เรื่องราวเริ่มขึ้นในช่วงปี 1967 บ็อบบี้ มอร์โรว์ (รับบทวัยเด็กโดย แอนดรู ชาล์มเมอร์ส, รับบทวัยรุ่นโดย อีริค สมิธ, รับบทวัยหนุ่มโดย โคลิน ฟาร์เรลล์) เด็กชายวัย 9 ขวบ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเขาดูจะวนเวียนอยู่รอบๆ คาร์ลตั้น พี่ชายที่เขาสุดรักและนับถือ จนเมื่ออุบัติเหตุได้พรากชีวิตพี่ชายไปจากเขา แต่วิญญาณแห่งความรักอิสระเสรีของพี่ชาย ก็ได้ถูกส่งต่อมายังเขาด้วย

7 ปีผ่านไป เมื่อบ็อบบี้เติบโตขึ้นเป็นวัยรุ่น และสูญเสียทั้งพ่อและแม่ ซึ่งทำให้เขาเปรียบเสมือนคนไร้บ้าน และขาดที่พักพิงใจ จนเมื่อได้มาพบกับเพื่อนใหม่อย่าง โจนาธาน โกลเวอร์ (รับบทวัยรุ่นโดย แฮร์ริส อัลลัน, รับบทวัยหนุ่มโดย ดัลลาส โรเบิร์ตส) และ อลิซ (รับบทโดย ซิสซี่ สปาเซค) แม่ของเขา คำว่า "ครอบครัว" ที่ดูจะห่างหายไปจากชีวิต ก็ดูจะแจ่มชัดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่ออลิซได้ให้ความเอ็นดูและเมตตาบ็อบบี้ เหมือนเขาเป็นลูกอีกคนหนึ่ง และบ็อบบี้เองก็เต็มใจอย่างยิ่ง ที่จะฝากชีวิตไว้กับครอบครัวนี้ เมื่อความสนิทสนมมีมากขึ้นตามวันเวลา ความสัมพันธ์ระหว่างบ็อบบี้และโจนาธานนั้น ก็ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นเป็นทวีคูณ ทั้งสองเปรียบเป็นดังเพื่อน เปรียบเหมือนคนรัก เป็นเช่นพี่น้อง หรือเป็นครอบครัวในรูปแบบที่แปลกที่สุดก็ว่าได้ แต่ด้วยประสบการณ์ของการสูญเสียคนที่รักไปอย่างไม่มีวันหวนคืนตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้บ็อบบี้ไม่อยากที่จะล้อเล่นกับโชคชะตาอีกต่อไป เขาพยายามที่จะไม่เอาตัวเอง ไปฝังรากกับคนที่รักเช่นที่ผ่านมา และการกระทำบางอย่างที่เขาแสดงออกต่อโจนาธานนั้น บ็อบบี้ก็คิดว่าเป็นเพียงการแสดงออกซึ่งความรักเท่านั้น

เมื่อโจนาธานย้ายมานิวยอร์ก บ็อบบี้ก็ยังคงอยู่กับอลิซที่คลีฟแลนด์ จนเมื่อสามีภรรยาโกลเวอร์จะย้ายที่อยู่ไปยังอริโซน่า บ็อบบี้จึงย้ายไปนิวยอร์ก แล้วร่วมแชร์ห้องกับโจนาธานและรูมเมทของเขา แคลร์ (รับบทโดย โรบิน ไรท์ เพ็นน์) สาวสวยที่อายุมากกว่า เธอเป็นคนประเภทที่รักอิสระเสรี และการไขว่คว้าหาความรัก เพราะความผิดหวังในชีวิตการแต่งงานที่เลวร้าย และความใกล้ชิดก็ทำให้แคลร์นั้นเกิดหลงรักโจนาธาน แต่ตัวโจนาธานเองก็เปิดเผยแล้วว่า ตัวเขานั้นเป็นพวกรักร่วมเพศ เมื่อความรักที่ไม่ได้รับการสนอง บวกกับการแสวงหาความรักอยู่ตลอด ก็ทำให้เธอกับบ็อบบี้มีความสัมพันธ์ต่อกัน จนในที่สุดก็กลายเป็นความรัก ขณะที่ตัวโจนาธานนั้นก็ยังรักและศรัทธาในตัวบ็อบบี้เช่นเดิม แล้วความสัมพันธ์ของทั้งสามคนในรูปแบบใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อทั้ง 3 ต้องหาทางออกให้กับความรัก ที่ยังไม่อาจหาทางแก้ได้ และร่วมหาความหมายของคำว่า "ครอบครัว"

นี่เป็นผลงานของนักเขียนนวนิยายชื่อดัง ไมเคิล คันนิ่งแฮม ที่มาเขียนบทให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกัน ผลงานเด่นๆ ที่เคยผ่านตาคนดูมาแล้วก็คือ The Hours ส่วน A Home at the End of the World เป็นนวนิยายที่ได้ตีพิมพ์และวางจำหน่ายเมื่อปี 1990 และได้ โคลิน ฟาร์เรลล์ ที่ยอมลดค่าตัวเพื่อมารับบทนำในเรื่อง อีกทั้งยังเป็นการเปลี่ยนแปลงบทบาทการแสดงครั้งใหญ่ จากบทแบดบอยที่โคลินมักจะได้รับอยู่เสมอๆ มาเป็นบทของหนุ่มน้อยผู้เต็มไปด้วยความอ่อนโยน

A Home at the End of the World เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ขาดความอบอุ่นในวัยเด็ก ทำให้ทั้งชีวิตของเขาคือการค้นหาครอบครัวและบ้าน จากยุค 1960 ถึงยุค 1980 จากชานเมืองคลีฟแลนด์ถึงมหานครนิวยอร์ก จากความถวิลหาสู่การตัดสินชะตาชีวิต ภาพยนตร์สะท้อนถึงความเป็นไปได้และความหวัง สำหรับฝันของอเมริกันชนในแง่มุมใหม่ โดยการนำเสนอการผจญภัยของตัวเอกสามคน เมื่อพวกเขาค้นพบสิ่งใหม่ๆ ทดลองวัฒนธรรมที่สุดเหวี่ยง ดำเนินเรื่องราวได้อย่างอบอุ่น มีอารมณ์ขัน พร้อมเพลงประกอบภาพยนตร์ที่โดนใจ A Home at the End of the World จะทำให้คุณต้องแปลกใจและซาบซึ้งไปพร้อมๆ กัน

A Home at the End of the World นำแสดงโดย โคลิน ฟาร์เรลล์ (Alexander, S.W.A.T., Daredevil, The Recruit, Phone Booth, Hart's War), ซิสซี่ สปาเซค (In the Bedroom, Blast from the Past), โรบิน ไรท์ เพ็นน์ (Forrest Gump, Unbreakable, Message in a Bottle, Toys), ดัลลาส โรเบิร์ตส (Heavy Put-Away, The Lucky Ones, Music)