ความคิดเห็นที่ 1 เช้าวันนี้เป็นวันที่ 6 ของการเดินทาง 18 เมษายน 2555  วันนี้ไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้าเหมือนทุกวัน เลยทำให้นอนหลับได้เต็มตื่นไม่ต้องกังวลว่าจะตื่นไม่ทัน อยากจะเล่านอกเรื่องเกี่ยวกับการลืมตั้งเวลาให้ตรงกับเวลาท้องถิ่น  x-file เคยพลาดมาครั้งหนึ่งคือการมาญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อสองปีที่แล้ว มาถึงโตเกียวก็ดึกแล้ว และได้ตั้งนาฬิกาให้เร็วขึ้น 2 ชั่วโมงตามเวลาของญี่ปุ่น ก่อนนอนก็ใช้มือถือตั้งนาฬิกาปลุกตอนตี 4 เพื่อจะเตรียมตัวไปขึ้นรถไฟซินกันเซ็นไปโอซาก้ากันตอน 6 โมงเช้า บอกเพื่อนๆว่าจะตื่นก่อนทุกคนเลยนะ เช้ามาสะดุ้งตื่นจากเสียงนาฬิกาปลุกของเพื่อน ตี 5 ทำไมมันสว่างโร่แบบนี้ฟะ  ดูเวลาจากมือถือมันก็ตีสี่ ก็เพราะตั้งเวลาแต่นาฬิกาข้อมือแต่ไม่ได้ตั้งในมือถือที่ใช้ปลุก เท่านั้นแหละทุกคนเด้งขึ้นจากที่นอนโดยอัตโนมัติ และแล้วปฎิบัติการชาลี แช็ปปลิ้นก็เริ่มขึ้น (กรุณานึกภาพตาม) ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีพวกเราทั้งหมดก็กระโดดขึ้น Subway Marunochi Line ไปขึ้น Shinkanse Hikari ไป Osaka กันได้อย่างหวุดหวิด แบบไม่ได้ล้างหน้าเลยค่ะ ต้องไปล้างหน้าล้างตากันบนรถไฟ รู้เลยว่าวิ่งตับแล่บเป็นยังไง โปรดระวังไว้เป็นอุทาหรณ์กันด้วยนะคะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 21:38:59

ความคิดเห็นที่ 2 นอกเรื่องจนได้ กลับมาที่ Ryokan Matsukaze กันนะคะหลังจากตื่นนอนก็ลงไปอาบน้ำอุ่นๆ ในห้องอาบน้ำ ไม่รู้ใครตั้งอุณหภูมิในอ่างไว้ที่ 50 องศา สงสัยจะเตรียมจะต้มไก่หรือต้มไข่กันแน่ เลยไม่ได้ลงไปแช่ในอ่างเพราะกว่าจะปรับอุณหภูมิให้เย็นกว่านี้คงต้องใช้เวลานาน เลยนั่งอาบที่เก้าอี้เล็กๆในห้องอาบน้ำ ได้อาบน้ำอุ่นแบบนี้ยามเช้าก็ทำให้สดชื่นค่ะ ขึ้นมาจัดการกับอาหารเช้าแล้ว เก็บกระเป๋าแล้วลงมาเช็คเอาท์ แล้วเจ้าของเรียวกังก็ขับรถมาส่งพวกเราที่หน้าสถานี Matsumoto แวะขึ้นไปดูที่ห้อง Lost & Found ยังไม่เปิด เนื่องจากเมื่อวานคุณลุง Matsukasa บอกว่าก่อนจะไป Nagano ให้แวะมาถามความคืบหน้าเรื่องเมมโมรี่กาโตะ ก่อนไปนะ พวกเราเลยเอากระเป๋าไปฝากที่ตู้รับฝากกระเป๋า เลือกตู้ใหญ่สุดแล้วอัดกระเป๋าของเราสามคนได้พอดี จากนั้นเราก็จะไปเดินเที่ยว Matsumoto กันก่อน อ้อ! ขอฝากเพื่อนๆไว้นะคะ ถ้าใครมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องรถไฟของ JR East สามารถโทรหา เจ้าหน้าที่ JR East infoline ได้ตามเบอร์นี้นะคะ  (050) 2016-1603  Note: You can call JR East from overseas. Our international telephone number is +81 (50) 2016-1603. จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 21:40:12

ความคิดเห็นที่ 3 The JR East Infoline is a telephone-based service providing JR East transportation information for non-Japanese customers. Information is provided in English, Chinese and Korean. The Infoline also provides information about the newest JR East trains and lost and found assistance. ตั้งแต่ 10:00 to 18:00, every day of the year except during the year-end / new year holidays The Infoline can assist with the information on the following topics: • Train arrival and departure times • Train fares • Locations of JR Ticket Offices (Midori-no-madoguchi) • Information about ticket types and how to purchase them • Details about passes, including the JR East Pass and Japan Rail Pass • The facilities available at specific stations • The fastest route to travel between two points • Lost and found • Facts about the JR East Group ออกเดินตามทางตรงหน้าสถานี เช้านี้ได้เวลานักเรียนกำลังไปโรงเรียนกัน ในภาพนี้มีนักเรียนโข่งแอบแฝงมาในแถวด้วย อิอิ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 21:42:45

ความคิดเห็นที่ 4 พวกเราเดินตรงออกไปตามถนนที่หน้าสถานีรถไฟ เช้านี้ท้องฟ้าสีฟ้าสดใสแบบที่ไม่ได้เห็นมาหลายวันแล้ว เดินตามหลังนักเรียนที่กำลังจะไปโรงเรียน คิดว่าทางนี้เป็นทางเดินไปปราสาทมัตสึโมโตะ เพราะดูรูปที่อยู่บนพื้นคิดว่ามาทางนี้ แต่ไม่ใช่ค่ะ เพื่อความแน่ใจเลยลองถามเด็กนักเรียนน่ารัก 2 คนที่เดินตามหลังพวกเรามา เขาเอามือถือขึ้นมากด GPS ให้ทันทีเช่นกัน แล้วพยายามพูดภาษาอังกฤษว่าจะไปปราสาท Matsumoto ก็ให้เลี้ยซ้ายแยกหน้าเลยเพ่  อิอิ ล้อเล่น น้องเขาน่ารักมากเลย เพื่อนๆเห็นด้วยไหมคะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 21:44:16

ความคิดเห็นที่ 6 เดินกันไปคุยกันไปเรื่อง  เมมโมรี่กาโตะ หม่อมพิมพาก็พูดขึ้นมาว่าสงสัยจะเจ้ากรรมนายเวรตามลงมาจากภูเขา แต่ที่แน่ๆสงสัยจะเดินตามหลังพวกเรามาด้วยค่ะ เพราะเดินอยู่ดีๆหม่อมพิมพาก็เหยียบลงไปบนตะปูขึ้นสนิมทะลุพื้นรองเท้าบูธคู่เก่งของเธอ เลยต้องนั่งถอดรองเท้า ทำความสะอาดกันตรงนั้นค่ะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 21:46:18

ความคิดเห็นที่ 7 คุณหมอ x-file ก็ควักล่วมยา (medicine kit) ที่มียาครอบจักรวาลประจำบ้านที่แม่สอนสั่งว่าใช้ทาได้ทุกอย่างลูก ตั้งแต่ทาก่อนนอน แมลงสัตว์กัดต่อย ปวดหัว วิงเวียน คลื่นเหียนจะอาเจียนก็ใช้ได้ นั่นคือ vicks Vaporub หรือวิกส์ วาโปรับที่อิฉันเรียกว่าติดมาตั้งแต่เด็กๆ ไปไหนต้องมีติดกระเป๋าค่ะ (ไม่ได้ค่าโฆษณานะคะ) ถ้าจะให้ไปอดวิกส์ที่ถ้ำกระบอกก็คงไม่ได้ผล ขอถ่ายทอดไปถึงลูกหลานค่ะ อันนี้ก็น่าจะเรียกว่าเป็น tradition ของบ้านใครก็บ้านมันค่ะ บางบ้านก็ยาหม่องตราถ้วยทอง หรือตราลิงถือลูกท้อก็ไม่ว่ากัน แต่อิฉันแพ้ตราเสือค่ะ เคยทาถูทาถูแล้วได้ปื้นสีแดงคันคะเยอมาปื้นใหญ่ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 21:47:00

ความคิดเห็นที่ 8 ตามไปเที่ยวต่อครับ จากคุณ : numsiam เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 21:47:36

ความคิดเห็นที่ 9 ไหนๆก็พูดเรื่องแพ้ยาแล้วก็ขอแถมอีกเรื่องหนึ่ง อาจจะเอาไว้เป็นอุทาหรณ์สอนใจคนขี้แพ้ (ยา) อีกหลายๆคนว่าไม่ควรประมาทแบบ x-file ค่ะ จากทริปญี่ปุ่นเมื่อ 2 ปีที่แล้วหลังจากเที่ยวมาทั้งวัน ก่อนนอน x-file ก็จะกินยา   Arcoxia ก่อนนอนทุกวัน เนื่องจากเคยกินแล้วมันหายปวดเมื่อยเป็นปลิดทิ้ง แต่นั่นนานๆจะกินซักที แต่ทริปนี้ทุกวันวันละเม็ด7 วันติดกัน เล่าไปชมเมืองกันไปนะคะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 21:48:34

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ numsiam ขอบคุณที่แวะมาอยู่เป็นเพื่อนกันนะคะ พอวันที่ 3 หน้าตาเริ่มบวมก็ยังไม่เอะใจ คิดว่ากินเยอะแล้วอ้วน ก็กินได้เที่ยวได้ตะลอนๆจนถึงวันสุดท้าย เช้าวันที่ 7 จะกลับเมืองไทยรู้สึกว่ากางเกงคับมาก แถมนั่งงอเข่าก็ไม่ค่อยถนัด นั่งเครื่องกลับบ้านทรมานมาก ไม่มีอาการอื่นนอกจากหน้าบวม ตัวบวม จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 21:50:31

ความคิดเห็นที่ 11 ถึงเมืองไทยก็กินยาแก้แพ้แล้วก็นอนทั้งวัน รุ่งขึ้นไปทำงาน เจ้านายเห็นหน้าก็ไล่ให้ไปหาหมอ เพราะหน้าตาใกล้เคียงแป๊ะยิ้มเข้าไปทุกที จากที่คิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่พอขึ้นตาชั่งชั่งน้ำหนักเท่านั้นแหละ ก็รู้ทันทีว่าต้องมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เพราะน้ำหนักขึ้นมา 7 กิโลกรัม โอ้แม่เจ้า ไปเที่ยว 7 น้ำหนักขึ้น 7 กิโล เราเริ่มเจอซากุระแล้วนะคะ ปลูกอยู่ริมคลองค่ะ ขอพาเพื่อนๆชมซากุระหลากหลายสีสันไปพร้อมๆกันนะคะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 21:52:25

ความคิดเห็นที่ 12 คุณหมอซักประวัติว่าไปไหนมา  จับเอคโคหัวใจ เอ็กซ์เรย์ ทุกอย่างปกติหมด แถมดันไปบอกหมอว่าสงสัยจะแพ้โทนเนอร์เช็ดหน้า  พาให้คุณหมอหลงทางไปโน่น คุณหมอก็เลยขอให้นอนดูอาการก่อน 1 คืน จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 21:53:33

ความคิดเห็นที่ 13 ตกกลางคืนคุณพยาบาลก็มาคุยมาเช็คอีกว่ากินยาอะไรมาหรือเปล่า ก็บอกว่ากิน Arcoxia มา 7 วัน แค่ได้ยินชื่อยาคุณพยาบาลดีดนิ้ว ทันทีว่า แพ้ยาตัวนี้แน่ๆ เพราะเคยมีคนไข้แพ้ยาตัวนี้และมีอาการเหมือนกัน เท่านั้นแหละการรักษาที่ถูกทางก็เริ่มขึ้น โดยต้อง drain น้ำออกจากร่างกายให้มากที่สุด ได้มาหลายขวดลิตรเลยค่ะ น่าจะบอกหมอแต่แรก แต่หมอไม่ได้ถามเรื่องยาก็เลยไม่ได้บอกว่ากินยา จำไว้นะคะ ใครแพ้ยาอะไรก็ควรจะจดติดตัวไว้ x-file แพ้ยาจำพวกซัลฟา เพนนิซิลิน และยาหม่องตราเสือ ข้อมูลไม่ค่อยมีอะไร เพราะเดินชมเมือง Matsumoto ไปเรื่อยๆ เลยขอแว่บนอกเรื่องไปก่อนนะคะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 21:55:32

ความคิดเห็นที่ 14 ตอนนี้ต้องจดไว้เวลาไปโรงพยาบาลก็ต้องบอกให้หมอทราบว่าแพ้อะไรบ้าง หมดค่าบทเรียนไปหมื่นสอง ยิ่งกว่าไปนอนโรงแรมห้าดาวอีกค่ะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 21:56:21

ความคิดเห็นที่ 15 โห!นอกเรื่องไปไกลมาก  เข้าเรื่องดีกว่าค่ะหลังจากหมอ x-file ทาวิกส์ที่อุ้งเท้าให้หม่อมพิมพาเรียบร้อยก็พร้อมออกเดินทาง ที่ต้องดูแลเพราะเป็นหัวหน้าทัวร์ต้องดูแลลูกทัวร์ให้ทั่วถึงทั้งสองคน จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 21:57:08

ความคิดเห็นที่ 16 เราเดินมาเรื่อยๆก็เห็นป้ายบอกทางและแผนที่ท่องเที่ยวของ Matsumoto เราก็เลยเดินเดินตามทางในแผนที่มาก็พบบ้านเรือนสีขาวสะอาดตา บางหลังก็เป็นทรงที่สร้างเลียนแบบปราสาทด้วยนะคะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 21:57:45

ความคิดเห็นที่ 17 นอกจากกรุงโตเกียว.โอซาก้า, เกียวโต ยังมีอีกหลายๆเมืองในประเทศญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและ  และเป็นศูนย์กลางของการค้าและวัฒนธรรมอันเก่าแก่  หนึ่งในเมืองเหล่านี้ได้แก่ Matsumoto จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 21:58:42

ความคิดเห็นที่ 18 Matsumoto ตั้งอยู่ในจังหวัด Nagano บนเกาะฮอนชูซึ่งเป็นเกาะที่สำคัญของญี่ปุ่น เมืองปราสาทที่งดงามแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขา the Japan Alps ที่มีความสูงระดับ 3,000 เมตร และ Utsukushigahara ไฮ (หมายถึง "ที่ราบสูงที่สวยงาม") และยังมีน้ำพุร้อนในบริเวณเชิงเขา Azumino หุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าและสวนผลไม้ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 21:59:27

ความคิดเห็นที่ 19 สภาพแวดล้อมของ Matsumoto เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติและอากาศอันบริสุทธิ์บนยอดเขา เมืองนี้ยังคงรักษาสถานที่ทางประวัติศาสตร์และขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณเอาไว้อย่างเหนียวแน่น อันเป็นความภูมิใจของคนพื้นเมือง  ที่ Matsumoto แห่งนี้เราจะได้เดินเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อนบนถนนที่สะอาดและผู้คนเป็นมิตร (แต่ให้ระวังจักรยานด้วยนะคะ เพราะเขามีเลนส์จักรยานอยู่บนฟุตบาทด้วย) จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:03:22

ความคิดเห็นที่ 20 บ้านเรือนยังรักษาแบบโบราณไว้  ภูมิภาคนี้มีชื่อเสียงเรื่องแอปเปิ้ลอันแสนอร่อยและโซบะ (บะหมี่โซบะ) อีกทั้งยังเป็นบ้านเกิดของ Yayoi Kusama ศิลปินร่วมสมัยอีกด้วย จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:05:48

ความคิดเห็นที่ 21 พวกเราเดินจนมาถึงลำคลองสายเล็กๆ มีสะพานเดินข้ามไปสู่ศาลเจ้า Yohashira Jinja ว้าว!! ด้านล่างของแม่น้ำมีต้นดอกซากุระที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งมีทั้งสีขาว ชมพูอ่อน จนถึงชมพูเข้ม เห็นแล้วทุกคนก็กระดี๊กระด๊าลงไปถ่ายภาพกัน วันนี้ท้องฟ้าของ Matsumoto เป็นสีฟ้าอย่างที่เห็น เป็น Sunny Day อันสดใส  ระหว่างถ่ายภาพสองสาวก็แวะเข้าไปไหว้ศาลเจ้ากันเรียบร้อยแล้ว แต่อิฉันเห็นดอกไม้สวยๆไม่ได้ค่ะ วิญญาณผีแคนนอนเข้าสิง ไม่ออกง่ายๆ (เฮี้ยนมากๆ) ขอลงไปชื่นชมให้สมฤดีเสียก่อน จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:06:48

ความคิดเห็นที่ 22 ถ่ายเพลินจนดูนาฬิกาแล้วก็ได้เวลาต้องไปต่อที่ปราสาท Matsumoto กันแล้ว แต่ขอขึ้นไปสวดขอพร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้า Yohashira Jinja เสียก่อน ว่าแล้วก็เดินขึ้นไปที่ศาลเจ้า ปล่อยให้สองสาวถ่ายรูปริมแม่น้ำกันต่อ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:07:43

ความคิดเห็นที่ 23 การเข้ามาในศาลเจ้าของญี่ปุ่นจะมีธรรมเนียมปฏิบัติตามในรูปที่เขาติดไว้ให้นะคะ คือล้างมือ บ้วนปาก และล้างหน้า ก่อนจะเข้ามาในบริเวณศาลเจ้า ส่วนการไหว้ศาลเจ้าในประเทศญี่ปุ่นมีวิธีการคือ เริ่มจากการบริจาคโดยการโยนเหรียญลงในรางบริจาคที่อยู่ข้างหน้าแล้วดึงเชือกเส้นใหญ่ๆให้ตีกระดิ่งยักษ์ให้ดัง ดึงหลายๆครั้งก็ได้ จากนั้นก็พนมมือขึ้นภาวนาขอพร ตบมือ 2 ครั้งแล้วโค้งคำนับ เป็นอันเสร็จพิธี จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:08:18

ความคิดเห็นที่ 24 แต่ก็นั่นแหละค่ะ ก็คงจะเหมือนที่หม่อมพิมพาพูดไว้ว่า สงสัยเจ้ากรรมนายเวรจะเดินตามหลังมาด้วย ขณะที่กำลังสวดขอพรภาวนา ยังไม่ทันจบสิ้นกระบวนความ เสียงโครมใหญ่ๆก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ตกใจหันไปมอง มีขี้เมาปั่นจักรยานพุ่งเข้ามาชนบันไดทางขึ้นศาลเจ้าแบบไม่มีรอยเบรคเลยค่ะ จากในภาพ x-file กำลังยืนอยู่ท่าเดียวและจุดเดียวกับผู้หญิงในภาพเลยค่ะ  มีคุณลุงคุณป้าชาวญี่ปุ่นคู่หนึ่งยืนอยู่ข้างๆ ตาขี้เมาปั่นจักรยานเข้ามาในศาลเจ้าราวกับขี่รถซุปเปอร์ไบค์ยังไงอย่างงั้น แล้วพุ่งชนบันไดจนทั้งคนและรถกระเด็นไปคนละทิศละทาง ถ้าไม่มีบันได 4 ขั้นนั้น สงสัยมันต้องใช้กลางหลังของดิฉันเป็นที่เบรกแน่ๆ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:09:07

ความคิดเห็นที่ 25 เอ๊ะ! เมื่อกี้ฉันสวดมนต์ขอพรถึงไหนแล้วนะ กำลังจะสวดต่อ แต่อีตาขี้เมามันลุกขึ้นเซ แซ่ดๆ เซโรงังเดินขึ้นมาพร้อมกับล้วงกระเป๋ากำเงินเหรียญเต็มมือ ขว้าง เรียกว่าเขวี้ยงดีกว่าค่ะเข้าไปในศาลเจ้าแบบสุดแรงเกิด ทั้งสาวไทยและคุณลุงคุณป้ายืนอ้าปากค้าง ยังไม่จบค่ะมันดึงเชือกเขย่ากระดิ่งด้วยสองมืออย่างเมามัน พร้อมทั้งร้องตะโกนโหวกเหวก (ประหนึ่งจะขอพร) สงสัยจะทะเลาะกะเมียมาแน่ๆเลย ขอเดินเลี่ยงไปก่อนดีกว่า ทะเลาะกะขี้เมายังไงก็แพ้มันวันยังค่ำ แถมขี้เมาญี่ปุ่นอีกต่างหาก พาลจะพูดไม่รู้เรื่องจะไปกันใหญ่ ทั้งคุณลุงคุณป้าก็เดินเลี่ยงลงมาเหมือนกันปล่อยให้ตาขี้เมาตะโกนโหวกเหวกอยู่คนเดียว เออ มันคงจะได้บุญอยู่หรอกนะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:10:26

ความคิดเห็นที่ 26 เดินลงมาหาสองสาวที่กำลังถ่ายรูปกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย เฮ้ย! เมื่อกี้ฉันยังขอพรไม่จบเลยว่ะ ขวัญกระเจิงเลย เวรกรรม เอาวะเดินไปขอพรไปในใจก็ได้ ได้พรครึ่งค่อนก็ยังดี ว่าแล้วก็เดินกันต่อไปตามแผนที่แล้วเราก็พบกับปราสาท Matsumoto อันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเมืองนี้ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:11:55

ความคิดเห็นที่ 27 Matsumoto สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาลและละฤดูก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป Matsumoto ได้ชื่อว่าเป็นปลายทางที่สวยที่สุดของจังหวัด Nagano , ตลอดทั้งปี ในฤดูใบไม้ผลินักท่องเที่ยวก็สามารถชมดอกซากุระ ที่มีหลังคาสีดำของปราสาท Matsumoto ที่มีอายุราว 400 ปี กับฉากหลังอันสวยงามของภูเขาหิมะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:13:11

ความคิดเห็นที่ 28 ที่ปราสาท matsumoto เป็นจุดชมซากุระอันเป็นไฮไลท์เลยนะคะ ดังนั้นขอเอาภาพสวยๆของซากุระ ณ ปราสาท matsumoto มาให้ชมกันอย่างเต็มอิ่มเลยค่ะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:17:33

ความคิดเห็นที่ 29 ที่ Matsumoto จะทำให้คุณประหลาดใจเพราะที่นี่คุณจะไม่พบกับการจราจรที่ติดขัด ทั้งๆที่เป็นศูนย์รวมของประชากร ที่นี่เต็มไปด้วยพลังงาน เป็นศูนย์รวมตัวแทนของทั้งความเก่าแก่และความทันสมัย ที่นี่จะรวบรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็น โรงแรม แฟชั่นระดับสากล ร้านอาหาร งานฝีมือ ในวงการแฟชั่นระดับสากลเช่นเดียวกับงานฝีมือแบบดั้งเดิมที่ดีอยู่ที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนทั้งสิ่งที่เก่าแก่และความทันสมัย จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:19:20

ความคิดเห็นที่ 30 สถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นจุดเด่นของ Matsumoto ก็คือ ปราสาทมัตสึโมะโตะ (ญี่ปุ่น: 松本城 Matsumoto-jō มัตสึโมะโตะโจ ?) เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากกรุงโตเกียว จึงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างประเทศไปเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:20:12

ความคิดเห็นที่ 31 ปราสาทนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า ปราสาทอีกา เนื่องจากผนังปราสาทมีสีดำ และปีกด้านต่างๆของปราสาทแผ่กางออกเหมือนปีกนก เป็นตัวอย่างหนึ่งของปราสาทที่สร้างบนพื้นที่ราบ ไม่ใช่บนเนินเขาหรือกลางแม่น้ำ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:20:37

ความคิดเห็นที่ 32 ประวัติความเป็นมาของปราสาทย้อนหลังไปได้ถึงยุคสงคราม ในช่วงเวลานั้น กองทัพโองาซาวาระได้สร้างป้อมปราสาทขึ้นในบริเวณนี้ มีชื่อเรียกว่า ปราสาทฟุกะชิ ต่อมาป้อมปราสาทได้ถูกกองทัพทาเคดะยึดครองไปได้ และตกเป็นของโทะกุงะวะ อิเอะยะซุ ในเวลาต่อมา จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:21:30

ความคิดเห็นที่ 33 ต่อมาเมื่อโทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ ได้มีคำสั่งให้อิเอะยะซุย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ในภูมิภาคคันโต ก็ได้มอบปราสาทให้อิชิงะวะ โนะริมะสะ เป็นผู้ดูแลต่อ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:22:40

ความคิดเห็นที่ 34 โนริมะสะและยะสุนะงะ ผู้เป็นบุตรชาย ได้สร้างหอปราสาทและส่วนอื่นๆ ได้แก่ หอปราสาท 3 หลัง หอดอนจอน หอเล็กทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ อาคารที่พัก ประตูกลอง ประตูดำ คูปราสาท ปีกอาคารสามชั้น และชั้นย่อยๆในปราสาท ซึ่งทั้งหมดยังคงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน เชื่อกันว่าพื้นที่ปราสาทส่วนใหญ่แล้วสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อประมาณปี 1593-1594 จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:23:12

ความคิดเห็นที่ 35 ในปี พ.ศ. 2415 (ค.ศ. 1872) ซึ่งเป็นช่วงยุคการปฏิรูปเมจิ หอปราสาทถูกนำออกประมูลขายและกำลังจะถูกรื้อถอน จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:24:12

ความคิดเห็นที่ 36 แต่อิจิคาวะ เรียวโซ ได้ร่วมกับชาวเมืองมัตสึโมโตะช่วยกันรักษาปราสาทไว้ ประตูดำชั้นสองและกำแพงข้างประตูถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) และต่อมาประตูกลองรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:24:37

ความคิดเห็นที่ 37 ปัจจุบันปราสาทมัตสึโมโตะได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:25:35

ความคิดเห็นที่ 38 Beautiful Cherry Blossom @Matsumoto Castle, Japan จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:27:22

ความคิดเห็นที่ 40 Beautiful Cherry Blossom @Matsumoto Castle, Japan ชมภาพกันไปเรื่อยๆนะคะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:28:43

ความคิดเห็นที่ 41 Matsumoto Castle, Japan จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:29:07

ความคิดเห็นที่ 42 Beautiful Cherry Blossom @Matsumoto Castle, Japan จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:29:24

ความคิดเห็นที่ 44 Matsumoto Castle, Japan จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:30:12

ความคิดเห็นที่ 45 Beautiful Cherry Blossom @Matsumoto Castle, Japan จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:30:43

ความคิดเห็นที่ 46 Matsumoto Castle, Japan จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:31:19

ความคิดเห็นที่ 47 Beautiful Cherry Blossom @Matsumoto Castle, Japan จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:31:51

ความคิดเห็นที่ 49 Matsumoto Castle, Japan จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:32:48

ความคิดเห็นที่ 50 @Matsumoto Castle, Japan จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:33:19

ความคิดเห็นที่ 51 Beautiful Cherry Blossom @Matsumoto Castle, Japan จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:33:47

ความคิดเห็นที่ 52 @Matsumoto Castle, Japan จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:34:24

ความคิดเห็นที่ 53 Matsumoto Castle, Japan จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:34:53

ความคิดเห็นที่ 54 มีเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษา และมานั่งวาดรูปกันด้วย น่ารักมากๆ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:36:59

ความคิดเห็นที่ 55 เวลาถ่ายรูปกับคนญี่ปุ่นแบบนับ 123 ก็ต้องพูดว่า ไฮ จี่ จึ๊ รับรองยิ้มแฉ่งกันทุกคน จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:40:25

ความคิดเห็นที่ 56 หลังจากเราเดินเที่ยวชมปราสาทมัตสึโมโตะจนได้เวลาพอสมควรแล้ว เราก็เดินออกอีกทางเพื่อกลับไปยังสถานี Matsumoto จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:53:21

ความคิดเห็นที่ 57 เจอน้ำพุระหว่างทาง เป้นเพื่อนๆจะกล้าดื่มไหมคะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:54:23

ความคิดเห็นที่ 58 เราแวะไปที่ Lost & Found พบก็พบเจ้าหน้าที่แค่บอกว่าเมมโมรี่กาโตะ เขาก็ยิ้มเลยค่ะเพราะคุณลุง Miyasaka  คงจะฝากเรื่องไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เขาเลยเขียนในกระดาษเป็นภาษาญี่ปุ่นเราเอาไปยื่นรับเมมโมรี่กาโตะที่ Nagano Station หลังจากนั้นพวกเราก็นั่ง  JR Shinonoi Line จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:55:34

ความคิดเห็นที่ 59 ใช้เวลาชมวิวสวยๆระหว่างทางของ Matsumoto เมืองในหุบเขาอันสวยงาม จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:56:17

ความคิดเห็นที่ 60 Matsumoto Japan จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:56:56

ความคิดเห็นที่ 61 วิวอลังการจริงๆ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:57:27

ความคิดเห็นที่ 62 รถขบวนนี้เป็นรถขบวนเดียวกันกับที่เราทำ เมมโมรี่การ์ดตกลงไปในรูหรือช่องที่เป็นช่องฮีทเตอร์สำหรับอุ่นขาในฤดูหนาว โชคดีนะคะที่ฮีทเตอร์ไม่ได้เปิด ไม่งั้นคงละลายไปแล้ว เก้าอี้ตัวนี้แบบเดียวกับที่เกิดเหตุเลยค่ะ ขอทำแผนกันผ่านหน้าจอให้ดูกันเลยนะคะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 22:58:15

ความคิดเห็นที่ 63 จากคราวก่อนพูดถึงเรื่องรองเท้าหรือเกิบ (คำเมืองหรือภาษาเหนือ แปลว่ารองเท้า) พวกเราสนทนากันเป็นคำเมืองหรือภาษาเหนืออันไพเราะของพวกเราค่ะ  อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนแรก x-file จะมีปัญหากับรองเท้าตั้งแต่วันแรกที่มาถึงคือพื้นรองเท้ารั่วแล้วน้ำซึมเข้ารองเท้าเปียกชุ่มถุงเท้า แถมอากาศก็หนาวต้องเดินเข้าบ้านคุณน้าอีกหลายนาทีกว่าจะถึง จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:04:47

ความคิดเห็นที่ 64 และเช้ามาก็ต้องใส่ไปลุยฝนที่ Kawaguchiko กะจะใช้ลุยฝนและหิมะคู่เดียวตลอดทริป แต่คงใช้งานมันหนักเกินไป เพราะปีที่แล้วสอยมาจากเมียงดงที่เกาหลีก็ใส่ลุยหิมะมารอบหนึ่ง รอบที่สองไปลุยเกาะเชจู อีกในปีเดียวกัน พื้นมันไม่ทนแบบศรี มันเลยประชดด้วยการปล่อยให้น้ำเข้าให้เดินเป็นเท้าอุ่นตีนเย็นซะเลย ตัดใจทิ้งถังขยะที่ K House  Kawaguchiko ไม่รู้จะทำให้เขาเดือดร้อนหรือเปล่าเพราะคู่เดียว เต็มถังขยะเขาเลยค่ะ อิอิ พวกเราเลยช็อปรองเท้ากันฝนกันคนละคู่ ใส่ลุยมา 3 วันแล้ว แต่คุณเพื่อนสองคนเธอจัดเต็ม แบกเกิบมาคนละสองคู่ เสื้อผ้าหน้าผมเต็มที่ เพราะเธอเกิดมาอยู่หน้ากล้องค่ะ ตอนนี้พวกเรากำลังจะเข้ากทม. เอ้ย! เข้าโตเกียว แต่รองเท้าของเธอไม่รับกับใบหน้าเอาเสียเลย เหมือนเพิ่งไปรับจ้างเก็บสตรอเบอรี่ที่คาวากูชิโกะมา ดูเซาะกราวน์เอามากๆ ดูซิคะคุณเพื่อนอยู่ๆก็ทำให้เสียเซลฟ์ซะแล้ว สงสัยถึงโตเกียวแล้วคงต้องไปหารองเท้าที่มันดูดีมีชาติตระกูลอีกซักคู่ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:05:53

ความคิดเห็นที่ 65 ใช้เวลา 1 ชั่วโมงเราก็มาถึงสถานี Nagano เอากระดาษที่เจ้าหน้าที่จาก Matsumoto ยื่นให้เจ้าหน้าที่ Lost & Found เขาก็จัดการเอาเมมโมรี่กาโตะสุดที่รักใส่ซองสีขาวมาให้และขอ Xerox passport ไว้เป็นหลักฐาน ขอขอบคุณทุกๆท่านที่มีส่วนร่วมในการตามหาเมมโมรี่กาโตะอันนี้ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ พวกเราซื้ออาหารกล่องจากสถานี Nagano เพื่อขึ้นไปทานบนรถไฟกันค่ะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:07:28

ความคิดเห็นที่ 66 สถานีรถไฟ Nagano จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:08:32

ความคิดเห็นที่ 67 จากนั้นเวลา 14.46  น. SHINKANSEN ASAMA 526 ก็ทะยานดุจลูกกระสุนปืนพาเรามุ่งสู่โตเกียว จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:10:03

ความคิดเห็นที่ 68 หม่อมพิมพาได้ขึ้น Shinkansen เป็นครั้งแรกและวันนี้ก็ได้ชมและถ่ายภาพซากุระอย่างเต็มที่ คุ้มค่ะคุ้มมากทริปนี้ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:11:37

ความคิดเห็นที่ 69 และก่อนจะถึงโตเกียว เราก็ได้พบแม่นางฟูจิซังโดยบังเอิญ ถึงจะไม่เห็นเต็มๆก็ยังดีกว่าที่ Kawaguchiko ในวันที่สองของการเดินทางที่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:12:30

ความคิดเห็นที่ 70 เมื่อไม่ได้เป็นไปตามแผนไว้แต่แรก พวกเราเลยตกลงกันว่าจะไปเที่ยว วัดเซ็นโซจิ (SENSOJI) แถว Asakusa เพราะคุณ Dtom เธอบอกว่าเธอเคยมาแล้ว แต่หวังเรื่องทิศเรื่องทางกับคุณนายเธอไม่ได้ค่ะ พาลจะพาหลงทิศหลงทางอยู่เรื่อย เราวางแผนกันใหม่ว่าจะลงที่สถานี UENO เอากระเป๋าฝากตู้ไว้แล้วก็ค่อยนั่ง Subway ไป ASAKUSA จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:17:04

ความคิดเห็นที่ 71 นั่ง Subway  จากUENO สาย Tokyo Metro Ginza Line ใช้เวลา 5 นาที ค่ารถ 160 เยน ไป ASAKUSA  ทริปนี้เป็นทริปเฉพาะหน้าไม่ได้อยู่ในแผนการเดินทางตั้งแต่แรกเลยติดขัดเล็กน้อย แต่เราก็มาถึง Asakusa จนได้ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:18:10

ความคิดเห็นที่ 72 คนญี่ปุ่นออกเสียงว่า อาซักสะค่ะ ไปถึงก็เดินจงกรมกันอีก 1 รอบเพราะเดินตามคุณ Dtom ที่จริงเดินออกมาเลี้ยวขวาก็ถึงวัดเลย แต่เพื่อนคงอยากจะพาเดินชมวิวก่อน 555 จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:19:21

ความคิดเห็นที่ 73 เราแวะซื้อไอศกรีมอิตาเลียนน่าตาน่ากินกันคนละโคนแล้วก็เดินกินกัน สังเกตเห็นคนญี่ปุ่นคนอื่นๆเขายืนกินกันตรงหน้าร้าน กินให้เสร็จแล้วถึงจะเดินออกไป จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:20:30

ความคิดเห็นที่ 74 ดังนั้นเราถึงได้เรียนรู้อีกอย่างหนึ่งว่า ถ้าซื้ออะไรแล้วต้องกินให้เสร็จก่อน อย่าเดินกิน เพราะเราเดินไปกินไป ดูร้านรองเท้าเขายังไม่ให้เข้าร้านเลยค่ะ บอกว่าห้ามกินของในร้าน คงจะกลัวเราไปทำเปรอะเปื้อน ดังนั้นจำไว้นะคะ ซื้อแล้วทานตรงนั้นให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเดิน Confirm ได้ค่ะ เพราะเราเข้าไปใน Nakamise Street เห็นร้านขายอาหาร เขามีป้ายข้อความภาษาอังกฤษติดไว้เลยว่า ซื้อแล้วกรุณายืนทานตรงหน้าร้านให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปค่ะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:22:40

ความคิดเห็นที่ 75 Nakamise Street  เป็นถนนสายเล็กๆยาว 200 เมตร ที่ทอดตรงไปยังวัด Senso-ji Temple และมีการเชื่อมต่อระหว่างประตูด้านนอก, Kaminari และประตูหลักของวัด Nakamise เป็นถนนมีการกล่าวถึงมาในช่วงศตวรรษที่ 18 ที่นี่มีร้านค้ามากกว่า 150 ร้าน จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:24:15

ความคิดเห็นที่ 76 ถนน Nakamise และถนนตัดใหม่ที่เรียกว่า Shin-Nakamise ร้านค้าเหล่านี้ประกอบด้วยร้านขายของที่ระลึก ร้านขายเสื้อผ้า อาหารพื้นเมือง และขนมอันเลื่องชื่อได้แก่ ขนม Kaminari-okoshi, Ningyo-Yaki และ Teki senbei จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:26:47

ความคิดเห็นที่ 77 ชิมไปไม่ได้บ่นไปนะคะ เพราะอร่อยทุกอย่าง จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:28:16

ความคิดเห็นที่ 78 เห็นวันรุ่นญี่ปุ่น เมื่อเทียบกับวัยรุ่นเกาหลีแล้ว น่ารักกันไปคนละแบบ ท่าถ่ายรูปของเด็กญี่ปุ่นจะชูสองนิ้ว ส่วนวัยรุ่นเกาหลีจะเป็นท่าซารังเฮโย  ตอนไปเที่ยวเชจูเมื่อตุลาคมปี่ที่แล้ว x-file เดินตามหลังกลุ่มเด็กนักเรียนชายที่มาทัศนศึกษาที่เกาะเชจู และกำลังจะบินกลับโซล มีคนหนึ่งในกลุ่มทำ Boarding Pass ปลิวหล่นโดยไม่รู้ตัว x-file เก็บได้ก็รีบวิ่งตามเอาไปให้ จากนั้นก็เดินเพื่อจะไปขึ้นเครื่อง อยู่ๆมีหนุ่มเกาหลีวิ่งมายืนตรงหน้าทำท่าซารังเฮโย เป็นที่เฮฮาของเพื่อนๆเลยค่ะ เจ้าของ  Boarding Pass  วิ่งมาขอบคุณด้วยท่าซารังเฮโย จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:35:14

ความคิดเห็นที่ 79 วัดเซ็นโซจิ (SENSOJI) หรือที่เรียกกันว่าวัดอาซากุสะ (ASAKUSA TEMPLE) เพราะที่ตั้งอยู่ในย่านอาซากุสะ ซึ่งวัดนี้เป็นวัดเก่าและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 628-645 จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:36:41

ความคิดเห็นที่ 80 วัดนี้มีตำนานเล่าขานกันว่า มีสองพี่น้องตระกูล ฮิโนะคูมะ (HINOKUMA)ผู้มีอาชีพหาปลา ณ วันหนึ่งได้มาหาปลาที่แม่น้ำสุมิดะ แล้วได้เหวี่ยงแหพบกับ เทวรูปคันนง จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:37:15

ความคิดเห็นที่ 81 ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตาเข้าโดยบังเอิญ  และแม้ว่าคนทั้งคู่จะนำรูปปั้นนี้กลับไปคืนแม่น้ำอีกสักกี่ครั้ง ก็จะมีเหตุให้รูปปั้นกลับมาอยู่ในมือของคนทั้งสองเสมอ ดังนั้น ด้วยความศรัทธาของสองพี่น้องและชาวบ้านของ หมู่บ้านละแวกนั้น จึงได้อัญเชิญเทวรูปคันนงประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:37:55

ความคิดเห็นที่ 82 จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ โคมแดงขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ที่บริเวณ ประตูคามินาริมง (Kaminarimon) (ประตูสายฟ้าฟาด) สร้างในปี 1960 ทั้งสองข้างของโคมแดงจะเป็นรูปปั้นของ 2 เทวบาลผู้รักษาประตู ได้แก่ ฟูจิน (FUJIN)เจ้าแห่งสายลม ส่วนด้านซ้าย คือ ไรจิน (RAIJIN) เจ้าแห่งอสุนีบาต รูปองค์สีแดง  มีกลองเป็นเครื่องมือในการทำให้ฟ้าแลบและฟ้าผ่า จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:39:09

ความคิดเห็นที่ 83 วัดเซ็นโซจิ (SENSOJI) จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:40:09

ความคิดเห็นที่ 84 Sensoji Asakusa Kannon Temple จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:41:09

ความคิดเห็นที่ 85 ขอไปเที่ยวด้วยคนค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ^^ จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:41:29

ความคิดเห็นที่ 86 วัดเซ็นโซจิ (SENSOJI จากตรงนี้มองเห็น Tokyo Sky Tree ด้วยค่ะ เดี๋ยวเราจะพาไปเดินแหงนมองอยู่ใต้หอก่อนใครๆเลยค่ะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:42:55

ความคิดเห็นที่ 87 คุณเด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนยามดึกนะคะ ซากุระสีหวานๆที่วัดอาซากุสะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:44:39

ความคิดเห็นที่ 88 ดอกไม้สวยๆก็มีนะคะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:45:17

ความคิดเห็นที่ 89 เบื้องหลังของยายกล้อง บางครั้งก็ต้องเป็นตากล้องจำเป็นให้คนอื่นๆ ครอบครัวนี้เป็นคนไทยน่ารักมากค่ะ คุณพ่อยังจ๊าบอยู่เลย ลูกชายโตเป็นหนุ่มน้อยกันแล้วพูดจาไพเราะสุภาพมากๆ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:51:51

ความคิดเห็นที่ 90 ขอพามาชมห้องน้ำของวัดด้วยนะคะ สะอาดสะอ้านสวยงาม จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 55 23:57:11

ความคิดเห็นที่ 91 เดินออกมาอีกทางเพื่อจะไปแม่น้ำแม่น้ำสุมิดะ พบหนูน้อยลูกค่อน พ่อเป็นลูกครึ่ง แม่เป็นญี่ปุ่น หน้าตาเลยออกมาเป็นลูกค่อน ขอแวะหลอกเด็กก่อนนะคะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 00:00:00

ความคิดเห็นที่ 92 Nakamise Street  ตอนนี้เริ่มมืดแล้วค่ะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 00:01:28