กับการกลับมาอีกครั้งสำหรับค่ายภาพยนตร์เล็กๆ ที่ชื่อซีเอ็ม
ฟิล์มกับภาพยนตร์แอ็คชั่นสุดระทึกขวัญคุณภาพเรื่องเยี่ยมครั้งล่าสุด สุริยะฆาต
(Curse of The Sun) ภาพยนตร์ที่ได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุด จากการนำเสนอในงานมหกรรมภาพยนตร์นานาชาติที่เมืองคานส์และทุ่มทุนสร้างกว่า
50 ล้านบาทเพื่อเน้นฉากแอ็คชั่นให้สมจริงสมจังให้มากที่สุด
สุริยะฆาต เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทศภาคย์ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุขับรถพุ่งชนสะพานจนพลิกคว่ำ
หลังจากที่เขาหักหลบรถบรรทุกพ่วงที่กำลังเลี้ยวออกมาสู่ถนนใหญ่จนทำให้เขาต้องเสียชีวิต
ในระหว่างที่เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เรียกว่า สุริยคราส และในช่วงเวลาที่เขากำลังเร่งรีบไปช่วยแฟนสาวอย่าง
จิรัตติกาล ที่ทราบข่าวว่าโดนคนร้ายยิงได้รับบาดเจ็บ
แต่ทศภาคย์ ก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งโดยเขาถูกหมอผัน หมอผีผู้มีวิชาอาคมแกร่งกล้าทำพิธีปลุกวิญญาณควบคุมร่างให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเพื่อช่วยกำจัดศัตรู
โดยที่ทศภาคย์ ไม่รู้เลยว่าศัตรูที่ตัวเองกำลังตามฆ่าอยู่นั้น คือ จิรัตติกาล
ผู้หญิงที่ตนเองรักเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ งานการสังหารของทศภาคย์กำลังใกล้สำเร็จ
แต่แล้วเหตุการณ์ต่างๆ เริ่มพลิกผันเมื่อ หมวดวุฒิ ได้เข้ามาช่วย จิรัตติกาล
ให้รอดพ้นจากการถูกตามล่าของวิญญาณร้ายของทศภาคย์
จิรัตติกาล รู้ความจริงว่า ทศภาคย์ ตายแล้ว และใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังของการควบคุมร่างสุริยะฆาตในครั้งนี้
เผยฉากเด็ด เฟอรารี่พังยับบนทางด่วน
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง สุริยะฆาต (Curse of The Sun) ทางซีเอ็ม ฟิล์ม ลงทุนสร้างรถเฟอร์รารี่สุดหรูสีแดงสำหรับใช้ประกอบการถ่ายทำในฉากแอ็คชั่นผาดโผนเองถึง
3 คัน และฉากสำคัญก็คือการระเบิดรถเฟอรารี่โดยคนร้ายจะต้องขับรถเฟอร์รารี่ไล่ขนาบข้างรถจิรัตติกาล
ที่พยายามหนีการไล่ล่าของคนร้าย แต่โชคดีที่หมวดวุฒิ นายตำรวจหนุ่มไฟแรงผู้รับผิดชอบคดีการฆาตกรรมลึกลับมาช่วยคุ้มครองจิรัตติกาล
ไว้ได้
ในการถ่ายทำฉากใหญ่ ซึ่งเป็นฉากที่ โด่ง-สิทธิพร นิยม ต้องซิ่งรถเฟอร์รารี่ราคาหลายล้านบาท
ไล่ล่าเหล่าอาชญากรกระทั่งตัวเองเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ได้ถ่ายทำกันบริเวณทางด่วนรามอินทรา-เอกมัย
ทีมงานที่เป็นฝ่ายกล้องต้องขนอุปกรณ์การถ่ายทำเพียบ โดยเฉพาะการดัดแปลงรถยนต์เพื่อใช้เป็นรถถ่ายหนัง
สร้างความสนใจให้แก่สื่อมวลชนที่ร่วมทำข่าวในวันนั้นเป็นอย่างมาก
โด่ง-สิทธิพร นิยม เผยความรู้สึกถึงการทำงานในวันนั้นว่า เขารู้สึกตื่นเต้นและเกร็งไม่น้อยในการถ่ายทำ
ทั้งนี้เพราะเป็นห่วงการขับขี่ในฉากแอ็คชั่นที่ต้องระมัดระวังทั้งคนและรถกับฉากคิวรถเฟอร์รารี่ที่เห็นนี้
ผมเล่นเองครับ ปกติก็ต้องใช้แสตนด์อินนะครับ แต่ความที่ผมเป็นนักกีฬาไง ก็เลยบอกผู้กำกับฯ
คือพี่หนุ่ม- กิตติพงษ์ ปัญญาทวีทรัพย์ ว่าผมพอจะเล่นได้ครับ วันนั้นตื่นเต้นมาก
คือฉากนี้ผมต้องขับรถแซงไปตัดหน้ารถอีกคันหนึ่ง เกร็งมากๆ เพราะว่ากลัวจะผิดคิว
ผิดจังหวะ พอถ่ายทำจริงๆ มีฉากหนึ่งเขาให้ผมขับรถชนจริงๆ รู้สึกว่าตัวเองชนแรงไปนะคือกลัวรถเขาพังไงครับ
คือรถที่ใช้มีทั้งรถจริงและที่เป็นเอฟเฟ็กต์ที่เขาสร้างขึ้นมาบางส่วนก็นำไปทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิค
"ส่วนฉากอื่นๆ ที่ผมรู้สึกตื่นเต้นกับการทำงานหนังเรื่องนี้ก็คือ ฉากแอ็คชั่นที่ต้องใช้สลิง
คือในเรื่องผมเป็นตำรวจต้องไล่จับคนๆ หนึ่งที่มีพลังเหนือมนุษย์ วันนั้นจำได้ว่าผมติดอยู่กับสลิง
แล้วพอเขายิงผม ผมก็ต้องถูกสลิงดึงขึ้นไปให้สูงๆ คือมันลอยตัวสูงมาก ผมเล่นเองเลยนะ
ฉากที่เราเล่นในสตูดิโอแบบนี้ก็ยากเหมือนกัน คือผมต้องเล่นกับจินตนาการของตัวเอง
มันเป็นงานที่ยากเหมือนกัน ผมไม่เคยเล่นหนังที่เต็มไปด้วยเทคนิคแบบนี้มาก่อน
ยอมรับครับว่างานสร้างของเขาทำจริงและก็ทุ่มทุนมากๆ เลย"
เรื่องการปรับตัวสำหรับการทำงานหนังเรื่องนี้ของผมก็ถือว่าปรับตัวยาก ผมเล่นละครมาหลายเรื่อง
พอมาเจอหนังเรื่องนี้ ก็ต้องทำการบ้านเลย แล้วหนังเรื่องนี้เขาครบรสไง เราต้องเล่นในหลายบทบาท
มีแอ็คชั่น มีเรื่องของความรัก มีเรื่องของไสยศาสตร์แบบไทยๆ ด้วยทำให้การตระเตรียมงานของแต่ละคนโดยเฉพาะนักแสดงค่อนข้างต้องทำการบ้านมาก
วันนั้นตอนที่เราถ่ายเฟอรารี่ คิดดูเราอยู่กลางแดดทั้งวันบนถนนในกรุงเทพฯ
แล้วคิดดูซิว่าทีมงานเขาจะร้อนกันขนาดไหนคิดถึงทีมงานทุกคน โดยเฉพาะทีมถ่ายภาพที่ต้องขับรถตามเฟอร์รารี่ทั้งวัน
ผมว่าเป็นการทำงานที่ผมจะต้องจดจำไปอีกนานเลย
ความรู้สึกของผมต่อหนังเรื่องนี้ก็คือ เป็นหนังแอ็คชั่นคล้ายๆ คนเหล็กน่ะครับ
คือมีตัวละครเอกอยู่ตัวหนึ่งที่ทำอย่างไรก็ไม่ตายเสียที เพราะเป็นอุบัติเหตุในช่วงสุริยคราสไง
แต่เราเรียกใหม่ว่า สุริยะฆาต สำหรับผมมองว่าเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ท้าทายมาก
แม้จะมีเรื่องเกี่ยวกับไสยศาสตร์มาเกี่ยวข้องแต่ในโลกของความเป็นจริง เราก็ต้องยอมรับว่ามีเรื่องราวแบบนี้ในสังคมจริงๆ
แต่เนื้อหาอื่นๆ ในเรื่องก็สนุกนะครับ เพราะมีเรื่องของความรักด้วย ประมาณว่าตัวเอกของเรื่องมาตามล่านางเอกเพื่ออะไรสักอย่าง
"ด้านผู้กำกับฯ กิตติพงษ์ ปัญญาทวีทรัพย์ เปิดเผยเพิ่มเติมหลังการถ่ายทำฉากทุ่มทุนหลายล้านให้ฟังว่า
เขาเองรู้สึกมั่นใจว่าภาพที่ออกมาจะสามารถโชว์ให้ต่างประเทศเห็นถึงฝีมือของคนไทย
และเชื่อว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังแฟนตาซีที่สนุกสนานแน่นอน กับฉากนี้ผมตั้งใจว่าจะเป็นฉากไล่ล่าที่เต็มไปด้วยแอ็คชั่นเท่ๆ
แบบหนังฮอลลีวู้ด เราถ่ายทำกันตั้งแต่เช้าโดยวางคิวให้โด่งเป็นคนขับรถ แล้วขับไปแซงตัดหน้ารถอีกคันให้หยุด
จุดที่ยากสำหรับเราก็คือทีมงานถ่ายภาพที่ต้องหอบหิ้วกล้องขึ้นรถถ่ายหนัง
กว่าจะได้ภาพที่ผมต้องการก็กินเวลาค่อนวัน ถือว่าเหนื่อยมากๆ เลย หลังจากนี้เราก็จะต้องทำ
CG เพิ่มนิดหน่อย ซึ่งต้องขอบคุณทีมงานทุกคน ตลอดจนดาราที่มาทุ่มเทในการทำงานเรื่องนี้
ส่วนตัวผมก็มองครับว่า อย่างน้อยให้คนดูเขารู้สึกสนุกตื่นเต้นไปกับฉากที่เราสร้างสรรค์ขึ้น
ผมก็พอใจแล้ว"
ภาพยนตร์เรื่อง สุริยะฆาต ถูกจำหน่ายไปในหลายประเทศแล้ว ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นแนวไซไฟระทึกขวัญที่น่าสนใจอย่างมาก
เชื่อว่ากระแสภาพยนตร์เรื่องนี้ในประเทศไทย ก็คงจะได้รับการตอบรับจากแฟนหนังไทยเช่นกัน
:: อ่านต่อในฉบับ ::
Source : โจนาธาน ลี
:: กลับไปหน้าหลัก ::
|