 |
ความคิดเห็นที่ 12 |
|
**** กิมเอ็ง คาดหุ้นไทยเดือน พ.ย.พักฐานต่อ แต่ยังหวังสิ้นปีเห็นดัชนีฯ แตะ800 จุด
บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ย.นี้ ถึงแม้ตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นจะอยู่ในช่วงพักฐาน แต่ฝ่ายวิเคราะห์ก็ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อ แนวโน้มตลาดในปี 2553 เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 800 จุด ณ สิ้นปี 2552 โดยเรายังคงเห็นว่าความเสี่ยงขาลงของตลาดในระดับที่จำกัด ในช่วงการปรับฐาน และนักลงทุนควรหาจังหวะช่วงที่ตลาดมีการพักฐานเข้าสะสมหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการเติบโตโดดเด่นและมี Upside ระดับที่สูงจากมูลค่าเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน ทั้งนี้ หุ้นที่เราแนะนำในเดือนพฤศจิกายน พิจารณาจากแนวโน้มผลประกอบการ และมูลค่าเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน ได้แก่ BAY, PTTEP,ADVANC, QH, CPF และ SMT ปัจจัยบวกที่คาดว่าจะหนุนตลาดช่วงปลายปี ปัจจัยบวกที่คาดว่าจะสนับสนุนและกระตุ้นให้ตลาดไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้น ได้ในช่วงปลายปีได้แก่ 1) คาดการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4/52 และคาด GDP ปี 2553 จะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง4% 2) ผลจากการฟื้นตัวของรายได้และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเริ่มชัดเจนขึ้นในรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/52 ที่กำลังทยอยประกาศออกมา แสดงถึงสัญญาณการฟื้นตัวก่อนภาพรวมเศรษฐกิจ เราคาดว่าผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในหลายไตรมาสข้างหน้าสอดคล้องกับทิศทางของรายได้ ที่สะท้อน ถึงแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่งในอนาคต เนื่องจากผลประกอบการที่ฟื้นตัวไม่ได้มาจากการลดต้นทุน 3) ในช่วงปลายปีจะปรับมาใช้มูลค่าเหมาะสมปี 2553 และปัจจุบันตลาดหุ้นไทยซื้อขายที่ PER 10.82 เท่า ของประมาณการกำไรปี 2553 และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 3.84% 4) อัตราผลตอบแทนปันผลอยู่ในระดับที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนภายในประเทศ เปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ถึงแม้อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในปีหน้าก็ตาม 5) ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าแรงซื้อจากกองทุน LTF และ RMF ในช่วงปลายปี จะช่วยสนับสนุนตลาดได้ดีกว่าในช่วงปีก่อนหน้าแต่ขึ้นอยู่กับว่านักลงทุนจะมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มผลตอบแทนมากเพียงใด 6) ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินดอลลาร์ ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติและจะยังเป็นผู้ซื้อสุทธิหุ้นไทย โดยในปี 2551 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิสูงถึง 1.62 แสนล้านบาท ในขณะที่ปีนี้นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเพียง 5.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเห็นได้ชัดว่านักลงทุนต่างชาติยังคงให้น้ำหนักตลาดหุ้นไทยน้อยกว่าภูมิภาค 7) เรายอมรับว่าปัจจัยการเมืองภายในประเทศอาจเป็นปัจจัยลบที่เราคาดไม่ถึง แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่พวกเราจะต้องยอมรับและปรับตัว โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่ในช่วง 3 เดือนก่อน ภาครัฐได้มีการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และในขณะที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว เรายังคงเห็นว่าตลาดไม่น่าที่จะปรับตัวลดลงแรงจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราเห็นว่าตลาดหุ้นได้รับรู้ปัจจัยความไม่แน่นอนของปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาลตลอดจนถึงเสถียรภาพรัฐบาลที่สั่นคลอนเข้าไปในราคาหุ้นแล้วในระดับหนึ่ง 8) จากปัจจัยต่างๆข้างต้น เราจึงยังคงเป้าหมาย SET index ณ สิ้นปี 2553 ที่ 900 จุด ซึ่ง ณ ระดับดัชนี SET Indexปัจจุบัน ยังคงซื้อขายในระดับต่ำกว่าตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค ที่ซื้อขาย PER เฉลี่ยที่ 13.68 เท่า และมีอัตราผลตอบแทนปันผลอยู่ที่ 3.04%
จากคุณ |
:
member28
|
เขียนเมื่อ |
:
1 พ.ย. 52 10:26:01
|
|
|
|
 |