกๆ ยังไม่ชันค่ะ ชั้นล่างๆ เป็นส่วนนิทรรศการ อยู่ในห้องโถงกว้าง ในนี้ถ่ายรูปได้ค่ะ แต่แสงน้อยมาก ไม่ค่อยได้รูปดีๆ กลับมาซักเท่าไหร่ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 19:51:02

ความคิดเห็นที่ 10 ขึ้นมาอีกชั้น จะมีแผนผังจำลอง ของตัวโบสถ์และ Dome Tower จากแผนผัง เราจะเห็นว่าตัว Dome Tower ทางซ้ายจะมีทางเดินยาวเชื่อมต่อมาติดกับโบสถ์ที่อยู่ทางขวา มองไกลๆ เหมือนไม้กางเขน ไกด์อธิบายให้ฟังว่า โบสถ์นี้ใช้เวลาในการก่อสร้างนานมาก เริ่มสร้างโบสถ์ทางขวา และตามด้วยโดมทางซ้าย และก็หยุดไปพักนึง เนื่องจากเศรษฐกิจซบเซา ทำให้ขาดงบประมาณ พอกลับมาสร้างต่อ ก็เลยลดความหรูหรา อลังการลงไปเพื่อประหยัดงบ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 19:52:53

ความคิดเห็นที่ 11 ปีนขึ้นไปเรื่อยๆ บันไดเริ่มชันและแคบ เราขึ้นมาจนถึงบริเวณหอระฆัง ที่นี่มีระฆัง 13 ตัว ได้ข่าวว่า ตัวเล็กสุดหนักประมาณ 400 โล ตัวใหญ่สุดหนักประมาณ 8 ตัน ค่ะ (หนักมากมาย) เรียกว่าเวลาตีระฆังนี่ ได้ยินไปทั้งเมืองละค่ะ บนหอระฆังนี้มีออร์แกนเก่าๆ อยู่หนึ่งตัว เค้ายังรักษาสภาพไว้ได้อย่างดีค่ะ ไกด์แอบแซวว่า วันดีคืนดี ก็จะมีบาทหลวงมาสวดและมีคนมาเล่นออร์แกน มีคนเคยขอเพลงเลดี้กาก้าด้วย อิอิ ทันสมัยไปมั้ยค่ะเนี่ย --------------- ถึงยอดโดมแล้ว หอบแฮ่กๆ บันไดชันมากค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 19:54:55

ความคิดเห็นที่ 12 มายืนพัก และชื่นชมวิวทิวทัศน์ของเมืองอูเทรคต์  ก่อนปืนขึ้นมา ไกด์บรรยายว่า เดิมทีแล้ว ระหว่างตัวโบสถ์ (St. Martin's Cathedral)  และตัวโดม จะมีทางเดินเชื่อมต่อเป็นส่วนเดียวกัน แต่มาโดนทอร์นาโดเล่นงานเมื่อพ.ศ 2190 ส่วนตรงกลางก็เลยหายไป ตัวโบสถ์ และตัวโดมก็เลยแยกกันอยู่ ------------------ จากภาพนี้ มุมล่างของภาพ ที่เห็นยอดไม้เขียวๆ เดิมเคยเป็นทางเดินที่เชื่อมระหว่างโบสถ์และตัวโดม แต่พังไปเพราะทอร์นาโด ส่วนด้านขวามือที่เห็นเป็นแปลงต้นไม้ เป็นบล็อคๆ คือสวน Pandhof ที่เราไปเดินเล่นก่อนมาปีนโดมค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 19:58:18

ความคิดเห็นที่ 13 ก็กินลม ชมวิวจนหายเหนื่อย แล้วก็เป็นขาลงแล้วค่ะ เดินเกร็งขาลงบันได เพราะกลัวหัวทิ่ม รูปเริบไม่ได้ถ่ายแล้ว เราเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มสุดท้าย หลังจากออกมาได้เวลาโดมปิด พอดี ยิ่งเย็นฟ้าก็ยิ่งคลึ้มค่ะ ฝนก็เริ่มปรอยลงมาอีก เราก็เลยเร่งฝีเท้า เดินกลับไปที่สถานีรถไฟ เพื่อขึ้นรถไฟกลับที่พัก จริงๆ เมืองนี้มีที่เที่ยวอีกเยอะ แต่แค่เราเดินเข้าตรอก ซอก ซอย ดูสวน ปีนยอดโดม นี่ก็กินเวลาเราไปทั้งวันแล้วค่ะ ------------------- ลาเมืองนี้กันไป ด้วยเมฆฝนก้อนใหญ่ ที่ไล่หลังเรามา จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 19:59:37

ความคิดเห็นที่ 14 กลับถึงที่พัก ทำกับข้าวกิน นั่งนับเหรียญ (กลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปซะแล้ว) ดูพยากรณ์อากาศแล้ว ท้องฟ้ายังฉ่ำฝนอยู่ค่ะ พรุ่งนี้เราคงต้องไปเที่ยวกรุงเฮกกันก่อน ----------------------- แปะรูปดอกไม้ เป็นกำลังใจไว้ก่อน จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:01:46

ความคิดเห็นที่ 15 มีคนพูดว่า เวลาแห่งความสุข มักจะผ่านไปเร็วเสมอ ซึ่งมันก็เป็นจริงอย่างที่สุด เพราะเผลอแป๊ปเดียว เราก็อยู่เที่ยวเนเธอร์แลนด์ เข้าวันที่หกแว้ว วันนี้ไปเที่ยวกรุงเฮกกันค่ะ เมืองนี้คงไม่ต้องเกริ่นมาก เพราะเป็นเมืองใหญ่มีชื่อเสียงไม่น้อยไปกว่าอัมสเตอร์ดัม จนบางครั้งหลายคนก็เข้าใจผิดว่าเป็นเมืองหลวงไปซะงั้น เมืองนี้อยู่ห่างจากอัมสเตอร์ดัมประมาณ 47  กม. การเดินทางก็ง่ายมาก เพราะมีรถไฟหลายสาย เราขึ้นรถไฟจากสถานี อัมสเตอร์ดัม ฮอล์แลนเดรค ซึ่งอยู่ใกล้ที่พักเรา ไปต่อรถอีกสายที่ Gouda เข้าสถานี Den Haag central ------------------- หน้าสถานีรถไฟ ชอบนาฬิกาเรือนนี้ ลายดี จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:03:25

ความคิดเห็นที่ 16 ออกมาจากสถานีรถไฟ เราก็มองหาศูนย์นักท่องเที่ยว คิดว่าน่าจะอยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟ เหมือนเมืองอื่นที่เราไปมาแล้ว แต่ผิดคาดค่ะ เพราะออกมาแล้วไม่มีอะไร มึนละซิทีนี้ สุดท้ายเลยตัดสินใจเดินตามผู้คนที่ออกจากสถานีรถไฟ เดาเอาเองว่า เค้าต้องเดินเข้าเมืองแน่ๆ ก็ไม่ผิดหวังค่ะ เดินกันมาเรื่อยๆ ก็เริ่มเห็นป้ายบอกทางไปสถานที่ท่องเที่ยว สุดท้ายเราก็หาศูนย์นักท่องเที่ยวจนเจอ ---------------------- ดอกแพนซี่ แวะถ่ายจากสวนข้างทาง ระหว่างเดินตามหาศูนย์นักท่องเที่ยว จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:04:56

ความคิดเห็นที่ 17 ก่อนถึงศูนย์นักท่องเที่ยว เราเดินผ่านรูปปั้นรูปหนึ่ง สะดุดตากับท่าชี้นิ้วของรูปปั้นค่ะ ลองเดินวนหาอ่านประวัติ ก็หาไม่เจอ เลยเก็บรูปมาก่อน กลับมาแล้วจึงมีโอกาสหาอ่านประวัติ รูปปั้นนี้ชื่อ William the Silent หรือชื่อเต็มๆ ของท่านคือ William I, Prince of Orange ท่านเป็นผู้นำชาวดัทซ์ลุกขึ้นมาต่อต้านเสปน ส่งผลให้กลายเป็นสงครามยืดเยี้อ อีกยาวนานหลายปี กว่าที่เนเธอร์แลนด์จะได้รับอิสรภาพ ประวัติศาสตร์ตรงนี้น่าสนใจดีค่ะ แต่ขอล่ะไว้แล้วกัน อิอิ เดี๋ยวกระทู้พาเที่ยวจะกลายเป็นห้องเรียนประวัติศาสตร์ไปซะ สิ่งที่น่าสนใจของรูปปั้นอีกอย่างก็คือชื่อเล่น the silent นี้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร แต่ลองค้นดูแล้วก็ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเท่าไหร่ ก็คงต้องละไว้ คงให้ชนรุ่นหลังระลึกถึงความเป็นเลือดนักสู้ และเสียสละของท่านไป ตำแหน่งเดิมที่รูปปั้นนี้ตั้งอยู่ นิ้วชี้จะชี้ไปทาง Binnenhof ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Knights’ Hall  ค่ะ แต่หลังจากนั้น รูปปั้นนี้โดนย้ายที่ตั้ง สัญลักษณ์ที่แฝงไว้กับปลายนิ้วชี้ ก็สูญหายไปกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้น ------------------------ รูปปั้น William the Silent แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 55 20:08:47 จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:08:13

ความคิดเห็นที่ 18 ในที่สุดเราก็เดินมาจนถึงศูนย์นักท่องเที่ยว อาศัยตามป้ายบอกทางมาค่ะ ศูนย์นักท่องเที่ยวที่นี่ตั้งอยู่ชั้นล่างของตึกชื่อ ProDemos มีร้านขายของที่ระลึกและร้านกาแฟ อยู่ในบริเวณเดียวกัน ส่วนชั้นบนเป็นห้องสมุด ซึ่งเราก็ได้อาศัยเข้าห้องน้ำที่นี่ด้วย เราเดินดูของที่ระลึกและแผนที่ สุดท้ายก็ได้ แผนที่กับคู่มือท่องเที่ยวมาเล่มนึง จ่ายไป 7.4 ยูโร นั่งกินกาแฟ กางแผนที่ ปรึกษาหารือเส้นทางการเดินเรียบร้อย แล้วก็ออกลุยกันค่ะ ------------------ เดินชมเมืองกันแบบอึมครึม จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:10:44

ความคิดเห็นที่ 19 เรามุ่งหน้าไป Binnenhof กันก่อนค่ะ Binnenfof ประกอบไปด้วยตึกหลายๆหลัง ตั้งเป็นแถวเป็นแนวเรียงกันเป็นสี่เหลี่ยม ด้านนึงจะเป็นทำเนียบรัฐบาล อีกด้านจะเป็นอาคารรัฐสภา ตรงกลางจะเป็นตึกที่เป็นจุดเด่นที่สุด ของที่นี่ คือ The Knights’ Hall ตึกนี้เดิมเป็นปราสาทของ Earls of Holland สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ปัจจุบันเป็นสถานที่ สำหรับการแถลงนโยบายประจำปีของรัฐบาลค่ะ ------------------------- ด้านหน้า The Knights’ Hall มุมมหาชน จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:11:59

ความคิดเห็นที่ 20 ตามมาชมบรรยากาศสวยๆด้วยคนค่ะ :) จากคุณ : หนูกิตหอ 4 ชาย เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:14:10

ความคิดเห็นที่ 21 เราเดินไปดูทางด้านข้างๆ ของ The Knights’ Hall กัน จากภาพนี้ จะเห็นมีรถตู้สีขาวๆ จอดอยู่ และมีตากล้องพร้อมขาตั้ง จริงๆ แล้วเป็นกล้องวิดิโอ ตอนเราเดินผ่าน น้องๆนักศึกษา  ที่ถือกล้องอยู่เดินเข้ามาขอสัมภาษณ์ เพื่อทำโปรเจ็คส่งอาจารย์ เค้าถามว่าเรามีความเห็นอย่างไรกับการทำงานของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ชุดปัจจุบัน ซึ่งกำลังมีปัญหากันอยู่ ทำให้งานหลายๆ อย่างไม่เดิน แถมก็อาจจะต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่อีก เราก็กล่าวขอโทษไปค่ะ ว่าขอไม่ออกความเห็นแล้วกัน เพราะเราเป็นนักท่องเที่ยว ไม่ได้ตามข่าวใกล้ชิด ไม่มีข้อมูลพอที่จะมาวิจารณ์ใครได้ (แอบคิดในใจว่า ถ้าถามเกี่ยวกับรัดตะบานไทย พี่ก็จะจัดเต็มให้แล้วนะน้อง) อดแซวน้องๆ เล่นไม่ได้ว่า you are not alone  เอ๊ะ ไม่ใช่ซิ ต้องบอกว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลที่นี่ ที่เดียวนะน้อง ว่างๆ ไปเที่ยวประเทศพี่ซิจ้ะ  อิอิ ----------------------- ด้านข้าง The Knights’ Hall อลังการใช่เล่น จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:14:19

ความคิดเห็นที่ 22 หนูกิตหอ 4 ชาย --ตามมาเลยค่ะ โพสไปดูข่าวไป ข้าหน่อยนะค้า จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:15:30

ความคิดเห็นที่ 23 เราเดินเล่นรอบๆ พักนึง แล้วก็ย้อนกลับมาออกทางเดิม ข้ามถนนไปอีกฝั่ง ก็เจอตึกนี้ค่ะ เรียกว่า The gatehouse จริงๆ ดูจากภายนอกก็เหมือนจะธรรมดา แต่พอได้รู้ประวัติแล้ว ก็อืมนะ ไม่ธรรมดา เดิมทีในศตวรรษที่ 12 ตึกนี้จะเป็นประตูหลักเข้าไปที่  Binnenhof (ต้องจินตการย้อนหลังไปสมัยก่อน ที่แถวนี้ตอนยังไม่มีถนนตัดผ่าน คงเป็นอาณาเขตของปราสาท Binnenhof) วันเวลาหมุนเวียนไป ตึกนี้ก็แปลเปลี่ยนไปเป็นคุกจากศตวรรษที่ 14 ถึง 18 หลังจากนั้นก็โดนปล่อยทิ้งร้างไว้ จนเกือบจะโดนรื้อถอน แต่ก็มีอัสวินม้าขาวมาช่วยชีวิตไว้ จึงได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นพิพิธภัณท์จนถึงปัจจุบัน ---------------------- Gevangenpoort (The gatehouse) สถาพภายนอกดูทึมๆ ขรึม ขลังดีค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:17:36

ความคิดเห็นที่ 24 ผ่าน The gatehouse อีกนิด เราจะมาเจอ ถนน หรือจะเรียกว่าซอยดีหว่า เพราะมันเล็กๆ เอง  ซอยนี้มีลักษณะพิเศษเพราะจะมีหลังคาคลุม สองฝั่งก็จะเป็นร้านค้าเล็กๆ ตั้งเรียงรายกันไป ที่นี่เรียกว่า the Passage ค่ะ เจ้าของบ้านเค้าโฆษณาว่า เป็นถนนชอปปิ้งสายเดียวที่มีหลังคาคลุม ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งการก่อสร้างแบบนี้ ในช่วงปลายศควรรษที่ 19 ได้รับความนิยมอย่างมาก ในเมืองใหญ่ของยุโรป และ อเมริกา จริงๆ แล้ว คำว่า passage เค้าแปลว่าทางผ่าน ไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้น เราก็เดินผ่านมันไปเถอะนะ (จริงๆ คือ แอบดูราคาของแล้ว ไม่น่าคบเลยซักกะอย่าง) -------------- The passage จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:19:44

ความคิดเห็นที่ 25 เดินออกมาจาก The passage แล้ว เริ่มหิวค่ะ ก็เลยว่าจะแวะหาอะไรกินก่อนเดินไปดูโบสถ์ ก่อนจะเลือกร้านอาหาร ก็สะดุดตากับตึกนี้ที่ชื่อว่า The Sting (รู้สึกว่าจะสะดุดบ่อยนะ) The Sting นี่เป็นร้านเสื้อผ้าแบรนด์ของคนดัชท์เอง แต่เติบโตแตกสาขาไปอยู่ประเทศอื่นๆ ด้วย เช่น เบลเยียม เยอรมันและอังกฤษ ที่สะดุดตาก็คงเป็นตึกที่ตั้งของร้านนี้ค่ะ เพราะมีสีสันและรูปร่างต่างไปจากตึกรอบๆ ตัวตึกจะเป็นทรงกลม หลังคาเป็นรูปโดม มียอดกลมๆ เล็กๆ อยู่ข้างบน ด้วยความที่สีสันสดใส และรูปร่างกลมๆ ฝรั่งบางคนเค้าเลยตั้งชื่อเล่นให้ว่า cookie jar เออ ดูไปดูมามันก็เหมือนจริงๆ นะ ลองค้นประวัติดู เพราะอยากรู้ว่าตึกนี้เป็นตึกเก่าหรือตึกใหม่ แต่ก็หาข้อมูลอะไรไม่ได้ ก็เลยต้องละไว้ในฐานะที่ไม่เข้าใจ (อะไรของเธอเนี่ย) ---------------- The Sting – cookie jar ถ่ายจากมุมนี้มองไม่เห็นหลังคารูปโดม จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:24:16

ความคิดเห็นที่ 26 เราแวะร้านอาหารเล็กๆ ริมถนน ซึ่งมีป้ายเชื้อเชิญว่าเป็นอาหารโฮมเมด เราสั่งแซนวิชกับกาแฟมากิน อาหารที่นี่จานใหญ่มากค่ะ เราก็เลยสั่งมาแค่จานเดียวแล้วแบ่งกันกินกับคุณแฟน (ไม่รู้เจ้าของร้านเค้าจะคิดว่าเรางกรึป่าวเนี่ย) อิ่มหนำสำราญเรียบร้อย เราก็เริ่มออกเดินเที่ยวกันอีกรอบ ตอนแรกว่าจะไปดู St. James’s Church แต่ดูเวลาบวกกับแผนที่ในมือแล้ว ยังเหลืออีกหลายที่ที่น่าสนใจ ก็เลยตัดใจ เดินมุ่งหน้าขึ้นทางเหนือ เพื่อไปดู Palace Noordeinde พระราชวัง Noordeinde เป็นหนึ่งในสามพระราชวังที่ สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์ ใช้ทรงงาน อีกที่นึงก็จะเป็น The Royal Palace ตั้งอยู่ที่ดัมสแควร์สุดฮิต  ส่วนวังที่สามคือ Huis ten Bosch Palace ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงเฮกค่ะ --------------------- Paleis Noordeinde รูปปั้นที่เห็นด้านหลังคือ Prince William of Orange ซึงต่อมาเป็น King William I (คนละคนกับ William the silent นะค้าา เขียนเอง งงเอง) จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:25:48

ความคิดเห็นที่ 27 เราเดินถ่ายรูป และนั่งชื่นชมความงามของวัง อยู่ตรงนี้ซักพักนึง สังเกตเห็นรถทัวร์มาจอดตรงจุดนี้หลายคันเลยค่ะ แอบเห็นไกด์ยืนอธิบายให้ลูกทัวร์ฟังอยู่บนรถ แล้วก็ออกรถไป น่าเสียดายแทนลูกทัวร์นะคะ มีคนบอกว่า ถ้าพระราชินีนาถเบียทริกซ์ เสด็จมาทรงงานที่ีนี่ จะมีการปักธงไว้ด้านนอกเป็นสัญลักษณ์ เราก็ชะเง้อชะแง้มองหาธง เผื่อจะโชคดี พระราชวังที่นี่เปิดให้ประชาชนเข้าชมในส่วนที่เป็นสวน ซึ่งจะอยู่ติดกับถนน Prinsessewal ซึ่งเราก็พลาดไปอย่างน่าเสียดาย เพราะมัวแต่มึน งง หลงทางอยู่ เดินเลยไปซะงั้น -------------------- หน้าต่างแดง ดำ ตัดกับตัวตึกสีครีม สวยงามมากมาย จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:27:12

ความคิดเห็นที่ 28 ใกล้ๆ กับจุดที่เรานั่งพักหน้าพระราชวัง มีรูปปั้นของ H.M. Queen Wihelmina ซึ่งครองราชย์อยู่ช่วง ค.ศ 1890-1948 ค่ะ พูดตามภาษาชาวบ้าน ท่านเป็นยายของพระราชินีนาถองค์ปัจจุบัน ที่น่าสนใจคือ ท่านทรงครองราชย์ผ่านยุค สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ซึ่งคงไม่ต้องถามเลยว่า บ้านเมืองจะวุ่นวายขนาดใหน น่านับถือมากๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กับประวัติของท่าน คือรูปปั้นนี้ดูเกลี้ยงเกลาไปหมด แทบมองไม่เห็นรายละเอียด เราก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความเก่าแก่หรืออะไร กลับมาค้นข้อมูล ก็ยังหาคำตอบไม่ได้อยู่ดี --------------------- รูปปั้นของ H.M. Queen Wihelmina จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:29:25

ความคิดเห็นที่ 29 เอ้อระเหยกันอยู่นาน ได้เวลาไปต่อแล้ว เรามุ่งหน้าไป Peace palace กันค่ะ ดูจากแผนที่เหมือนไม่ไกล เราก็เลยตัดสินใจเดินลัดเลาะ ตรอก ซอก ซอย กันไปเรื่อยเปื่อย เดินผ่านถนน Noordeinde ซึ่งจะมีร้านขายพวก ภาพวาด และงานฝีมือหลากหลาย มีร้านจักรยานและร้านกาแฟ เก๋ๆ หลายร้าน ------------------ จักรยานแปลกๆ ที่ร้านค้านำมาตั้งโชว์ไว้ริมถนน มันยังขี่ได้ไม๊เนี่ย จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:32:07

ความคิดเห็นที่ 30 ขอไปเที่ยวด้วยนะครับ คลับแซนวิช ชิ้นใหญ่น่าทานมากครับ จากคุณ : BANBONDOI เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:32:11

ความคิดเห็นที่ 31 ในที่สุดเราก็เดินมาถึง Peace palace หรือที่เราชาวไทยรู้จักกันดีว่า ศาลโลกค่ะ จริงๆ แล้ว ที่นี่ก็ยังเป็นที่ตั้งของ ศาลอนุญาโตตุลาการถาวร (Permanent Court of Arbitration) ซึ่งมีหน้าที่ในการระงับข้อพิพาทในทางกฎหมายระหว่างประเทศ นอกจากนั้นยังมี สถาบันสอนกฎหมายของกรุงเฮก รวมทั้งห้องสมุดของ Peace palace รวมอยู่ด้วยค่ะ ช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ที่นี่เปิดให้เข้าชมถึงห้าโมงเย็น แต่เพราะเรามัวแต่เอ้อระเหย ลอยชายกันอยู่ กว่าจะมาถึงนี้ก็ปาเข้าไปสี่โมงกว่าแล้ว ก็เลยตัดสินใจไม่เข้าไปดูข้างใน ได้แต่เดินดูรอบๆ ------------------- Peace palace แบบชะเง้อมองจากนอกรั้ว จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:36:36

ความคิดเห็นที่ 32 BANBONDOI  --ยินดีค่ะ อาหารที่นี่ จานใหญ่มว๊ากกกค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:37:32

ความคิดเห็นที่ 33 ริมรั้วใกล้ๆ ทางเข้า จะเป็นอนุสาวรีย์เล็กๆ เรียกว่า World Peace Flame หรือเปลวไฟแห่งสันติภาพ ซึ่งมีประเทศทั้งหมด 197 ประเทศได้มาร่วมลงสัตยาบันกันไว้ รอบๆ จะเป็นก้อนหินซึ่งส่งมาจากประเทศต่าง ซึ่งเราก็ไม่พลาดแน่นอน ที่จะต้องไปเดินก้มๆ เงยๆ หาก้อนหินจากประเทศไทย ตั้งท่าจะเดินกลับอยู่แล้ว แต่ก็ไปสะดุดตาเข้ากับเจ้านี่ค่ะ รถสามล้อคันเล็กๆ สี่คันวิ่งเข้ามาจอด เอ๊ะ คุ้นๆ นะ อ้าวนี่มัน รถตุ๊ก ตุ๊ก บ้านเรานี่หว่า แล้วไปงัย มางัย ทำไมมาวิ่งอยู่ที่นี่ละเนี่ย ยังไม่ทันทำไร คนขับก็รับนักท่องเที่ยวขึ้นรถและขับออกไป ท่าทางฝรั่งสนุกสนานกับการนั่งรถตุ๊ก ตุ๊ก กันมากมาย แอบเก็บความสงสัยไว้จนกลับถึงที่พัก ก็เลยลองเข้าเวบดู ในเวบของเค้าก็ให้เครดิตไว้นิดนึงว่าเป็นรถตุ๊ก ตุ๊ก ของแท้ดั้งเดิมมาจาก กทม เมืองฟ้าอมรของเราเอง แต่ตอนนี้กลายเป็นไอคอนของกรุงเฮกไปซะแล้ว ฮ่าๆ ตุ๊กตุ๊กไทย ดังไกลถึงต่างแดน ----------------- Tuk Tuk the Hague จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:41:59

ความคิดเห็นที่ 34 เราตั้งใจว่าจะไปเที่ยวเมือง Delft กันต่อ เพราะว่าสามารถนั่งรถรางจากหน้า Peace palace ได้เลย นั่งรอรถกันไปซักพัก เริ่มหมดแรงค่ะ ก็เลยตัดสินใจขึ้นรถรางเพื่อกลับไปที่สถานีรถไฟกลาง ยืนเล็งกันอยู่พักนึงว่าจะขึ้นรถรางสายไหนดี คิดว่าสายนี้ละ ไม่ผิดแน่ เราขึ้นไปซื้อตั๋วบนรถราง บอกกับคนขับว่าลงป้ายสุดท้าย ก็นั่งเอ้อระเหยกันไป จนรถไปจอดป้ายสุดท้าย เอ๊ะแล้วทำไม มาจอดที่นี่ สถานีรถไฟกลางอยู่ตรงไหน พนักงานขับรถท่าทางใจดี เห็นเราสองคนนั่งงงๆ เอ๋อๆ กันอยู่ ก็เลยถามว่า จะไปไหนกัน พอเราบอกว่าจะไปสถานีรถไฟกลาง คุณเค้าก็ส่งยิ้มมาให้ พร้อมบอกว่า นั่งรถผิดฝั่งแล้ว ข้างหน้านี่นะเป็นชายหาด ถ้าจะเข้าเมืองต้องนั่งอีกฝั่ง แป่ว ปล่อยไก่กันแทบหมดเล้าละทีนี้ แต่ก็ยังโชคดี เพราะตั๋วรถรางเค้าคิดราคาตามเวลา คือตั๋วหนึ่งใบใช้ภายใน 30 นาที ราคา  2.5 ยูโร เราก็เลยใช้ตั๋วใบเดิม นั่งรถคันเก่าย้อนกลับ ผ่านมาทาง Peace palace อีกรอบจนกลับมาถึง สถานีรถไฟกลางโดยสวัสดิภาพ ก่อนลงก็หันไปขอบคุณคุณพี่พนักงานขับรถ ก่อนจะลากขาลงจากรถไป เข้าใจคำว่าเดินจนขาลาก ก็วันนี้นี่เอง โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าในกรุงเฮก นี่มีอะไรน่าสนใจให้ดูมากมาย จนเกินกว่าจะเที่ยววันเดียวได้หมด ถ้ามีเวลาซักสองวันน่าจะดี ----------------- สวนเขียวๆ ในเมือง แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 55 20:46:35 แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 55 20:45:54 จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:44:58

ความคิดเห็นที่ 35 เรานั่งรถไฟจากสถานีรถไฟกลางกรุงเฮก มาลงที่ Gouda  เพื่อต่อรถไฟอีกสายกลับที่พัก ระหว่างรอ มองเห็นกังหันลมตัวเล็กๆ อยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟ ฟ้าเริ่มเปิด แสงแดดยามเย็นกำลังสวย ไม่ได้การละ รีบคว้ากล้องวิ่งลงไปถ่ายรูป กังหันลมตัวนี้ชื่อ Kortrijkse ค่ะ เข้ามายืนดูใกล้ แล้วก็ตัวใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย คุณ Kortrijkse เนี่ยเป็นกังหันวิดน้ำ ที่ทางการอนุรักษ์ไว้ ตัวดั้งเดิมก็มีมาตั้งแต่ปีมะโว้ ก็ผ่านการโยกย้าย ซ่อมแซม ปรับปรุง จริงๆ ก็เกือบจะไม่รอด เพราะมีการตัดทางหลวงเส้น A2 ผ่านใกล้ๆ แต่เค้าก็ยังรักษาไว้ได้ ทุกวันเสาร์ก็ยังสามารถโชว์วิดน้ำเข้านาได้อยู่ค่ะ ------------------ De Kortrijkse กับฟ้าใสๆ ใกล้หกโมงเย็น จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:48:25

ความคิดเห็นที่ 36 เราลงรถไฟที่สถานี อัมสเตอร์ดัม ฮอลแลนด์เดร็ค ตอนหกโมงนิดๆ อีกหลายนาทีกว่ารถจากโฮสเทล จะมารับ ใกล้สถานีนี้มีบาร์เล็กๆ อยู่ เราก็เลยแว้บไปหาเครื่องดื่มเย็นๆ จิบรอ สถานีนี้จะอยู่ใกล้ The Academic Medical Center (AMC) ค่ะ เราก็นั่งจิบชามะนาว ฟังบรรดาอาจารย์และนักศึกษา นั่งเม้าท์กันอย่างเมามัน หลังจากกลับถึงที่พัก มานั่งบีบนวดขากันแล้ว ก็ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า พรุ่งนี้เราอยู่ที่พักเพื่อซักผ้ากันเถอะ เพราะเราเตรียมเสื้อผ้ามาแค่พอใส่หนึ่งอาทิตย์ ไม่อย่างนั้นเราอาจจะต้องซักแห้งจนกว่าจะถึงเยอรมัน ------------------- จิบ จิบ จิบ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:50:29

ความคิดเห็นที่ 37 ตื่นเช้าวันศุกร์ค่ะ เรามานั่งจิบกาแฟ กินอาหารเช้า รอคิวเครื่องซักผ้าว่าง ค่าซักบวกอบผ้าทั้งหมด 7.5 ยูโร คูณเป็นเงินไทยแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายเอื้อก จะไม่ซักก็ไม่ไหว เพราะไม่ต้องรีบออกไปไหน เราก็เลยมีเวลาสำรวจตรวจตราที่พักกัน เรื่องน่ารักอย่างนึงของที่นี่คือ ตอนเช้าๆ เราสังเกตเห็นนกบินเฉียดหลังคาที่พักไป ก็คิดอยู่ในใจว่า นกอะไรบินต่ำจัง พักเดียวเจ้านกที่ว่า ก็แลนดิ้งดังตั้บ ต่อหน้าต่อตาเรา อ้าวนี่มานเป็ดนี่หว่า โธ่ หลงเข้าใจว่าเป็นนก เค้าไม่ได้มาตัวเดียวนะ ซักพักเค้าก็พาศรีภรรยาและลูกน้อย มาเดินกั๊บๆ หาอาหารกิน เจ้าเป็ดน้อยฝูงนี้ถือเป็นขวัญใจของคนมาพักที่นี่ เพราะเราแอบเห็นนักท่องเที่ยว มาถ่ายรูปเล่น และก็ แบ่งอาหารให้เค้ากินทุกวัน เข้าใจว่าน่าจะเป็นเป็ดป่า ที่อยู่แถวนี้ ถ้าเป็นเป็ดบ้าน คงไม่บินเก่งแบบนี้แน่ ---------------------- ครอบครัวเป็ดน้อย พนักงานต้อนรับของที่นี่ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:51:50

ความคิดเห็นที่ 38 ซักผ้าเสร็จแล้ว ก็เริ่มหิวละค่ะ ต้องเช่าจักรยานปั่นเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อหาของกิน ----------------- ถนนรอบๆ ที่พัก พอไม่ได้ไปเที่ยวไหน ฟ้ากลับใสซะงั้น จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:52:43

ความคิดเห็นที่ 39 หมู่บ้านที่เราปั่นจักรยานมาเที่ยวนี้ชื่อ Abcoude คนที่นี่เค้าออกเสียงว่า แอพเค้าท์ หรือแอพคูเดะ ประมาณเนี้ยค่ะ ถ้าจะให้ถูกต้องก็คงต้องเรียกที่นี่ว่าเมือง แต่เป็นเมืองที่เล็กและเงียบมาก เราก็เลยแอบเรียกของเราเอ็งว่าหมู่บ้าน วันแรกที่มาถึง เราก็ปั่นไปกินข้าวกันแล้วรอบนึงแต่ก็ไม่ได้สำรวจ ตรวจตราอะไรมากนัก วันนี้เราจะกลับไปแก้ตัวค่ะ ทางเดินเล็กๆ ริมแม่น้ำ Angstel นี้เรียกว่า Voordijk ในอดีตสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เดินทางระหว่างเมือง Breukelen และ Ouderkerk เมื่อก่อนก็คงเป็นทางเดินลูกรัง หรือทราย ธรรมดาค่ะ (ฝรั่งเค้าจะมีลูกรังเหมือนบ้านเราไม๊เนี่ยเธอ) ริมตลิ่งจะมีเสาไว้ให้ผูกเรือเป็นระยะ เวลาเปลี่ยนไป ตอนนี้ก็กลายเป็นถนนราดยางเล็กๆ ยังคงมีเสาไว้ให้ผูกเรือ แต่ก็คงเพื่อเป็นการรำลึกถึงวันเก่าๆ เพราะสมัยนี้คงไม่ค่อยมีใครใช้เรือกันแล้ว ------------------ Voordijk จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:54:45

ความคิดเห็นที่ 40 โฮสเทลที่เราพักอยู่ในเขตของอัมสเตอร์ดัม แต่หมู่บ้าน Abcoude นี้อยู่ในเขต จังหวัดอูเทรคต์ เรียกว่าปั่นข้ามจังหวัดกันโดยไม่รู้ตัว รอบๆ หมู่บ้านเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจี สลับกับบ้านหลังเล็กหลังน้อย ว่ากันว่าสมัยก่อน คนมีกะตังค์มักจะมาปักหลักปลูกบ้านกันที่นี่ เนื่องจากทำเลที่ัตั้งไม่ไกลจากอัมสเตอร์ดัมมากนัก แต่ราคาที่ดินคงถูกกว่าในเมืองอยู่หลายเท่าตัว  สังเกตเห็นบ้านเก่าๆ หลายหลัง มีการปลูกต้นไม้จัดสวนกันอย่างสวยงาม ถ้าอยู่ในเมือง คงยากที่จะหาพื้นที่จัดสวนแบบนี้ ---------------------- เขียวสดใส สบายตา เห็นวิวแบบนี้แล้ว อยากลงไปนอนกลิ้งมากๆ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:56:33

ความคิดเห็นที่ 41 ปั่นไปปั่นมา เจอเจ้าของทุ่งตัวจริง น่ารักซะ มาทั้งครอบครัว อาบน้ำกันมั่งป่าวเนี่ย ขนขาวเข้มเชียว จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:58:05

ความคิดเห็นที่ 42 ปั่นไปเรื่อยๆ ตามถนนเล็กๆ มีรถสวนไปมาเป็นระยะ เห็นวิวแบบนี้ ลืมเหนี่อย จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:59:09

ความคิดเห็นที่ 43 มองเห็นยอดกังหันลมอยู่ไกลๆ เหมือนเป็นแม่เหล็ก ดูดให้เราเข้าไปหา กังหันลมตัวนี้ตั้งโดดเดียวอยู่กลางทุ่ง ดูสภาพโดยรวมแล้ว คงไม่ได้วิดน้ำแล้วคะ เพราะเห็นใบพัดโดนล่ามโซ่ติดไว้กับพื้น คงกลายเป็นที่พักอาศัยอย่างเดียวแล้ว เห็นภายใน มีของตกแต่งน่ารักกุ๊กกิ๊กเชียว ---------------------- กังหันกลางทุ่ง ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม ยังแอบมีหน้าต่างแดงสไตล์ดัชท์อยู่ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 21:01:25

ความคิดเห็นที่ 44 ข้ามสะพานไปอีกฟากถนน เจออีกหนึ่งตัว (กลายเป็นทริปล่ากังหันไปซะงั้น) ตัวนี้คงเป็นโกดังเก็บของไปแล้ว ดูสภาพรกร้างเชียว จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 21:02:48

ความคิดเห็นที่ 45 วันนี้ลมค่อนข้างแรง เราปั่นกินลม ชมวิวมาแป๊บเดียว ลมหอบเมฆฝนดำทะมึนมาแต่ไกล จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 21:03:52

ความคิดเห็นที่ 46 ถ้าเจอฝน คงไม่สนุกแน่ เรารีบปั่นกลับหมู่บ้านกัน พอถึงหมู่บ้าน เมฆฝนก็ผ่านเลยไป ถ้าความทุกข์ในชีวิตคนเรา มันผ่านไปไวเหมือนเมฆฝนแบบนี้ก็คงจะดี (เริ่มเพ้อเจ้อ) เราปั่นไปดูโบสถ์ประจำหมู่บ้าน โบสถ์หลังนี้ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าที่สุดในหมู่บ้านนี้ ตามประวัตบอกว่าสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 (เก่าจริงๆ ) แรกเริ่มเดิมทีเป็นโบสถ์นิกายโรมันคาทอลิก แต่ปัจจุบันกลายเป็นโบสถ์นิกายโปรแตสแตนท์ไปแล้ว ---------------------- Dorpsherk (Town Church) จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 21:05:31

ความคิดเห็นที่ 47 ถนนที่เรายืนอยู่นี้เรียกว่า Kerkstraat (churchstreet) ค่ะ  ลองปั่นตามถนนนี้เข้าไปอีกนิดนึง เราก็จะเจอโบสถ์นิกายโรมันคาทอลิก อีกโบสถ์นึงซึ่งใหญ่ไม่แพ้กัน  ตามประวัติบอกว่าเดิมทีเป็นโบสถ์เล็กๆ สร้างขึ้นมาแบบลับๆ เพราะในสมัยนั้นเป็นยุคที่เกิดความขัดแย้งทางศาสนา โบสถ์นิกายโรมันคาทอลิกโดนแบนจากกลุ่มผู้นับถือนิกายโปรแตสแตนท์ค่ะ หลังความขัดแย้งหมดไป ก็มีการรื้อสร้างใหม่ ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังของเนเธอร์แลนด์ คือ Alfred Tepe ซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านศิลปะแนวนีโอ โกธิค ในความคิดเรา โบสถ์นี้ดูสวยงามและอลังการมากมาย แต่ติดตรงที่พื้นที่รอบๆ ค่อนข้างแคบ มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่รอบๆ เราไปยืนแหงนคอตั้งบ่า ชื่นชมความงามอยู่ ไม่สามารถถ่ายรูปตัวโบสถ์ชัดๆได้ เพราะด้านนึงก็ติดถนน ถอยออกมาโดนรถบี้แน่ๆ -------------------- Roman Catholic church, Abcoude จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 21:08:38

ความคิดเห็นที่ 48 เราจอดจักรยานและเดินเล่นแถวๆ นี้กันค่ะ บ้านบนถนนสายนี้เก่าแก่แต่ก็สวยงาม บางหลังนี่มีประวัติเก่าแก่ย้อนหลังไปถึงช่วงศตวรรษที่ 16 ว่าเคยเป็นโรงโม่และขายแป้ง แต่ปัจจุบันก็เปลี่ยนเจ้าของไปและกลายเป็นที่พักอาศัยไปหมดแล้ว บ้านส่วนใหญ่มีคนอยู่ เราก็เลยไม่กล้าถ่ายรูป ได้แต่แอบส่องจักรยานน้อยๆ หน้าบ้านหลังนึงมาแทน จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 21:10:57

ความคิดเห็นที่ 49 เริ่มเย็นมากแล้วค่ะ เราปั่นจักรยานย้อนกลับมาทางเดิม ตั้งใจว่าจะแวะซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อซื้อกับข้าวก่อนกลับที่พัก ห้าโมงกว่า ร้านรวงแถวนี้ก็เริ่มทยอยปิดร้านกันแล้ว ถนนที่เห็นนี้เรียกว่า Amsterdamsestraatweg แรกเริ่มเดิมที ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ของคุณปู่ ประมาณศตวรรษที่ 16 สร้างเพื่อเชื่อมอัมสเตอร์ดัมเข้ากับอูเทรคต์ สมัยนั้นบรรยากาศคงคึกคักน่าดู แต่หลังจากมีการสร้างทางหลวงเส้น A2 แล้ว ถนนเส้นนี้ก็กลับมาเงียบเหงา เป็นเพียงทางสัญจรหลักของหมู่บ้านนี้ไป -------------------- Amsterdamsestraatweg แค่ห้าโมงกว่า ก็เงียบสนิท จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 21:12:35

ความคิดเห็นที่ 50 เราแวะซื้อกับข้าว แล้วปั่นจักรยานกลับที่พัก ทำกับข้าวกิน เสร็จแล้วก็แว้บไปใช้คอมพิวเตอร์ของทางโฮสเทลเช็คสภาพอากาศ ดีใจจังพรุ่งนี้ท้องฟ้าเปิด เราจะได้ไปดูดอกทิวลิปที่สวนเคอเคนฮอฟซะที หลังจากเป็นแม่สายบัวแต่งตัวรอเก้อมาหลายวันละ ลากันไปด้วยภาพนี้ค่ะ เส้นทางดอกไม้สู่ปราสาทในฝัน ตอนหน้าเราจะไปเที่ยวสวนเคอเคนฮอฟ และหลังจากนั้นจะนั่งรถไฟไปกรุงเบอร์ลินกันค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 21:13:40

ความคิดเห็นที่ 51 สวย  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 01:41:38

ความคิดเห็นที่ 52 คห.25 ตึกนี้ Designed in colourful neoclassical style by British architect John Outram ประมาณข่วงปี 1998-2000 ค่ะ จริง ๆ แล้วเป็นตึกเก่าแก่ เมื่อนานมาแล้ว 1764 ตึกนี้เป็น klooster de St. Nicolaaskapel, ศตวรรษที่ 19 เป็นตลาดเนื้อ, ช่วงยุค 70 เคยเป็นสถานีตำรวจ ท่าทาง จขกท. จะสนใจตึกรามบ้านช่องจริงจังมากเลยค่ะ ชอบอ่าน หาลิงค์ประวัติศาสตร์ตึกนี้มาแปะให้ค่ะ http://historie.hdpnet.nl/cen017.htm แต่ต้องขอโทษด้วยที่เป็นภาษาดัชต์นะคะ ติดต่อถามอากู่แล้วกันนะคะ เที่ยวได้ละเอียดและคุ้มค่ามากเลยค่ะ..อิ...อิ... แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 55 04:47:22 จากคุณ : Tanja-nl เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 04:13:04

ความคิดเห็นที่ 53 รูปสวยมากค่ะ รอมาชมภาพเบอร์ลินต่อนะคะ ส่วนตัวประทับใจเบอร์ลินค่ะ ไม่ทราบว่า จขกท เป็นอย่างไรบ้างหนอ จากคุณ : witanee เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 06:52:40

ความคิดเห็นที่ 54 สวยงามมากๆเลยค่ะ จากคุณ : SuPerHyPerOverUltraGLUE เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 11:03:43

ความคิดเห็นที่ 55 เล็กทาโร่ --ขอบคุณที่ติดตามค่ะ Tanja-nl -- โอ้ ขอบคุณที่ช่วยชี้ทางสว่าง ในที่สุดก็หายสงสัยเสียที ส่วนตัวชอบเดินดูตึกรามบ้านช่อง รู้สึกว่ามันสะท้อนวิถึชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่นั้นดีค่ะ witanee -- รอตอนต่อไปนะคะ ความรู้สึกของเรากับเบอร์ลิน นี่มันหลากหลายมากค่ะ SuPerHyPerOverUltraGLUE ---ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 12:04:32

ความคิดเห็นที่ 56 อยากไปปั่นชมวิวสวยๆแบบนี้บ้าง ตอนนี้ได้แต่ดูรูปแล้วก็ถอนหายใจเฮือกๆ ขอบคุณจขกท.นะคะ จากคุณ : มิงกะลาบาร์ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 14:59:58

ความคิดเห็นที่ 57 มิงกะลาบาร์ --ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมค่ะ จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 18:17:43

ความคิดเห็นที่ 58 เมือง Abcoude  ออกเสียงว่า  แอ๊พ-ขูด ครับ   ชานเมือง AMSTERDAM หลายปีก่อน ผมเคยไปนอนแคมป์ ใกล้ๆแล้ว ขับรถ ข้ามฟาก ไปทานข้าวจีนในเมืองนี้  เงียบสงบมาก ทั้งเมือง มีซุปเปอร์มาณ์เกตเล็กๆและโบสถ์เล็กๆ จากคุณ : พิจารณ์รัฐกิจ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 18:37:21

ความคิดเห็นที่ 59 พิจารณ์รัฐกิจ -- ขอบคุณมากค่ะ ฟังคนที่นี่หลายคน แต่เราก็ยังสะกดไม่ถูกซักที เราก็ฝากท้องไว้กับซุปเปอร์มาเก็ตที่นี่ล่ะค่ะ ชอบเมืองนี้ เงียบดี จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 20:19:13

ความคิดเห็นที่ 60 อ่านตอน 4 ได้ที่นี่ค่ะ ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้ E12893693 จากคุณ : เรือนขวัญ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:12:55