ความคิดเห็นที่ 1 ใครมาก็คงต้องถ่ายรูปมุมนี้ล่ะ บนผนังสองข้างมีคำขวัญเขียนว่า “ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนจงเจริญ” และ “ความสามัคคี ประชาชนทั่วโลกจงเจริญ” จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 14:35:57

ความคิดเห็นที่ 2 เดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง เดินผ่านประตูข้างๆ รูปท่านไป  เจอเสาต้นนี้ แกะสลักสวยดี จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 14:41:03

ความคิดเห็นที่ 3 เข้าเขต พระราชวังหลวงกู้กง หรือ พระราชวังต้องห้าม (Gu Gong or Imperial Palace or Forbidden City) จ่ายค่าบัตรคนละ 60  ใครอยากฟังบรรยายไทยมี audio guide คนละ 40 เราได้บัตรรวมเป็นกลุ่มเลย แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 54 16:41:18 จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 14:42:28

ความคิดเห็นที่ 4 ได้ยินคนตะโกนขายไพ่ เหลี่ยงไคว่ๆ เราเลยเดินไปดู ซื้อมาอันนึง เป็นไพ่รูปสถานที่เที่ยวในปักกิ่ง แต่คุณภาพกระดาษไม่ดีเท่าอัน ที่ 10 หยวน แต่จะเอาไรมาก 2 หยวน ไม่ถึงสิบบาทเลย รู้งี้ซื้อมาแจกเพื่อนๆ เยอะๆ ก็ดี แค่กลัวว่าต้องแบกมันหนักไปทั้งวัน จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 14:43:03

ความคิดเห็นที่ 5 เดินผ่านประตูแดงๆ มีปุ่มทองๆ เห็นคนเดินผ่านก็ต้องลูบกัน มันหมายความว่ายังไงก็ไม่รู้ เรื่องประวัติศาสตร์ เราไม่ค่อยรู้ลึกซึ้งเท่าไหร่ สามารถหาอ่านได้ตามไกด์บุ๊คหรือในเน็ต พวกเราก็เที่ยวไป ก็ถือหนังสืออ่านหนังสือไปด้วย ถ้ามีหนังสืออธิบายประวัติ  ความเป็นมา จะทำให้การท่องเที่ยวได้อรรถรสมากขึ้น จะพยายามหาข้อมูล มาอธิบายประกอบค่ะ จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 14:46:10

ความคิดเห็นที่ 6 ตามไปเที่ยวปักกิ่งด้วยคนครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 15:29:50

ความคิดเห็นที่ 7 . ไปเที่ยวด้วยคนนะคะ . จากคุณ : โอลีพ/แม่น้องเซ้นต์ (olives) เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 15:30:55

ความคิดเห็นที่ 8 ตามไปเที่ยวต่อ ^ ^ จากคุณ : bremstrahlung เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 15:39:41

ความคิดเห็นที่ 9 มาเก็บข้อมูล ตั้งใจจะไปตุลานี้ ^ ^ จากคุณ : yoongying เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 15:58:44

ความคิดเห็นที่ 10 มาต่อค่ะ เดินเข้าสู่พระราชวัง ด้านในกัน พระราชวังหลวงกู้กง หรือ พระราชวังต้องห้าม (Gu Gong or Imperial Palace or Forbidden City) • ตั้งอยู่ด้านหลังพลับพลาเทียนอันเหมิน แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาวจากเหนือจรดใต้ 961 เมตร กว้าง 753 เมตร มีกำแพงวังล้อมรอบ ยาว 3 กิโลเมตร สูง 10 เมตร มีคูน้ำล้อมรอบ กว้าง 52 เมตร มีประตูวัง 4 ประตู 4 ทิศ มีป้อมหอคอยกำแพงวังอยู่ 4 มุม มีพื้นที่ทั้งหมด 724,250 ตารางเมตร มีตำหนักน้อยใหญ่ถึง 9,999 ห้อง • สร้างในสมัยพระเจ้าหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง เมื่อปี ค.ศ. 1406 เป็นที่ประทับของกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิงและชิง รวมทั้งสิ้น 24 พระองค์ มีการบูรณะซ่อมแซมไปหลายครั้ง แต่ยังคงสถาปัตยกรรมเดิม มีความสมบูรณ์แบบที่สุด ใหญ่ที่สุดและรักษาไว้ได้ดีที่สุด รวมทั้งมีประวัติที่ยาวนานที่สุดในโลกอีกด้วย จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 16:44:32

ความคิดเห็นที่ 11 • ภายในพระราชวังแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ วังหน้าและวังใน - วังหน้าเป็นเขตที่ฮ่องเต้ออกว่าราชการ จัดงานพิธีต่างๆ รับเข้าเฝ้า - วังในเป็นเขตหวงห้าม ผู้ชายห้ามเข้า ยกเว้นขันทีเท่านั้น จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 16:45:13

ความคิดเห็นที่ 12 • วังหน้ามี 3 ตำหนัก เป็นศูนย์กลางที่สร้างอยู่บนเส้นแกนตรงกันเป็นเส้นตรง ดังนี้ 1.ตำหนักไถ่เหอ เป็นตำหนักด้านหน้าที่สำคัญที่สุดและใหญ่ที่สุดในพระราชวังหลวง ตั้งอยู่บนแท่นหินหยกขาวยกพื้นสูง 2 เมตรเศษ ล้อมรอบด้วยรั้วหินหยกขาว แกะสลักเป็นเมฆ มังกร และหงส์ สร้างในปีค.ศ. 1420 สมัยของพระเจ้าหย่งเล่อ กว้าง 11 เมตร ลึก 5 เมตร หลังคาซ้อน 2 ชั้น สูง 35 เมตร พื้นที่ 2,377 ตารางเมตร ปูด้วยอิฐ(ที่นวดด้วยแป้งทองคำ) ตรงกลางมีบัลลังก์มังกรสีทอง(มังกร 5 เล็บ สัญลักษณ์ของฮ่องเต้อันสูงส่ง) ใช้เป็นสถานที่ฮ่องเต้ออกว่าราชการแผ่นดินรับการเข้าเฝ้าจากขุนนางขุนศึก ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและอาคันตุกะชาวต่างต่างประเทศ หลังคามุงกระเบื้องสีทอง(สีเฉพาะของฮ่องเต้เท่านั้น) จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 16:46:42

ความคิดเห็นที่ 13 รูปแบบ Panorama จากกล้องพี่ในทริป ให้เห็นความยิ่งใหญ่ อลังการ จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 16:50:26

ความคิดเห็นที่ 14 ข้อสังเกตุสัตว์ในตำนาน ตามพระราชวังต่างๆ สิงโตคู่:-)คือตัวที่มีลูกอยู่ในกรงเล็บ ประหนึ่งว่าป้อนนมลูกจากเล็บ สังเกตุดีๆ สิงโตคู่พระราชวังด้านหน้าจะหูตั้ง ส่วนพอเข้าเขตพระราชฐานชั้นในจะหูตก ประมาณว่าต้องเก็บความลับ จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 16:51:18

ความคิดเห็นที่ 15 ให้ดูลูกชัดๆ จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 16:52:59

ความคิดเห็นที่ 16 สังเกตสัตว์บนหลังคาว่ามีกี่ตัว ถ้าถึง 10 ตัวแสดงว่าเป็นตำหนักของฮ่องเต้ หนึ่งในนั่น มีตัวนึงที่เราคุ้นเคย คือ ปี่เซียะหรือพี่ซิ่ว เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จีน ที่ได้รับความนิยมทั้งในเมืองไทยและจีนมากที่สุด เชื่อว่าใครที่ถือพี่ซิ่วไว้บูชาจะมีแต่โชคลาภ ทรัพย์มีแต่จะเข้า ขณะเดียวกันยังเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยแก้อาถรรพณ์ และป้องกันสิ่งชั่วร้าย จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 16:56:12

ความคิดเห็นที่ 17 2.ตำหนักจงเหอ เป็นตำหนักหลังที่ 2 อยู่ด้านหลังตำหนักไถ่เหอ เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมมียอดแหลม ใช้เป็นสถานที่พักรอก่อนออกว่าราชการแผ่นดิน รับการรายงานจากข้าหลวงชั้นใน รวมทั้งพิธีการจัดงานเข้าเฝ้า หากมีงานพิธีแต่งตั้งพระราชินีและจัดงานใหญ่ในพระราชวังจะต้องตรวจเอกสารความเรียบร้อยของงาน ณ ตำหนักแห่งนี้ล่วงหน้า 1 วัน นาฬิกาแดด จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 16:57:31

ความคิดเห็นที่ 18 สัตว์มงคลต่างๆ จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 16:58:32

ความคิดเห็นที่ 19 เต่า สัญลักษณ์แห่งความอายุยืน จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 16:59:05

ความคิดเห็นที่ 20 สะพานหินอ่อน มีลวดลายแกะสลักงดงาม เป็นรูปก้อนเมฆ หรือนกฟีนิกซ์ จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 17:01:22

ความคิดเห็นที่ 21 ที่ประทับ จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 17:02:55

ความคิดเห็นที่ 22 สวยดี เดาว่ามันน่าจะพ่นน้ำได้ หรือเปล่า จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 17:03:53

ความคิดเห็นที่ 23 เริ่มเข้าสู่พระราชฐานชั้นใน สังเกต สิงโตหูตกแล้ว จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 17:07:02

ความคิดเห็นที่ 24 เดินต่อไปเรื่อยๆ พระราชวังช่างกว้างใหญ่จริงๆ   คนจีนที่ปักกิ่งเค้าแสดงออกความรัก กันค่อนข้างเปิดเผยนะ เห็นที่แบบจูบๆ กันริมถนนเนี่ย หลายคู่เลย จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 17:08:57

ความคิดเห็นที่ 25 3.ตำหนักเป่าเหอ เป็นตำหนักหลังที่ 3 อยู่หลังตำหนักจงเหอ เป็นตำหนักใหญ่ มีพื้นที่เท่ากับตำหนักไถ่เหอ ภายในมีบัลลังก์ก่อสร้างโดยไม่มีเสาแถวที่ 2 ทำให้ห้องโถงด้านหน้าท้องพระโรงกว้างขึ้น ไม่บังสายพระเนตรพระองค์ฮ่องเต้ ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงรับรองบรรดาหัวหน้าชนเผ่ากลุ่มน้อยต่างๆทุกปี ในวันที่ 30 เดือน 12 (วันสิ้นปีของจีน) พิธีอภิเษกสมรสของฮ่องเต้หรือโอรสธิดา มาถึงในสมัยพระเจ้าเฉียนหลงใช้ที่นี่เป็นสถานที่สอบจอหงวน องค์ฮ่องเต้เป็นผู้ออกข้อสอบและคุมสอบด้วยพระองค์เอง โดยสอบในห้องท้องพระโรงแห่งนี้เอง ผู้ที่สอบได้ที่ 1 มีเพียงคนเดียวเท่านั้น จะได้เป็น “จอหงวน” และเป็นลูกเขยของฮ่องเต้ ผู้ที่สอบได้ที่ 2 อาจมีหลายคน จะได้เป็น “ท่านฮั้ว” เป็นที่ปรึกษาประจำองค์ฮ่องเต้ ผู้ที่สอบได้ที่ 3 อีกหลายคน จะเรียกว่า “ป่างเหี่ยน” ดำรงตำแหน่งรองผู้ช่วยฮ่องเต้ จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 17:13:18

ความคิดเห็นที่ 26 ด้านซ้ายขวา ของวัง เป็นห้องที่เก็บสมบัติต่างๆ ใครมีเวลา เข้าไปดูได้ จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 17:15:23

ความคิดเห็นที่ 27 เดินซอกแซกไปตำหนักต่างๆ ถ้าใครจะเดินให้ครบเนี่ย เราว่าคงใช้เวลาเป็นวันๆ เพราะพระราชวังมีห้อง ซอกซอยต่างๆ เยอะมาก จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 17:17:17

ความคิดเห็นที่ 28 • วังใน เป็นเขตต้องห้ามสำหรับผู้ชาย ทาสเพศชายที่จะเข้ามารับใช้ในวังได้นั้นต้องผ่านขั้นตอนการตอนให้เป็นขันทีเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียกับมเหสีและเหล่านางสนมใน ขันทีมาจากชนชั้นยากจนเสียเป็นส่วนใหญ่ พวกพ่อค้าทาสจะลักพาตัวมาตั้งแต่เด็ก แล้วส่งไปให้คนของตระกูลไป่ในกรุงปักกิ่งทำการตอน ตอนเสร็จแล้วก็มีการออกใบรับรองส่งให้ราชสำนัก ขันทีที่ฉลาดมีการศึกษาอาจได้เป็นกุนซือหรืออาจารย์ในวังหลวง แต่ขันทีส่วนใหญ่ต้องทำงานหนักในโรงครัวและในสวนไปตลอดชีวิต ทำผิดเล็กน้อยก็จะถูกโบยถูกเฆี่ยนตี ทำผิดมากโชคไม่ดีก็อาจถูกตัดหัวได้ง่าย • การได้เข้ามารับใช้ใกล้ชิดกับพระราชวงศ์ ทำให้ขันทีบางคนสามารถกุมอำนาจเอาไว้ได้ สร้างความร่ำรวยให้ตนเองใช้ตำแหน่งใหญ่โตสร้างอิทธิพล แสวงหาทรัพย์สินเงินทองในทางมิชอบ จนสามารถซื้อบ้าน ที่ดิน ทำธุรกิจการค้านอกวังหลวง พอเกษียณแล้วจะย้ายออกไปอยู่ตามวัดที่ตนเองเคยให้การอุปถัมภ์ด้วยการบริจาคเงินจำนวนมากอย่างสม่ำเสมอ ในยุคราชวงศ์หมิงมีขันทีอยู่ในพระราชสำนักถึง 20,000 คน แต่ภายหลังก็ค่อยๆลดจำนวนลงจนเหลือเพียง 1,500 คน ในรัชกาลสุดท้ายก่อนที่ราชวงศ์ชิงจะล่มสลายเมื่อปี ค.ศ. 1991 • การตอนหรือการตัดอวัยวะเพศทิ้งก็ใช่จะให้ผลเป็นที่น่าเชื่อถือได้เสมอไป ข่าวลือเรื่องการลักลอบมีความสัมพันธ์กันระหว่างขันทีกับนางกำนัลก็มีให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง คนทั่วไปมองขันทีว่าเป็นพวกน่าสมเพช มักถูกดูหมิ่นอยู่เสมอ เพราะ การเป็นคนที่ไม่สามารถเพื่อมีบุตรสืบสกุลได้นั้นย่อมถูกเหยียดหยามเป็นธรรมดา • ดังนั้นพวกขันทีที่มีอำนาจมากๆ ก็จะซื้อบ้านเอาไว้นอกพระราชวังหลวง ทำบันทึกอ้างอิงถึงการสืบทอดวงศ์ตระกูลลงมาเป็นรุ่นๆ โดยมีการซื้อสตรีและทารกมาเป็นภรรยาและบุตร ซื้อบ่าวทาสหรือแม้กระทั่งนางบำเรอหลายๆคนมาไว้ข้างกาย ภาพวาดในตำหนัก สวยดี จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 17:27:40

ความคิดเห็นที่ 29 เดินผ่านประตูนี่ไป ข้างหลังนี้ คือกำแพงมังกร 9 ตัว เสียค่าผ่านอีกคนละ 10 เพื่อไปดูมังกร ตามหนังสือว่า มีมังกรตัวที่ท้องแตก เพราะช่างสมัยก่อนปั้นตัวนี้ แล้วตอนเอาไปเผาท้องมันแตก  แล้วกลัวความผิดเลยปิดบังโดยการสลักไม้ใส่ ทาสีแทน พอเวลาผ่านไป ก็เลยเห็นตรงท้องมันสีแตกต่างจากตัวอื่น จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 17:29:34

ความคิดเห็นที่ 30 เราเก็เดินมองๆ กันว่าเป็นตัวไหนนะ ที่ท้องแตกตามตำนาน จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 17:31:34

ความคิดเห็นที่ 31 ตัวนี้หรือเปล่านะ จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 17:32:15

ความคิดเห็นที่ 32 ต้นสนเก่าแก่ ต้นใหญ่ ทรงแปลก แผ่กิ่งก้านไปกว้างถึง 15 เมตร จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 17:37:36

ความคิดเห็นที่ 33 เข้าไปดูสมบัติ อีกแล้ว ศิลปะของจีน นี่น่าทึ่งมากๆ จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 17:55:21

ความคิดเห็นที่ 34 ดอกม่วงๆ นี่สวยจัง จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 17:57:36

ความคิดเห็นที่ 35 เจอสวนหิน พร้อมดอกไม้สวยๆ อีกแล้ว ต้นนี้สีชมพูอ่อน จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 17:58:35

ความคิดเห็นที่ 36 ดอกอ่อนช้อย น่ารักจัง จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 17:59:04

ความคิดเห็นที่ 37 เดินไปพักไป เรื่อยๆ หิวก็เอาเสบียงกันออกมากิน วันนี้มีไข่ต้มกันคนละฟองกล้วย ขนมกรุบกริบ เรียกว่าเดินเพลินกันจนลืมกินข้าวเที่ยง ข้อดีในการมาเที่ยวเอง ก็คือได้ใช้เวลาเต็มที่ เหนื่อยก็พัก หิวก็ค่อยกิน ได้ถ่ายรูปเต็มที่ ไม่ต้องเร่งรีบตามกำหนดเวลาเป๊ะๆ  แต่ว่าก็เหนื่อยอยู่เยอะนะ 555 มาเมืองจีนเรากินไอติมทุกวันเลย เปลี่ยนรสชาติไปเรื่อยๆ เดินเหนื่อยๆ แล้วได้อะไรหวานๆ เย็นๆ เนี่ย สดชื่นมาก แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 54 18:14:05 จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 18:12:46

ความคิดเห็นที่ 38 มาชมรีวิวรูปสวยๆพร้อมคำบรรยายอย่างละเอียด ทำให้นึกถึงหนังจีนเลยค่ะ จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 18:54:10

ความคิดเห็นที่ 39 เดินไปถึงด้านหลังที่เป็นบริเวณสวน เจอต้นไม้คู่รัก จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 18:57:37

ความคิดเห็นที่ 40 มีที่มาด้วย ตั้งแต่สมัยจักรพรรดิ์องค์สุดท้าย เคยมาถ่ายรูปตรงนี้ด้วย จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 19:00:02

ความคิดเห็นที่ 41 ดอกไม้หลากสี จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 19:27:02

ความคิดเห็นที่ 42 ไปต่อกันที่วัดลามะ ขึ้นรถไฟไปสถานี Yonghegong Exit C จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 19:34:40

ความคิดเห็นที่ 43 พระธิเบต จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 19:37:53

ความคิดเห็นที่ 44 วัดลามะ หรือย่งเหอกง เป็นวัดหนึ่งของศาสนาพุทธนิกายทิเบตอันลือชื่อ กินเนื้อที่กว่า 6 หมื่นตารางเมตร ตำหนักต่าง ๆ มีกว่า 1,000 ห้อง วัดลามะแห่งนี้ แต่เดิมสถานที่แห่งนี้เป็นพระตำหนักที่ประทับขององค์ชายสี่หรือหย่งเจิ้ง ปี ค.ศ 1723 องค์ชายสี่ได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 3 ของราชวงค์ชิง และพระองค์เป็นพระราชบิดาขององค์เฉียนหลง ฮ่องเต้กษัตริย์องค์ที่สี่ของราชวงศ์ชิงต่อจากพระองค์ ซึ่งองค์ชายสี่หรือหย่งเจิ้งทรงนับถือพระลามะธิเบตมองโกลอย่างมาก จึงอุทิศถวายพระตำหนักนี้ให้เป็นวัดลามะ ก่อนที่จะทรงย้ายเข้าไปประทับในพระราชวังโบราณ ส่วนพระตำหนักนี้มีพื้นที่ครึ่งหนึ่งปรับเป็นที่พักผ่อนอิริยาบถนอกวังขององค์ชายสี่ พื้นที่อีกครึ่งหนึ่งทรงถวายพระลามะจังเจียฮูถูเค่อถู จึงกลายเป็นวัดลามะของทิเบตนิกายหมวกเหลือง ซึ่งไม่ใช่ลามะนิกายหมวกดำ อย่างที่มีการเล่าลือกันในตำนานฮวงจุ้ยเต๋าหมวกดำ จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 19:44:42

ความคิดเห็นที่ 45 พระพุทธศาสนาสายทิเบตนิกายวัชรยาน มีอยู่ ๔ นิกายใหญ่ คือ นิกายหมวกเหลือง หรือนิกายเกลุกเน้นความเคร่งครัดในวินัยเป็นพื้นฐาน ลามะของนิกายนี้ส่วนใหญ่เป็นพระสงฆ์ เน้นการสอนทั้งทางพระสูตรที่เป็นวิชาการและทางตันตระที่เน้นการปฏิบัติ และการวิเคราะห์ธรรมโดยตรรกวิภาษ หัวข้อใหญ่ที่ศึกษาคือ ปัญญาบารมี ปรัชญามาธยมิก การรับรู้ที่ถูกต้อง ปรากฏการณ์วิทยา และพระวินัย ผู้นำนิกายเกลุกในปัจจุบันคือผู้ดำรงตำแหน่งดาไล ลามะหรือทะไล ลามะ ซึ่งเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบตด้วย นิกายหมวกแดง นิกายหมวกขาว นิกายหมวกดำ แต่ละนิกายนั้นไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แต่ก็มีซินแสฮวงจุ้ยนำมาอ้างแบบน้ำขุ่นๆ ว่าเป็นศิษย์ฆราวาสของลามะนิกายหมวกดำ ซึ่งจากการเรียนสอบถามท่านพระอาจารย์เฉวียนสี่ รินโปเช่ ที่ ๖ เจ้าอาวาสวัดมหายาน ในประเทศเนปาล(สอบถามท่านเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2551 ด้วยท่านเดินทางมาประเทศไทย) ได้ความว่านิกายทั้ง ๔ ในวัดลามะนั้น จะมีวิธีปฏิบัติและพิธีกรรมต่างกัน หลักคิดล้วนมีปรัชญาที่แตกต่างกัน จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 19:57:37

ความคิดเห็นที่ 46 ในวัดลามะมีโบราณวัตถุและสิ่งปลูกสร้างโบราณมากมาย ในจำนวนนี้มีของล้ำค่าอยู่ 3 อย่าง ของล้ำค่าอย่างแรก คือภูเขาพระอรหันต์ 500 รูป สูงเกือบ 4 เมตร ยาวกว่า 3 เมตร แกะสลักด้วยไม้จันทน์หอม หากมองดูไม้แกะสลักชิ้นนี้แต่ไกล จะเห็นเป็นภาพภูเขาเขียวนิ่งสงบ ต้นสนเขียวขจี พระเจดีย์แกะสลักอย่างประณีต ศาลาโบราณเรียบง่าย มีถ้ำลึกลับ ทางเดินเลี้ยวลดคดเคี้ยว มีบันได สะพานและสายน้ำเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน แต่หากมองดูให้ใกล้ชิด จะเห็นฝีมือแกะสลักที่ชำนาญยิ่ง มีเขาหลายรูปติดต่อกันเป็นชั้นๆ ตามเขาเหล่านี้มีพระอรหันต์ 500 องค์กระจายอยู่ แม้จะเป็นรูปแกะสลักเล็กๆ ก็ตาม แต่ทุกรูปมีหน้าตารูปร่างต่างๆ กัน มีชีวิตชีวา เป็นงานแกะสลักที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ที่น่าเสียดายก็คือหลังจากผ่านภัยสงครามมาหลายครั้ง พระอรหันต์บนเขามีเหลืออยู่เพียง 449 องค์เท่านั้น จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 20:06:16

ความคิดเห็นที่ 47 ของที่ล้ำค่าอย่างที่สองคือ พระพุทธรูปพระศรีอริยเมตไตรยที่อยู่ในวิหารว่านฝูเก๋อ วิหารว่านฝูเก๋อยังได้ชื่อว่าเป็นหอพระพุทธรูปองค์ใหญ่ เป็นวิหารที่สูงใหญ่ที่สุดภายในวัดลามะ สูงกว่า 30 เมตร มีหลังคา 3 ชั้น ก่อด้วยไม้ทั้งหมด ในวิหารเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปพระศรีอริยเมตไตรยปางยืน ที่แกะสลักด้วยไม้จันทน์หอมสีขาว สูง 26 เมตร ส่วนล่าง 8 เมตร ฝังอยู่ใต้ดิน อีก 18 เมตรอยู่เหนือพื้นดิน พระพุทธรูปทั้งองค์มีน้ำหนักประมาณ 100 ตัน เป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากต้นไม้ต้นเดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อ ค.ศ 1979 มีการบูรณะซ่อมแซม พบว่าไม้จันทน์หอมที่ฝังอยู่ใต้ดินนั้น แม้ว่าเวลาจะผ่านไปแล้วกว่า 200 ปี แต่เนื้อไม้ยังแข็งแกร่งไม่สึกหรอ แสดงให้เห็นถึงฝีมือระดับสูงในการแกะสลัก และการอนุรักษ์โบราณวัดถุของช่างประติมากรรมโบราณของจีนอย่างเต็มที่ จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 20:07:01

ความคิดเห็นที่ 48 ของที่ล้ำค่าอย่างที่สามคือ แท่นพระพุทธรูปในวิหารเจ้าฝูโหลว ข้างในมีพระพุทธรูปพระศรีศากยมุนี ที่หล่อด้วยทองเหลือง ด้านหลังของพระพุทธรูปมีประภามณฑลเหมือนฉากบังตา แท่นบูชาพระพุทธรูปและประภามณฑลล้วนแกะสลักด้วยไม้ชื่อว่า จินเซอหนานมู่ ฝีมือแกะสลักก็ประณีตมาก แท่นพระพุทธรูปมีส่วนบนสูงจรดเพดาน แบ่งเป็นชั้นนอกชั้นใน 3 ชั้น ในยามตะวันตกดิน พระพุทธรูปประทับยืนอย่างสง่างาม แสงอาทิตย์ส่องกระทบกระจกเงาที่ทำ ด้วยทองเหลืองที่ติดอยู่บนประภามณฑล แสงสะท้อนตามกระจกเงาทองเหลืองเป็นวงกลมล้อมรอบองค์พระพุทธรูป บวกกับแสงของตะเกียงที่ไม่มีวันดับ ทำให้ข้างในวิหารสว่างไสวไปทั่ว แท่นพระพุทธรูปส่วนบนมีเสาไม้แกะสลักมังกรทองคำ 2 เสาค้ำรับไว้ คานเพดานหุ้มด้วยทองคำ แกะสลักมังกร 99 ตัว พันอยู่โดยรอบมังกรบางตัวกางเล็บออกมา บางตัวทำท่ากำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เหมือนจริงมาก ตอนเราไป ดูไม่ค่อยทั่วเลย เพราะวัดใกล้ปิดแล้ว ประกอบกับเดินกันมาทั้งวันเริ่มล้า และ ส่วนมากจะห้ามถ่ายภาพพระพุทธรูป จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 20:12:06

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณข้อมูล จากเว็บ oceansmile.com และ http://www.kaejiarjan.com/kaeji-huangjui/huangjui-tao-black/250-fengshui.html ถึงเวลามื้อเย็นแล้ว เราติดใจอาหารร้านเมื่อวานที่ถนนหวังฟูจิ่ง ไปกินกันอีกรอบ มื้อนี้เน้นกินผัก ทั้งหมดนี้ หมดไป 102 หยวน อิ่ม อร่อย แต่...ยังไม่หมดเท่านั้น จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 20:16:12

ความคิดเห็นที่ 50 รวมพลังสามัคคี ถังหูลู่ ไม้เบ้อเริ่ม พวกสตรอเบอรี่ กีวี ไม้ละ 15 แต่ถ้าพุทรา ก็ถูกกว่า หมดนี่ เกือบแพงเท่าค่ากินข้าวแล้ว :p จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 20:23:35

ความคิดเห็นที่ 51 กินเสร็จก็หาทางขึ้นรถเมล์กะว่าจะไปลงหน้าที่พักเลย ก็ขึ้นสายเดิมแต่ไหงคราวนี้ไม่เลี้ยวไปทางโรงแรมเราล่ะ ดันเลยไป เราก็ถามพนงเก็บเงินที่นั่งอยู่ พอจับใจความได้ว่า มันไม่จอด ก็เลยให้เค้าช่วยบอกว่าลงไหนที่มันต่อรถใต้ดินได้ นั่งเลยไปจนถึงห้างนึง มี McDonald เลยไปนั่งกินน้ำ กินไอติมกันขำๆ แล้วก็ขึ้นรถไฟใต้ดินกลับมา จากไม่อยากเดินเยอะ ก็ต้องเดินจนได้ จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 20:25:05

ความคิดเห็นที่ 52 บรรยากาศยามค่ำคืน จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 20:26:05

ความคิดเห็นที่ 53 คืนนี้เราเดินไปทางถนนอีกทาง ขนานกับเส้นหน้าโรงแรม เพราะว่าเมื่อวันก่อนเห็นแว็บๆ ว่ามันน่าจะใช่ถนนเฉียนเหมิน เป็นถนนคนเดินกลางคืนอีกแห่ง ตัดทะลุกับถนนเส้นหน้า โรงแรมเราได้ ก็เลยเดินเล่นกันชิวๆ ชมวิวยามค่ำคืน ที่ถนนนี้มีร้าน Starbuck ด้วย ตกแต่งเป็นตึกเก่าๆ กลมกลืนกับบรรยากาศโดยรอบ จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 20:26:29

ความคิดเห็นที่ 54 เดินเล่นกันที่ถนนเฉียนเหมิน สองข้างทางเป็นร้านค้า มีรางรถรางวิ่งผ่านด้วยนะ จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 20:27:14

ความคิดเห็นที่ 55 ร้านขายของที่ระลึก มีเยอะเลย เราซื้อพวงกุญแจ เค้าก็จะเขียนบิลไปจ่ายเงินก่อน ค่อยเอาบิลมา รับของไปได้ เราเดินจากถนนเฉียนเหมิน เลี้ยวเข้าซอย ไปทะลุ ถนนหน้าที่พัก คืนนี้หมดแรงแล้ว พรุ่งนี้เหลือเวลาในปักกิ่งอีกวัน ต้องเดินหนักอีกเช่นเคยไว้ตามไปพระราชวังฤดูร้อนกันค่ะ จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 20:29:54

ความคิดเห็นที่ 56 ติดตามมาจากภาคแรก   คุณluckyclover เก่งจังค่ะ  ไปเที่ยวเอง รีวิวละเอียด  ข้อมูลปึ้กมาก รอชมต่อนะคะ  กำลังวางแผนกับเพื่อนว่าจะไปบ้าง  คงต้องขออณุญาตลอกการบ้านบ้างนะคะ จากคุณ : หมวยไม้หอม เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 20:51:25

ความคิดเห็นที่ 57 คุณหมวยไม้หอม  ไปกับเพื่อนๆ พี่ๆ มีคนวางแผนและหาข้อมูลมาอย่างดีค่ะ ทีเหลือ ก็พร้อมลุย เที่ยวเองเลย ปักกิ่ง ไม่ยาก จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 21:20:06

ความคิดเห็นที่ 58 พระราชวังต้องห้ามนี่ใหญ่อลังการและเก่าแกมากเลยครับ เป็นที่ประทับของฮ่องเต้ตั้งราชวงศ์หมิงจนถึงราชวงศ์ชิงนานจริงๆ ภาพวาดในคห.28ดูสวย น่าเกรงขามมากเลยครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 22:10:38

ความคิดเห็นที่ 59 สุดยอดเลยครับ อยากไปเที่ยวเองบ้าง ตามชมตอนต่อไปนะครับ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 22:56:48

ความคิดเห็นที่ 60 ตั๋วจากกวางเจาไปปักกิ่งเท่าไหรคะ จากคุณ : bp_bag (bp_bag) เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 23:36:53

ความคิดเห็นที่ 61 จะมาบอกเหมือนกันว่า คุณจขกท รีวิวละเอียดมากๆ ชอบมากและติดตามมาโดยตลอดค่ะ ไม่ใช่แต่เอารูปมาลงเท่านั้น ขอบคุณมากๆสำหรับรีวิวดีๆ จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 54 04:04:26

ความคิดเห็นที่ 62 อยากไปเที่ยวเมืองจีนบ้างจัง ขอบคุณสำหรับรีวิวและภาพสวยๆ นะครับ จากคุณ : noiwanwannoi เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 54 09:25:28

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจค่ะ จะทยอยทำออกมาอีกเรื่อยๆ เหลืออีก 7 วัน ค่ะ คุณ bp_bag  ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ เขียนไว้ตอนแรกคะ ตามไปอ่านได้ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10626785/E10626785.html ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นก่อนออกเดินทาง  1.จองตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชีย กรุงเทพ กวางเจา ไปกลับ ตามสูตรอยากได้ของถูกต้องจองข้ามปี คนละประมาณ 6 พันกว่าบาท (ขนาดจองล่วงหน้านานแล้วนะ ยังได้แค่ราคานี้)  2.จองตั๋วเครื่องบินในประเทศ มีพี่ๆ สองหนุ่มคอยจับตาดูตลอดว่ามีราคาโปรในเว็บ เมื่อไหร่จองทันที ที่เว็บนี้จ้า www.ctrip.com ที่เราจองกันไว้คือ ตั๋วบินในประเทศ กวางเจา-ปักกิ่ง สายการบิน CZ คนละประมาณสี่พันแปด  และสาย MU ซีอาน-กวางเจา คนละ สองพันแปด โดยประมาณ  ถ้าใครไม่อยากเสียเวลา ก็จองไฟลท์ตรงไปปักกิ่งโลด จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 54 09:25:43

ความคิดเห็นที่ 64 ตามไปเที่ยวด้วยจ๊ะ ^^ จากคุณ : Tikgazza เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 54 09:51:44

ความคิดเห็นที่ 65 Day 5 พระราชวังฤดูร้อน สวนอี้หยวนถาน ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้ E10646477 จากคุณ : luckyclover เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 54 14:30:49

ความคิดเห็นที่ 66 # 29, 33 พระราชวังกู้กง พิพิธภัณฑ์สมบัติที่ Fenxian Dian ปีที่ผ่านมาได้พลาดการชมยังน่าเสียดาย ทั้งๆที่มีคู่มือแผนผังอยู่บนมือ ปีนี้เลยได้มีโอกาสขอแก้ตัว และได้เข้าชมอย่างสมหวัง เป็นฮอลล์นาฬิกาชนิดต่างๆที่มีความล้ำค่าและความสวยงามเรือนร้อย ส่วนใหญ่ผลิตจากประเทศอังกฤษ หวังว่าผู้มีโอกาสเข้าชม ไม่ผิดหวังครับ จากคุณ : Land_V เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 13:51:46

ความคิดเห็นที่ 67 ตามมาเที่ยวพระราชวังต้องห้ามด้วยคนครับ ยิ่งใหญ่อลังการมากๆเลยครับ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 20:04:33

ความคิดเห็นที่ 68 พระราชวังต้องหาม จากคุณ : akaraphonnaja เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 22:24:26

ความคิดเห็นที่ 69 ตามรอยปู้ปู้จิงซินค่ะ ^^ จากคุณ : กรีน..ที เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 08:04:27