ความคิดเห็นที่ 1 เคยมีเรื่องดราม่าขวดน้ำทิพย์อยู่พักนึง พอเห็นโฆษณาตัวนี้ดูแล้วก็เข้าใจอยู่นะว่า น้ำทิพย์จริง ๆ ก็มีเจตนาดี แค่เราสละความพอใจส่วนตัวเพื่อส่วนรวมเราว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น สุดท้ายตอนนี้ก็ชิน ไม่รู้เขียนอย่างนี้จะโดนว่ารึเปล่า แต่เราว่าถ้าเป็นเมืองนอก เค้าต้องยินดีสนับสนุนการลดใช้พลาสติกอย่างนี้ แม้จะไม่ถูกใจ เพราะจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมเค้าปลูกฝังกันตั้งแต่ในบ้าน จากคุณ : Cloud-D เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:27:22

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นด้วยนะ มันแค่เปิดยากนิดหน่อย อย่าอะไรนักหนาเลย เอาเข้าจริงๆคุณกินแล้วก็ทิ้งน่ะ จากคุณ : jaja12345 เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:39:19

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนตัวแล้วหนูชอบ concept ของน้ำทิพย์นะคะ มันไม่ใช่แค่ลดพลาสติก แต่มันลดปริมาณขยะ เพราะเวลาทิ้งขวดพวกเราก็สามารถบิดให้มันเล็ก ๆ ได้ มันก็จะเป็นการลดพื้นที่จัดเก็บ พวกเด็ก ๆ ที่ต้องเอาไปทำงานประดิษฐ์ก็ตัดแต่งได้ง่ายด้วย เพราะมันบางขึ้น อีกอย่างลูกหลานจะได้มีส่วนร่วมในการรักษ์โลก ขอสนับสนุนให้พวกเราเร่งปลูกฝังกันเถอะค่ะ จากคุณ : kikkikkikz เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:40:05

ความคิดเห็นที่ 4 เข้าใจเจตนาของสินค้า แต่เปิดทีไร หกเลอะเทอะทุกที -..- เลยซื้อเจ้าอื่นแทน จากคุณ : ส้มกลมกลิ้ง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:41:25

ความคิดเห็นที่ 5 นิ่มสิดี ติดหูหลานสาวผมไปแล้วครับ เพราะพี่ชาย(คุณพ่อของหลาน) ใช้สอนเรื่องแยกขยะ เรื่องการลดพลาสติกให้หลาน เวลาไปนอกบ้านก็เลือกน้ำทิพย์ ดื่มหมดก็ให้หลานบิดแล้วเดินไปทิ้งในถังรีไซเคิล อย่างน้อยก็ได้ปลูกฝังอนาคตของชาติไว้ ถ้าผมมีลูก ผมคงจะปลูกฝังสิ่งดี ๆ แบบนี้เหมือนกันครับ จากคุณ : Merlinz เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:51:02

ความคิดเห็นที่ 6 ตามมากดโหวต เพราะเห็นด้วยกับการที่คนเราจะละความเห็นแก่ตน สนธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้าง  จากคุณ : buacome30 เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 16:04:09

ความคิดเห็นที่ 7 ใช้พลาสติกน้อยลง ราคาก็ต้องน้อยกว่าเจ้าอื่นด้วย... จากคุณ : พยัคฆ์ร้ายแซบนัว เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 17:02:45

ความคิดเห็นที่ 8 ปริมาณลดน่ะค่ะ แถมพลาสติกบางลง และเรารู้สึกไปเองว่าน้ำทิพย์นี่จะมีกลิ่นหรือรสขมๆแปลกๆเราเลยขออนุญาตดื่มเจ้าอื่นแทน ถ้าเป็นไปได้ อยากให้เจ้าอื่นทำขวดนิ่มสิดีบ้าง จะได้เป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคที่รักษ์โลกค่ะ จากคุณ : แก้วกุ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 17:07:55

ความคิดเห็นที่ 9 concept ดี แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องลดปริมาณน้ำลงจากขวดรุ่นเก่า ผลักภาระให้ผู้บริโภคชัดๆ เอาจริงๆ เราว่าถ้าเด็กๆ ถือกระติกน้ำไปโรงเรียน แบบสมัยก้อน และ โรงเรียนมีน้ำสะอาดที่วางใจได้ให้เด็กได้ดื่ม เติมได้ นั่นน่าจะเป็นการลดขยะได้ดีกว่าอีกเป็นไหนๆ เพื่อนเคยไปทำรณรงค์ให้นักเรียนใช้กระติกน้ำ แต่เจอปัญหาว่า ทุกวันนี้ โรงเรียนมีรายได้จากการขายน้ำ และ ขยะพลาสติก มหาศาลจนไม่มีใครอยากร่วมมือด้วย จากคุณ : คุณป้าขอแจม เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 17:08:17

ความคิดเห็นที่ 10 ปกติขวดน้ำดื่มขนาด 600ml เราใช้ซ้ำนะคะ อย่างน้อยก็ 2-3ครั้ง  ส่วนขวด 1.5ลิตร  ก็ใช้จนกว่าสีจะขุ่น ซึ่งขวด PET เนี่ย  ใช้ซ้ำได้ค่ะ   ไม่ได้เป็นสารก่อมะเร็งตามที่ Forward Mail อ้างแต่อย่างใด  เพียงแต่ต้องทำความสะอาดสม่ำเสมอ แต่น้ำทิพย์โฉมใหม่เนี่ย  แค่ถือก็หงุดหงิดได้แล้ว  เป็นแพ็คเกจอ่อนระโหยโรยแรง  ยวบยาบไปหมด   ดื่มเสร็จแล้วไม่สามารถนำมาเติมน้ำหรือใช้ต่อได้เลย  ต้องทิ้งสถานเดียว แล้วแพ็คเกจใหม่  ลดพลาสติก 35%  ฝาขวดบางกว่าเดิม  ปริมาณน้ำก็น้อยกว่าเดิม  แต่.....ราคาเท่าเดิม ทำไมราคาไม่ยักกะถูกลง  ถูกไหม  คือถ้าจะทำรณรงค์แบบนี้  สู้ทำแบบขวดน้ำแบบญี่ปุ่นดีกว่า ของเขาก็ลดการใช้พลาสติก  ใช้พลาสติกในการผลิตน้อยกว่าเดิม  แต่ของเขาแข็งแรงและนำกลับมาใช้ต่อได้แน่นอน เราถือว่าตัวเองก็เป็นคนนึงที่รักษ์โลกนะคะ  อย่างน้อยก็ไม่ได้สักแต่ว่ารู้  แต่ทำด้วย     เราพกถุงผ้าติดกระเป๋า 3-4ถุงทุกวัน  ไม่ใช่เฉพาะวันที่มีแพลนไปตลาดหรือซุเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้น เพราะเราไม่รู้ว่าเดินๆไปเราจะถูกใจของชิ้นไหนบ้าง  ก็แก้ที่ตัวเอง  พกติดตัวไว้เลย  แทนที่จะให้คนขายใส่ถุงพลาสติก ส่วนน้ำทิพย์  ปัจจัยหลักคือต้องการลดต้นทุนของบริษัท  แต่เลือกที่จะสื่อสารออกมาในรูปแบบลดรักษ์โลกมากกว่า ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง  ทั้งประหยัดเงิน  แถมส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กรณ์ ส่วนเรา  เราไม่ถูกใจ  เลยเลือกที่จะไม่อุดหนุน  หันไปสนับสนุนเจ้าอื่นที่รูปทรงแข็งแรง  นำมารีไซเคิลในรูปแบบอื่นได้อีก และเหมือนเดิม  แก้ที่ตัวเอง  เราเลือกเจ้าที่ใช้พลาสติกในการผลิตมากกว่า  เราก็ใช้ซ้ำ  เท่านั้น จากคุณ : ธีรนัยน์ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 17:14:03

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนนี้เข้า 7-11 ก็เลือกน้ำทิพย์ค่ะ จากเดิมต้องกินคริสตัล เราไม่มีปัญหากับการที่ขวดบางลงนะ เปิดไม่เคยเลอะ ลดพื้นท่่ีในถุงขยะเราด้วย ส่วนตัวทำงานด้าน ISO 14001 (มาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม) ยังนึกชมคนคิดโปรเจคนี้เสมอเลย เพราะมันเป็นการลดจากจุดกำเนิด ลดตั้งแต่ต้นน้ำ ซึ่งโปรเจคนี้ นอกจากจะลดต้นทุนเรื่องค่าเม็ดพลาสนิกในการฉีดขึ้นรูปขวดได้ ยังช่วยลดพวกขยะจากกระบวนการอีก ซึ่งมูลค่ามันมหาศาลเลยนะ (พอดีทำงานโรงงานฉีดพลาสติกค่ะ เลยรู้ว่ามันลดอะไรได้บ้าง) จะดีมากหากแบรนด์อื่นๆ หันมาทำขวดชนิดนี้กัน ช่วยกันลดจากแหล่งกำเนิด สบายถึงปลายทาง จากคุณ : Data_Unix เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 17:20:28

ความคิดเห็นที่ 12 คนส่วนใหญ่บ่นแต่ว่าน้ำทิพย์ทำการตลาด เราว่ามันก็ไม่แปลกนะ ที่ใคร ๆ ก็ต้องทำการตลาด แต่อย่างน้อยเค้าก็มากระตุ้นให้คนเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมบ้าง คนละนิดคนหน่อย หนูเห็นขวดแบบน้ำทิพย์ที่เกาหลีมานานแล้ว คนไทยก็ควรเริ่มได้บ้างแล้วนะคะ ยังไงฝากคลิปให้เห็นเห็นถึงความตั้งใจของน้ำทิพย์หน่อยละกัน (ไม่ใช่คนของน้ำทิพย์ แต่รู้สึกอยากสนับสนุนโครงการดี ๆ แบบนี้ค่ะ) จากคุณ : inooau เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 17:27:48

ความคิดเห็นที่ 13 ปริมาณน้ำลดลง ต้นทุนพลาสติกลดลง ขายราคาเดิม ตะหงิด ๆ ตรงนี้ จากคุณ : ปอป้อ&ตงเอ๋ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 17:30:01

ความคิดเห็นที่ 14 ถึงขวดจะยวบยาบ แต่ถ้าช่วยลดขยะ เรายอมค่ะ ^^ จากคุณ : แมวกินผัก เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 17:32:38

ความคิดเห็นที่ 15 บอกได้ว่า ไม่ชอบขวดน้ำทิพย์ที่บางลงค่ะ ดื่มยาก นำขวดมาใช้เติมน้ำดืีมซ้ำไม่ได้ เป็นขวดที่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เพราะใช้ครั้งเดียวขวดก็ช้ำแล้ว ยกตัวอย่างนะคะ จะได้เห็นชัดเจน ปกติ จะดื่มน้ำขวดวันละ 2 ขวด (ที่เหลือก็ดื่มจากเหยือกและอื่นๆบ้าง) เดิมจะใช้ขวดเก่า มาเติมน้ำใหม่ เติมไว้วันละ 2 ขวด สำหรับพกไปดื่ม 1 สัปดาห์ จะซื้อขวดใหม่แค่ 2ขวดเท่านั้น และเปลี่ยนขวดใหม่ทุกสัปดาห์ แต่พอน้ำทิพย์เปลี่ยนขวดใหม่ ใช้ได้แค่ครั้งสองครั้ง ถือไปถือมาก็ช้ำแล้ว 1 สัปดาห์ ต้องซื้ออย่างน้อย 7 ขวด แบบนี้เปลืองกว่าแน่ๆ หลายคนบอกว่า ให้เปลี่ยนไปใช้ขวดพลาสติกสำหรับบรรจุน้ำ ที่เค้าขายๆกัน ขอตอบว่า มีปัญหาเรื่อง ปิดไม่สนิท น้ำหก ที่ปิดได้สนิทก็ราคาแพง น้ำหนักเยอะ พกพาลำบากค่ะ น้ำดื่มยี่ห้ออื่นๆอย่าเปลี่ยนขวดนะคะ ถึงจะแพงกว่าน้ำทิพย์ ก็จะซื้อค่ะ จากคุณ : จิน ณ จันทร์ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 17:38:48

ความคิดเห็นที่ 16 น้ำทิพย์มันลดปริมาณน้ำลงด้วยจากเดิม 600 เป็น 550 ml แล้วเอาประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมมาชูโรงแทน คนที่ทำงานที่น้ำทิพย์ เค้าก็รู้อยู่ว่าจริงๆเป็นแค่การลดต้นทุนการผลิตลง โดยโรงงานลดต้นทุนการผลิตในส่วนของการสั่งทำขวดพลาสติกให้บางลง ลดพลาสติกลงไปได้ 30% แถมด้วยลดปริมาณน้ำดื่มอีก 50 ml หรือคิดเป็น 8.33% จากเดิม ที่เพิ่มก็คงแค่ค่าโฆษณาชวนเชื่อให้คนเข้าใจว่าเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมก็เท่านั้น ถ้าน้ำทิพย์ต้องการชูประเด็นเรื่องรักสิ่งแวดล้อมจริง ก็ควรลดราคาขายลงด้วย ต้นทุนการผลิตน่าจะลดลงได้อย่างต่ำขวดละ 50 สตางค์ถึง 1 บาท เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องธุรกิจล้วนๆครับ จากคุณ : mentosmalon เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 17:39:45

ความคิดเห็นที่ 17 ในมุมมองคนขาย... เราเคยรับมาขาย วางซ้อนกันมากๆ น้ำแตกกระจายค่ะ ไม่เวิคอย่างแรง เคยทีนึงเอาใส่กระเป๋าเดินทาง แค่โยนกระเป๋าลงพื้น ขวดแตก น้ำพุ่งเจิ่งนอง เลอะของในกระเป๋าเลยทีเดียว ไอเดียดีนะ...รักษ์โลก เราเข้าใจค่ะ แต่การใช้งานจริง เราไม่ให้ผ่านค่ะ... ขวดยวบเกินไป ไม่แข็งแรง ซื้อมาขายต่อ แตกไปเยอะ... ขาดทุนค่ะ พยายามเปิดใจนะคะ แต่เราเจอประสบการณ์เลวร้ายตลอดเลย T,T จากคุณ : be bliss เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 17:41:14

ความคิดเห็นที่ 18 ตามหลายๆคหว่าไว้ค่ะ ว่าราคาเท่าเดิม แต่ใช้พลาสติคน้อยลง ปริมาณน้ำน้อยลง (ซึ่งคงเอาตรงนี้มาโหมโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ของตัวเอง) สำหรับเรามันไม่แฟร์ค่ะ เราไม่ได้เกลียดบริษัทนี้ เราดื่มน้ำดื่มยี่ห้อไหนก็ได้ แต่เราไม่ชอบขวดแบบนี้ ถือลำบาก ถือเดินลำบาก กินในรถยังลำบาก แต่ถ้าเป็นน้ำทิพย์รุ่นเก่า เราก็กินได้ เราเป็นคนจ่ายเงินค่ะ เรามีสิทธิ์เลือก จากคุณ : windzephyr เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 17:49:27

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าเราจ่ายเงินเท่าเดิม แล้วเราได้ช่วยลดขยะของโลก ก็ไม่สนใจหรอกค่ะว่าบริษัทจะกำไรเพิ่มอีกเท่าไร จ่ายเท่าเดิมแต่ช่วยโลก มองยังไงก็ไม่เห็นว่าเดือดร้อนตรงไหน ปล. เราเป็นคนที่พกน้ำเปล่าประจำค่ะ ขวดน้ำทิพย์รุ่นใหม่ก็ยัดใส่กระเป๋าตลอด ไม่มีปัญหาค่ะ แรงอัดในกระเป๋าเราไม่เท่ารถสิบล้อที่มาส่งน้ำหรอกค่ะ คหสต จากคุณ : via iPhone (บลอนดี้) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 17:49:34

ความคิดเห็นที่ 20 ความเห็น 19 อย่าลืมว่าเขาลดปริมาณน้ำลงด้วยนะครับ ไม่ได้ให้น้ำมาเท่าเดิมซะหน่อย อย่างนี้จะถือว่าบริษัทไม่ได้เอาเปรียบคนซื้อได้ไง ถ้าให้ปริมาณน้ำเท่าเดิม แต่ลดพลาสติกลงเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครว่าหรอกครับ ถือว่าคุณให้ของเท่าเดิม จากคุณ : mentosmalon เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 17:57:08

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ชอบเหมือนกันค่ะ ที่บ้านขายของชำ แช่น้ำทิพย์แบบนี้ลงตู้เย็นลำบากด้วยค่ะ มันยวบยาบ แล้วยังบู้บี้ + แตกอีกถ้าซ้อนหลายๆชั้น เราเคยทำขวดตกทีนึง แตกกระจายเลยค่ะ เปียกตามระเบียบ =x=; เราว่าถ้าลดพลาสติกลงมันก็โอเคอ่ะค่ะ แต่ไม่ใช่แบบลดซะใช้การอะไรไม่ได้ เหมือนลดจากแก้วพลาสติกมาเป็นแก้วกระดาษ ใช้ได้เหมือนกัน แต่ใส่น้ำหลายทีไม่ได้ ยวบยาบ ฯลฯ เป็นต้นอ่ะค่ะ เลยไปซื้อน้ำยี่ห้ออื่นแทน เพราะตกไม่แตก 555 จากคุณ : itsAriecha เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 18:15:07

ความคิดเห็นที่ 22 ในฐานะที่เรียนจบพอลิเมอร์มานะคะ การทำขวดพลาสติกให้บาง แต่สามารถขึ้นรูปได้เป็นขวดน้ำเนี่ย ต้นทุนอาจจะแพงกว่าการผลิตขวดพลาสติกธรรมดา ๆ ก็ได้นะคะ อาจจะลดปริมาณพลาสติกลงได้ แต่เม็ดพลาสติกที่่ใช้ ต้องคุณภาพดีจริง ราคาสูงกว่า ต้องมีการปรับแต่งวิธีการผลิต ซึ่งหากจากเดิมไม่ได้มีโรงงานผลิตขวดพลาสติกของตัวเองแล้ว อาจจะต้องลงทุนสร้างโรงงานเองเลย แล้วจริง ๆ ต้นทุนในการผลิตน้ำดื่มบรรจุขวดเนี่ย มีค่าน้ำแค่ไม่ถึงบาท (ต่อลิตร) การที่น้ำทิพย์ลดปริมาณน้ำลง 50 มล. ไม่ทำให้เค้าได้กำไรมากขึ้นหรอกค่ะ และที่จำเป็นต้องลดน้ำลง เพื่อจะได้มีที่ว่างสำหรับอัดแก๊สลงในขวด ให้ขวดสามารถรับแรงได้มากขึ้น และคงตัวอยู่ได้ตราบใดที่ยังไม่เปิดขวด รวมทั้งเป็นพื้นที่ว่างให้เวลาเราเปิดขวด แล้วมือที่ถือขวดออกแรงบีบขวด น้ำจะพุ่งขึ้น ก็ต้องมีพื้นที่รองรับน้ำที่พุ่งขึ้นมาด้วยค่ะเวลาเปิดจะได้ไม่หกเลอะเทอะ คห.ส่วนตัว เราคิดว่า บริษัทที่ผลิตน้ำดื่มน่าจะขายน้ำให้ราคาแพงขึ้นอีกหน่อยนึง แต่ให้ลูกค้าสามารถขายขวดคืนไ้ด้ เหมือนประเทศในยุโรป มีราคาขวดกำหนดไว้ที่ขวดแบบตายตัวเลย ถ้าเอาขวดมาคืนจะได้รับเงินคืนเท่านี้เท่านั้น แต่บ้านเราคนเก็บไปขาย ได้ราคาเป็นเศษขยะกิโลละไม่กี่บาทเองค่ะ แต่ถ้าให้เก็บขวดขายคืน เราว่ามันน่าจะเป็นแรงจูงใจที่ดี ให้ทุกคนเก็บขวดพลาสติกไว้คืน และเวลาเราจะซื้อกิน เราก็จะได้รู้สึกว่า มันแพงนะ พกน้ำจากที่บ้านมากินดีกว่า อะไรประมาณนี้ จากคุณ : มะฮู้ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 18:15:38

ความคิดเห็นที่ 23 การตลาดทั้งนั้นแหละ ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ประหยัดค่าขวด ลดปริมาณน้ำ ภาพลักษณ์รักษาสิ่งแวดล้อม อย่าได้ตกหลุมพรางของบริษัทเชียวนะคะ จากคุณ : Zero_ordeR เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 18:22:17

ความคิดเห็นที่ 24 แบบนี้มันลดต้นทุน แล้วเอาเรื่องสิ่งเเวดล้อมมาทำการตลาดชัดๆครับ ปริมาณน้ำลดลงเห็นๆ ถ้าลดจริง ราคาก็ควรจะลดด้วย  ลดพลาสติก ลดปริมาณน้ำ ต้นทุนก็ต้องต่ำลง แต่ก็อย่างว่าและครับ ใครใคร่ดื่มก็ดื่ม คหสต. ดื่มน้ำราคาถูก สะอาด มาตรฐานดีต่อไป น้ำขวดกลับมาใช้ได้ และทิ้งให้เป็นที่เป็นทางก็พอ จากคุณ : นายวาคิม เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 18:28:48

ความคิดเห็นที่ 25 เราเห็นด้วยที่จะรักษ์โลก แต่เราว่าเป็นการผลักภาระให้ผูบริโภคไปหน่อย ปริมาณน้อยลง พลาสติกน้อยลง แต่ราคาเท่าเดิม เป็นเราซื้อเจ้าอื่นค่ะ คุ้มค่าเงินของเรา แถมน้ำขวดแข็งเราซื้อครั้งนึกกดน้ำเติมดื่มได้ทั้งวัน ขวดไม่พัง เราว่ามันคุ้มค่่ามากกว่า แถมเราได้ยินแม่ค้าบ่นกันประจำว่าขวดแตกง่าย ยังไม่ทันจะขายก็ขาดทุนสะแล้ว จากคุณ : ปอปูน-พอพี เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 18:30:14

ความคิดเห็นที่ 26 ก็เข้าใจนะค่ะว่า นิ่มสิดี ลดปริมาณขยะ = ลดต้นทุน แต่ลดปริมาณของสินค้าจาก 600 มล เหลือ 550 มล แล้วขายราคาเดิม เคยมีใครพูดถึงรึเปล่าค่ะ จากคุณ : ''@_@" (ฉันไม่ใช่ตัวต้นเรื่อง) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 18:39:19

ความคิดเห็นที่ 27 เราดื่มยี่ห้ออื่น เอากลับมาเติมน้ำที่บ้านกินได้อย่างน้อยขวดนึงก็ใช้ซ้ำ 3-4 ครั้งก่อนทิ้ง อันนี้มันใช้ซ้ำไม่ได้ง่ะ กลายเป็นเปลืองกว่าซะงั้น จากคุณ : ไม่ได้อ่าน เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 18:49:19

ความคิดเห็นที่ 28 อ่านไม่ครบ แต่เห็นด้วยกับคห.10ค่ะ เราทำงานด้านโฆษณา มันคือการ "โฆษณาชวนเชื่อ" ค่ะ ให้เรามองไปที่การรักษ์ลโลกเข้าไว้ หันมาซื้อของเค้าเยอะๆ แต่อย่างที่บอกว่า เค้าลดต้นทุนการผลิต แต่ขายในราคาเดิมค่ะ จากคุณ : ZtoTheD เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 18:57:52

ความคิดเห็นที่ 29 บางคห.ก็ โลกส๊วย สวย นะคะ  จากคุณ : Many Minny เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 19:03:09

ความคิดเห็นที่ 30 เราไม่ได้ดื่มยี่ห้อนี้ เพราะไม่ชอบรสชาติ แต่อันที่ดื่มประจำ (ฉลากสีฟ้า) เราว่าขวดมันเริ่มบางลงเรื่อยๆ แตกง่ายแล้วเหมือนกัน จากคุณ : แม่นางหนิงเอ๋อ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 19:03:58

ความคิดเห็นที่ 31 ไม่ชอบลักษณะขวดนิ่มๆ ค่ะ  เพราะว่าเราเป็นไกด์ต้องซื้อน้ำแล้วยัดขวดลงกระเป๋าเป้ โหนรถทัวร์ต่อ   ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ลูกทัวร์เปิดไม่ออกกันส่วนใหญ่ เคยเจอลูกทัวร์ตัวน้อยเปิดแล้วน้ำกระฉ่อกหกหมด โดนแม่ตีไป 2 เพี๊ยะ แต่ปัญหาที่เกิดกับเราคือ ฝาเปิดมันเผยอนิดๆ คิดเองว่า "เราปิดไม่ดีเอง" น้ำเลยซึมนิดๆ ก็เลยเปลี่ยนตัวเองซื้อกระบอกน้ำตามห้างมาค่ะ คือว่าถ้าเจอน้ำดื่มฟรีที่ไหนก็กรอกใส่ไปเลย ประหยัดไปด้วยในตัว แต่ถ้าให้เลือกซื้อขอแบบขวดแข็งๆ ดีกว่าค่ะ อย่างน้อยมันยังช่วยให้เรามีที่ใส่น้ำสำรองเวลาเติมหม้อน้ำรถได้นะคะ (แบบว่าเติมน้ำจากปั๊ม) อยากช่วยโลกเหมือนกัน แต่บางครั้งเราขับรถเก่าๆ (กำลังเก็บเงินอยู่ค่ะ ไม่อยากซื้อเงินผ่อน อยากจับเงินตัวเองแบบเต็มๆ บ้าง) หม้อน้ำมันก็ซึมบ้างนะคะ ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ และก็จากเหตุการณ์จริงนะคะ จากคุณ : ColdOut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 19:08:44

ความคิดเห็นที่ 32 เคยเจอน้ำดื่มของเครือโค้กที่จีน ขวดจะไม่ยวบขนาดนี้ค่ะ เราเลยว่าจริงๆ แล้วขึ้นกับว่าจะเลือกความแข็งของขวดระดับไหนมากกว่า ส่วนการรักษ์โลก... ขวดนิ่มอาจไม่ช่วยเท่าไหร่ เราว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ ที่ต้องการลดปริมาณและเพิ่มกำไรมากกว่าค่ะ ถ้าจะรณรงค์จริงๆ ควรให้มีการใช้ซ้ำ แยกขยะ หรือลดการซื้อขวดน้ำไปเลยมากกว่า ส่วนตัวตอนนี้เลือกขวดแข็งหน่อย แต่ใช้ซ้ำหลายครั้ง โดยซื้อขวด 6 ลิตรมาเติมแทน (ถ้ามีเครื่องกรองน้ำก็ยิ่งลดขยะอีก) ใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก ช่วยแยกขยะ และลดการกินใช้ฟุ่มเฟือย เราว่ามันดีกว่ามองที่ขวดน้ำอย่างเดียวค่ะ จากคุณ : anegi เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 19:21:06

ความคิดเห็นที่ 33 การตลาดอีกละ  ขวดน้ำใช้ได้เป็นเดือน จากคุณ : june_ju เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 19:21:12

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าเป็นไปได้ ช่วยกันไม่ใช้พลาสติกเลยจะดีที่สุด เช่น หิ้วปิ่นโตไปซื้อข้าว เอากระติกใส่น้ำไปเอง แก้วกาแฟ เอาถุงผ้าไปจ่ายตลาด เราไม่ได้ดีแต่พูดนะ ทำมาหลายปีแล้ว เวลาช้อปออกจาก supermarket ชอบมีการ์ดวิ่งตามมานึกว่าเรายังไม่ได้จ่ายตังค์ จากคุณ : RoriM เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 19:28:27

ความคิดเห็นที่ 35 ดื่มแต่คริสตอลค่ะ รถไม่แปลกเกินไป เปิดแล้วไม่พุ่งกระจาย แบรนนี้เราเลิกดื่มตั้งแต่เปลี่ยนขวดเนี่ยแหละคะ จากคุณ : สบู่วิเศษ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 19:35:41

ความคิดเห็นที่ 36 ลดปริมาณพลาสติก ลดปริมาณน้ำ แต่ไม่ลดราคา?????? เอาเปรียบค่ะ ลาก่อน ดื่มยี่ห้ออื่นแล้ว reuse เอาค่ะ จากคุณ : เจ้าแม่กรูปรีทอง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 19:43:20

ความคิดเห็นที่ 37 ตั้งแต่น้ำทิพย์เปลี่ยนขวด เราไม่เคยซื้อกินอีกเลยค่ะ เพราะเราไม่เคยดื่มทีเดียวหมดขวด ต้องใส่กระเป๋ากลับบ้านด้วยทุกที บางวันตื่นเร็วหน่อยก็กรอกออกมาด้วยเลย จะได้ไม่ต้องไปซื้อขวดใหม่ อยู่มหาลัยก็เติมจากแทงค์เอา ถ้าพฤติกรรมการใช้ขวดแบบเรานี่... ไปๆมาๆ ไอ้นิ่มสิ่ดีนี่เพิ่มขยะมากกว่าป่าวคะ? จากคุณ : รู้สึกดีที่ปีนี้ไม่มีหน้าหนาว เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 19:53:37

ความคิดเห็นที่ 38 เพื่อนเราเรียนเคมีค่ะ เพื่อนเราว่าขวดน้ำทิพย์แบบนี้ ทำให้ขวดเวลาโดนแดด หรือความร้อน จะมีสารอะไรละลายออกมาผสมในน้ำไ้ด้ง่ายกว่าขวดมาตรฐานยี่ห้ออื่นๆค่ะ เราก็ไม่รู้นะ ถ้าเลือกได้เราก็ไม่ได้ซื้อนะ จากคุณ : papergift เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 19:53:59

ความคิดเห็นที่ 39 ฝาขวดคมไปหน่อยนะคะน้ำทิพย์  บิดทีไรไม่ได้แผลก็ต้องแดงไปทั้งมือทุกที กลับไปซบเนสท์เล่ต่อ... จากคุณ : PuchipanG เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 20:03:14

ความคิดเห็นที่ 40 เราอนุรักษ์โลกด้วยการใช้ขวดน้ำซ้ำค่ะ 1 ขวดใช้ซ้ำประมาณ 4-5 วัน น้ำทิพย์ลดพลาสติกลง 35% นั่นแสดงว่า ใช้พลาสติกไป 65% ต่อครั้ง ขวดพลาสติก 100% แต่ใช้ซ้ำ 4 วัน นั่นเท่ากับว่าเราอนุรักษ์โลกโดยใช้พลาสติกไปแค่ 25% ต่อครั้ง ยังไม่รวม - ฝาพลาสติก - ฉลากต่อขวด - ค่าไฟต่อการผลิต 1 ขวด - ค่าขนส่ง เราคิดว่าไม่ใช่การรักษ์โลกที่ดีค่ะ (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ) จากคุณ : easiy1 เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 20:27:16

ความคิดเห็นที่ 41 เลิกซื้อยี่ห้อนี้ตั้งแต่เปลี่ยนเปนแบบบางเหมือนกันค่ะ ไม่สะดวกเพราะหกเลอะเทอะเวลาเปิดทุกที แถมยังเอามาใช้ซ้ำไม่ได้ เปลืองเงินกว่าเดิมอีก จากที่เคยเอาขวดไปเติมน้ำมาดื่มต่อ กลับต้องซื้อใหม่เลย จากคุณ : Laikuiy เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 20:32:07

ความคิดเห็นที่ 42 ไม่ชอบค่ะ เปิดทีไรน้ำหกทุกที แถมฝาขวดจะบางไปไหน หลุดง่ายมาก อีกอย่างถ้าใช้ขวดแข็งแบบเดิมเราเอาไปรีไซเคิลทำกระถางต้นไม้ใบเล็กได้ บางทีก็ใช้ใส่น้ำซ้ำ จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 20:33:35

ความคิดเห็นที่ 43 นิ่มสิดี... ลดราคาด้วยสิ... ลดพลาสติกลง 35% แต่ผมใช้เติมน้ำด้วย อย่างน้อย ๆ ก็ 2-3 ครั้งต่อขวด สรุป นิ่มสิดี ใช้พลาสติก 65% ผมใช้แค่ 35-50% เท่านั้น ช่วยโลกมากกว่ากันครึ่ง ๆ ในราคาเท่าเดิม ถึงตรรกกะผมจะดูแปลกๆ แต่ของน้ำทิพย์ก็แปลกไม่ต่างกันเท่าไรนะผมว่า จากคุณ : MondayCool เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 20:36:16

ความคิดเห็นที่ 44 เราใช้ขวดเพ็ท(สิงห์)ซ้ำหลายหน เวลาไปไหนก็รองน้ำจากบ้านไปกินเอง ไม่ต้องซื้อน้ำในปั๊มพ์แพงๆ กิน ทำอย่างนี้มั่นใจกว่าเพราะเครื่องกรองน้ำเราระดับเทพ ่ไม่ชอบขวดบางเหมือนกัน เราว่าบีบๆ แล้วมันอาจจะทำให้สารอะไรละลายในพลาสติก หลุดลงไปปนในน้ำได้ (ระแวงน่ะ) (ขวดบรรจุน้ำพลาสติกดีๆ แพงๆ เอาไว้แช่กินที่บ้าน อยู่ได้หลายปี) จากคุณ : Edna Mode เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 20:44:50

ความคิดเห็นที่ 45 ...การค้าค่ะ แล้วทำไมปริมาณน้ำมันลดลงน้อยกว่าเจ้าอื่น (550ml จาก 600ml O_o) แต่ขายราคาเดิมล่ะ แถมการใช้ขวดที่บางขนาดนี้ทำให้มีโอกาสที่สารเคมีละลายออกมาได้ง่ายกว่าปกติด้วย เราเป็นพวกที่ไม่ได้กินหมดขวดค่ะ และจะพกน้ำไว้กินตลอดวัน (บางทีก็เติมน้ำที่บ้านพกต่อด้วย) แปลว่าขวดๆ หนึ่งเรา reuse ไปไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้งค่ะ การที่น้ำทิพย์ทำแบบนี้ ทำให้จำนวนครั้งในการใช้น้อยลงเหลือแค่ 1 รอบ ซึ่งต้นทุนการ reuse ย่อมต่ำกว่า recycle มากอยู่แล้ว ถ้าจะรักษ์โลกจริงๆ โน่นต้องขวดแก้ว หรือขวดประเภทซื้อคืนได้ค่ะ (เหมือน คห.22) แต่ผู้ผลิตก็รับต้นทุนไปเต็มๆ (อีกอย่างตอนนี้วัตถุดิบทำขวดแก้วก็แพงกว่าเมื่อก่อนมาก) ...ตั้งแต่ออกตัวใหม่มานี่เราไม่ซื้ออีกเลย รู้สึกว่าคุณแค่อยากลดต้นทุนแต่ไม่บอกความจริง จากคุณ : Jeja เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 20:48:10

ความคิดเห็นที่ 46 การตลาดครับ ถ้าจะรักษ์โลกจริงๆ ลดพลาสติก ลดปริมาตรน้ำ (เท่ากับลดต้นทุนใช่ไหม) ก็ควรลดราคาสักนิดสักหน่อย ให้มันจับต้องง่ายขึ้น ดึงคนมาช่วยรักษ์โลกด้วย ในขณะที่เจ้าอื่นก็ไม่ใช่ว่าไม่รักษ์โลก มันขึ้นอยู่กับคุณว่าแยกขวดพลาสติกออกจากขยะตอนทิ้งรึป่าว ถ้าคุณแยก นอกจากจะขายได้เงินแล้ว เค้ายังเอาไปรีไซเคิลได้อีกด้วย!!! ถ้าคุณอยากรักษ์โลกสุดๆไปเลย แนะนำให้กรองน้ำแล้วใส่กระติกพกพาจะดีที่สุด ใช้เสร็จแล้วล้าง ใช้ซ้ำๆได้ ลดการผลิตพลาสติกที่ปล่อยสารพิษออกมาในธรรมชาติ ลดการใช้พลังงาน แล้วยังช่วยคุณประหยัดเงินอีกด้วย :) จากคุณ : HengKung เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 21:00:48

ความคิดเห็นที่ 47 ไม่นะลดปริมาณขวดน้ำในขวดเลย ถ้าจะราคาเดิมนะ จากคุณ : บราวนี่ชีสเค้กท็อปปิ้งวิคครีม เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 21:20:15

ความคิดเห็นที่ 48 มีมาตอบลายสาขา ขอตอบในมุมมองเด็กการตลาดบ้าง เราว่าการตลาดไม่ตรงเป้า  และดูไร้แรงจูงใจอย่างมาก ดวามโดดเด่นของสินค้าไม่มีอะไรโดดเด้งต่างจากคู่แข่งแม้แต่น้อย มีแต่การชูโรงว่าผลิตภัณฑ์วัสดุผลิตมาเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม เอาจริงๆนะ "จะมีคนไทยสักกี่คนที่เห็นคุณค่าด้านนี้" ไม่ได้ว่าคนไทยว่าไม่รักษ์สิ่งแวดล้อม แต่ประเทศเรายังไม่ได้ปลูกฝังด้านนี้อย่างจริงจัง การที่จะทำแบบนี้มันต้องมี่เหตุจูงใจ ไปชนกับบริษัทคู่แข่งหน่อย อย่างลดราคาสินค้าลง มีโปรโมชั่นหรืออย่างน้อยชิงโชคสร้างแรงจูงใจก็ยังดี  แต่นี้ เงียบมากตั้งแต่เปิดตัว คุณจะอ้างเรื่องต้นทุน ผู้บริโภคคงไม่สนใจหรอกค่ะ  เพราะเขาเอาสะดวกเข้าว่ากับแรงจูงใจอย่างตอนนี้สิงห์กับคริสตัลมีชิงโชค บ้านเราก็ซื้อแต่คริสตอลมากิน เพราะมีชิงโชคนี่แหละ จะบอกให้คอแตกว่าผลิตภัณฑ์คุณรักษ์โลก ดูแลโลก แคมเปนนี้ใช้ได้ฝั่งยุโรปค่ะ แต่กับประเทศไทยคงยังไม่ใช่ ถูกที่ว่าถ้าไม่เริ่มก็คงไม่มีคนทำ แต่คุณจะแบกรับความเสี่ยงนี้ไปเรื่อยๆค่อยๆถอยหลังหรือคงที่ในการผลิตทั้งที่เจ้าอื่นเขาไปไหนแล้ว มันยากมากที่น้ำหนึ่งขวดคุณซื้อมาแล้วจะกินหมดแล้วบิดทิ้งในทันที  เราอยากมากกินได้แค่หนึ่งในสี่ก็เต็มที่ก็เต็มเก็บไว้กินอีก แต่น้ำทิพย์เปิดขวดปั๊ป แทบจะถือต่อไปไหนไม่ได้เลย ความสะดวกไม่มี จุดนี้พลาดอย่างแรง ถ้าอยากทำให้คนทาน ลองทำขวดเล็กลง ทานครั้งเดียวแล้วหมด ขายถูกลงกว่าเจ้าอื่น อย่างนี้ยังมีลุ้นต่อไปนะคะ จากคุณ : daniel_melody เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 21:37:13

ความคิดเห็นที่ 49 ลดปริมาณน้ำลง 50 cc ขวดบาง เปิดทีนึงนอกจากจะเจ็บมือแล้วน้ำยัง กระฉอกหกออกไปอีก 50 cc ทุกครั้งที่เปิด แถมที่บ้านเราเอาขวดเพ็ทมารีไซเคิล ใช้ทุกครั้ง ถ้าใช้จนเก่า ตะกรันเกาะก็เอาไปขาย แต่ขวดน้ำทิพย์ต้องทิ้งตั้งแต่ครั้งแรก สรุปมันคือการตลาด แค่เอาเรื่องสิ่งแวดล้อมมาโฆษณา สร้างแบรนด์ให้บริษัทเท่านั้นเอง จากคุณ : ยูจินคุง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 22:05:42

ความคิดเห็นที่ 50 การใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด เป็นเรื่องสำคัญ แต่แพ๊กเกจมันอ่อนเกินไปจริงๆ เปิดทีแรกโอเค แต่เปิดครั้งต่อๆไปน้ำหกเลอะเทอะเลย ถ้าปรับปรุงได้จะมีคนซื้อมากขึ้น .. เพราะโลกเป็นของสาธารณะ ถ้าไม่ช่วยกันแล้วใครจะมาช่วย จากคุณ : คีมปากนกแก้ว เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 22:07:36

ความคิดเห็นที่ 51 ถ้าอยากลดภาระโลก พกกระติกโลดค่ะ สมัยนี้กระติกเล็กๆเยอะเลย เบาด้วย เราไปไหนพกกระติกตลอดค่ะ ประหยัดเงิน ลดขยะ จากคุณ : หนมปังช็อกโก้ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 22:14:18

ความคิดเห็นที่ 52 เมื่อก่อนซื้อน้ำขวดๆ แบบนี้ดื่ม  แต่จะใช้ขวดมากรอกน้ำซ้ำหลายครั้งก่อนนำไปรีไซเคิล  และน้ำทิพย์ก็เป็นยี่ห้อที่ซื้อบ่อย   ส่วนขวดนิ่มนี่เคยซื้อครั้งหนึ่ง รู้สึกยวบยาบจริงๆ           หลายปีที่ผ่านมาไปใช้ชีวิตอยู่สิงคโปร์ ที่นี่เขานิยมพกขวดน้ำประจำตัวกัน นักเรียน คนทำงาน พกกันร้อยละ ๙๐  เพราะที่โรงเรียนที่ทำงานมีที่เติมน้ำให้  เป็นการลดขยะและประหยัด   เลยติดนิสัยพกขวดน้ำที่ไม่รั่วไม่ซึม  หนักหน่อย แต่ใช้งานคุ้ม เติมน้ำจากบ้านประหยัดไปได้ส่วนหนึ่ง   แต่ปัญหาคือเมืองไทยหาที่เติมน้ำดื่มแบบฟรีค่อนข้างยาก บางวันก็เลยต้อง ซื้อเพิ่ม  หรือเวลาไปกินอาหารแล้วสั่งน้ำเปล่า ก็เอาที่เหลือกรอกใส่ขวดน้ำตัวเองต่อไป หากที่เมืองไทยมีการรณรงค์ให้คนไทยพกขวดน้ำกันและทางหน่วยงาน หรือโรงเรียน มหาวิทยาลัย จัดที่เติมน้ำที่สะอาดได้มาตรฐานไว้ให้บริการ  น่าจะลดปริมาณขยะจำพวกขวดน้ำได้พอสมควร จากคุณ : Bt vista เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 22:16:27

ความคิดเห็นที่ 53 ไม่ชอบ ไม่ซื้อกิน ซื้อแต่ สิงห์ / ออร่า / คริสตัล  วนๆแค่นี้ กว่าจะคีบขวด น้ำทิพย์ ขึ้นมาดื่มได้ ประคองสุดฤทธิ์ เฮ้อออออ รำคาญตัวเอง จากคุณ : สงกาดรุณ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 22:23:27

ความคิดเห็นที่ 55 ... แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 55 22:33:25 จากคุณ : สงกาดรุณ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 22:25:05

ความคิดเห็นที่ 56 ภาษาเอเจนซี่สุดๆ อิอิ เอากระทู้ให้ลุกค้าอ่านด้วยนะ จากคุณ : อย่ามาห้ามผม เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 22:26:45

ความคิดเห็นที่ 57 ปกติกินเนสเล่เพียวไลท์   จำได้ช่วงแรกที่เค้าลดขนาดฝาปิดลงรู้สึกหงุดหงิดมาก ชอบคิดไปเองว่ามันจะปิดไม่สนิทเหมือนเดิม แต่ก็ไม่เคยมีปัญหาเลย แล้วก็ไม่ได้มาร์เก็ตติ้งอะไรเท่านิ่มสิดีซักกะนิด ถ้าเทียบเป็นปริมาณการใช้พลาสติกที่ลดลงของทั้งสองแบรนด์ เราก็ไม่รู้ว่าใครลดได้เยอะกว่า แต่พอใจกะเนสเล่มากกว่า ได้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์เหมือนเดิมเป๊ะๆ ส่วนน้ำทิพย์ก็มาร์เก็ตติ้งแหละ ทำขวดใหญ่กว่าเดิมอีกนิดสิ จะได้ปริมาณเท่าเดิม (เอ๊ะ เดี๋ยวก็ไม่ได้ลดการใช้พลาสติกสิ555) ถ้าคนคิดว่าช่วยโลกเค้าก็ยอมจ่ายมันเป็นความพอใจที่จะซื้อแล้วก็ซื้อเหอะ มันก็เหมือนกับ body shop ตั้ง position ว่า กรีนนะจ๊ะ ไม่ทดลองในสัตว์ บางสินค้าก็ไม่ได้ดีโพดๆ แต่แพงกว่าเห็นๆ คนก็ซื้อเพราะรู้สึกว่าไม่ได้ทำร้ายสัตว์นะจ๊ะ อยากช่วยโลกสุดๆก็พกขวดน้ำคุณภาพดีๆหน่อย ขนาดเล็กๆ ยอมหนักกระเป๋านานขึ้นอีกหน่อยละขยันกลับมาล้างยังจะดีกว่าอีก เห็นส่วนใหญ่ก็พกใส่กระเป๋าอยู่แล้วนี่ (พยายามทำเหมือนกันแต่ขี้เกียจกลับมาล้าง ฮ่าๆ) ส่วนถุงพลาสติกนี่เราก็ลดการใช้ลงไปเยอะเหมือนกัน เย่ นอกเรื่องฮาดะลาโบะน่าจะมีรีฟิลขายที่ไทย น่าจะช่วยลดปริมาณขยะได้(หรือเปล่า? ) แต่คิดว่าคงยากเพราะพื้นที่วางสินค้ามีน้อยและแพงมาก :'( อุย นานทีจะตอบกระทู้ ยาวไปไม่อ่านเลย ฮาๆ จากคุณ : Paranoid Android เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 05:09:26

ความคิดเห็นที่ 58 เม้นไม่ได้ค่ะ เลยต้องขอแตกกระทู้เดิมออกมา ทนไม่ได้จริง ๆ ที่ในกระทู้มีแต่คนแสดงตัวตนที่เห็นแก่ตัวกันขนาดนี้ ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้ Q13059791 จากคุณ : PNworld เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 12:13:16